Saturday, 17 May 2025
ค้นหา พบ 48168 ที่เกี่ยวข้อง

เด็กนักเรียนยากไร้ ได้คนใจบุญ พาไปหาซื้อชุดนักเรียน เจอเฮียเจ้าของร้านใจดี ร่วมบริจาค กระเป๋า-ถุงเท้า ให้อีก 5 คู่

ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่มีชื่อว่า KruPim Ananya ได้โพสต์ข้อความเล่าถึงความประทับใจ กับความมีน้ำใจของคนไทย ที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน โดยมีใจความว่า ...

เมื่อวานบังเอิญไปเจอเด็กชายคนหนึ่ง ยืนข้างทางด้วยชุดนักเรียนที่ขาด กระดุมไม่มีต้องใช้คลิปหนีบกระดาษหนีบไว้กางเกงขาดสกปรก เห็นแล้วเดินผ่านไม่ได้จริงๆเลยต้องหยุดถามไถ่ จนนำไปสู่การไปหาซื้อชุดนักเรียนมาให้ และได้เข้าไปในร้าน #ทวีภัณฑ์กาฬสินธุ์ เฮียใจดีมากลดราคาชุดนักเรียนให้จนตกใจ และยังร่วมบริจาคกระเป๋านักเรียนและถุงเท้านักเรียนอีก5คู่ เรานี่น้ำตาไหลเลย ไหว้แล้วไหว้อีกขอบคุณในน้ำใจ ขอให้กิจการเจริญรุ่งเรืองจนชั่วลูกชั่วหลานนะคะ ต่อจากนี้ไปจะขอสนับสนุนอุดหนุนร้านนี้จนกว่าลูกชายจะไม่ใส่ชุดนักเรียนนักศึกษาแล้ว 🙏ฝากเป็นอีกหนึ่งร้านในใจของท่านผู้ปกครองนะคะ🙏เราต้องสนับสนุนคนทำดีค่ะ🥰
 

‘ก้อง ห้วยไร่’ ถอดกางเกงกลางเวที เมื่อแฟนคลับทุ่มเงิน ‘ครึ่งแสน’ เพื่อประมูล

จัดเต็มทุกงานตลอดสำหรับนักร้องชายชื่อดัง ก้อง ห้วยไร่ ที่เจ้าตัวนั้นไปแสดงงานคอนเสิร์ตที่ไหนเจ้าตัวจัดเต็มตลอด ทั้งการร้องเพลง เอนเตอร์เทน ไม่มีบกพร่องกันเลยทีเดียว อีกทั้งเจ้าตัวไปแสดงคอนเสิร์ตที่ไหนก็มันจะได้เหล่าบรรดาของขวัญแปลกๆ จากแฟนคลับอยู่บ่อยครั้งจนเป็นกระแสทุกครั้งเลยก็ว่าได้ เอาเป็นว่าเจ้าตัวนั้นเป็นที่รักของเหล่าบรรดาแฟนคลับมาโดยตลอด แต่ล่าสุดเป็นต้องอึ้งเหมือนเหล่าบรรดาแฟนคลับของเจ้าตัวทุ่มเงินถึงครึ่งแสนในการประมูลกางเกงตัวที่เจ้าตัวนั้นใส่แสดงคอนเสิร์ตอยู่นั่นเอง

ล่าสุดในเฟสบุ๊กส่วนตัวของนักร้องชายชื่อดังอย่าง ก้อง ห้วยไร่ ได้ออกมาโพสต์รูปพร้อมข้อความที่เจ้าตัวนั้นได้ไปแสดงคอนเสิร์ตในที่แห่งหนึ่ง โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความไว้ว่า “เมื่อ แฟนเพลงขอประมูลกางเกง 50,000 บาทกูจะเก็บไว้เพื่อ เอาไปเลยน้อง ภาพที่ท่านเห็นคือกล้ามขานะครับผมเป็นคนที่แข็งแรงมากอย่ามองเป็นอย่างอื่น” ซึ่งสำหรับรูปที่เจ้าตัวโพสต์นั้น “เป็นรูปด้านหลังที่เจ้าตัวกำลังก้มถอดกางเกงจนเหลือเพียงกางเกงขาสั้นสีขาวนั่นเอง” จนเหล่าบรรดาแฟนคลับเข้ามาคอมเมนต์แซวสนั่น เช่น โอ้ยตกใจเหมิด ป๊าด ไข่ออกบ่พี่555 แว๊ปแรก นึกว่าย้อย55555 จ้วดๆ แว๊ปแรก เห็นเป็น…อิหลีนิหละจ้า
 

‘ชัช เตาปูน’ รายงานตัวที่สภาฯ จ่อดัน ‘กาสิโน’ ให้ถูกกฎหมาย เพื่อหารายได้เข้าประเทศ แก้หนี้ให้ประชาชน

วันที่ 23 มิ.ย. 2566 – เมื่อเวลา 11.20 น. ที่รัฐสภา นายชัชวาลล์ คงอุดม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ เข้ารายงานตัว ต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร

จากนั้น นายชัชวาลล์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกดีใจ และขอบคุณประชาชนที่ไว้วางใจให้พรรครวมไทยสร้างชาติ และทำให้ตนได้กลับเข้ามาทำงานรับใช้ประชาชนอีกครั้ง ทั้งนี้มีความตั้งใจที่จะผลักดันกาสิโนให้ถูกกฎหมาย ในรูปแบบสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) ให้สำเร็จ ซึ่งหวังว่าสภาฯ ชุดที่ 26 นี้จะนำรายงานของคณะกรรมาธิการฯ ที่พิจารณาศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้กลับเข้ามาพิจารณาในสภาอีกครั้ง เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยมีกาสิโนที่ถูกกฎหมายต่อไป เพื่อหารายได้จากการท่องเที่ยวเข้าประเทศไทย และแก้ปัญหาหนี้สินให้กับประชาชน รวมถึงให้เด็กได้มีโอกาสเรียนหนังสือฟรี

🔍ส่องแบรนด์ระดับโลกที่มีมูลค่าสูงสุด 2023 พบ ‘Apple’ ยังครองแชมป์เหนียวแน่น ส่วน ‘Facebook’ น่าผิดหวัง มูลค่าแบรนด์ลดฮวบ 50% หลุด 10 อันดับแรกแล้ว

‘Kantar’ บริษัทวิจัยการตลาดระดับโลก ได้เปิดผลการสำรวจ ‘Kantar BrandZ Most Valuable Global Brands 2023’ หรือ 100 อันดับแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 6.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากปีก่อนหน้าราว 20% ซึ่งปัจจัยหลักมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน จากภาวะเงินเฟ้อ ต้นทุนสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น และยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

สำหรับแบรนด์ที่ครองอันดับ 1 แบรนด์ที่มีมูลค่าสูงที่สุด ยังคงเป็น Apple มีมูลค่า 880,455 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตามมาด้วย Google มีมูลค่า 577,863 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อันดับ 3 คือ Microsoft มูลค่า 501,856 ล้านเหรียญสหรัฐ และอันดับ 4 คือ Amazon มูลค่า 468,737 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ทั้ง 4 อันดับแรก เป็นบริษัทเทคโนโลยีจากประเทศสหรัฐอเมริกาทั้งหมด ในขณะที่ Facebook ซึ่งติด 1 ใน 10 มาโดยตลอด แต่ในปีนี้มูลค่าแบรนด์ลดฮวบถึง 50% ทำให้หล่นจากอันดับ 8 ในปีที่แล้ว มาอยู่ในอันดับ 12 ด้วยมูลค่า 93,024 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ในขณะที่แบรนด์ที่มีมูลค่าเติบโตสูงสุด 3 อันดับแรกในปีนี้ ประกอบด้วย อันดับ 1 Airtel ธุรกิจโทรคมนาคม จากอินเดีย มีมูลค่า 22,332 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 24% ตามมาด้วยอันดับ 2 Pepsi มูลค่า 18,826 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 17% และ อันดับ 3 BCA ธุรกิจธนาคารจากอินโดนีเซีย มูลค่า 22,684 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 12%
 

24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 วันเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศไทย จากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ สู่ประชาธิปไตย

24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 นับเป็นสำคัญยิ่งสำหรับประเทศไทย เพราะเป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

เวลาย่ำรุ่งของวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ตรงกับวันศุกร์ แรม 6 ค่ำ เดือน 7 ปีวอก จุลศักราช 1294 ในรัชสมัยของสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปกพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ในพระราชวงศ์จักรี คณะราษฎรอันประกอบด้วย ข้าราชการฝ่ายทหารบก ทหารเรือ พลเรือน และราษฎร นำโดยพระยาพหลพลพยุหเสนา ได้นำกำลังทหารและพลเรือนมาชุมนุม ณ บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อประกาศแถลงการณ์ของคณะราษฎรและยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน และเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตย โดยมีรัฐธรรมนูญใช้เป็นหลักในการปกครองประเทศ

เมื่อสามารถระดมกำลังทหารมาชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้าได้เป็นจำนวนมากจากหลายกองพันในกรุงเทพ ตลอดจนกุมตัวพระบรมวงศานุวงศ์และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของรัฐบาลมาไว้ที่พระที่นั่งอนันตสมาคมแล้ว คณะผู้รักษาพระนครฝ่ายทหารก็ได้มีหนังสือและส่ง น.ต. หลวงศุภชลาศัย ไปยังพระราชวังไกลกังวล กราบบังคมทูลอัญเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เสด็จกลับพระนคร ดังมีความสำคัญว่า

“คณะราษฎรไม่ประสงค์จะแย่งราชสมบัติแต่อย่างใด ความประสงค์อันยิ่งใหญ่ก็เพื่อที่จะมีธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน จึงขอเชิญใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทกลับคืนสู่พระนคร ทรงเป็นกษัตริย์ต่อไป โดยอยู่ใต้ธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน”

วันรุ่งขึ้น 25 มิถุนายน พ.ศ. 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชหัตถเลขาถึงผู้รักษาพระนครฝ่ายทหาร มีความตอนหนึ่งว่า

“…คณะทหารมีความปรารถนาจะเชิญให้ข้าพเจ้ากลับพระนครเป็นกษัตริย์อยู่ใต้พระธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน ข้าพเจ้าเห็นแก่ความสงบเรียบร้อยของอาณาประชาราษฎร์ ไม่อยากให้เสียเลือดเนื้อกัน ทั้งเพื่อจัดการโดยละม่อมละมัยไม่ให้ขึ้นชื่อว่าได้จลาจลเสียหายแก่บ้านเมืองและความจริงข้าพเจ้าได้คิดอยู่แล้วที่จะเปลี่ยนแปลงทำนองนี้ คือมีพระเจ้าแผ่นดินปกครองตามพระธรรมนูญ จึงยอมรับที่จะช่วยเป็นตัวเชิดเพื่อให้คุมโครงการตั้งรัฐบาลให้เป็นรูปวิธีเปลี่ยนแปลงตั้งพระธรรมนูญโดยสะดวกฯ”

และในคืนวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2475 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เสด็จกลับพระนครโดยรถไฟพระที่นั่งที่ทางคณะผู้รักษาพระนครฝ่ายทหารส่งไปรับ และในวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ให้บุคคลสำคัญของคณะราษฎรเข้าเฝ้าและพระองค์ได้ทรงลงพระปรมาภิไธยพระราชกำหนดนิรโทษกรรมแก่คณะผู้ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดิน

ต่อมาในวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทาน พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราวให้เป็นกติกาการปกครองบ้านเมืองเป็นการชั่วคราวไปก่อน

คณะราษฎรนับเป็นกลุ่มบุคคลผู้มีบทบาทและอิทธิพลอย่างสูงในทางการเมืองและสังคมของประเทศไทย ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาประมาณ 15 ปี กระทั่งสิ้นสุดบทบาทในปลาย พ.ศ. 2490 จากการรัฐประหาร ของคณะนายทหาร ภายใต้การนำของพลโท ผิน ชุณหะวัณ

ข้อมูล : สถาบันพระปกเกล้า
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top