Monday, 29 April 2024
กัญชา

‘สนธิ’ แฉ!! คนใกล้ตัว ‘ชูวิทย์’ เปิดบาร์กัญชาสุดหรูกลางกรุงฯ

(27 ก.พ. 66) นายสนธิ ลิ้มทองกุน ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ‘คุยทุกเรื่องกับสนธิ’ ตอนหนึ่งว่า จากกรณีที่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและเจ้าของธุรกิจอาบอบนวด ได้ออกมาโจมตีในกรณีปลดล็อกกัญชาทางการแพทย์ โดยโพสต์ข้อความ 2 โพสต์ติด ๆ กัน คือ กัญชา พี้เพื่อชาติ! และ กัญชา เหรียญสองด้าน สนองกิเลสพรรคภูมิใจไทย

ต่อมาได้มีผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กเข้าไปโพสต์แสดงความเห็นในเฟซบุ๊กนายชูวิทย์ ระบุข้อความว่า “ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ขอให้กิจการรุ่งเรือง เฮง ๆ นะครับ” พร้อมแนบภาพ ร้าน ชูหวีด บาร์ (Chuweed Bar) ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายกัญชาเพื่อสันทนาการภายในโรงแรมดังกลางกรุง ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวนายชูวิทย์ด้วย และช่วงค่ำวานนี้ เฟซบุ๊กเพจ Channel Weez Thailand ได้โพสต์ภาพ และรายละเอียด Chuweed Bar ของครอบครัวนายชูวิทย์ ระบุว่า “กัญชาพรึ่บ! บาร์สมุนไพรสุดฟิน ในโรงแรมของชูวิทย์ การตกแต่งร้านโดดเด่นมีสไตล์ เรียบง่ายบนความหรูหรา มีหลายโซนให้ลูกค้าได้ฟินกับความ high เหนือระดับ เช่นเดียวกับโลโก้ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วรู้เลยว่า คือคนที่คุณก็รู้ว่าใคร

โดยบาร์กัญชาดังกล่าว ตั้งอยู่ในโรงแรมของเสี่ยชูวิทย์ แว่วมาว่า ปัจจุบันโรงแรมนี้บริหารงานโดยรุ่นลูกและคนในครอบครัว ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 24 ไม่ว่าใครจะเป็นเจ้าของก็ตาม แต่ร้านนี้ถือเป็นบาร์สมุนไพรที่น่าแวะไปชมสักครั้ง แถมยังได้รับแรงบันดาลใจจากคนชื่อดัง เผื่อมีโอกาสได้นั่งเติมกัญสักครั้ง เห็นร้านสวย ๆ แบบนี้แล้ว สหายสายเขียวฝากสะกิดมาบอกพี่น้องว่า อย่าอคติกับสมุนไพรไทยโบราณเลย มาช่วยกัญรันวงการเพื่อเศรษฐกิจของลูกหลานดีกว่า กัญชาถูกย่ำยีจากเกมการเมืองมามากพอแล้วท่าน อนึ่ง จากการสืบค้นข้อมูลย้อนหลังพบว่า บาร์กัญชา Chuweed Bar ภายในโรงแรม เดอะ เดวิส บางกอก ของครอบครัวนายชูวิทย์นั้นมีการเปิดให้บริการเชิงสันทนาการมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565 หรือกว่าครึ่งปีแล้ว

สำหรับโรงแดมดังกล่าว เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว มีจำนวนห้องพัก 240 ห้อง ของครอบครัวนายชูวิทย์นั้นบริหารงานโดย บริษัท สมบัติเติมตระกูล จำกัด ซึ่งหุ้นทั้งหมดถือครองในครอบครัวนายชูวิทย์ทั้งหมด โดย ณ เดือนกรกฎาคม 2565 ผู้ถือหุ้น ประกอบไปด้วยลูกสาว น.ส.ตระการตา กมลวิศิษฎ์ ถือหุ้น 24.75%, ลูกชาย 3 คน คือ นายต่อตระกูล กมลวิศิษฎ์ถือหุ้น 24.75%, นายต้นตระกูล กมลวิศิษฎ์ ถือหุ้น 24.75%, นายเติมตระกูล กมลวิศิษฎ์ ถือหุ้น 24.75%, บริษัท ต้นตระกูล จำกัด ถือหุ้น 1% และนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ถือหุ้น 0.01%

ทั้งนี้ บริษัท สมบัติเติมตระกูล จำกัด มีกรรมการ 5 คน ประกอบด้วย นายต้นตระกูล กมลวิศิษฎ์, นายต่อตระกูล กมลวิศิษฎ์, นายเติมตระกูล กมลวิศิษฎ์, นางสาวตระการตา กมลวิศิษฎ์ และ พล.ต.ต.คงเดช ชูศรี

ส่วนผลประกอบการตามรายงานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ปรากฏข้อมูลงบการเงินล่าสุด บริษัท สมบัติเติมตระกูล จำกัด สิ้นสุด ณ ปี 2563 ระบุว่า มีรายได้รวม 22,313,415 บาท ขาดทุน 27,758,836 บาท โดยมีสินทรัพย์รวม 211,023,896 บาท

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้น นายสนธิ ได้พูดฝากเตือนไปถึงนายชูวิทย์ จากกรณีที่ออกมาเคลื่อนไหววิพากษ์วิจารณ์ ปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้นในยุครัฐบาลปัจจุบัน โดยเฉพาะความไม่โปร่งใส โครงการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม พร้อมอ้างมีเงินตกหล่นอยู่สามหมื่นล้าน ใจความสำคัญตอนหนึ่ง ระบุว่า ในฐานะที่เป็นเพื่อนรุ่นพี่ของนายชูวิทย์ และทำวิชาชีพสื่อมวลชนมากว่าห้าสิบปี มีประเด็นที่อยากจะเตือน ให้ข้อคิดแก่นายชูวิทย์ในการแฉ เปิดโปงเรื่องเหล่านี้ ว่า มีเรื่องที่นายชูวิทย์ต้องระวังให้มากๆ เพราะภาพรวมตอนนี้ นายชูวิทย์ต้องรู้ว่าเป็นการฟาดฟันกันระหว่างกลุ่มคนรอบตัว ‘ลุงตู่’ และกลุ่มคนรอบตัว ‘ลุงป้อม’ โดยใช้ลูกน้องออกมาฟาดฟันกัน จึงอยากจะเตือนว่าอย่าตกเป็นเครื่องมือของใคร

“คุณชูวิทย์ไปหานายกฯ ทีไร ไม่ว่าจะเป็นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ หรือที่ทำเนียบรัฐบาล ก็จะมี ‘เสธ.หิ’ คุณหิมาลัย ผิวพรรณ หรือมีคนอย่างคุณวรัญชัย โชคชนะ ยืนอยู่ข้าง ๆ พอพูดเสร็จ คนโน้นคนนี้ลงมาจัดการ กรณีนี้ คุณพีระพันธุ์ หัวหน้าพรรคฯ เลขาธิการนายกฯ ก็ลงมาจัดการ คุณชูวิทย์ต้องระวังว่า คนจะมองว่าคุณมีนอกมีในกับคนพวกนี้หรือเปล่า

“ที่สำคัญ คุณชูวิทย์ ช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อการเลือกตั้งใหญ่ ที่กำลังจะยุบสภาฯ ภายในเดือนหน้า คือมีนาคมนี้ คงมีการจัดการให้มีการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคม เรื่องเหล่านี้คุณชูวิทย์ต้องระวังให้มากๆ เดี๋ยวจะกลายเป็นเครื่องมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะขณะนี้สายลุงตู่ กับสายลุงป้อม ฟาดฟันกันอย่างหนัก”

พร้อมย้ำว่า “การพูดจาอะไรต้องระวัง เพราะว่าในการประมูลของภาครัฐทุกครั้ง ทุกรอบ ทุกยุค ทุกสมัย ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มีทั้งเอกชนที่สมหวังและผิดหวัง มีคนได้ มีคนเสีย ผมเกรงว่าจะมีคนกล่าวหาคุณชูวิทย์รับงานมา ว่า พอคุณชูวิทย์เริ่มดังขึ้นมา ก็เริ่มรับงานร้องเรียนที่เกี่ยวกับประเด็นปัญหาการประมูลที่เป็นคู่แข่งระหว่างเอกชนกับเอกชน”

‘ชูวิทย์’ เดือด!! 'สธ.' บุก รร.เดวิส ตรวจบาร์กัญชา เชื่อ!! ถูกกลั่นแกล้ง หลังพูดแตะเรื่องกัญชา

(27 ก.พ. 66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษษฏ์ ได้ไลฟ์สด ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ หลังกรมการแพทย์ไทยและการแพทย์ทางเลือก ของกระทรวงสาธารณสุข เดินทางมาตรวจสอบบาร์กัญชา ในโรงแรมเดอะ เดวิส ซึ่งตั้งอยู่ย่านสุขุมวิท โดยเจ้าตัวเผยว่า ถือเป็นการกลั่นแกล้งประชาชน พอพูดความจริงก็รับไม่ได้

ทั้งนี้ นายชูวิทย์ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ และสอบถามว่าจะกลั่นแกล้งเหรอ พอตนพูดถึงเรื่องกัญชา ก็มาตรวจ ถือว่าใช้ได้ที่ไหน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งว่าได้มาแนะนำ ทำหน้าที่ ทางนายชูวิทย์จึงสอบถามว่าทำไมเพิ่งมาร้านแห่งนี้ อยากรู้เหตุผล เพราะพอตนพูดถึงกัญชา กลับเดินทางมา ทั้งที่เจ้าหน้าที่ไม่เคยออกกฎห้ามเลย เรื่องเยาวชนมาซื้อ เอาแต่พูดถึงข้อดี แต่ไม่เคยพูดถึงเด็กเล็ก ๆ กลับเล่นกัญชา

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่อ้างว่า เพิ่งได้ข้อมูลมา โดยได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา ซึ่งนายชูวิทย์ได้สอบถามอย่างเดือดระอุว่า “ใครสั่งมา”

‘มาเลเซีย’ อ้างร้านอาหารในไทยใส่กัญชาให้ นทท.เสพติด เตือน ‘พลเมือง-นักท่องเที่ยว’ รอบคอบในการเลือกซื้อ

หน่วยงานต่อต้านยาเสพติดของมาเลเซีย แนะนำพลเมืองที่ชื่นชอบเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยให้ระมัดระวังมากยิ่งขึ้นในการซื้ออาหารรับประทาน อ้างว่าร้านอาหารในไทยใช้กัญชาเป็นส่วนผสมในการปรุงอาหาร เพื่อให้นักท่องเที่ยวเสพติดอาหารดังกล่าว

รายงานของเว็บไซต์เวิลด์ออฟบัซ ของมาเลเซีย ระบุว่า นับตั้งแต่ไทยได้กลายเป็นประเทศแรกๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เห็นชอบให้การใช้กัญชาเป็นเรื่องถูกกฎหมาย บรรดานักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งในนั้นรวมถึงมาเลเซีย ต่างไหลบ่าไปเยือนประเทศไทย หลังจากมีรายงานว่าร้านค้าและร้านอาหารมากมายในไทยเริ่มขายผลิตภัณฑ์และอาหารต่างๆ ที่มีส่วนผสมของกัญชา 

โดยทางสำนักข่าว Kosmo หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ของมาเลเซีย ได้อ้างความเห็นของสำนักงานต่อต้านยาเสพติดแห่งชาติในรัฐเปอร์ลิส เผยว่า มีอาหารต่างๆ เช่น ต้มยำกุ้ง และซุปต่าง ๆ ในไทยผสมใบกัญชา ในฐานะวัตถุดิบปรุงแต่งรสชาติอาหาร ซึ่งเป็นความพยายามที่จะทำให้นักท่องเที่ยวเสพติดอาหารจานดังกล่าว

ไครูล อันวาร์ อาห์เมด ผู้อำนวยการสำนักงานต่อต้านยาเสพติดแห่งชาติในรัฐเปอร์ลิส กล่าวว่า สำหรับชาวมาเลเซียที่ชื่นชอบเดินทางไปประเทศไทย ขอให้ระมัดระวังมากขึ้นตอนที่ซื้ออาหาร เนื่องจากมีอาหารต่างๆ มากมายที่อาจผสมกัญชา

กัญชาปลอดภัย 'ภูมิใจไทย' ประกาศชัด!! การันตี 'กัญชา' ต้องไม่ถูกนำไปเป็นยาเสพติดอีกต่อไป

(2 มี.ค.66) นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ นายทะบียนสมาชิกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึง การมาของพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะทำให้กัญชาปลอดภัย ว่า...

“พรรคภูมิใจไทย จะไม่ปล่อยให้กัญชา ต้องถูกนำไปเป็นยาเสพติดอีก หาก กัญชา กลับเข้าไปอยู่ในคุก ไม่ให้ได้ใช้ประโยชน์ บรรดาผู้ที่ใช้ประโยชน์อยู่จำนวนนับล้านคน จะตกเป็นผู้ต้องหาเป็นอาชญากร” ทุก ๆ คนเปิดใจมาดู มาฟัง “ศุภชัย ใจสมุทร” ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ นายทะบียนสมาชิกพรรคภูมิใจไทย จะมาเล่าข้อเท็จจริงให้ฟัง

ในการนำกัญชาออกมาจากยาเสพติด แทบไม่มีพรรคการเมืองไหนคัดค้านเลย แต่พอพรรคภูมิใจไทย มีการเสนอร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง เข้าสู่สภาฯ กลับหวังผลการเมือง ตัดแข้งเตะขา ไม่ให้กฎหมายนี้ผ่าน จนลืมประโยชน์ของประชาชน ปล่อยให้เกิดสุญญากาศ ไม่ให้มีกฎหมายในการควบคุมกัญชา ทั้งๆ ที่ปากตัวเองบอกว่า ห่วงเยาวชน

อยู่ที่การเลือกใช้ ‘กระทรวงสาธารณสุข’ เล็งหากฎหมายรองรับ ‘กัญชา’ ย้ำ! ควรใช้อย่างถูกต้อง-เข้าใจ เพื่อให้เกิดประโยชน์ . สธ.เตือน ‘กัญชา’ มีทั้งคุณและโทษ ควรใช้ประโยชน์อย่างเข้าใจและถูกต้อง

สธ.เตือน ‘กัญชา’ มีทั้งคุณและโทษ ควรใช้ประโยชน์อย่างเข้าใจและถูกต้อง

(3 มี.ค. 66) นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า “กัญชา” เป็นสมุนไพรควบคุม ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) 2565 กรมการแพทย์แผนไทยฯ จึงส่งเสริมการใช้และองค์ความรู้ในการใช้ทางการแพทย์ และมีการส่งเสริมพัฒนาต่อยอดการใช้ประโยชน์ในส่วนต่างๆ เพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจ แต่ สธ.มีข้อกำหนดการใช้กัญชาชัดเจนว่า กำหนดให้ใช้กัญชาได้ในผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป เด็กวัยเรียนเยาวชนไม่สามารถใช้กัญชาได้ รวมทั้ง สตรีมีครรภ์ หญิงให้นมบุตรก็ไม่สามารถใช้กัญชาได้

“นอกจากนี้ ตามประกาศกระทรวงที่กำหนดให้กลิ่นและควัน เป็นเหตุรำคาญ ยังกำหนดข้อห้ามใช้สูบ ใช้เสพในที่สาธารณะ ซึ่งกฎหมายนี้จะเป็นเครื่องมือให้เจ้าหน้าที่ และ เจ้าพนักงานตามกฎหมายสามารถนำมาใช้ในการป้องกันแก้ไขผลกระทบที่อาจทำให้เกิดการใช้ที่ไม่เหมาะสม นอกจากประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องสมุนไพรครบคุม (กัญชา) 2565 แล้ว ยังมีประกาศของกระทรวงสาธารณสุขอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจจากการใช้ไม่เหมาะสม เช่น ประกาศของกรมอนามัยที่กำหนดให้กลิ่นกัญชา ควันกัญชาเป็นเหตุก่อความรำคาญ ก็เพื่อป้องกันการเสพในที่สาธารณะ หรือแม้แต่ผู้ประกอบการที่จะนำกัญชามาปรุงเป็นอาหารหรือประกอบอาหารต้องปฏิบัติตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงกับผู้บริโภค และผู้บริโภคเองสามารถสังเกตฉลากบรรจุภัณฑ์อาหารที่ต้องแสดงรายละเอียดส่วนผสม เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการรับประทานโดยไม่ตั้งใจ โดยเฉพาะเด็กเล็ก และผู้แพ้กัญชา เราต้องคำนึงถึงและระมัดระวัง” นพ.ธงชัย กล่าว
 

เจอกันสักตั้ง 'ปานเทพ' ท้า 'ชูวิทย์' ดีเบตเรื่องกัญชา ชี้!! พูดอยู่ฝ่ายเดียว ทำข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อน

เมื่อวานนี้ (8 มี.ค.66) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต ในฐานะโฆษกคณะกรรมการสื่อสารและประชาสัมพันธ์การใช้กัญชาอย่างเข้าใจ กระทรวงสาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊ก ‘ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์’ ท้าชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ดีเบตเรื่องกัญชา โดยระบุว่า ‘ปานเทพ’ เชิญ ‘ชูวิทย์’ ดีเบตเรื่อง ‘กัญชา’ เพื่อประโยชน์สาธารณะ

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
เรื่องกัญชาเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกันทั่วโลก แต่แนวโน้มในประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งในสหรัฐอเมริกา แคนนาดา ยุโรป ออสเตรเลีย ฯลฯ ได้ผ่อนคลายมาตรการในเรื่องกัญชาตั้งแต่ทางการแพทย์และนันทนาการมากขึ้นเรื่อย ๆ

คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ คัดค้านกัญชาเสรี จึงจะรณรงค์ให้ไม่เลือกพรรคภูมิใจไทย โดยที่อ้างว่าห่วงเด็กเยาวชน แต่คุณชูวิทย์กลับมีร้านขาย ‘ช่อดอกกัญชา’ เพื่อนันทนาการอยู่ในโรงแรมของตัวเอง ทั้งของลูกชาย และเปิดให้เช่าเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว

ส่วนผม ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ไม่มีร้านกัญชา ไม่มีผลิตภัณฑ์กัญชาของตัวเอง และไม่ได้ปลูกกัญชาแม้แต่ต้นเดียว มีแต่การวิจัย และรณรงค์ให้ประชาชนซึ่งส่วนใหญ่เข้าไม่ถึงกัญชาทางการแพทย์ (เพราะแพทย์ส่วนใหญ่ไม่จ่ายกัญชา) สามารถมีกัญชาเพื่อการพึ่งพาตัวเองได้ แต่ให้มีกฎหมายควบคุมในระดับเหล้าและบุหรี่ (รวมถึงการควบคุมเรื่องเด็กและเยาวชน) และไม่ต้องกลับไปเป็นยาเสพติดอีก

ผมเดินต่อสู้เรื่องกัญชา ตั้งแต่ปี 2561 ในเรื่องการเรียกร้องให้ยกเลิกสิทธิบัตรกัญชาต่างชาติที่มาจดทะเบียนในประเทศไทย แต่คนไทยกลับห้ามใช้เพราะอ้างว่าเป็นยาเสพติด จนกฎหมายเริ่มคลายล็อกเรื่องกัญชามาเป็นลำดับ

ผมได้มีส่วนเรียกร้องในเรื่องน้ำมันกัญชาให้กับแพทย์พื้นบ้าน ทวงคืนตำรับยาไทยที่เข้ากัญชาซึ่งห้ามใช้มาหลายสิบปี จนกระทั่งได้ต่อสู้ด้วยหลักฐานงานวิจัยในเวทีต่างๆ และมีส่วนที่ทำให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ซึ่งมี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน) มีมติให้ต้นกัญชาไม่เป็นยาเสพติดอีก ยกเว้นสารสกัดกัญชาที่มีสาร THC เกินกว่าร้อยละ 0.2 ของน้ำหนัก

ผมได้ถูกเชิญไปเป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ของสภาผู้แทนราษฎรซึ่งมีตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ ได้มีโอกาสแลกทัศนะความเห็นแตกต่าง จนคณะกรรมาธิการฯเสียงข้างมาก (จากแทบทุกพรรคการเมือง) มีทิศทางในการควบคุมช่อดอกกัญชาในระดับที่เข้มกว่าเหล้าและบุหรี่แต่ไม่ถึงขั้นเป็นยาเสพติด 

เนื่องด้วยกัญชาเสพติดยากกว่าและมีประโยชน์กว่าเหล้าและบุหรี่อย่างมหาศาล และข้อสำคัญที่สุดประชาชนส่วนใหญ่เข้าไม่ถึงกัญชาทางการแพทย์ด้วยเพราะอคติ ข้อบ่งใช้ที่คับแคบ ความยุ่งยากในการจ่ายยา และผลประโยชน์ทับซ้อนของแพทย์ ฯลฯ

ผมได้ทำความเข้าใจและชี้แจงถกเถียงเรื่องกัญชาตามวาระอันสมควรในสภาผู้แทนราษฎร จนสภาผู้แทนราษฎรเสียงข้างมากเห็นด้วยกับร่างกฎหมายของคณะกรรมาธิการฯ ​เสียงข้างมากทุกมาตรามาเป็นลำดับ แต่ที่น่าเสียดายคือการพิจารณากฎหมายฉบับดังกล่าวนี้ไม่แล้วเสร็จในสภาผู้แทนราษฎรสมัยนี้

ผมได้เห็นนักการเมืองที่พยายามผลักดันให้มีกฎหมายกัญชา กัญชง ในการใช้ประโยชน์และควบคุมอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเห็นด้วย แก้ไข หรือไม่เห็นด้วย พวกผมที่อยู่ในคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากก็จะยอมรับเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร เพราะเป็นกลไกตามครรลองของฝ่ายนิติบัญญัติ 

ดังนั้นผมขอขอบคุณพรรคการเมืองที่ให้ความสำคัญในการเป็นองค์ประชุมสภาผู้แทนราษฎรอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ พรรคภูมิใจไทย, พรรคก้าวไกล, พรรคพลังท้องถิ่นไทย, พรรคชาติพัฒนากล้า, พรรคพลังธรรมใหม่, พรรคครูไทยเพื่อประชาชน

เพราะถ้าเสียงข้างมากไม่เห็นด้วยก็ต้องลงมติให้แก้ไข เพื่อให้มีกฎหมายออกมาเพื่อใช้ประโยชน์และควบคุมอย่างเป็นระบบ แต่นักการเมืองจำนวนไม่น้อยของพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่ผมไม่ได้กล่าวถึงข้างต้น กลับใช้วิธีเตะถ่วงกฎหมาย และไม่เข้าเป็นองค์ประชุมทำให้สภาล่มครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อไม่ให้มีกฎหมายใช้ประโยชน์และควบคุมกัญชาอย่างเป็นระบบ

อย่างไรก็ตามในขณะที่กฎหมายล่าช้าถูกเตะถ่วง จนสภาผู้แทนราษฎรกำลังจะหมดวาระลงในอีกไม่นานนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 ประกาศให้ช่อดอกกัญชา เป็นสมุนไพรควบคุม 

ซึ่งผู้ที่จะขาย ให้ หรือแปรรูป ช่อดอกกัญชา จะต้องได้รับใบอนุญาตทุกราย และได้นำการควบคุมที่อยู่ในร่างกฎหมายกัญชา กัญชงของคณะกรรมาธิการฯ มาประยุกต์ทั้งหมดในเงื่อนไขของผู้ได้รับอนุญาต ซึ่งรวมถึง การห้ามขายและให้เด็ก เยาวชน สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร, ห้ามขายในศาสนสถาน ห้ามขายออนไลน์ ห้ามขายผ่านเครื่องขาย ห้ามโฆษณา ห้ามสูบในสถานที่ได้รับใบอนุญาตยกเว้นโดยผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ (ในสถานพยาบาลตามกฎหมาย) ฯลฯ

ู้รู้คุณ รู้โทษ กลุ่ม ‘THE NEXT GEN’ จัดงาน ‘Cannabis Literacy’ สร้างเสริมความรู้เรื่อง ‘กัญชง-กัญชา’ ให้เยาวชนภาคเหนือ

เมื่อวานนี้ (12 มี.ค.66) กลุ่มเยาวชน ‘THE NEXT GEN’ รวมกลุ่มเยาวชนภาคเหนือ จัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมความรอบรู้ทางสุขภาวะที่เกี่ยวข้องกับกัญชาและกัญชงโดยเด็กเยาวชนภาคเหนือตอนบน (Cannabis Literacy) ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยจัดเสวนาในหัวข้อห่วงใยนโยบาย ‘กัญชาเสรี’ และการปกป้องเด็กและเยาวชนไทย บริเวณลานหน้า ห้างเมญ่าไลฟ์สไตล์ช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ โดยวิทยากรในการบรรยายครั้งนี้ได้แก่ ผศ.ดร.พีระ จูน้อยสุวรรณ ที่ปรึกษา THE NEXT GEN ต่อมาคือ ธันวา พานิช นายกองค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา และ ประธานเครือข่ายเยาวชน SEED Thailand ภาคเหนือ และ ศุภวิชญ์ อยุทธ์ ตัวแทนกลุ่ม THE NEXT GEN โดยภายในงานได้มีการดึงตัวแทนกลุ่มเยาวชนในภาคเหนือหลายองค์กรเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองต่าง ๆ ในครั้งนี้ 

โดย ผศ.ดร.พีระ จูน้อยสุวรรณ ที่ปรึกษา THE NEXT GEN ให้ความคิดเห็นว่า “ความรอบรู้เรื่องกัญชามีความจำเป็นเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งและเท่าทัน ให้กับเด็กและเยาวชน การให้ความรู้เกี่ยวกับกัญชาต้องเป็นหน้าที่ของสถานศึกษาเพื่อความปลอดภัยจากการใช้ที่ผิด อาจเกิดเหตุการณ์ที่เราไม่อยากคาดเดาได้ในอนาคต หลังจากนี้คงเห็นหลาย ๆ สถาบันการศึกษาทุกระดับจะให้ความจริงจังกับเรื่องนี้”

ในส่วนของ นายธันวา พานิช นายกองค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา, ประธานเครือข่ายเยาวชน SEED Thailand ภาคเหนือ ให้ความคิดเห็นว่า “ควรสร้างกระบวนการเรียนรู้สู่เด็กและเยาวชน เพื่อปลูกฝังให้กลุ่มเยาวชนมีภูมิคุ้มกันที่ดี และสามารถต่อยอดในการขยายชุดความรู้ตัวนี้สู่ครอบครัวของตนเอง สู่ชุมชนของตนเองต่อไป เนื่องจากปัจจุบันกัญชาเข้ามามีส่วนผสมในอาหารค่อนข้างหลากหลายช่องทางทั้งเป็นขนม อย่างเจลลีกัญชา น้ำหวานกัญชา ที่เด็กจะเข้าถึงได้ง่าย และถ้าเด็กและเยาวชนหรือคนอื่น ๆ ขาดความตระหนักรู้หรือข้อมูลถึงโทษของการใช้สารกัญชาที่ผิด หรือหากผู้บริโภคแพ้ อาจเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงถึงขั้นการสูญเสียเลยก็ว่าได้”

นอกจากนี้ นายศุภวิชญ์ อยุทธ์ ตัวแทนกลุ่ม THE NEXT GEN กล่าวว่า “พืชนี้มีประโยชน์มาก หากดึงส่วนสำคัญมาใช้ในการแพทย์ ส่วนในเรื่องของการใช้เพื่อนันทนาการนั้นก็คงจะต้องปรับแก้ทางกฎหมายกันต่อไป”

‘ศุภชัย’ วอน แยกแยะกรณีพบบ้องกัญชาในเหตุ ‘สารวัตรคลั่ง’ ยืนยัน!! ผลศึกษาไม่มีใครพี้กัญชาแล้วคลุ้มคลั่ง

(16 มี.ค. 66) ที่พรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ ‘สารวัตรคลั่งสายไหม’ มีบ้องกัญชาอยู่ในที่เกิดเหตุ ว่า อยากฝากสังคมให้แยกแยะระหว่างแก่นกับกระพี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจนายดังกล่าว มีอาการป่วยทางจิต จึงมีความเป็นไปได้ที่จะหาทุกอย่างในสากลโลกมาเสพก็ได้ และบ้องกัญชาที่มีอยู่เขาอาจไม่ได้เสพก็ได้

ดังนั้น ภาพที่ปรากฏมันไม่ได้แสดงว่าสิ่งที่เป็นประโยชน์ของกัญชาที่มีอยู่มากมายมหาศาล จะกลายเป็นสิ่งไม่ดีไป เพียงเพราะบ้องกัญชาที่อยู่ข้างสารวัตรคนดังกล่าว

รวบ 2 ร้านขายช่อดอกกัญชา แบบผิดกฎหมาย หลังเปิดขายแบบ ‘Food truck-แผงลอย’  

กรมแพทย์แผนไทยฯ ร่วม ตร.บุกตรวจ 2 ร้านขายช่อดอกกัญชาผิด กม. ซอยสุขุมวิท 11 หลังเปิดแบบ Food Truck และแผงลอย ยึดของกลาง จับทันที ศาลสั่งลงอาญา 2 ปี

(18 มี.ค.66)  นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า กรมฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ลงพื้นที่ซอยสุขุมวิท 11 เขตปทุมวัน หลังมีประชาชนร้องเรียนร้านค้าช่อดอกกัญชา โดยตรวจสอบสถานประกอบการ 2 ร้าน พบว่า จำหน่ายสมุนไพรควบคุม โดยไม่ได้รับอนุญาตทั้ง 2 ราย มีลักษณะเป็น Food truck และแผงลอยริมถนน ผิดตามกฎหมาย ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง “สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2565 กรมฯ ได้แจ้งให้ตำรวจยึดอายัดของกลาง สั่งปิด พร้อมส่งเจ้าพนักงานตำรวจดำเนินการจับกุมดำเนินคดี ตามขั้นตอนกฎหมาย โดยเจ้าพนักงานตำรวจ ตั้งวงเงินประกัน รายละ 20,000 บาท เพื่อนำส่งฟ้องศาลแขวงในพื้นที่ โดยศาลสั่งลงโทษจำคุก 2 เดือน รอลงอาญา 2 ปี ปรับทั้ง 2 ราย เป็นจำนวนเงินรายละ 10,000 บาท เนื่องจากผู้ต้องหารับสารภาพ ศาลจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือรายละ 5,000 บาท

‘สธ.’ เร่งเข้าช่วยเหลือเด็กชายวัย 14 ปี ติดกัญชางอมแงม ยายหวั่นถูกหลานทำร้าย เผย เคยโดนเอาน้ำสาดหน้า

(22 มี.ค. 66) จากเหตุการณ์ชาวบ้าน ชุมชนห้องแถว ย่านซอยเขาตาโล หมู่ 10 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี พบเห็นครอบครัว ซึ่งเป็น 2 ยายหลาน อาศัยอยู่ในห้องแถวดังกล่าว ในทุก ๆ วันจะเห็นหลานชายมีพฤติกรรม ขอเงินไปซื้อกัญชาเสพ อีกทั้งยังแสดงอาการโมโหร้าย จนผู้เป็นยายต้องเดินหนีออกมา ขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านในละแวกดังกล่าว

นางดา ผู้เป็นยาย จับได้ว่าหลานชายติดกัญชาหนักมาก ต้องดูดกัญชาทุกวัน โดยจะต้องขอเงินวันละ 1-2 ร้อยบาท ไปซื้อกัญชามาเสพ หากวันไหน ไม่ได้เสพจะมีอาการหงุดหงิด จุกท้อง พูดไม่ชัด พูดจาโวยวาย ทำร้ายข้าวของ หนักสุด คือ ‘เอาน้ำในแก้วสาดใส่หน้ายาย’ ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทุก ๆ ครั้งที่หลาน มีอาการอยากเสพกัญชาหรือหงุดหงิด ยายจะเดินหนีไปอยู่กับเพื่อนบ้านทันที เพราะกลัวหลานจะทำร้าย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top