Friday, 17 May 2024
พลังประชารัฐ

‘บิ๊กป้อม’ ลง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 ‘พลังประชารัฐ’ ‘ชัยวุฒิ’ เห็นพ้อง โดยหลักการต้องเป็น ‘หัวหน้าพรรค’

‘บิ๊กป้อม’รอกรรมการบริหารพรรคพิจารณา ลง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เบอร์ 1 หรือไม่ พร้อมระบุจะเป็นนายกฯที่มาจากประชาธิปไตยหรือไม่ ให้ประชาชนพิจารณา พร้อมยิ้มกว้างต้อนรับหาก ‘ลุงตู่’ ลงปาร์ตี้ลิสต์ อันดับ 1 รทสช.ชี้ใครก็ลงทั้งนั้น ‘ชัยวุฒิ’ชี้โดยหลักการปาร์ตี้ลิสต์อันดับ 1 พปชร. เป็นของ ‘บิ๊กป้อม’ เว้นเจ้าตัวจะติดขัด แขวะบางพรรคอันดับ1 อาจเป็นหัวหน้าครอบครัว

(22 มี.ค.66) ที่ห้องบอลรูม ชั้น 4 โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ กทม. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเพียงสั้น ๆ ถึงกรณีเมื่อช่วงค่ำวันที่ 21 มีนาคม 2566 นายพูน แก้วภราดัย ว่าที่ผู้สมัครส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง พรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมข้อความ “ลุงตู่ ปาร์ตี้ลิสต์ เบอร์ 1 รวมไทยสร้างชาติ” ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีผู้เข้าไปแสดงความเห็นและแชร์ต่อ

พล.อ.ประวิตร ย้อนถามว่าใครลงปาร์ตี้ลิสต์ ผู้สื่อข่าวตอบกลับว่า พล.อ. ประยุทธ์ จากนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การลงก็ดีทั้งนั้นแหละ ใครก็ลงทั้งนั้นแหละ ทุกคนก็ลง

เมื่อถามว่า หากพล.อ.ประยุทธ์ ลงเป็นทางเลือกที่ดีใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร เพียงแต่ยิ้มกว้าง ๆ โดยไม่ได้ตอบคำถาม จากนั้นเดินเข้าห้องประชุมทันที เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดงานสัมมนา PDPA Going Forward

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมา ช่วงสายวันที่ 22 มีนาคม 2566 นายพูน ได้ลบเนื้อหาที่โพสต์ออกทั้งหมด

ต่อมาเวลา 10.55 น.พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงการลงสมัคร ส.ส. บัญชีราย ชื่ออันดับ 1 ของพรรคพลังประชารัฐ ว่า ขอรอให้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาก่อน 

ผู้สื่อข่าวถามว่าการลง ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะเป็นการปูทางเป็นนายกรัฐมนตรีในระบอบประชาธิปไตย หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าขึ้นอยู่กับประชาชน

‘บิ๊กป้อม’ ดึง ‘บิ๊กแอ๊ด’ ร่วมทัพ พปชร. คาด!! ช่วยคุมอีสานใต้ ‘บุรีรัมย์-สุรินทร์’

(22 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยถึงความเคลื่อนไหวของบุคคลที่จะเข้ามาร่วมงานกับพรรค พปชร.ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.ได้มอบให้คนใกล้ชิด เข้าทาบทาม พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เข้าร่วมงานกับพรรค เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อช่วยสู้ศึกเลือกตั้ง

โดยล่าสุด พล.อ.ธรรมรักษ์ ได้ตอบรับที่จะมาช่วยงานดูแลพื้นที่อีสาน โดยเฉพาะอีสานใต้ จ.สุรินทร์ และ จ.บุรีรัมย์ ร่วมกับ พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร กรรมการบริหารพรรค ที่ พล.อ.ประวิตร มอบให้รับผิดชอบดูแลงานมวลชน และขับเคลื่อนงานตามนโยบายพรรค ทั้งเรื่องบริหารจัดการน้ำ และที่ดินทำกิน มาก่อนหน้านั้น โดย พล.อ.ประวิตร จะเปิดตัว พล.อ.ธรรมรักษ์ ในวันที่ 23 มี.ค.นี้ ที่พรรค พปชร.

‘สันติ’ ดัน นโยบายแก้หนี้นอกระบบ ลดดอกเบี้ยเงินกู้ ช่วยกลุ่มเปราะบาง สร้างความเสมอภาคในการเลี้ยงอาชีพ

(22 มี.ค. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการผลักดันนโยบายแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ว่า จะมีมาตรการจะช่วยกลุ่มเปราะบาง ซึ่งโดยส่วนตัวตนไม่เห็นด้วยที่ธนาคารแห่งประเทศไทย จะรับรองเงินนอกระบบมาเป็นเงินในระบบและคิดดอกเบี้ย 20-30% เพราะตามข้อเท็จจริงชาวบ้านและเกษตรกร ถ้าไม่ได้รับความเสมอภาคก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะฟื้นตัว เพราะเขาต้องกู้เงินนอกระบบ แต่ต้องมาแบกดอกเบี้ยแพงขนาดนี้ แต่ปล่อยกู้ให้นายทุนคิดดอกเบี้ยเพียง 2-3% เท่านั้น ทั้งที่ต้นทุนส่วนใหญ่เป็นเงินฝากของประชาชนทั้งประเทศประมาณ 22 ล้านล้านบาท

ซึ่งธนาคารต่าง ๆ ปล่อยกู้ให้กิจการขนาดใหญ่จำนวนมาก แต่ในระดับข้างล่าง อาทิ เอสเอ็มอี (SME) หาบเร่แผงลอย ได้มาพูดคุยกับตนและพรรคว่า เข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนเหล่านี้ เพราะธนาคารคิดดอกเบี้ยแพง รวมถึงดอกเบี้ยเงินฝากได้เพียง 0.75-1% หรือได้ไม่ถึง 1% แต่เวลาธนาคารต่าง ๆ นำเงินไปปล่อยกู้ เก็บดอกเบี้ย 7-8% ฉะนั้น จะนำเรื่องนี้ประชุมกับคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อหาแนวทางแก้ไข

'สันติ' โว ทำโพลได้ 6 ล้านเสียง ยึดปาร์ตี้ลิสต์เกิน 20 ที่นั่ง เสริมเป้า พปชร. ครอง 150 ที่นั่ง ไม่เปลี่ยน!!

(22 มี.ค.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรค ว่า ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคได้ครบทั้ง 400 เขต ส่วนบางเขตที่ผู้สมัคร ส.ส.เกิน วันนี้จะสรุปให้ชัดเจน เพื่อทำการรับรอง และจัดส่งไปทำไพรมารีโหวต ส่วนรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ครบแล้ว 100 คน โดยลำดับที่ 1 คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค ส่วนลำดับที่ 2 ตามธรรมเนียมน่าจะเป็นชื่อตนในฐานะเลขาธิการพรรค ส่วนผู้สมัคร ส.ส.ที่ไม่ได้ลงสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตนั้น ในแต่ละพื้นที่แต่ละภาคจะต้องปรับมาให้ที่ส่วนกลาง จากนั้นพรรคจะดูความเหมาะสมว่าจะดันขึ้นเป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อได้หรือไม่ ส่วนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของ พปชร.ยังเป็น พล.อ.ประวิตร คนเดียว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินลำดับผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในโซนปลอดภัยจะต้องอยู่ถึงลำดับที่เท่าไหร่ นายสันติ กล่าวว่า ประมาณลำดับที่ 20 เพราะครั้งที่แล้ว พปชร.ได้คะแนนรวม 8 ล้านเสียง แต่ครั้งนี้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนเก่าไปอยู่พรรคอื่นแล้ว เราจึงประมาณว่าครั้งนี้จะได้สัก 6 ล้านเสียงโดยประมาณ เมื่อถามว่า ตัวเลข 6 ล้านเสียง พรรคประเมินว่าได้มาจากไหน นายสันติ กล่าวว่า มั่นใจจากเสียงสะท้อนที่ลงพื้นที่ รวมถึงการทำโพลที่เชื่อถือได้ ไม่ได้รับจ้าง ซึ่งระบุว่าจะได้ตัวเลข 6 ล้านเสียง แต่ยอมรับว่าบางครั้งโพลก็มีปัญหา อย่างไรก็ตาม หากเรียงคะแนนแต่ละพรรค การคำนวณว่า พปชร.จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 20 คนยังน้อยไป

ทั้งนี้ ยืนยันว่าเป้าหมาย ส.ส.ทั้งหมดของพรรคยังตั้งเอาไว้ที่ 150 ที่นั่งเหมือนเดิม และตัวเลขของผู้สมัคร ส.ส.ที่มั่นใจว่าจะชนะยังอยู่ในระดับนั้น ส่วนจะถึงตามเป้าหรือไม่อยู่ที่ประชาชนและคู่แข่งฯ แต่ขอย้ำว่าทุกนโยบายที่เราพูดออกไปว่าทำจริงทำทันทีจะได้รับการตอบรับ ขึ้นอยู่กับประชาชนทั้งหมด เนื่องจากอำนาจที่จะแก้ปัญหาต่าง ๆ เป็นของนายกฯ

‘สกลธี’ เผย ‘สุวัฒน์ ม่วงศิริ’ ทิ้ง พลังประชารัฐ ยอมรับ!! กระทบฐานเสียง - เร่งหาผู้สมัครลงแทน

(22 มี.ค.66) นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมดูแลการเลือกตั้ง ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยอมรับว่า นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ ได้ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ แล้ว หลังจากเปิดตัวเป็นว่าที่ผู้สมัครส.ส. กทม. ของพรรคไปก่อนหน้านี้ ซึ่งแจ้งกระชั้นชิดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เพราะตอนที่เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพลังประชารัฐทั้ง 33 คน ก็คิดว่าทุกคนลงตัวหมดแล้ว และเตรียมเข้าสู่กระบวนการไพรมารีของของพรรค และเตรียมไปสมัคร

“หลังการยุบสภาเปิดช่องให้ย้ายพรรค จึงคิดว่าได้มีการพูดจา หรือเจรจาโดยบางคนอาจได้รับเงื่อนไขที่ดีกว่า จึงตัดสินใจย้ายพรรค ถือเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่เสียดาย เพราะจะกระทบต่อฐานเสียง เนื่องจากเป็นพื้นที่เป้าหมาย และเห็นว่าควรจะบอกกันตั้งแต่เนิ่น ๆ การมาบอกกระชั้นชิดถึงแม้จะหาตัวคนใหม่มาแทนได้ แต่จะเหนื่อยหน่อย ซึ่งพรรคพลังประชารัฐกำลังพูดคุยเพื่อหาตัวว่าที่ผู้สมัครมาแทน โดยจะพิจารณาจากคนที่อยู่ในบัญชีสำรอง” นายสกลธี กล่าว

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่านายสุวัฒน์ น่าจะไปร่วมงานทางการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)
 

'เรืองไกร' รับ 'พปชร.-ภท.' ถกตัวเลขขั้วรัฐบาล เชื่อ ‘เพื่อไทย’ ไม่แลนด์สไลด์เหตุปัจจัยเปลี่ยน

(23 มี.ค.66) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) การสนทนารับประทานอาหารเที่ยง ที่มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ระหว่างพรรคพลังประชารัฐ และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เมื่อวานนี้ มีการพูดคุยสมการตัวเลขทางการเมืองขั้วรัฐบาล โดยเป็นการคุยกันต่อเนื่องจากครั้งก่อน พบปะคุยกันปกติ และครั้งที่แล้วยังบอกให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ ในฐานะทำงานด้วยกันมา และพูดคุยว่าในเส้นทางการเมืองถ้าเป็นไปได้ก็เป็นพันธมิตรกันไป ส่วนการประเมินตัวเลข ก็เป็นสิ่งที่คาดหวังกัน

เมื่อถามว่า มีการประเมินสมการนี้ เหตุใดไม่มีพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) รวมอยู่ด้วย นายเรืองไกร กล่าวว่า ไม่ได้ปฏิเสธรวมไทยสร้างชาติ เพราะเป้าหมายของพรรคพลังประชารัฐ ตามที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ คือเรื่องของความปรองดอง ก้าวข้ามความขัดแย้ง และยินดีต้อนรับหมด เพื่อให้การบริหารบ้านเมืองเดินหน้าไปได้

'ชัยวุฒิ' ยัน!! ‘ลุงป้อม-ลุงตู่’ อยู่ฝั่งเดียวกัน ลั่น!! พร้อมจับมือทุกพรรค หากนโยบายตรงกัน

(23 มี.ค.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการรับประทานอาหารร่วมกันระหว่างพรรค พปชร. นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) นําโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท.ว่า เป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะเป็นพรรคใหญ่ พรรคกลาง พรรคเล็ก ก็กินข้าวกันประจำอยู่แล้ว ส.ส.และนักการเมือง ก็เข้าออกกันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่วงทานข้าวเมื่อวันที่ 22 มี.ค.อาจเป็นประเด็น เพราะนายอนุทินมา และเขาเป็นพรรคใหญ่ ก็มีการพูดคุยกันเรื่องการเมือง คุยกันประจำ แต่ยืนยันว่ามากินข้าวกันทุกพรรคอยู่แล้ว ยกเว้นพรรคฝ่ายค้าน เพราะเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในวงกินข้าวมีการพูดถึงการจับมือเพื่อจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่ได้คุยขนาดนั้น เพียงแต่บอกว่าเรื่องนี้ต้องรอหลังการเลือกตั้งก่อนว่าใครจะได้ ส.ส.เท่าไหร่ ค่อยมาดูกัน เมื่อถามว่า ถือเป็นการส่งสัญญาณการจับมือกันในอนาคตหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตนว่าสัญญาณชัดอยู่แล้ว พรรคร่วมรัฐบาลเดิมก็อยากทำงานร่วมกันต่อ เพราะทํางานร่วมกันมาก็ราบรื่นดี สามารถประสานงานกันได้ด้วยดี ก็ไม่อยากเปลี่ยนหรอก เมื่อถามว่า การจับมือในอนาคต จะมีพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ด้วยหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ความจริงพรรค รทสช. ก็ถือเป็นพรรครัฐบาล ก็อยู่ด้วยกันนั่นแหละ

"พรรครวมไทยสร้างชาติจะไปจับมือกับใครถ้าไม่ใช่พรรคพลังประชารัฐ ความจริงทุกพรรคการเมืองจับมือกันได้หมด ถ้านโยบายหรือแนวคิดตรงกัน แต่สุดท้ายก็อยู่ที่การเลือกตั้ง เราต้องเอาความจริงมาคุยกัน พรรคร่วมรัฐบาลถ้าจะทำงานกันต่อ ก็ต้องอยู่ด้วยกันนั่นแหละ มันไม่มีใครได้เสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้หรอก ก็ต้องอยู่ด้วยกันหมดแหละ" นายชัยวุฒิ กล่าว

เมื่อถามว่า ตามข่าวที่ออกมา พรรค พปชร.ตั้งเป้าว่าจะได้ 70 เสียง เป็นไปตามนั้นหรือไม่ กล่าวว่า ความจริงเรื่องนี้ต้องทําโพล ซึ่งตัวเลข 70 ที่ออกมาเป็นการคาดการณ์ของบางคนที่มีการประเมินกัน บางคนก็ประเมิน 100 บางคนประเมิน 70 บางคนประเมิน 40 บางคนก็ประเมิน 150 ซึ่งเราอาจจะถึง 150 เสียงก็ได้ เพราะมีผู้สมัครเกรดเอ ตั้งเป้าไว้ 150 เสียง

"เป้า 150 ยังอยู่ ที่เราเคยพูดมาตลอดเพราะเรามี ส.ส.เกรดเอ 150 แต่ก็ยอมรับว่าไม่คิดว่าจะชนะทุกคน มันก็อาจจะมีพลาดบ้าง" นายชัยวุฒิ กล่าว

‘พปชร.’ เปิดตัว ‘บิ๊กแอ๊ด’ พร้อมว่าที่ผู้สมัครครบทุกภาค ด้าน ‘บิ๊กป้อม’ ยกเป็นบุญคุณที่มาช่วยเสริมแกร่งให้พรรค

(23 มี.ค. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค ร่วมกันแถลงเปิดตัว พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา หรือ ‘บิ๊กแอ๊ด’ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กว่า 70 คน ประกอบด้วย

กรุงเทพมหานคร ได้แก่ นายบุญรุ่ง เต๋งจงดี, นายสิทธิโชค คล้องแสงอาทิตย์, นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์, นายมานพ มารุ่งเรือง, น.ส.แพรว กิจสุวรรณ และ นายอนันตชาติ บัวสุวรรณ 

ภาคกลาง
- จังหวัดนนทบุรี ได้แก่ น.ส.สมบูรณ์วรรณ ตรีสิทธุ์ไชย เขต 1, นางจิรวรรณ เรี่ยวแรง เขต 2, นายสมพงษ์ รัตนพรสุวรรณ เขต 3 และ นายทองใบ เสริฐสอน เขต 4
- จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้แก่ นายพิตติพรรธน์ พรรณธนะ เขต 4 และ นายภูมินทร์ มงคลกาย เขต 5
- จังหวัดสระบุรี ได้แก่ นายกฤษดา อินทร์พาเพียร และ นายธนกร กระต่ายจันทร์ เขต 3
- จังหวัดชลบุรี คือ นายยศพนต์ สุธรรม
- จังหวัดชัยนาท คือ นายปัญญา ไทยรัตนกุล เขต 2
- จังหวัดเพชรบุรี คือ นายอรรถพล นุชนิยม
- จังหวัดราชบุรี ได้แก่ นายจตุพร กมลพันธุ์ทิพย์ และ นายวรวัฒน์ น้อยโสภา
- จังหวัดอุทัยธานี ได้แก่ นายประมวล เรืองศรี เขต 1 และ นายไพฑูรย์ พุ่มสงวน เขต 2
- จังหวัดสุพรรณบุรี ได้แก่ นายศุภกิจ กลิ่นหอม เขต 1, นายอุดม เพชรน้อย เขต 2, นายธานินทร์ โลห์ประเสริฐ เขต 3 และ นายเทียนชัย ปิ่นวิเศษ เขต 5

ภาคตะวันออก
- จังหวัดระยอง ได้แก่ นายดนัย วิริยะสหกิจ เขต 1, นายนฤพล พงษ์ประเทศ เขต 2, นายกรี ไพรสี เขต 4 และ น.ส.รฎาศิริ ศิริคช เขต 5
- จังหวัดจันทบุรี ได้แก่ นายเฉลิมพล ศักดิ์คำ เขต 1 และ นายธนกร เฉลิมเฉลา เขต 2
- จังหวัดนครนายก ได้แก่ น.ส.วนิดา ขนายงาม เขต 1 และ น.ส.ชลธิชา ขนายงาม เขต 2
- จังหวัดฉะเชิงเทรา คือ นายสายัณห์ นิลาช เขต 3
- จังหวัดปราจีนบุรี คือ นายสุรเดช สิทธิเดชกุลถาวร เขต 3

ภาคอีสาน
- จังหวัดนครราชสีมา คือ นายสุธรรม พรสันเทียะ เขต 4
- จังหวัดสุรินทร์ ได้แก่ นายอนุรัตน์ ศรีสุรินทร์ เขต 1 และ นายอิทธิพล กำลังหาญ เขต 4
- จังหวัดศรีสะเกษ ได้แก่ นายธนินท์ธร ศรีขาว เขต 1, นายธีรปภัสร์ พงษ์วันกิตติคุณ เขต 5 และ นายธนกฤช จิริวิภากร เขต 8
- จังหวัดอุบลราชธานี ได้แก่ นายโกวิทย์ ธรรมานุชิต เขต 3, นายธนบูรณ์ชัย อร่ามเรือง เขต 6 และ น.ส.วิยดา พรหมทอง เขต 7
- จังหวัดขอนแก่น คือ นายสำราญ ศรีภา เขต 6
- จังหวัดหนองคาย คือ นายศักดิ์ บึงลี เขต 2
- จังหวัดอุดรธานี ได้แก่ นายสุรศักดิ์ แสงตา, นายมนตรี พึ่มชัย เขต 7 และ นายอัมพร เทศศรีเมือง เขต 10
- จังหวัดนครพนม คือ นางวิทยาพร หาญทองชัย เขต 4
- จังหวัดมหาสารคาม ได้แก่ นายทองหล่อ พลโคตร และ นายประสาทพร สีกงพลี
- จังหวัดร้อยเอ็ด ได้แก่ นายภาณุวัฒน์ ศิริ และ นายใหม่ เสาวงค์
- จังหวัดสกลนคร คือ นายเชิดชัย สิงห์มหันต์ เขต 5

ภาคเหนือ
- จังหวัดเชียงราย ได้แก่ นายศรัณพัฒน์ ศรีสวัสดิ์ เขต 1, นางวันดี ราชชมภู เขต 2 และ พ.ต.อ.รัฐพล น้อยช่างคิด เขต 3
- จังหวัดพะเยา คือ นายอนุรัตน์ ตันบรรจง
- จังหวัดพิษณุโลก คือ นายอัศวิน นิลเต่า
- จังหวัดเพชรบูรณ์ คือ นายอัคร ทองใจสด เจต 6
- จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้แก่ นายเรวัต คล้ายสมบูรณ์ เขต 1, นายสุขโกศล โกศลธรรมสกุล เขต 2 และ นายอัฑฒ์ เชื้อมีศรี เขต 3
- จังหวัดสุโขทัย ได้แก่ นางเบญจมาศ ไก่แก้ว, นายวิโรจน์ มากมูล, นายอารยะ ชุมดวง เขต 3 และ นายจเร บุญกำเนิด เขต 4

ภาคใต้
- จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แก่ นายสุชาติ จิตรติศักดิ์ เขต 5 และ นายซุ้น ณัฐเดช กังสุกุล เขต 10
- จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้แก่ นายประเทือง มีแต้ม และ นางจิรวรรณ สารสิทธิ์ เขต 4
- จังหวัดสงขลา ได้แก่ นายอาทิตย์ สุวิทย์ เขต 3 และ นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว เขต 4
- จังหวัดปัตตานี คือ นายอรุณ เบ็ญจลักษณ์ เขต 1

'มายด์' เห็นด้วยนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง หลัง ‘ลุงป้อม’ ไฟเขียว!! ให้ ‘เข้าพบ-พูดคุย’

(23 มี.ค.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร.ให้สัมภาษณ์หลังเปิดตัวพล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา มาอยู่กับพปชร.ว่า ภาคอีสานมีคนดูแลอยู่แล้ว พล.อ.ธรรมรักษ์ จะมาช่วยดูภาพรวมภาคอีสานทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ต้องเข้ามาดูแลภาคอีสาน เพราะคนที่ดูแลภาคอีสาน ระหว่าง พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร กรรมการบริหารพรรค กับนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ไม่ลงรอยกันหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นคนละเขต ระหว่างอีสานเหนือกับอีสานใต้ ไม่มีอะไรขัดแย้งกัน สื่อไปคิดเองทั้งนั้น คนหนึ่งอยู่อีสานเหนือ กับคนอยู่อีสานใต้ ทำกันคนละพื้นที่ จะไปขัดแย้งกันได้อย่างไร 

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า ส.ส.ในกลุ่มของนายวิรัช จะไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พล.อ.ประวิตร ย้อนถามว่าใคร ก่อนตอบว่าก็ไปสิ ไม่ได้ว่าเลย ใครอยากไปก็ไป เราเคยบอกแล้ว ว่ามีคนเข้ามาอยู่ด้วย 400-500 คน จนพื้นที่ทับกันไปมาอยู่แล้ว บางเขตมีสามคน และตัวเด่นๆ ก็มีอยู่แล้ว  

เมื่อถามถึงการรับประทานอาหารร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เมื่อวันที่ 22 มี.ค. เป็นอย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไปกินข้าวบ้านผมก็อร่อย” เมื่อถามว่ามีการประเมินตัวเลข ส.ส.กันบนโต๊ะอาหารว่า พรรคพปชร.จะได้ 70 ที่นั่ง พรรคภท.จะได้ 70 ที่นั่ง เป็นไปตามนั้นหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่รู้ ก็แล้วแต่ประชาชน เวลาตอบไม่รู้สื่อชอบบอกว่าไม่รู้อีกแล้ว ให้รอเดี๋ยวจะมีเพลงไม่รู้มาให้ฟัง เดี๋ยวจะออกแล้ว” เมื่อถามย้ำว่า หัวหน้าพรรคจะร้อง เพลงไม่รู้ด้วยตัวเองหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ 

เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า พล.อ.ประวิตร เป็นผู้จัดการรัฐบาลใหม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่ได้เลือกตั้งเลย สื่อไปคิดเองและพูดเอง ไม่ได้ปฏิเสธ แต่สื่อไปพูดเองเออเอง เมื่อถามว่า ในวงรับประทานอาหาร มีคำพูดที่ว่าใครได้คะแนนมากกว่าให้เป็นนายกฯไป พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีๆ พร้อมกับส่ายหัวและระบุว่า ไม่ให้ถามแล้ว ตนหยุดพูดตั้งแต่ตอนนี้

ปัดตก!! สูตรรัฐบาลบ้านป่ารอยต่อ รทสช. แค่พรรคร่วม!! ไม่มี 'ตู่' อยู่ในสมการผู้นำ เพราะมีแต้มไม่ถึง 50 เสียง

จะเป็นการเดินเกมปลอบใจกันเองหรือมีอะไรมากกว่าที่นึก ลึกกว่าที่คิด หรือบางพรรคกำลังติดกับดักนายพรานเลยต้องรับประทานอาหารกันบ่อยหน่อยก็ตาม...

แต่ต้องยอมรับว่าวานซืน (22 มี.ค.66) ทันทีที่จบอาหารมื้อเที่ยงที่บ้านป่ารอยต่อรอบสองระหว่างคณะของภูมิใจไทยนำโดย อนุทิน ชาญวีรกูล กับ คณะของพลังประชารัฐในฐานะเจ้าบ้าน...ก็พอจะเห็นภาพร่างของรัฐบาลผสมชุดหน้า...แต่ที่เห็นชัดกว่าภาพร่างก็คือ หน้าตาของนายกรัฐมนตรี...หลังเลือกตั้ง

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ อนุทิน ชาญวีรกูล...คนใดคนหนึ่ง...

บนโต๊ะอาหารมีการยกตัวเลขจากผลโพลและการประมาณการของแต่ละฝ่าย...ซึ่งเคยเป็นข่าวไปแล้วตั้งแต่อาหารเที่ยงรอบแรกเมื่อ 15 มี.ค.คือ พรรคพลังประชารัฐกับภูมิใจไทยได้คะแนนใกล้เคียงกันที่พรรคละ 70 เสียง…รวมกันก็ 140 เสียง บวกกับพรรคประชาธิปัตย์และพรรคอื่นๆ เกิน 250 เสียงตั้งรัฐบาลได้...

ประการสำคัญ...ลุงกับหลานประสานเสียงเป็นคีย์เดียวกันว่า...ใครได้คะแนนมากกว่าก็เอาไป (เป็นนายกฯ)...

“ถ้าตามคะแนนนี้คือ เรากับหนู (อนุทิน)” ผู้อาวุโสว่า

“ลุงต้องเป็นนายกฯ ลุงเท่านั้นที่ควรเป็นนายกฯ” หลานถ่อมตน

“ไม่เป็นไรเราค่อยดูตัวเลขกันอีกที...”  ลุงจบได้สวย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top