Saturday, 24 May 2025
พลังประชารัฐ

‘ลุงหนู’ เห็นพ้อง ‘บิ๊กป้อม’ ผู้ได้เสียงมากสุด รวมเสียงข้างมากได้ ควรเป็นนายกฯ

หลังมีกระแสกรณีที่พรรคภูมิใจไทยและพรรคพลังประชารัฐร่วมรับประทานอาหารมื้อเที่ยงที่ป่ารอยต่อฯ เมื่อ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น โดยระบุว่า “ไม่ควรเอาคำพูดคนอื่นในวงสนทนามาเล่า ผม และพล.อ.ประวิตร หลักการเดียวกัน ผู้ได้เสียงมากสุด รวมเสียงข้างมากได้ ควรเป็นนายกฯ” 

‘นฤมล’ สละปาร์ตี้ลิสต์ เปิดทางคนรุ่นใหม่ทำงาน ยัน!! ไม่กลับคำ แม้ผู้ใหญ่พิจารณาลำดับใหม่

เมื่อเวลา 09.50 น. (24 มี.ค.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวทิศทางการทำงานการเมืองกับพรรค พปชร.ว่า พรรค พปชร.มีบุคลากรคุณภาพจำนวนมาก ทั้งผู้ที่ร่วมก่อตั้งพรรคมาตั้งแต่ปี 2561 ผู้ที่เข้ามาร่วมพัฒนาพรรคระหว่างทาง และผู้ที่เพิ่งเข้ามาร่วมงานกับพรรค ทุกคนต่างมีความสามารถที่หลากหลายอันเป็นประโยชน์ต่อพรรค และต่างมีความตั้งใจที่จะทำสิ่งที่ดีให้กับพี่น้องประชาชน

นางนฤมล กล่าวว่า สำหรับตนเองมีความตั้งใจมาทำงานการเมือง เพราะปรารถนาที่จะตอบแทนพระคุณแผ่นดินไทย โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนที่เสียภาษีส่งให้ตนได้เรียนต่อต่างประเทศ ทำให้เด็กยากจนคนหนึ่งที่ต้นทุนชีวิตต่ำมาก ได้มีโอกาสที่ดีในชีวิตมากมาย ตนได้รับโอกาสจากพรรคให้ได้เข้ามาทำงานการเมือง จึงตัดสินใจลาออกจากราชการ ด้วยความหวังและความตั้งใจที่จะนำความรู้และประสบการณ์ที่มีมาทำประโยชน์ตอบแทนผู้มีพระคุณ ซึ่งคือพี่น้องประชาชน

"การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 แหม่มได้รับโอกาสจากผู้บริหารพรรคให้ได้ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 5 เป็นผู้หญิงคนเดียวใน 10 ลำดับแรก โดยที่ไม่ได้ร้องขอจากท่านใดเลย แต่เป็นความเมตตาล้วนๆ ของผู้บริหารพรรค ณ ขณะนั้น ที่เห็นเราทุ่มเททำงานให้พรรคตั้งแต่ยังตั้งไข่เมื่อมกราคม 2561 ทั้งที่แหม่มเป็นหน้าใหม่ทางการเมือง ไม่ใช่เด็กบ้านใหญ่ ไม่เคยลงสมัครรับเลือกตั้งมาก่อน ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ แหม่มจึงอยากเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ทางการเมืองได้เข้ามาอยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับต้นๆ บ้าง หากเราที่เคยได้รับโอกาสมาแล้ว ไม่เสียสละ คนใหม่ๆ ก็จะแทบไม่มีโอกาสที่จะได้ขึ้นมา จึงได้แสดงความจำนงต่อคณะกรรมการสรรหาและผู้บริหารพรรคว่าขอสละสิทธิที่จะได้รับการเสนอชื่อในบัญชี ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ดังนั้นวันนี้ ทางพรรคจึงจะมีการพิจารณาบัญชีรายชื่อกันใหม่อีกครั้ง"

นางนฤมล กล่าวว่า เคยพูดเสมอว่าถึงเวลา พปชร.ต้องผลัดใบ ให้พลังใหม่ได้เข้ามาทำงาน ครั้งนี้อาจจะได้ผลัดหนึ่งใบ ได้เห็นพลังใหม่หนึ่งใบผลิดอกออกผล ครั้งหน้าก็อาจจะได้ผลัดเพิ่มอีกหลายใบ ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้จึงจะเติบโตอย่างเข้มแข็งและสวยงาม และสำหรับตน การทำงานทางการเมืองไม่ได้มีเพียงการทำงานในสถานะ ส.ส.เพียงเท่านั้น ยังมีงานอีกมากมายหลายรูปแบบที่เราสามารถช่วยพรรค ช่วยผู้สมัคร และรับใช้พี่น้องประชาชนได้ ที่สำคัญที่สุด คือ อุดมการณ์ทางการเมือง เพราะสำหรับตน การทำงานการเมือง คือ การเสียสละ ไม่ใช่การเอาชนะ และไม่ใช่การยึดติดในตำแหน่ง ที่ตนเชื่อเสมอว่า เมื่อเราไม่ยึดติด เราจะมีอิสระทางความคิด ซึ่งนำไปสู่อิสระในการตัดสินใจในทุกๆ เรื่องเพื่อส่วนรวม

ผู้สื่อข่าวถามถึงอนาคตทางการเมืองหลังจากที่เสียสละไม่ลง ส.ส.บัญชีรายชื่อจะยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ และจะช่วยงานพรรคอย่างไรบ้าง นางนฤมล กล่าวว่า จะช่วยงานอย่างอื่น เพราะมีความรับผิดชอบกับบุคคลที่พาเข้ามาทำงานกับพรรค และเสียใจที่ไม่สามารถทำให้ทุกคนได้สมหวังในการลงรับสมัครเลือกตั้ง ที่เป็นผลมาจากการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ และเกิดพื้นที่ทับซ้อนที่ทำให้เกิดผลกระทบ เพราะเป็นความรับผิดชอบของเราที่ต้องนำพาเขาไปสู่การเลือกตั้ง แต่ทั้งนี้ตนยังช่วยงานสนับสนุนคนรุ่นใหม่ให้สมหวัง แล้ววันนี้ยังเป็นแม่ทัพในกทม.และขึ้นเวทีปราศรัยได้ไม่มีใครห้าม

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าสาเหตุเป็นเพราะลำดับบัญชีรายชื่อของนางนฤมล ตกไปอยู่ลำดับที่ 20 กว่าทำให้เกิดความไม่พอใจ นางนฤมล กล่าวว่า ไม่มี และการประชุมพรรค วันที่ 22 มี.ค.ที่มีชื่อของตนอยู่ในลำดับตามที่เป็นข่าวและเป็นตามนั้นจริงๆ แต่เมื่อมองลำดับ 20 - 30 อันดับแรก ไม่เห็นคนรุ่นใหม่ที่ตั้งใจ ทุ่มเททำงานให้พรรค จะมีโอกาสเข้ามาทำงาน ถ้าเราไม่ถอยไม่เสียสละ ถ้าคิดว่าเป็นผู้บริหารต้องได้ลำดับต้น คนรุ่นใหม่จะไม่มีทางเข้ามาได้ และหลายพรรคการเมืองก็เป็นลักษณะที่คล้ายกัน จึงอยากให้เขาเข้ามามีโอกาสทำงานการเมืองแต่โอกาสจะเป็นไปได้น้อยถ้าไม่เสียสละ ส่วนคนรุ่นใหม่ที่ต้องการให้อยู่ในบัญชีรายชื่อต้องหารือกับกรรมการสรรหาก่อนว่าจะเป็นใคร และตนได้เสนอชื่อไปแล้ว เป็นคนที่ทำงานมาร่วมกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคจัดลำดับให้ขยับมาอยู่ 1 - 3 จะเปลี่ยนใจหรือไม่ นางนฤมลกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวหากดูจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว พรรค พปชร.ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 19 คน ครั้งนี้คาดว่าจะได้ใกล้ๆ เดิม หากอยู่ในลำดับ 10 - 20 ก็มีโอกาสเข้าสภาทั้งสิ้น และ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้คัดค้านโดยระบุว่าตามใจ

เมื่อถามว่า หากผลเลือกตั้งพรรค พปชร.ได้กลับมา 12 ที่นั่งใน กทม.จะส่งผลต่ออนาคตของนางนฤมลหรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยอะไรในเรื่องนี้ เพราะแค่จัดผู้สมัครลง 33 เขต ก็ลำบากใจแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเสียสละครั้งนี้จะช่วยให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามาทำงานจริงหรือเป็นแค่การเปิดช่องให้กับเด็กของคนบางกลุ่มเข้ามาทำงาน นางนฤมล กล่าวว่า ได้ฝากกรรมการสรรหาพิจารณาและให้โอกาสคนรุ่นใหม่ แต่ท้ายที่สุดต้องเคารพมติของกรรมการ

'บิ๊กป้อม' จัดคณะกรรมการ 5 ชุด สู้ศึกเลือกตั้ง 66  ‘สนธิรัตน์’ ผงาดนั่ง ปธ.ฝ่ายกลยุทธ์การเมือง

(24 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า เมื่อวันที่ 22 มี.ค.66 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ลงนามคำสั่งพรรค แต่งตั้งคณะกรรมการ จำนวน 5 คณะ เพื่อให้การดำเนินงานของพรรค ในด้านประสานงานและสนับสนุนการดำเนินการของคณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ รวมทั้งดูแลการประชุมของคณะกรรมการกำหนดยุทธศาสตร์และบริหารการเลือกตั้งของพรรค เป็นไปด้วยความถูกต้อง มีประสิทธิภาพ บรรลุตามวัตถุประสงค์ และนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ 

โดยคณะกรรมการทั้ง 5 ประกอบด้วย 
1.คณะกรรมการฝ่ายอำนวยการ มีนายสันติ พร้อมพัฒน์ เป็นประธานกรรมการ กรรมการ 6 คน ได้แก่ นายวราเทพ รัตนากร พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ นายวิเชียร ชวลิต พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ นายณรงค์ โยธนัง 

2.คณะกรรมการฝ่ายกฎหมาย มีนายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธานกรรมการ กรรมการ 5 คน ได้แก่ นายประสาร หวังรัตนปราณี นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ นายวิเชียร ชวลิต นายภาส ภาสัทธา นายทศพล เพ็งส้ม

‘สกลธี’ รับเพิ่งรู้ ‘นฤมล’ เบี้ยวเวทีปราศรัย เหตุไม่สบาย ลั่น!! ขาดใครไม่สำคัญ วอนอย่าแบ่งแยกทีมเดียวกัน

‘สกลธี’ รับ เพิ่งทราบ ‘นฤมล’ เบี้ยวเวทีปราศรัย ลั่น วันนี้ขาดใครก็ไม่สำคัญ งานเดินต่อไปได้ วอน อย่าแบ่งแยกผู้สมัครว่าเป็นคนของใคร

(24 มี.ค.66) ที่เวทีปราศรัยพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ศูนย์เยาวชนหลักสี่ การเคหะท่าทราย นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พปชร. ไม่มาร่วมการปราศรัยหาเสียงในวันนี้ ว่าเมื่อวันที่ 23 มีนาคมก็ยังมีการพูดคุยถึงการปราศรัยบนเวทีกันอยู่ แต่เมื่อสักครู่ระหว่างนั่งรถมาที่เวทีปราศรัย นางนฤมลก็ได้ติดต่อเข้ามาแจ้งว่า ไม่สบายมาก ต้องไปโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์ ตนก็ให้กำลังใจไป

เมื่อถามถึงการแถลงข่าวสละตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ของนางนฤมล นายสกลธี กล่าวว่า จริง ๆ ก็ได้ยินมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว และก็ได้ติดตามดูการแถลงข่าวเมื่อเช้านี้อยู่ แต่ในส่วนของพื้นที่ กทม.นั้น ตนเชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบในการทำงาน เพราะไม่ว่าตนหรือนางนฤมลจะอยู่ในพรรคหรือไม่ ตนก็เชื่อว่าระบบที่วางไว้สามารถดำเนินต่อไปอยู่แล้ว เพราะทุกอย่างถูกวางไว้อย่างชัดเจน และจบหมดแล้ว

เมื่อถามถึงว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ที่เป็นบุคคลที่นางนฤมลชักชวนเข้ามาร่วงงานจะมีผลกระทบหรือไม่ นายสกลธี กล่าวว่า ในช่วงเริ่มต้นที่ทำงาน ตนและนางนฤมลได้มีการพูดคุยกับผู้สมัครทั้ง 33 เขต เป็นปกติที่ผู้สมัครจะมีการแตกต่างของที่มา แต่เมื่อรวมทีมกันแล้วก็ขอให้เป็นทีมเดียวกัน วันนี้ไม่ว่าใครจะอยู่หรือไม่ ทีม กทม.ของพรรค พปชร.ก็จะเดินต่อไปได้ เพราะทุกคนก็กำลังใจดีอยู่

‘ชัยวุฒิ’ มั่น!! ส.ส.พปชร.ปักธงเชียงใหม่ หลังผลงานโดนใจ ยัน!! ตั้งใจพาบ้านเมืองเดินหน้า ไม่แบ่งฝ่าย ไม่แบ่งสี

(25 มี.ค.66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภายหลังจากการลงพื้นที่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ว่า...

“วันนี้มาลงพื้นที่ที่ตลาดอําเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ มาช่วยผู้สมัคร ส.ส.ต้น นรพล ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชน ประชาชนก็ตอบรับดี เพราะว่าเราก็มีโครงการหลายอย่างดีๆ ที่มาช่วยพี่น้องที่จังหวัดเชียงใหม่ แล้วก็มีการพัฒนาบ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผมเชื่อว่าที่นี่ก็เป็นพื้นที่เป้าหมายที่เราน่าจะชนะการเลือกตั้ง และได้ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชารัฐแน่นอน”

เมื่อถามถึงนโยบายของพรรค นายชัยุวุฒิ กล่าวว่า “ลุงป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็เน้นอยากให้สมาชิกพรรคทุกคนชี้แจงประชาชนเข้าใจนโยบายสําคัญของพรรค คือ การก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ไม่แบ่งสี ไม่ทะเลาะกัน เราต้องช่วยกันทํางาน”

เมื่อถามถึงคำพูดคำว่าปฏิวัติรัฐประการในมุมพลเอกประวิตร ชัยวุฒิ กล่าวว่า “ความสามัคคี ทําให้บ้านเมืองสงบสุข และจะไม่มีการปฏิวัติรัฐประหารแน่นอน เพราะถ้าเราทะเลาะกันไม่สามัคคีกัน บ้านเมืองเดินหน้าไม่ได้ ไม่ทําตามกติกาประชาธิปไตย มันก็อาจจะเกิดการปฏิวัติได้ เราถึงเน้น ให้ทุกคนช่วยกัน ทําความเข้าใจกับประชาชน ให้เราก็ต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง ต้องรักกันสามัคคีกัน ต้องทําให้ได้ นี่คือนโยบายสําคัญของพรรคพลังประชารัฐ ก้าวข้ามความขัดแย้ง”

เมื่อถามถึงเรื่องรัฐธรรมนูญ ชัยวุฒิ กล่าวว่า “ก็เป็นเรื่องสําคัญที่ประชาชนถามกันมากเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ผมว่าอย่ามาใช้ในการหาเสียง เพราะมันเป็นเรื่องที่ยังไม่ได้ถึงเวลา เราอยากให้การเลือกตั้งเสร็จ มีสภามีตัวแทนพี่น้องประชาชน และให้สภา ให้ ส.ส. มาคุยกันด้วยเหตุด้วยผล มาหาทางออกให้ประเทศไทย ว่าเราควรแก้รัฐธรรมนูญแบบไหนอย่างไร? อย่าใช้อารมณ์ ใช้เหตุผล ให้ ส.ส.ซึ่งเป็นตัวแทนของท่านไปทําหน้าที่ในสภาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไปในอนาคต”

บิ๊กป้อม’ วิดีโอคอล พูดคุย-รับกำลังใจจาก นศ.ม.สยาม เด็ก ๆ อ้อนอยากเจอตัวจริง ชวนลุงป้อมมาร่วมพิธีเปิดกีฬาสี

(25 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก ‘FC ลุงป้อม’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ วิดีโอคอลคุยกับตัวแทนนักศึกษามหาวิทยาลัยสยาม เขตบางกอกใหญ่ กทม. โดยตัวแทนนักศึกษาได้กล่าว สวัสดี พล.อ.ประวิตร และให้กำลังใจในการทำงานทางการเมือง

โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “สวัสดีทุกคน สบายดีจ้ะ ขอบคุณนะคะ ที่มาให้กำลังใจ”

ตัวแทนนักศึกษา กล่าวว่า ตอนนี้ฝุ่น PM 2.5 และปัญหาสารซีเซียมรั่วไหล ขอให้ พล.อ.ประวิตร รักษาสุขภาพ เพื่อให้ก้าวข้ามปัญหาต่าง ๆ และทุกปัญหาย่อมมีทางออก เพื่อจะได้ก้าวไปเป็นนายกฯ ทุกคนขอเป็นกำลังใจให้ และวันที่ 1 เม.ย. 66 จะมีพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาสีหูกวางเกมส์ ซึ่งเป็นกีฬาภายในของมหาวิทยาลัยสยาม ทั้ง 13 คณะ ซึ่งได้งดจัดการแข่งขันมา 2 ปีจากภาวะโควิด-19 จึงขอเชิญ พล.อ.ประวิตร ให้เกียรติมาร่วมงานด้วย

“พวกเราอยากเห็นลุงป้อมตัวเป็น ๆ จะได้ไปขอกอด เพราะจากการได้พูดคุยรู้สึกว่าลุงป้อมใจดี และขอเป็นกำลังใจให้ลุงป้อมด้วย” ตัวแทนนักศึกษา ระบุ

พล.อ.ประวิตร กล่าวตอบว่า การจะก้าวความขัดแย้งได้นั้นก็อยู่ที่ลูกหลานด้วย ส่วนตนจะทำให้ดีที่สุด และวันที่ 1 เม.ย.66 ตนรับปากจะไปเป็นประธานเปิดพิธีกีฬาสีของมหาวิทยาลัยให้ และขอให้ทุกคนโชคดี เรียนหนังสือเก่ง ๆ

บิ๊กป้อมบุกเมืองชาละวันนำทีมพลังประชารัฐจัดเวทีปราศรัยเปิดตัวผู้สมัคร3เขตลงสู้ศึกเลือกตั้ง 

ลุงป้อมยกทัพนำทีมขุนพลพลังประชารัฐเปิดเวทีปราศรัยพร้อมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.พิจิตรทั้ง 3 เขต ท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุแต่อุณหภูมิการเมืองที่เมืองชาละวันร้อนถึงขั้นปรอทแตก เมื่อผู้กองธรรมนัสให้คำยืนยันสู้ไม่ถอยชี้พิจิตรยุคนี้ไม่มีใครเป็นบ้านใหญ่แล้ว
  

วันเสาร์ที่ 25 มีนาคม 2566  ณ  สนามวิทยาลัยเทคนิคพิจิตร  พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ   รองนายกรัฐมนตรี และเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางพร้อมคณะมาเพื่อเปิดเวทีปราศรัยใหญ่เพื่อเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.พิจิตร ทั้ง 3 เขต ซึ่ง เขต 1 คือ  นายพรชัย  อินทร์สุข , เขต 2 คือ นางณริยา  บุญเสรฐ  ,  นายเอกวิชญ์   เรืองมาลัย "เจมส์" ( ซึ่งเป็นลูกเขยของเจ๊หนิง ประธานชมรมโรงสีพิจิตร) โดยมีกองเชียร์ที่เดินทางมาจาก 12 อำเภอ เกือบ 1 หมื่นคน ที่ขนกันมาร่วมฟังการปราศรัยในครั้งนี้กันอย่างคึกคักท่ามกลางอากาศของวันนี้ที่ร้อนระอุ อุณหภูมิสูงถึง 39 องศา สำหรับผู้ปราศรัยประกอบด้วยผู้นำของพรรคพลังประชารัฐที่เป็นไฮไลท์ก็คงต้องยกให้ “ลุงป้อม” ที่กล่าวปราศรัยชูนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้งขจัดทุกปัญหาพัฒนาทุกพื้นที่ โดยโฟกัสการพัฒนาแหล่งน้ำของจังหวัดพิจิตรและนโยบายบริหารจัดการน้ำและพืชผลทางการเกษตร รวมถึงการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอีกทั้งนโยบายสานต่อบัตรประชารัฐ 700 บาท  เรียกเสียงปรบมือจากกองเชียร์ได้เป็นระยะๆ การใช้เวลาในการปราศรัยเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเวลา 17.30 น. – 18.15 น. 

‘วราเทพ’ มั่นใจ ‘พปชร.’ ได้นั่งส.ส. ยกทีมทั้ง 4 เขต พร้อมผลักดันยุทธศาสตร์ สร้างประโยชน์ให้ประชาชน

‘วราเทพ’ มั่นใจ พปชร. รักษาฐานมั่นกำแพงเพชร ยกความเหนียวแน่น กวาดยก 4 เขตทั้งจังหวัด

(26 มี.ค.66) ที่ลานตลาดนัดวันอาทิตย์ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร นายวราเทพ รัตนากร กรรมการฝ่ายนโยบายและฝ่ายอำนวยการพรรคพลังประชารัฐ และอดีต ส.ส.กำแพงเพชร ให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่หาเสียงช่วย 4 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กำแพงเพชร ถึงความมั่นใจในการเลือกตั้งของจ.กำแพงเพชร ว่าหลายคนอาจสงสัยทำไม จ.กำแพงเพชร ส.ส.ยังอยู่กันเหนียวแน่น ก็เพราะว่านักการเมืองอาวุโสได้สร้างไว้

“ได้พูดคุยอยู่ตลอดว่า ไม่ว่าเราจะอยู่พรรคการเมืองไหนก็ตาม เราจะอยู่กันเป็นทีมไปแบบนี้ เพราะฉะนั้นเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เราก็จะผ่านไปเป็นส.สได้เหมือนเดิม ยกทีมทั้งจังหวัด และพลังประชารัฐก็เป็นพรรคที่เราอยู่ด้วยกันมานาน แต่ถึงแม้ตนไม่ได้ลงสมัคร แต่ได้พูดคุยกับผู้สมัครทุกคนแล้ว มั่นใจว่าพรรคนี้จะสามารถทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้ เพราะฉะนั้นมั่นใจว่า 4 เขต และ 1 บัญชีรายชื่อจะสามารถเข้าไปเติมเต็มพรรคพลังประชารัฐได้“นายวราเทพ กล่าว

‘ลุงป้อม’ อ้อนชาวกำแพงเพชร เลือก ‘พปชร.’ ยกจังหวัด เผย “ผมพูดไม่เก่ง แต่ทำงานเพื่อประโยชน์ของปชช.ได้”

พล.อ.ประวิตร' นำ พปชร.ปราศรัยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครกำแพงเพชร ยกจังหวัด ลั่น!! ถึงจะพูดไม่เก่ง สามารถประสานประโยชน์เพื่อ ปชช. เชื่อคนไทยส่งนั่งนายกฯคนที่ 30 

(26 มี.ค.66) ณ ลานตลาดนัดวันอาทิตย์ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดเวทีปราศรัย นําโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร., นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค, นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรค พปชร., นายวราเทพ รัตนากร กรรมการฝ่ายนโยบาย โดยมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร จ.กำแพงเพชร ทั้ง 4 เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน ประกอบไปด้วย...

นายสุรสิทธิ์ วงศ์วิทยานันท, นายไผ่ ลิกค์ เขต 1, นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ เขต 2, นายอนันต์ อำนวยผล เขต 3, นายปริญญา ฤกษ์หร่าย เขต 4 โดยบรรยากาศเวทีปราศรัยเป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีประชาชนร่วมรับฟังการปราศรัยกว่า 10,000 คน มีการชูป้ายข้อความ นายกฯ คนที่ 30 มาแล้ว, ประชารัฐ 700 และเรารักลุงป้อม รวมถึงมีการส่งเสียงเชียร์ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ให้ได้

พล.อ.ประวิตร กล่าวในเวทีปราศรัยกับประชาชนว่า ตนรู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมากที่ได้มาอยู่ท่ามกลางชาวจังหวัดกำแพงเพชร เราจะทำทุกอย่างเพื่อจะก้าวข้ามยากจน ความเจริญรุ่งเรืองของจังหวัดกำแพงเพชรขึ้นอยู่กับความร่วมมือกับชาวกำแพงเพชรและ พปชร. ซึ่งพวกเราพร้อมแล้วที่จะมาทำงานให้กับชาวกำแพงเพชร  เราจะร่วมมือกันที่จะพัฒนาจังหวัดกำแพงเพชรให้เจริญอย่างยั่งยืน พรรคพลังประชารัฐได้คัดสรรคนดี คนเก่งที่จะมาเป็นตัวแทนของประชาชน ขอให้เลือกผู้สมัครของเราทั้ง 4 คนด้วย 

"พรรคพลังประชารัฐ คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะฉะนั้นนโยบายทุกข้อของเราทำเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ไม่ว่าจะเป็นโครงการบัตรประชารัฐการดูแลผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ รวมถึงการลดราคาน้ำมัน แก๊ส ไฟฟ้า ให้กับทุกคน และเราก็จะดูแลผู้สูงอายุ รวมไปถึงแม่และเด็กในทุกช่วงวัย"

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาตนได้แก้ปัญหาปัญหาน้ำแล้ง น้ำท่วม จะเห็นได้ว่าไม่มีปัญหาภัยแล้งอีกเลยตลอด 4 ปีที่ผ่านมา มีเรา ไม่มีแล้ง อีกต่อไป และเมื่อมีเรา ต้องมีที่ทำกิน ให้กับพี่น้องประชาชนทุกคน ในส่วนปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ อาชญากรรมออนไลน์ ที่เป็นอันตรายต่อประเทศ ต้องแก้ปัญหาได้ทันที 

"ขอโอกาสจากทุกคน เราจะนำความรัก ความสามัคคีมาสู่ประเทศชาติหมดเวลาแล้วที่คนไทยจะมาทะเลาะกันเอง ต้องจับมือกัน นำประเทศไปสู่ก้าวหน้า เพื่อความสงบของคนไทยทุกคน ฝากกับทุกคนว่า ถ้าอยากให้ประเทศมีความรัก สงบสุข สันติภาพเกิดขึ้น และมีความเป็นหนึ่งเดียวต้องเลือกพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น ผมพูดไม่เก่ง แต่ทำงานประสานเพื่อประโยชน์ของประชาชนได้ และนำพาคนเก่งๆ มาทำงานให้กับประชาชนได้"

ด้านนายวราเทพ กล่าวปราศรัยว่า ในตอนนี้จังหวัดกำแพงเพชร เป็นจังหวัดที่เนื้อหอมมากที่สุดเพราะทุกพรรคการเมืองอยากจะได้ทีม ส.ส.ชุดนี้ไปอยู่ด้วย เพราะเชื่อมั่นว่าเป็น ส.ส.ที่มีคุณภาพ เมื่อส่งลงสมัครรับเลือกตั้งแล้วประชาชนจะให้การสนับสนุน ตอนนี้ขอเพียงแค่ชาวกำแพงเพชรให้สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ เพื่อไปเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และสานต่อนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เพราะเมื่อครั้งที่ผ่านมา หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี จึงไม่สามารถดำเนินการนโยบายต่างๆ ได้ทั้งหมด แต่ครั้งนี้ หาก พล.อ.ประวิตร ได้ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี นโยบายทุกข้อที่พรรคพลังประชารัฐประกาศเอาไว้กับประชาชน จะถูกผลักดันและดำเนินการในทันที

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวปราศรัยว่า จังหวัดกำแพงเพชรไปจังหวัดที่มีโอกาสที่จะมีตัวแทนเข้าไปเป็นต่อต่อแทนทำหน้าที่แทนทุกคนถึงห้าท่าน ต้นการันตีว่าทั้งห้าคนทำงาน ส.ส.อย่างมีประสิทธิภาพ ฝากไปบอกพรรคอื่นเลยว่าใครที่คิดจะเข้ามาตีกำแพงเพชรเป็นไปไม่ได้   เพราะเราจะตั้งป้อมไว้หน้ากำแพงเพชรใครเข้ามาเอาตังปลอมเอาไว้ทั้งหมดไม่ให้ใครเข้ามาตีกำแพงเพชรได้

"พลังประชารัฐของเราจะก้าวข้ามความขัดแย้งสีเหลืองสีแดงจะไม่มีเกิดขึ้นในประเทศไทยอีก เรามีธงชาติคืนเดียวสามสีคือขาวแดงน้ำเงิน ชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ทรงอยู่คู่กับคนไทยนำประเทศไทยไปสู่ความมั่นคงมั่งคั่งอย่างยังยืน ผมขอประกาศทำสงครามกับที่ดินเถื่อน ที่ทำกินของพี่น้องประชาชนจะต้องไม่มีที่ดินเถื่อน"

ร.อ.ธรรมนัส กล่าว พรรคพลังประชารัฐมีบุคลากรที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ อย่างเช่น ท่านวราเทพ ที่ถือเป็นเพชรเม็ดงามชาวกำแพงเพชร เพราะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังนโยบายดี ๆ เพื่อประชาชนอย่าง บัตรประชารัฐ และครั้งนี้ก็เช่นกัน เพราะเราจะดูแลกลุ่มเปราะบางอย่าง ผู้สูงอายุ 

‘ลุงป้อม’ เมินไม่ติดโพล 1 ใน 10 นายกฯ ของคนกรุงเทพฯ เผย ไม่ต้องปรับยุทธศาสตร์ ชี้!! กระแสนิยมดีขึ้นตลอด

‘ประวิตร’ เมิน ไม่ติดโพล 1 ใน 10 นายกฯของคน กทม. ชี้ ปชช. เป็นคนตัดสินนายกฯ คนที่ 30 ยัน ‘นฤมล’ ไม่งอน-ไม่น้อยใจ ทิ้งปาร์ตี้ลิสต์เอง

(26 มี.ค.66) ที่จ.กำแพงเพชร พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าป่วยต้องให้หมอเข้าไปรักษาที่มูลนิธิอนุรักษ์รอยต่อ 5 จังหวัด ก่อนขึ้นเวทีปราศรัยว่า  ไม่ได้ป่วย ยังแข็งแรงดี และย้อนถามผู้สื่อข่าวว่าใครเป็นคนบอก

เมื่อถามถึงผลสำรวจของนิด้าโพล คนกทม. ที่ไม่ปรากฏชื่อตนอยู่ในลิสต์ 10 อันดับแรกนายกฯ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เขาเอาชื่อออก ให้ไปถามคนจัดโพลเอง ยืนยันไม่สูญเสียความมั่นใจ และไม่ต้องปรับยุทธศาสตร์อะไร  กระแสนิยมของตนนั้นดีขึ้นตลอด  เมื่อถามย้ำว่า ผลโพล เชื่อได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ว่ากันไป เรื่องของโพลคือเรื่องของโพล มั่นใจกระแสของตัวเองและประชาชน 

ผู้สื่อข่าวถามว่า พร้อมเป็นนายกฯ คนที่ 30 หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ให้เป็นเรื่องของประชาชนเป็นคนเลือก หากเลือกก็พร้อม ก่อนที่จะย้อนสื่อมวลชนว่า คุณเลือกหรือไม่ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top