Friday, 3 May 2024
พลังประชารัฐ

'เสี่ยเฮ้ง' ยื่นลาออกกรรมบริหาร พปชร. ชี้!! 'มีภารกิจ-เหตุผล' ที่ต้องกับลุงตู่

‘สุชาติ’ กราบลา ‘บิ๊กป้อม’ ร่อนใบลาออกจาก ‘กก.บห.พลังประชารัฐ’ แล้ว หลังเตรียมซบ ‘รทสช.’

(29 พ.ย. 65) ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐว่า เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ส.ส.ชลบุรี ในฐานะผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นคณะกรรมการบริหารพรรคแล้ว และทางพรรคได้แจ้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้พ้นจากการเป็นผู้อำนวยการพรรค 

โดยการลาออกจากกก.บห.พรรคของนายสุชาติ หลังมีกระแสข่าวจะไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รสทช.) และหลังจากโพสต์เฟซบุ๊ก “นักเลงเมืองชล ลุงตู่ ปกป้องดูแล ผมมาตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ปี จะทิ้งลุงตู่ไปคนเดียว ผมจะเอาหน้ากลับมาบ้านได้อย่างไร เสียชื่อคนชลบุรีหมดสิครับ”

ชาวเน็ตเชียร์ 'ณัฐวุฒิ' อย่าหยุดคุ้ยปม 'ตู้ห่าว' หลังโบ้ยโยง พปชร. แต่กลับสะเทือนถึงเพื่อไทย

(2 ธ.ค. 65) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ ‘ปรับครม.ของพี่คนน้องคน ประชาชนไม่ได้อะไร?’ โดยมีเนื้อหาระบุว่า...

สังคมไทยวันนี้กำลังติดตามจับตาความเป็นไปของ 2 เครือข่าย 1) เครือข่าย “ตู้ห่าว” 2) เครือข่าย “ตู้ห่าว”
เอาที่ “ตู้ห่าว” ก่อน ชายคนนี้เป็นคนสัญชาติจีน เข้ามาทำมาหากินมีครอบครัวในประเทศไทย ถ้าโปร่งใสตรงไปตรงมาไม่ว่ากันนะครับ แต่นี่เข้ามาทำธุรกิจใต้ดินกลิ่นไม่ดี มีพิรุธ และกำลังถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอยู่ในเวลานี้ เรื่องมันแดงขึ้นมาสาวไส้ออกมาก็ยิ่งเห็นภาพชัดว่ามันมีเครือข่ายอิทธิพลนอกระบบใหญ่โต ซึ่งขบวนการทุนข้ามชาตินอกระบบพวกนี้เข้ามาเดินยืดอยู่ในประเทศไทยได้มันมีเหตุผลเดียวเท่านั้นแหละครับ เขาต้องมีสัมพันธภาพที่ดีกับผู้มีอำนาจทางการเมืองและเครือข่ายกลไกรัฐ ซึ่งเครื่องมือเดียวที่จะทำให้สัมพันธภาพนี้ดีขึ้นมาได้ก็คือผลประโยชน์เป็นเม็ดเงิน

เฉพาะ “ตู้ห่าว” เครือข่ายเดียว มีการตรวจค้นมีการเจาะลึกทำให้คนไทยทั้งประเทศตกตะลึงว่า 8 ปีที่ผ่านมาของพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งบอกว่าเป็นรัฐบาลคนดี เข้ามาปฏิรูปประเทศ จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด แล้วบ้านเมืองมาถึงวันนี้ได้ยังไง?

นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ล่ะครับ เพราะตลอดเวลา 8 ปีที่ผ่านมา เรายังนับไม่ถูกเลยว่าเครือข่ายใต้ดินพวกนี้เข้ามาแล้วสร้างความเสียหายให้กับประเทศไปแล้วขนาดไหน? ยาเสพติดเต็มบ้านเต็มเมืองทุกตรอกซอกซอย แต่คนพวกนี้กำลังยืนอยู่ในจุดบนสุดของสังคม มีเงินมีทองจับจ่ายใช้สอยได้ตามอำเภอใจ

พูดถึงเรื่องนี้ก็นึกถึงภาพย้อนหลังไปเราจะเห็นว่า “ตู้ห่าว” คนนี้ นอกจากทำมาหากินสีเทาใต้ดินแล้ว ยังเข้าไปเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการให้พรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้บริจาคเงินเข้าบัญชี มีหลักฐานในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เฉพาะที่มีหลักฐานก็สามล้านนะครับ แล้วใครจะกล้าฟันธงมั้ยว่าไม่มีการให้กันนอกระบบ ไม่มีการเติมเงินให้พรรคการเมืองนี้เอาไปใช้จ่ายในสนามเลือกตั้ง

นี่ไงครับ! คนพวกนี้ถึงเข้ามาก่อการอยู่ในประเทศไทยได้ แล้วพอพลังประชารัฐเป็นรัฐบาลมาสามปีกว่าๆ ที่เพิ่งด่ากันจบไปหยก ๆ ไงครับ กรณีรัฐบาลจะแก้ประกาศกระทรวงมหาดไทยให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนได้ 1 ล้านดอลลาร์ แล้วซื้อที่ดินได้ 1 ไร่ ถ้าผ่านไปบังคับใช้ ใครครับจะมาก่อน? ก็คนพวกนี้ไงครับ ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม หมู่บ้านหรูๆ หลายแห่งในกรุงเทพมหานคร ราคา 30 ล้าน 60 ล้าน 100 ล้าน คนพวกนี้ยกโขยงกันมาซื้อยกโครงการ ที่ซอยลาซาล หมู่บ้านมี 66 หลัง เครือข่าย “ตู้ห่าว” และพวก ซื้อไปแล้ว 50 หลัง โดยนอมินีเป็นคนไทย คอนโดบางแห่งซื้อยกชั้น ยกสองชั้น ยกสามชั้น บ้านเดียวบางหลังราคา 100 ล้าน ใช้นอมินีคนไทยไปเป็นผู้ซื้อ

นี่ถ้าชาวบ้านไม่ช่วยกันด่า เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเครือข่ายทุนสีเทานอกระบบเหล่านี้จะครอบครองเป็นเจ้าของที่ดินผืนใหญ่ในประเทศไทยไว้มากมาย ก็ให้นอมินีคนไทยซื้อต่อๆ กัน คนละไร่ๆ 50 ไร่ 100 ไร่ เขาทำได้!

คนในรัฐบาลชุดนี้นอกจากจะกินเงินสกปรกจากขบวนการสกปรกแล้ว ส่อว่าคิดถึงขั้นจะขายแผ่นดินให้กับพวกใต้ดินด้วย!!!

ไหนล่ะครับการปฏิรูป? ไหนล่ะครับการบังคับใช้กฎหมาย?

พล.อ.ประยุทธ์ จะอ้างว่าก็กำลังปราบอยู่นี่ไม่ได้นะครับ ท่านมีอำนาจมา 8 ปี เฉพาะรัฐบาลนี้ก็อยู่มา3 ปีกว่า ๆ เรื่องเพิ่งเข้าหูเข้าตาเอาวันนี้เหรอครับ? เพิ่งคิดจะตาม คิดจะจับเอาวันนี้เหรอครับ?

นี่คนยังมองกันอยู่เลยว่าส่วนหนึ่งน่ะ เป็นเกมการเมือง ท่านต้องการจะเด็ดปีกเด็ดหางผู้ช่วยสำคัญคนหนึ่งของพล.อ.ประวิตร ใช่หรือไม่? และนั่นหมายความว่า ถ้าไม่มีความขัดแย้งกันทางการเมือง คนพวกนี้ก็ยังคงจะขยายอิทธิพลต่อไปเรื่อย ๆ หรือยังไง?

8 ปีแล้วนะครับที่ลูกๆ หลานๆ หลายคนที่คิดต่างเห็นไม่ตรงกับฝ่ายผู้มีอำนาจต้องพาตัวหลบภัยไปใช้ชีวิตต่างแดน ในทางกลับกัน ขบวนการทุนข้ามชาติพวกนี้ทำอีลุ่ยฉุยแฉกไว้ที่ไหนก็ตาม กลับเข้ามาเดินอย่างสง่างามในประเทศไทย มันหมายความว่ายังไงครับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ท่านกำลังทำงานกันอย่างเข้มข้น ถ้าโปร่งใสตรงไปตรงมา ท่านเดินหน้าไปเลยนะครับ ประชาชนเขาเอาใจช่วย เขาให้กำลังใจ

อีกเครือข่ายหนึ่งก็ “ตู่หาว” หมายถึงคนชื่อ “ตู่” ผู้มีอำนาจบาตรใหญ่เวลานี้คงกำลังนั่งหาวล่ะครับ เพราะทำยังไงคะแนนนิยมก็ไม่กระเตื้องขึ้นซะที จัดเอเปคก็แล้ว กระแสก็ยังตกต่ำอยู่อย่างเก่า ยิ่งต้องแยกตัวออกจากพล.อ.ประวิตร มาเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ แทนที่ผู้เห็นเหตุการณ์จะวิจารณ์ว่านี่คือการแตกมาเพื่อโต กลับกลายเป็นว่าใครก็ตามที่พูดเรื่องนี้ฟันธงตรงกัน 100% ว่ายิ่งแยกตัวจะยิ่งเล็กลง แบบนี้ “ตู่” จะไม่หาวได้ยังไงกันล่ะครับ

ส่วนคำถามที่ว่าเมื่อไหร่ พล.อ.ประยุทธ์ จะสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ในทัศนะผม ถ้าพอมีสำนึกยางอายอยู่บ้าง จะไม่เห็นการสมัครเป็นสมาชิกจนกว่าจะยุบสภา แต่ก็ไม่แน่นะครับ เห็นเนติบริกร ดร.วิษณุ แกตีไพ่ให้รายวันอยู่เหมือนกัน บอกว่าแม้ว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ จากพลังประชารัฐ ก็สามารถสมัครสมาชิกรวมไทยสร้างชาติได้ ไม่ผิดกฎหมาย นี่พูดอีกก็ถูกอีกล่ะครับ กฎหมายมันไม่ได้เขียนห้าม แต่ถามว่ามนุษย์มนาธรรมดาเขาจะคิดทำกันแบบนี้มั้ย? ก็ตัวคุณเป็นแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคพลังประชารัฐ หมายความว่าได้ตำแหน่งนี้มาจากประชาชนที่เลือกพลังประชารัฐ แล้วส.ส.พลังประชารัฐยกมือให้ อยู่ 3 ปีกว่า ไม่คิดจะสมัครเป็นสมาชิก วันดีคืนดีไปสมัครสมาชิกพรรคอื่นซะอย่างนั้น แบบนี้จะเดินลอยหน้าลอยตาอยู่ได้ยังไง? ไอ้กฎหมายน่ะไม่ผิด จะไปเทียบกับคุณหญิงสุดารัตน์กับผู้ว่าฯ ชัชชาติ ไม่ได้ล่ะครับ เพราะว่าสองคนนั้นแม้ว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย แต่วันนี้เดินออกจากพรรคไปไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมืองใดๆ จากคะแนนเสียงหรือส.ส.ของพรรค ต่างกับพล.อ.ประยุทธ์

ใครที่คิดว่าจะทำได้แบบที่ ดร.วิษณุ อธิบาย ไม่ใช่แค่แม่นกฎหมายนะครับ ต้องหน้าด้านด้วยถึงจะทำ!!!

ส่วนสถานการณ์การเมืองหลังจากนี้ก็คงเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งแล้วล่ะครับ เพราะล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกฎหมายลูก 2 ฉบับ ผ่านฉลุย! เชื่อว่าไม่น่าจะมีเกมพิสดารใดๆ จะขัดขวางหรือล้มการเลือกตั้งได้ ทุกพรรคเขาก็ขยับตัวไปสู่สนามเลือกตั้งแบบเดียวกันนะครับ รัฐบาลเพิ่งปรับคณะรัฐมนตรี มีรัฐมนตรีใหม่ขึ้นมา 3 คน เห็น 3 รายชื่อนี้ทำให้วิเคราะห์ได้ว่า นี่คือสัญญาณที่แม้ 2ป จะแยกทางกันไปกันคนละพรรค แต่สุดทางหลังการเลือกตั้งสามารถจะกลับมาจับมือกันได้ตลอดเวลา เพราะ 3 รายชื่อรัฐมนตรีหน้าใหม่คือการประนีประนอมกันของอำนาจ

‘สุทิน’ เย้ย ‘มิ่งขวัญ’ หากขายได้คงไม่ย้ายพรรค ชี้!! คนเก่งแต่อยู่ผิดที่ ก็หมดค่า หมดราคา

(7 ธ.ค. 65) เวลา 9.30 น. นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดตัว นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ว่า ตนคิดว่าคนคนเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาคนกลุ่มความคิดเดิม ๆ ได้ และคนที่เข้าไปอาจจะเสียด้วย วัฒนธรรมองค์กรเป็นเรื่องใหญ่ คนเก่งขนาดไหนหากไปอยู่ในวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ใช่ ก็จะลดทอนความสามารถของคนลง หากวัฒนธรรมองค์กรดี ๆ ถึงคนจะไม่เก่งเข้าไปอยู่ก็จะส่งเสริมทำให้คนเก่งขึ้น

เมื่อถามว่า นายมิ่งขวัญยังสามารถขายได้ในสนามเลือกตั้งหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า นายมิ่งขวัญตั้งพรรคเองมา 2 ครั้ง หากเขาคิดว่าตัวเขาเองขายได้ ก็คงไม่ย้ายไปพรรคอื่น

'ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย' เปิดศึกนครศรีธรรมราช ฟาก 'พปชร.' หวั่น!! รทสช.แย่งแชร์ หลังบิ๊กตู่ซบ

นาทีนี้ คงต้องมาเป่านกหวีดเช็คความพร้อม สนามเลือกตั้งเมืองคอนกันสักเล็กน้อย หลังจากสนามนี้ 'ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย' พร้อมเปิดศึกกันเต็มอัตรา ส่วน พลังประชารัฐ อาจจะอ้อแอ้ เมื่อลุงตู่มาร่วมทัพรวมไทยสร้างชาติ จนทำให้พรรคคึกคักขึ้น

ย้อนความไปเมื่อพลันที่พรรคภูมิใจไทย เปิดตัว 8 ผู้สมัครนครศรีธรรมราช พร้อมประกาศลั่นพร้อมสู้ทั้ง 9 เขต หวังปักธงอย่างน้อย 3 เขต ทำให้ต้องมาเช็กสนามกันอีกรอบ เพื่อสำรวจความพร้อมของแต่ละพรรค    

เพราะนาทีนี้ "นครศรีธรรมราชไม่เงียบนะ" เป็นคำตอบยืนยันมาจาก 'แทน-ชัยชนะ เดชเดโช' ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ รองเลขาธิการพรรค ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวผู้สมัครไปแล้ว 8 เขตเช่นกัน

8 คนที่ประชาธิปัตย์ได้ตัวผู้สมัครแล้วนั้นเป็นทั้งคนหน้าเก่าและหน้าใหม่ ได้แก่…

- นายราชิต สุดพุ่ม อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี

- นายพิทักษ์เดช เดชเดโช ที่ปรึกษารมช.พาณิชย์

- น.ส.อวยพรศรี เชาวลิต สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครศรีธรรมราช 3 สมัย

- ว่าที่ร.ท.ยุทธการ รัตนมาศ อดีตรองนายกอบจ.นครศรีธรรมราช

- นายประกอบ รัตนพันธ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช 5 สมัย

- นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช 9 สมัย และอดีตรมช.ศึกษาธิการ

- นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์

- น.ส.ปุณณ์สิริ บุณยเกียรติ บุตรสาวของนายชินวรณ์ และเป็นนักวิทยาศาสตร์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ

โซนหัวไทร, ชะอวด, เชียรใหญ่ ทำโพลเสร็จพบ  'ยุทธการ' ชนะ 'พงศ์สิน เสนพงศ์' น้องชายของเทพไท เสนพงษ์ โดย ยุทธการ รัตนมาศ เป็นอดีตรองนายกฯ อบจ.นครศรีธรรมราช, นายกสมาคมกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช ขึ้นป้ายแนะนำตัวเต็มเขตเลือกตั้งแล้ว ส่วนพงศ์สินเคยลงสมัครเมื่อครั้งเลือกตั้งซ่อม เขต 3 ซึ่งก็คือพื้นที่โซนนี้แหละ แต่แพ้ให้กับอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ จากพรรคพลังประชารัฐ เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ไม่ส่ง ก็จำเป็นต้องหาที่ยืนใหม่ สุดท้ายก็ไปลงที่รวมไทยสร้างชาติ

ไม่ว่าจะเป็นพงศ์สิน หรือยุทธการ ในมุมมองของ #นายหัวไทร เชื่อว่า มีฐานเสียงเดียวกัน คือโซนชะอวด ฐานเสียงโซนหัวไทรจะเบาบางทั้งคู่

"เรามีวิธีในการเรียกคะแนนจากประชาชน ขอให้สนามเลือกตั้งเปิดก่อน" เป็นคำยืนยันจาก 'ชัยชนะ'

'แทน-ชัยชนะ' ยังเชื่อมั่นอีกว่า เลือกตั้งครั้งหน้าที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนพรรคประชาธิปัตย์จะชนะยกจังหวัด 9 ที่นั่ง ส่วน 'ภูมิใจไทย' คงสู้เต็มที่ทุกเขต แต่หากยืนอยู่บนความเป็นจริง ขอส่วนแบ่งไม่น้อยกว่า 3 เขต

การที่ภูมิใจไทย หวัง 3 เขต แปลความได้ว่าจะต้องไปแบ่งมาจากประชาธิปัตย์ และพลังประชารัฐ เพราะภูมิใจไทยไม่มี ส.ส.นครศรีธรรมราชมาก่อน เหลืออีก 6 เขต ประชาธิปัตย์กับพลังประชารัฐก็ต้องไปสู้ส่วนแบ่งกัน ซึ่งดูจากเนื้อผ้าแล้ว เชื่อว่าพลังประชารัฐจะได้น้อยกว่าเดิม เพราะ 'สายัณห์ ยุติธรรม' ไปกับลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ชัดเจนแล้วว่า จะไปรวมไทยสร้างชาติ ก็จะเหลือ ส.ส.เก่าพลังประชารัฐที่ปักหลักสู้อยู่กับพรรคเดิม คือ ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ ที่จะต้องประดาบกันหนักกับ 'ราชิต สุดพุ่ม' อดีตผู้ว่าฯปัตตานี ที่ผันตัวเองมาใส่เสื้อสีฟ้าประชาธิปัตย์ ก็ไม่ใช่หมูในอวยแน่นอน

ส่วนตัวแทนจากพรรคภูมิใจไทย อย่าง 'ผู้การฯ ติ๊ก' ก็จะมาแย่งคะแนนไปได้ไม่น้อยกับเครือข่ายศิษย์เก่าโรงเรียนเบญจมะ ที่ทุกวันนี้ผู้การฯ ติ๊กนั่งเป็นนายกสมาคมศิษย์เก่าเบญจมะอยู่ด้วย ทราบว่า หลังจากลงคลุกพื้นที่ขยันเดินพบปะ คะแนนตีตื้นขึ้นมาไล่บี้ 'รงค์-ราชิต' แล้ว ราชิตก็พยายามตีโอมล้อม 'ป่าล้อมเมือง' เข้ามาประชิตรั้ว ดร.รงค์แล้ว อยู่ที่ว่า ดร.รงค์ยังจะลงเขตเหมือนเดิม หรือขึ้นบัญชีรายชื่อ ปัญหาของ ดร.รงค์ คือ คนใกล้ตัวลงแข่งหมด

ด้าน อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ สองปีกับการเป็นผู้แทนยังทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่ ‘ทุกคะแนนไม่สูญเปล่า’ เครือข่ายเพื่อนฝูง-ญาติพี่น้องเยอะ ช่วยได้มาก แต่ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคยช่วยให้ชนะการเลือกตั้งกระจัดกระจายกันไปหมดแล้ว คงทำให้อาญาสิทธิ์มีปัญหาบ้าง และให้จับตาคนใกล้ตัวอย่างนายหัวอาจจะลงแข่งกับอาญาสิทธิ์ด้วย ซึ่งคงจะยิ่งเป็นปัญหาใหญ่ เพราะนายหัวคือผู้เกื้อหนุนอาญาสิทธิ์มาก่อน

เช็กชื่อ 31 ส.ส. แห่ยื่นใบลาออก พปชร. คาดเปิดตัวกับพรรคภูมิใจไทย 16 ธ.ค.นี้

หลังจากที่มีกระแสข่าวจะมีส.ส.ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งจำนวนมากในวันที่ 13-14 ธ.ค.เพื่อเตรียมไปเปิดตัวกับพรรคภูมิใจไทยในการประชุมพรรควันที่ 16 ธ.ค.นั้น เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้มี ส.ส.จำนวน 31 คน ยื่นหนังสือลาออกต่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแล้ว โดยให้มีผลในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ประกอบด้วย พรรคพลังประชารัฐ 11 คน ได้แก่ 

1.นายจักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส.กทม. 
2.นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์ ส.ส.กทม. 
3.น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.
4.นายมณเฑียร สงฆ์ประชา ส.ส.ชัยนาท 
5.นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ 
6.นายปฐมพงศ์ สูญจันทร์ ส.ส.นครปฐม 
7.นายกฤษณ์ แก้วอยู่ ส.ส.เพชรบุรี 
8.นายอนุชา น้อยวงศ์ ส.ส.พิษณุโลก 
9.นายประทวน สุทธิอํานวยเดช ส.ส.ลพบุรี กาญจนบุรี 
10.นายธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ ส.ส.กาญจนบุรี 
11.นายอัฎฐพล โพธิพิพิธ ส.ส.กาญจนบุรี

พรรคเพื่อไทย จำนวน 7 คน ได้แก่ 
1.นายธีระ ไตรสรณกุล ส.ส.ศรีสะเกษ 
2.นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. 
3.นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก 
4.นายจักรพรรดิ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี 
5.นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร ส.ส.นครนายก 
6.นายสุชาติ ภิญโญ ส.ส.นครราชสีมา 
7.นายนพ ชีวานันท์ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา

พรรคก้าวไกล 5 คน ได้แก่ 
1.นายขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี 
2.นายเอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย 
3.นายพีรเดช คําสมุทร ส.ส.เชียงราย 
4.นายเกษมสันต์ มีทิพย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 
5.นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ 

‘พัชรินทร์’ เปิดใจ หลังลาออกจาก พปชร. พร้อมขอบคุณ ‘บิ๊กป้อม’ ที่ให้โอกาสเสมอมา

‘ดร.พัชรินทร์’ โพสต์เฟซบุ๊กเปิดใจ เหตุลาออกพรรค ‘พลังประชารัฐ’ ขอเดินไปกับผู้มีพระคุณ พร้อมขอบคุณ ‘ประวิตร’ ให้โอกาส ก่อนติดแฮชแท็ก #พูดแล้วทำ เตรียมเข้าสังกัดพรรค ‘ภูมิใจไทย’ เชื่อเป็นทางเลือกใหม่ของคน กทม.

วันนี้ (15 ธ.ค. 65) ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ โพสต์เฟซบุ๊ก เปิดใจภายหลังยื่นลาออกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และพรรคพลังประชารัฐ ว่า เมื่อถึงทางแยก ที่ต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ การเดินทางบนเส้นทางการเมืองของตน นับตั้งแต่วันที่เริ่มเรียนรู้งานการเมือง จนกระทั่งถึงวันที่ก้าวสู่การเมืองอย่างจริงจัง ในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. กทม. เขต 2 ปทุมวัน บางรัก สาทร

ตนได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในพื้นที่ ให้เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน ดำรงตำแหน่งอันทรงเกียรติ คือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในนามของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งในวันที่ลงสมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร ตนไม่ได้เป็นทายาททางการเมืองของใครในพื้นที่ กทม. เลย แต่ที่ตนมาในจุดนี้ได้ ต้องขอบพระคุณ ‘พี่บี พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์’ ที่เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงานของตน และผลักดันให้ส้มเข้าสู่สนามเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2562 ตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง ส.ส. ตนมั่นใจว่า ได้ทุ่มเท และตั้งใจอย่างเต็มที่ ในการปฏิบัติหน้าที่ของตัวเอง ทั้งในสภา ในพื้นที่ รวมทั้งงานในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ จนกระทั่งผู้ใหญ่ในพรรคเห็นถึงความตั้งใจทำงานจึงได้มอบโอกาส ในการรับหน้าที่ที่สำคัญของพรรค คือ การเป็นโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ต้องกราบขอบพระคุณท่าน พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รวมทั้งผู้ใหญ่อีกหลายๆ ท่าน ที่ให้การสนับสนุน และเห็นถึงความตั้งใจในการทำงาน ไว้วางใจ และมอบหมายหน้าที่อันสำคัญนี้

‘ผู้กองมาร์ค’ ทิ้ง ‘เพื่อไทย’ ซบ ‘พลังประชารัฐ’ มั่นใจ!! คว้าชัยจัดตั้งรัฐบาล - ทำงานเพื่อ ปชช.

(19 ธ.ค. 65) ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 7 บางซื่อ-ดุสิต พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า หลังจากได้รับคำเชิญจากผู้ใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐ และได้ศึกษานโยบายและแนวทางในการทำงานของพรรคแล้ว ได้ตัดสินใจลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และได้เข้าสมัครเป็นสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะมีแนวทางในการทำงานที่เหมือนกันและพร้อมพิสูจน์ว่าเป็นพรรคที่ตั้งใจทำงานให้กับประชาชนอย่างแท้จริง ทางพรรคมีการพัฒนาการและปรับตัวเองให้เข้าได้กับคนทุกรุ่น เน้นเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวว่า ไม่เคยคิดจะเผาบ้านเก่า เพราะทุกการตัดสินใจทางการเมืองขึ้นอยู่กับอุดมการณ์ทางความคิดของสมาชิกและพรรคที่มีนโยบายแนวทางในการทำงานที่ตรงกันว่าอะไรดีที่สุดสำหรับประเทศ ในส่วนของการย้ายพรรคก่อนเลือกตั้งใหม่นั้น เป็นเรื่องปกติของนักการเมืองที่ต้องหาบ้านที่เหมาะสม เพื่อที่จะทำงานให้ตอบสนองความต้องการของประชาชนให้มากที่สุด ประชาชนก็มีโอกาสได้พิจารณาใหม่ มีสิทธิเลือกผู้แทนที่สามารถทำงานให้กับพวกเค้าได้ตรงตามระบอบของประชาธิปไตย หลายคนมีคำถามว่ามาสังกัดพรรคพลังประชารัฐแล้วจะทำอะไร ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าจุดประสงค์หลักของผมคือจะลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเดิม บางซื่อ-ดุสิต เพราะผลการเลือกตั้งในปี 2562 แพ้คะแนนไปเพียงหลักร้อย และยังลงพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ มีเสียงตอบรับที่ดีมาก และผลจากการสำรวจในการทำโพลทุกครั้ง ก็ชนะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในเขตมาโดยตลอด

'บิ๊กป้อม' ตั้ง 'ไพบูลย์' นั่ง ปธ.คณะทำงานธุรการฯ จัดการเอกสารเกี่ยวเนื่องเลือกตั้ง เพื่อยื่นต่อสู่ กกต.

(22 ธ.ค. 65) ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร.ได้ลงนามคำสั่งพรรคพลังประชารัฐที่ 149/2565 เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานธุรการเพื่อการเลือกตั้งทั่วไป พรรคพลังประชารัฐ 

เพื่อให้การดำเนินงานธุรการของพรรคพลังประชารัฐ ในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไปปี พ.ศ. 2566 เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งในกระบวนการรับสมัคร กระบวนการสรรหา การจัดประชุมสาขาพรรคและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด เพื่อรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกพรรค และการยื่นเอกสารสมัครรับเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคต่อคณะกรรมการเลือกตั้ง โดยอาศัยอำนาจตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 17(1)(ซ) 

จึงแต่งตั้งคณะทำงานธุรการเพื่อการเลือกตั้งทั่วไป พรรคพลังประชารัฐ ดังนี้ นายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธานคณะทำงาน และมี พล.อ.จิรศักดิ์ บุตรเนียร คณะทำงาน, นายวีระวัฒน์ ภู่พงษ์ คณะทำงาน, นายกันติพจน์ สิริภักดิสกุล คณะทำงาน และนายธีรยุทธ สุวรรณเกสร คณะทำงาน

‘คิงก่อนบ่าย’ ซบ พปชร. สู้ศึกเลือกตั้งประจวบฯ​ เขต 1 ขอบคุณผู้ใหญ่ให้โอกาส แม้ไม่ใช่ทายาทนักการเมือง

เมื่อวันที่ (27 ธ.ค. 65) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร) นายณภัทร ชุ่มจิตตรี หรือ คิงก่อนบ่าย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ เขต 1 พปชร. ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลในการเข้าร่วมกับ พปชร. ว่า เดิมทีบทบาทของเราคนก็รู้จัก เราพูดอะไรก็เหมือนเป็นคอลเอาต์ จึงคิดว่าควรเอาตัวเองมาพูดในสภา เพื่อสะท้อนปัญหาของชาวบ้านในสภา ขณะเดียวกัน ตนได้มาติดตามการทำงานของ พปชร. และตอนที่แม่เลี้ยงกับญาติโดนแก๊งคอลเซนเตอร์ ซึ่งนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. ได้เข้ามาช่วย 

ทุกวันนี้เห็นแล้วว่าเครือข่ายเหล่านี้ค่อย ๆ ถูกทลายลง เราเห็นถึงการทำงานว่ามาเห็นแต่ปัญหาตัวเองไม่ได้ แต่เป็นภาพใหญ่ของประเทศ ต้องค่อยเป็นค่อยไป ร่วมมือกันหลาย ๆ ฝ่าย   

นายณภัทร กล่าวอีกว่า เมื่อได้ติดตาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พปชร. จะเห็นว่าต่างกับในข่าว และเมื่อตนมีความใฝ่ฝันที่จะลงการเมือง นายชัยวุฒิได้ให้ความเมตตา ทำให้ตนมองว่าแม้เป็นลูกชาวไร่ ไม่ได้เป็นเชื้อสายนักการเมือง ไม่มีต้นตระกูลเป็นนักการเมือง แต่ พปชร.ให้โอกาสเราเป็นผู้สมัคร ส.ส. มองว่านี่คือจุดใหม่ เป็นการจุดประกายให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ว่าไม่จำเป็นต้องเป็นทายาทนักการเมือง ไม่ต้องเป็นลูกคนรวย ขอแค่มีจิตใจที่อยากพัฒนาบ้านเกิด ก็สามารถเข้ามาเป็นนักการเมืองได้ จึงตัดสินใจมาลงสมัครกับ พปชร.

‘รอง พปชร.’ ดับกระแส ปัด ‘มิ่งขวัญ’ ทิ้งพรรค เผย เมื่อวานเจอยังช่วยงาน ‘ประวิตร’ อยู่เลย

‘วิรัช - รองหัวหน้าพรรค พปชร.’ ดับเทียน ยัน ‘มิ่งขวัญ’ ไม่ทิ้ง พปชร.แน่นอน ลั่น!! เพิ่งเจอกันวานนี้ ยังช่วยงาน ‘บิ๊กป้อม’ อยู่เลย

(28ธ.ค.) เมื่อเวลา 17.00 น. นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ กรรมการบริหารพรรค กล่าวถึงกระแสข่าวลือว่า นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นั้น ตนขอยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ไม่ว่าจะเป็นการลาออกที่พรรคพลังประชารัฐ หรือที่ กกต.ก็ตาม

“ตนขอยืนยันว่า นายมิ่งขวัญ ยังอยู่ช่วยทำงานในพรรคพลังประชารัฐ เพราะเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เพิ่งได้รับมอบหมายงานจากพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไปทำอยู่เลย และเมื่อวานนี้ ตนก็ยังได้พบปะพูดคุยกับนายมิ่งขวัญเป็นปกติ” นายวิรัช กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top