Friday, 3 May 2024
ชาติพัฒนากล้า

'กรณ์' ชูนโยบาย 'ยกเลิกแบล็กลิสต์-รื้อระบบสินเชื่อ' หวังช่วยผู้ประกอบการรายย่อย-SME ให้เดินหน้าธุรกิจต่อได้

(7 ม.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเกี่ยวกับเรื่อง 'แก้หนี้ ให้ชีวิตเดินหน้า' โดยระบุว่า ตนในฐานะหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตระหนักดีว่าคำว่า 'หนี้' ไม่มีใครอยากเป็น แต่เวลาเป็นแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหลุดจากวงจรนี้ ซึ่งนอกจากนโยบายหาเงินให้คนไทยแล้ว การแก้หนี้คือความเร่งรีบอันดับต้น ๆ ที่ตนต้องการแก้ และเคยทำมาแล้วในอดีต ไม่ว่าจะเป็น ปี 2552 แก้หนี้นอกระบบ 5 แสนราย ปี 2553 ปรับโครงสร้างหนี้กองทุนฟื้นฟู-เกษตรกร ปี 2554 ออกกฎหมาย 'กองทุนการออมแห่งชาติ' (กอช.) ปี 2559 ก่อตั้ง Refinn ช่วยคนไทยแก้หนี้ที่อยู่อาศัย ปี 2565 โครงการ 'กล้าปลดหนี้' ช่วยคนไทยเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และ ปี 2566 นโยบาย 'ยกเลิกแบล็กลิสต์' เสนอระบบ Credit Score

ส่วนกรณีที่มีบางคนระบุว่า คนที่เป็นหนี้คือคนที่ไม่มีวินัยทางการเงิน หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า อาจถูกส่วนหนึ่ง แต่ก็ไม่เป็นความจริงเสมอไป ในหลาย ๆ ครั้งเกิดจากวิกฤตที่เราควบคุมไม่ได้ เช่น วิกฤตโควิด ที่ทำให้ผู้ประกอบการและ SME เป็นจำนวนมาก ชักหน้าไม่ถึงหลัง และการกู้ยืมในระบบทำได้ยาก ตนในฐานะนักการเงินไม่อยากให้เกิดที่สุด คือ การกู้หนี้นอกระบบ การช่วยเหลือและออกนโยบายต่าง ๆ ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสิ่งนี้ เพราะอย่างที่รู้ ๆ กันว่าดอกเบี้ยโหดมาก และยากที่จะคืนเงินต้นได้ การติดแบล็กลิสต์ก็เช่นกัน ต่อให้ใช้หนี้ครบแล้วยังขึ้นจากเหวนี้ไม่ง่าย ตนจึงเสนอนโยบายปลดแบล็กลิสต์ แล้วใช้ระบบ Credit Scoring แทน ใครเครดิตดีก็กู้ได้มาก เครดิตไม่ดีก็กู้ได้น้อย นี่ก็เป็นวินัยทางการกู้รูปแบบหนึ่ง ที่ช่วยให้คนเป็นหนี้ขึ้นมาจากเหวได้ 

'กรณ์' เปิดตัว 3 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. สุราษฎร์ธานี ชาติพัฒนากล้า ชูนโยบาย 'งานดี มีเงิน ของไม่แพง' ปลดแอกประชาชน

‘กรณ์’ นำทีมพรรคชาติพัฒนากล้า เปิดวิสัยทัศน์ 3 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. สุราษฎร์ธานี ชูนโยบาย งานดี มีเงิน ของไม่แพง รื้อโครงสร้างเศรษฐกิจ จับตา ชุดนโยบาย พร้อมปล่อยทุกสัปดาห์ เน้นรื้อโครงสร้าง ปลดแอกประชาชน เชื่อ สะเทือนหลายวงการ 

(12 ม.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี พรรคชาติพัฒนากล้า ได้จัดเวทีเปิดวิสัยทัศน์ ว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรค ใน จ.สุราษฎร์ธานี ภายใต้ชื่องาน ‘งานดี มีเงิน ของไม่แพง รื้อโครงสร้างเศรษฐกิจสุราษฎร์ธานี’ นำทีมโดยนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วย นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค ผศ.ดร.เอราวัณ ทับพลี รองเลขาธิการพรรค นายอรัญ พันธุมจินดา ผู้อำนวยการพรรค นายวรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค โดยมีประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมกันอย่างเนืองแน่น 

สำหรับว่าผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานี ที่ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในวันนี้ มี 3 คน จาก 3 เขตเลือกตั้ง คือ เขตเลือกตั้งที่ 1 ได้แก่ นายอนุวัตร์ รจิตานนท์ เขตเลือกตั้งที่ 2 นางพงศ์ศรี นาคเมือง เขตเลือกตั้งที่ 5 นายวศุธน เรืองขนาบ ซึ่งว่าที่ผู้สมัครทั้ง 3 คน เป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ มีความตั้งใจ และพร้อมที่จะนำประสบการณ์การทำงานมาพัฒนาสุราษฎร์ธานีให้เข้มแข็ง เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาว จ.สุราษฎร์ธานี ให้ดีขึ้น โดยทุกคนได้ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง ได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนอย่างกว้างขวาง 

นายอนุวัตร์ ว่าที่ผู้สมัคร เขต 1 เคยเป็นผู้บริหารท้องถิ่นมากว่า 8 ปี ทั้งตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองท่าข้าม ประธานสภาเทศบาลเมืองท่าข้าม และสมาชิกสภาเทศบาลเมืองท่าข้าม 2 สมัย ปัจจุบันประกอบธุรกิจส่วนตัว โดยนายอนุวัตร์ กล่าวว่า ตนมีความมุ่งมั่นที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยไปสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ สร้างมูลค่าเพิ่มในทุกระดับการผลิต ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ที่ไม่สร้างความเสียหายทางจริยธรรมทางสังคม การเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้มาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญระหว่าง กลไกทุน และระบบความคิดของประชาชน ที่จะทำให้เมืองสุราษฎร์ธานีก้าวไปสู่ความสำเร็จ แต่การจะไปสู่จุดหมายได้นั้น ต้องมีความกล้าที่จะกำจัดสิ่งปนเปื้อนประชาธิปไตยไทยให้หมดไปสิ้นไป พลเมืองของแผ่นดินจะเลือกเส้นทางใด ระหว่างสิ่งปนเปื้อน หรือเป็นผู้กำจัดสิ่งปนเปื้อน 

นางพงศ์ศรี ว่าที่ผู้สมัครเขต 2 ประกอบอาชีพ ทนายความ ชาวบ้านเรียกว่า ทนายอ๋อย เจ้าของธุรกิจโรงแรม และสำนักงานทนายความ โดยเจ้าตัวเปิดเผย ถึงเหตุผลในการตัดสินใจเข้าสู่การเมือง ว่า เนื่องจากมีแรงผลักดันจากวิกฤตชีวิตของครอบครัว ที่เกือบต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ทั้งสามี ลูก และหลาน เนื่องจากการเดินทางที่ยากลำบากเพื่อให้ได้รับเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ทันท่วงที จึงตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้ง ผลักดันการก่อสร้างสะพานข้ามเกาะสมุย เพื่อช่วยเหลือชาวเกาะสมุย ที่ต้องประสบปัญหาความเดือดร้อนจากการผูกขาดการเดินทาง ของเครื่องบิน และเรือข้ามฟาก ทำให้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่มากกว่าคนบนเกาะถึง 2 เท่า และยังเป็นปัญหาต่อการทำมาหากิน การสร้างสะพาน จึงเป็นการชุบชีวิตคนรากหญ้า และกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนพบว่าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เห็นด้วยที่จะให้สร้างสะพานเชื่อมเกาะ ประชาชนต้องสามารถกำหนด กฎเกณฑ์การเข้าเกาะสมุย ไม่ใช่เอกชนเพียงไม่กี่รายที่ได้ประโยชน์บนความทุกข์ยากของประชาชน  

นายวศุธน ว่าที่ผู้สมัคร เขต 5 เป็นนักธุรกิจเจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์ มีความสนใจการเมือง เนื่องจากพรรคชาติพัฒนากล้า ให้โอกาสคนรุ่นใหม่เข้ามาเสนอตัวรับใช้คนสุราษฎร์ธานี ซึ่งตนต้องการเห็นเศรษฐกิจสุราษฎร์ดี คนสุราษฎร์รวย รู้เท่าทันเทคโนโลยี ถึงเวลาแล้วที่สุราษฎร์ธานีต้องเปลี่ยนแปลงด้วยการปฏิรูปสังคมให้ทันยุคทันสมัย ปลดล็อกการค้าเสรี สุรา เบียร์ ต้องไม่ถูกผูกขาดโดยกลุ่มทุน นอกจากนี้ตนยังสนใจกีฬามวยไทยเป็นพิเศษ และพร้อมผลักดันสู่การเป็น Soft power ซึ่งคุณกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค ได้ประกาศจุดยืนในเรื่องนี้มาตลอด

ด้าน นายกรณ์ กล่าวว่า สุราษฎร์ธานี เป็นจังหวัดที่อุดมสมบูรณ์ทั้งด้านการเกษตรและท่องเที่ยว ในแง่ทรัพยากรธรรมชาติได้เปรียบหลายจังหวัด แต่ขาดแรงผลักดันที่จะไปต่อ ทั้งที่สามารถทำได้ดีกว่านี้มาก เช่นเดียวกับ สะพานข้ามเกาะสมุย ตนก็เห็นด้วยที่จะต้องสร้าง เพราะต้นทุนความเป็นอยู่ของชาวเกาะสมุยสูงกว่าแผ่นดินใหญ่มาก ซึ่งการมีสะพานนอกจากสร้างเศรษฐกิจให้กับชาวเกาะสมุย และจ.สุราษฎร์ธานีแล้ว ยังส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาคใต้ ที่สามารถต่อยอดการท่องเที่ยวและธุรกิจอื่น ๆ ได้ 

นอกจากนี้ โครงการมอเตอร์เวย์ จะต้องเกิดที่ภาคใต้ เพราะจะทำให้ต้นทุนความเป็นอยู่ของประชาชนลดลง โอกาสในการค้าขายเพิ่มขึ้น ซึ่งในทุกความคิด ทุกข้อเสนอ จะมีโอกาสผลักดันให้เป็นจริงได้ ถ้าประชาชนไว้วางใจ ว่าที่ผู้สมัคร 3 คน ของพรรคชาติพัฒนากล้า ที่พรรคได้คัดสรรมา ว่าจะเป็นผู้แทนที่ดีให้กับ ชาวสุราษฎร์ธานีอย่างแน่นอน ซึ่งตนและว่าที่ผู้สมัคร ก็พร้อมสู้ในทุกสนามเลือกตั้ง 

นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้า เปิดพื้นที่ให้คนทั้ง รุ่นเก๋ามากประสบการณ์ ผสมผสานคนรุ่นใหม่ที่มีจินตนาการ ได้มีโอกาสมารับใช้ชาติ เพื่อให้ทันโลกที่เปลี่ยนแปลงไป เศรษฐกิจไทยต้องเข้มแข็งเพื่อการแข่งขันได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ถ้าการเมืองไทยยังเป็นแบบเดิม โอกาสที่ประเทศจะเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องง่าย เราจึงต้องยึดความกล้าเป็นปัจจัยและเงื่อนไขในการทำงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกช่วงวัย ที่ผ่านมานโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล เน้นแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งแม้จะเป็นสิ่งจำเป็น แต่ไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นตอ ยกตัวอย่าง นโยบายการช่วยเหลือเกษตรกร ไม่เคยแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน นับวันนับปี เงินภาษีก็ใช้ไปเรื่อย ๆ แต่คนก็ยังจนเหมือนเดิม

‘อรรถวิชช์’ ตอบข้อสงสัย นโยบายยกเลิกแบล็กลิสต์ ชี้!! ทำคนตัวเล็กกู้ยาก แนะใช้ระบบ ‘Credit scoring’

‘อรรถวิชช์’ ตอบทุกคำถาม ย้ำแบล็กลิสต์มีจริง!! คนตัวเล็กกู้ยาก ดอกเบี้ยสูง ระบบประมวลข้อมูลเครดิตมีปัญหา ต้องรื้อกฎหมายใหม่ 

(12 ม.ค. 66) ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ได้โพสต์วิดีโอลงช่องทาง TikTok ‘atavit’ และโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก อธิบายถึงนโยบายยกเลิกแบล็กลิสต์ ที่พรรคชาติพัฒนากล้าเพิ่งเปิดตัวไป โดยสรุปได้ว่า…

แบล็กลิสต์บูโร มีจริง!!

>> แบล็กลิสต์มีจริง เพราะระบบการบันทึกข้อมูลเครดิต จะคล้ายกับบันทึกประวัติอาชญากรรม โดยบริษัทข้อมูลเครดิตจะบันทึกและรายงานต่อสถาบันการเงิน ถึง ‘ประวัติพฤติกรรม ทั้ง 3 ปี’ ไม่ใช่แค่สถานะเครดิตปัจจุบันเท่านั้น จะเห็นว่า ‘ความเป็นจริง’ แม้คนที่จ่ายหนี้คงค้างไปแล้ว ก็ยังมีประวัติด่างพร้อยที่ยากต่อการกู้เงินได้ โดยกว่าจะกลับมากู้ได้ปกติ หรือกู้ดอกเบี้ยต่ำได้อีก ต้องใช้เวลายาวนาน คนตัวเล็กเสียเปรียบ ฟื้นตัวยาก

แม้บริษัทข้อมูลเครดิต หรือธนาคารไม่ได้ทำรายการ ‘บุคคลห้ามกู้’ แต่การรายงานประวัติพฤติกรรมสินเชื่อทั้งชุดดังกล่าว ก็ทำให้ธนาคารมีสบช่องปฏิเสธสินเชื่อนั่นเอง

‘นักรบใด ไม่เคยมีบาดแผลบ้าง?’ ถ้าเอาประวัติ ‘เคยผิดนัด’ มารายงาน มันก็คือ ‘แบล็กลิสต์’ นั่นเอง

>> นโยบายยกเลิกแบล็กลิสต์ ของพรรคชาติพัฒนากล้า ไม่ได้ลบประวัติการชำระหนี้ แต่จะไม่รายงานประวัติพฤติกรรมทั้ง 3 ปี ของผู้กู้ แต่จะแจ้งเฉพาะ ‘คะแนน’ ที่สะท้อนสภาพปัจจุบันของผู้กู้ ด้วยเครื่องมือประเมินคุณภาพสินเชื่อ (Credit Scoring) ที่ใช้กันในหลายประเทศ

'ชาติพัฒนากล้า' ชู '1 จิตแพทย์ ต่อ 1 สถาบันฯ' 'กรณ์' ย้ำ เด็กจะเติบโตได้ดี ต้องมีคำชี้แนะที่ถูกต้อง

(14 ม.ค. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า วันนี้เป็นวันเด็กแห่งชาติอีกปีหนึ่ง 20 กว่าปีที่ผ่านมาตนได้มาทักทายในฐานะคุณพ่อ แต่ปีนี้มีบทบาทเพิ่มเติมคือมีหลานปู่แล้ว ยิ่งทำให้เห็นว่าพัฒนาการของเด็ก ๆ แต่ละยุคแต่ละสมัยก็มีความเปลี่ยนแปลงและแตกต่างกันไป ส่วนวิธีคิด และเรื่องที่เขาสนใจ ก็จะมีความแตกต่างในทุก ๆ ปีด้วย แต่เรื่องเดียวที่เหมือนกัน และนับวันจะตระหนักในภาระหน้าที่มากขึ้น คือ เรื่องของการสร้างโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่ให้กับเด็ก ๆ เพราะว่าหน้าที่ของพวกเราที่เป็นผู้ใหญ่ก็คือ คอยช่วยให้คำแนะนำในกรณีที่เขาอยากที่จะได้รับคำแนะนำจากเรา ที่สำคัญคือช่วยกันสร้างโอกาส ให้กับคนรุ่นใหม่

“ผมในฐานะสวมหมวกนักการเมือง ก็มีหน้าที่สร้างโอกาสด้วยนโยบาย ไม่ว่าจะเป็นกองทุนริเริ่มกิจการ เรื่องของการพัฒนาช่องทางและแนวทางการศึกษาที่เหมาะต่อยุคสมัยและอื่น ๆ แต่วันนี้ อยากสื่อไปถึงผู้หลัก ผู้ใหญ่ คุณพ่อ คุณแม่ ทุก ๆ คน ก็คือเรามาช่วยกันครับ เราอยากที่จะเห็นเด็กโตขึ้นอย่างไร ก็ขอทำตัวเราเองให้เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเขา ให้เขามองเราแล้วรู้สึกว่านี่คือแนวทางในการวางตัว ในการประพฤติตนที่จะทำให้เขามีโอกาสที่ดีในชีวิตด้วย ขอให้ทุกคนมีความสุขด้วยกัน ร่วมกันในฐานะครอบครัว ในวันเด็กแห่งชาติในปีนี้ด้วยครับ” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว 

‘ชาติพัฒนากล้า’ ดันนโยบาย ‘ยกเลิกแบล็กลิสต์ รื้อระบบสินเชื่อ’ ชี้!! ทำได้ง่ายไม่เปลืองภาษี - คนไทยได้ประโยชน์ 5.5 ล้านราย

‘กรณ์ - อรรถวิชช์’ ใส่เต็มแม็กซ์ ออกนโยบาย ‘ยกเลิกแบล็กลิสต์’ เปิดหน้ารื้อระบบสินเชื่อไทย ได้ประโยชน์ทันที 5.5 ล้านคน ชาวบ้านร่วมแชร์ประสบการณ์ ตกนรกทั้งเป็นเพราะแบล็กลิสต์ หมดโอกาสทำกิน เตรียมเปิดนโยบายอีกเป็นชุดเร็ว ๆ นี้

(16 ม.ค. 66) พรรคชาติพัฒนากล้า โดยนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค แถลงเปิดนโยบายเศรษฐกิจชุดแรก ‘ยกเลิกแบล็กลิสต์ รื้อระบบสินเชื่อ’ ที่มีการติดป้ายนโยบายนำเสนอต่อประชาชนในพื้นที่ไปแล้ว และยืนยันว่ามีประชาชนจำนวนไม่น้อยติดแบล็กลิสต์จริง พร้อมนำผู้ติดแบล็กลิสต์กว่า 10 ชีวิต มาร่วมแถลงในครั้งนี้ด้วย 

นายกรณ์ กล่าวว่า ภาระหนี้สินประชาชนเป็นปัญหามาเรื้อรังและสาหัสขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยสภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ค่าครองชีพสูงขึ้น ซ้ำเติมด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด ซึ่งตนเองได้ต่อสู้กับเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 52 สมัยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกนโยบายแก้หนี้นอกระบบให้เข้ามาอยู่ในระบบ ช่วยเหลือประชาชนได้กว่า 5 แสนราย และติดตามสถานการณ์หนี้สินของประชาชนมาต่อเนื่อง แต่เรื่องหนี้สินยังเป็นปัญหาเรื้อรังมาตลอด วันนี้พรรคชาติพัฒนากล้าจึงออกนโยบายที่สามารถแก้ไขปัญหาได้โดยไม่ต้องใช้เงินภาษีแม้แต่บาทเดียว ด้วยการรื้อระบบเก็บข้อมูลของบริษัทเครดิตบูโร ยกเลิกระบบแบล็กลิสต์ ใช้ระบบ Credit Scoring หรือวิธีประเมินสินเชื่อตามจริงแทน

“ผมยืนยันนะครับว่า ระบบเครดิตบูโรยังจำเป็นต้องมี มันเป็นวินัยทางการเงิน แต่รอบหลายปีที่ผ่านมา เรื่องแบล็กลิสต์ยังเป็นปัญหาสำคัญ ที่หนักขึ้นเรื่อย ๆ ที่บอกว่าแบล็คลิสต์ไม่มีจริงนั้น ถามคนติดแบล็กลิสต์สิครับพวกเขาหัวเราะอย่างขมขื่น เพราะถูกปฏิเสธการกู้ยืมเงินในระบบ ต้องแบกภาระหนี้สินที่หนักอึ้ง ต้องทำงานไปจ่ายหนี้นอกระบบไป และตราบใดที่ยังไม่หลุดจากแบล็กลิสต์ ก็ยังกู้หนี้ไม่ได้ เราจึงเสนอให้ยกเลิกระบบแบล็กลิสต์ เปิดให้เครดิตบูโรนำข้อมูลทุกชนิด ที่บ่งบอกสถานะที่แท้จริงของตัวผู้กู้ ไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ประวัติทางการเงินที่เป็นบวกมาร่วมพิจารณาด้วย ที่เรียกว่าระบบ Credit Scoring ไม่ใช่เอาแค่ข้อมูลที่เป็นลบมาพิจารณาเพียงอย่างเดียว และนโยบายนี้ไม่ต้องใช้ภาษีเพิ่ม อาศัยเทคโนโลยีและข้อมูลที่เป็นธรรมในการปล่อยกู้ ให้ประชนกลับมาลืมตาอ้าปากอีกครั้ง นี่คือนโนบายของพรรคชาติพัฒนากล้า” นายกรณ์​ กล่าว

ดร.อรรถวิชช์ กล่าวว่า ไม่มีนักรบใดไม่มีบาดแผล คนทำธุรกิจกับการขอสินเชื่อเป็นเรื่องคู่กันอยู่แล้ว แต่ระบบการจัดเก็บข้อมูลเครดิตของบ้านเรา เพื่อให้ธนาคารไปวิเคราะห์ มันไม่ยุติธรรม คนตัวเล็กทำมาหากิน มีรอยบาดแผลติดแบล็กลิสต์ แม้หาเงินกลับมาใช้หนี้ได้ สถานะการเงินกลับมาปกติแล้ว ก็ไม่สามารถกลับมากู้สินเชื่อปกติหรือสินเชื่อธุรกิจที่ดอกเบี้ยต่ำกว่าร้อยละ 7 ได้ ต้องไปหมุนใช้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อนาโน ซึ่งสินเชื่อกลุ่มนี้ดอกเบี้ยสูงมาก เริ่มตั้งแต่ร้อยละ 16-33 ต่อปี บางรายต้องไปยืมหนี้นอกระบบ ซึ่งดอกเบี้ยโหดกว่านี้อีกหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ เรื่องนี้เป็นความผิดปกติที่ชัดเจนที่สุด ผลักให้คนไทยต้องเข้าสู่ระบบสินเชื่อ ที่ดอกเบี้ยสูงเกินจริง ซึ่งเป็นเหตุจากความไม่ยุติธรรมในระบบการปล่อยสินเชื่อ และตอนนี้มีคนติดแบล็กลิสต์ราว 5.5 ล้านคน ในจำนวนนี้มีถึง 3.2 ล้านคนที่ติดแบล็กลิสต์ช่วงโควิด

'ชาติพัฒนากล้า' เปิดนโยบายเศรษฐกิจชุดที่ 2 ลดภาษีบุคคล เงินเดือน 40,000 บาทแรก ไม่ต้องเสียภาษี!!

(21 ม.ค.66) ปัง!! กันอีกครั้ง กับนโยบายเศรษฐกิจชุดที่ 2 ของพรรคชาติพัฒนากล้า โดยนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย ดร. อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค และเหล่าว่าที่ผู้สมัครฯ ได้ร่วมกันแถลงนโยบาย 'ภาษีบุคคล-มนุษย์เงินเดือน' ต่อจากนโยบาย 'ยกเลิกแบล็กลิสต์ บูโร รื้อระบบสินเชื่อ' ที่ได้ออกมาก่อนหน้านี้ไม่นาน และเรียกคะแนนนิยม จากประชาชนไปได้ไม่น้อย

ทั้งนี้ นายกรณ์ จาติกวณิช เผยถึง นโยบาย 'ภาษีบุคคล-มนุษย์เงินเดือน' ว่า เรื่องสำคัญที่สุด ถือเป็นปัญหาใหญ่ของประชาชน หนีไม่พ้นเรื่องปากท้อง รายได้ ความเป็นอยู่ หากประชาชนมีกินอิ่มท้อง เศรษฐกิจก็จะดี ส่วนปัญหาด้านอื่นๆ ก็จะสามารถแก้ไขได้ตามมา อย่างเข้มแข็ง

ส่วนใจความสำคัญของนโยบาย 'ภาษีบุคคล-มนุษย์เงินเดือน' คือ ลดภาษีบุคคล เงินเดือน 40,000 บาทแรก ไม่ต้องเสียภาษี!! รายได้สูงกว่านั้น ลดเป็นขั้นบันได โดยปัจจุบันมีประชาชนที่เสียภาษีเงินได้ส่วนบุคคล โดยรวมประมาณ 4 ล้านกว่าคน ซึ่งจะต้องแบกรับภาระภาษีเต็ม ๆ มาโดยตลอด และเมื่อเทียบกับบริษัทขนาดใหญ่ ที่ได้รับการลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% ลงมาเป็น 20% ยาวนานมากว่า 10 ปีแล้ว แต่ประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นมนุษย์เงินเดือนไม่เคยได้รับการช่วยเหลือในลักษณะนี้ มานาน เนื่องจากค่าครองชีพ ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ นายกรณ์ จาติกวณิช ยังกล่าวอีกว่า ช่วงนี้รายได้ของภาครัฐ เริ่มฟื้นตัว จากการประมาณการรายได้ของรัฐบาล ในการจัดทำงบประมาณ ปี 2567 รายได้ภาษีของรัฐบาล จะเพิ่มขึ้น เกือบ 3 แสนล้านบาท (ประมาณ 2 แสน 7 ล้านบาท) ถือเป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสม ที่จะแบ่งรายได้บางส่วนมาช่วยลดภาระให้กับมนุษย์เงินเดือน กว่า 4 ล้านคนข้างต้น 

'กรณ์' มั่น!! นโยบายเศรษฐกิจชาติพัฒนากล้า ตอบโจทย์ ปชช. เผย 24 ม.ค. แถลงใหญ่ สะเทือนหลายวงการ 

(23 ม.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวถึงเหตุผลทำไมต้องลดภาษีให้คนทำงาน ที่เงินเดือนไม่ถึง 40,000 บาท ว่า มนุษย์เงินเดือนรวมไปถึงฟรีแลนซ์กว่า 4 ล้านคนที่เสียภาษีเงินได้ส่วนบุคคล ครึ่งหนึ่งหรือ 2 ล้านคนมีรายได้ตํ่ากว่าเดือนละ 40,000 บาท มีส่วนน้อยที่มีรายได้หลักแสนต่อเดือน ได้รับประโยชน์ เนื่องจากคนทำงานกลุ่มนี้เสียภาษีเต็มเม็ดเต็มหน่วยเสมอต้นเสมอปลายที่สุด ถึงเวลาที่เขาควรได้รับการช่วยเหลือ ด้วย 4 เหตุผลหลัก คือ...

1. ค่าครองชีพสูงขึ้นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าที่อยู่อาศัยหรือเงินผ่อนบ้านคอนโด หรือจะเป็นค่าเดินทาง ค่าผ่อนรถ ค่านํ้ามัน ค่ารถไฟฟ้า คนวัยทำงานมีภาระสองเด้ง คือเลี้ยงลูกเล็กและภาระดูแลผู้ใหญ่ในบ้าน ส่วนค่าอาหาร ค่าไฟ ค่าประกันสุขภาพ ทุกอย่างแพงขึ้นหมด ในขณะที่ภาระภาษีแทบไม่เคยปรับลดลง 

2. อัตราภาษีนิติบุคคลของบริษัทขนาดใหญ่ได้รับการปรับลดลงจาก 30% เป็น 20% มาแล้วกว่า 10 ปี เป็นเหตุให้เศรษฐีและผู้มีรายได้สูง เลือกที่จะมีรายได้ผ่านกำไรหุ้นและเงินปันผลมากกว่าผ่านการรับเงินเดือน ซึ่งคนทำงานที่เป็นลูกจ้างไม่มีทางเลือกนี้ 

3. รายได้รัฐเริ่มฟื้น โดยสำนักงบประมาณประมาณการว่ารายรับภาษีรัฐบาลจะเพิ่มขึ้น 270,000 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2567 จึงเป็นจังหวะที่ดีที่จะลดภาระคนทำงาน (ซึ่งข้อเสนอของพรรคชาติพัฒนากล้ามีผลต่อรายได้ภาษี 21,000 ล้านบาทต่อปี) 

และ 4. พรรคที่ร่วมรัฐบาลมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมาอย่างน้อย 2 พรรคได้หาเสียงไว้ว่าจะลดภาษีเงินได้ แต่ไม่ได้ทำ 

นายกรณ์ ได้ยกตารางคำนวณเปรียบเทียบว่า เงินเดือนไม่เกิน 4 หมื่น ไม่เสียภาษี! สูงกว่านั้นก็คิดตามขั้นบันได ความหมายของเราคือรายได้พึงประเมินต่อปี หลังหักลดหย่อน 0-300,000 บาทแรก อัตราภาษีเป็น 0% พอปรับทอนกลับไปเป็นจำนวนเงิน คนที่รายได้สูงกว่า 4 หมื่นก็จะได้ปรับลดหลั่นกันเป็นขั้นบันไดเช่นกัน 

‘ชาติพัฒนากล้า’ จัดหนัก 12 นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ รื้อโครงสร้างประเทศ ลดความเหลื่อมล้ำ ‘รวย-จน’

(24 ม.ค. 66) จับตากันให้ดี!! หลังจากที่ก่อนหน้านี้พรรคชาติพัฒนากล้า ได้ทยอยปล่อยนโยบายพรรคด้านเศรษฐกิจ ออกมาแล้วถึง 2 ชุด ซึ่งก็โดนใจประชาชน โดยเฉพาะคนทำงาน กินเงินเดือน

ล่าสุด!! เช้าวันนี้ พรรคชาติพัฒนากล้า จัดใหญ่จัดเต็ม!! เปิดนโยบายพรรคอย่างยิ่งใหญ่ นำโดยนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรค พร้อมด้วยนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค ร่วมถึง ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรค แกนนำพรรค ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และสมาชิกพรรค

ซึ่งนายสุวัจน์ กล่าวเปิดเป็นคนแรกว่า วันที่ 23 มีนาคม 2566 จะครบ 4 ปี จะยุบสภาหรือไม่ยุบก็ถือว่าครบเทอม ทุกพรรคการเมืองเตรียมตัว พรรคชาติพัฒนากล้า ก็เป็นพรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่ต้องเตรียมความพร้อม อันดับต้น ๆ ที่อยู่ในใจของความเจ็บปวด คือ เรื่องเศรษฐกิจ 35 ปีที่ผ่านมาไม่เกิดเกิดวิกฤตหนักมากเท่าวันนี้ วิกฤตที่น่ากังวลอีกส่วน คือ วิกฤตโลก สงครามการค้า และโควิด-19 สงครามยูเครน-รัสเซีย ปัจจัยหลัก คือ การเกิดสงครามการค้า การขึ้นอัตราดอกเบี้ย เกิดเป็นภาวะเงินเฟ้อ เศรษฐกิจถดถอยหรือไม่ จีดีพีโลกกลับมาไม่ 1% โลกร้อน เทคโนโลยีดิสรัปชั่น วันนี้โลกวุ่นวายมาก และสิ่งที่จะเกิดขึ้น คือ การจัดกลุ่มของประเทศมหาอำนาจใหญ่ เกิดการย้ายฐานการลงทุน

ขณะที่ นายกรณ์ จาติกวาณิช พร้อมด้วยสมาชิกพรรค ได้ร่วมกันเปิดเผยถึง 12 นโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า ประกอบด้วย 

- หาเงินให้ประเทศ 5 ล้านล้านบาท ด้วยกลุ่มเฉดสี ดังนี้ สีเขียว ด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ นโยบายทุกบ้านขายไฟฟ้าได้ / สีเหลือง เศรษฐกิจสร้างสรรค์อาทิ กองทุน Soft Power / สีเงิน เศรษฐกิจวัยเก๋า ดูแลสร้างงานผู้สูงวัย / สีเทา นโยบายเปลี่ยนส่วยเป็นภาษี / สีฟ้า เศรษฐกิจสายเทคโนโลยี ลดภาษี Start Up / สีขาว เศรษฐกิจสายมู ให้งบจังหวัดละ 1 พันล้าน สร้างแหล่งท่องเที่ยวศักดิ์สิทธิ์ / และสีรุ้ง นโยบายผลักดันสมรสเท่าเทียม ให้กลุ่ม LGBTQ+ ซึ่งจะช่วยเพิ่มกลุ่มนักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้

- ลดภาษีบุคคล เงินเดือน 40,000 บาทแรก ไม่ต้องเสียภาษี เพื่อลดภาระให้กลุ่มคนทำงาน โดยถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากรายได้ของภาครัฐ กำลังขยับขึ้น อีกทั้งยังเป็นธรรม จากคำมั่นสัญญาเดิมของพรรคการเมืองใหญ่ ที่ทำไม่สำเร็จ จากการเลือกตั้งครั้งก่อน

- น้ำมัน แก๊ส ไฟฟ้า ถูกลง รื้อโครงสร้างพลังงาน โดยปรับราคาขายให้ตรงตามการผันผวนของต้นทุนในแต่ละช่วง ตามราคาตลาดกลางของโลก

กรณีศึกษา นโยบายฟรีภาษีของ ‘ประเทศโมนาโก’ สู่ ‘นโยบายลดภาษีบุคคล’ ของชาติพัฒนากล้า

กระแสมาแรงไม่ตกหลังพรรคชาติพัฒนากล้าประกาศนโยบายใหม่ออกมา นั่นคือนโยบาย ‘ลดภาษีบุคคล เงินเดือนไม่ถึง 40,000 บาท ไม่ต้องเสียภาษี’ นโยบายนี้ก็เป็นที่พึงพอใจของเหล่ามนุษย์เงินเดือนมาก ๆ เพราะหากนโยบายนี้ทำได้จริง จะทำให้ไม่ต้องแบกรับภาระภาษีที่หนักพอ ๆ กับค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นทุกวัน

วันนี้ทีมข่าว THE STATES TIMES จะไม่ได้เจาะลึกถึงนโยบายนี้ (ดูเพิ่มเติม: https://www.facebook.com/watch/?v=1325406588033087) แต่จะพามาดูตัวอย่างประเทศเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ที่มีนโยบายคล้ายกับพรรคชาติพัฒนากล้า ซึ่งได้ฉายาว่า ‘ประเทศที่คนรวยสุดอันดับ 1 ของโลก’ ซึ่งประเทศนี้ประชาชนไม่ต้องเสียภาษี!! 

ประเทศที่กล่าวถึงคือ ‘ประเทศโมนาโก’ เป็นประเทศที่มีขนาดเล็กมากที่สุด เป็นอันดับ 2 ของโลก ทำให้มีประชากรหนาแน่นที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ประเทศนี้มีค่าเฉลี่ยรายได้ต่อหัวสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก ประชาชนที่นี่ 1 ใน 3 จะเป็นคนที่มีสินทรัพย์รวมกว่า 35 ล้านบาท เรียกได้ว่าหากมีแฟนเป็นคนประเทศนี้ ให้ทายไปเลยว่า 80% เราจะกลายเป็นคุณหญิงคุณนายไปเลย เพราะคนที่นี่มีแต่คนรวยทั้งนั้น

อาจมีคำถามว่าทำไมประเทศเล็ก ๆ นี้มีแต่คนรวยเดินชนกันเต็มไปหมด นั่นเป็นเพราะว่าประเทศนี้ ‘ไม่เก็บภาษีรายได้แม้แต่บาทเดียว’ ใครทำเงินได้มากมายมหาศาลแค่ไหนก็เก็บไว้กับตัวหมดเลย ไม่ต้องเอาเงินนั้นมาเสียภาษีให้รัฐ ด้วยนโยบายนี้ของประเทศโมนาโก ทำให้เหล่าคนดังจากทั่วโลกเช่น Ringo Starr มือกลองประจำวงสี่เต่าทอง หรือ The Beatles, Novak Djokovic นักเทนนิสระดับโลกชาวเซอร์เบีย, หรือ Sir Lewis Hamilton นักแข่งรถ Formula 1 ก็ย้านถิ่นฐานมาอยู่ที่ประเทศนี้กันทั้งนั้น

หากเล่าไปถึงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับนโยบายนี้ จุดเริ่มต้นมาจาก 160 ปีก่อน ในปี 1863 เจ้าหญิง Marie Caroline Gibert de Lametz แห่งโมนาโก ตัดสินใจสร้างกาสิโน ภายในประเทศขึ้น ชื่อว่า ‘Monte Carlo’ โดยมีจุดประสงค์เพื่อฟื้นฟูประเทศ ที่กำลังเผชิญกับการเสี่ยงล้มละลาย ซึ่งแนวคิดของเจ้าหญิง Caroline ถือว่ามาถูกทาง เพราะกาสิโนแห่งนี้กลายเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยว ให้เดินทางเข้าออกประเทศเป็นจำนวนมาก และสร้างเม็ดเงินจำนวนมหาศาล จนในปี 1869 โมนาโกมีรายได้จากกาสิโนมากจนเกินพอ จึงได้ตัดสินใจประกาศยกเลิกการจัดเก็บภาษีรายได้ นับแต่นั้นเป็นต้นมา

'ชาติพัฒนากล้า' ชูนโยบาย '40,000 บาทแรก ไม่ต้องเสียภาษี' | THE STATES TIMES Y WORLD EP.58

‘พรรคชาติพัฒนากล้า’ ได้ปล่อยนโยบาย 'เงินเดือน 40,000 บาทแรก ไม่ต้องเสียภาษี' ออกมาสู่สาธารณชน เรียกเสียงฮือฮาอย่างมาก และชวนพานึกถึง 'นโยบายฟรีภาษี ของประเทศโมนาโก' เรื่องราวจะเป็นอย่างไรไปชมกันเลย....

ติดตามได้ใน THE STATES TIMES Y World x ELECTION TIME
และสามารถรับชมคลิปอื่น ๆ ได้ที่ : https://youtube.com/playlist?list=PLvNTQ_fOAFugvfiWfiUXJ8JJYho1ADnG8

#THESTATESTIMES
#THESTATESTIMESYWORLDxELECTIONTIME
#เลือกตั้ง
#ชาติพัฒนากล้า
#ฟรีภาษี


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top