Friday, 3 May 2024
ชาติพัฒนากล้า

‘กรณ์’ เปิดตัว 3 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ‘ร้อยเอ็ด-มหาสารคาม’ ตัวแทนคนรุ่นใหม่ อาสาเป็นกระบอกเสียงให้ชาวบ้าน

(24 ก.พ.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วย ผศ.ดร. เอราวัณ ทับพลี รองเลขาธิการพรรค นายปรีชญา ฉ่ำมณี หรือ หำโจ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค เดินทางไปจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อจัดตั้งตัวแทนและที่ทำการพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมเปิดตัว ‘เอม อภัสรา’ นางสาวดนิตา มาบุญธรรม หมอลำชื่อดัง เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ดเขต 1 

นายกรณ์ กล่าวว่า ถ้า เอม อภัสรา ได้มีโอกาสได้เข้าไปเป็นผู้แทนราษฎร ก็จะเป็นความภาคภูมิใจของคนร้อยเอ็ด เพราะเอม เป็นลูกชาวบ้านที่อาสามาเป็นผู้แทน และมีเจตนารมณ์เดียวกันกับพรรคคือ ไม่ขายความขัดแย้ง ไม่ทะเลาะกับใคร ไม่สะสมประโยชน์ส่วนตัว เราเน้นทำงานเพื่อแก้ปากท้องของพี่น้องประชาชน สร้างอนาคตให้ลูกหลาน ดูแลผู้สูงอายุ เราสู้ตั้งแต่ยังไม่มี ส.ส.และกล้าชนกับเรื่องปัญหาราคาน้ำมัน ปัญหาคนไทยติดแบล็กลิสต์บูโร สนับสนุนเกษตรกรให้ทำเกษตรพรีเมียม เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร รวมถึงการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ วัฒนธรรมไทย ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศให้เข้ามาสัมผัสในสิ่งที่เขาหาชมที่ไหนไม่ได้ ซึ่งหมอลำ ตอบโจทย์อย่างชัดเจน และเชื่อว่าเอม อภัสรา มีศักยภาพพอที่จะสามารถทำให้ หมอลำ โกอินเตอร์ได้อย่างแน่นอน

‘สุวัจน์’ เปิดงาน ‘เดิน เดิ่น โคราช’ หนุน Soft Power ดันสตรีทฟู้ดไทยสู่ระดับโลก หวังดึง นทท. - กระตุ้น ศก.

(25 ก.พ. 66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานเปิดงาน ‘เดิน เดิ่น โคราช’ ประจำปี 2566 เมื่อเวลา 17.00 น.ของวันที่ 24 ก.พ.66 ที่ผ่านมา โดยมี นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา, นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรคชาติพัฒนากล้า, นายวัชรพล โตมรศักดิ์ สส.นครราชสีมา เขต 2 พรรคชาติพัฒนากล้า, นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา พร้อมคณะผู้บริหาร สท.ผู้นำชุมชน, นักธุรกิจ, พ่อค้า, แม่ค้า และพี่น้องประชาชนร่วมงานจำนวนมาก ที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และสวนอนุสรณ์สถานวีรกรรมท้าวสุรนารี

นายสุวัจน์ กล่าวว่า งานถนนคนเดิน เป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อสร้างความสุข กระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างบุคลิกคาแรคเตอร์ให้กับเมืองโคราช ที่เราเรียกว่า ‘เดิน เดิ่น โคราช’ คือ เดินชมเมืองโคราช เดินชมร้านค้า เดินชมดนตรี เดินไปตามถนนที่สวยงามย่านอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เดินชมอนุสรณ์สถานคุณย่าโม เดินไปท่ามกลางสตรีทฟู้ดที่มีอาหารดี ๆ พื้นบ้าน พื้นเมืองของคนโคราช เดินไปท่ามกลางสินค้าโอทอป สินค้าที่หลากหลายแล้วก็มีดนตรี มีอะไรมากมาย ที่ถือว่าเป็นการผสมผสานกันระหว่าง Night Market บวกกับ Streetfood บวกกับถนนวัฒนธรรม รวมแล้วเลยกลายเป็น ‘เดิน เดิ่น โคราช’

ซึ่งทางเทศบาลนครนครราชสีมา จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-26 กุมภาพันธ์นี้ และเห็นว่าจะจัดกันเป็นประจำทุกศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ จัดกันไปเรื่อยๆ ก็จะทําให้เมืองมีความคึกคัก มีสีสัน มีบรรยากาศของการท่องเที่ยวและก็รองรับนักท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาประเทศไทย รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทย และเป็นการอวดของดีเมืองโคราช ของดีทางด้านสถาปัตยกรรม วัฒนธรรม Soft Power ของดีทางด้านอาหารการกิน สินค้าโอทอป ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ดี แล้วก็จะนําไปสู่เรื่องเศรษฐกิจ ทําให้พ่อค้า แม่ค้า คนขายของที่ระลึก คนขายโอทอป คนขายอาหาร ทุกคนได้ขายสินค้า พี่น้องประชาชนได้ออกมาเที่ยวจับจ่ายใช้สอย นักท่องเที่ยวก็อยากจะมาที่โคราช ถือว่าเป็นโมเดลที่ดี ซึ่งทุกจังหวัดก็จะมีของดีอย่างนี้ แล้วก็ร่วมกันจัดงานลักษณะนี้จะเป็นถนนวัฒนธรรม ถนนคนเดิน หรือจะเป็นถนนสําหรับสตรีทฟู้ด

“เมืองไทยมีชื่อเสียงทั่วโลกพอพูดถึงเรื่องสตรีทฟู้ด ทุกคนจะนึกภาพเมืองไทยมาอันดับหนึ่ง สตรีทฟู้ด ขนาดมิชลิน สตาร์ บ้านเรายังมีอยู่ที่สตรีทฟู้ด ถ้าเราส่งเสริมเรื่องสตรีทฟู้ด ไปทุกตําบล ทุกเมือง ให้มีสตรีทฟู้ด แล้วเอาของดีมาอวด หรือส่งเสริมพวกมิชลิน สตาร์ เพราะนักท่องเที่ยวชอบไปกิน คือ เป็นการแนะนําของอร่อยที่เซอร์ติฟายด์โดยมิชลิน ส่งเสริมให้ มิชลิน สตาร์ Michelin เข้ามาให้ดาวให้เพจ ไปตามร้านอาหารดัง ๆ เมืองท่องเที่ยว ทุกจังหวัด ทุกอําเภอ ต่อไปเมืองไทยก็จะมีชื่อเสียงเหมือนเป็นเมืองของกินของโลก เมืองอาหารอร่อยของโลก สตรีทฟู้ดของโลก จะช่วยส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยวได้มาก” นายสุวัจน์ กล่าว

นายสุวัจน์ กล่าวว่า วันนี้การท่องเที่ยวเป็นหัวใจสําคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเงินจากนักท่องเที่ยวมาเร็ว มาแรง มาทั่วถึง ไปทุกหมู่บ้าน ไปทุกตําบล วันนี้เราจะอาศัยการลงทุนจะต้องรอจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจ ถดถอย เงินเฟ้อ ดอกเบี้ยแพง ผลกระทบ ใช้เรื่องการลงทุนจะค่อนข้างชะลอ แต่เรื่องท่องเที่ยว เรื่องปาก เรื่องท้อง เรื่องอยากไปเที่ยว คิดได้ทุกวัน ขออย่างเดียว บ้านเมืองคุณปลอดภัย คุณมีสตรีทฟู้ด มีอาหารอร่อยๆให้ผมทานหรือเปล่า ผมก็อยากจะมา ฉะนั้น สตรีทฟู้ด เป็นเสน่ห์ของเมืองไทยมากขอให้ส่งเสริมให้ดีกันเยอะๆ ในทุกเมืองท่องเที่ยวจะเป็นประโยชน์ เพราะการท่องเที่ยวเป็นหัวใจในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมา

'กรณ์' ตอบโดนใจ!! ทำไมลูกชาวนาจะเป็น ส.ส.ไม่ได้ แค่ ปชช.พร้อมเลือก วันนั้นคนไทยจะเป็นเจ้าของ ปท.ตัวจริง 

(25 ก.พ.66) คุณกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ...ทำไม 'หมอลำ' กับ 'ลูกชาวนา' จะเป็น ส.ส.ไม่ได้!? ว่า...

วันนี้ผมมาลงพื้นที่ "ร้อยเอ็ด/มหาสารคาม"

ที่ 'ร้อยเอ็ด' ผู้สมัครเราเป็นหมอลำชื่อดัง “เอม-อภัสรา” ได้รับแรงบันดาลใจจากช่วงโควิดที่เห็นเหล่าศิลปินถูกทอดทิ้ง และความตั้งใจอยากนำวัฒนธรรมอีสานสู่ความเป็นสากล

ส่วนผู้สมัครเราที่ 'มหาสารคาม' เป็นลูกสาวชาวนา ที่เรียนจบวิทยาศาสตร์เคมี ทำงานบริษัทในกรุงเทพ แต่แล้วก็ตัดสินใจกลับมาช่วยหมู่บ้านบ้านเกิดในฐานะผู้จัดการโครงการ ‘ข้าวอิ่ม’ ของผมเอง

วันนี้คุณแม่เขาโพล่งถามผมว่า “คุณกรณ์คะ ลูกชาวนาเป็น ส.ส.ได้จริงหรือคะ!?"

คำถามนี้สะท้อนมุมมองที่ชาวบ้านมีต่อการเมืองไทย ว่าใครจะเป็น ส.ส. ต้องรวย ต้องมีเครือข่าย ชาวบ้านธรรมดาๆ ไม่มีสิทธิ แค่คิดจะลงสมัครก็แปลกแล้ว

ที่ชาวบ้านคิดอย่างนี้ก็ไม่ผิด เพราะตามจริงโอกาสที่ชาวบ้านธรรมดาๆ จะชนะเลือกตั้งมีน้อยมาก (ไม่ว่าจะมีความรู้ หรือมีความตั้งใจดีแค่ไหน) …แต่ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้… ผมเชื่อเช่นนี้

…และวันไหนที่คนธรรมดาในทุกสาขาอาชีพ สามารถลงสมัคร และได้รับการสนับสนุนจากคนธรรมดาด้วยกัน วันนั้นจะเป็นวันที่ประเทศไทยเราเจริญ เป็นวันที่เราได้บ้านเมืองกลับคืนจากนายทุนและผู้มีอิทธิพล และเป็นวันที่ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศอย่างแท้จริง 

ผมภาคภูมิใจในผู้สมัคร 'ลูกชาวบ้าน' ของเราทุกคนครับ


ที่มา : https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0K651J8t1D9HNby4vRpV4w1orz2j2dkcPTPKX4sP54NUdjzdh7AhymsbP17Yse2scl&id=100044357112719&mibextid=Nif5oz

'กรณ์' ควง 'จูรี' ปลุกคนใต้ อย่าขายเสียง ชี้!! "เงินซื้อไม่ได้” แต่ถ้าให้มาก็รับไว้ แล้วไม่กา

(27 ก.พ.66) ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยนายจูรี นุ่มแก้ว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา เขต 2 เดินพบปะพ่อค้า แม่ค้า โดยพี่น้องประชาชนให้การต้อนรับอย่างคึกคักมาก โดยนายกรณ์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนาส่งว่าที่ผู้สมัครในจังหวัดสงขลา 4 คน ในเขต 1 เขต 2 เขต 3 และเขต 9 

และวันนี้มาเดินหาดใหญ่ อยู่ในพื้นที่ เขต 2 ซึ่งเราส่ง นายจูรี นุ่มแก้ว จากภาพบรรยากาศเราจะเห็นได้ว่า ประชาชนในตัวเมืองหาดใหญ่ตื่นตัว และให้การยอมรับในตัวจูรีเป็นอย่างมาก โดยจูรีเองพร้อมสร้างโอกาสให้คนหาดใหญ่ คนสงขลา และคนใต้ทุกคน จูรีเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้มาทั้งชีวิตจนวันนี้มีชื่อเสียง ก็อยากจะใช้ชื่อเสียงตรงนี้สร้างประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชน จึงอาสามาเป็นผู้สมัคร โจทย์สำคัญของวันนี้คือ ทำอย่างไรให้หาดใหญ่พัฒนาต่อไปได้ ทุกอย่างต้องไม่อยู่กับที่ เราต้องมีบทเรียนจากความเจ็บปวดในช่วง 2 ปีที่ผ่านจากวิกฤตโควิด เพื่อไม่ให้ใครสามารถพูดได้ว่าหาดใหญ่ตายแล้ว ดังนั้นจุดเริ่มต้นคือต้องเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองก่อน

ด้านนายจูรี ซึ่งเป็นขวัญใจของคนหาดใหญ่ และคนใต้ ว่า อุดมคติของคนใต้แต่ดั้งเดิมคือ เงินซื้อไม่ได้ วันนี้มีคนเอาเงินมาให้มากมาย เราต้องรักษาอุดมคติไว้ให้มั่น ใครเอามาให้เราก็รับไว้ แต่ให้กาพรรคที่ไม่ให้เงิน โดยส่วนตัวไม่เคยคิดที่จะเอาเงินไปซื้อพี่น้องประชาชน ให้เป็นตราบาปไปตลอดชีวิต เพราะเขาซื้อเสียงวันนี้ ส.ส.เขาก็จะไม่สนใจเรา เพราะเขาถือว่าเขาซื้อขาดแล้วตั้งแต่วันที่เข้าคูหา แล้วบ้านเราก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง 

‘กรณ์’ ส่ง ‘ดร.อิสมาแอล’ ลงเขต 2 ปัตตานี มั่นใจ!! ปชช.ตอบรับดี คว้าชัยได้แน่นอน

(27 ก.พ. 66) พรรคชาติพัฒนากล้า โดยนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย พล.ต.ธชา จินตวร  ผศ.ดร.เอราวัณ ทับพลี รองเลขาธิการพรรค และคณะ เดินทางไปยัง จ.ปัตตานี เพื่อประชุมแต่งตั้งตัวแทนพรรคประจำ จ.ปัตตานี และเปิดตัว ดร.อิสมาแอล เบญอิบรอฮีม อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ 3 สมัย เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จ.ปัตตานี พรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมทั้งพบปะพี่น้องประชาชน ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างมาก 

นายกรณ์ กล่าวว่า ตนและดร.อิสมาแอล รู้จักกันมานาน เริ่มเป็น ส.ส.พร้อมกันคือ เมื่อปี 2548 และฝ่ากระแสการเมืองชนะเลือกตั้ง เป็น ส.ส.มาถึง 3 สมัย เป็นว่าที่ผู้สมัครที่มีศักยภาพ และเป็นคนเดียวที่เราตัดสินใจส่งผู้สมัครในเขต 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งตนมั่นใจว่า ยีแอ หรือ ดร.อิสมาแอล จะสามารถขับเคลื่อนนโยบายของพรรคเพื่อแก้ปัญหาความยากจน สร้างโอกาสให้พี่น้องชาวปัตตานีได้ และยังเชื่อมั่นว่านายอิสมาแอล การเลือกตั้งที่จะถึงนี้จะสามารถชนะเลือกตั้งได้อย่างแน่นอน

‘กรณ์’ กรีดกลับ ‘ชวน’ ปมกล่าวหา ส.ส.ย้ายพรรคคบไม่ได้ แจงเหตุออกเพราะปชป.เปลี่ยนไป หาใช่ต้องการเงิน - ตำแหน่ง

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ได้ให้สัมภาษณ์ถึง ส.ส.ที่ย้ายพรรค ว่าเป็นพวกที่เอาเปรียบ - คบไม่ได้ โดยนายกรณ์ระบุข้อความว่า

เขียนตอบท่านชวน ด้วยความเคารพ

ผมออกมาจากประชาธิปัตย์ 3 ปี ผมไม่เคยพูดให้ร้ายพรรคเลยแม้แต่ครั้งเดียว ผมออกเพราะอยากไปทำงานตามที่ตั้งใจ และสำหรับผมประชาธิปัตย์เปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม

การลาออกของคนประชาธิปัตย์มีเหตุผลต่างกัน ผมพูดแทนเขาไม่ได้ แต่ในส่วนของผมนั้น ไม่ใช่ด้วยเหตุผลที่ท่านชวนกล่าวถึงในคลิป https://youtu.be/s0GpJaj7lUw ไม่ว่าจะเรื่องเงินหรือตำแหน่ง ยิ่งประชาธิปัตย์ยุคนี้แล้วเรื่องเงินยิ่งไม่เป็นปัญหา ส่วนตำแหน่งก็มีมากมายเพราะเป็นพรรคฝ่ายรัฐบาล

ผมสัมภาษณ์หลายครั้งว่า ผมได้เคยทำงานให้บ้านเมืองในตำแหน่งรัฐมนตรีคลังมาแล้ว ซึ่งสำหรับผมถือเป็นการทำงานที่ตรงต่อความฝันทางการเมือง ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจผมได้ทำงานอย่างเต็มที่ภายใต้นายกรัฐมนตรี และรองนายกฯเศรษฐกิจ (คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และคุณกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) ที่ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี ดังนั้นความฝันทางการเมืองของผมวันนี้ไม่ใช่เรื่องตำแหน่ง แต่คือโอกาสสร้างพรรคที่ตรงกับอุดมการณ์ของผม และการส่งเสริมนักการเมืองรุ่นใหม่ให้มีโอกาสได้ทำงาน

แก้ปัญหาตรงจุด!! ‘กรณ์’ ลุยบางคอแหลม ‘พูดคุย-รับฟัง’ ปัญหาชาวบ้าน ปลื้ม!! ส่วนใหญ่ขานรับนโยบาย ‘ยกเลิกแบล็กลิสต์’ แก้หนี้ทั้งระบบ

(4 มี.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยนายปรัชญา อึ้งรังษี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนในเขตบางคอแหลม ถนนเจริญกรุง โดยนายกรณ์ แนะนำตัวผู้สมัครและสอบถามความเป็นอยู่ของพี่ประชาชน ซึ่งมีร้านค้าและผู้ประกอบการรายย่อยเป็นจำนวนมาก โดยประชาชนให้ความสนใจนโยบายยกเลิกแบล็กลิสต์ของพรรคชาติพัฒนากล้า เพราะหลายคนก็พบเจอปัญหาหนี้นอกระบบ เพราะไม่สามารถกู้เงินในระบบได้

นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้ามีนโยบายการหาเสียงที่ชัดเจนว่า มุ่งเน้นไปที่ต้นตอของปัญหา ไม่เน้นประชานิยม เนื่องจากมองว่านโยบายประชานิยม เช่น พักหนี้ ไม่ใช่การแก้ปัญหาแต่เป็นการผลักปัญหาออกไปโดยที่ไม่ได้ช่วยอะไร เราจึงเลือกที่จะนำเสนอนโยบายที่สร้างโอกาสให้ประชาชนปลดหนี้ ลดหนี้ โดยยกตัวอย่างในช่วงวิกฤตโควิด พรรคได้ทำโครงการกล้าปลดหนี้ มีประชาชนมาขอคำปรึกษาว่าเขามีหนี้นอกระบบอยู่ 50,000 และไม่สามารถกู้เงินในระบบได้ เราจึงช่วยหาสถาบันการเงินมาปล่อยกู้ให้ 100,000 บาท เพื่อปลดหนี้นอกระบบที่มี และอีก 50,000 บาทเขานำไปวางเงินดาวน์เปิดร้านหมูกระทะ จนปัจจุบันกิจการรุ่งเรือง สามารถปลดหนี้ได้ และหารายได้เลี้ยงครอบครัวได้สบาย ๆ เพราะเขาได้โอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญให้เขาเดินต่อได้

นายกรณ์ กล่าวว่า วันก่อนได้มีโอกาสได้คุยกับคนรุ่นใหม่แถวสามย่าน เขาเป็นเอเย่นต์ขายบ้าน เขาบอกว่า บ้านที่คนส่วนใหญ่บ้านคนสนใจราคาอยู่ประมาณ 2 ล้าน และถ้าคนเจตนาจะมีบ้าน 10 คน แบงก์จะสามารถปล่อยกู้ได้เพียง 2 คนเท่านั้น ในขณะที่อีก 8 คน ก็ยังต้องเช่าบ้านที่ราคาแพงกว่าเงินที่ใช้ผ่อนบ้าน แทนที่จะให้เขากู้เงินแล้ว เอาเงินค่าเช่ามาเป็นเงินผ่อน ที่ต้องจ่ายไปโดยไม่ได้อะไรกลับคืนมา โอกาสการในการกู้ยืมเงินเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเมื่อเทียบกับออสเตรเลีย ที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำอยู่ที่ 4% ดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน 5% ส่วนต่าง 1% เช่นเดียวกับมาเลเซีย ถ้าอัตราส่วนต่างไม่เกิน 2% ในขณะที่ประเทศไทย ดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 1% และดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน 6% ทำไมส่วนต่างเราสูงกว่ากันมาก แต่บ้านเราไม่มีใครตั้งคำถามแบบนี้ ไม่มีคนคิดเชิงโครงสร้าง ที่ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน

“ชีวิตผมเอง 20 ปี ผมทำธุรกิจมา เหมือนกับคุณปรัชญา ก็ทำธุรกิจ และไม่ว่าอาชีพอะไรก็ตามในทุกประสบการณ์ก็เป็นประโยชน์ที่จะเข้ามาทำงานการเมือง แต่ความเข้าใจในระบบเศรษฐกิจ มีความสำคัญ ที่จะเป็นเส้นแบ่งสำคัญของนักธุรกิจกับนักการเมืองคือ จิตสาธารณะ ความเสียสละ ที่เราต้องปรับตัว เพราะเรามีหน้าที่สร้างประโยชน์ให้กับทุกคน ไม่ใช่กลุ่มลูกค้า หรือคนที่เลือกเรา ความเข้าใจตรงนี้ นักธุรกิจมองข้ามไม่ได้ และต้องปรับตัวให้ได้” นายกรณ์ กล่าว

‘อรรถวิชช์’ ชูนโยบาย ‘ALL Service Center-ยกเลิกแบล็กลิสต์’ เน้น ‘สะดวก-รวดเร็ว-เท่าเทียม-เป็นธรรม’ เปิดโอกาสให้คนทำกิน

(7 มี.ค.66) นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวบทเวทีเสวนาเครือเนชั่น เปิดนโยบายพรรคการเมืองที่จะผลักดัน ‘นวัตกรรมนำไทย เชื่อมโลก’ ว่า พรรคชาติพัฒนากล้าเป็นพรรคใหม่ มีแนวคิดแบบเสรีนิยมประชาธิปไตย เน้นเรื่องการแข่งขัน สร้างโอกาส พรรคอื่นส่วนใหญ่มีแนวคิดเน้นเรื่องรัฐสวัสดิการเท่าเทียม แต่พรรคชาติพัฒนากล้า เน้นเรื่องโอกาสที่เสมอภาค ไม่ว่าจะรวยหรือจน สามารถเข้าถึงโอกาสในการแข่งขันได้ จึงนำเสนอ ‘นวัตกรรมสร้างโอกาส’ 2 เรื่องสำคัญ เรื่องแรกคือ ALL Service Center ราชการ 1 คำขอ จบครั้งเดียว เพราะทุกวันนี้เราใช้ระบบ One Stop Service แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเวลาไปยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการหรือทำธุรกรรมกับรัฐ เกิดปัญหาล่าช้า ไม่มีการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงาน ประชาชนต้องวิ่งไปยื่นเรื่องตามหน่วยงานต่าง ๆ เอง จะเริ่มประกอบธุรกิจขอใบอนุญาตก็ยากลำบาก 

เราจึงเสนอนวัตกรรมนโยบาย ‘ALL Service Center ราชการ 1 คำขอ จบครั้งเดียว’ ยื่นเรื่องครั้งเดียววิ่งไปทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถติดตามเรื่องได้เหมือน แอปพลิเคชันส่งของ นวัตกรรมนี้จะช่วยเสริมให้การบริการภาครัฐสะดวกรวดเร็วขึ้น สร้างโอกาสให้ประชาชนสามารถประกอบอาชีพได้มากขึ้น สร้างการลงทุนกับผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศได้มากขึ้น

"สมมุติอยากจะเปิดโรงแรมโฮมสเตย์สปาเล็กๆ สักหนึ่งที่ ถ้าเป็นระบบเดิม ผู้ประกอบการจะต้องวิ่งไปหลายหน่วยงานเพื่อขอใบอนุญาต เช่น ขอใบอนุญาตประกอบโรงแรม ขอใบอนุญาตประกอบกิจการขายอาหาร ขอใบอนุญาตขายสุรา ใบอนุญาตประกอบกิจการสปา แต่ถ้าเป็นระบบ All Service Center ราชการ 1 คำขอ จบครั้งเดียว ยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้องครั้งเดียว ระบบจะสามารถส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาได้ทันที สมรรถนะของรัฐมีความพร้อม ทั้งเรื่องกฎหมาย ความเข้าใจของประชาชน เทคโนโลยีที่ทั่วถึง สามารถทำให้นโยบายเกิดขึ้นได้จริง สร้างโอกาสให้คนประกอบธุรกิจได้สะดวกขึ้น" นายอรรถวิชช์ กล่าว

รอบรู้พระเครื่อง กับเซียนพระตัวจริง | TIME TO LISTENING EP.10

จากความชอบพระเครื่องของ คุณอุ๊ วัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจชุมชน พรรคชาติพัฒนากล้า ตั้งแต่สมัยวัยรุ่น ทำให้สนใจและศึกษาพระเครื่องอย่างจริงจังมาจนถึงปัจจุบัน โดยวันนี้ได้มาเล่าเรื่องราวประวัติของพระเครื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันอย่างน่าสนใจ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ในคลิปนี้…

ดำเนินรายการโดย ไอยรา อัลราวีย์
Content Manager

แขกรับเชิญ คุณวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์
ที่ปรึกษาเศรษฐกิจชุมชน พรรคชาติพัฒนากล้า
 

สุดจะทน!! 'กรณ์' จวกรัฐบาล หลังฝุ่น PM2.5 คลุมเมือง ชี้!! ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ แต่ไม่มีมาตรการอะไรเลย  

(8 มี.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ช่วงนี้หลายพื้นที่ของประเทศไทย ฝุ่น P.M 2.5 มาสร้างปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพมหานคร ปริมาณฝุ่นสูงเกินมาตรฐานส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ส่วนหนึ่งเพราะสภาวะอากาศเย็น หรืออาจจะเป็นฤดูการเพาะปลูก มีการเผาไร่เกษตร ทำให้ปริมาณฝุ่นสูงมากกว่าปกติ และไม่สามารถจะหนีฝุ่นไปไหนได้ ในฐานะนักการเมืองตระหนักว่าเรื่องนี้ไม่มาช่วยกันคิดช่วยกันทำไม่ได้ ตนร่วมรณรงค์เรื่องนี้มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพราะอย่างน้อยก็เป็นคนหนึ่งที่มีสตางค์ซื้อเครื่องฟอกอากาศให้ตัวเองและครอบครัวได้ แต่อากาศบริสุทธิ์ควรเป็นสิทธิของทุกคน ไม่ควรเป็นอีกเรื่องที่เป็นสิทธิเพียงของใครที่มีเงิน 

นายกรณ์ กล่าวว่า รัฐบาลนี้ประกาศเรื่องฝุ่นเป็น ‘วาระแห่งชาติ’ มาหลายปี แต่ก็ยังไม่เห็นมาตรการที่ส่งผล ตนได้ร่วมรณรงค์และลงชื่อ ‘กฎหมายอากาศสะอาด’ ของประชาชนมาตั้งแต่ 3 ปีก่อน แต่กฎหมายนี้ก็ยังไม่ผ่านการพิจารณาในสภา จนสภาจะหมดวาระแล้วก็เลยยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจน สังเกตได้ว่าปัญหาเรื่องฝุ่นจะมีเป็นฤดูกาล ดังนั้นพอสรุปได้ว่าต้นตอปัญหาน่าจะมาจากพฤติกรรมที่เกิดขึ้นตามฤดูกาลเช่นเดียวกัน นั่นหมายความว่าสภาพอากาศจะเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา ภาคอุตสาหกรรม การขนส่ง และพลังงานเป็นแหล่งที่มาของฝุ่น แต่มากกว่านั้นคือการเผาที่การเกษตรในช่วงฤดูการนี้ เราทราบกันดีว่าพฤติกรรมการเผามีเหตุผลและเงื่อนไขจากทางเศรษฐกิจ เราจึงต้องแก้ด้วยตรรกะทางเศรษฐกิจ คือสร้างแรงจูงใจไม่ให้เกิดการเผา


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top