Tuesday, 14 May 2024
นักท่องเที่ยว

‘การบินไทย’ เปิดบินในประเทศ 9 เส้นทาง ชดเชย ‘ไทยสมายล์’ หยุดบิน เริ่ม ธ.ค.นี้

(28 พ.ย. 66) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กลับมาให้บริการเส้นทางบินในประเทศในตารางบินฤดูหนาว 2566 รองรับการเดินทางและการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ จำนวน 9 เส้นทาง

โดยทำการบินด้วยเครื่องบินแอร์บัส A320 เริ่มวันที่ 29 ตุลาคม 2566 – 30 มีนาคม 2567 ใน ตารางบินฤดูหนาวนี้

การบินไทยกลับมาเปิดเส้นทางบินในประเทศ 9 เส้นทาง มีดังนี้

1.) เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 35 เที่ยวบิน 
2.) เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ภูเก็ต ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 56 เที่ยวบิน (เริ่มทำการบิน 1 ธันวาคม 2566) 
3.) เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-อุดรธานี ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 21 เที่ยวบิน (เริ่มทำการบิน 1 ธันวาคม 2566)
4.) เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-เชียงราย ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 14 เที่ยวบิน (เริ่มทำการบิน 1 มกราคม 2567)
5.) เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ขอนแก่น ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 28 เที่ยวบิน (เริ่มทำการบิน 1 มกราคม 2567)

6.) เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 14 เที่ยวบิน (เริ่มทำการบิน 1 มกราคม 2567)
7.) เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-กระบี่ ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 14 เที่ยวบิน (เริ่มทำการบิน 1 มกราคม 2567)
8.) เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-หาดใหญ่ ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 21 เที่ยวบิน (เริ่มทำการบิน 1 มกราคม 2567)
9.) เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-นราธิวาส ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน (เริ่มทำการบิน 1 มกราคม 2567)

ผู้โดยสารสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม รายละเอียดตารางบิน พร้อมสำรองที่นั่งและออกบัตรโดยสารได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงานขายการบินไทย

'นายกฯ' ลุยภูเก็ต!! สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว ติดตามฝึกซ้อมแผนช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล

‘นายกฯ เศรษฐา’ ลงพื้นที่ภูเก็ต ติดตามการฝึกซ้อมแผนบริหารจัดการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล-เยี่ยมชมห้องปฏิบัติการ CCTV หาดบางลา สั่งการเชื่อมโยงข้อมูลแบบบูรณาการทั้งจังหวัด เพิ่มศักยภาพการทำงานให้ครอบคลุม ย้ำสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว

(1 ธ.ค. 66) ที่บริเวณโรงแรม Kudo Hotel and Beach Club ตำบลป่าตอง อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ติดตามการฝึกซ้อมแผนการบริหารจัดการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเลสถานการณ์กรณีนักท่องเที่ยวฝ่าฝืนจุดห้ามเล่นน้ำ จมน้ำ เกิดเหตุสภาพอากาศแปรปรวน คลื่นสูง เรือโดยสารโดนกัน มีผู้บาดเจ็บและลอยคอในทะเล โดยมีนายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสรุปแผนการบริหารจัดการฯ ซึ่งจากการมีแผนการบริหารช่วยเหลือฯ ทำให้นักท่องเที่ยวประสบภัยทางทะเลเป็นศูนย์

ทั้งนี้ นายกฯ ชื่นชมและขอบคุณทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ให้ความสำคัญต่อการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ ซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นจริง แต่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะจังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองนักท่องเที่ยว สิ่งที่สำคัญคือการสร้างความไว้วางใจและสร้างความเชื่อมั่นต่อนักท่องเที่ยว ให้รู้สึกว่ามาพักผ่อนแล้วเกิดความปลอดภัยและมีความสบายใจ ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวเพิ่มขึ้น 

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้พบปะให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยวทางทะเล โดยได้กล่าวให้กำลังใจต่อความเสียสละทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว

เสร็จแล้ว นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมห้องปฏิบัติการ CCTV หาดบางลา ซึ่งได้ประยุกต์ใช้ระบบ AI เสริมประสิทธิภาพการทำงาน สามารถตรวจสอบบุคคล ตรวจสอบการเดินทางและยานพาหนะ โดยเชื่อมโยงข้อมูลทั้งหาดบางลา หากพบบุคคลมีหมายจับ หรือรถต้องสงสัย ระบบจะแจ้งเตือนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปยังจุดหมายเพื่อทำการตรวจค้นจับกุม รวมถึงระบบสามารถสืบค้นหานักท่องเที่ยวที่หลงทางได้อีกด้วย โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้เชื่อมโยงข้อมูลแบบบูรณาการทั้งจังหวัด เพื่อเพิ่มศักยภาพการทำงานให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น

เปิด 5 ชาติ เดินทางเข้าไทยสูงสุด (ช่วงวันที่ 1 ม.ค.-3 ธ.ค.66)

สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวล่าสุด พบว่าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 3 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย ทั้งสิ้น 25,081,212 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 1,067,513 ล้านบาท

โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ มาเลเซีย จีน เกาหลีใต้ อินเดีย รัสเซีย 

‘ททท.’ เผย ยอดต่างชาติเที่ยวไทย ปี 66 ทะลุเป้า 27 ล้านคน สวนทางรายได้ วืดเป้า 4 แสนล้าน เหตุเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก

เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 66 นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.คาดว่าตลอดปี 2566 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยกว่า 27 ล้านคน สร้างรายได้จากตลาดต่างประเทศ 1.2 ล้านล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ ททท. ตั้งไว้ตลอดปีนี้ ซึ่งตั้งเป้ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 25-28 ล้านคน สร้างรายได้ 1.6 ล้านล้านบาท

หลังจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 3 ธ.ค. 2566 รวม 25,081,212 คน สร้างรายได้ 1,067,513 ล้านบาท และเมื่อประเมินเฉพาะเดือน ธ.ค. ซึ่งตรงกับช่วงเทศกาลปีใหม่ จึงคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา 2 ล้านคน สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท

“ด้วยปัญหาเศรษฐกิจโลก ปัญหาจำนวนเที่ยวบินยังไม่กลับมาเป็นปกติ ขณะที่ตลาดนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นความหวังว่าจะเห็นการฟื้นตัว 4-4.04 ล้านคน น่าจะได้จริงเพียง 3.4-3.5 ล้านคน ห่างจากปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาดที่มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยกว่า 11 ล้านคน เนื่องจากในตอนนี้เศรษฐกิจจีนเองกำลังมีปัญหา และรัฐบาลจีนเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ เห็นได้จากค่าตั๋วเครื่องบินภายในประเทศจีน เดือน ธ.ค. เฉลี่ย 590 หยวน ลดลง 19% จากเดือน พ.ย. ที่มีราคา 728 หยวน ส่วนราคาตั๋วเครื่องบินไปต่างประเทศในเดือน ธ.ค. ราคาเท่ากับเดือน พ.ย. ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 1,980 หยวน ทำให้คนจีนออกท่องเที่ยวภายในประเทศกันเป็นจำนวนมาก” ผู้ว่าการ ททท. กล่าว

ด้านกระแสการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของคนไทย จากสถิติช่วง 11 เดือนแรก ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 30 พ.ย.ที่ผ่านมา พบว่ามีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย (รวมนักท่องเที่ยวและนักทัศนาจร) เดินทางสะสมแล้ว 228 ล้านคน-ครั้ง สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ตลอดปี 2566 ที่ 200 ล้านคน-ครั้ง และคาดว่าทั้งปีนี้จะไปถึง 240 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 8 แสนล้านบาท เนื่องจากคนไทยใช้จ่ายน้อยลง แต่มีความถี่ในการเดินทางมากขึ้นจากการกระตุ้นของรัฐบาล

“แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจะเป็นไปตามเป้าหมาย แต่เมื่อรวมรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.2 ล้านล้านบาท และนักท่องเที่ยวไทยอีก 8 แสนล้านบาท ทำให้ในปี 2566 ประเทศไทยจะมีรายได้รวมการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาท ต่ำกว่าเป้ารายได้ที่ตั้งไว้ 2.4 ล้านล้านบาท หรือขาดไป 4 แสนล้านบาท” ผู้ว่าการ ททท. กล่าว

เหตุผลหลักมาจากรายได้ของนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริปที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรปซึ่งพักค้างคืนในไทยนานขึ้น ยังมีสัดส่วนน้อยกว่านักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีคนเดินทางเข้ามาจำนวนมาก แต่พักค้างระยะสั้น เช่น นักท่องเที่ยวมาเลเซีย ซึ่งคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีจำนวนเดินทางเข้าไทย 4.59 ล้านคน แต่มีค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริปที่ 26,000 บาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด

ส่วนนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งมีจำนวนมากเป็นอันดับ 2 ในปีนี้ คาดใช้จ่ายเฉลี่ย 50,000 บาท เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปี 2562 โดยรายงานจาก ‘อาลีเพย์’ (Alipay) ระบุว่า นักท่องเที่ยวจีนมียอดใช้จ่ายเฉพาะการชอปปิงและทานอาหารในไทย (ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินและที่พัก) เพิ่มขึ้น 100% จาก 10,000 บาทต่อทริป เป็น 20,000 บาทต่อทริป

นางสาวฐาปนีย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามที่รัฐบาลออกมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Exemption) หรือ ‘ฟรีวีซ่า’ เป็นการชั่วคราวให้แก่นักท่องเที่ยวจีน คาซัคสถาน อินเดีย และไต้หวัน พร้อมขยายระยะเวลาพำนักของนักท่องเที่ยวรัสเซียเป็นสูงสุดไม่เกิน 90 วันนั้น ได้ช่วยสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวอย่างมาก และถือว่ามาตรการนี้ได้ผล เห็นได้จากประเทศคู่แข่งได้ออกมาตรการอำนวยความสะดวกด้านวีซ่าเพื่อกระตุ้นตลาดเป้าหมาย โดยล่าสุดประเทศมาเลเซียเพิ่งประกาศมาตรการฟรีวีซ่าแก่ชาวจีนตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2566 ไปจนถึงสิ้นปี 2567

“ททท.เตรียมเสนอรัฐบาลต่ออายุมาตรการฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีน ที่จะหมดลงในวันที่ 29 ก.พ. 2567 รวมทั้งให้พิจารณาเพิ่มวันพำนักแก่นักท่องเที่ยวจากประเทศที่ได้รับฟรีวีซ่าอยู่แล้ว จาก 30 วัน ให้เพิ่มเป็น 90 วัน รวมทั้งเตรียมหารือกระทรวงการต่างประเทศ ให้ชาวต่างชาติที่ทำวีซ่านักท่องเที่ยวสามารถเข้าออกประเทศไทยได้หลายครั้ง (Multiple Visa) เพื่อรองรับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว ที่สนใจเดินทางจากไทยเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ดึงดูดให้เขากลับมาเที่ยวประเทศไทยอีก” ผู้ว่าการ ททท. กล่าว

'ปราสาทพนมรุ้ง' คึกคัก!! นักท่องเที่ยวหลั่งไหลช่วงหยุดยาว ตกวันละไม่ต่ำกว่า 1-2 พันคน ทำแม่ค้ายิ้มปริรับรายได้เพิ่ม

(11 ธ.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชน และนักท่องเที่ยวจากหลายจังหวัด รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ได้พาครอบครัว และเป็นคณะทัวร์ เดินทางขึ้นไปสัมผัสอากาศหนาวเย็น พร้อมเที่ยวชมความงดงาม และขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บนปราสาทพนมรุ้ง ตั้งอยู่บนอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางอารยธรรมขอมโบราณอายุหลายพันปี ช่วงวันหยุดยาวกันอย่างคึกคัก พร้อมสัมผัสกับสภาพอากาศหนาวเย็น เนื่องจากปราสาทพนมรุ้งตั้งอยู่บนยอดเขาสูง หากใครเดินทางขึ้นมาเที่ยวช่วงนี้ก็จะได้สัมผัสกับลมหนาวและทัศนียภาพที่สวยงาม  

โดยช่วงนี้ก็มีนักท่องเที่ยว ทั้งที่มาเป็นครอบครัวและมาเป็นคณะทัวร์ เดินทางขึ้นมาเที่ยวสัมผัสลมหนาว และชมความงดงามของปราสาทพนมรุ้ง วันละ 1,000 - 2,000 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงหยุดเสาร์-อาทิตย์ปกติเท่าตัว และคาดว่าหากอากาศหนาวเย็นมากขึ้นก็จะมีนักท่องเที่ยวขึ้นมาเที่ยวเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน

จึงส่งผลให้ร้านจำหน่ายสินค้าของฝาก ของที่ระลึกและร้านอาหารบนอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง มีรายได้จากการจับจ่ายของนักท่องเที่ยวคึกคักตามไปด้วย และคาดการณ์ว่าหากสภาพอากาศหนาวเย็นลงก็จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปถึงช่วงเทศกาลปีใหม่

ซึ่งช่วงนี้ถือเป็นช่วงเทศกาลไฮซีซั่น เข้าสู่ฤดูหนาว สภาพอากาศเย็นสบาย จึงมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมและขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนปราสาทพนมรุ้งอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงที่มีวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวัน จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นไปเที่ยวชมเฉลี่ยวันละไม่ต่ำกว่า 1 - 2 พันคน เพิ่มขึ้นจากช่วงปกติเท่าตัว ซึ่งทางอุทยานฯ ก็ได้มีการจัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกทั้งการจราจร ให้คำแนะนำตามจุดต่างๆ รวมถึงบรรยายเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของปราสาทพนมรุ้งด้วย

'สตม.' จัดกิจกรรมจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. ให้บริการ Mobile Service ตรวจคนเข้าเมืองเคลื่อนที่แก่นักท่องเที่ยว บริเวณถนนข้าวสาร

ตามนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. สั่งการให้ สตม. จัดกิจกรรมตามโครงการจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. 

เมื่อวานนี้ศุกร์ ที่ 22 ธันวาคม 2566 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล  อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. พล.ต.ต.ภานุมาศ บุญญลักษณ์ รอง ผบช. สตม. , พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช. สตม. , พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข รอง ผบช. สทส.ปรก.รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช. สตม. , พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา รองผบช. สตม. , พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ รอง ผบช. สอท. ปรก.รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ รอง ผบช.สตม. มอบหมายให้ พล.ต.ต.ประสาธน์  เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 , นำข้าราชการตำรวจจิตอาสาในสังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จำนวน 70 คน มาร่วมทำกิจกรรมจิตอาสา พระราชทาน 904 วปร. “เราทำความดี   ด้วยหัวใจ” โดย กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ได้เปิดให้บริการ Mobile service เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว บริเวณถนนข้าวสาร และพื้นที่ใกล้เคียง โดยมีการให้บริการ ดังนี้

1.บริการขออยู่ต่อเพื่อการท่องเที่ยวประเภท ผ.30 , ผผ.30 และ TR.

2.บริการ Re-entry permit งานอนุญาตเพื่อกลับเข้ามาในราชอาณาจักรอีก

3.บริการการรับแจ้งอยู่เกิน 90 วัน

4.บริการรับแจ้งที่พักอาศัย ตาม ม.38

ผบช.สตม. ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์หลักของการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อต้องการให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับประชาชนในทุกภาคส่วนอย่างใกล้ชิดในทุกมิติ บริเวณถนนข้าวสารเป็นแหล่งรวมนักท่องเที่ยว นอกจากมาให้บริการประชาชนแล้ว ยังเป็นการสอดส่องดูแลความปลอดภัย ให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เพื่อป้องกันอาชญากรข้ามชาติ ซึ่งอาจจะแฝงตัวเข้ามาในประเทศไทยของเราอีกทางหนึ่งด้วย 

กิจกรรมที่จัดขึ้นในวันนี้ยังถือเป็นโอกาสที่ดีในการประชาสัมพันธ์โครงการต่างๆของ สตม. อาทิเช่น การขออนุญาตเพื่ออยู่ต่อในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ “e-Extension” คนต่างด้าวสามารถดำเนินการกรอกข้อมูลได้ด้วยตนเองตลอดเวลา ผ่านระบบออนไลน์บนอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์ผ่านเว็บไซต์ และเข้ามาพบเจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันตัวบุคคล และรับสติ๊กเกอร์วีซ่าโดยใช้เวลาไม่เกิน 3 นาทีเท่านั้น

หลังจากกิจกรรมเสร็จสิ้นก็มีการทำความสะอาด บริเวณการให้บริการ และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ แก่ส่วนรวม

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิม พระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

‘ไทย’ เดินหน้ายกระดับมาตรการดูแล ’นักท่องเที่ยว‘ ส่งท้ายปี หวังทำให้ประเทศกลายเป็นหมุดหมายที่ ‘ปลอดภัย-เป็นมิตร’

เมื่อวานนี้ (23 ธ.ค.66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายชัย วัชรงค์ โฆษกรัฐบาลไทย เปิดเผยว่าไทยกำลังยกระดับมาตรการต่างๆ เพื่อรับประกันความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและอำนวยความสะดวกแก่การเดินทาง เพื่อตอบสนองการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะคึกคักเพิ่มขึ้นในช่วงส่งท้ายปี

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทย รายงานว่าไทยจะเน้นย้ำการเสริมสร้างมาตรการรักษาความปลอดภัย การบริการคมนาคมขนส่ง และการตระหนักรู้ความปลอดภัย ผ่านความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐ 12 แห่ง

ความพยายามเหล่านี้สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลไทย ซึ่งมุ่งทำให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวอันปลอดภัยและเป็นมิตร เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่พึ่งพาการท่องเที่ยวอันต้องการความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ช่วงวันที่ 22 ธ.ค.66 จนถึง 1 ม.ค.67 จะรวมอยู่ที่ 1.18 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 56 และรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะอยู่ที่ 4.17 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 60 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

ก่อนหน้านี้ นายชัย วัชรงค์ กล่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเยือนไทยจะอยู่ที่ 3.4-3.5 ล้านคน เมื่อนับถึงสิ้นปีนี้ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยตั้งเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนในปี 2024 จำนวน 8.2 ล้านคน

อนึ่ง นักท่องเที่ยวชาวจีนครองสัดส่วนประมาณร้อยละ 28 ของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเยือนไทยรวมเกือบ 40 ล้านคนในปี 2019 อันเป็นช่วงก่อนเกิดโรคระบาดใหญ่ โดยการท่องเที่ยวมีส่วนส่งเสริมผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทยราวร้อยละ 12

ผบช.สตม. จับมือผู้ว่า , นายก อบจ.ภูเก็ต เปิดประชุมสภากาแฟจังหวัดภูเก็ต ระดมความคิดสร้างเมืองภูเก็ตให้เข้มแข็ง พร้อมรับนักท่องเที่ยวอย่างประทับใจ ลั่นต้องช่วยกันควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้เสียภาพลักษณ์การท่องเที่ยว

วันนี้ (26 ธ.ค.66) เวลา 08.00 น. พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. เป็นประธานในการประชุมสภากาแฟสัญจร จว.ภูเก็ต โดยมี นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต , นายเรวัต อารีรอบ นายก อบจ.ภูเก็ต,​ พล.ร.ท.สุชาติ ธรรมพิทักษ์เวช ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 , นายประสิทธิ์ สินเสาวภาคย์ รองนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต , ผอ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต, แรงงานจังหวัดภูเก็ต หน่วยงานราชการและภาคเอกชน ทุกภาคส่วน เข้าร่วมในการประชุม ณ ตม.จว.ภูเก็ต

พล.ต.ท.อิทธิพล ฯ กล่าวว่า ที่เชิญทุกภาคส่วนมาประชุมสภากาแฟในวันนี้ เนื่องจากภูเก็ตเป็นจังหวัดที่สำคัญที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีนโยบายเปิด Visa Free ดึงนักท่องเที่ยวจากหลายๆ ประเทศ เช่น จีน รัสเซีย อินเดีย เป็นต้น จึงอยากมารับฟังปัญหาจากทุกภาคส่วน เพื่อบูรณาการกันแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วครบวงจร

ด้าน นายก้องศักดิ์ คู่พงศกร ประธานหอการค้า จ.ภูเก็ต กล่าวว่า เรามีนักท่องเที่ยวที่เข้ามาพำนักระยะยาว และมาต่อวีซ่า ขอให้ทำอย่างรวดเร็ว ประทับใจ อย่าให้เกิดปัญหาความล่าช้า อยากให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดเรื่องการป้องกันความปลอดภัย โดยเฉพาะพวกที่เข้ามาทำงานสีเทา เป็นมาเฟีย อยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยกวดขัน นอกจากนี้เรื่อง Big Data การแชร์ข้อมูลกันระหว่างหน่วยงาน เช่น การแจ้งที่พักของชาวต่างชาติ จะทำให้มีข้อมูลของชาวต่างชาติทั้งหมด ภาคเอกชนจะได้รับประโยชน์อย่างยิ่ง จากการรวบรวมข้อมูลของเจ้าหน้าที่

ผบช.สตม.ฯ กล่าวต่อว่า ในด้านความมั่นคงของจังหวัด อยากให้จังหวัดภูเก็ตมีคณะทำงานเพื่อคัดชาวต่างชาติหรือคนต่างด้าว เพื่อผู้ที่มีพฤติการณ์เป็นภัยต่อสังคม สามารถสนับสนุนข้อมูลให้ ตม.พิจารณาเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้  นอกจากนี้เราต้องช่วยกันดึงนักลงทุนชาวต่างชาติที่มีศักยภาพเข้ามาลงทุนในไทยให้มากๆ เพื่อช่วยรัฐบาล และเสริมศักยภาพด้านการท่องเที่ยว

นายเรวัต อารีรอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า อบจ.ภูเก็ต สนับสนุนรายได้ไปยังสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว ลูกค้าบางรายกว่าจะเข้ามาประเทศไทยเพื่อลงทุนได้ ค่อนข้างยากลำบาก เพราะฉะนั้นเข้ามาแล้ว เราต้องดูแลเขาเป็นอย่างดี ในเอเชียของเรามี 10 ประเทศที่เป็นคู่แข่งเกาะภูเก็ต เราต้องแข่งขันอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นต้องช่วยกันรักษาภาพลักษณ์ของจังหวัดภูเก็ต

นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช กงสุลกิตติมศักดิ์ ฮังการี กล่าวว่า เรามีนักลงทุนที่ยังไม่ได้รับการส่งเสริม คือนักลงทุนที่มาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ตเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเศรษฐกิจแรก 4 แสนล้าน มาจากการท่องเที่ยว แต่อีกด้านมาจากการซื้ออสังหาริมทรัพย์ บ้านจัดสรร คอนโด วิลล่า ภูเก็ตกำลังจะเป็นแบรนด์ดิ้งระดับโลก ใกล้ฮาวาย คนที่มาซื้ออสังหา มองอนาคตอีก 5-10 ปีข้างหน้า ส่วนใหญ่เป็นยุโรปตะวันออก จึงอยากให้ภาครัฐ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ช่วยสนับสนุนและผลักดันด้วย 

ด้าน นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวทิ้งท้ายว่า หลังจากนี้จะไปตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองการอยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าว เพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อน ควบคุมและคัดกรองชาวต่างชาติที่มาก่อความวุ่นวาย กระทบภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต และขอบคุณ ผบช.สตม.ที่มาแนะนำสิ่งที่มีประโยชน์ให้กับชาวภูเก็ต 

ชื่นชม!! พนักงานล่ามจีนไหวพริบดี ช่วยผู้โดยสาร 'แม่ลูกชาวจีน' ขึ้นเครื่องทัน 'ค้นหาหนังสือเดินทางเด็กจนเจอ-ประสานสายการบินว่าทั้งสองกำลังไป'

ไม่นานมานี้ เพจ 'ล่ามสนามบินสุวรรณภูมิ' ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีผู้โดยสารชาวจีนท่านหนึ่งเกิดปัญหาค้นหาหนังสือเดินทางของลูกตนเองไม่เจอ แต่สุดท้ายได้พนักงานล่ามจีนของทางสนามบินสุวรรณภูมิเข้าช่วยเหลือ จนทั้งสองแม่ลูกได้เดินทางไปขึ้นเครื่องอย่างราบรื่น ว่า...

ผู้โดยสารชาวจีน กำลังเดินทางกลับประเทศ เมื่อไปถึง Boarding Gate พบว่าหนังสือเดินทางของลูกหาย พยายามค้นหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ จึงมาขอความช่วยเหลือพนักงานล่ามจีนตรงจุดเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ห้องโถงขาออก เพื่อช่วยตามหาหนังสือเดินทางของลูก

พนักงานล่ามจีนถามข้อมูลต่าง ๆ และช่วยโทรติดต่อทุกจุดที่ผู้โดยสารไป โทรไปเช็กที่ศูนย์ติดตามสัมภาระสูญหายของสนามบินก็แล้ว ร้านค้าใน Duty Free และ ตม. ทุกทีให้คำตอบเดียวกันว่า "ไม่พบ" 

คุณแม่มีภาวะเครียดและเหนื่อยล้าสะสม เพราะเดินทางกับเด็กแค่ 2 คน จึงเริ่มขึ้นเสียงดังใส่เด็ก น้องก็เริ่มร้องไห้ เหตุการณ์ดูตึงเครียดขึ้น เพราะใกล้เวลา Boarding Gate จะปิด พนักงานล่ามโทรไปแจ้งรายละเอียดเบื้องต้นกับสายการบินที่แม่ลูกใช้บริการ 

สุดท้ายคุณแม่เทของออกกระเป๋าทุกใบ ก็ยังไม่พบ แต่พนักงานล่ามสังเกตว่ายังมีอีกใบยังไม่รื้อค้น ก็คือใบสีเหลืองที่เด็กสะพายอยู่ และเมื่อเปิดออกก็พบหนังสือเดินทางของเด็กทันที คุณแม่รีบวิ่งไปที่ Boarding Gate พนักงานล่ามจีนโทรไปแจ้งสายการบินว่า ผู้โดยสารกำลังไป สุดท้ายทั้ง 2 คนได้เดินทางกลับจีน 

ส่อง 5 อันดับต่างชาติเที่ยวไทย ‘มากที่สุด’ ตั้งแต่ 1-7 ม.ค. 67

เมื่อวานนี้ (10 ม.ค. 67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ติดตามสถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยตามที่สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้อัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1-7 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยทั้งสิ้น 605,537 คน โดยนายกรัฐมนตรียินดีที่เปิดศักราชใหม่มาได้เพียง 7 วัน ประเทศไทยมีสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติสนใจมาท่องเที่ยวกว่า 6 แสนคน และนักท่องเที่ยวจีนเข้ามามากที่สุดเป็นอันดับ 1 ถือเป็นข่าวดีของการท่องเที่ยวไทย พร้อมย้ำเดินหน้ากระตุ้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยตลอดปีด้วยมาตรการวีซ่าฟรีแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ มั่นใจจะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวไทยในปี 2567  

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงรายงานของสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยทั้งสิ้น 605,537 คน นั้น จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 

อันดับ 1 จีน 81,854 คน 
อันดับ 2 มาเลเซีย 64,053 คน 
อันดับ 3 รัสเซีย 51,467 คน 
อันดับ 4 เกาหลีใต้ 43,894 คน 
อันดับ 5 อินเดีย 30,203 คน 

ด้านภาพรวมสัปดาห์ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาลดลง 184,106 คน หรือลดลง 23.32 % จากสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งเป็นการลดลงของนักท่องเที่ยวเกือบทุกตลาด เนื่องจากเสร็จสิ้นการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ในสัปดาห์ก่อนหน้า รวมถึงนักท่องเที่ยวตลาดหลักที่ลดลงด้วยเช่นกัน สำหรับสัปดาห์ถัดไป คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติปรับตัวเพิ่มขึ้น จากการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง หรือวีซ่าฟรี ให้แก่นักท่องเที่ยวจีน และคาซัคสถาน การขยายเวลาพำนักแก่นักท่องเที่ยวรัสเซีย และการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวตลาดระยะไกลในกลุ่มที่เดินทางหลังเทศกาลปีใหม่

“รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะผลักดันและขับเคลื่อนให้เกิดการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักและเป็นความหวังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยนายกรัฐมนตรีได้ตั้งเป้าหมายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวปี 2567 ให้ได้ 3.5 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการท่องเที่ยวภายในประเทศ 1.2 ล้านล้านบาท จากเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทย 205 ล้านคน-ครั้ง และรายได้จากการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.3 ล้านล้านบาท จากเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 35 ล้านคน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และประชาชนชาวไทย ร่วมกันผลักดันให้เป้าหมายดังกล่าวบรรลุผลสำเร็จ 

โดยในส่วนเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น รัฐบาลจะเดินหน้ากระตุ้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย ด้วยมาตรการวีซ่าฟรีแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง จากปี 2566 ที่รัฐบาลออกมาตรการวีซ่าฟรีให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจาก 60 ประเทศ/ดินแดน และในปี 2567 คาดว่าจำนวนประเทศ/ดินแดนที่ได้รับวีซ่าฟรีจะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการอำนวยความสะดวกการเดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทย และดึงดูดใจนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้เลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว โดยเชื่อมั่นว่ามาตรการวีซ่าฟรีจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไทยตลอดปี 2567” นายชัย กล่าวทิ้งท้าย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top