Saturday, 17 May 2025
ค้นหา พบ 48168 ที่เกี่ยวข้อง

เปิด 6 แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดฮิต!! จากข้อมูลพบว่า Facebook ครองอันดับ 1 ที่มียอดผู้ใช้แตะ 2.9 พันล้านคน ของประชากรโลก ขณะที่ TikTok อยู่ที่ 1 พันล้านคน

‘โซเชียลมีเดีย’ เปรียบเสมือน ‘สื่อกลางออนไลน์’ ที่เชื่อมต่อให้ทุกคนสามารถสื่อสารกันได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มสังคมเล็ก ๆ ไปจนถึงกลุ่มธุรกิจที่ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสารและทำการตลาดในโลกออนไลน์

‘พงษ์ภาณุ’ มองเศรษฐกิจไทยเติบโตน่าพอใจ ภาคอสังหาฯ แนวโน้มสดใส ทั้งบ้านเดี่ยว-คอนโด

(25 มิ.ย. 66) นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ฮิโรชิมะ ประเทศญี่ปุ่น อดีตปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และอดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง ได้พูดคุย ผ่านรายการ ‘NAVY TIME เรื่องดี ๆ ประเทศไทยยามเช้า’ ออกอากาศช่วงเช้า เวลา 07.00- 08.00 น. ทางสถานีวิทยุเสียงจากทหารเรือวังนันทอุทยาน (ส.ทร.วังนันทอุทยาน) FM93 เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2566 โดยได้ให้มุมมองถึง เศรษฐกิจของประเทศไทยในเวลานี้ ซึ่งผ่านมาแล้วครึ่งปี การวิเคราะห์ในตัวเลขที่ผ่านมาครึ่งปีนั้น ส่งผลอย่างมากในการที่จะพยากรณ์เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง
โดยนายพงษ์ภาณุมองว่า ...

เศรษฐกิจไทยยังคงเติบโตได้อย่างน่าพอใจ ที่ระดับใกล้ๆ 4% ต่อปี ทั้งนี้สำนักพยากรณ์ทั้งไทยและเทศยังไม่มีการปรับการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2566 ช่วงกลางปี (mid year review) อย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าจะมี downside risk อยู่มากมาย อาทิเช่น ดอกเบี้ยและเงินเฟ้อสูง ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์โลก การส่งออกขยายตัวได้ต่ำ และความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ

การเติบโตในปีนี้ไม่เพียงแต่ได้รับการขับเคลื่อนจากการท่องเที่ยวและการบริโภคภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังมาจากส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มมีแนวโน้มสดใสตั้งแต่กลางปีที่แล้ว โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยทั้งประเภทบ้านเดี่ยวและคอนโด ทั้งนี้แรงซื้อจากลูกค้าต่างชาติก็มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพปริมณฑลและเมืองหลักทั่วประเทศ หากมีการเปิดเสรีให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ได้เพิ่มขึ้น ก็จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปได้เป็นอย่างดี จึงขอฝากเป็นโจทย์ใหญ่สำหรับรัฐบาลหน้าด้วย

‘พิม พิมประภา’ แจงประเด็นดราม่า ไม่อยากให้พ่อเครียด เชื่อแม่ยังรักมาก มีวันนี้ได้เพราะแม่ผลักดัน พาเรียนร้องเพลง-การแสดง 

หลังจากที่วันก่อน “พิม พิมประภา ตั้งประภาพร” ถึงขั้นร้องไห้ หลังถูกแม่โพสต์ฉะแรง ทั้งอกตัญญู ตัดแม่ตัดลูก ไม่ขอเจอกันอีกในชาติหน้า ซึ่งเจ้าตัวเผยว่าขอไปเคลียร์กันหลังบ้านดีกว่า ต่อมา “แม่ศศิกานต์” ก็ออกมาโพศต์สยบดรามา ขอทุกคนอย่าไปถามลูกๆ ถึงเรื่องนี้อีก ยอมรับที่โพสต์เพราะน้อยใจลูก

ล่าสุดในงานประกาศรางวัล MAYA TV AWARDS 2023 พิม พิมประภา ก็เปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า ตอนนี้พยายามเข้มแข็งให้มากที่สุด ไม่อยากลงลึกรายละเอียดกับสิ่งที่แม่โพสต์ล่าสุดแล้ว แต่เชื่อแม่ก็ยังรักตนมาก

“ก็พยายามที่จะเข้มแข็งมากที่สุดค่ะตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าก็พิมได้รับกำลังใจที่ดีมากๆ จากทุกคน รวมถึงจากคนที่บ้านด้วย ก็ถือว่าเราก็พยายามที่จะเข้มแข็งให้ได้ แล้วก็พยายามที่จะมองคนที่เรารักให้เยอะๆ เลยตอนนี้ คือเราใช้เวลากับคนที่เรารักให้มากที่สุด พยายามรับพลังบวกจากคนในครอบครัวเยอะๆ

ที่ได้เห็นน้ำตา จริงๆ มันก็ถือว่าเป็นแผลสดเนอะ เราไม่ได้เอฟเฟกต์ว่าจะต้องตอบคำถาม ในเวลาอันใกล้ขนาดนั้น ไม่รู้สิ มันก็สดมาก ถามว่าหลังจากวันนั้น คนในครอบครัวตอนนี้ พยายามที่จะไม่พูดเรื่องเครียดกันเลย คือเราพยายามที่จะให้กำลังใจกัน พูดกันแต่สิ่งดีๆ เรื่องนี้มันสร้างบาดแผลให้กับทุกคนในบ้านเลย พิมก็คือเป็นพี่คนโต เราก็อยากที่จะให้ทุกคนแฮปปี้ และเป็นปกติให้ได้ไวที่สุด”

ส่งผลกระทบต่อจิตใจ เซนซิทีฟที่สุดในชีวิต
“ก็ยอมรับตรงๆ ว่ามีผลกับสภาพจิตใจเรามากๆ เลย จริงๆ เรื่องครอบครัวมันเป็นเรื่องเซนซิทีฟที่สุดสำหรับชีวิตพิมแล้ว พิมก็มองนะ ว่าถ้าพิมผ่านเรื่องนี้ไปได้ ไม่ว่าอะไรจะเข้ามาอีก พิมจะผ่านมันไปได้ทุกเรื่อง”

เชื่อมีทางออกสำหรับครอบครัว
“พิมเชื่อว่าครอบครัวทุกครอบครัว ยังไงก็คือครอบครัวค่ะ มันจะมีทางออกเสมอ แล้วตอนนี้พิมโฟกัสแค่ความสุขของคนในครอบครัวเลย อะไรก็ตามมีที่ทำให้เขามีความสุขและแฮปปี้ พิมทำได้ทุกอย่างเลย”

อ่านสิ่งที่แม่โพสต์แล้ว ไม่อยากพูดถึงอีก สร้างบาดแผลให้ทุกคนในบ้านมากแล้ว
“ได้อ่านแล้วค่ะ พิมรู้สึกว่าพิมไม่อยากที่จะลงรายละเอียด และไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว เพราะพิมว่าเรื่องนี้มัน…อย่างที่บอกคือมันสร้างแผลให้กับคนในบ้านมากแล้ว พิมเป็นพี่คนโต ตอนนี้พิมอยากจะที่นำ และเป็นเสาให้กับทุกคนๆ ให้ได้ ก็พยายามที่จะเข้มแข็งให้มากที่สุด”

แม่ยังฝากให้ติดตามผลงาน เชื่อยังรักมาก
“ถูกต้องค่ะ คืออย่างที่พิมบอก ครอบครัวก็คือครอบครัว ถึงจะมีการไม่เข้าใจกันอะไรก็แล้วแต่ แต่พิมเชื่อเสมอว่าคุณแม่รักพิมมาก อันนี้คือเรื่องที่พิมเชื่อมาตลอด แล้วตั้งแต่เด็กพิมก็ได้รับความรักจากแม่มาเสมอ พิมมายืนอยู่ตรงนี้ได้ แม้กระทั่งวันนี้พิมได้เข้าชิงรางวัลที่มันเป็นเกียรติขนาดนี้ ส่วนใหญ่ๆ เลยก็เพราะแม่พิมผลักดันพิมมาถึงทุกวันนี้ได้ ไม่งั้นพิมจะไปเรียนร้องเพลง ไปเรียนการแสดงยังไง ถ้าเกิดเขาไม่พาพิมไป”

พ่อเครียดเพราะเห็นตนเครียด จากนี้จะเข้มแข็งและแฮปปี้ให้พ่อดู
“ท่านก็เครียดค่ะ ก็ต้องบอกว่าเขาเครียด แต่ว่าอย่างที่บอก ถ้าพิมเครียด เขาเครียดตาม เพราะฉะนั้นตอนนี้พิมจะเข้มแข็งและแฮปปี้ให้เขาดูให้มากที่สุด เพราะถ้าพิมแฮปปี้ เขาแฮปปี้แน่นอน ไม่ใช่แค่ปาป๊าอย่างเดียว ที่พิมร้องไห้ออกไปจากการสัมภาษณ์ครั้งที่แล้ว พิมไม่ได้แฮปปี้กับสิ่งนั้นที่พิมทำไปนะ พิมเชื่อว่าคุณแม่ดู คุณแม่ก็ไม่แฮปปี้ พิมเชื่อว่าคุณแม่ดู คุณแม่ก็เครียด อย่างน้อยๆ พิมรู้จักเขาดี เขาน่าจะต้องร้องไห้ตามพิมแน่ๆ แล้วพิมไม่อยากให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นอีกแล้ว พิมอยากที่จะเข้มแข็งให้ได้มากที่สุดค่ะ”

‘ป้อม-สุชาติ’ เต็งหามสองผู้นำ ‘อภิสิทธิ์’ รอสัญญาณฉันทามติ คัมแบ็ค ปชป..

เลียบการเมือง สุดสัปดาห์..”เล็ก  เลียบด่วน”  รายงานตัว ณ วันที่ 24 มิ.ย.2566  ตรงกับวันครบรอบ 91 ปี การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช มาเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข...จริงๆแล้วคณะราษฎรอยู่ในอำนาจในห้วงปี 2475 -2500 รวม 25 ปี..ข้อดีก็มีไม่น้อย แต่ข้อด้อยข้อผิดพลาดก็มีมาก..อย่างน้อยก็เป็นต้นตำรับของการรัฐประหารชิงอำนาจ...แต่ข้อไม่ดีของคณะราษฎรไม่ค่อยมีคนพูดถึงมากนักในยุคนี้เพราะกลัวรถทัวร์สามนิ้วมาจอดหน้าบ้าน...

เลี้ยวมาสู่การเมืองเรื่อง...ไทม์ไลน์การชิงอำนาจผ่านตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายกรัฐมนตรี..คาดว่าวันที่ 3 ก.ค.จะมีรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา  จากนั้นวันที่ 4หรือ5ไม่เกินวันที่ 6 ก.ค.ก็จะโหวตลับเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร  ก่อนที่ประมาณวันที่ 13 ก.ค.ก็จะประฃุมรัฐสภา  โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี...

ตำแหน่งประธานสภาหากว่ากันในนาทีนี้ก็พอจะเห็นเค้าชัดเจนว่า...ในที่สุดพรรคเพื่อไทยก็คว้าไปครอง โดยชื่อของสุชาติ  ตันเจริญ   ยังเป็นเต็งหนึ่ง...การหักเหลี่ยมโหดตำแหน่งประธานสภา จะ เป็นก้าวแรกที่จะนำไปสู่ทางแยกของพรรคเพื่อไทยกับก้าวไกล...แม้หลังจากเลือกประธานสภาแล้วพรรคเพื่อไทยจะทนุถนอมประคับประคองโหวตหนุนพิธาเป็นนายกฯแบบเต็มแม็กซ์  แต่เชื่อว่า”พิธา”ก็ไม่ผ่านโหวตอยู่ดี...

ถึงนาทีนั้นพรรคก้าวไกลเจอกับโจทย์ใหญ่ว่าจะเดินหน้ายังไงต่อไป  เกาะขาพรรคเพื่อไทยขอเข้าร่วมรัฐบาล  หรือประกาศตัวเป็นฝ่ายค้าน...ถ้าให้”เล็ก เลียบด่วน” ฟันธงก็ต้องเปรี้ยงว่า คงเลือกหนทางเป็นฝ่ายค้าน...บางกระแสข่าวบอกว่าดีไม่ดีพรรคก้าวไกลอาจประกาศแยกทางชักธงรบเป็นฝ่ายค้านตั้งแต่ถูกหักเหลี่ยมเก้าอี้ประธานสภาสภาฯแล้วก็ได้...

สำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี...นาทีนี้เต็งจ๋ายังเป็น “บิ๊กป้อม”  พล.อ.ประวิตร  วงศ์สุวรรณ    ที่จะมากอบกู้เผชิญหน้าสถานการณ์การชุมนุมการต่อต้านรัฐบาลใหม่ที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่ยังตั้งรัฐบาลไม่แล้วเสร็จ

โดยรัฐบาลใหม่พรรคเพื่อไทยในฐานะมีเสียงสูงสุดก็คงจะได้กระทรวงสำคัญไปบริหารสร้างผลงานเพื่อขับเคี่ยวกับพรรคก้าวไกลในสมัยหน้า...ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า..พรรคเพื่อไทยพยายามที่จะเจรจาต่อรองขอ “นายกฯคนละครึ่ง” หรือคนละ2ปีกับพล.อ.ประวิตรด้วย...

ปืดท้ายกันที่พรรคเก่าแก่ที่สุด อายุ 77 ปี 2เดือนเศษ อย่างประชาธิปัตย์..นับถอยหลังวันที่ 9 ก.ค.ก็จะเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่แทนชุดรักษาการที่ จุรินทร์  ลักษณวิศิษฎ์   แสดงสปิริตลาออกหลังนำทัพพ่ายศึกเลือกตั้ง  จาก 52 เสียงเหลือ 25 เสียง...สาละวันเตี้ยลง สาละวันตกต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ....ซึ่งเมื่อไปดูกติกามารยาทการเลือกหัวหน้าพรรคของพรรคนี้แล้ว  จากบรรดาโหวตเตอร์10กว่ากลุ่มนั้น  พบว่ากลุ่มส.ส.ในปัจจุบัน 25 คนมีน้ำหนักโหวตสูงสุด  70 %  อีกสิบกว่ากลุ่มโหวตยังไงก็ได้ไม่เกิน 30 %...แน่ชัดตามกติกานี้อิทธิพลและอำนาจชี้เป็นชี้ตายอยู่ที่สองผู้ยิ่งใหญ่ เฉลิมชัย  ศรีอ่อน  รักษาการเลขาธิการพรรคที่จะไม่รับตำแหน่งอะไรอีกนอกจากผู้มีบารมีในพรรค  กับอีกคนคือ เดชอิศม์  ขาวทอง   หรือ”นายกฯชาย” รองหัวหน้าพรรคภาคใต้  ที่หุ้นกำลังพุ่งกระฉูดเป็นหนึ่งในตัวเต็งหัวหน้าพรรค และเป็นคนประกาศว่า..ถึงเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์จะต้องเปลี่ยนแปลง 360 องศา..

ต้องบอกว่านาทีนี้เป็นยุคที่ประชาธิปัตย์หาวีรบุรุษหรือวีรสตรียากมากถึงยากที่สุด...”ดร.เอ้” หรือ “มาดามเดียร์” ที่พูดๆถึงกันนั้นก็ยังขาดคุณสมบัติตามข้อบังคับพรรค  ถึงจะมีข้อยกเว้นแต่ส่วนใหญ่ก็ยังเห็นว่า สองคนนี้ต้องเป็นคิวต่อไป...ดังนั้น...กระแสในพรรคประชาธิปัตย์อีกด้านหนึ่งขณะนี้เรียกร้องให้ อภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  อดีตหัวหน้าพรรค อดีตนายกรัฐมนตรี  ออกมากอบกู้พรรค  แต่อภิสิทธิ์ยังไม่แสดงท่าทีใดๆ  กระนั้นก็เดาได้ไม่ยากว่า..อภิสิทธิ์คงพร้อมมาช่วยพรรคแต่ต้องเป็นแบบกึ่งฉันทามติ...ไม่ต้องมาแข่งกันแบบเลือดเดือดเหมือนครั้งก่อนๆ..ซึ่งหลายฝ่ายก็น่าจะเห็นด้วยกับสูตรนี้...
0 ถ้าที่สุดหวยงวดวันที่ 9 ก.ค.ออกมาว่า..อภิสิทธิ์ –หัวหน้า , เดชอิศม์ –เลขาฯ  ก็น่าจะทำให้ลูกพระแม่ธรณีสดชื่นขึ้นมาไม่น้อย..!!

เรื่อง : เล็ก เลียบด่วน

‘สว.คำนูณ’ กางแผน ‘พรรคก้าวไกล’ แก้ไขมาตรา 112 ลดระดับการคุ้มครองสถาบันฯ ครั้งแรกในรอบกว่า 90 ปี

24 มิ.ย. 2566 - นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา(สว.) โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับประเด็น "ประเด็นแก้ไข 112" โดยมีเนื้อหาดังนี้

กำลังจะเปิดรัฐสภาแล้ว จะมีรัฐพิธีไม่เกินวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 พรรคก้าวไกลหาเสียงไว้ว่าจะเสนอร่างกฎหมาย 45 ฉบับภายใน 100 วันแรก หรือทันทีที่เปิดรัฐสภา โดยจะเสนอในนามสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หนึ่งในนั้นคือร่างกฎหมายแก้ไขมาตรา 112

มาดูภาพรวมกันสั้น ๆ โดยสังเขปสักนิด
อาจจะทำให้พอเข้าใจเหตุผลของผู้คนในฟากฝั่งที่เห็นต่างและคัดค้าน
ตามหลักการที่พรรคก้าวไกลนำเสนอในการหาเสียง ปรากฎทั้งข้อความและแผ่นภาพ ประกอบกับร่างกฎหมายที่เคยยื่นต่อสภาผู้แทนราษฎรเมื่อปี 2562 แต่ไม่ได้รับการบรรจุ จะพบว่าไม่ใช่การแก้ไขกฎหมายทั่วไปมาตราหนึ่งเท่านั้น หากแต่เป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงใหญ่ที่จะกระทบทั้งระบอบและระบบ

เฉพาะเรื่องหลักคือการคุ้มครององค์พระมหากษัตริย์ ก็ยกเลิก 1 มาตราเพิ่มเติม 4 มาตรา
ยกเลิกมาตรา 112 เพิ่มมาตรา 135/5 - 135/9

สรุปโดยภาพรวมได้ว่าเป็นการลดระดับการคุ้มครองสถานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้ขององค์พระมหากษัตริย์ลงมาเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 90 ปีนับตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2475 จากการคุ้มครองเด็ดขาด เป็นการคุ้มครองอย่างมีเงื่อนไข มีทั้งบทยกเว้นความผิด บทยกเว้นโทษ และบทจำกัดผู้ร้องทุกข์

ซึ่งอาจขัดรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 6 อันเป็นบทหลักมาตราแรกของหมวดพระมหากษัตริย์
หรือเสมือนเป็นการแก้รัฐธรรมนูญหมวดพระมหากษัตริย์ทางประตูหลัง นี่คือประเด็นหลักที่จะกระทบระบอบ

นอกจากนั้น ยังมีประเด็นแวดล้อมตามมาเป็นการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตราอื่นที่เกี่ยวกับการหมิ่นประมาทและดูหมิ่นบุคคลประเภทอื่นตามมาอีก 2 กลุ่ม 11 มาตราด้วยกัน ยกเลิก 2 เพิ่มเติม 4 แก้ไขเพิ่มเติม 5

ดูหมิ่นเจ้าพนักงานเซึ่งกระทำการตามหน้าที่หลือแค่โทษปรับ
ดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาหรือพิพากษาคดี เหลือแค่โทษปรับ ขัดขวางการพิจารณาคดีหรือพิพากษาของศาล เหลือแค่โทษปรับ หมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา เหลือแค่โทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เหลือแค่โทษปรับไม่เกิน 2 แสนบาท ดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้าหรือด้วยการโฆษณา เหลือแค่โทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท ฯลฯ

เป็นการเปลี่ยนแปลงระบบการคุ้มครองบุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย โดยเฉพาะศาลหรือผู้พิพากษาขณะพิจารณาหรือพิพากษาคดี รวมทั้งบุคคลธรรมดา โดยเป็นการลดระดับการคุ้มครองบุคคลทุกประเภทลงจากเดิมด้วยการกำหนดโทษใหม่ที่ต่ำลงมาก ส่วนใหญ่จะเหลือแค่โทษปรับ ยิ่งถ้าในอนาคตนำระบบการคิดโทษปรับตามฐานะทางเศรษฐกิจ (Day-fine) มาใช้ในระบบกฎหมายไทย ผู้กระทำความผิดทีีมีรายได้นัอยหรือไม่มีรายได้จะยิ่งมีข้อต่อสู้ให้ได้รับโทษน้อยลงไปอีก
สังคมไทยจะไม่เหมือนเดิม

พรรคก้าวไกลจัดร่างกฎหมายแก้ไขมาตรา 112 อยู่ในกลุ่มคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ
แน่ละว่าด้านหนึ่ง สิทธิเสรีภาพของคนที่วิพากษ์วิจารณ์บุคคลทุกระดับได้รับการคุ้มครองเพิ่มขึ้น
แต่ในด้านตรงข้าม สิทธิเสรีภาพบุคคลทุกระดับที่ปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายรวมทั้งบุคคลธรรมดาที่จะไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่เป็นธรรมกลับได้รับการคุ้มครองลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
จึงมีผู้เห็นต่างในหลักการ คัดค้าน และจะเป็นประเด็นสำคัญในแต่ละเหตุการณ์ทางการเมืองในสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่นี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top