Monday, 19 May 2025
นักท่องเที่ยว

'นักข่าวเกาหลี' แซะไทย หลังมีกระแส #แบนเกาหลี ลั่น!! บอกคนไทยไม่มีเงิน แล้วเข้ามาทำอะไร?

(3 ก.ย. 67) เมื่อไม่นานมานี้ กระแส #แบนเกาหลี เริ่มกลับมาอีกครั้ง หลังมีประเด็น ตม.เกาหลี ไล่นักท่องเที่ยวไทยกลับประเทศด้วยเหตุผลที่ตอบคำถามที่ทางเจ้าหน้าที่ถามนักท่องเที่ยวว่า “หน้าโรงแรมมีต้นไม้กี่ต้น และห้องพักมีสีอะไร” จุดชนวนให้ชาวเน็ตไทยเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่น

กระทั่งต่อมา มีคนพบว่า นักข่าวสาวรายหนึ่งของเกาหลีใต้ ได้ทำคอนเทนต์แซะชาวไทยถึงกระแสแบนเกาหลี

ในคลิปวิดีโอมีการล้อเลียนกระแสแบนเกาหลีของคนไทย และพูดประมาณว่า “ตอน ตม. ถามคนไทยว่ามาทำอะไร บอกมาเที่ยว แต่พอถามว่ามีเงินเท่าไหร่ ทำไมถึงไม่มีเงินล่ะ?” เป็นการสื่อว่าคนไทยมีนัยบางอย่างแอบแฝงในการเข้าประเทศเกาหลี

คลิปวิดีโอนี้มียอดชมมากกว่าแสนครั้ง และมีคนเข้าไปถล่มคอมเมนต์มากมาย โดยเฉพาะคนไทยที่ได้เห็นถึงกับทนไม่ไหว มองว่าหญิงรายนี้มีอาชีพในงานข่าว ควรทำหน้าที่อย่างเป็นกลางในการนำเสนอความจริง ตีแผ่ว่าเกิดอะไรขึ้นมากกว่า

จากนั้นก็กลายเป็นสงครามระหว่างชาวเน็ตเกาหลีและชาวเน็ตไทย ชาวเน็ตเกาหลีหลายคนกลับเห็นด้วยกับคลิปวิดีโอนี้ และเข้ามาดูถูกคนไทย ส่วนฝั่งไทยก็ไม่ยอมตอกกลับแบบเจ็บๆ

อย่างไรก็ตามการที่คนไทยจำนวนมากที่ไปแบบถูกกฎหมายกลับโดนปฏิเสธด้วยสาเหตุที่ไร้สาระ ย่อมจำเป็นต้องหาคำตอบ และต้องได้รับการแก้ไขจากรัฐบาลเกาหลี

'นิวซีแลนด์' ขึ้นค่าธรรมเนียม 3 เท่า สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หนุนบริการสาธารณะ-ประสบการณ์ท่องเที่ยวดีๆ จากนิวซีแลนด์

(4 ก.ย.67) รัฐบาลนิวซีแลนด์ออกแถลงการณ์ว่า จะมีการขึ้นค่าธรรมเนียมสำหรับนักเดินทางต่างชาติ การอนุรักษ์และการท่องเที่ยว จากเดิม ราคา 742 บาท เพิ่มเป็น 2,232 บาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นเกือบ 3 เท่า เริ่มมีผลตั้งแต่ 1 ต.ค. นี้เป็นต้นไป เพื่อให้มั่นใจว่านักท่องเที่ยวได้มีส่วนสนับสนุนบริการสาธารณะ และประสบการณ์ดี ๆ ที่ได้รับ จากการท่องเที่ยวในประเทศ

ที่ผ่านมา นิวซีแลนด์เองก็เผชิญกับปัญหานักท่องเที่ยวล้น จนกระทบกับสภาพแวดล้อม ธรรมชาติ และโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ไม่ต่างจากที่อีกหลายประเทศเผชิญอยู่

สำหรับค่าธรรมเนียมเข้าประเทศ 742 บาท ถูกบังคับใช้มาตั้งแต่ ก.ค.ปี 2019 แต่จำนวนดังกล่าวยังไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น จากการรับมือกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากเกินไป

รัฐบาลระบุว่า ค่าธรรมเนียมยังอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ และมั่นใจว่านิวซีแลนด์จะยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม สมาคมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของนิวซีแลนด์ เชื่อว่าค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นจะทำให้นักท่องเที่ยวยิ่งไม่อยากเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศ ท่ามกลางการฟื้นตัวที่ช้ากว่าประเทศอื่น ๆ หลังมีการใช้มาตรการปิดพรมแดนอย่างเข้มงวด ช่วงโควิด-19 ระบาด

อย่างไรก็ตาม จำนวนนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน ยังอยู่ที่ 80% เมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวช่วงก่อนใช้มาตรการปิดพรมแดน

'อาเซียน-เอเชียใต้' แข่งดูดมนุษย์สายพันธุ์ 'ดิจิทัล นอแมดส์' หลังกลุ่มนี้สร้างเม็ดเงินทางเศรษฐกิจกว่า 26 ล้านล้านบาท

(23 ก.ย. 67) บราเธอร์ อะบรอด เปิดเผยรายงานการสำรวจ 'ดิจิทัล นอแมดส์' (Digital Nomads) ซึ่งหมายถึงกลุ่มคนที่มีอาชีพการทำงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หรือเป็นนายจ้างของตัวเอง (Self Employed) และทำงานในสถานที่ต่าง ๆ ที่อยู่ต่างประเทศในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง พบว่าในปี 2022 ที่ผ่านมากลุ่มคนเหล่านี้มีจำนวนมากถึง 35 ล้านคนทั่วโลก ที่สำคัญเป็นกลุ่มคนที่สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 787,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 26 ล้านล้านบาท และเป็นที่คาดการณ์ว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะเพิ่มจำนวนเป็น 60 ล้านคนภายในปี 2030 หรือเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1.5 เท่าอีก 6 ปีข้างหน้า

กลุ่มมนุษย์ดิจิทัล นอแมดส์ จึงกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของประเทศต่าง ๆ ที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียใต้และอาเซียน ซึ่งต้องการดึงดูดกลุ่มคนเหล่านี้ให้เดินทางเข้ามาทำงานและพักผ่อนท่องเที่ยวในเวลาเดียวกัน เนื่องจากสถิติการใช้จ่ายของกลุ่มคนดิจิทัล นอแมดส์ เฉลี่ยอยู่ที่ 22,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือกว่า 765,000 บาทต่อปี มูลค่าการใช้จ่ายดังกล่าวยังพบว่า มีจำนวนมากกว่ารายได้ประชาชาติในภาพรวม (Gross National Income) ของหลายประเทศที่อยู่ในแถบอาเซียน และเอเชียใต้ นอกจากนี้ การใช้ชีวิตและการทำงานสามารถใช้จ่ายเงินสูง ซึ่งเกี่ยวข้องกับรูปแบบการทำงานและการท่องเที่ยวแบบหรูหรา

สำหรับปัจจัยบวกที่มีผลให้กลุ่มมนุษย์ดิจิทัล นอแมดส์ สนใจและอยากจะเดินทางมาในภูมิภาคอาเซียน และเอเชียใต้นั้น ส่วนหนึ่งมาจากสภาวะของภูมิอากาศในแถบนี้อยู่ในเขตร้อน ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับในยุโรปหรืออเมริกาเหนือ ที่ต้องเผชิญกับความหนาวเย็นจัดในช่วงฤดูหนาว นอกจากนี้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ ซึ่งมีความแตกต่างโดยเฉพาะตัวด้านวัฒนธรรมมากมายหลายแห่งในทั้งสองภูมิภาค และปัจจัยสุดท้ายคือ ค่าใช้จ่ายถูกมากเมื่อเปรียบเทียบกับการทำงานในประเทศต้นทางของกลุ่มมนุษย์ดิจิทัล นอแมดส์

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในหลายประเทศชั้นนำในแถบอาเซียนและเอเชียใต้ที่เปิดตลาดรองรับกลุ่มมนุษย์ดิจิทัล นอแมดส์ โดยในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้ประกาศใช้มาตรการ ผ่อนคลายข้อจำกัดวีซ่าของชาวต่างประเทศย้อนกลับไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมารัฐบาลไทยประกาศใช้ วีซ่าฟรีเพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 90 จากเดิม 60 ประเทศทั่วโลก สำหรับการเข้ามาอยู่ในแต่ละครั้งของชาวต่างชาติกับวีซ่าฟรีนั้น จะสามารถอยู่ได้นานถึง 180 วันและสามารถขอต่อได้อีก 180 วัน และมีระยะเวลานานถึง 5 ปี

รัฐบาลประเทศอินโดนีเซีย ประกาศใช้มาตรการวีซ่าฟรีกับ 20 ประเทศซึ่งจะมีผลตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป ซึ่งจะมีระยะเวลาของมาตรการดังกล่าวนานถึง 1 ปี ด้านรัฐบาลประเทศมาเลเซียซึ่งใช้มาตรการวีซ่าฟรีให้กับชาวต่างชาติมาตั้งแต่ปี 2022 นั้นพบว่าเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา รัฐบาลมาเลเซียได้ขยายประเภทวีซ่าฟรีให้ครอบคลุมอีก 2 อาชีพของชาวต่างชาติ ได้แก่ บัญชี และทนายความที่ปรึกษาการลงทุน

รัฐบาลประเทศศรีลังกากำลังพิจารณา การออกวีซ่าใหม่ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดมนุษย์ดิจิทัล นอแมดส์ ด้วยความหวังว่าจะมีเม็ดเงินจากกลุ่มคนเหล่านี้ซึ่งเป็นคนต่างประเทศเข้ามาฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศศรีลังกาที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตอย่างรุนแรงในปี 2022 เป็นต้นมา ในปี 2023 ที่ผ่านมาศรีลังกาได้ออกวีซ่าที่ไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่าย ในการขอวีซ่า เพื่อดึงดูดชาวต่างประเทศจากจีน ญี่ปุ่น และอินเดีย นอกจากนี้รัฐบาลศรีลังกายังเตรียมที่จะขยายมาตรการดังกล่าวให้ครอบคลุมไปเป็น 30 ประเทศภายในเดือนตุลาคมนี้ 

อย่างไรก็ตาม ภาคธุรกิจและสังคมในประเทศต่างๆเหล่านี้ ล้วนมีความกังวลอย่างยิ่งกับมาตรการดังกล่าวที่จะส่งผลให้เกิดผลทางลบ ซึ่งได้แก่การเพิ่มขึ้นของอาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะอาชญากรรมโลกไซเบอร์

เชียงใหม่- เชียงใหม่- ท่าอากาศยานเชียงใหม่ พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว

ท่าอากาศยานเชียงใหม่ พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวและส่งต่อประสบการณ์ที่น่าประทับใจต่อผู้มาเยือน ภายใต้โครงการ 'Your Journey Our Priority' 
        
นาวาอากาศโท รณกร เฉลิมแสนยากร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวว่า เพื่อแสดงออกถึงความพร้อมต้อนรับผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ที่เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป ท่าอากาศยานเชียงใหม่ในฐานะประตูบานแรกที่จะเปิดรับผู้มาเยือน จึงได้จัดโครงการ 'Your Journey Our Priority' 

โดยการจัดจุดเช็กอิน จุดถ่ายภาพ ภายในอาคารผู้โดยสารหลายแห่ง โดยเฉพาะภายในห้องผู้โดยสารขาเข้าทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ซึ่งการประดับตกแต่งได้ใช้วัสดุจากธรรมชาติและงานหัตถกรรมพื้นบ้านล้านนา อาทิ ร่มกระดาษสา โคมล้านนา เครื่องจักสาน ตลอดจนสีสันพรรณไม้ต่างๆ เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถสัมผัสบรรยากาศกลิ่นอายล้านนาได้ตั้งแต่เดินทางมาถึง นอกจากนี้ยังได้จัดพื้นที่ Flower room บริเวณหน้าห้องผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ สำหรับผู้ที่ชอบถ่ายภาพลงโซเชียลมีเดีย และยังจัดพื้นที่ันันทนาการสำหรับเด็กในห้องโถงผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศเพื่อให้ผู้โดยสารผ่อนคลายระหว่างรอเวลาขึ้นเครื่องด้วย

ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ ยังกล่าวอีกว่า ในช่วงเทศกาลลอยกระทง หรือยี่เป็งของจังหวัดเชียงใหม่ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้ตกแต่งอาคารผู้โดยสาร ให้มีบรรยากาศแบบล้านนา พร้อมกับเปิดเพลงลอยกระทง เพื่อสร้างบรรยากาศสนุกสนาน และในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ยังได้จัดกิจกรรมการสอนทำกระทงจากวัสดุธรรมชาติ ณ บริเวณหน้าห้องขาเข้า อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ และแจกกระทงให้ผู้โดยสารนำไปลอยตามสถานที่ต่าง ๆ อีกด้วย

'ด.ต.เสน่ห์' ตร.ไทยเข็นนทท.เมาแอ๋ส่งที่พัก เผยเข้าใจหัวอกพ่อแม่ห่วงลูกหลาน

(6 ธ.ค. 67) ตำรวจไทยกลายเป็นที่ชื่นชมในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ หลังคลิปวิดีโอหนึ่งเผยให้เห็นการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวสาว 2 รายที่เมาหนักจนหมดสติบนเกาะพีพี โดยเว็บไซต์ข่าวในออสเตรเลียรายงานเหตุการณ์นี้เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา

ในคลิปวิดีโอเผยภาพ ด.ต.เสน่ห์ เจือละออง เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ สภ.เกาะพีพี ช่วยนักท่องเที่ยวหญิงอายุ 19 ปีจากออสเตรเลีย และ 23 ปีจากเยอรมนีที่หมดสติหลังจากดื่มหนักตลอดทั้งคืน เพื่อนนักท่องเที่ยวพยายามปลุกแต่ไม่สำเร็จ ด.ต.เสน่ห์จึงยืมรถเข็นจากร้านค้าในพื้นที่นำพวกเธอขึ้นรถและเข็นกลับไปยังที่พักอย่างระมัดระวัง เมื่อถึงโฮสเทล เพื่อน ๆ ของนักท่องเที่ยวร่วมมือกับ ด.ต.เสน่ห์ช่วยพาพวกเธอไปยังห้องพักอย่างปลอดภัย

ด.ต.เสน่ห์ เป็นคุณพ่อของลูกสาว 3 คน เปิดเผยว่าเขาเข้าใจหัวอกผู้ปกครองและต้องการปกป้องนักท่องเที่ยวจากอันตราย "ผมคิดว่าเราเหมือนเป็นผู้ปกครองที่พาพวกเขากลับบ้าน ทั้งสองคนเมามากจนพูดไม่ได้และยืนไม่ไหว ในสถานการณ์แบบนี้พวกเขาอาจเกิดอุบัติเหตุอย่างตกบันไดหรือทะเลได้ ผมจึงอยากมั่นใจว่าพวกเขาจะเข้านอนอย่างปลอดภัย"

ด.ต.เสน่ห์ย้ำว่า การช่วยนักท่องเที่ยวที่เมาหนักเป็นหน้าที่หนึ่งของตำรวจบนเกาะพีพี และเขาได้ทำแบบนี้มานานกว่า 2 ปีแล้ว โดยถือปฏิบัติตามโครงการ 'You drink, I drive เมาไม่ขับ กลับกับตำรวจ' ซึ่งช่วยดูแลนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่เมาจนไม่สามารถกลับที่พักเองได้

"เราไม่อยากลงโทษหรือตำหนิ แต่เลือกที่จะช่วยเหลือและปกป้องพวกเขาแทน เพราะเข้าใจว่าทุกคนมาเที่ยวที่เกาะพีพีเพื่อความสนุกสนาน"

เหตุการณ์นี้ไม่เพียงสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว แต่ยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของตำรวจไทยในสายตาชาวต่างชาติอีกด้วย

ฟรีวีซ่าดึงดูดต่างชาตินิยมเที่ยวโซนปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ สนามบินปักกิ่งทุบสถิติรับนทท.ทะลุ 1 ล้านคน

(9 ธ.ค. 67) ซินหัวรายงานว่า สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่งในกรุงปักกิ่งทางตอนเหนือและนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีน คร่าคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจากเกาหลีใต้ สเปน โปแลนด์ ไทย ฮังการี สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และเยอรมนี  

สืบเนื่องจากขยายนโยบายฟรีวีซ่าเป็นหมุดหมายสำคัญในการก้าวเดินสู่การเปิดกว้างยิ่งขึ้นของจีนและแสดงความเชื่อมั่นของจีนบนเวทีโลก โดยปัจจุบันมี 38 ประเทศ ที่สามารถเดินทางเข้าจีนแบบฟรีวีซ่า และนักเดินทางสามารถพำนักได้นานสูงสุด 30 วัน เมื่อนับถึงวันที่ 30 พ.ย. 2024

สื่อจีนระบุว่า จำนวนชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าสู่จีนในไตรมาสสาม (กรกฎาคม-กันยายน) ของปี 2024 สูงถึง 8.18 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 48.8 เมื่อเทียบปีต่อปี โดยส่วนหนึ่งเดินทางเข้าสู่จีนแบบฟรีวีซ่า 4.88 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 78.6 เมื่อเทียบปีต่อปี

รายงานดังกล่าวสอดคล้องกับ ข้อมูลจากท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง ต้าซิง ที่เผยว่าจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองในปีนี้ทะลุ 1 ล้านคน สร้างสถิติใหม่ด้านจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรายปีที่เข้า-ออกสนามบิน

จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติข้างต้นได้รับการยืนยันเมื่อ6 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยถือเป็นสถิติครั้งใหม่หลังมีการปรับใช้ชุดนโยบายเพื่ออำนวยความสะดวกให้ชาวต่างชาติในการเข้าประเทศจีน อันรวมถึงการเพิ่มจำนวนประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่าเข้าจีน ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยือนจีน

สนามบินปักกิ่ง ต้าซิง ยังขยายเครือข่ายเที่ยวบินระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีบริการเที่ยวบินสู่จุดหมายปลายทางระหว่างประเทศและจุดหมายปลายทางระดับภูมิภาครวม 43 แห่ง ครอบคลุม 25 ประเทศและภูมิภาค ทั่วยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง

ช่วงฤดูหนาว-ฤดูใบไม้ผลินี้สนามบินปักกิ่ง ต้าซิงมีแผนเปิดเส้นทางบินใหม่ๆ ไปยังหลายเมือง เช่น ซิดนีย์ เมลเบิร์น เวียงจันทน์ และคาซาบลังกา (โมร็อกโก) นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดเที่ยวบินสู่แอฟริกาและอเมริกาเหนือ ตลอดจนเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินที่บินไปตะวันออกกลางและรัสเซีย เพื่อเพิ่มทางเลือกเที่ยวบินระหว่างประเทศแก่ผู้โดยสาร

สนามบินแห่งนี้ยังเป็นหนึ่งในท่าด่านจำนวน 9 แห่ง ที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติ ให้ชาวต่างชาติสามารถแวะพักเครื่องระหว่างทาง (direct transit) ได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง

รรท.ผบช.สตม. บินด่วนตรวจความพร้อมสนามบินภูเก็ต ถก ผอ.ท่าอากาศยาน เตรียมรับนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเที่ยวเทศกาลคริสต์มาส และปีใหม่ คาดผู้โดยสารสูงถึงวันละ 23,000 คน มั่นใจเจ้าหน้าที่มีความพร้อม ทั้งด้านการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัย

(19 ธ.ค.67) เวลา 12.00 น. พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รรท.ผบช.สตม., พร้อมคณะ เดินทางมาตรวจความพร้อมการปฏิบัติงานของ ด่าน ตม.ท่าอากาศยานภูเก็ต มอบนโยบายแก่ผู้ปฏิบัติงาน พร้อมหารือแนวทางการบริหารงานร่วมกับ นายมนต์ชัย ตะโหนด ผอ.ท่าอากาศยานภูเก็ต เน้นการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวที่จะหลั่งไหลเข้ามาในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ 2568 

พล.ต.ต.ภาณุมาศ กล่าวว่า ภูเก็ตเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวหลักในภาคใต้ตอนบนที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ประกอบกับ รัฐบาลโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีนโยบายเร่งด่วนเรื่องส่งเสริมการท่องเที่ยวต่อยอดมาจากการยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยว (Visa Free) ให้กับ 93 ประเทศและดินแดนทั่วโลก ทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสำคัญ ซึ่งส่งผลดีให้เศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของไทยเป็นอย่างมาก

ปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านท่าอากาศยานภูเก็ตมากเป็นอันดับสาม รองจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง โดยคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศช่วง High season คือ ต.ค.-มี.ค. เฉลี่ยต่อวันสูงสุด 23,000 คน โดยในช่วงเดือน พ.ย.67 นักท่องเที่ยวสัญชาติที่เดินทางเข้ามามากอันดับแรกยังคงเป็น รัสเซีย เฉลี่ย 4,100 คนต่อวัน รองลงมา จีน วันละ 1,800 คน อินเดีย เฉลี่ยวันละ 1,790 คน ออสเตรเลีย 780 คน และสหราชอาณาจักร 730 คนต่อวัน ตามลำดับ เฉลี่ยทั้งเดือนมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประมาณ 520,000 ราย เปรียบเทียบปริมาณนักท่องเที่ยวเฉลี่ยช่วงเวลาเดียวกันกับในปี62 ก่อนโควิด พบว่ามีปริมาณนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง 6%

ด้าน นายมนต์ชัย ฯ ผอ.ท่าอากาศยานภูเก็ต กล่าวว่า ในห้วงเวลาเทศกาลคริสต์มาส ถึงปีใหม่ มีผู้โดยสารจองตั๋วเข้ามาแล้ว มีเที่ยวบินเฉลี่ย 355 เที่ยวบินต่อวัน เป็นเที่ยวบินภายในประเทศ 210 เที่ยว และเที่ยวบินระหว่างประเทศ 144 เที่ยวบิน จำนวนผู้โดยสารเข้าและออกประมาณ 60,000 คน ต่อวัน  ซึ่งคิดเป็น 110% ของก่อนสถานการณ์โควิด โดยเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประมาณ 40,000 คน และเป็นผู้โดยสารภายในประเทศประมาณ 20,000 คน ในอดีตก่อนช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด สัญชาติที่เดินทางมากที่สุดได้แก่ จีน รัสเซีย อินเดีย แต่ปัจจุบันกลับกัน โดยมีสัญชาติรัสเซีย จีน อินเดีย สูงที่สุดตามลำดับ 

รรท.ผบช.สตม.กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้อำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว สตม.จึงต้องเตรียมความพร้อมรองรับ โดยมีแนวทางลดขั้นตอนการตรวจเข้าราชอาณาจักร อาทิ ลดขั้นตอนการสแกนเอกสารขาเข้า งดการลงลายมือชื่อกำกับในตราประทับขาเข้า การบริหาร Snake line เพื่อลดระยะเวลาการตรวจที่อาจเกิดจากเหตุปัจจัยอื่น มีการเพิ่มกำลังในวันหยุดราชการ เสริมกำลังพลระหว่างงานแบบ SWING โดยใช้ตราประทับกลาง ระดมอุปกรณ์เครื่องมือ ยานพาหนะ เพื่อให้เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน ควบคู่ไปกับการคัดกรองกลุ่มคนต้องห้าม ไม่ให้แฝงตัวเข้ามารวมกลุ่มแก๊งก่ออาชญากรรมในประเทศได้ 

ทั้งนี้ได้กำชับให้เพิ่มความเข้มในการตรวจโดยเฉพาะบุคคลที่เดินทางมาจากประเทศเป้าหมาย จะต้องมีความเข้มงวดเป็นพิเศษ โดยได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อเฝ้าระวังเหตุและสืบสวนหาข่าวโดยเฉพาะในสนามบิน โดยไม่ให้กระทบต่อการอำนวยความสะดวกในการตรวจหนังสือเดินทางแก่นักท่องเที่ยว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าออกในช่วงเวลาดังกล่าว

ตม.จว.กระบี่ รวบหนุ่มออสเตรีย ขับเจ็ตสกี ชนนักท่องเที่ยวรัสเซียเสียชีวิต

ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. สั่งการให้สืบสวนจับกุมคนต่างด้าวที่กระทำผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการดูแลความสงบเรียบร้อยของสังคม ตลอดถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว 

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6,พ.ต.อ.กันตวัฒน์  พงศ์สถาบดี รอง ผบก.ตม.6 ,พ.ต.อ.สรธรรศจ์  เอี่ยมละออ ผกก.ตม.จว.กระบี่ สั่งการให้ พ.ต.ท.สุเมธ กนกเหมพันธ์ รอง ผกก.ตม.จว.กระบี่ ,ว่าที่ พ.ต.ท.วิรัตน์ อินทร์ยอด สว.ตม.จว.กระบี่, พ.ต.ต.ศานติพจน์ นวนเรือง สว.ตม.จว.กระบี่ พร้อมด้วยชุดสืบสวนปราบปราม ตม.จว.กระบี่ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะพีพี , ตำรวจ สภ.กะรน , ตำรวจท่องเที่ยว ส.ทท.3 กก.2 บก.ทท.3 บูรณาการร่วมเข้าตรวจค้นรีสอร์ตแห่งหนึ่งบนเกาะพีพี หลังทราบว่าคนต่างด้าวซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ เข้าพักอาศัยในรีสอร์ตดังกล่าว จากการตรวจค้นพบนายเดวิดฯ อายุ 25 ปี สัญชาติออสเตรีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ”ข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย“ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมานายเดวิดฯ ได้ขับเจ็ตสกีชนชายชาวรัสเซียเสียชีวิตขณะเล่นน้ำบริเวณชายหาดกะรน ตำบลกะรน จังหวัดภูเก็ต พยานในที่เกิดเหตุยืนยันว่าผู้ตายถูกเจ็ตสกีชน และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า เจ็ตสกีลำดังกล่าวขับมาด้วยความเร็ว ก่อนตีวงเลี้ยวชนเข้ากับผู้ตาย หลังเกิดเหตุ นายเดวิดฯ ได้เดินทางต่อมายังเกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ตำรวจจึงรวบรวมหลักฐาน ขออนุมัติศาลออกหมายจับ และสามารถติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยตำรวจชุดจับกุมได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.กะรน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้วยในพื้นที่จังหวัดกระบี่ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมาก ตม.จว.กระบี่ จึงได้มีมาตรการออกตรวจพื้นที่ ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวและประชาชน ตลอดจนสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว และหากประชาชนท่านใดพบเห็นการกระทำผิด กรุณาแจ้งมายัง ตม.จว.กระบี่ โทร 075 611097 จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

รอง ผบ.ตร. ขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนทั่วประเทศ พร้อมยกระดับการป้องกันปราบปรามผู้มีอิทธิพลและดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพในทุกมิต

(29 ม.ค.68) พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปทท.ตร.) , ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้างและผู้ร้ายสำคัญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอร.ตร.) เปิดเผยว่า ได้เร่งรัดแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชน ผ่าน ศปทท.ตร. และ ศปอร.ตร. รวมทั้งโครงการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในระดับสถานีตำรวจ มีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเสนอและแก้ไขปัญหา , ชุมชนและสังคมมีความสงบเรียบร้อย , ประชาชนมีอาชีพ มีรายได้ , ส่งเสริมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว เพื่อความผาสุกของประชาชนอย่างยั่งยืน โดยในปีงบประมาณ พ.ศ.2563 - 2567 มีการอบรมเครือข่ายประชาชนไปแล้ว 517,370 คน และในปีงบประมาณ พ.ศ.2568 อยู่ระหว่างดำเนินการอบรมเครือข่ายประชาชนที่เป็นผู้นำและผู้มีบทบาทในสังคมทุกสาขาอาชีพ จาก 1,483 สถานีตำรวจทั่วประเทศ สถานีตำรวจละ 50 คน รวมประมาณ 74,551 คน ทำให้ปัจจุบันมีเครือข่ายประชาชนแล้วจำนวนทั้งสิ้น 591,921  คน   

เครือข่ายประชาชนที่ผ่านการอบรมแล้ว จะเป็นผู้เสนอความต้องการและสะท้อนปัญหาในทุกด้าน ได้แก่ ด้านสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ความขัดแย้ง และปัญหาอื่นๆ มายังตำรวจที่ทำหน้าที่ประสานงานเครือข่าย แล้วนำเสนอคณะกรรมการระดับสถานีตำรวจ ซึ่งมีหัวหน้าสถานีตำรวจเป็นประธาน ดำเนินการแก้ไขปัญหา หากปัญหาดังกล่าวไม่สามารถแก้ไขได้ในระดับสถานีตำรวจ จะมีการเสนอไปยังคณะกรรมการระดับอำเภอ ระดับกองบังคับการ ระดับจังหวัด ระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และระดับรัฐบาล ตามลำดับ เพื่อตอบสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชนต่อไป

ผลการปฏิบัติในปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ได้รับรายงานปัญหาที่ประชาชนเดือนร้อน จำนวน 37,278 เรื่อง และได้ติดตามขับเคลื่อนและเร่งรัดให้หน่วยดำเนินการแก้ไขปัญหาเสร็จสิ้นแล้ว 37,261 เรื่อง คิดเป็น 99.9 % ได้แก่ 

1.ปัญหาด้านสังคม เช่น ยาเสพติด การแข่งรถในทาง การลักลอบเข้าเมือง กลุ่มผู้มีอิทธิพล แหล่งอบายมุขและสถานบริการ หนี้นอกระบบ อาชญากรรมที่เกี่ยวกับทรัพย์และเทคโนโลยี ฯลฯ จำนวน 26,422 เรื่อง แก้ไขได้ 26,410 เรื่อง คิดเป็น 99.95% 

2.ปัญหาด้านเศรษฐกิจ เช่น ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ค่าครองชีพสูง การว่างงาน ความยากจนปัญหาหนี้สิน การขาดแคลนที่ทำกิน ฯลฯ จำนวน 1,257 เรื่อง แก้ไขได้ 1,257 เรื่อง คิดเป็น 100%

3.ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การขาดแคลนแหล่งน้ำ มลภาวะทางอากาศ ฝุ่นควันโรงงานอุตสาหกรรม แหล่งเสื่อมโทรมในชุมชน ภัยแล้งและอุทกภัย ฯลฯ จำนวน 4,352 เรื่อง แก้ไขได้ 4,348 เรื่อง คิดเป็น 99.91%

4.ปัญหาด้านความขัดแย้ง เช่น ความเห็นต่างทางการเมือง ศาสนาและเชื้อชาติ ข้อพิพาทเรื่องที่ดินทำกินทับซ้อน การสร้างความเดือดร้อนรำคาญในรูปแบบต่าง ๆ ฯลฯ จำนวน 5,247 เรื่อง แก้ไขได้ 5,246 เรื่อง คิดเป็น 99.98%

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ประจวบฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความพร้อมในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการ ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ยกระดับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในทุกมิติ เพื่อความเชื่อมั่นในการเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทย ผ่านศูนย์ปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปทท.ตร. (Tourist Safety Operations Center : TSOC) ขับเคลื่อนให้ตำรวจทุกกองบัญชาการทั่วประเทศ ร่วมกับตำรวจท่องเที่ยว เพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวได้อย่างเป็นระบบ เชื่อมโยงกับศูนย์รับแจ้งเหตุ 1155 

ซึ่งมีบริการเจ้าหน้าที่ล่ามแปลภาษา 8 ภาษา ตลอด 24 ชั่วโมง ประสานการทำงานกับศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ในการรับแจ้งเหตุและร่วมกันระงับเหตุ ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว และสนับสนุนตำรวจท้องที่ในการแปลภาษาตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากผู้มีอิทธิพล สามารถแจ้งไปยังศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้างและผู้ร้ายสำคัญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอร.ตร.) ซึ่งมีเจ้าหน้าที่พร้อมปฏิบัติการ แก้ไขปัญหาให้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ทั้งนี้ ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายต่างทุ่มเทและตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ พร้อมระดมสรรพกำลังแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและนักท่องเที่ยวในทุกมิติ เพื่อให้ชุมชนสังคมมีความสงบเรียบร้อย ประชาชนมีอาชีพ มีรายได้ ส่งเสริมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว อำนวยความสะดวกและยกระดับความเชื่อมั่นในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว และต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องจริงจังให้เห็นผลเป็นรูปธรรม

ผบช.ทท. ประชุมขับเคลื่อน ศปทท.ภ.2 ยกระดับมาตรการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว สร้างความเชื่อมั่น รองรับสถานการณ์ในทุกมิติ 

ตามนโยบายของรัฐบาล โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในการส่งเสริมให้ทุกเมืองในประเทศไทยเป็นเมืองน่าเที่ยว มุ่งหวังให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำการท่องเที่ยวระดับโลก และเป็นการผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน และความปลอดภัยของการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงได้ยกระดับการดูแลรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและโดยเฉพาะชาวต่างชาติ เพื่อสอดรับกับนโยบายของรัฐบาล จึงได้จัดตั้ง "ศูนย์ปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" (ศปทท.ตร.) ประสานการปฏิบัติร่วมกันระหว่างกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กับหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องรวมถึงการบูรณาการขอความร่วมมือกับหน่วยงาน องค์กรภาครัฐและเอกชนจากทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับการดูแลรักษาความปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว

ล่าสุดวันนี้ (17 ก.พ.68 ) พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท.ในฐานะหัวหน้าส่วนอำนวยการ ศปทท.ตร. เป็นประธานการประชุม ขับเคลื่อนศูนย์ปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ตำรวจภูธรภาค 2 (ศปทท.ภ.2) ณ ห้องประชุม สภ.เมืองพัทยา โดย ผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบไปด้วย พล.ต.ต.มล.สันธิกร วรวรรณ รอง ผบช.ทท. , พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง รอง ผบช.ภ.2 ในฐานะหัวหน้า ศปทท.ภ.2 , พล.ต.ต.นรเศรษฐ์ สุวรรณนิกขะ ผบก.ทท.1 , พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี  , พ.ต.อ.พาติกรณ์ ศรชัย รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี/หน.ศปทท.ภ.จว.ชลบุรี พร้อมด้วย รอง ผบก.ในสังกัด ภ.2 ผ่านระบบทางไกลผ่านจอภาพ และผู้แทนคณะทำงานหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม

พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท.ในฐานะหัวหน้าส่วนอำนวยการ ศปทท.ตร. เปิดเผยหลังประชุม ว่า ด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีการจัดตั้ง 'ศูนย์ปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ' (ศปทท.ตร.) เพื่อดูแลยกระดับการรักษาความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวแบบครบวงจร ซึ่งอาศัยการบูณาการความร่วมมือ ระหว่าง ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจภูธร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจน้ำ กรมการปกครอง กรมเจ้าท่า ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยว และภาคเอกชน อาทิ เช่น สมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ประธานชุมชนวอล์คกิ้งสตรีท นายกสมาคมผู้ประกอบการสถานบันเทิงเมืองพัทยา และประธานผู้ประกอบการกลางคืนเมืองพัทยา โดยได้จัดทำข้อมูลท้องถิ่นในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญตามวงจรการท่องเที่ยว เพื่อนำมากำหนดจุดตรวจ เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานการดูเเลความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว รองรับกับสถานการณ์ในทุกรูปแบบต่อไป

โดยวันนี้ได้ลงพื้นมาที่กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 2 เพื่อประสานจ้อมูลท้องถิ่นด้านวงจรการท่องเที่ยว ไม่จะเป็นที่กิน ที่พัก แหล่งท่องเที่ยว และแหล่งจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยว รวมถึงจุดเสี่ยงและจุดที่เกิดปัญหาอาชญากรรมขึ้นบ่อย เพื่อบูรณาการร่วมกันภายใต้ Police 4.0 ในจุดตรวจ และการรับแจ้งเหตุในการติดตามช่วยเหลือกับนักท่องเที่ยว ซึ่งมีศูนย์ 1155 ส่วนของภูธรจังหวัดชลบุรีจะเป็น ศูนย์ 191 ซึ่งขณะนี้สามารถลิ้งเข้าร่วมกันทั้ง 3 สาย จากผู้แจ้งที่เป็นชาวต่างชาติเมื่อโทรมาที่ 191 ของจังหวัดสามารถติดต่อตามภาษาของนักท่องเที่ยวมาที่ ศูนย์ 1155 ก็จะติดต่อประสานการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวได้ ทั้งหมดถือเป็นความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน ซึ่งที่ผ่านมาการจับเคลื่อนศูนย์ดังกล่าวในพื้นพัทยาถือว่าได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ทำให้ปัญหาการก่อเหตุการ์ดทำร้ายนักท่องเที่ยวลดลง ปัญหาอาชญากรรมในแหล่งท่องเที่ยวลดลงจากความร่วมมือ แต่จะมีในส่วนเหตุที่นักท่องเที่ยวกับนักท่องเที่ยวด้วยกัน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องใช้มาตรการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น รวมถึงกรณีที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วเข้าหลักกเกณฑ์การพิกถอนวีซ่า จากนี้จะให้คณะทำงานภูธรจังหวัดชลบุรีในการพิจารณาพิกถอนวีซ่ากับนักท่องเที่ยวที่เข้าก่อเหตุและเข้าหลักเกณฑ์

ซึ่งหลังจากนั้นเสร็จสิ้นการประชุม ตำรวจท่องเที่ยว ได้มีการบูรณาการร่วมกับ สภ.เมืองพัทยา และ ตม.ชลบุรี ออกตรวจสอบ กวาดล้างบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายและทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ในพื้นที่เมืองพัทยา ซึ่งผลการปฏิบัติสามารถจับกุม บุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง โอเวอร์สเตย์ และทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต รวม 26 ราย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top