Sunday, 28 April 2024
ทักษิณ

‘ทิพานัน’ การันตี ‘นายกฯตู่’ ทำทุกอย่างเพื่อปชช. ซัด ‘ทักษิณ’ บิดเบือนข่าวขึ้นค่าแรง แต่ไม่พูดถึงโกงจำนำข้าว

‘ทิพานัน’ ย้ำ ‘บิ๊กตู่’ บริหารประเทศเพื่อประโยชน์ประชาชน ไม่ต้องหนีคุกลี้ภัย ซัด ‘ทักษิณ’ บิดเบือนข่าวค่าจ้างแรงงาน แต่ไม่เคยพูดถึงเรื่องโกงจำนำข้าว ชี้ คงอยู่ในจิตใต้สำนึก 

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีที่เฟซบุ๊ก CARE คิด เคลื่อน ไทย เผยแพร่ข้อความที่นายทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วู้ดซัม กล่าวพาดพิงด้วยข้อมูลที่คลาดเคลื่อนว่า ตนไม่ทราบว่านายทักษิณได้อ่านข่าวด้วยตนเองหรือไม่ ทำให้ออกมาวิจารณ์กันไปคนละเรื่องเช่นนี้ จนเกือบเข้าใจว่าเป็นปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารดิสเครดิตของฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ที่มักนำข้อมูลหรือคำให้สัมภาษณ์ของตนไปบิดเบือน แต่เมื่อตรวจสอบดูปรากฏว่าเป็นนายทักษิณที่ออกมาให้ความเห็นจริง ๆ ก็ทำให้รู้สึกเห็นใจนายทักษิณที่หลบหนีโทษจำคุกอยู่ไกลในต่างแดน ต้องขออภัยที่ข่าวสารจริงไม่ถึงท่าน หรือมีผู้นำไปถ่ายทอดให้ฟังแบบผิด ๆ ถูก ๆ หรืออาจสะเทือนใจกับคำว่า ‘นายกฯเถื่อน’  ที่เป็นวาทกรรมของพรรคเพื่อไทยเอง ทำให้เข้าใจไขว้เขว แล้วรีบออกมาให้ความเห็น ซึ่งอาจทำให้ประชาชนสับสน จึงอยากชี้แจงความจริงให้พี่น้องประชาชนทราบดังนี้

1. การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำไม่ได้ขึ้นแค่บางจังหวัด ความจริงคือ ถ้าผ่าน ครม. ก็จะขึ้นทั้งหมด 77 จังหวัดทั่วประเทศ แต่แบ่งเป็น 9 อัตราตามกลุ่มจังหวัดที่แตกต่างกัน เพราะมีสภาพเศรษฐกิจ สังคม ขนาดอุตสาหกรรมและความจำเป็นที่ต่างกัน ตามข้อสรุปการประชุม 3 ฝ่าย

2. ไม่เคยชี้แจงว่า ที่ขึ้นค่าแรงไม่ได้เพราะต้องเอาเงินไปจ่ายหนี้จำนำข้าว ความจริงคือ ได้ชี้แจงประชาชนไปว่า รัฐบาลพยายามหาแนวทางดำเนินการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำมาตลอด แต่เมื่อเจอวิกฤติโควิดจนกระทบธุรกิจของสถานประกอบการในทุกภาคส่วน การขึ้นค่าจ้างในเวลาดังกล่าวจึงไม่เหมาะสม แต่ก็จะทำให้เร็วที่สุดเมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลาย โดยคำนึงผลกระทบทั้งของนายจ้าง-ลูกจ้าง ซึ่งแม้ไม่ใช่เงินของรัฐ เป็นเงินของเอกชนก็ตาม แต่การบริหารนโยบายที่มีหลายส่วนเกี่ยวข้องต้องรอบคอบระมัดระวัง กระทรวงแรงงานจึงมีการประชุมร่วมกันของคณะกรรมการค่าจ้าง 3 ฝ่าย คือ ลูกจ้าง นายจ้าง และรัฐบาล โดยหาสมดุลระหว่าง ‘ค่าจ้าง-เงินเฟ้อ-ค่าครองชีพ’ ก่อนออกนโยบายเพื่อให้ทั้งนายจ้างอยู่ได้และลูกจ้างอยู่ดี จึงมีตัวเลขค่าจ้างขั้นต่ำออกมา

'ทะลุแก๊ส' ถล่ม 'ทักษิณ' ขุดสังหารหมู่ตากใบ การบังคับใช้แต่กม. จนปราศจากการยื่นมืออันอบอุ่น

'ทะลุแก๊ส' ถล่ม 'ทักษิณ' ขุดสังหารหมู่ตากใบ ประวัติศาสตร์ที่รัฐไทยบังคับอยากให้ลืม

(25 ต.ค. 65)กลุ่มทะลุแก๊ซ – Thalugaz @thalugazzz ทวิตข้อความว่า 18 ปี #สังหารหมู่ตากใบ ประวัติศาสตร์ที่รัฐไทยบังคับอยากให้ลืม หลายคนที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ในวันนั้นต้องกลายเป็นผู้พิการ เพราะอวัยวะถูกกดจากการนอนทับกัน 4-5 ชั้นหลายชั่วโมงในรถทหาร อยู่ในสภาพหายใจแทบไม่ออก ปัสสาวะและอุจจาระราด

กรณีตากใบ เป็นเหตุการณ์ความรุนแรงที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส วันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2547 สมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร โดยเหตุการณ์เริ่มต้นจากการชุมนุมเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านจำนวน 6 คนที่ถูกจับกุมตัว มีชาวบ้านในพื้นที่นั้นมามุงดูนับพันคนจนทหารต้องทำการปิดล้อมพื้นที่และสลายการชุมนุม มีผู้เสียชีวิตในพื้นที่ชุมนุม 6 คน

จากนั้นจึงมีการจับกุมกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวน 1,370 คน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 85 คน และถูกจับกุมประมาณ 1,300 คน นายทักษิณ ได้ให้สัมภาษณ์หลังจากนั้น 8 ปี ว่า “เสียใจที่เกิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และก็จำไม่ค่อยได้เพราะนานมาแล้ว”

นายทักษิณ ยอมรับว่าการอยู่มานานก็เริ่มใช้อำนาจมากไป ความจริงตามหลักของรัฐศาสตร์ต้องใช้ทั้ง 2 อย่าง อย่างมือ 2 ข้าง มือหนึ่ง เขาเรียกกำปั้นเหล็ก ใช้กฎหมาย แต่มืออีกข้าง ต้องเป็นถุงมือกำมะหยี่ คอยดูคอยให้ความอบอุ่น

“ผมอยู่ในอำนาจนานเข้าเรื่องมันเยอะ ผมจึงบังคับใช้แต่กฎหมาย ไม่ดีเลย ถ้าผมอยู่ต่อไป ต้องใช้ถุงมือกำมะหยี่ มืออบอุ่นให้มาก กฎหมายให้ใช้เท่าที่จำเป็นเพื่อความสงบเรียบร้อย”

แต่คำขอโทษอย่างเป็นทางการเกิดขึ้นในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ออกแถลงการณ์ว่า “ผมขอโทษแทนรัฐบาลชุดที่แล้ว และขอโทษแทนรัฐบาลนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะรัฐบาลชุดที่แล้ว ผมมาขอโทษแทน ผมอยากยื่นมือออกไปแล้วบอกว่าผมเป็นคนผิด ผมขอกล่าวคำขอโทษด้วยด้วยใจจริง”


ที่มา: https://www.thaipost.net/x-cite-news/248882/

‘ตรีชฎา’ เตือนคนปชป. ห่วงพรรคตัวเองก่อน ระวังซ้ำรอยปี 62 ไม่ได้ส.ส.กทม. สักที่เดียว

เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 65 น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า หลังจากที่ได้ชี้แจงกรณีที่นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล อดีต ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เลขานุการประธานสภาฯ ที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าในช่วงที่พรรคไทยรักไทยจนถึงเพื่อไทยเป็นรัฐบาล มีการใช้นโยบายเลือกปฏิบัติ รวมถึงพาดพิงเหตุการณ์ที่ตากใบ กรือเซะนั้น ขอย้ำว่าที่ผ่านมานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้ออกมากล่าวแสดงความเสียใจและขอโทษพี่น้องชาวมุสลิมแล้ว แม้ไม่ได้สั่งการแต่ในตอนนั้นเป็นนายกฯ ก็ได้ขอโทษพี่น้องชาวมุสลิมอย่างจริงใจ ถือว่าเป็นการผิดพลาดในเรื่องของการลำเลียงผู้ต้องหา ซึ่งต้องแยกกันระหว่างการกำกับนโยบายและการปฏิบัติ ส่วนเรื่องการชดเชยญาติผู้สูญเสียนั้น นายทักษิณเห็นว่าควรได้รับการเยียวยา ซึ่งขณะนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น ผบ.ทบ.เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง ซึ่งต้องเยียวยาครอบครัวของผู้เสียชีวิต

‘เศรษฐา ทวีสิน’ ผู้มีกลิ่นอายคล้าย ‘ทักษิณ’ หมากใหม่ ‘ตระกูลชิน’ ที่กำลังเร่งแสงเรียกศรัทธา

สำหรับคอการเมืองแล้ว ทุกคนคุ้นหูนักธุรกิจชื่อ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท แสนสิริ จำกัด ดี แต่ช่วงนี้ดูเหมือนว่าซีอีโอแสนสิริที่เพิ่งเปิดตัวว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในพรรคเพื่อไทยจะหิวแสงแสวงทัวร์ลงเป็นพิเศษ ซึ่งไม่น่าแปลกใจหรอก เพราะนี่เป็นเพียงยุทธศาสตร์สร้างความสนใจ เพื่อให้เป็นที่กล่าวขวัญถึงในโลกโซเชียลแบบไม่ต้องควักกระเป๋าโปรโมทตัวเองโดยไม่ต้องจ้างทีมพีอาร์แต่อย่างใด  

คนอย่างเศรษฐา รู้จักการใช้สื่อโซเชียลเป็นอย่างดี ไม่ใช่ไก่กามาจากไหน เพราะนิยมใช้สื่อโซเชียล โดยเฉพาะทวิตเตอร์ สื่อสารกับคนรุ่นใหม่อยู่ตลอดเวลา

ล่าสุด โพสต์ข้อความว่า “ถ่ายทอดสดบอลโลก 300 ล้านได้ถ่าย 32 คู่และได้เลือกคู่เด็ดๆ ก่อน 600 ล้านได้ที่เหลือ 32 คู่ ที่นี่ประเทศไทยที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงครับ”0

เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นดราม่า รถทัวร์จอดเพียบเต็มพื้นที่ เพราะชาวเน็ตถามว่าทางแสนสิริช่วยออกเงินค่าลิขสิทธิ์บอลโลกกี่บาท ซึ่งเศรษฐาตอบว่า “ไม่ได้ออกครับ” แล้วอ้างว่าบริษัทตนนั้นเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เล่นเอาเสียงวิพากษ์วิจารณ์กระหึ่ม ส่วนหนึ่งบอกว่าหากอยากเป็นแคนดิเดตนายกให้เปลี่ยนแปลงตัวเองก่อนที่จะสร้างกระแสความขัดแย้งให้สังคม เพราะกลุ่มบริษัทที่ช่วยออกเงินก็ไม่ใช่องค์กรสื่อ ธุรกิจอะไรถ้าอยากช่วยเหลือคนไทย ก็สามารถทำได้ทั้งนั้น 

ก่อนหน้าที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพเอเปกเพียงแค่วันเดียว เศรษฐา ทวีสินก็ตีปลาหน้าไซ ด้วยการโพสต์ข้อความว่า...“6-8 ปีที่ผ่านมา ผู้นำของเราไม่ได้นำประเทศไทยไปมีจุดยืนในเวทีโลกเลย ผู้นำคนต่อไปผมว่าต้องกล้าที่จะเดินออกไปสู่เวทีโลก” 

มองมาจากดาวอังคารยังเห็นว่า ต้องการดิสเครดิตนายกรัฐมนตรีของไทยที่เป็นเจ้าภาพในการจัดงานใหญ่ระดับโลก เป็นเหมือนการ 'ตีกัน' และ 'ตีกิน' ทางการเมืองของ 'ว่าที่' แคนดิเดตเพื่อไทย แบบมุขห้าบาทสิบบาทก็เอา ขอให้ได้แซะตีกระทบชิ่งบางคน

นี่เป็นหนังตัวอย่างที่ฉายให้เห็น 'ตัวตน' ของว่าที่แคนดิเดตพรรคเพื่อไทย ประเด็นที่น่าคิดคือทำไมต้องพรรคเพื่อไทย รู้ทั้งรู้ว่าหัวคะแนนทางอีสานเชิดชูสเปิร์มพันธ์แท้ของทักษิณ ชินวัตร อย่างอุ๊งอิ๊งสุดหัวใจ ที่น่าจับตามองคือ คนในตระกูลชินวัตรเปิดไฟเขียวพร้อมโบกธงให้เศรษฐาเข้ามาเป็นแคนดิเดตในพรรคอย่างชัดเจน 

ทั้งนี้หากให้ประเมินสถานการณ์ก็น่าจะเป็นความรักลูกสาวคนเล็กที่ตอนนี้กำลังท้องกำลังไส้ ไม่อยากให้เสี่ยงเกินตัว ดังเห็นได้จากการให้เล่นบท ‘หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย’ เท่านั้น แต่ก็นั่นแหละ ขนาดบทบาทนี้ ระดับหัวหน้าพรรคอย่างหมอชนน่านยังโค้งคำนับจนหลังแทบหักมาแล้ว 

การที่หวยมาออกที่เศรษฐา ทวีสิน เพราะภาพลักษณ์ของเศรษฐาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จระดับประเทศ ขณะที่อุ๊งอิ๊งยังเด็กเกินไป การดันเศรษฐาไม่ใช่เรื่องใหม่ คอการเมืองต่างรู้ว่านายใหญ่ดันให้เป็นหนึ่งในรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย มาตั้งแต่ปี 2563 หรือเมื่อ 2 ปีก่อน การดันเถ้าแก่แสนสิริเป็นแคนดิเดตเพราะมีความ ‘เหมือน’ ทักษิณหลายด้าน โดยเฉพาะการบริหารประเทศแบบเดียวกับบริหารบริษัท

'ศาสดาสามนิ้ว' ลากไส้โทนี่ เอาประโยชน์ตัวเองนำ เอาอิสรภาพมวลชน (ติดคุก) เป็นเครื่องมือ

(26 พ.ย. 65) นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ต้องหาคดี 112 ปัจจุบันลี้ภัยในประเทศฝรั่งเศส โพสตเฟซบุ๊ก วิพากษ์วิจารณ์นายทักษิณ ชินวัตร โดยมีรายละเอียดดังนี้

ทักษิณผิดตรงไหน?

ผมเขียนกระทู้นี้เพื่อให้เห็นชัดๆ ว่าในทัศนะของผม ทักษิณผิดตรงไหน

‘เพื่อไทย’ ร้อง กกต. เอาผิด ‘สนธิญา’ ฐานร้องความเท็จ ให้ยุบพรรคเพื่อไทย

(29 ธ.ค. 65) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) และรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือวิปฝ่ายค้าน พร้อมด้วยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงกรณีที่นายสนธิญา สวัสดี ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ยุบพรรคเพื่อไทย เหตุที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้เป็นบิดาที่ฮ่องกง โดยกล่าวหาว่าเป็นความผิดตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง โดย น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า จากเรื่องดังกล่าวทางพรรคเพื่อไทยได้ยื่นหนังสือถึงประธาน กกต.เพื่อขอให้สอบสวน ไต่สวนและดำเนินการกับนายสนธิญาแล้วกรณีฝ่าฝืนมาตรา 101 พ.ร.ป.พรรคการเมือง กรณีร้องเท็จโดยไม่มีมูล

น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า สิ่งที่นายสนธิญาทำถือว่าไม่ถูกต้อง ไม่สร้างสรรค์ เป็นการแจ้งความเท็จ บิดเบือนข้อมูลไปจากความเป็นจริง เพราะ น.ส.แพทองธารเป็นบุตรสาวนายทักษิณ การเดินทางไปพบกับครอบครัวในช่วงเทศกาลปีใหม่ถือเป็นเรื่องปกติ แต่นายสนธิญากลับพยายามทำให้เกิดความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชน ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงต้องร้อง กกต.เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง และทำให้พรรคเพื่อไทยเกิดความเสียหาย

แก้ปัญหาให้เก่งเหมือนใช้เงิน!! ‘ทักษิณ’ ซัดหนัก!! พรรคการเมืองคู่แข่งลอกนโยบาย เย้ย!! “จ่ายอย่างเดียว แต่ยังไม่เห็นนโยบายหาเงิน”

‘โทนี่’ แกว่งปากถล่มนโยบายพรรคคู่แข่ง แข่งประชานิยม จ่ายอย่างเดียว-หาเงินไม่เป็น

(8 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ ‘CARE คิด เคลื่อน ไทย’ เปิดเผยคำพูดของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หนีคดีอยู่ต่างประเทศ ซึ่งกล่าวถึงนโยบายของพรรคการเมืองต่าง ๆ ว่า “...นโยบายหลายพรรคตอนนี้แข่งกันเป็นประชานิยม จ่ายอย่างเดียว แต่หาเงินไม่เป็น...”

“เวลาออกนโยบาย ต้องคิดด้วยว่า ต้องมีนโยบายหาเงินประกอบด้วย ถ้าไม่มีแล้วจะใช้เงินอย่าง สุดท้ายจะเหมือนเวเนซุเอลา ดังนั้น ผู้นำต้องคิดว่าจะหาเงินยังไง ใช้เงินเก่งแต่หาเงินไม่เป็น เละ”

บทเรียนสอนใจ 'แรมโบ้' ยก ‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์’ กรณีศึกษาสอน 'เศรษฐา' ย้อนถาม!! กินข้าวกับชาวนาเพื่อรับฟัง หรือเห็นประโยชน์

'แรมโบ้' ตอกกลับ 'เศรษฐา' ไปกินข้าว รับฟังความเห็นชาวนา จริงใจหรือประโยชน์การเมืองกันแน่ ย้ำนโยบายช่วยชาวนาของรัฐบาล มุ่งสร้างความเข้มแข็ง เพิ่มผลผลิตสร้างรายได้เพิ่ม ตามโครงการข้าวรักษ์โลก BCG ให้กับชาวนา ไม่เหมือนนโยบายโกงจำนำข้าวที่ทำชาวนาจนผูกคอตายไปหลายราย เตือนนักธุรกิจที่เคยค้าความร่ำรวยจากประชาชน เข้ามาบริหารประเทศ ให้ดูชะตากรรมนายทักษิณ ยิ่งลักษณ์เป็นบทเรียนสอนใจ

(11 มี.ค. 66) - นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ลงพื้นที่พระนครศรีอยุธยาฟังปัญหาชาวนาวิจารณ์ 8 ปีอยู่ในหลุมดำรายได้ต่ำ ราคาข้าวไม่ดี มีแต่น้ำท่วม-แล้ง โดยนายเสกสกลยืนยันว่าที่ผ่านมารัฐบาล นายกฯประยุทธ์ ให้ความสำคัญกับเกษตรกร และชาวนามาโดยตลอด และมีหลายนโยบายออกมาให้ความช่วยเหลือ มุ่งสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ มีรายได้เพียงพอและอยู่ดีมีสุข และอื่น ๆ อีกมาก ซึ่งทำควบคู่ไปกับการบริหารจัดการน้ำของประเทศอยู่แล้ว

ขณะเดียวกันการส่งออกข้าวกระทรวงพาณิชย์ ได้มีการชี้แจงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตลอดปี 2565 การส่งออกทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 7.5 ล้านตัน มีผู้ส่งออกขอใบอนุญาตส่งออกแล้ว 8.58 ล้านตัน และคาดการณ์ปี 66 ปริมาณการส่งออกจะสูงกว่าปี 65 แน่นอน

“นโยบายการให้ความช่วยเหลือของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ นายเศรษฐา อาจจะมองว่าไม่หวือหวาหรือช่วยชาวนาให้อยู่ดีกินดีได้ทันที แต่เป็นนโยบายที่สร้างความมั่นคงให้กับชาวนาได้ในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุน เพิ่มมูลค่าการผลิต โครงการข้าวรักษ์โลก BCG ที่เดินหน้าไปอย่างต่อเนื่องเป็นที่ถูกใจของชาวนามาก ไม่เหมือนกับนโยบายโกงจำนำข้าวของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในอดีต ที่สร้างปัญหาส่งผลให้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ต้องเข้ามาแก้ไขตามใช้หนี้จนทุกวันนี้ยังไม่หมด อีกทั้งนโยบายโกงจำนำข้าวของเพื่อไทยนี้ยังสร้างความเจ็บปวดให้กับชาวนาเป็นอย่างมาก ผูกคอตายไปหลายคน ครอบครัวเดือดร้อนสิ้นเนื้อประดา นี่คือผลงานของเพื่อไทยมิใช่หรือ

‘ทักษิณ’ เชื่อ ‘อุ๊งอิ๊ง’ เป็นนายกฯ ได้ดีกว่าตน ลั่น!! แม้เป็น ‘พ่อ’ ก็ไม่สามารถชี้นำได้

(22 มี.ค.66) เพจ CARE คิด เคลื่อน ไทย เผยแพร่บทสนทนาของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือ โทนี่ วู้ดซัม กล่าวผ่าน CareTalk x Care ClubHouse เลือก•เคลื่อน•ไทย 2566 EP4 : เติมเงินครั้งใหญ่ คนไทยไร้จน! ไม่จกตาแน่นะวิ? ตอนหนึ่งกล่าวถึงบุตรสาว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ว่า
“...ผมชี้นำเขาไม่ได้ เขาต้องตัดสินใจเอง เพราะผมครอบงำเขาไม่ได้...”

‘อภิสิทธิ์’ โพล / ‘โทนี่’ โพล VS โพลลับ ‘ประยุทธ์-เพื่อไทย’ ใครจะร่วง?

ไม่เหนือความคาดหมายที่...อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะประกาศชัดเจนว่าไม่ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค (ประชาธิปัตย์) เหตุผลก็ชัดเจนว่าเพื่อให้คณะผู้บริหารพรรคชุดปัจจุบันนำพาพรรคไปตามแนวทางอย่างเป็นเอกภาพ...แต่ตนก็จะช่วยหาเสียงให้พรรคตามวิธีการของตน

ประเด็นที่น่าสนใจที่อภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ 2-3ครั้งในสองวันนี้ ก็คือ คำพยากรณ์ที่ว่า...บนพื้นฐานของผลการเลือกตั้งโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะกลับมาเป็นนายกฯ นั้น ‘ยากมาก’ เพราะ…

1) จะจัดตั้งรัฐบาลต้องมีเสียงสนับสนุน (ในสภาผู้แทนราษฎร) 250 เสียงขึ้นไป ซึ่งขณะนี้เชื่อว่าจะมีไม่ถึง 250
2) แม้จะรวบรวมได้เกิน 250 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติก็ไม่น่าจะเป็นแชมป์หรือมีเสียงมากที่สุดในปีกนี้หรือขั้วนี้...

แม้ ‘อภิสิทธิ์’ จะไม่ระบุตัวเลขแชมป์เลือกตั้งอย่างเพื่อไทยว่าจะได้เท่าไหร่..ใแต่ก็พูดชัดว่าจะทิ้งพรรคที่สองเป็นร้อยที่นั่ง และคะแนนรวมของปีกเพื่อไทยจะเกินครึ่ง (250)..แน่นอน และนั่นคือความชอบธรรมของเพื่อไทยที่จะจัดตั้งรัฐบาล..

แน่นอนว่าเมื่อ ‘อภิสิทธิ์โพล’ เป็นเช่นนี้...ก็ต้องสอดคล้องอย่างช่วยไม่ได้กับ ‘โทนี่ โพล’ ที่ประกาศผ่านรายการแคร์ คิดเคลื่อนไทยมาโดยลำดับว่า...แลนด์สไลด์เกิน 250 แน่นอน...และฝ่ายประชาธิปไตยคะแนนรวมกันจะเกิน 375 เสียงอีกต่างหาก..!!

ล่าสุดคืนวันอังคาร 21 มี.ค.ถึงขั้นขานรับแลนด์สไลด์ 310 เสียง..ประกาศความเชื่อมั่นว่า พรรคเพื่อไทยคงเป็นรัฐบาลพรรคเดียวไม่ขายพ่วงกัน เลยทีเดียว…

ถ้าถามว่ากระแสเพื่อไทยแลนด์สไลด์ (เกิน250เสียง) มีไหม...ถ้าดูตามโพล2-3สำนักก็ต้องบอกว่ามี...โดยเฉพาะ ‘นิด้าโพล’ เมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ ‘อุ๊งอิ๊ง-เพื่อไทย’ ทิ้งขาดพรรคอันดับ2-3 เกินเท่าตัว...แต่เมื่อดูรายละเอียดในข้อเท็จจริงบางอย่างมันก็ย้อนแย้งมาก เช่น กรณีภูมิใจไทย หากเอาคะแนนนิยม ส.ส.เขต2.70% จาก 400 เขต มาเทียบบัญญัติไตรยางค์พรรคภูมิใจไทยจะได้ ส.ส.เขตแค่ 11 คน เท่านั้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้ แค่ ‘บุรีรัมย์+โคราช’ ก็เกินแล้ว...!!

และส่งท้ายด้วยโพลที่...หน่วยงานกึ่งความมั่นคงแห่งหนึ่งทำขึ้นอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่ง ‘เลียบการเมือง’ ขอนำเสนอเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ไม่ได้จุดประสงค์อื่นใดมากไปกว่านี้ ปรากฏดังนี้…


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top