‘อาร์ต พศุตม์’ ยังไม่จบง่าย ๆ ฝากถึงทักษิณ - นายกฯ อิงค์ บอกคนอย่างหมอไม่ควรอยู่ข้างๆ จะทำให้เสียชื่อ
‘อาร์ต พศุตม์’ ยังไม่จบง่าย ๆ ฝากถึงทักษิณ - นายกฯ อิงค์ บอกคนอย่างหมอไม่ควรอยู่ข้างๆ จะทำให้เสียชื่อ

‘อาร์ต พศุตม์’ ยังไม่จบง่าย ๆ ฝากถึงทักษิณ - นายกฯ อิงค์ บอกคนอย่างหมอไม่ควรอยู่ข้างๆ จะทำให้เสียชื่อ
(30 พ.ค.68) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พิเศษกับทาง 3 บก.เครือเนชั่น โดยนายทักษิณ สวมบทบาทเป็น บก.คนที่ 4 เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์การเมือง โดยเฉพาะความเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลที่มักต้องคุมกระทรวงสำคัญๆ ไว้ในมือ ทางพรรคเพื่อไทยควรมีคนของตัวเองไปเป็น รมว.มหาดไทย หรือไม่
นายทักษิณ ระบุว่า การนำนโยบายไปถึงประชาชน กระทรวงหลักคือกระทรวงมหาดไทย วันนี้มันไม่ค่อยถึง เพราะว่ากระทรวงมหาดไทยยังไม่ค่อยทำเต็มที่ เวลามันเหลือ 2 ปีแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่มหาดไทยต้องทำงานให้เต็มที่
เมื่อถามว่านายทักษิณ ผ่านการเมืองมาเยอะ และรู้จักพรรคเพื่อไทยดี วิเคราะห์ในฐานะ บก.คนที่4 รอบนี้ พรรคเพื่อไทยจะกล้ายึดหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ผมยังไม่ได้ถามหัวหน้าพรรค ถ้าให้วิเคราะห์ก็เป็นเรื่องที่คงต้องพูดกันว่าให้พรรคเพื่อไทยเข้าไปทำบ้าง จะได้ทำนโยบายถึงเพื่อประชาชนได้สักที เพราะเวลาเหลือน้อยแล้ว อีก 2 ปีจะเลือกตั้งแล้ว
เมื่อถามว่า แล้วพรรคร่วมรัฐบาลที่มี 69 เสียง เขาจะยอมหรือไม่ ในเมื่อกระทรวงนั้นคือหัวใจหลักคุมอำนาจบริหารและเอาชนะทางการเมือง นายทักษิณ กล่าวว่า คือมันเป็นเรื่องการทำงานเพื่อประชาชน ถ้าอยากทำงานให้ได้ผล พรรคเพื่อไทยต้องตัดสินใจเพื่อให้นโยบายถึงประชาชนจริงๆ ก็ต้องให้กระทรวงมหาดไทยอยู่ในความดูแลของพรรคเพื่อไทย นี่คือหลักการ
เมื่อถามว่านอกจากกระทรวงมหาดไทยแล้ว ยังต้องมีกระทรวงไหนอีกที่สามารถทำให้รัฐบาลทำงานกระฉับกระเฉง และสามารถชนะเลือกตั้งครั้งต่อไป นายทักษิณ กล่าวว่า ก็กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ , กระทรวงพาณิชย์ , กระทรวงการคลัง และกระทรวงคมนาคม ก็เป็นหัวใจ คมนาคมก็เรื่องของรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย พูดไปแล้วต้องทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องมีเหตุผลบอกกับประชาชน มันเสียนิสัย เพราะมันเคยเป็นพรรคใหญ่มาก่อน
เมื่อถามว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยเอากระทรวงมหาดไทยมาได้ คิดในฐานะนักวิเคราะห์ซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมือง พรรคภูมิใจไทยเขาจะกล้าถอนตัวจากรัฐบาลหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “คิดว่าน่าจะคุยกันรู้เรื่อง คงไม่ถอนมั้ง เราไม่อยากให้เขาถอนอ่ะ ก็อยู่ด้วยกันมา”
เมื่อถามว่า แต่ถ้าเขาอยู่ไม่ได้ นายทักษิณ กล่าวว่า อันนั้นก็เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถควบคุมการตัดสินใจของแต่ละพรรคได้
(1 มิ.ย. 68) นพ.ตุลย์ สทธิสมวงศ์ สมาชิกแพทยสภา ว. 13796 ทำหนังสือเปิดผนึกถึงกรรมการแพทยสภา สื่อมวลชน และประชาชนที่เคารพ ระบุว่า ในวันที่ 12 มิ.ย. 68 ที่จะถึงนี้ มีการประชุมของแพทยสภาครั้งสำคัญ เพื่อยืนยันมติเดิมเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 68 ที่ถูกนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ใช้อำนาจสภานายกพิเศษยับยั้ง ซึ่งหากจะลงมติยืนยันต้องใช้เสียง 2ใน 3 ของสมาชิกทั้งหมด คือ 47 เสียง ฝ่ายที่ต้องการล้มมติคือฝ่ายทักษิณ ชินวัตร (ซึ่งไม่ใช่แพทย์ที่ถูกลงโทษ) จึงมีความพยายามใช้อำนาจที่มี กดดันกรรมการแพทยสภาโดยตำแหน่ง ไม่ให้ราวมประชุม ไม่ให้ส่งผู้แทน หรือเข้าประชุม แต่ไม่เห็นชอบกับมติเดิม เพื่อไม่ให้เสียงเห็นชอบถึงจำนวนที่กำหนด
ในกรณีมีเหตุจำเป็นกรรมการแพทยสภาที่มาจากการเลือกตั้งไม่สามารถส่งตัวแทนเข้าประชุมได้ แต่กรรมการแพทยสภาโดยตำแหน่ง ประกอบด้วยจาก ก.สาธารณาสุข 3 ตำแหน่ง และ ก.กลาโหม 4 ตำแหน่ง (เจ้ากรมแพทย์ 3 และผอ.วิทยาลัยแพทย์พระมงกุฏเกล้า 1) และ คณบดีคณะแพทย์ทั่วประเทศอีก 28 ท่าน สามารถส่งตัวแทนเข้าประชุมได้
ผมขอเรียนต่อทุกท่าน ณ ที่นี้ว่าแพทยสภามีหน้าที่โดยชอบธรรมที่จะรักษามาตรฐานการรักษาและจริยธรรมของแพทย์ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมทุกราย การประชุมในวันที่ 12 มิ.ย. 68 ที่จะถึงนี้ จึงมีความสำคัญยิ่ง กรรมการแพทยสภาทุกท่านควรเดินทางมาเข้าร่วมประชุม สำหรับกรรมการโดยตำแหน่ง หากไม่สามารถเข้าประชุมได้ ควรส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุม ผมและเพื่อนแพทย์ขอสนับสนุนให้ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ยืนยันมติเดิม เพื่อแสดงถึงความเป็นอันหนึ่งเดียวกัน ในการรักษามาตรฐานของวิชาชีพแพทย์ และความน่าเชื่อถือของแพทยสภา อย่าปล่อยให้อำนาจภายนอกมาขัดขวางทำลายความน่าเชื่อถือและเกียรติภูมิของวิชาชีพแพทย์
ผมขอให้สื่อมวลชน และปชช.ทั้งหลายได้โปรดติดตาม และขัดขวางไม่ให้ผู้มีอำนาจ ใช้อำนาจจของตน ขัดขวางการทำหน้าที่ของกรรมการแพทยสภา และได้โปรดส่งเสียงสนับสนุนให้แพทยสภาทำกน้าที่ของตนให้เสร็จสมบูรณ์ให้จงได้ โดยไม่หวั่นไหวต่ออำนาจมืดใดๆ
ปล. แพทยสภา ดูแลควบคุมการประกอบวิชาชีพเวชกรรมของสมาชิกแพทยสภา คือแพทย์ทุกคนเท่านั้น ส่วนทักษิณจะติดคุกหรือไม่ เป็นเรื่องของศาลเป็นผู้พิจารณา แพทยสภาไม่เกี่ยว
(27 มิ.ย. 68) สถานการณ์การเมืองไทย-กัมพูชา กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง หลัง พนมเปญโพสต์ รายงานว่า สมเด็จฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เตรียมเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตผู้นำไทย โดยจะเปิดโปงแผนเปลี่ยนผู้นำ และกล่าวหาว่ามีการดูหมิ่นสถาบัน พร้อมระบุจะเผยรายละเอียดให้คนไทยทราบภายในวันนี้ (27 มิ.ย.)
นอกจากนี้ ฮุนเซนยังกล่าวว่า ขณะนี้กัมพูชายังรอเจรจากับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย แต่ยังไม่ชัดเจนว่าใครคือผู้มีอำนาจตัวจริง ไม่ว่าจะเป็นกองทัพ พรรคการเมือง หรือผู้อยู่เบื้องหลังรัฐบาล ซึ่งทำให้การดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต้องชะงัก
เขายังเปรียบเทียบสถานการณ์ในอดีตว่า ในยุคของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชามีเสถียรภาพและอยู่ในระดับสูงสุด แม้ประยุทธ์จะมีภูมิหลังเป็นทหาร แต่ก็สามารถรักษาความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านไว้ได้ดีตลอดช่วงดำรงตำแหน่งเกือบสิบปี
ในทางกลับกัน ฮุนเซนมองว่า รัฐบาลไทยปัจจุบันกลับประสบปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านรอบด้าน ทั้งชายแดนเมียนมา ลาว มาเลเซีย และล่าสุดกับกัมพูชา ที่ต้องปิดจุดผ่านแดนฝ่ายเดียว โดยยังไม่มีความชัดเจนในการเจรจา ทำให้ความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีกำลังเผชิญภาวะถดถอย
(27 มิ.ย. 68) สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะเกี่ยวกับอดีตนายกรัฐมนตรีไทย นายทักษิณ ชินวัตร โดยระบุว่า ทักษิณแกล้งป่วยหลายโรคเพื่อหลบเลี่ยงโทษทางกฎหมาย
รายงานจากเฟรชนิวส์และพนมเปญโพสต์ระบุว่า ในการปราศรัยที่จังหวัดพระวิหาร ฮุนเซนกล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2567 เขาเข้าพบนายทักษิณ ซึ่งขณะนั้นดูปกติดี ไม่มีอาการป่วยใด ๆ แต่เมื่อถ่ายรูปกลับสวมเฝือกคอและชุดผู้ป่วย เพื่อหลอกสายตาประชาชนและเจ้าหน้าที่ฝั่งไทย
ฮุนเซนยังเปิดเผยว่า ความสัมพันธ์ส่วนตัวตลอด 30 ปีกับทักษิณต้องสิ้นสุดลง เพราะรู้สึกถูกดูหมิ่นจากแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ซึ่งเขากล่าวว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาออกมาเปิดเผยความจริงทั้งหมด
นอกจากนี้ ฮุนเซนยังตั้งคำถามต่อรัฐบาลไทยว่า หากเชื่อว่ากัมพูชารุกล้ำดินแดนจริง เหตุใดจึงไม่ดำเนินการอย่างเป็นทางการผ่านศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ พร้อมเรียกร้องให้ไทยแสดงความชัดเจนในเวทีสากล ไม่ใช่กล่าวหาเพียงลอย ๆ
(28 มิ.ย. 68) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า นายฮุน เซน รู้ดีว่าระบบการปกครองของไทยอำนาจอธิปไตยทั้ง 3 ส่วนแยกกันเป็นอิสระ ถ่วงดุลกัน ไม่รวมศูนย์อำนาจแบบกัมพูชา จึงทราบดีว่ารัฐบาลไทยคุมรัฐสภาไม่ได้ คุมศาลไม่ได้ และคุมทหารได้เพียงให้ทำเรื่องถูกต้อง ต่างจากกัมพูชาที่ฮุน เซนคุมได้ทุกอย่าง
ในเรื่องเดียวกันนี้ คุณทักษิณพยายามเลียนแบบกัมพูชา จนคิดว่ารัฐบาลไทยและเงินสามารถทำได้ทุกอย่าง จึงเกิดความผิดพลาดต่อเนื่อง เมื่อฮุน เซนเห็นบทบาทของทักษิณแล้ว ไม่เพียงไม่เตือน แต่ยังอาจยุยงด้วย และเมื่อทักษิณล้มเหลวติดกัน ฮุน เซนจึงเตรียมหาพันธมิตรใหม่ มองว่าอาจถึงเวลาต้อง “ตัดญาติขาดมิตรกับครอบครัวนายกฯ ไทยแล้ว”
พล.ท.นันทเดช วิเคราะห์ว่า
1.นายกฯ อุ๊งอิ๊งอาจต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่แน่นอน เหมือนกรณีพล.อ.ประยุทธ์เคยถูกศาลสั่งหยุด แม้นายกฯ อุ๊งอิ๊งเตรียมตำแหน่งควบ รมว.วัฒนธรรมไว้สำรองเพื่อดูแล ครม. แต่ก็อาจถูกร้องศาลอีก
2. ฮุน เซน เห็นชัดว่าทักษิณต้องกลับมาติดคุก 1 ปีใหม่อีก เพราะมีหลักฐานที่ศาลเห็นประจักษ์
3.พ่อลูกยังต้องเจอคดีอื่นต่อ นายกฯ อุ๊งอิ๊งอาจจบตามข้อกฎหมาย และจะเกิดการคัดเลือกนายกฯ ใหม่ ซึ่งขึ้นอยู่กับ “ใจกับความจริง” ของทักษิณ ว่าจะพาครอบครัวรอดได้อย่างไร
พล.ท.นันทเดช ระบุว่า การชุมนุมวันที่ 28 มิ.ย. เป็นเรื่องของชาติบ้านเมืองและการกำหนดอนาคตประเทศไทย ขอให้คนไทยทุกสี ทุกกลุ่ม ทุกหมู่เหล่า ออกมาร่วมกันให้ได้เป็นเนื้อเดียวกัน เพราะนี่คือ “หน้าประวัติศาสตร์ที่คนไทยไม่ควรพลาด”
(29 มิ.ย. 68) ‘เปลว สีเงิน’ นักหนังสือพิมพ์และคอลัมนิสต์ชื่อดัง ได้นำเสนอบทความ ในหัวข้อ ‘ชาติต้องการท่าน’ โดยระบุว่า…
ดูลีลา “ฮุน เซน” มา ๔-๕ วัน
ต้องบอกว่า “ร้ายกาจ” สมกับที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ ยาวนานที่สุดในโลก คือร่วม ๔๐ ปี!!
จากวันแรกที่ฮุน เซน ปล่อยคลิปสนทนาอุ๊งอิ๊ง จนถึงเมื่อวาน (๒๗ มิ.ย.) ที่ฮุน เซน จับตระกูลชินแก้ผ้าแล้วชำแหละทีละชิ้นโยนให้หมากิน
ใช่ว่าฮุน เซน พูดแบบ “ปากพาไป” โดยไม่มียุทธศาสตร์-ยุทธวิธีทางเป้าหมาย
ตรงกันข้ามเป้าหมายพิฆาตของฮุน เซน เจาะจงที่รัฐบาล “สองพ่อลูกตระกูลชิน” โดยตรง!!
สังเกตได้จากคำพูดและการโพสต์เฟซฯ ของฮุน เซน และฮุน มาเนต เขาจะเน้นตลอดว่า เขาไม่ได้เป็นศัตรูกับประเทศไทยและคนไทย
กระทั่งกับทหารคือกับกองทัพไทย .....
เขาก็ไม่ได้ปรารถนาที่จะเป็นศัตรูถึงขั้นอยาก “ลองของ”
ศัตรูของสองพ่อลูกเขมร ที่เขาตามราวีอยู่ขณะนี้ คือ
“นายกฯ อุ๊งอิ๊ง” กับ “ทักษิณ”
และคนบางคนในตระกูลชินที่ “มีอะไรลับๆ” ฝากไว้กับเขาเท่านั้น!!
ที่ผมบอกว่าฮุน เซน “ร้ายกาจ” เพราะเขาฉายหนังตัวอย่างไว้ว่า “จะแฉเรื่องทักษิณหมิ่นสถาบัน” ในวันนี้ คือเมื่อวาน (๒๗ มิ.ย.)
ทำเอาแฟนๆ “งูเก็งกอง” แห่กันปูเสื่อเฝ้าหน้าจอ แต่เอาเข้าจริง เรื่องหมิ่นสถาบัน ฮุน เซน กลับวับๆ แวมๆ เพียงว่า......
“นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทำการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ไทย แต่ผมจะไม่พูดในรายละเอียด หากทางการไทยต้องการทราบว่านายทักษิณดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ของตนอย่างไร
ทางการไทยสามารถส่งทูตพิเศษไปสอบถามโดยละเอียดได้ ผมยืนยันเรื่องนี้และสัญญาว่าจะให้คำตอบโดยละเอียดมากขึ้น”
นี่แหละ ความร้ายกาจของฮุน เซน
ไม่ใช่ตรงที่ “วางยา” ทักษิณ
แต่ตรงที่ “ฮุน เซน” รู้จักหัวใจประเทศไทยและคนไทยดี ดีกว่าคนไทยบางคน-บางพวกด้วยซ้ำ ว่าอะไรควรพูด-อะไรไม่ควรพูด
ดังนั้น ฮุน เซน จึงแค่ฉายหนังตัวอย่างในคำที่เขากล่าวหาว่าทักษิณหมิ่นสถาบัน
เพราะถ้าเขานำคำที่ทักษิณพูดมาแฉว่า ทักษิณพูดอย่างนี้...อย่างนี้...นั่นเท่ากับฮุน เซน “หมิ่นสถาบัน” ด้วย
ฮุน เซน ถึงบอกว่า ถ้าทางการไทยอยากได้รายละเอียดให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบถามเขานั่นไง!!
แสดงว่า “ฮุน เซน กับทักษิณ” ตอนนี้ เข้าตำรา “ผลประโยชน์ขัดกัน ต้องบรรลัยกันไปข้าง”
ข้างไหนจะบรรลัยก่อนหรือจะบรรลัยไปด้วยกัน คนไทยบอก...ได้ทั้งนั้น!!
เมื่อวาน ฮุน เซน พูดแบบเมดเลย์ เตะพ่อนายกฯ ด้วยเรื่องหมิ่นสถาบันไปแล้ว
ก็หันไปตบหลานอุ๊งอิ๊ง ที่พูดถึงแม่ทัพภาคที่ ๒ “พล.ท.บุญสิน พาดกลาง” กับฮุน เซน ว่า “แม่ทัพภาคที่ ๒ เป็นฝ่ายตรงข้ามกับเรา”
โดยฮุน เซน บอกว่า........
“การกระทำของนายกรัฐมนตรีไทยในการพูดคุยกับผม แล้วดูหมิ่นโจมตีแม่ทัพภาคที่ ๒ นั้น ถือเป็นการก่อกบฏ”
“การกระทำเช่นนี้ถือเป็นการทรยศต่อแผ่นดินไทยหรือไม่ แต่ในกัมพูชา การสมคบคิดกับต่างประเทศดูหมิ่นผู้บัญชาการทหารของตนเอง
ถือเป็นความผิดฐานทรยศต่อแผ่นดิน
ในประเทศไทย การกระทำเช่นนี้ อาจถือเป็นเรื่องปกติ แต่กัมพูชาไม่อนุญาตให้วิพากษ์วิจารณ์และดูหมิ่นกองกำลังทหารของตนเอง”
.....ฝ่ายไทยได้เปิดเผยอย่างลับๆ ผ่านเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของผมว่า เมื่ออำนาจของ น.ส.แพทองธาร แข็งแกร่ง แม่ทัพภาคที่ ๒ อาจถูกตัดสินจำคุกได้
สำหรับผมไม่เคยดูหมิ่นหรือทำร้ายผู้บัญชาการทหารของไทยคนใดเลย
แต่สงสัยว่า ทำไมนายกรัฐมนตรีของไทย จึงกล้าดูหมิ่นแม่ทัพของตนเอง เพื่อเอาใจผม ทั้งที่ผมไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องราวภายในของไทยเลย”
นี่เป็นการวิพากษ์เชิงแฉพร้อมไซโคแยกมิตร-แยกศัตรูที่แยบยล สมกับความเป็นเฒ่าสารพัดพิษจริงๆ!!
เมื่อ “เตะ-ตบ” แล้ว ฮุน เซน ก็ “ยำ” สองพ่อลูกต่อ....
“นายทักษิณ แกล้งป่วยหลายโรค เพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมาย นายทักษิณไม่ได้ป่วย อุปกรณ์ที่ใส่คอ ใส่มือ ก็แค่การแสดง
ในวันที่ผมเข้าพบนายทักษิณ เมื่อวันที่ ๒๑ ก.พ.๖๗ นั้น นายทักษิณไม่ได้ป่วย แต่เมื่อถ่ายรูปคู่กับผม กลับเอาชุดผู้ป่วยมาสวม เพื่อหลอกสายตาประชาชนและเจ้าหน้าที่ไทย
ตอนเข้าพบนายทักษิณแรกๆ ไม่รู้ว่าจะแกล้งป่วย เหตุที่เพิ่งมาเปิดเผยตอนนี้ ก็เพราะว่ามีคุณธรรม ตอนนั้น จึงยังไม่เปิดเผย
และที่มาเปิดเผยตอนนี้ ก็เพราะว่าลูกสาวของนายทักษิณ “นายกฯ ไทย” เป็นคนไม่มีคุณธรรม”
เละเป็น “โจ๊ก-จันทร์ส่องหล้า” ไปเลย!!
โจ๊กจะอร่อย มันต้องใส่ไข่ ว่าแล้วฮุน เซน ก็ตอกไข่ “อาปู” ดังโพละ.....
“น.ส.ยิ่งลักษณ์ รอดพ้นการจับกุมในประเทศไทย ก็เพราะเดินทางออกนอกประเทศ ผ่านกัมพูชาไปสิงคโปร์ ด้วยหนังสือเดินทางกัมพูชา
ด้วยการสนับสนุนจากผมเอง และสามารถหลบหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย เมื่อถึงที่ปลอดภัยแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์โทรศัพท์มาขอบคุณทั้งน้ำตา
ผมยังได้ขอโทษที่โกหกนายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่ถามว่า “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลบหนีไปที่ไหน”
ทั้งหมดที่ฮุน เซน พูด อะไรๆ ก็คลายเครียดได้ทั้งนั้น ยกเว้นเรื่องเดียวที่ฮุน เซน ดูจะโม้เกินเบอร์เขมรไปหน่อย
“แม้อาวุธของกัมพูชาจะสามารถยิงเข้าถึงกรุงเทพฯ ได้ แต่กัมพูชาจะไม่ยิง......”
แหม...อยากให้ยิงจัง อยากฟังเสียงปืนเขมรน่ะ บอกตรง!!
ผมก็สรุปเส้นทาง “โจรล้างโจร” ให้ฟัง ว่าทิศทางมันเป็นอย่างนี้ อย่าว่าแต่คนไทยขับไล่ “แพทองธาร” ออกไปจากตำแหน่งนายกฯ เลย
ฮุน เซน ก็ยังช่วยขับไล่ทั้งใส่ไฟ-โหมฟืนฌาปนกิจ “สองพ่อลูก” ตระกูลชิน แสดงว่า เรื่องที่ทำให้สองตระกูลนี้ต้องแตกหัก
เดิมพันมันต้องมหิมา
และฝ่ายฮุน เซน ยังกำ “กล่องดวงใจ” ทักษิณไว้อีกมาก ฝ่าย สทร.จึงต้องอมสาก กลัวถูกสวน!!
ลำพังฮุน เซน ออกมาลากไส้สองพ่อลูกตระกูลชิน ชาวบ้านก็ไม่ว่าอะไร นอกจากตามแห่-ตามฮา สนุกๆ กันไป
แต่ “กรรม” จำเพาะ นายกฯ ไทยดันปากเปราะ
เอาแม่ทัพ-ภาคที่ ๒ ของประเทศตัวเอง ไปนินทาว่ากล่าวให้กับเขมรซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามฟัง
มันเป็นพฤติกรรมเข้าข่าย “บ่อนทำลาย-ขายชาติ” เยี่ยงไส้ศึกทำเสื่อมเสียเกียรติกองทัพและประเทศชาติมาก!!
ยิ่งตัวนายกฯ หญิงออกมายอมรับว่า โทรศัพท์ไปพูดอย่างนั้นกับฮุน เซนจริง แถมลอยหน้าเถียง ที่พูดไปนั้น “ไม่ได้ทำให้ชาติเสียอะไร”
จากที่คนไทยจะฮึ่มกับฮุน เซน พากันหันกลับมาแหกนายกฯ ไทย-ใจเขมรแทน ถึงขั้นแห่กันมาจากทุกสารทิศ วันนี้ (๒๘ มิ.ย.) ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นหมื่น-เป็นแสน
ไล่นายกฯ “ไส้ศึกเขมร” ออกไป
ขืนให้อยู่ต่อ ใครจะรับประกันได้ว่า “รัฐบาลเพื่อไทย” ใต้อำนาจสองพ่อลูก
จะไม่เอาประเทศไปเร่ขายให้กลุ่มทุนต่างชาติเข้ามาผูกขาดทั้งยึดครอง ตอนนี้ก็กำลังเป็น “ม้าอารี” แบ่งพื้นที่ให้ “อิสราเอล” เข้ามาอยู่กันแล้ว
ต่อไป คนไทยมีสิทธิ์ถูกอิสราเอลที่เราให้เข้ามาอาศัย ไล่พวกเราออกจากแผ่นดินไทย
เหมือนชาวปาเลสไตน์ ต้องไร้ที่อยู่-ที่กิน เพราะอิสราเอลเข้ามาแล้วขับไล่ให้ชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซาไปก็เป็นได้!!
อีกาตัวดำ ร้องบอกข่าว เรายังขอบใจ
แล้วนี่ ถือซะว่า “ลุงข้างบ้าน” บอกข่าว ควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เพราะถ้าเขาไม่บอก เราจะรู้หรือว่า....
“นายกฯ ไทย” เป็นไส้ศึกให้ “ประเทศเขมร” ขายชาติ-ขายกองทัพประเทศตัวเอง โดยผลักทหารไปเป็น “ฝ่ายตรงข้าม”
ถ้าฮุน เซน อุบอิบไว้ เราเชื่อได้หรือว่า....
รัฐบาลไทยภายใต้อุ๊งอิ๊ง จะไม่เอาผลประโยชน์ชาติ ไปแลกผลประโยชน์ให้ว่านวงศ์พงศ์เผ่าเหง้าโคตรตัวเองอีกขนาดไหน
ฉะนั้น เราจะไว้วางใจกับรัฐบาลเพื่อไทยไม่ได้เลย เหมือน “ฝากเนื้อกับเสือ-ฝากเหยื่อกับตะกวด” มันฟาดเรียบ
ต้องให้มันลาออกไป
แล้วดูซี วันที่ ๓ กรกฎา.สภาเปิด ปัญหาบ้านเมืองสุมหัว เศรษฐกิจปากท้องชาวบ้านบานตะไท
แต่เรื่องแรกที่รัฐบาลแพทองธารผลักเข้าสภาเรื่องอะไร รู้มั้ย
เรื่อง “นิรโทษกรรม” สุดซอย ทั้งแดง-ทั้งส้ม ทั้งทักษิณ
ผลประโยชน์แดง/ส้ม ลงตัวกัน
แค่สองพรรค ฝ่ายรัฐบาลเพื่อไทย-ฝ่ายค้านพรรคประชาชน ยกมือ ก็ปล่อยโจรการเมืองเข้าปล้นชาติผ่านสภาได้อีกครั้งแล้ว
สงสัย “รวมพลังแผ่นดิน” จะไม่สิ้นภารกิจเพื่อชาติ แค่มารวมแสดงพลังพิทักษ์อธิปไตยวันเดียวซะแล้ว
เพราะตราบใด ประเทศยังอยู่ภายใต้รัฐบาล “ไส้ศึก” เขมร
ตราบนั้น “อันตราย” ยังแผ่คลุมประเทศ!!
ประเทศชาติ เวลานี้ ต้องการพี่น้องชาวไทยทุกคนร่วมพิทักษ์ครับ!!
เปลว สีเงิน
เมื่อวันที่ (30 มิ.ย.68) ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก Chaiyan Chaiyaporn ระบุว่า "ขอบคุณทักษิณและพรรคร่วม ที่ช่วยกันทำให้การเมืองเน่าๆเก่าๆกลับมา ให้คนรุ่นใหม่ได้เห็น"