Friday, 3 May 2024
ชาติพัฒนากล้า

‘กรณ์’ งัดหลักฐาน จวก ‘รัฐฯ’ เข้าข้างนายทุน เอาเปรียบ ปชช. ขึ้นค่าไฟแพงมหาโหด ในช่วงที่อากาศร้อนจัดที่สุดของปี

(25 มี.ค. 66) ที่อาคารตลาดหลักทรัพย์ รัชดาภิเษก นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย 3 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตเศรษฐกิจชั้นใน ได้แก่ นายวรนนท์ อัศวกิตติเมธิน เขตสาทร ปทุมวัน-ราชเทวี, นายปรัชญา อึ้งรังษี เขตยานนาวา-บางคอแหลม และ นายปรินต์ ทองปุสสะ เขตวัฒนา-คลองเตย ร่วมกันแถลงข่าว กรณีจะมีการขึ้นค่าไฟฟ้าในเดือนพฤษภาคมนี้ ว่า ทุกคนรู้ดีว่าในช่วงหน้าร้อนคนไทยใช้ไฟเพิ่มสูงมากกว่าปกติ ค่าไฟโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นพีคทุกครัวเรือน แต่รัฐฯ ยังประกาศจะขึ้นค่าไฟ ถือเป็นการซ้ำเติมประชาชน

นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้า เราต่อสู้เรื่องนี้มาตลอด โดยเฉพาะการแก้ปัญหาสินค้าราคาแพง ซึ่งหนึ่งในต้นตอสำคัญทำให้สินค้าราคาสูงขึ้นคือ ต้นทุนพลังงาน เราเสนอแนวนโยบายที่ชัดเจนที่จะแก้ปัญหา คือต้องรื้อโครงสร้างพลังงาน แต่ล่าสุดสิ่งที่ทำให้เราตกใจมาก กับการประกาศขึ้นค่าไฟฟ้า ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม โดย สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ซึ่งพิจารณาภายใต้นโยบายที่ส่งต่อมาจาก คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีมติจะปรับขึ้นค่าไฟฟ้าในภาคครัวเรือนจากหน่วยละ 4.72 บาท เพิ่มเป็นหน่วยละ 4.77 บาท แต่กลับลดราคาให้ภาคอุตสาหกรรมจากหน่วยละ 5.33 บาท ลดลง เหลือ 4.77 บาท

นายกรณ์ กล่าวต่อว่า สาเหตุของการปรับค่าไฟฟ้าครั้งนี้คือ การปรับค่าเอฟที โดยภาคประชาชนมีการปรับค่าเอฟทีขึ้น 5% แต่กลับลดให้ภาคอุตสาหกรรมคิดเป็น 30กว่า% จากตัวเลขดังกล่าว พวกเราเห็นแล้วถึงกับอึ้งกับแนวนโยบายการกำหนดค่าไฟแบบนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน แต่กลับลำเอียงเข้าข้างภาคอุตสาหกรรมมากเกินไป

นอกจากนี้ เรายังไม่เห็นตรรกะความจำเป็น ที่ต้องปรับค่าไฟแบบนี้ เพราะหากดูตามข้อเท็จจริง ต้นทุนหลักของการผลิตไฟฟ้า คือ ราคาก๊าซ LNG ในอดีต เราไม่เดือดร้อนมากเพราะสามารถใช้ก๊าซจากอ่าวไทยได้ แต่ปัจจุบันปริมาณก๊าซในอ่าวไทยลดลง เราจึงต้องนำเข้าก๊าซ LNG  ซึ่งราคาก็ลดต่ำลงเรื่อย ๆ จากที่พีคสุด 70 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ลดลงเหลือ 11 เหรียญ ต่อล้านบีทียู หรืออย่างมากไม่เกิน 30 เหรียญต่อล้านบีทียู

คำถามคือ แล้วทำไมต้องปรับเพิ่ม หรือถ้ามองในมิติของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งท่านก็ทราบว่าการนำเข้า บาทยิ่งแข็งยิ่งทำให้สามารถนำเข้าในอัตราที่ถูกลง และปัจจุบันค่าเงินบาทก็แข็งขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมาอยู่ในระดับ 34 บาท ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยของต้นทุนก๊าซ หรืออัตราแลกเปลี่ยน ก็ล้วนแต่มีภาระลดลง

‘กรณ์’ ร่วมดีเบตเวที จ.สงขลา ยก ‘จูรี’ เป็นโรลโมเดล ปลุกความหวัง-สร้างโอกาส เติมเต็มรอยยิ้มให้คนใต้

เมื่อวานนี้ (25 มี.ค. 66) ที่จังหวัดสงขลา นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า เข้าร่วมเวทีดีเบต ‘อนาคตประเทศไทย’ โดยมี 4 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดสงขลา ได้แก่ นายจูรี นุ่มแก้ว, นายกัณฑ์ นวกัณฑ์, รศ.ดร.ประสิทธิ์ รัตนพันธ์ และนายพงศธร สุวรรณรักษา ร่วมให้กำลังใจ พร้อมด้วยกองเชียร์มาร่วมฟังการแสดงวิสัยทัศน์กันอย่างคึกคัก ซึ่งแม้ว่าจะมาจากต่างพรรคการเมือง แต่ส่วนใหญ่มาทักทายและรุมขอถ่ายรูปกับจูรี ขวัญใจคนใต้กันอย่างเนืองแน่น

โดยนายกรณ์ กล่าวช่วงหนึ่งว่า โดยส่วนตัวมีความรักผูกพันกับพี่น้องชาว จ.สงขลา และเพิ่งเข้าร่วมกิจกรรมว่ายน้ำข้ามทะเลสาบสงขลาไปเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการว่ายต่อเนื่องเป็นปีที่สอง เพื่อร่วมกระตุ้นการท่องเที่ยวให้ จ.สงขลา ทั้งนี้เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของพรรคชาติพัฒนากล้า เรามียุทธศาสตร์สำคัญที่จะทำให้คนใต้ทุกคนมีโอกาสร่ำรวยเหมือนคนที่ชื่อ ‘จูรี นุ่มแก้ว’ ดาวติ๊กต่อก ภาคใต้ หนึ่งในว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา ที่เหมาะสมที่จะเป็นผู้แทนของพี่น้องประชาชน คุณสมบัติเด่นของจูรี คือ รอยยิ้ม ยิ้มได้เพราะได้ทำงานที่ดี มีเงินในกระเป๋า มีรายได้เพียงพอ ต่อราคาสินค้าที่สูงขึ้นทุกวัน พรรคชาติพัฒนากล้าจะมาเติมรอยยิ้มให้พี่น้องชาวใต้ทุกคน ด้วยการสร้างโอกาสดี มีงานดี มีเงินในกระเป๋า ราคาสินค้าต้องไม่แพง

อย่างไรก็ตาม นอกจากรอยยิ้มแล้ว คุณสมบัติอีกอย่างของจูรี ที่พี่น้องชาวใต้ชื่นชอบ คือ การลงมือทำจริง ในช่วงที่เขาเรียนหนังสือ ขณะนั้น ครอบครัวมีฐานะยากจน จูรีต้องแบกกระสอบข้าวสารในตอนกลางวัน และช่วงค่ำมาทำงานที่เซเว่น เพื่อหาเงินส่งตัวเองเรียนหนังสือ แต่หลังจากที่เขามีโอกาส สร้างรายได้หลายสิบล้าน แต่เมื่อคิดจะซื้อบ้านให้คุณแม่อุไร นุ่มแก้ว ธนาคารกลับไม่อนุมัติ เพราะเขาติดแบล็กลิสต์ในช่วงโควิด แม้ตอนนี้ชำระหนี้หมดแล้ว ก็ยังต้องติดอยู่ในระบบอีก 3 ปี ถึงจะหลุด เรื่องนี้เป็นปัญหาที่พรรคชาติพัฒนากล้าประกาศชัดว่า ต้องแก้ปัญหาให้กับพี่น้องคนไทยทั่วประเทศ ให้มีโอกาสกู้ยืมเงินในอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม ไม่ต้องพึ่งหนี้นอกระบบเหมือนกับที่จูรีต้องทำ

‘สุวัจน์-กรณ์’ เปิดตัว 16 ว่าที่ผู้สมัครฯ นครราชสีมา ชพก. พร้อมชู ‘โคราชโนมิกส์’ บนแนวคิด ‘งานดี-มีเงิน-ของไม่แพง’

(27 มี.ค.66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติ นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรค นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ที่ปรึกษาพรรค พันเอกวินัย สมพงษ์ ที่ปรึกษาพรรค นายวัชรพล โตมรศักดิ์ รองหัวหน้าพรรค นายสมบัติ กาญจนวัฒนา รองเลขาธิการรพรรค ร่วมกันเปิดตัวผู้สมัคร สส.โคราช ทั้ง 16 เขต พร้อมผู้สมัคร สส.ระบบบัญชีรายชื่อ โดยชูนโยบาย ‘โคราชโนมิกส์’ เตรียมสู้ศึกการเลือกตั้งและขับเคลื่อนประเทศ บนแนวคิด ‘งานดี-มีเงิน-ของไม่แพง’

นายสุวัจน์ กล่าวว่า วันนี้ได้มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสส.ทั้ง 16 เขต เพราะวันที่ 3 เมษายนนี้จะต้องไปสมัครแล้วขั้นตอนต่อไปก็จะนําไปสู่การทํา primary vote ภายในอาทิตย์นี้เพื่อให้ถูกต้องถือว่าได้เปิดตัวต่อพี่น้องประชาชน ต้องขอขอบคุณชาวโคราชที่ได้มาให้การสนับสนุนให้กําลังใจกว่า 2,000 คน และถือโอกาสนี้พาผู้สมัครทั้ง 16 ท่าน ไปแสดงตนต่อหน้าอนุสรณ์สถานพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เพื่อที่จะยึดอุดมการณ์ แนวคิดในการทํางานเพื่อรับใช้ชาวโคราชโดยเฉพาะในการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคชาติหน้ากล้า มีความมุ่งมั่นที่จะต้องได้ชัยชนะ ที่จังหวัดนครราชสีมา ต้องทวงแชมป์คืน ต้องกลับมาเป็นแชมป์ที่โคราชให้ได้ เพื่อที่จะได้มาผลักดันโครงการที่สําคัญ ซึ่งได้ประกาศนโยบายไปแล้ว คือ นโยบายโคราชโนมิกส์ ในการที่จะเอาเศรษฐกิจยุคทองของคนโคราชกลับมา เหมือนที่ท่านพลเอกชาติชายได้เคยสร้างเอาไว้ ซึ่งนโยบายโคราชโนมิกส์นั้น เป็นเรื่องที่จะสร้างโคราช สร้างอีสานให้เป็นระเบียงเศรษฐกิจใหม่ ด้านการลงทุนของประเทศให้ยิ่งใหญ่เหมือนกับตอนที่ท่านชาติชาย เปิดประตูอีสานสู่อินโดจีน แปรสนามรบเป็นสนามการค้าเหมือนภาคสอง 

นายสุวัจน์ กล่าวว่า นโยบายที่สําคัญก็คือ การที่จะดึงนักลงทุนต่าง ๆ มาลงทุนโดยอาศัยความได้เปรียบของภูมิรัฐศาสตร์ ฉะนั้น เรื่องระบบการคมนาคม เรื่องการสร้างโคราชให้เป็นเมืองอาหารป้อนโลก โคราชเป็นเมืองท่องเที่ยวอินเตอร์ และโครงสร้างพื้นฐานทางด้านแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง ต้องพร้อม ซึ่งเรามั่นใจ หลังจากที่ได้เปิดตัวนโยบายโคราชโนมิกส์ไปแล้ว พี่น้องประชาชนจําติดปากแล้วว่าโคราชโนมิกซ์ก็คือ การเอาเศรษฐกิจยุคทองของคนโคราชกลับมา คือ นโยบายแปรสนามรบ เป็นสนามการค้าภาคที่สอง แต่มาในเวอร์ชั่นของภาคเศรษฐกิจ บวกกับนโยบายโดยภาพรวมทั้งประเทศของพรรคชาติพัฒนากล้า เรื่อง ‘งานดี มีเงิน ของไม่แพง’

นายสุวัจน์ กล่าวว่า ฉะนั้น เรามีความมั่นใจว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเฉพาะที่จังหวัดนครราชสีมา ต้อง come back ต้องเป็นแชมป์ที่โคราช อย่างแน่นอน เพื่อมาทํางานให้ชาวโคราช

นายสุวัจน์ กล่าวว่า บรรยากาศเรื่องการเลือกตั้งมาได้ดี เพราะตอนนี้มีการแบ่งเขตแล้ว กําหนดวันสมัครแล้ว กําหนดวันเลือกตั้งแล้ว คิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้คงจะเป็นการเลือกตั้งที่ค่อนข้างที่จะเหมือนกับว่าท้องฟ้าเปิด ไม่มีความได้เปรียบเสียเปรียบในเรื่องของกติกาก็เป็นเรื่องที่ดีต้องขอบคุณทาง กกต. ด้วย จากนี้ไปก็เป็นเรื่องของการควบคุมในแง่ operation ในเรื่องของการปฏิบัติในภาคสนามว่าทําอย่างไรที่จะจัดการกับเรื่อง Money Politics หรือการซื้อเสียงหรืออะไรที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

“วันนี้ เปิดตัวผู้สมัครทั้ง 16 เขต เอาขึ้นเวทีมวยชกครบทุกเซต แต่ไม่ใช่ว่าจะไปต่อยไปหาเรื่องกับใคร  พรรคชาติพัฒนากล้าไม่มีเรื่องมีราวกับใครอยู่แล้ว เรามีแต่เพื่อน แต่วันนี้ที่ใช้เวทีมวยเป็นการเปิดตัวเพราะมวยคือ การต่อสู้ วันนี้เราต่อสู้กับปัญหาของประเทศ เรามีผู้สมัคร 16 คน ก็ปัญหาของประเทศมา 16 ข้อ คือ ปัญหาเงินเฟ้อ น้ำมันแพง ค่าไฟแพง ตกงาน นักท่องเที่ยว ความยากจน น้ำท่วม น้ำแล้ง ที่ดินทํากินของเกษตรกร ราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ การลงทุนสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ คือ ปัญหาที่เราต้องไฟต์ก็เลยใช้เวทีมวย และให้ผู้สมัครแต่ละคนต่อยกับปัญหา สู้กับปัญหา ฉะนั้น ยืนยันได้ว่าพี่น้องประชาชนมั่นใจในในพรรคชาติพัฒนากล้า ในการเอาจริงเอาจังในเรื่องนโยบายทํางานกันจริง ๆ วันนี้ระดมผู้มีประสบการณ์ หวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ เราจะได้รับโอกาสในการเข้าไปทํางานเพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมือง” นายสุวัจน์ กล่าว

นายสุวัจน์ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่เขต 3 เขต 4 ดึงบ้านใหญ่โคกกรวด ตระกูลกาญจนวัฒนา 
‘กำนันเบ้า-สมศักดิ์’ และ ‘สจ.สมบัติ’ ลงสนามนั้น นายสุวัจน์ กล่าวว่าค่อนข้างมั่นใจมาก ๆ ทั้งสองท่านอาจจะลงสมัครครั้งแรก แต่คนโคราช รู้จักกัน เป็นอย่างดี เพราะว่าครอบครัวกาญจนวัฒนาตั้งแต่สมัยคุณพ่อท่านกํานันประเสริฐ เป็นกํานันที่ได้รับการยอมรับความเป็นนักพัฒนา แล้วก็ตกมารุ่นลูก คือ กำนันเบ้า-สมศักดิ์ แล้วก็รุ่นหลาน ‘กำนันกาญจนา’ (ลูกสาวกำนันเบ้า) ถือว่าเป็นครอบครัวนักพัฒนาครอบครัวที่อยู่กับพี่น้องประชาชนรู้ปัญหาจริง ๆ ฉะนั้น การที่ทั้งสองท่านได้ตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรคชาติพัฒนากล้าต้องขอบคุณทั้งสองท่าน “ผมมั่นใจมากว่าทั้งสองท่านจะได้รับการสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน แล้วจะเป็น ส.ส.ที่ดีเป็นหน้าเป็นตาให้กับเมืองโคราช”

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองเรื่องการเมืองสองขั้วอย่างไร นายสุวัจน์ กล่าวว่า ทางการเมืองของแต่ละพรรคก็เป็นเรื่องแต่ละพรรค แต่สําหรับพรรคชาติพัฒนากล้า เราไม่ได้วาง position หรือวางตนเองว่าเป็นขั้วการเมืองอะไร เราคิดว่าการเมืองวันนี้ต้องพยายามที่จะทำให้เกิดความร่วมมือ ลดความขัดแย้งให้มากที่สุด และให้เกิดความร่วมมือในการทํางานร่วมกัน ใครจะเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ความร่วมมือ การทํางานร่วมกันเพื่อให้พลังทางการเมืองให้เกิดความรู้สึกว่าเราเลือกตั้งมาแล้วการเมืองมีเสถียรภาพ แก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้ ฉะนั้น พรรคชาติพัฒนากล้า ตอนนี้ก็วางตนเองไว้ว่าวันนี้ให้น้ำหนักกับการเลือกตั้งกับสนามเลือกตั้ง กับผลการเลือกตั้ง การตัดสินใจทางการเมืองอะไรที่เกี่ยวข้องจากนี้ไปก็คงขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง เราต้องเคารพเสียงประชาชน ผลการเลือกตั้งคือเสียงของประชาชน

นายสุวัจน์ กล่าวว่า สำหรับประเด็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคชาติพัฒนากล้านั้น ประธานพรรคฯ กล่าวว่า จะมีการทํา ไพรมารีโหวตในเรื่องของส.ส.เขต และส.ส.ปารตี้ลิสเสร็จแล้วก็จะมาตัดสินใจเรื่องใครจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งตามรัฐธรรมนูญเสนอได้ 3 ท่านอยู่แล้ว ไม่มีปัญหา มีอยู่แล้วก็ต้องระดมสรรพกําลังกัน ระดมผู้มีประสบการณ์ ระดมความรู้ความสามารถ เพราะบ้านเมืองวิกฤตจริงๆ ก็ต้องระดมกันทุกคนต้องกลับมาช่วยชาติบ้านเมือง กลับมาช่วยพรรคกัน คือสุดท้ายแล้วพี่น้องประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ก็เชื่อว่าทุกพรรคก็ต้องเสนอคนที่ดีที่สุดแล้วก็ต้องแล้วแต่พี่น้องประชาชน

‘กรณ์’ ฉะ 2 รมต. แก้ปัญหา ‘ไฟป่า-ค่าไฟ’ ล้มเหลว ลั่น!! ชพก. มีแผนพร้อมจัดการ 2 ปัญหาเพื่อ ปชช.

(29 มี.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า แสดงความอึดอัดต่อท่าที่ของรัฐบาลในการให้สัมภาษณ์ของ 2 รัฐมนตรี ที่รับผิดชอบในการแก้ปัญหา 2 ไฟ ได้แก่ ไฟป่าที่ก่อให้เกิดปัญหา PM2.5 และค่าไฟฟ้าที่รัฐบาลจะประกาศขึ้นราคาในภาคครัวเรือนในเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 

โดยนายกรณ์ ได้กล่าวถึงปัญหาการเผาป่าในไร่ข้าวโพดของประเทศไทย และไฟป่าจากประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลต่อสภาพอากาศของพี่น้องภาคเหนือ โดยเฉพาะคุณภาพอากาศที่เชียงรายถือว่าสาหัสมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ค่า PM2.5 สูงถึงเกือบ 500 หน่วย ซึ่งเป็นระดับอากาศที่เป็นพิษ หายใจไม่ได้เลย ตามรายงานทราบว่ามีผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาพยายาลอย่างน้อย 3,000 คน ไม่นับรวมคนป่วยที่บ้านอีกเป็นจำนวนมาก รัฐบาลประกาศให้เรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2562 แต่กลับไม่มีมาตรการใด ๆ ที่จับต้องได้เพื่อให้ประชาชนมีความหวังว่าจะมีสถานการณ์จะดีขึ้น ตรงกันข้ามสถานการณ์กลับเลวร้ายลงเรื่อย ๆ ตนรู้สึกอึดอัดและโกรธแทนพี่น้องคนไทยทุกคนที่เดือดร้อน

“ผมเห็นท่าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์สื่อที่ถามว่า ถึงเวลาประกาศเป็นภัยพิบัติฉุกเฉินแล้วหรือยัง ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้หน่วยงานราชการมีมาตรการที่ชัดเจนเพื่อพี่น้องประชาชน แต่ ท่านตอบมาพอสรุปได้ว่า ยังประกาศไม่ได้ เพราะไม่รู้ประกาศไปแล้วจะนำไปสู่การมาตรการอะไร เพราะไม่มีมาตรการใด ๆ รองรับ และไม่รู้ด้วยว่าจะประกาศในพื้นที่ไหนบ้าง เนื่องจากไม่มีการกำหนดเกณฑ์ว่าคุณภาพอากาศต้องเลวร้ายระดับไหน ถึงจะประกาศเป็นภัยพิบัติ หรือ ภัยฉุกเฉินได้ ผมเชื่อว่า ใครฟังก็คงตกใจและหดหู่ใจว่า ปัญหาระดับวาระแห่งชาติที่ประกาศมาแล้ว 4 ปี แทนที่จะกระบวนการช่วยเหลือเฉพาะหน้า เช่นอุปกรณ์เครื่องรองรับบรรเทาปัญหา ทั้งหน้ากาก ยา เวชภัณฑ์ เครื่องฟอกอากาศ  หรือแม้แต่การอพยพประชาชนที่อาจมีปัญหาเรื่องภูมิแพ้ ทางเดินหายใจ ออกจากพื้นที่เสี่ยง ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉิน เพื่อจะได้มีการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ” นายกรณ์ กล่าว  

นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้า มีชุดความคิดที่เป็นข้อเสนอมาตรการระยะยาวในการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าปัญหาควันภาคเหนือที่ก่อให้เกิด PM2.5 นั้น เกิดจากการเผาในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งเมียนมา และ สปป.ลาว ที่ส่วนหนึ่งเราเข้าใจว่าเกษตรกรต้องทำมาหากินด้วยการปลูกไร่ข้าวโพดสัตว์เลี้ยง เมื่อถึงเวลาเตรียมการเพาะปลูกในแต่ฤดู ก็ต้องเผาไร่สร้างมลพิษให้กับพี่น้องประชาชน เราจึงต้องแก้ที่ต้นตอด้วยมาตรการทางเศรษฐกิจ คือ ชักจูงให้เกษตรกรปลูกพืชชนิดอื่นทดแทนที่ไม่ต้องเผา คือ การปลูกป่าเศรษฐกิจจากพืช 58 ชนิด ที่ได้ปลดแอกให้สามารถปลูกได้อย่างถูกกฎหมาย โดยมีการจ่ายเงินเดือนให้กับเกษตรกรในจำนวนที่มากกว่าการปลูกไร่ข้าวโพด และในระยะยาวเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ส่วนหนี่งจะเป็นของเกษตรกร และอีกส่วนหนึ่งสามารถผลิตเป็นคาร์บอนเครดิตได้ด้วย สิ่งเหล่านี้เราสามารถระดมทุนผ่านพันธบัตรป่าไม้ ซึ่งพรรคชาติพัฒนากล้าพร้อมที่จะเข้าไปดำเนินการได้ทันทีที่มีโอกาสเข้าไปทำงาน 

นายกรณ์ กล่าวว่า สำหรับมาตรการด้านต่างประเทศ เราปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องหารือกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยต้องเร่งประสานไปทางรัฐฉาน ประเทศเมียนมาร์ และ สปป.ลาว เพื่อหามาตรการควบคุมการเผา ซึ่งความจริงมีสัญญาในกลุ่มประเทศอาเซียนตั้งแต่เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ว่าด้วยเรื่องของการคุ้มครองการสร้างสร้างมลพิษข้ามชายแดน โดยเฉพาะเรื่องการเผา สามารถนำข้อตกลงนี้เป็นจุดเริ่มต้นมาเป็นข้อประชุมฉุกเฉินของอาเซียนได้ นอกจากนี้เราคงต้องทบทวนข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ต่อการนำเข้าข้าวโพดสัตว์เลี้ยงปลอดภาษีจากประเทศเพื่อนบ้าน ต่อไปต้องกำหนดมาตรการทางภาษี ไม่รับซื้อผลผลิตที่มาจากการเผา ส่งผลให้การนำเข้ายากยิ่งขึ้น และชะลอการเผาลง และสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรของไทย ปลูกอย่างอื่นทดแทนที่มีรายได้มากกว่า ลดพื้นที่การเผาป่าลง 
.
“5-6 ปีที่ผ่านมา การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ใน 3 ประเทศ เพิ่มขึ้นเกือบ 20 เท่า ซึ่งปริมาณเพาะปลูก เป็นไปในทิศทางเดียวกับปริมาณการเผา อย่างไรก็ตามเราคงหวังการแก้ปัญหาจากฤดูกาลไม่ได้แล้ว เพราะรัฐบาลก็เป็นรัฐบาลรักษาการ ก็ได้แต่หวังว่า รัฐบาลที่จะกำลังจะมีขึ้นในอีก 2 เดือนข้างหน้า จะเร่งดำเนินการทันที และพรรคชาติพัฒนากล้าก็ขอสัญญาว่า เป็นหนึ่งในเรื่องที่ทำให้เกิดมาตรการที่กล่าวมาแล้วข้างต้นและจะทำทันที ถ้ามีโอกาสเข้าไปทำงาน ตราบใดที่ยังมีการเผาป่า ผมเป็นหนึ่งคนที่จะต่อสู้แทนพวกท่าน” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว 

‘ชพก.’ เปิดตัวผู้สมัคร กทม. 33 เขต คัดสรรคนรุ่นใหม่-ไฟแรง หนุนรื้อโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ ช่วยคนไทยหลุดพ้นความยากจน

(31 มี.ค. 66) ที่โรงแรมรามาการ์เดนส์ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า นำทีมแถลงข่าวเปิดตัว 33 ผู้สมัคร กทม. ร่วมด้วยนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล นายวรวุฒิ อุ่นใจ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค และนายวรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค โดยบรรยากาศเปิดตัวเป็นแบบมวยไทยไฟต์ ผู้สมัครพร้อมชนกับปัญหาเศรษฐกิจและความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน

นายสุวัจน์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้าพร้อมแล้วที่จะต่อสู้กับปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งการเงิน สินเชื่อ น้ำมันแพง ไฟฟ้าแพง ปัญหาฝุ่น และปัญหาต่าง ๆ ซึ่งเป็นปัญหาของประเทศและของพี่น้องชาวกรุงเทพมหานคร เราจึงส่ง 33 ชีวิต ที่อาสาตัวมารับใช้ชาวกรุงเทพมหานคร ต้องขอบคุณนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคและนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค ที่ได้เตรียมการคัดสรรตัวผู้สมัครและนโยบายที่จะใช้ต่อสู้กับปัญหาเพื่อคนกรุงเทพมหานคร พรรคชาติพัฒนาเคยปักธงในกทม.มาแล้วเมื่อหลายปีก่อน และเราจะต้องปักธงได้อีกครั้งในนามพรรคชาติพัฒนากล้าได้อย่างแน่นอน

“ผมมั่นใจว่านโยบายเศรษฐกิจของพรรคชาติพัฒนา อยู่บนพื้นฐานของกระแสโลก ถ้าเป็นร้านอาหาร เราคือเมนูเศรษฐกิจที่พร้อมเสิร์ฟที่สุด วันนี้คนตกงานมากมาย มีหนี้สินเยอะ เราต้องเตรียมความพร้อมที่จะแข่งขันกับต่างประเทศ ดึงนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาให้มากที่สุด เกษตรกรไทยจะต้องร่ำรวยขึ้น อะไรที่เป็นจุดแข็งของประเทศเราหยิบมาใช้ทั้งหมดผ่านนโยบายเศรษฐกิจเฉดสีของเรา” นายสุวัจน์ กล่าว

ด้านนายกรณ์ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ ทั้ง 33 เขต เป็นคนรุ่นใหม่ที่พรรคได้คัดสรรมาแล้วว่า มีความพร้อมที่จะมาร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศไทย รื้อโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ ให้คนไทยมีโอกาส มีความเสมอภาคทางโอกาสที่จะลืมตาอ้าปาก หลุดพ้นกับดักความยากจน วันนี้ได้เวลาชกจริงกับปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ช่วงนี้ประเทศมีปัญหามากมาย ทั้งเศรษฐกิจ ของแพง โอกาสการทำมาหากิน ภาระหนี้สิน นี่คือภารกิจสำคัญของพรรคชาติพัฒนากล้า ลำพังแค่ปัญหาเฉพาะหน้ายังไม่พอ เราต้องรื้อโครงสร้าง เพื่อทำให้พี่น้องประชาชนมีค่าครองชีพที่ถูกลงอย่างยั่งยืน

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคฯ ในฐานะหัวหน้าทีมกทม.กล่าวว่า ผู้สมัครทั้ง 33 คนของเราพร้อมที่จะมาทุบ ฟัน ฟาด ต่อย ลุยกับปัญหาปากท้องที่ต้องแก้ไข โดยมีรายชื่อเรียงตามเขตดังต่อไปนี้

‘จูรี’ ชวน ปชช.มาถ่ายรูปสวมหัวเป็นจูรี หลังโดนมือดีกรีดป้าย ลั่น!! ทำลายได้แค่ป้าย แต่ทำลายความตั้งใจที่จะเป็นผู้แทนไม่ได้

(1 เม.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.สงขลาว่า ป้ายหาเสียงของว่าที่ผู้สมัครของพรรคชาติพัฒนากล้า ที่มีภาพของ นายจูรี นุ่มแก้ว ถูกตัดหัวออก เหลือไว้แต่ตัว ซึ่งป้ายดังกล่าวเป็นป้ายที่ถ่ายร่วมกับนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคอีก  3 คนในจังหวัดสงขลา

ทั้งนี้ นายจูรี ซึ่งเป็นขวัญใจชาวใต้ และเป็นดาวติ๊กตอกชื่อดัง ได้ตัดสินใจลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคชาติพัฒนากล้า และมีเสียงตอบรับจากพี่น้องชาวใต้เป็นจำนวนมาก ดังนั้น ผู้สมัคร ทั้ง 4 คนของ จ.สงขลา ได้แก่ นายกัณฑ์ นวกัณฑ์ เขต 1, นายจูรี นุ่มแก้ว เขต 2, ผศ.ดร.ประสิทธิ์ รัตนพันธ์ เขต 3 และนายพงศธร สุวรรณรักษา เขต 9 หรือ ทนายอาร์ม ซึ่งทั้ง 4 จึงได้ร่วมทำกิจกรรมกับพี่น้องประชาชนชาวสงขลาเป็นทีมอย่างต่อเนื่อง และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและเนืองแน่น ดังนั้น ในป้ายของผู้สมัคร นอกจากจะมีรูปของหัวหน้าพรรคแล้ว ยังมีรูปของนายจูรี ประกบไปด้วยทุกป้าย และในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีมือมืดมาตัดหัวของจูรีออกกว่า 100 ป้าย ซึ่งเป็นการจงใจตัดออกเฉพาะหน้า

ล่าสุด นายจูรี ได้อัดคลิปลงติ๊กตอก พร้อมกับเสนอไอเดีย ให้พี่น้องประชาชนที่ผ่านไปผ่านมาก็สามารถสามารถเอาหน้ามาสวมในป้ายที่ถูกตัดเป็นนายจูรี แล้วก็เช็กอินไปเลยว่า มาที่นี่แล้ว

“ฉันก็คิดว่าคนกรีดเขาก็ไอเดียดี เขาก็คงมีเจตนาดี เพราะเขากรีดเฉพาะหน้าฉัน เวลาเธอผ่านไปผ่านมาก็เอาหัวมาแยงในภาพแล้วก็ถ่ายรูปเช็กอินเป็นฉันไปเลย ตอนนี้ 150 ป้าย คงเหลือดีสัก 2 ป้าย แต่ก็ไม่เป็นไร ใครอยากทำอะไร ทำเลย เพราะคุณทำลายได้แค่ป้าย แต่ทำลายความตั้งใจของฉันที่จะมาลงผู้แทนของชาวบ้านไม่ได้” นายจูรี กล่าว

‘ชพก.’ ย้ำนโยบาย ศก.สายมู เดินสายขอพร-เสริมบารมี เข้าสักการะศาลหลักเมือง-พระพรหมเอราวัณ ก่อนสู้ศึกเลือกตั้ง

(3 เม.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเสร็จสิ้นการจับหมายเลขผู้สมัคร ที่ อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง เรียบร้อยแล้ว นายกรณ์ จาติกวณิช พร้อมด้วย นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค นายวรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค และผู้สมัครเดินทางเข้าสักการะศาลหลักเมืองเป็นพรรคแรก จากนั้นนายกรณ์ ได้นำทีม ผูกผ้า 3 สี ก่อนที่ทั้งหมดจะนำพวงมาลัยดอกดาวเรือง เดินเข้ามาสักการะ องค์พระหลักเมือง เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนลุยศึกเลือกตั้งต่อไป 

นายกรณ์ เปิดเผยว่า ตนได้ขอพรเพื่อให้ประชาชนคนไทยอยู่ดีมีสุข อิ่มท้อง มีงานการดีๆ ทำ มีเงินในกระเป๋า และข้าวของต้องไม่แพง ซึ่งตนจะเป็นหนึ่งในผู้ช่วยผลักดันให้ความหวังเหล่านี้เป็นจริงได้ด้วยความเป็นมืออาชีพทางเศรษฐกิจของทีมชาติพัฒนากล้า

‘สุวัจน์ - กรณ์’ บุกภูเก็ต ช่วย ‘เทมส์ - อรทัย’ หาเสียง ชูจุดขายพัฒนาภูเก็ตสู่ท่องเที่ยว World Class

(5 เม.ย.66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยนายกรณ์ จาติกวณิช หัวพน้าพรรค เดินทางมาจ.ภูเก็ต ทำกิจกรรมร่วมกับ 2 ผู้สมัคร ส.ส. คือ นายเทมส์ ไกรทัศน์ เขต 2 เบอร์ 7 และ นางสาวอรทัย เกิดทรัพย์ เขต 3 เบอร์ 1 โดยช่วงบ่ายพบปะพี่น้องประชาชน ที่ ต.ฉลอง และได้นั่งเรือไปยัง ชุมชนท่องเที่ยวบ้านเกาะโหลน  ต.ราไวย์ อ.เมือง  ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้ง ของนายเทมส์ โดยพื้นที่ดังกล่าวอยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ไม่มากนัก แต่กลับไม่มีไฟฟ้าใช้ และในฤดูแล้งยังประสบภาวะขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ ประชากรลดลงอย่างต่อเนื่องจนเหลือเพียง 20 กว่าหลังคาเรือน ซึ่งชาวบ้านได้ขอให้ทางนายสุวัจน์ นายกรณ์ และนายเทมส์ ที่เป็นผู้สมัครในพื้นที่ช่วยผลักดันให้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวให้เจริญกว่าที่เป็นอยู่ จากนั้นในช่วงเย็นก็ได้ร่วมประเพณีสวดกลางบ้านและพบปะพี่น้องประชาชนที่ ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งของนางสาวอรทัย

นายสุวัจน์ กล่าวว่า นโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า มีความพร้อมที่จะพัฒนาการท่องเที่ยว จ.ภูเก็ตสู่ระดับ World Class โดยต้องเร่งรัดโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระจายและเชื่อมโยงการท่องเที่ยวให้เข้าถึงกันและสะดวกปลอดภัย เช่น มอเตอร์เวย์ทุกทิศทั่วไทย เชื่อมโยงกันอย่างทั่วถึงมารีน่า และการจราจรภูเก็ต ให้สะดวกมากยิ่งขึ้น เพื่อดึงนักท่องเที่ยวระดับสูงให้พิ่มขึ้น  

ด้านนายกรณ์ กล่าวว่า จ.ภูเก็ต สามารถพัฒนาเป็น Entertainment Complex โดยนโยบายเฉดสีของพรรคชาติพัฒนากล้าที่จะหารายได้เข้าประเทศ 5 ล้านล้านบาทใน 5 ปี และ 1 ในเฉดสีที่สามารถสร้างรายได้ได้มาก คือ เฉดสีเทา การนำธุรกิจใต้ดินมาอยู่บนดิน เพื่อจัดการให้ถูกกำหมายสร้างภายได้ให้ประเทศชาติ คือการสร้างกาสิโนนำร่องในเมืองที่พร้อม เช่น ภูเก็ต เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นก 3 ตัว คือ นกตัวที่ 1.นำธุรกิจที่อยู่ใต้ดินมาบนดิน นกตัวที่ 2. คนไทยที่ไปเล่นการพันที่ในประเทศเพื่อนบ้านก็จะกลับมาเล่นที่เมืองไทย และ นกตัวที่ 3 คือ ดึงนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามา โดยนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า เราพร้อมที่จะพัฒนาภูเก็ตให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวในระดับโลก รวมถึง เราเน้นนโยบายสร้างรายได้ 5 ล้านล้านระบบ ทำธุรกิจนอกระบบมาอยู่ในระบบ 

‘สุวัจน์–กรณ์’ โดดลงสปีดโบ๊ทลุยเกาะโหลนช่วย ‘เทมส์–อรทัย’ ชูนโยบายพัฒนา ‘ภูเก็ต’ ให้ถูกใจนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

ชพก.คิกออฟภูเก็ต! ‘สุวัจน์ – กรณ์’ ลงสปีดโบ๊ท เยี่ยมชุมชน เกาะไร้ไฟฟ้า ช่วย ‘เทมส์–อรทัย’ ลั่น มั่นใจ 2 ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต ปักธงได้ นโยบายปัง พัฒนาภูเก็ตสู่ท่องเที่ยว World Class 

(5 เม.ย.66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยนายกรณ์ จาติกวณิช หัวพน้าพรรค เดินทางมา จ.ภูเก็ต ทำกิจกรรมร่วมกับ 2 ผู้สมัคร ส.ส. คือ นายเทมส์ ไกรทัศน์ เขต 2 เบอร์ 7 และ นางสาวอรทัย เกิดทรัพย์ เขต 3 เบอร์ 1 โดยช่วงบ่ายพบปะพี่น้องประชาชน ที่ ต.ฉลอง และได้นั่งเรือสปีดโบ๊ทไปยัง ชุมชนท่องเที่ยวบ้านเกาะโหลน  ต.ราไวย์ อ.เมือง  ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้ง ของนายเทมส์ โดยพื้นที่ดังกล่าวอยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ไม่มากนัก แต่กลับไม่มีไฟฟ้าใช้ และในฤดูแล้งยังประสบภาวะขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ ประชากรลดลงอย่างต่อเนื่องจนเหลือเพียง 20 กว่าหลังคาเรือน ซึ่งชาวบ้านได้ขอให้ทางนายสุวัจน์ นายกรณ์ และนายเทมส์ ซึ่งเป็นผู้สมัครในพื้นที่ช่วยผลักดันให้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวให้เจริญกว่าที่เป็นอยู่ 

และช่วงเย็นได้ร่วมประเพณีสวดกลางบ้านและพบปะพี่น้องประชาชนที่ ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งของนางสาวอรทัย

นายสุวัจน์ กล่าวว่า นโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า มีความพร้อมที่จะพัฒนาการท่องเที่ยว จ.ภูเก็ตสู่ระดับ World Class โดยต้องเร่งรัดโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระจายและเชื่อมโยงการท่องเที่ยวให้เข้าถึงกันและสะดวกปลอดภัย เช่น มอเตอร์เวย์ทุกทิศทั่วไทย เชื่อมโยงกันอย่างทั่วถึงมารีน่า และการจราจรภูเก็ต ให้สะดวกมากยิ่งขึ้น เพื่อดึงนักท่องเที่ยวระดับสูงให้เพิ่มขึ้น  

“พื้นที่เกาะโหลน ผมมองว่ามีศักยภาพในการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศและเริ่มศักยภาพท่องเที่ยวภูเก็ตได้ แต่ขณะนี้บนเกาะโหลนไม่มีไฟฟ้าใช้ ทำให้ชาวชุมชนต้องอพยพข้ามไปอยู่ในเมือง พื้นที่ยิ่งทรุดโทรม ขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานในการดำรงชีวิต เปรียบเสมือนเกาะร้างซึ่งน่าเสียดาย เมื่อพรรคชาติพัฒนากล้าได้รับข้อมูลจากผู้นำท้องถิ่นทราบว่าเคยมีโครงการจะนำไฟฟ้าผ่านสายเคเบิ้ลใต้ทะเลมาที่เกาะแต่ไม่มีการทำโครงการดังกล่าวอย่างจริงจัง เราจึงอยากให้รื้อฟื้นเพื่อทำให้เกาะโหลนมีไฟฟ้าใช้ เพื่อเกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หากพัฒนาได้ชาวบ้านจะกลับมาอยู่ในพื้นที่ดังเดิม” นายสุวัจน์ กล่าว

เมื่อถามว่านโยบายที่นำเสนอจะทำได้เมื่อเป็นรัฐบาลเท่านั้นหรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวว่า ถ้าเป็นรัฐบาล โดยตรงก็จะดี ถ้าเป็นฝ่ายค้านต้องยกมือถามว่า เมื่อไรจะทำ หมายถึงหากเป็นรัฐบาลก็ทำเอง แต่ถ้าเป็นเจ้ากระทรวง ท่องเที่ยวและกีฬาทำได้เลย เป็นเรื่องปกติ ใครเป็นรัฐบาลได้ทำในสิ่งที่บอกกับประชาชนไว้ ทุกพรรคจึงอยากเป็นรัฐบาล เพราะได้ลงมือทำ แต่หากเป็นฝ่ายค้านมีแต่จะยกมือถามว่าเมื่อไรจะทำ ทำไมทำช้า อย่างไรก็ดีเราไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ขณะที่ผู้สมัครของพรรค ที่พรรคส่ง 2 เขต จาก 3 เขต ตนมั่นใจเพราะพรรคชาติพัฒนากล้าได้ทำโพลของพรรค  พบว่าพอใจ มีนโยบายส่งเสริมมท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ของพรรคตอบโจทย์ได้ จึงมั่นใจว่าจะได้แจ้งเกิด และพัฒนาภูเก็ตเป็นเกาะระดับโลกของการท่องเที่ยว ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ประเทศ ดังนั้นเมื่อได้เบอร์แล้ว จึงรีบลงพื้นที่เห็นแห่งแรก 

‘สุวัจน์’ ปัดวิจารณ์ พท.แจกเงินคริปโต มองเป็นนโยบายคลายปัญหาปากท้อง ชี้!! อยู่ที่ปชช. ตัดสินใจ ‘กรณ์’ ย้ำไม่ลงเลือกตั้ง เหตุเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่

สุวัจน์ ปัดวิจารณ์ พท.แจกเงินคริปโต ชี้ ทุกพรรคต้องแข่งขัน นโยบาย แก้ปัญหาศก. ปากท้อง ด้าน “กรณ์” ย้ำ ไม่ลงส.ส. เหตุ ต้องการเปิดโอกาสคนรุ่นใหม่

(6 เม.ย.66) ที่จ.ภูเก็ต นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า ปฏิเสธที่จะวิจารณ์ต่อกรณีที่พรรคเพื่อไทย โดยนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ประกาศนโยบายเติมเงินดิจิทัล  10,000 บาท ให้กับผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไป เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่า ถือเป็นนโยบายแต่ละพรรคที่จะคิด และนำเสนอให้กับประชาชน ซึ่งทุกคนพยายามคิดเพื่อช่วยเหลือประชาชน ที่ต้องชัดเจนเรื่องปากท้อง ของแพง หรือการไม่มีกำลังด้านเศรษฐกิจ ซึ่งการเลือกก็อยู่ที่ประชาชนจะตัดสินใจ 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top