Saturday, 17 May 2025
ค้นหา พบ 48168 ที่เกี่ยวข้อง

‘สลากดิจิทัล’ ผ่านแอปฯ เป๋าตัง

🔍การจำหน่าย ‘สลากดิจิทัล’ ผ่านแอปฯ เป๋าตัง ดูจะเป็นหนทางที่ถูกที่ควรและโดนใจประชาชนเอามาก ๆ เนื่องจากในแต่ละงวดสลากถูกขายหมด และบางงวดสลากดิจิทัลในระบบขายหมดภายใน 12 วัน

ปัจจัยหลักที่ทำให้การซื้อขายสลากดิจิทัลเป็นที่นิยม ก็คงเป็นเรื่องการควบคุมราคาอยู่ที่ใบละ 80 บาท และผู้ซื้อสามารถค้นหาเลขที่ต้องการซื้อได้อย่างง่ายดาย 

ดังนั้น เมื่อความต้องการซื้อพุ่งสูงขึ้น สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจึงตั้งเป้าภายในสิ้นปี 2566 มีสลากดิจิทัล 30 ล้านใบ สิ้นปี 2567 เพิ่มเป็น 40 ล้านใบ และสิ้นปี 2568 เพิ่มเป็น 50 ล้านใบ หรือครึ่งหนึ่งของสลากทั้งหมดต้องเป็นดิจิทัล
 

เปิดใจ ‘ครูพิสมัย’ เจ้าของวลีเด็ด ‘ขอบใจที่มาเรียนนะลูก สู้ๆ’ รู้ความจริงถึงกับหลั่งน้ำตา นร. เข้ากะถึง 7 โมงเช้า ก่อนขี่มอไซค์ มาเข้าเรียน

จากกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปนักเรียนชายเข้าเรียนสายที่ได้พยายามชี้แจงต่อครูผู้สอนถึงสาเหตุการมาสายว่า เพราะเพิ่งออกกะจากการทำงานเมื่อเวลา 7 โมงเช้าที่ผ่านมา พร้อมแสดงหลักฐานการเข้างาน และภายในคลิปครูผู้สอนยังได้สอบถามนักเรียนชายเรื่องการทำงานจนทราบว่า ได้ไปทำงานเป็นพนักงานขับโฟล์คลิฟท์ของบริษัท ที ดับบลิว อี ที่ตั้งอยู่ใน จ.สมุทรปราการ 

โดยนักเรียนชายคนดังกล่าวเรียนอยู่ที่ วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก (อี.เทค) ซึ่งตั้งอยู่ใน อ.พานทอง จ.ชลบุรี ที่อยู่ไกลกันเกือบ 70 กิโลเมตร และต้องใช้เวลาในการขี่จักรยานยนต์กลับมาเรียนไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งครูท่านดังกล่าวได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “ขอบใจที่มาเรียนนะลูก สู้ๆ” จนกลายเป็นคลิปไวรัลดังในชั่วข้ามคืนนั้น

เมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปวิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก (อี.เทค) เพื่อพบกับ น.ส.พิสมัย ผุยผัน อาจารย์ แผนกคอมพิวเตอร์ ที่ได้เล่าเหตุการณ์ในวันดังกล่าวว่า ตนเองเป็นผู้ถ่ายคลิปขณะนักเรียนชายชั้น ปวส.ปี 1 แผนกวิศวะการผลิต หรือสาขาเทคนิคอุตสาหกรรม ซึ่งปกติการเรียนการสอนจะเริ่มในเวลา 08.30 น.แต่ในวันนั้นนักเรียนชายได้มาถึงห้องเรียนในเวลา 10.00 น.

“เมื่อสอบถามเด็กว่าเกิดอะไรขึ้น เด็กบอกว่าสาเหตุที่มาสายเพราะต้องทำงานส่งตัวเองเรียน และวันนั้นเป็นวันที่ต้องเข้ากะกลางคืนเลิกงานในตอนเช้า พอ 07.00 น.รีบมาเรียนต่อ แต่ด้วยน้องอาศัยอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ และระยะทางจากบ้านมาวิทยาลัยไกลพอสมควร เด็กจึงนำหลักฐานการทำงานมาให้ดูว่าทำงานจริง และเด็กยังเปรียบเสมือนเสาหลักของครอบครัวต้องทำงานส่งตัวเองเรียนและต้องให้เงินแม่ใช้เนื่องจากมีน้องที่ต้องส่งเรียนอีก”

น.ส.พิสมัย อาจารย์แผนกคอมพิวเตอร์ ยังเผยอีกว่า เมื่อรู้ความจริงจากปากเด็กนักเรียนทำให้ถึงกับน้ำตาตก เพราะเด็กบางคนที่ครอบครัวพร้อมส่งให้เรียนแต่กลับไม่ตั้งใจเรียน แต่เด็กที่ครอบครัวลำบากที่อยากเรียนหนังสือครอบครัวก็ไม่มีความพร้อม

“หลังจากนั้นครูได้เปิดโอกาสให้นักเรียนมาเรียนได้ตามสะดวกเพราะน้องต้องทำงานเลี้ยงครอบครัวไปด้วย และส่งตัวเองเรียนด้วย ในฐานะอาจารย์ที่สอนเด็กอยากฝากถึงนักเรียนที่มีโอกาสให้ตั้งใจเรียน เพื่อจะได้เป็นรั้วและอนาคตของชาติในวันข้างหน้า อีกทั้งพ่อแม่ที่ส่งมาเรียนอยากให้ลูกประสบความสำเร็จในชีวิต” ครูพิสมัย กล่าว

‘นิพนธ์’ แนะ กระจายอำนาจ หนุนท้องถิ่นมีส่วนร่วมทางการเมือง เชื่อมั่น!! “เมื่อท้องถิ่นเข้มแข็ง ประเทศไทยก็เข้มแข็ง”

เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 66 นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเวทีเสวนา การติดตามนโยบายการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ของพรรคการเมืองหลังการเลือกตั้ง หัวข้อ ‘ท้องถิ่นมั่งคั่ง ประเทศมั่นคง’ ในการประชุมและการสัมมนาทางวิชาการสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 1/2566 ประจำปี พ.ศ.2566 ระหว่างวันที่ 21-23 มิถุนายน 2566 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อาคาร 2 อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี โดยมีผู้แทนจาก พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคก้าวไกล พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคไทยสร้างไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย สมาคมสันนิบาตแห่งประเทศไทย เข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก

นายนิพนธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า การทำงานของถิ่นในบางภารกิจยังมีอุปสรรคในการบริหาร ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้การสนับสนุน และแก้ไขอุปสรรคในการดำเนินการภายใต้กติกาที่กำหนดไว้ เพื่อให้งานเดินต่อไปได้และไม่เกิดปัญหาภายหลัง

สำหรับเรื่องจัดเก็บภาษีนั้น ก็ควรมีการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีพร้อมทั้งพิจารณาจัดเก็บฐานภาษีอื่นๆ เพิ่มเติมที่ทำให้ท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มมากขึ้นสามารถนำมาพัฒนาพื้นที่รับผิดชอบ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้ประชาชน

ในส่วนความคืบหน้าเรื่องกระจายอำนาจ ในขณะนี้อยู่ในแผนที่ 3 แต่ขณะเดียวกัน แผนที่ 1 และ 2 ก็ยังถ่ายโอนไม่หมด ซึ่งควรพิจารณาว่าภารกิจใดที่ท้องถิ่นทำได้ก็ให้เร่งรัดถ่ายโอนภารกิจและงบประมาณพร้อมบุคลากรให้ท้องถิ่นได้ดำเนินการ เพราะการถ่ายโอนภารกิจใดไปและดำเนินการไม่ได้อาจจะถูกดึงภารกิจกลับ ซึ่งเรื่องกระจายอำนาจนั้นสามารถทำได้ทันทีโดยนายกรัฐมนตรี ต้องนั่งเป็นประธานคณะกรรมการกระจายอำนาจฯ กำหนดนโยบายการถ่ายโอนภาระกิจ ให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน

นายนิพนธ์ยังกล่าวด้วยว่า การป้องกันการทุจริต ปัจจุบันมีการพัฒนาในกระบวนการตรวจสอบที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้น เช่น การให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในขั้นตอนการตรวจรับงานจ้าง รวมถึงการสร้างความโปร่งใสในการบริหารงานท้องถิ่น ดังนั้น จึงไม่ควรนำเรื่องทุจริตมาปิดกั้นการกระจายอำนาจ เพราะการกระจายอำนาจ คือการสร้างการมีส่วนร่วมการเมืองภาคประชาชนได้ดีที่สุด และเชื่อมั่นว่า “เมื่อท้องถิ่นเข้มแข็ง ประเทศไทยก็เข้มแข็ง”
 

ฝ่ามรสุมชีวิต 'ลูกหนัง' 'ยอมรับ' และเดินหน้าต่อด้วยความเข้าใจ | TIME TO TALK EP.8

📌เปิดมุมคิด 'ลูกหนัง' ที่ไม่ได้มาจากปากชาวบ้าน

รู้จักอีกมุมมองไม่ดรามา จากผู้หญิงหัวใจแกร่ง ที่กล้าคิดลบ เพื่อตั้งรับทุกความผิดหวังที่จะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นในชีวิต

และบทสรุปในการใช้ชีวิตที่ยึดหลัก 'ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน' เข้าใจชีวิตผ่านหลักธรรมะ ช่วยหล่อเลี้ยงคุณภาพหัวใจให้ชีวิตเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่นที่สุด

แขกรับเชิญ 'ลูกหนัง ศีตลา วงษ์กระจ่าง' อดีตสมาชิกวง H1-KEY เล่าประเด็นการใช้ชีวิตการเป็นศิลปินที่ประเทศเกาหลี และเหตุการณ์จุดเปลี่ยนผ่านในชีวิต ผ่านรายการ TIME TO TALK เมื่อ 20 ต.ค. 65 .

ดำเนินรายการโดย ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปวัฒนธรรมยุคใหม่ พีเค พัสกร วรรณศิริกุล

‘จีน’ สั่งชาวแบงค์ งดใช้แบรนด์เนม-อวดไลฟ์สไตล์หรูหรา หวังลดความเหลื่อมล้ำ หลังประเทศเผชิญปัญหาเศรษฐกิจฝืดเคือง

ถึงคิว ‘ชาวแบงค์’ และสถาบันการเงินต่างๆ แล้ว ที่จะต้องโดนใบเหลืองจากรัฐบาลจีน ในการสอดส่อง ไลฟ์สไตล์หรูหรา ใช้ของแบรนด์เนม ราคาแพง ว่าจะเป็นการสร้างค่านิยมที่ไม่ดีต่อสังคมจีน ที่กำลังเผชิญปัญหาเศรษฐกิจฝืดเคือง และการว่างงานของเด็กจบใหม่ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ภาคธุรกิจการเงินของจีน นับเป็นกลุ่มทุนขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก มีมูลค่าสูงกว่า 57 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นเส้นเลือดสำคัญของเศรษฐกิจจีน จึงไม่แปลกใจว่า กลุ่มคนทำงาน หรือผู้เชี่ยวชาญในสาขาธุรกิจการเงิน จะเป็นกลุ่มที่ได้ค่าจ้างตอบแทนสูงมากในจีน

และด้วยรายได้ที่ดีกว่าอาชีพอื่นๆ และการสร้างภาพลักษณ์ที่ดูมั่งคั่ง และมั่นคง จึงนำไปสู่ไลฟ์สไตล์ที่ดูหรูหรา การเลือกใช้ของราคาแพง เพื่อให้ดูดีมีระดับ สวนทางกับสภาพเศรษฐกิจของชาวจีนส่วนใหญ่ที่ยังต้องทำงานหนัก รายได้เดือนชนเดือน หรือยังหางานไม่ได้ ทำให้กลุ่มคนทำงานในแวดวงการเงิน ถูกมองเป็นชนชั้นสูงอีกกลุ่มหนึ่งในสังคมจีน

ด้วยเหตุนี้ องค์กรเฝ้าระวังการฉ้อโกงของรัฐบาลจีน ได้ออกมาประกาศว่าจะขจัดแนวคิดของ ‘ชนชั้นสูงทางการเงิน’ ตามค่านิยมตามแบบตะวันตก ที่มุ่งแสวงหา ‘รสนิยมระดับไฮเอนด์’ มากเกินไป

จึงมีคำสั่งภายในองค์กรการเงิน และธนาคารตั้งแต่ขนาดใหญ่ จนถึงขนาดกลาง ไม่ให้บุคคลากรในทุกระดับ อวดโชว์ไลฟ์สไตล์โก้หรูจนเกินงาม ด้วยการโพสต์ภาพมื้ออาหารหรูๆ กระเป๋า เสื้อผ้า เครื่องประดับราคาแพงของตนลงในโซเชียล เพื่อหลีกเลี่ยงกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม
.
พนักงานธนาคารขนาดกลางแห่งหนึ่งของจีนเล่าว่า มีคำสั่งจากหน่วยงานให้เจ้าหน้าที่ทุกคนงดใช้กระเป๋า หรือสิ่งของแบรนด์เนมในที่ทำงาน รวมถึงการเข้าพักในโรงแรม 5 ดาว เมื่อต้องเดินทางไปทำงานต่างเมือง

นอกจากข้อห้ามการใช้ข้าวของหรูหราแล้ว เบี้ยเลี้ยงที่ไม่จำเป็น และโบนัสอาจต้องถูกตัดด้วย

แหล่งข่าวภายในเปิดเผยว่า ธนาคารขนาดใหญ่อย่าง Industrial and Commercial Bank of China (ICBC) และ China Construction Bank Corp (CCB) มีแผนที่จะลดเบี้ยเลี้ยงพิเศษสำหรับพนักงานภายในปีนี้ หลายสถาบันการเงินอาจต้องปรับลดโบนัสลงตั้งแต่ 30% - 50%

การปรับลดเบี้ยเลี้ยง โบนัส หรือการออกข้อบังคับให้คนทำงานในองค์กรการเงินใช้ชีวิตเรียบง่าย สมถะ เป็นผลพวงจากนโยบายต่อต้านการคอร์รัปชัน ของรัฐบาลจีนที่เล็งเป้ามาที่ภาคธุรกิจการเงิน และมีการแต่งตั้งองค์กรเฝ้าระวังการฉ้อฉลในภาคการเงินโดยเฉพาะในยุคของ ‘สี จิ้นผิง’ เทอม 3 เพื่อตอกย้ำถึงบทบาทสำคัญของรัฐบาลจีนทั้งแนวคิด และทางการเมือง

แต่อีกนัยยะหนึ่ง ที่สถาบันการเงินต่างๆ จำเป็นต้องตักเตือนพนักงานของตนเรื่องการใช้สินค้าฟุ่มเฟือย หรือการใช้สื่อโซเชียลโพสต์รูปอวดการใช้ชีวิตที่ทำให้หลายคนอิจฉา อาจทำเพื่อป้องกันไม่ให้สะดุดตาองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นของรัฐบาลจีน ที่กำลังตรวจสอบหนักอยู่ในขณะนี้

ดังเช่นกรณีการหายตัวไปของนายเป่า ฟาน นักลงทุน และผู้ก่อตั้งบริษัท China Renaissance เมื่อไม่นานมานี้ ที่ต่อมาทราบแต่เพียงว่า กำลังเก็บตัวเพื่อให้ความร่วมมือกับทีมสอบสวนคดีทุจริตของรัฐบาลจีน นอกจากนี้ ยังมีมหาเศรษฐีในธุรกิจการเงินจีนอีกจำนวนมากที่จำเป็นต้องหายหน้าไปจากสื่อ เมื่อต้องพัวพันกับคดีทุจริต หรือการตรวจสอบจากรัฐบาลจีน อาทิ กั่ว กวงฉาง ผู้ก่อตั้งบริษัท Fosun International ‘เสี่ยว เจี้ยนหัว’ นักลงทุนสัญชาติจีน - แคนาดา เจ้าของบริษัท Tomorrow Holding และเป็นที่รู้จักกว้างขวางของคนวงในรัฐบาลจีน แต่สุดท้ายถูกตัดสินจำคุก 13 ปี ด้วยข้อหาฉ้อโกง และ คอร์รัปชัน รวมถึง แจ็ก หม่า เจ้าของธุรกิจ Alibaba ที่ต้องหายหน้าจากสื่อจีนนานเกือบ 2 ปี ในช่วงที่จีนเริ่มตรวจสอบธุรกิจ Fin Tech

ดังนั้น นโยบายการลดค่านิยมหรูหรา ฟุ่มเฟือยในกลุ่มคนทำงานในองค์กรธนาคาร และ สถาบันการเงิน อาจจะไม่ได้ช่วยเรื่องการลดช่องวางทางสังคมหรือปัญหาการว่างงานในจีนแต่อย่างใด แต่ช่วยในด้านการลดกระแสสังคมที่มองว่าเป็นกลุ่มทุนชั้นสูง ที่มักถูกครหาว่าสร้างแนวคิดในการใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อ หรือไม่ก็เป็นการป้องกันตัวไม่ให้สะดุดตาจากองค์กรตรวจสอบทุจริตของภาครัฐ ที่มักจบลงด้วยคดีความที่ยุงยากตามมานั่นเอง

เรื่อง : ยีนส์​ อรุณรัตน์

อ้างอิง : Channel News Asia / BBC
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top