Sunday, 28 April 2024
ทักษิณ

‘ทักษิณ’ เปิดใจสื่อญี่ปุ่น พร้อมรับโทษจำคุก เผย อยากใช้เวลาที่เหลือในชีวิตกับลูกหลาน

ทักษิณ เปิดใจสื่อนอก พร้อมรับโทษ บอกลูก อย่ายอมให้พท. ออกกม.นิรโทษกรรมอีก

(24 มี.ค. 66) สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่นรายงานว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศว่า เขาพร้อมที่จะรับโทษจำคุกในไทยแลกกับการที่จะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับครอบครัว ไม่ว่าผลการเลือกตั้งทั่วไปในไทย ที่กำหนดจะมีขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ จะออกมาจะเป็นอย่างไรก็ตาม

นายทักษิณ ซึ่งขณะนี้อยู่ในกรุงโตเกียวกล่าวว่า เขากำลังพิจารณาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเดินทางกลับประเทศไทย ซึ่งอาจจะเป็นภายในปีนี้หลังการเลือกตั้ง และพร้อมที่จะรับโทษจำคุก โดยเขาหวังว่าจะยื่นอุทธรณ์ในบางคดี

“ตอนนี้ผมติกคุกใหญ่มา 16 ปีแล้ว เพราะพวกเขากีดกันไม่ให้ผมอยู่กับครอบครัว ผมทรมานมามากพอแล้ว ถ้าผมต้องไปทนทุกข์ในคุกเล็กอีกก็ไม่เป็นไร แม้มันไม่ใช่ราคาที่ผมจำเป็นจะต้องจ่าย แต่ผมยอมจ่าย เพราะผมอยากอยู่กับหลาน ๆ ผมควรใช้เวลาที่เหลือในชีวิตกับลูก ๆ หลาน ๆ” นายทักษิณ กล่าว

ทักษิณ กล่าวว่า ประเด็นเรื่องความปลอดภัยของเขาก็เป็นหนึ่งในประเด็นที่ต้องนำมาพิจารณา เพราะเขาเผชิญกับความพยายามในการลอบสังหารมาแล้วถึง 4 ครั้ง เมื่อครั้งบยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ยืนยันว่าการออกกฎหมายนิรโทษกรรมไม่ใช่ทางเลือกเพื่อพาเขากลับบ้าน

“ผมบอกกับลูกสาวว่า อย่ายอมให้พรรคเพื่อไทยผลักดันให้มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ผม เพราะมันไม่จำเป็น คนที่ต่อต้านผมจะไม่พอใจ และกฎหมายต้องมีไว้สำหรับคนทุกคน ไม่ใช่เพื่อคนคนเดียว ไม่เหมือนรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นมาเพื่อให้ทหารสามารถครองอำนาจอยู่ต่อไป” นายทักษิณ กล่าว

ปิยบุตร’ ชง เสนอรื้อคดี ‘ทักษิณ’ ใหม่ทั้งหมด ชี้ โทษไม่เป็นธรรม หากต้องติดคุกด้วยผลพวงรัฐประหาร

(25 มี.ค. 66) จากกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านสำนักข่าวเกียวโด สื่อดังจากญี่ปุ่น ว่าเขาพร้อมที่จะรับโทษจำคุกในไทยแลกกับการที่จะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับครอบครัว โดยกำลังพิจารณาช่วงเวลาที่เหมาะสมกลับประเทศไทย ไม่ว่าผลการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ จะออกมาอย่างไรก็ตาม

ล่าสุด นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้เผยแพร่ข้อเขียนผ่านเฟซบุ๊ก แสดงความคิดเห็นกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า…

เรื่อง [กรณีคุณทักษิณ : ไม่ติดคุก ไม่นิรโทษ ต้องลบล้างผลพวงรัฐประหาร ดำเนินคดีใหม่อย่างเป็นธรรม]

สำนักข่าวจากประเทศญี่ปุ่น รายงานข่าว เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ความว่า คุณทักษิณ ชินวัตร พร้อมกลับมาติดคุก และไม่ต้องการให้พรรคเพื่อไทยผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่ตนเอง

ประเด็นปัญหา ‘กลับบ้าน’ ของคุณทักษิณอยู่ในสังคมไทยมาเกือบสองทศวรรษ เมื่อไรที่มีการเลือกตั้ง เมื่อไรได้รัฐบาลใหม่จากขั้วเพื่อไทย ก็จะมีผู้หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาเสมอ

หากใครได้ติดตามการแสดงความเห็นของผมตั้งแต่ปี 2548/49 คงจำได้ว่า ผมไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่เรียกร้อง งนายกพระราชทาน มาตรา 7’ ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร 19 กันยายน 2549

ผมและเพื่อนอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มธ. รวม 5 คน ในเวลานั้นได้ออกแถลงการณ์ ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร 19 กันยายน 2549

ในเวลาต่อมา พวกเรายังได้แถลงการณ์แสดงความไม่เห็นด้วยและวิจารณ์การดำเนินคดีคุณทักษิณในหลายกรณี รวมทั้งคำพิพากษากรณียึดทรัพย์ด้วย

หลังเหตุการณ์การสลายการชุมนุมปี 53 พวกเราได้รวมตัวก่อตั้ง ‘คณะนิติราษฎร์’

18 กันยายน 2554 คณะนิติราษฎร์ เสนอข้อเสนอ ‘ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยายน 2549’ ดังนี้

หนึ่ง ให้รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และการกระทำของ คปค. ตั้งแต่ 19 กันยายน 2549 ถึง 30 กันยายน 2549 เป็นโมฆะ

สอง ให้รัฐธรรมนูญ 49 มาตรา 36 (ซึ่งรับรองให้การกระทำทั้งหลายของคณะรัฐประหารชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย) ตกเป็นโมฆะ ทำให้การกระทำทั้งหลายของคณะรัฐประหารถูกโต้แย้งได้ว่าขัดรัฐธรรมนูญและกฎหมาย

สาม ให้รัฐธรรมนูญ 49 มาตรา 37 (ซึ่งนิรโทษกรรมคณะรัฐประหาร) ตกเป็นโมฆะ ทำให้ การนิรโทษกรรมรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นโมฆะ สิ้นผลไป เหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

เมื่อไม่มีการนิรโทษกรรมการรัฐประหาร ทำให้การรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ยังคงมีความผิดฐานกบฏในราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 เจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมย่อมสามารถดำเนินคดีเอาคณะรัฐประหารมาลงโทษได้

สี่ ให้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่เป็นผลต่อเนื่องจากรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ตกเป็นโมฆะ

ห้า ให้เรื่องที่อยู่ในกระบวนพิจารณา ที่เกิดจากการริเริ่มของ คตส. ยุติลง

ข้อเสนอทั้งหมดนี้ ต้องทำโดยผ่านการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หากข้อเสนอเหล่านี้สำเร็จ ผลที่ตามมา คือ ดำเนินคณะรัฐประหารได้ทันที

ส่วนคดีความของคุณทักษิณและนักการเมืองอีกหลายคน ที่สืบเนื่องจากรัฐประหาร 49 ก็ไม่ได้นิรโทษหรืออภัยโทษแต่อย่างใด เพียงแต่ลบล้างคำพิพากษาเหล่านั้นทิ้ง และสามารถดำเนินคดีต่อไปตามกระบวนการปกติ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหาและจำเลย

‘ลิณธิภรณ์’ ดัก!! หยุดใช้ปม ‘โทนี่กลับไทย’ สร้างประเด็นโจมตี พท. ชี้!! พรรคไม่หวั่นกระแสแซะ เหตุนโยบาย พท.อยู่ในใจ ปชช.

(25 มี.ค.66) น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) และรักษาการโฆษกพรรคพท. กล่าวกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกมาให้สัมภาษณ์พิเศษกับสื่อต่างประเทศ ว่าพร้อมที่จะกลับมารับโทษจำคุกในประเทศไทย หากได้รับอนุญาตให้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับครอบครัว ไม่ว่าผลการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในเดือน พ.ค.นี้จะออกมาเป็นอย่างไร ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขว้าง และถูกหยิบมาเป็นประเด็นทางการเมือง และเชื่อมโยงพรรคพท.ว่า นายทักษิณแสดงความคิดเห็นส่วนตัวในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่อยากกลับบ้าน และกลับมาอยู่กลับลูกหลานในช่วงบั้นปลายชีวิต และเพื่อเข้าสู่กระบวนการกฎหมายของไทยอย่างถูกต้อง

ที่ผ่านมาคดีต่างๆที่นายทักษิณถูกดำเนินคดี ล้วนเกิดจากฝั่งตรงข้ามทางการเมือง จนทำให้เกิดคำถามว่า ความยุติธรรมที่มีไว้เพื่อกำจัดฝั่งตรงข้ามจะยังใช่ความยุติธรรมไหม วันนี้หากนายทักษิณจะเดินทางกลับไทยและเข้าสู่การพิจารณาคดี ถือว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล และเป็นเรื่องดีที่จะมาพิสูจน์ตนเอง ดังนั้นจึงไม่ควรใช้เป็นประเด็นโจมตีทางการเมือง โดยการเชื่อมโยงบุคคลอื่นในคดีอื่นๆ

'ชลน่าน-เศรษฐา' ตอบปมทักษิณประกาศจะกลับมาติดคุก  ชี้!! เป็นความเห็นส่วนบุคคล เชื่อไม่กระทบแลนด์สไลด์

(25 มี.ค.66) - ที่สหกรณ์โคนมมวกเหล็ก อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า พร้อมที่จะกลับไปรับโทษจำคุกในประเทศไทย หากได้รับอนุญาตให้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับครอบครัว ไม่ว่าผลการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 14 พ.ค.นี้ จะออกมาเป็นอย่างไร ว่าเท่าที่ตนได้ฟังเป็นการแสดงความคิดเห็นของนายทักษิณ ฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง ที่มีความประสงค์จะกลับบ้านเกิด และนายทักษิณใช้คำว่าติดคุกมา 16 ปี และยินดีที่จะมาติดคุกกลับเมืองไทย เพราะต้องการจะมาอยู่ใกล้ลูก ซึ่งเป็นการแสดงความคิดเห็นของตัวท่านเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรค

เมื่อถามว่า มองการโจมตีของพรรคการเมืองอื่นๆ ในกรณีที่นายทักษิณออกมาพูดในลักษณะนี้อย่างไร นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา เพราะเป็นช่วงที่มีการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง แต่ละพรรคก็พยายามหาจุดเด่นจุดด้อยของตัวเองและคู่แข่ง ฉะนั้นประเด็นอะไรที่เขาคิดว่าเป็นประโยชน์กับเขา เขาก็ย่อมหยิบยกขึ้นมา แต่โดยรวมนายทักษิณเอง เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของคนที่รักพรรค พท. ย้ำว่านายทักษิณไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรค พท. เพราะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค แต่เป็นผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของพรรค พท. ดังนั้นความเชื่อความศรัทธา ของแต่ละคนก็เป็นสิทธิ์ของประชาชน และขณะเดียวกันคนที่ไม่ชอบนายทักษิณ ก็มีเป็นธรรมดา และประเด็นเหล่านี้เราต้องเฝ้ามองว่าจะกระทบต่อพรรคเรา มากน้อยขนาดไหนเท่านั้นเอง

“ในมุมที่เขามาใส่ร้ายที่เกินขอบเขต ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เราก็จะดูในมุมนั้น แต่ทั้งนี้มันคือมิติในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง อย่าให้กระทบสิทธิ์ และข้อกฎหมายแต่ละพรรค” นพ.ชลน่าน กล่าว

ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ระบุว่า จะไม่ขอนิรโทษกรรมจากรัฐสภา แม้ว่าพรรค พท. จะชนะเลือกตั้งได้ครองเสียงข้างมากในสภาฯ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นความคิดของตัวนายทักษิณเอง ท่านบอกว่าถ้าท่านจะกลับมา ก็ไม่จำเป็นต้องมีกฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งนายทักษิณ ยินดีกลับเข้าสู่กระบวนการ ถ้านายทักษิณพูดแบบนั้น คงมั่นใจว่ากระบวนการยุติธรรมเป็นไปตามหลักนิติธรรม และมีความยุติธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งไม่เกี่ยวกับพรรค พท. ว่าจะต้องทำอะไร

‘อุ๊งอิ๊ง’ เผย เปลี่ยนความจริงไม่ได้ที่เป็นลูกพ่อ ดีใจ!! โพลโตขึ้นตามท้อง สะท้อน ปชช. วางใจ 

‘อุ๊งอิ๊ง’ รับหวัง ‘ทักษิณ’ กลับบ้าน เผย “เปลี่ยนความจริงไม่ได้ที่เป็นลูกพ่อ” ถ้ายุติธรรมจริงคงไม่เป็นเช่นนี้ ยันปมนี้ไม่เกี่ยวกับพรรค ขอบคุณและดีใจเห็นโพลโตตามท้อง 

(26 มี.ค.66) ที่วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค, นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานส.ส.พรรค พท. และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัครส.ส.นครปฐม เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นเดินทางมาพูดคุยกับผู้ประกอบการค้าสุกรใน จ.นครปฐมที่ห้องประชุม สนามกีฬากลาง 1 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม

จากนั้น เวลา 17.00 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินทางมาที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน พร้อมให้สัมภาษณ์กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นพ่อ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนประเทศญี่ปุ่นว่า พร้อมกลับประเทศไทยภายในปีนี้และรับโทษนั้น ว่า ตนได้คุยกับนายทักษิณแล้ว ซึ่งประโยคเช่นนี้เราก็ได้คุยในครอบครัวตลอด ถ้าเหตุการณ์ปกติที่คดีต่าง ๆ ดำเนินไปตามปกติ ไม่ใช่หลังรัฐประหาร ก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้ แต่ที่ต้องเป็นแบบนี้ หากกระบวนการยุติธรรม ยุติธรรม มันก็ดี อย่างไรก็ตาม ตนเคารพการตัดสินใจของนายทักษิณอยู่แล้ว เพราะเขาออกไปนอกประเทศนานแล้ว เขาจะตัดสินใจอย่างไรเราก็เคารพการตัดสินใจของเขาอยู่แล้ว และเป็นกำลังใจให้

“อิ๊งค์พูดจากใจเลยว่า อิ๊งค์เปลี่ยนความจริงไม่ได้ที่อิ๊งค์เป็นลูกของคุณพ่อ และอิ๊งค์ก็ไม่อยากจะเปลี่ยนด้วย ฉะนั้น การนำพรรคเพื่อไทยต่อไปสำหรับการเลือกตั้ง และยื่นนโยบายสู่ประชาชน เป็นหน้าที่หลักซึ่งเราจะทำต่อไป ในสิ่งที่คุณพ่อพูด ถ้าจะเกิดอะไรขึ้น และเป็นผลอย่างไร ก็อยากให้เป็นส่วนของท่าน เพราะท่านพูดอยู่แล้วว่าการที่จะกลับมาหรืออะไรก็ตามไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย และบอกว่าจะไม่มีการทำอะไรทั้งสิ้น คุณพ่อพูดมาก่อนหน้านี้ตั้งหลายเดือนแล้ว ก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่” น.ส.แพทองธาร กล่าว

เมื่อถามว่า นายทักษิณระบุเวลากลับประเทศแล้วหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ยังไม่ได้บอก ถ้าบอกแล้วตนอาจจะตื่นเต้นจนหลุดไปแล้วก็ได้ ทั้งนี้ จากใจตนหวังตลอด ทำไมเราจะไม่อยากให้คุณพ่อกลับบ้าน ทำไมจะไม่อยากให้คุณตากลับมาเลี้ยงหลาน โดยเฉพาะตอนนี้ที่เหลือไม่ถึง 2 เดือนก็จะคลอดแล้ว ฉะนั้น มีความหวังแน่นอน 

ถามต่อว่า การที่นายทักษิณให้สัมภาษณ์ในช่วงนี้ เกี่ยวข้องกับการหาเสียงแบบแลนด์สไลด์ เพื่อจะนำนายทักษิณกลับมาประเทศไทยได้หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราถามหัวหน้าและทุกคน คุณพ่อก็คือหนึ่งในแรงใจของเรา นั่นเป็นสิ่งที่เถียงไม่ได้ เป็นกำลังใจสำคัญ ท่านเป็นคนก่อตั้งพรรคตั้งแต่ไทยรักไทย ฉะนั้น ตอนนี้ไม่เกี่ยวกัน 

นพ.ชลน่าน กล่าวเสริมว่า ตัวชี้วัดที่แท้จริงคือประชาชนก่อนการเลือกตั้ง ข้อเท็จจริงปรากฏว่า คนอีกกลุ่มหนึ่งพยายามใช้สถานการณ์นี้ กล่าวหาและโจมตีพรรค พท. เสมือนต้องการดิสเครดิตแลนด์สไลด์ วิธีการแบบนี้ปรากฏขึ้นเมื่อเขามีโอกาส พรรคพท.จึงมองว่า ท่านเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของคนที่รักไทยรักไทย พลังประชาชน ความเชื่อความศรัทธาเราห้ามไม่ได้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในสังคมนี้อยู่แล้ว แต่หากใช้ประโยชน์นอกเหนือข้อกฎหมายจนพรรคเสียหาย พรรค พท.ก็ต้องใช้สิทธิของเรา

เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี วิจารณ์ถึงพรรค พท.ว่าระวังจะแลนด์สไลด์ออกนอกเลน น.ส.แพทองธาร นิ่งครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “นายกฯ เป็นคนครีเอทีฟเนอะ ให้ท่านครีเอทีฟไป เราก็เดินหน้าหาเสียงต่อ” 

เมื่อถามถึง กรณีมีรายงานข่าวรายชื่อว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน แต่ไม่ปรากฏชื่อของ น.ส.แพทองธาร ที่ถูกจับตาว่าอาจเป็นว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พท. น.ส.แพทองธาร หันไปถามนพ.ชลน่านว่า “เห็นว่าจะสรุปรายชื่อกันเมื่อไหร่” 

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในวันที่ 26-28 มีนาคม เราจะส่งรายชื่อผู้ประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งแบบบัญชีรายชื่อและเขต ให้ตัวแทนพรรคประจำจังหวัดให้ความเห็นชอบหรือไพรมารีโหวต ซึ่งบัญชีรายชื่อที่ปรากฏไปแล้ว ก็ต้องมาฟังความเห็นว่าประชาชนในเขตเลือกตั้งทั้งประเทศเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ซึ่งกรรมการบริหารจะเป็นด่านสุดท้ายในการประกาศรายชื่อ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ

เมื่อถามว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีควรเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อด้วยหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ไม่จำเป็น จะมีหรือไม่มีก็ได้ เราก็ทำหน้าที่ของเราต่อ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในจุดของตนจะเดินหน้าทำเพื่อประชาชนต่อไป ในฐานะอะไรก็ได้ เพราะประเทศไม่ไหวแล้ว และต้องการการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก

เมื่อถามว่า นายทักษิณให้การสนับสนุนและได้ฉันทามติจากประชาชนแล้ว หากจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ลำดับที่หนึ่ง พร้อมหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “เขินเลย อิ๊งค์คิดว่าขอคนที่เหมาะสมและดีที่สุด เป็นอย่างนั้นดีกว่า”

‘จตุพร’ มั่นใจ ‘ทักษิณ’ ไม่กล้ากลับมารับโทษ ชี้!! เป็นเพียงเกมการเมือง เพื่อเรียกร้องเสียงแลนด์สไลด์

(27 มี.ค.66) เมื่อวานนี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน กล้าหรือกลัว เดี๋ยวก็รู้? มีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า ตนมั่นใจว่าหลังการเลือกตั้ง 14 พ.ค.2566 นายทักษิณ ชินวัตร ไม่กล้ากลับมารับโทษ

“การบอกว่าจะกลับบ้านในปีนี้นั้นเป็นเพียงเกมการเมือง เพื่อเรียกร้องเสียงแลนด์สไสด์ ดังนั้น เมื่อต้องการให้เพื่อไทยชนะด้วยเสียงแลนด์สไลด์แล้ว ควรกล้าเอาชีวิตตัวเองมาเดิมพัน ด้วยการกลับบ้านก่อนการเลือกตั้งแล้วไปติดคุก ซึ่งจะได้ทั้งแลนด์สไลด์ถล่มทลายทางการเมืองทันที” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร กล่าวว่า ทักษิณประกาศกลับบ้านภายในปี 2566 ทั้งที่ในปี 2565 ก็เคยประกาศเช่นเดียวกันมาแล้วจะกลับในปี 2565 ก็ไม่ได้กลับ โดยอ้างป่วย อย่างไรก็ตาม การประกาศกลับบ้านในห้วงเวลานี้จึงแสดงว่าโพลของพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นไปตามเป้าแลนด์สไลด์ 310 เสียง

'หนุ่มเมืองจันท์' วิเคราะห์ ‘ทักษิณ-เศรษฐา’ สองเถ้าแก่แห่ง ‘เพื่อไทย’ 'เหมือน-ต่าง' อย่างไร? เมื่อใส่หมวกการเมืองลงมาปั้นเกม

เมื่อไม่นานมานี้ สรกล อดุลยานนท์ หรือ ‘หนุ่มเมืองจันท์’ คอลัมนิสต์ชื่อดัง ได้ออกมาพูดถึงประเด็น 'เศรษฐา-ทักษิณ ต่างกันอย่างไร' โดยได้กล่าวว่า...

“คุณเศรษฐา เป็นคือเจ้าขอบริษัท เป็นเถ้าแก่เหมือนกันกับทักษิณ ซึ่งวิธีคิดของเถ้าแก่กับมืออาชีพไม่เหมือนกัน เถ้าแก่กล้าตัดสินใจ เพราะนั่นเป็นธุรกิจของเขาเอง และสามารถใช้อารมณ์ได้บ้างเล็กน้อย เพราะเป็นเจ้าของ ฉะนั้นปัญหาอยู่ที่ คุณเศรษฐา ก็มีความเป็นเจ้าของกิจการมาก่อน เขาไม่มีความจำเป็นต้องมาลงการเมืองก็ได้ ซึ่งพอได้มาลงการเมืองนั่นแปลว่าอาจมีอะไรในใจที่อยากจะทำ”

หนุ่มเมืองจันท์ ได้กล่าวต่อว่า การที่เถ้าแก่อย่าง เศรษฐา และทักษิณ นั้นมาอยู่ร่วมพรรคเดียวกัน “นั่นคือสิ่งที่จะต้องหากติกาในการอยู่ร่วมกัน ว่าถ้าจะดำเนินการร่วมกันจะมีแนวทางไหนบ้าง” พร้อมเสริมว่า “คุณเศรษฐา บริหารแสนสิริได้ดี ถือว่าเป็นคนที่มีรสนิยม”

“คุณเศรษฐา และคุณทักษิณ นั้นแตกต่างกัน ซึ่งคุณทักษิณนั้นเป็นคนต่างจังหวัด อยู่สันกำแพง พอมาเกณฑ์ทหารก็เจอชาวบ้าน และได้ลงพื้นที่ จึงทำให้รู้จักคนทุกระดับได้มากกว่า แต่กลับกัน ในส่วนของคุณเศรษฐา เป็นคนที่อยู่ในกลุ่มยอดพีระมิด ซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่แปลกที่บุคคลที่อยู่ยอดพีระมิดจะมารู้สึกถึงความเหลื่อมล้ำ นั่นแปลว่าต้องมีอะไรอยู่ในใจคุณเศรษฐา”

หนุ่มเมืองจันท์ ยังได้กล่าวต่อว่า “เคยสังเกตไหมครับ คุณเศรษฐาเวลาลงพื้นที่พบเจอกับชาวบ้าน เขาจะอินกับสิ่งที่ไม่เคยเจอมาก่อน ซึ่งอาจะเป็นประสบการณ์ชีวิตที่คุณเศรษฐาไม่เคยเจอแต่เขารู้สึก”

พร้อมเปิดเผยถึงด้านการทำธุรกิจของเศรษฐา ว่า “คุณเศรษฐาเวลาทำธุรกิจเป็นคนเด็ดขาดมาก เป็นคนที่กล้าตัดสินใจ และรสนิยมในการตั้งแบรนด์ แสนสิริ คือตัวของคุณเศรษฐาเอง” พร้อมเพิ่มเติมไปอีกว่า “เศรษฐาเป็นคนที่มีรสนิยมสูง นั้นเป็นโอกาสในการจะนำสินค้าไทยไปได้ไกล เพราะคุณเศรษฐามีรสนิยมดีและรู้เรื่องเหล่านี้ดี”

‘รศ.ปวิน’ วิเคราะห์รอบด้านท่าที ‘เพื่อไทย’  ในวันที่คนไทยอยากหลุดจากเงารัฐประหาร 

‘รศ.ปวิน’ นักวิชาการมหาวิทยาลัยเกียวโต วิเคราะห์พรรคเพื่อไทย แบบเจาะลึกถึงใจ เปิดมุมมอง กลยุทธ์การเมืองของพรรคการเมืองต่างๆ แลนด์สไลด์มีโอกาสสำเร็จ แต่อุปสรรคใหญ่ก็อยู่ที่ส่วนแบ่งคะแนนเสียงในกลุ่มตลาดเดียวกันอย่างพรรคก้าวไกล ขณะที่พรรคน้องใหม่ อย่างรวมไทยสร้างชาติ และพลังประชารัฐ ก็ไม่น้อยหน้า พร้อมแย่งชิงพื้นที่ได้ตลอดเวลา

เมื่อไม่นานมานี้ ‘รศ.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์’ นักวิชาการมหาวิทยาลัยเกียวโต ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกลยุทธ์ของพรรคเพื่อไทย ผ่านช่อง YouTube ‘NailName’ โดย ‘เนม รติศา วิเชียรพิทยา’ มีสาระสำคัญดังนี้...

>> เมื่อถามถึงโอกาสแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย รศ.ปวิน มองว่า โอกาสของพรรคเพื่อไทย ที่จะชนะการเลือกตั้ง 66 แบบแลนด์สไลด์นั้น มีความเป็นไปได้มาก ประการแรก เนื่องจากเทรนด์ในการเลือกพรรคการเมืองของคนไทย ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา โดยมีคุณทักษิณ ชินวัตร อยู่เบื้องหลัง มักจะมีผลต่อชัยชนะทุกการเลือกตั้ง สังเกตได้ว่าไม่ว่าจะจะเป็นการเลือกตั้งใด ที่โยงกับทักษิณ พรรคนั้นๆ ก็จะยังชนะมาได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนหนึ่งก็คงเพราะนโยบายที่ค่อนข้างถูกจริตคนไทย

ประการต่อมา ตั้งแต่รัฐประหารปี 2557 ก็ต้องบอกตามตรงว่าประเทศไทยยังไม่หลุดออกจากระบอบเดิมเลยมาเป็นระยะเวลาเกือบ 9 ปี ซึ่งเป็น 9 ปีที่โดนครอบด้วยระบอบรัฐประหาร หรือมองอีกมุมก็คือ ระบอบทักษิณหายไปจากเมืองไทยถึง 9 ปีแล้ว และนั่นก็เริ่มสะท้อนให้เห็นว่าคนไทยทุกข์ระทมมาก ความรู้สึกของคนไทยหลายคน จึงโหยหาอยากจะก้าวออกจากระบอบการเมืองในปัจจุบัน และหวนกลับไปคว้าแนวทางการเมืองแบบของคุณทักษิณ นี่คือ 2 ประเด็นสำคัญ ที่จะทำให้พรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียงแบบแลนด์สไลด์

>> ขณะเดียวกันเมื่อถามถึงตัวแปรที่จะทำให้พรรคเพื่อไทยไม่แลนด์สไลด์ รศ.ปวิน ก็ได้ชี้ให้เห็น 2 ประเด็น

1.) เราไม่ควรประเมินค่า พรรคที่เกิดใหม่อย่าง รวมไทยสร้างชาติ และ พรรคพลังประชารัฐ ต่ำจนเกินไป เพราะถึงแม้รัฐบาลที่ผ่านมาจะทำความเจ็บช้ำใจให้กับคนไทยแค่ไหน แต่ก็จะยังมีคนไทยอีกส่วนหนึ่งที่พร้อมจะเลือกพรรคเหล่านี้ เนื่องจากคนกลุ่มนี้ยังมีความกลัวในระบอบทักษิณอยู่

2.) การเกิดขึ้นของพรรคก้าวไกล ที่ผันตัวมาจากพรรคอนาคตใหม่ ก็ถือเป็นอีกตัวแปรสำคัญในการดึงคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยออกไป เหตุเพราะไม่มีพรรคไหนที่ชัดเจนเท่ากับพรรคก้าวไกล ซึ่งกำลังเดินตามตัวแปรที่หลายคนโหยหาการเปลี่ยนแปลงหลักของประเทศนี้ เช่น ความเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเมือง และการแก้ไข ม.112 ซึ่งก้าวไกลมีความแน่วแน่และชัดเจนกว่าพรรคอื่นๆ 

>> เมื่อถามว่าการเลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ เพื่อให้เป็นไปตามหลัก Strategic Vote รศ.ปวิน มองว่า แน่นอนว่าการเลือกพรรคเพื่อไทยพรรคเดียว ซึ่งนำมาสู่สโลแกน แลนด์สไลด์ นั้น จะนำไปสู่ความเด็ดขาดทางรัฐบาลแบบพรรคไทยรักไทยที่เคยทำได้มาก่อน (One Party) ซึ่งมันจะทำให้ง่ายต่อการแก้ไข หรือปรับเปลี่ยนในรัฐสภา แต่ถ้า Vote ตามใจ โหวตกระจาย เช่น ชอบก้าวไกล ก็โหวตก้าวไกล โดยไม่สนใจในพรรคเพื่อไทยที่ถือเป็น Strategic Vote ในเชิงของพรรคที่โอกาสได้คะแนนเสียงมากที่สุดในครั้งนี้นั้น ก็มีความเป็นไปได้ว่าต่อให้พรรคเพื่อไทยจะได้เสียงมากกว่าพรรคอื่น แต่มันก็จะนำไปสู่การสร้างรัฐบาลและพรรคผสม ซึ่งมันตั้งรัฐบาลได้ก็จริง แต่เสถียรภาพก็จะง่อนแง่น ฉะนั้น สิ่งที่พรรคเพื่อไทยพยายามขายตอนนี้ จึงเป็นการขายความเชื่อมั่นที่ One Party จะเหมาะต่อการขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้าง่ายขึ้น เรียกว่าต่อให้ใจคุณจะอยู่กับพรรคก้าวไกลก็ตาม แต่ถ้าไม่เลือกเพื่อไทย มันก็จะเกิดผลกระทบต่อ Strategicเป็นต้น 

>> อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึง Strategic Vote มีความจำเป็นกับประเทศไทยไหม รศ.ปวิน ย้ำชัดว่า ส่วนตัวผมไม่ซื้อ เพราะการมอบสิทธิของเราให้พรรคการเมืองหนึ่งไปแบบเบ็ดเสร็จ ผมไม่เชื่อว่าพรรคการเมืองนั้นๆ จะทำตามสิ่งที่เราต้องการ เช่น ถ้าผมอยากเห็นการแก้ไข 112 ผมก็อาจต้องโหวตให้ก้าวไกล เพราะผมไม่มั่นใจว่าอะไรจะการันตีว่า เพื่อไทยจะแก้ 112 ให้ เป็นต้น

นอกจากนี้ การให้อำนาจของประชาชนกับพรรคการเมืองใด พรรคการเมืองหนึ่ง โดยให้คุณค่าเขาสูงขนาดนั้น ซึ่งเราไม่แน่ใจว่าเขามีคุณค่าที่จะได้รับเสียงขนาดนั้นอย่างนั้นหรือไม่? มันเหมือนเราควรเอาไข่ทั้งหมดใส่ตะกร้าใบเดียวเช่นนั้นหรือ พูดง่ายๆ ก็คือ ผมไม่คิดว่ามันมีพรรคการเมืองแบบนั้น พรรคการเมืองแบบที่พร้อมตอบสนองเสียงของผู้คนในเมืองไทย จนนำไปสู่ความทุ่มเทที่จะต้องก้าวไปสู่ Strategic Vote 

แน่นอนว่า อาจจะมีบางมุมบอกกับผมว่า ถ้าไม่เลือกแบบ Strategic Vote ไม่เลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ แล้วทหารจะกลับมานั้น ผมก็คงต้องถามกลับไปว่า แล้วถ้าเพื่อไทยแลนด์สไลด์เข้ามา จะแก้ปัญหาก่อนหน้าทั้งหมดได้หรือไม่ ปัญหาการจับตัวเยาวชน / ปัญหาการจับกุมเด็กอายุ 14 / ปัญหาการชุมนุมในที่สาธารณะ หรือปัญหาในการไม่มีสิทธิพูดเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ จะหมดไปงั้นหรือ จะแก้ไขได้หรือ บางอย่างอาจจะได้ เช่น ปากท้อง ค่าไฟ เศรษฐกิจ แต่ผมถามนะว่า นี่คือ ปัญหาโดดเด่นของเมืองไทยจริงหรือเปล่า ซึ่งผมออกมานอกไทย ผมมองเห็น แล้วผมเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยก็จะไม่แก้ปัญหาที่แท้จริงเหล่านั้น

>> เมื่อถามถึงท่าทีในการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของพรรคเพื่อไทยในช่วงที่ผ่านมา รศ.ปวิน วิเคราะห์ว่า การที่พรรคเพื่อไทยยังไม่แสดงออกถึงจุดยืนในการร่วมรัฐบาล หรือไม่พูดว่าจะจับมือ ไม่จับมือกับพรรคใด ทั้งที่เรื่องบางเรื่องมันไม่ต้องดูรายละเอียด จนถึงขั้นต้องไปอ้างเสียงประชาชนนั้น มันก็คือการสร้างช่องว่างเพื่อเอื้อต่อการดีลกันฉากหลังทางการเมือง ผมบอกเลยว่าการเมืองไทย ก็คือการเมืองไทย ต่อให้คนละขั้วแค่ไหน แต่เมื่อมาถึงจุดที่ Critical เขาก็พร้อมดีลกันหลังไมค์ แต่ที่ไม่ดีลทันที ก็เพราะอาจจะไม่เวิร์ก หรือทิศทางประชาชนเปลี่ยน พรรคก็ต้องปรับแนวทางมาโน้มเอียงฟากประชาชน เช่น กรณีเพื่อไทยไม่เคลียร์ว่าจะเอาประวิตรหรือไม่เอา? พอกระแสหนักเข้า เพื่อไทยก็ต้องแสดงจุดยืน เช่น ไม่จับมือโดยทันที ก็เท่านั้นเอง แต่หลังจากนั้นบอกไม่ได้ เพราะคนพูดมีหลายคน คนนึงในพรรคเพื่อไทยพูดแบบนึง อีกคนพูดแบบนึง มันก็เป็นเรื่องของการเผื่อเหลือเผื่อขาดในการดีล ซึ่งท้ายสุดมันก็เป็นการเมือง ไม่ใช่เรื่องที่ต้องไปประณามอะไร เป็นเทคนิคในการอยู่รอดของพรรคการเมือง

‘ทักษิณ’ โพสต์ดีใจ ‘อุ๊งอิ๊ง’ คลอดแล้ว!!  ประกาศกลับไทย ขออนุญาตกลับไปเลี้ยงหลาน

(1 พ.ค.66) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า “เช้าวันนี้ ผมดีใจมากที่ได้หลานคนที่ 7 เป็นชาย ชื่อ ธาษิณ จากน้องอิ๊งค์ แพทองธาร หลานทั้ง 7 คน คลอดในขณะที่ผมต้องอยู่ต่างประเทศ ผมคงต้องขออนุญาตกลับไปเลี้ยงหลาน เพราะผมอายุจะ 74 ปี กรกฎานี้แล้ว พบกันเร็วๆ นี้ ครับ ขออนุญาตนะครับ”


ที่มา : https://www.thaipost.net/hi-light/369509/

‘อนุทิน’ เผย ‘ทักษิณ’ กลับประเทศ ไม่กระทบ รบ.ชุดปัจจุบัน ชี้ คนไทยมีสิทธิ์เข้า-ออกบ้านเกิดได้อิสระ ยัน!! ยังเคารพเหมือนเดิม

(10 พ.ค. 66) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงประเด็นการทำงานของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าอีก 4 วันก็ถึงวันเลือกตั้งแล้ว ตอนนี้พรรคภูมิใจไทยไม่มีอะไรต้องกังวล ถ้ายังกังวลก็ต้องเตรียมตัวแพ้แล้ว พรรค ภท.เตรียมพร้อมทั้งผู้สมัครและนโยบายอยู่แล้ว ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชน อย่างไรก็ตาม หวังว่าพรรค ภท.จะได้รับเลือก ส.ส.เข้าสภาฯ ได้มากที่สุด

เมื่อถามถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร ประกาศจะขอกลับประเทศไทย จะมีผลอย่างไรกับรัฐบาลปัจจุบัน นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มีผลอะไร คนไทยทุกคนสามารถเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดได้ เข้า-ออกได้อิสระ หากใครมีข้อจำกัดด้านกฎหมายก็ปฏิบัติตามกฎหมาย อย่าไปผูกทุกเรื่องกับการเมือง ซึ่งท่านเน้นว่าอยากกลับมาเลี้ยงหลาน

นายอนุทินกล่าวว่า ส่วนเรื่องการกลับมาของนายทักษิณก็ต้องไปถามท่านเอง แต่ตนยังเคารพกันเหมือนเดิม ไม่ได้ลดน้อยลง และยินดีกับนายทักษิณที่เป็นคุณตา มีหลาน 7 คนแล้ว ในขณะที่ตนยังไม่มีหลานเลย

เมื่อถามถึงหลังการเลือกตั้ง หากกลับมาเป็นรัฐบาลอีกจะยึด 3 กระทรวงเหมือนเดิมหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า กระทรวงเป็นสถานที่ราชการไม่มีใครสามารถยึดได้ ขึ้นอยู่กับประชาชน การที่สมาชิกพรรค ภท.ได้เป็นรัฐมนตรีในแต่ละกระทรวงก็มาจากความชอบธรรม มาจากการเลือกของพี่น้องประชาชนผ่านกระบวนการเลือกตั้ง ยืนยันว่า ทุกกระทรวงดีหมด ไม่มีกระทรวงหลัก หรือกระทรวงรอง เพราะมีการจัดตั้งมานานแล้ว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top