Monday, 29 April 2024
กัญชา

เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าโต้หมอ กัญชาไทยไร้กฎหมายควบคุม แต่กลับแบนบุหรี่ไฟฟ้า ชี้เห็นด้วยกับก้องห้วยไร่ แนะผู้ใช้เคารพสิทธิคนอื่น หนุนรัฐเร่งออกกฎหมายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า

เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ากลุ่มลาขาดควันยาสูบ (ECST) โต้กลับกรณีกรมควบคุมโรคแจงบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มความเสี่ยงพฤติกรรมเสพติดกัญชา โวยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมควบคุมโรคและกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงเครือข่ายแพทย์ควรรื้อตรรกะใหม่ ยันไทยเป็นประเทศเดียวที่ปล่อยให้กัญชาไร้กฎหมายควบคุม ขายเกลื่อนเมือง แต่กลับแบนบุหรี่ไฟฟ้ายาวนานถึงเก้าปี ชี้เห็นด้วยนักร้องดัง ก้องห้วยไร่ ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าควรเคารพสิทธิผู้อื่น ใช้ให้เป็นที่เป็นทาง แนะรัฐถึงเวลาออกกฎหมายควบคุมแล้ว

หลังกรมควบคุมโรคอ้าง “การสูบบุหรี่ไฟฟ้า” เพิ่มความเสี่ยงต่อการใช้ “กัญชา” สูง 4 เท่า เพจเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า “ECST บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร?” ที่มีผู้ติดตามกว่าแสนราย ก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านโพสต์ใจความว่า “บอกบุหรี่ไฟฟ้านำไปสู่สารเสพติดอื่น อ้าว ไปไงมาไง มาคิดถึงกูหล่ะเนี่ย” โดยโพสต์ดังกล่าวมีผู้ถูกใจกว่าสี่ร้อยราย

นายมาริษ กรัณยวัฒน์ ตัวแทนจากเพจลาขาดควันยาสูบ เปิดเผยว่า “เรื่องของบุหรี่ไฟฟ้ากับกัญชานั้นถูกโยงมาพักใหญ่ ซึ่งเรามองว่าเป็นเรื่องที่สะท้อนความบิดเบี้ยวของตรรกะของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงเครือข่ายแพทย์ที่ออกมาโจมตีผู้บริโภคด้วย ไม่มีหรอกครับประเทศไหนที่จะให้กัญชาขายเกลื่อนไร้การควบคุม เปิดหน้าร้านค้าขายกันยิ่งใหญ่ แต่กลับแบนบุหรี่ไฟฟ้ายาวนานเกือบสิบปี”

“จริงๆ หากจะให้ลองคิดว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการใช้กัญชาได้อย่างไร ก็คงต้องย้อนกลับไปเรื่องการแบน พอบุหรี่ไฟฟ้าถูกแบน การซื้อขายบุหรี่ไฟฟ้าเกิดขึ้นผ่านตลาดใต้ดินที่ผิดกฎหมาย ก็ยากที่จะรู้ว่าผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในมือผู้บริโภคตอนนี้มีมาตรฐานอย่างไร ส่วนประกอบมีอะไรบ้าง อย่างที่เคยออกข่าวว่ามีการระบาดของน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าที่มีส่วนผสมของน้ำมันกัญชา ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคปอด EVALI” นายมาริษเสริม

“ล่าสุดมีดราม่านักร้องดังขอให้หยุดใช้บุหรี่ไฟฟ้าในคอนเสิร์ต ซึ่งผมเชื่อว่าผู้ใช้ควรให้ความร่วมมือ เคารพสิทธิผู้อื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกเพจของเราช่วยกันรณรงค์อยู่แล้ว แต่พอไม่มีกฎหมายมาควบคุม ผลที่ออกมาเลยเป็นอย่างนี้ ปัจจุบันมีการจัดตั้งคณะกรรมการวิสามัญฯ เพื่อศึกษาถึงประโยชน์ของการทำให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย เราในฐานะตัวแทนผู้บริโภคก็คาดหวังว่าคณะกรรมการวิสามัญฯนี้จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง และวอนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้มองโลกผ่านความเป็นจริงให้มากขึ้น”

นอกจากนี้ นายมาริษยังได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ในปัจจุบัน อายุเฉลี่ยของเด็กและเยาวชนที่พบว่าใช้บุหรี่ไฟฟ้านั้นเด็กลงเรื่อยๆ จนแม้กระทั่งเด็กประถมก็ยังถูกพบว่าใช้บุหรี่ไฟฟ้าเถื่อน ซึ่งหาซื้อได้ง่ายผ่านช่องทางที่หลากหลาย จึงเป็นเรื่องที่ทางเครือข่ายฯดำเนินการเรียกร้องมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีอำนาจในหน่วยงานสาธารณสุข และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เข้ามาดำเนินการเพื่อมอบทางเลือกให้แก่ผู้สูบบุหรี่ไทยกว่า 9.9 ล้านคน รวมถึงคนในสังคมที่ได้รับผลกระทบจากบุหรี่ไฟฟ้าที่ไร้ซึ่งการควบคุมของรัฐ

‘ไมค์ ไทสัน’ อดีตกำปั้นโลก เตรียมเปิดตัวแบรนด์กัญชาในไทย เดินหน้าเจาะตลาดกลุ่มสายเขียวเป็นประเทศแรกในเอเชีย

(17 ก.พ.67) ‘ไมค์ ไทสัน’ (Mike Tyson) นักมวยชื่อดังระดับตำนานชาวอเมริกัน เตรียมเปิดตัวแบรนด์กัญชา ‘Tyson 2.0’ ในประเทศไทย หลังเคยเกือบจะถูกจับจากการเสพกัญชา เพื่อสันทนาการในไทยมาแล้วครั้งหนึ่ง

Tyson 2.0 ระบุในจดหมายข่าวที่เผยแพร่เมื่อวันพุธที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า บริษัทได้เซ็นสัญญาเป็นหุ้นส่วนกับ Medican หรือ ‘Frost’ ผู้ปลูกและจำหน่ายกัญชาระดับโลก เพื่อที่จะเข้ามาดำเนินการปลูก ผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชา เพื่อการแพทย์และสันทนาการในประเทศไทย

ไทยยังถือเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ Tyson 2.0 ตัดสินใจเข้ามาบุกเบิกทำการตลาด และถือเป็นทวีปที่ 3 ต่อจากอเมริกาเหนือและยุโรป โดยก่อนหน้านี้ Tyson 2.0 เพิ่งจะเปิดตัวร้านกาแฟที่จำหน่ายเมนูกัญชา ในกรุงอัมสเตอร์ดัมของเนเธอร์แลนด์

ไทสัน ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Forbes เมื่อเร็วๆ นี้ โดยเล่าประสบการณ์เฉียดคุกในเมืองไทยระหว่างที่เข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ เขาเล่าว่าตอนนั้นพกกัญชา “ถุงใหญ่” น้ำหนักราว 5-10 ปอนด์ จนถูกตำรวจเรียก แต่พอเจ้าหน้าที่เห็นว่าตนเป็นใคร ก็เดินกลับไปที่รถทันที

“ผมได้ยินมาว่า ถ้าคุณยอมรับ (ว่ามีกัญชา) จะต้องโทษจำคุก 99 ปี และหากคุณไม่ยอมรับพวกเขาจะฆ่าคุณ” ไทสัน วัย 57 ปี บอกกับ Forbes “มันเป็นกฎหมายที่แปลกมากเลย และตอนนั้นผมคิดว่า พระเจ้าช่วย! ดีนะที่พวกเขาไม่สั่งให้เราลงจากรถ ความมีชื่อเสียงช่วยผมไว้แท้ๆ ตอนนั้นผมต้องการความดังมาก ขอบคุณพระเจ้า”

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เสนอร่างกฎหมายแบนการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ เพียง 2 ปี หลังจากที่รัฐบาลไทยประกาศปลดล็อกกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติด

ร่างกฎหมายนี้ถูกเสนอขึ้นท่ามกลางเสียงร้องเรียนเรื่องมาตรการควบคุมที่หละหลวม จนทำให้ความรุนแรงจากการใช้ยาเสพติดเพิ่มขึ้น และเยาวชนเข้าถึงกัญชาได้ง่ายขึ้น

‘แอดัม วิลก์ส’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Carma HoldCo ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Tyson 2.0 ยืนยันว่า ทางแบรนด์จะเดินหน้าขยายธุรกิจเข้ามาในไทยแน่นอน ไม่ว่าสุดท้ายแล้วรัฐบาลจะตัดสินใจดำเนินการอย่างไรเกี่ยวกับกฎหมายกัญชาเพื่อสันทนาการก็ตาม

“ทุกตลาดล้วนเริ่มต้นจากการใช้เพื่อการแพทย์ทั้งสิ้น ฉะนั้นเราคุ้นเคยอยู่แล้ว เรามีประสบการณ์ทำธุรกิจภายใต้บริบทที่มีกฎหมายควบคุม” วิลก์ส บอกกับ Forbes

‘เศรษฐา’ จ้อสื่อนอกปมนำ ‘กัญชา’ กลับบัญชียาเสพติด ลั่น!! หากปล่อยถูก กม. จะส่งผลเสียหายอย่างใหญ่หลวง

(1 เม.ย. 67) จากกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์พิเศษผ่านสำนักข่าว FRANCE 24 ของประเทศฝรั่งเศส ตอนหนึ่งถึงการจะนำกัญชาให้กลับมาอยู่ในบัญชียาเสพติด เนื่องจากสร้างความเสียหายให้กับคนไทยมากกว่าจะมีผลดีทางเศรษฐกิจ ว่า ตนยังไม่ได้อ่านแต่มีคนส่งไลน์มาให้ดู ซึ่งตนคิดว่าการรายงานข่าวครั้งนี้อาจจะต้องมีการถอดเทปดูอีกครั้ง 

จากการตรวจสอบพบว่า ทางสถานีโทรทัศน์ France24 ของฝรั่งเศส ได้โพสต์คลิปการสัมภาษณ์ดังกล่าวทาง YouTube พร้อมกับที่ผู้สื่อข่าว คือ ‘แมทท์ ฮันท์’ (Matt Hunt) ซึ่งเป็นผู้สัมภาษณ์นายเศรษฐา และได้โพสต์คลิปเช่นกันผ่านทางทวิตเตอร์ (X) ส่วนตัว เมื่อวันที่ 29 มี.ค.67 โดยเป็นคลิปวิดีโอความยาว 10 นาที และมีช่วงหนึ่ง (นาทีที่ 08.49-09.56) ที่มีการพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นกัญชา ดังนี้…

แมทท์ ฮันท์: การประกาศให้กัญชาถูกกฎหมายในปี 2565 เป็นสิ่งที่สร้างความประหลาดใจมาก แต่เร็ว ๆ นี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ให้คำมั่นว่า จะเปลี่ยนให้การใช้กัญชาเพื่อความบันเทิงกลับมาผิดกฎหมายอีกครั้ง แม้ว่าปัจจุบันกัญชาจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ก็ตาม คุณคิดว่าทำอย่างไรถึงจะแก้ปัญหานี้ได้โดยไม่สร้างความเสียหายให้กับภาคเศรษฐกิจ? 

เศรษฐา ทวีสิน: สร้างความเสียหายให้กับภาคเศรษฐกิจ ฟังดูเป็นคำที่รุนแรงอยู่นะ ผมไม่คิดว่ามันจะสร้างความเสียหายให้กับภาคเศรษฐกิจ เพราะการประกาศให้กัญชาถูกกฎหมาย ผมว่านั่นแหละคือ การสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ผมคิดว่ารัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขคิดถูกแล้วที่ทำแบบนั้น

แมทท์ ฮันท์: คุณคิดว่าประชาชนมีโอกาสเข้าคุกเพราะครอบครองกัญชาไหม?

เศรษฐา ทวีสิน: ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ถือครองแล้วก็ช่วงของการเปลี่ยนผ่าน จากผิดกฎหมายเป็นถูกกฎหมาย และกลับมาผิดกฎหมายอีกครั้ง คุณต้องให้ทางเดินกับพวกเขา

เศรษฐา ทวีสิน: ผมไม่คิดว่ามันเป็นธุรกิจขนาดใหญ่อะไรนะ ณ ตอนนี้ ผมว่าผลลัพธ์มหาศาลจากการทำให้กัญชาถูกกฎหมายมีผลในทางลบ รวมถึงส่งผลเสียอย่างใหญ่หลวงต่อคนไทยมากกว่า 

สำหรับ นโยบายปลดกัญชาพ้นจากบัญชียาเสพติดให้โทษประเภท 5 เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งขณะนั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และเป็นผู้ผลักดันเรื่องดังกล่าว ขณะที่รัฐบาลปัจจุบันของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โดยมี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีแนวคิดนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีกครั้ง

'นักพี้เยอรมัน' เฮสนั่น!! รัฐบาลผ่านกฎหมายกัญชาเสรี 'ปลูก-เสพ' ได้ ไม่ผิดกฎหมาย ชี้!! ปลอดภัยกว่าก๊งเหล้า

นักพี้ชาวเยอรมันหลายพันคนเฮสนั่น เมื่อรัฐบาลผ่านร่างกฎหมายกัญชาถูกกฎหมายอย่างเป็นทางการเมื่อวันเสาร์ที่ 20 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา และได้มารวมตัวสูบกัญชาฉลองชัยกันอย่างเอร็ดอร่อยที่หน้าประตูบรันเดินบวร์ค สถานที่ไอคอนที่เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเบอร์ลิน

ตำรวจเบอร์ลินประเมินว่า มีผู้มาร่วมงานบริเวณหน้าประตูบรันเดินบวร์ก ราว 4,000 คน เพื่อมาสูบกัญชา ณ ใจกลางเมืองหลวงร่วมกัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม 'Smoke-In' เพื่อฉลองชัยที่สามารถผลักดันให้กัญชาถูกกฎหมายในเยอรมัน ซึ่งนอกจากจะนัดมาสูบกัญชาร่วมกันแล้ว ยังมีงานแสดงคอนเสิร์ต และการกล่าวปราศรัยของนักเคลื่อนไหวจำนวนหนึ่งด้วย

ในความเห็นของผู้ที่สนับสนุนร่างกฎหมายนี้มองว่า การเสพกัญชา เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าการดื่มสุราหลายเท่า โดยอ้างอิงจากข้อมูลทางสถิติของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการดื่มสุราเกินขนาด หรือ คดีอาชญากรรมที่เกี่ยวกับการดื่มสุรา ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับจำนวนคนที่สูบกัญชา จึงมีผู้สนับสนุนจำนวนไม่น้อยชูป้ายว่า ‘ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการดื่ม’ หากมีกัญชาเป็นตัวเลือกในวงปาร์ตี้ สันทนาการ ที่ดีกว่า

จากร่างกฎหมายใหม่นี้ ชาวเยอรมันมีสิทธิ์ครอบครองกัญชาสดได้ไม่เกิน 25 กรัม หรือในรูปกัญชาตากแห้งไม่เกิน 50 กรัมต่อคน และสามารถปลูกเองที่บ้านได้ไม่เกิน 3 ต้น แต่ต้องอยู่ในวัยผู้ใหญ่ที่บรรลุนิติภาวะในเยอรมัน หรือ 18 ปีขึ้นไป  

นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดในการเสพคือ ห้ามสูบบนทางเท้า และบริเวณใกล้โรงเรียน หรือ สนามเด็กเล่นในช่วงกลางวัน และยังห้ามสูบกัญชาในบริเวณสถานีรถไฟทั่วประเทศ เพื่อปกป้องผู้โดยสารคนอื่น โดยเฉพาะ เด็ก และเยาวชน ที่สัญจรโดยรถไฟ 

แต่ถึงแม้จะมีชาติตะวันตกอย่างเยอรมัน แคนาดา สวิสเซอร์แลนด์ สเปน โปรตุเกส และ หลายรัฐในสหรัฐอเมริกา ที่รับรองการสูบกัญชาอย่างถูกกฎหมาย แต่การใช้กัญชายังเป็นที่ถกเถียงกันในวงการแพทย์ว่า อาจนำไปสู่การเสพสารเสพติดที่มีฤทธิ์ร้ายแรงยิ่งขึ้น อาทิ โคเคน หรือ เฮโรอีน หรือไม่ 

ด้าน ดร.สเตฟาน ทอนเนส หัวหน้าแผนกพิษวิทยาทางนิติเวชที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแฟรงก์เฟิร์ต กล่าวว่า จากข้อมูลของผู้ติดยาในเยอรมันพบว่า ผู้ที่ติดเฮโรอีน มักใช้เสพสารเสพติดชนิดอื่น ๆ ร่วมด้วย แต่ในทางกลับกัน กลุ่มผู้ที่เสพกัญชาจำนวนน้อยมากที่จะขยับขึ้นในเสพเฮโรอีน แม้จะมีความเชื่อมโยงระหว่างการเสพกัญชา ที่จะกระตุ้นความต้องการในการเสพยาเสพติดชนิดอื่นๆได้ในอนาคต แต่ความสัมพันธ์ดังกล่าวไม่สามารถระบุว่าเป็นสาเหตุโดยตรงของการติดสารเสพติด อย่างโคเคน หรือ เฮโรอีนได้

เช่นเดียวกันกับการสำรวจข้อมูผลกระทบของกัญชาต่อสุขภาพ และการทำลายสมอง หรือคำกล่าวอ้างที่ว่าการเลือกเสพกัญชา มีอันตรายน้อยกว่าการดื่มเหล้า ก็ยังไม่มีผลงานวิจัยมายืนยันได้อย่างชัดเจนถึงข้อสรุปเหล่านี้ เพราะทั้งสุรา และกัญชา ต่างมีสารที่เป็นอันตรายในตัวเอง และมีฤทธิ์ถึงตายได้เหมือนกันขึ้นอยู่กับปริมาณการเสพ  

ดังนั้น รัฐบาลเยอรมันจึงยกให้เป็นเรื่องของความรับผิดชอบส่วนบุคคล หากเป็นผู้ใหญ่แล้ว เลือกที่จะเสพกัญชา ก็ไม่ถือว่าผิดกฎหมาย หากสูบในพื้นที่ ในปริมาณที่กฎหมายกำหนด แต่ถ้าเสพหนักจนไปก่ออาชญากรรม หรือ กลายเป็นผลเสียต่อร่างกายก็เป็นเรื่องของกรรมต่างวาระ ที่ผู้เสพต้องรับผิดชอบในทุกๆการกระทำของตนเอง 

เพราะฉะนั้น นักพี้ก็ต้องเสพอย่างมีสติ แต่เกรงว่าจะมีสติได้แค่มวนแรก มวนต่อ ๆ ไป สติสตังชักไม่รู้ว่าทิ้งไว้ตรงไหนแล้วนะซี 

'บีม พลังใบ' ประกาศเลิกกัญชาถาวร พร้อมเผยอุทาหรณ์ สมองรวน น้ำลายไหลไม่รู้ตัว 'จำเรื่องที่พูด-จับใจความไม่ได้'

เมื่อวานนี้ (23 เม.ย. 67) หลังสงกรานต์ หลายคนที่ติดตามเฟซบุ๊กของพิธีกรหนุ่ม ‘บีม ศรัณยู ประชากริช’ หรือ ‘บีม พลังใบ’ ออกมาโพสต์ข้อความดูดรามา ๆ ขึ้นรูปจอดำ จนล่าสุดเจ้าตัวก็ได้โพสต์ความในใจออกมาชัดเจนว่าจากนี้ ขอเลิกกัญชาถาวรแล้ว เพราะมีผลต่อการหลั่งสารเคมีในสมอง จนมีภาวะซึมเศร้า โดยบีมได้โพสต์ข้อความใจความว่า...

“I’ll be back Now I’m lost. Lead me the right pathways. I will just follow. (ฉันจะกลับมา ตอนนี้ฉันหลงทางแล้ว นำฉันไปสู่เส้นทางที่ถูกต้อง ฉันจะทำตามเท่านั้น)

ผมเลิกกัญชาอย่างถาวรครับ เพราะสารเคมีในสมองผมหลั่งเพี้ยน ผมใช้กัญชาเพื่อความชิล ชิลกับทุกปัญหาจนปัญหาพอกหางหมู ผมใช้มันมากเกินไป บางทีผมสุขมาก(ล้นๆ) บางทีจมทุกข์(down) มันมากเกินคนปกติ อารมณ์สวิง บวกกับ ‘ภาวะโรคซึมเศร้า’ ทำให้ระบบประมวลผลในสมองผมรวนไปหมด พูดวนไปมา น้ำลายไหลไม่รู้ตัว จำเรื่องที่พูดไปไม่ได้เลย จับใจความไม่ได้

… ผมเขียนไว้เพื่ออุทาหรณ์ เพื่อป้องกันคนซ้ำรอยแบบผม… ไม่มีความสุขในชีวิตเลย

ขอบคุณช่า (ภรรยา) ที่มาดึงผมขึ้นจากหลุม หลุมที่ไม่ลึกมากแต่ผมลุกขึ้นเองไม่ไหว เห็นทางออกแต่มันทำไม่ได้ ผมจะหายขาดและมีสติในการใช้ชีวิตตลอดเวลาครับ จากคนเคยคม แต่วันนี้มันทู่ไปหมด I’ll be back.”

งานนี้มีแฟน ๆ เข้ามาให้กำลังใจ บีม ศรัณยู มากมาย และก็มีชาวเน็ตไม่น้อยเลยที่ตกอยู่ในสภาวะเดียวกับบีม ทั้งต้องพบจิตแพทย์ กำลังรักษา และรักษาจนหายเลยลาขาดกับกัญชา


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top