Thursday, 2 May 2024
WORLD

‘มือปืนกราดยิง’ 18 ศพ ในรัฐเมน เสียชีวิตลงแล้ว หลังถูกพบศพอยู่ใกล้แม่น้ำ คาด!! ลั่นไกปลิดชีวิตตัวเอง

(28 ต.ค.66) เอพี รายงานกรมตำรวจรัฐเมน สหรัฐอเมริกา แถลงข่าวพบศพ นายโรเบิร์ต คาร์ด ทหารกองหนุนสหรัฐฯ วัย 40 ปี มือปืนที่ก่อเหตุกราดยิงในเมืองลูอิสตัน รัฐเมนทำให้มีผู้เสียชีวิต 18 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 13 คนเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม โดยพบศพอยู่ใกล้แม่น้ำในรัฐเมนเมื่อค่ำวันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม

ไมค์ เซาส์ชัค ผู้บัญชาการด้านความปลอดภัยรัฐเมน แถลงว่าพบศพของคาร์ดอยู่แม่น้ำแอนโดรสก็อกกิน แถวลิสบอน ฟอลส์ ในรัฐเมนเมื่อเวลา 19.45 น. มีบาดแผลที่เชื่อว่าเป็นการยิงปลิดชีวิตตัวเอง แต่ปฏิเสธที่จะให้ที่อยู่เฉพาะเจาะจง

อย่างไรก็ตาม เอพีอ้างได้ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ที่ไม่เปิดเผยนามเล่าว่า พบศพของโรเบิร์ต คาร์ดที่โรงงานรีไซเคิล ซึ่งโรเบิร์ต คาร์ด เพิ่งทำงานอยู่

‘แก๊งเพื่อนมัธยม’ ช่วยกันดูแล-คอยให้ตังค์ ‘ชายพิการ’ มาตลอด 18 ปี พร้อมสัญญาจะไม่ทิ้งไปไหน จนชาวเน็ตซึ้งใจ บอก!! ญาติยังไม่ทำเท่านี้

เมื่อวานนี้ (27 ต.ค.66) เว็บไซต์ jeenthainews.com ได้รายงานเรื่องราวดีๆ น่าประทับใจระหว่างเพื่อนว่า…

ว่ากันว่าเพื่อนแท้หายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร แต่เป็นโชคดีของชายพิการคนหนึ่งที่ได้เจอ ‘เหล่าเพื่อนแท้’ ที่ไม่เคยทิ้งเขาไป และยังคอยดูแลช่วยเหลือมาตลอด 18 ปี

ย้อนไปเมื่อปี 1995 หลังจากเรียนจบโรงเรียนมัธยมในเมืองฉางเต๋อ มณฑลหูหนาน ชายจีนนาม สยงเฉียนจิ้น ประสบอุบัติเหตุรถยนต์ สมองของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส อยู่ในอาการโคม่านานถึง 58 วัน ทำให้ร่างกายพิการตลอดชีวิตไม่สามารถใช้ชีวิตด้วยตนเองได้ รวมถึงความจำเสื่อม บางส่วน แต่โชคดีที่สยงยังคงจำเพื่อนๆ ในชั้นเรียนและชื่อของพวกเขาได้

หลังออกจากโรงพยาบาลเขาใช้ชีวิตกับแม่เพียงสองคน โดยมีแค่เงินบำนาญของแม่เลี้ยงชีพ เมื่อได้ทราบเรื่อง เพื่อนในชั้นเรียนทั้ง 49 คนรวมตัวกันช่วยบริจาคเงินให้เขา 12,000 หยวน (ราว 60,000 บาท) ทุกปี รวมถึงคอยซื้อของใช้จำเป็น ไปเยี่ยมเยียน และเชิญเขามาร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ต่างๆ

สยง บอกว่า ตนรู้สึกสบายใจที่ได้พูดคุย แบ่งปันเรื่องราวในวันวานกับเพื่อนสมัยเรียน และได้รู้สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของพวกเขา เขายังพูดต่อว่าหากไม่มีเพื่อนคอยอยู่ด้วย ตนคงจะจบชีวิตไปแล้ว พร้อมขอบคุณเพื่อนที่คอยช่วยเหลือมาตลอด และเขาอยากจะรักษา มิตรภาพนี้ไว้ตลอดไป ส่วนเพื่อนๆ ก็สัญญาว่าจะดูแลเขาไม่ทิ้งไปไหนแน่นอน

ชาวเน็ตต่างรู้สึกประทับใจในมิตรภาพของสยงและเพื่อน บางคนบอกว่าขนาดญาติพี่น้อง ยังทำให้ได้ไม่เท่านี้เลย

‘อิหร่าน’ ส่งออกอาหาร-สินค้าทางการเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 21 ยก ‘อิรัก-อัฟกัน-UAE-รัสเซีย-ปากีฯ’ คู่ค้าด้านอาหารที่สำคัญ

สภาอุตสาหกรรม เหมืองแร่ และการพาณิชย์ของอิหร่าน ประกาศว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปีปฏิทินอิหร่าน 1402 (21 มีนาคม - 22 กันยายน 2566) มีการส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ปศุสัตว์ การประมง และอาหารมากกว่า 3.5 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าราว 2,428 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ไซยิดรูฮุลลอฮ์ ลาตีฟี โฆษกคณะกรรมการพัฒนาการค้า Khaneh Sanat กล่าวว่า ร้อยละ 94 ของน้ำหนัก และร้อยละ 84 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของประเทศได้ส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านในช่วงเวลาดังกล่าว โดยมี อิรัก อัฟกานิสถาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รัสเซีย และปากีสถาน เป็นจุดหมายปลายทางการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารที่สำคัญที่สุดของอิหร่าน 

ลาตีฟี กล่าวด้วยว่า สินค้าส่งออกที่สำคัญที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์เกษตรและอาหาร ได้แก่ ผลิตภัณฑ์นมที่มีมูลค่า 345 ล้านดอลลาร์ มะเขือเทศ มูลค่า 159 ล้านดอลลาร์ และผลิตภัณฑ์ประมงที่มีมูลค่ามากกว่า 140 ล้านดอลลาร์ สินค้าส่งออกอื่น ๆ ของอิหร่านในภาคส่วนนี้ ได้แก่ ถั่วพิสตาชิโอ, แตงโม, ไข่ไก่, หญ้าฝรั่ง, อินทผาลัม, ลูกเกด, มะเขือเทศเข้มข้น, มันฝรั่ง, แอปเปิ้ล และลูกพีช เป็นต้น

โดย ลาตีฟี ได้เน้นย้ำว่า การส่งออกมีความสำคัญอย่างยิ่งในฐานะที่เป็นแรงผลักดันและกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และบรรดาผู้กำหนดนโยบายและบรรดาผู้ผลิตควรคำนึงถึงคุณภาพ ความต่อเนื่องของอุปทาน, ราคาที่สามารถแข่งขันได้ ตลอดจนรสนิยม และความยืดหยุ่นของตลาดเป้าหมาย การจัดระเบียบองค์กรต่าง ๆ อย่างเหมาะสม และการใช้วิทยาการความรู้ที่ทันสมัย, บรรจุภัณฑ์, การขนส่งที่เหมาะสม และการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็ให้ความสนใจกับการพัฒนาของตลาดประเทศเพื่อนบ้าน และเพิ่มการส่งออกไปยังตลาดที่ห่างไกล หากดำเนินงานในลักษณะนี้ก็จะสามารถทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเงินตราที่เหมาะสมได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน

‘เสียวหมี่’ เปิดตัว ‘HyperOS’ เป็นระบบปฏิบัติการของตัวเอง เผยข้อดี ‘ลื่นไหล-เสถียร’ มากขึ้น!! พร้อมใช้งาน 31 ต.ค. นี้

(27 ต.ค. 66) สำนักข่าวCNBC รายงานว่า เสียวหมี่ ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สัญชาติจีน เปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่ เรียกว่า 'HyperOS' และพร้อมให้ลูกค้าใช้งาน 31 ต.ค. นี้ เมื่อโทรศัพท์ อุปกรณ์สวมใส่ เช่น นาฬิกา และโทรทัศน์รุ่นล่าสุดของเสียวหมี่เริ่มจำหน่ายในจีน

เสียวหมี่ ระบุว่า ระบบ HyperOS สร้างโดยลีนุกซ์ และระบบเสียวหมี่ลีลาที่พัฒนาเอง ซึ่งระบบนี้ทำให้ความลื่นไหลของภาพมีความเสถียรมากขึ้น และลดการใช้พลังงานไฟฟ้าเมื่อเทียบกับระบบแอนดรอยด์

เสี่ยวหมี่ ยังเผยเกี่ยวกับความเร็วของระบบประมวลผล ความปลอดภัยของระบบ HyperOS และบอกแนวทางการใช้ระบบในสมาร์ตโฟน รถยนต์ และแล็ปท็อป ซึ่งสามารถแชร์คอนเทนต์และเข้าถึงกล้องของผู้อื่นในระบบใหม่ได้อย่างง่ายดาย

ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เสียวหมี่ได้พัฒนาธุรกิจอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งมีสัดส่วนสร้างรายได้ประมาณ 22% ของรายได้ทั้งหมดในบริษัทในไตรมาสสอง เป็นรองรายได้จากสมาร์ตโฟนที่มีสัดส่วน 37% และเมื่อวันพฤหัสบดี (26 ต.ค.) บริษัทได้เปิดตัวสมาร์ตโฟน 3,999 หยวน หรือราว 19,900 บาท,เครื่องซักผ้าราคา 1,999 หยวน หรือประมาณ 9,900 บาท, และตู้เย็น 2,999 หยวน ราว 14,800 บาท และมีแอปพลิเคชันให้ลูกค้าควบคุมการตั้งค่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของเสียวหมี่ได้

ด้าน 'เหลย จุน' ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) เสียวหมี่ เผยผ่านโซเชียลมีเดียจีนเมื่อวันพุธ (25 ต.ค.) ว่าบริษัทเตรียมเปิดตัวรถยนต์ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 ด้วย แต่ไม่ได้ระบุว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าหรือไม่

ทั้งนี้ บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งต่างพยายามสร้างความจงรักภักดีในตัวแบรนด์ หรือสร้างความเชื่อมั่นต่อสินค้าด้วยการมีระบบปฏิบัติการเป็นของตัวเอง เช่น ระบบ iOS ของแอปเปิ้ล และแอนดรอยด์ของกูเกิล

ด้านหัวเว่ย บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีนได้พัฒนาระบบปฏิบัติการเป็นของตนเองเช่นกัน เรียกว่า HarmonyOS เพื่อแทนที่แอนดรอยด์ และบริษัทได้ปรับระบบให้เข้ากับสมาร์ตโฟน แล็ปท็อป แท็บเล็ต และชุดโทรทัศน์ ทั้งยังจำหน่ายซอฟต์แวร์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของพาร์ตเนอร์ด้วย

‘อิสราเอล’ ส่งหน่วยรบภาคพื้นดิน พร้อมด้วยโดรน-เครื่องบินขับไล่ บุกโจมตีตอนกลางของฉนวนกาซา สังหาร ผบ.ระดับสูงฮามาสดับ

(27 ต.ค. 66) สำนักข่าวบีบีซีและเอเอฟพีรายงานว่า ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา กองกำลังภาคพื้นดินของอิสราเอล สนับสนุนด้วยเครื่องบินขับไล่และโดรนหลายลำ ได้บุกเข้าไปโจมตีในพื้นที่ตอนกลางของฉนวนกาซา ซึ่งโจมตีถูกเป้าหมายของฮามาสหลายสิบแห่ง

“ในส่วนหนึ่งของปฏิบัติการดังกล่าว เครื่องบินขับไล่และโดรนของกองกำลังป้องกันอิสราเอล (ดีไอเอฟ) ได้โจมตีหลายเป้าหมายในพื้นที่ชูจาอียาและที่อื่นๆ ในฉนวนกาซา” แถลงการณ์ของไอดีเอฟระบุ และกล่าวว่า เป้าหมายเหล่านั้นรวมถึงฐานยิงจรวดต่อต้านรถถัง กองบัญชาการและศูนย์ควบคุมทางทหารตลอดจนนักรบฮามาส โดยหลังเสร็จสิ้นภารกิจ ทหารอิสราเอลได้ถอนกำลังออกจากพื้นที่ดังกล่าวโดยไม่มีกำลังพลคนใดได้รับบาดเจ็บ

ก่อนหน้านั้น ไอดีเอฟแถลงอ้างว่า เครื่องบินขับไล่ของกองทัพอิสราเอลได้สังหาร ‘ชาดี บารุด’ รองหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของกลุ่มฮามาส ที่มีส่วนร่วมกับ ‘ยาห์ยา ซินวาร์’ หัวกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา ในการวางแผนบุกโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา

พร้อมกันนี้ ไอดีเอฟยังเผยแพร่คลิปวิดีโอโจมตีทางอากาศที่อ้างว่าได้สังหารนายบารุดเป็นการยืนยันอีกด้วย

หลายรัฐในสหรัฐฯ ยื่นฟ้อง ‘บ.เมตา แพลตฟอร์มส อิงก์’ ชี้!! ปลูกฝังเยาวชนเสพติดโซเชียล เพื่อเพิ่มกำไรให้องค์กร

(27 ต.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันอังคาร (24 ต.ค.) ร็อบ บอนตา อัยการสูงสุดประจำรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ได้ร่วมเป็นผู้นำแนวร่วมที่ประกอบด้วยอัยการสูงสุดระดับรัฐ 33 คน ยื่นฟ้องดำเนินคดีของรัฐบาลกลางต่อเมตา แพลตฟอร์มส อิงก์ (Meta Platforms Inc.) และบริษัทในเครือ โดยระบุว่าบริษัทฯ ออกแบบและปรับใช้รูปแบบบริการที่เป็นอันตรายบนอินสตาแกรมและเฟซบุ๊ก ที่ทำให้เด็กและวัยรุ่นเสพติดจนได้รับผลกระทบทั้งทางร่างกายและจิตใจ

บอนตาระบุผ่านแถลงการณ์ว่าคดีดังกล่าวถูกยื่นฟ้องในศาลชั้นต้นของสหรัฐฯ สำหรับเขตทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยอัยการกำลังสืบหาการใช้คำสั่งห้ามและการช่วยเหลือทางการเงิน เพื่อจัดการกับการประพฤติโดยมิชอบของเมตา

อัยการสูงสุดระดับรัฐ 8 คนได้ประกาศยื่นฟ้องเมตา เมื่อวันอังคาร (24 ต.ค.) ในแต่ละศาลรัฐของตน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามดังกล่าว

อนึ่ง การร้องเรียนของรัฐบาลกลางและรัฐเป็นผลมาจากการสอบสวนทั่วประเทศที่บอนตาประกาศเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2021

บอนตาระบุว่าการสอบสวนได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งสรุปได้ว่าเมตา ทำร้ายเด็กและวัยรุ่นด้วยการปลูกฝังการเสพติดเพื่อเพิ่มผลกำไรขององค์กร

ในคดีความข้างต้น เมตาถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎหมายของรัฐบาลกลางและรัฐ โดยคำร้องเรียนของรัฐบาลกลางระบุว่าการประพฤติมิชอบของเมตา อาทิ การสร้างโมเดลธุรกิจที่เน้นให้ผู้ใช้วัยรุ่นใช้เวลาบนแพลตฟอร์มมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ การใช้รูปแบบแพลตฟอร์มที่เป็นอันตรายและชักจูงทางจิตวิทยา ขณะที่ทำให้สาธารณชนเข้าใจผิดเกี่ยวกับความปลอดภัยของรูปแบบเหล่านี้ รวมถึงการเผยแพร่รายงานที่มุ่งแสดงอัตราความเสียหายต่อผู้ใช้ที่อยู่ในระดับต่ำอย่างไม่ถูกต้อง

บอนตาระบุว่าแม้จะมีหลักฐานมากมายว่าแพลตฟอร์มของเมตาเชื่อมโยงกับอันตรายต่อผู้ใช้หนุ่มสาว แต่เมตากลับปฏิเสธที่จะจัดการกับอันตรายเหล่านั้น และยังคงปกปิดและมองข้ามผลกระทบด้านลบของแพลตฟอร์มต่อไป

อนึ่ง ส่วนหนึ่งของรัฐ 33 แห่งที่ร่วมยื่นฟ้องร้องเมตา ได้แก่ แอริโซนา แคลิฟอร์เนีย โคโลราโด คอนเนตทิคัต เดลาแวร์ จอร์เจีย ฮาวาย ไอดาโฮ และอิลลินอยส์ ขณะรัฐฟลอริดากำลังยื่นฟ้องร้องต่อศาลชั้นต้นของสหรัฐฯ ประจำเขตตอนกลางของฟลอริดา

ส่วนโคลัมเบีย แมสซาชูเซตส์ มิสซิสซิปปี นิวแฮมป์เชียร์ โอกลาโฮมา เทนเนสซี ยูทาห์ และเวอร์มอนต์ ได้ดำเนินการยื่นฟ้องที่เกี่ยวข้องในศาลระดับรัฐด้วยเช่นกัน

‘เทศกาลกลองฮ่องกง’ ชูแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมทางดนตรีจากทั่วโลก ปิดท้ายแสง-สี-เสียงแบบจัดเต็ม!! ประทับความสนุกในดวงใจผู้ชมไม่รู้ลืม

เมื่อไม่นานนี้ ‘ไชน่าเคม กรุ๊ป’ (Chinachem Group) ฮ่องกง ได้ร่วมจัดงานเทศกาลกลอง ภายใต้ธีม ‘One Beat, One World : Connecting Through The Drum’ และคอนเสิร์ตดนตรีสด 5G ในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี ของเทศกาลกลองฮ่องกง ซึ่งเป็นการแสดงที่หาชมได้ยากรายการหนึ่ง จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมเชิงบวก ผ่านพลังของการตีกลอง และทำให้ฮ่องกงเป็นที่รู้จักในฐานะ ‘เมืองหลวงแห่งการจัดงาน’

ศาสตราจารย์หยาน ฮุ่ยชาง ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ และผู้ควบคุมวง ฮ่องกงไชนีสออเคสตรา (Hong Kong Chinese Orchestra) กล่าวว่า วงฮ่องกงไชนีสออเคสตรา ได้นำเสนอการแสดงดนตรีสู่สาธารณชน เพื่อส่งเสริมเรื่องราวของศิลปะจีนและฮ่องกงที่วิจิตรงดงาม และสืบทอดมายาวนาน ผ่านเทศกาลกลองที่มีชื่อว่า ‘One Beat, One World : Connecting Through The Drum’ และคอนเสิร์ตดนตรีสด 5G ซึ่งได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ ศูนย์วัฒนธรรมอาร์ตปาร์ค เกาลูนตะวันตก โดยภายในงานได้มีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ การตั้งกลองสันติภาพขนาดยักษ์สูง 3.47 เมตรให้ทุกคนได้เล่น, การแสดงบนเวทีโดยทีมที่ชนะการแข่งขันกลอง Hong Kong Synergy, ขบวนพาเหรดที่แสดงโดยทีมตีกลองจำนวน 24 ทีม และการแสดงกลองที่ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรม หรือซอฟต์พาวเวอร์ของจีน ได้แก่ Yan'anCity An'sai Waist Drum Troupe จากมณฑลส่านซี, ทีม Chengnan Zhongjing Yingge จากซัวเถา มณฑลกวางตุ้ง และคณะกลอง Shanxi Jiangzhou

ซึ่งภายในคอนเสิร์ตการแสดงสด 5G ในรอบชิงชนะเลิศสุดอลังการนี้ ยังมีการแสดงกลองอันโดดเด่นจากทั่วโลก นำโดย ยาน ฮุยชาง (Yan Huichang ) ผู้นำวงฮ่องกงไชนีสออเคสตรา (Hong Kong Chinese Orchestra) ร่วมกับศิลปินที่มีชื่อเสียงจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งได้แก่ โดริ (Dori) จากประเทศสาธารณรัฐเกาหลี, โยสุเกะ โอดะ (Yosuke Oda) จากประเทศญี่ปุ่น, อะซากูโน (Azaguno) จากประเทศแอฟริกา, แอปบอส กรุ๊ป (Abbos Group) จากประเทศอุซเบกิสถาน และแอนโทนี เฟอนันเดส (Anthony Fernandes) ผู้มีชื่อเสียงด้านกลองระดับโลก

โดยการแสดงแต่ละชุดได้สะท้อนถึงประเพณีการตีกลองอันยาวนานจากทั่วโลก ที่ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนดนตรีและวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงตีกลองของญี่ปุ่นที่ทรงพลังและสะเทือนอารมณ์ โดนใจผู้ชมอย่างลึกซึ้ง, ซามุล โนริ (Samul nori) เครื่องเคาะจังหวะแบบดั้งเดิมของเกาหลี ที่มีลักษณะเด่นอยู่ที่จังหวะอันทรงพลัง, การเคลื่อนไหวของร่างกายที่กระฉับกระเฉง, การแสดงที่มีชีวิตชีวา และกลุ่มเครื่องเพอร์คัชชัน ของแอปบอสกรุ๊ป จากอุซเบกิสถาน ที่ทำให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วม สร้างบรรยากาศโดยรวม ซึ่งรวมถึงกลุ่มเอ้อหูที่ได้จัดแสดงงิ้วกวางตุ้ง ‘The Floral Princess’ ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมอย่างมาก

ซึ่งในคอนเสิร์ตครั้งนี้ได้มีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก ผ่านเทคโนโลยี 5G ที่ได้ดึงดูดให้มีผู้เข้าชมสดและผู้ชมออนไลน์จำนวนกว่า 16,000 ราย เพื่อดื่มด่ำไปกับโลกแห่งเครื่องเพอร์คัชชันอันน่าหลงใหล น่าตื่นเต้น และจังหวะที่น่าเร้าใจบนเวที ซึ่งผู้เข้าชมสดจะได้รับกลองสีน้ำตาล สำหรับการเล่นโต้ตอบกับวงออเคสตราและนักเพอร์คัชชัน ถือเป็นการปิดท้ายคอนเสิร์ตที่เต็มไปด้วยความหลงใหล และมีชีวิตชีวามากที่สุด

ซึ่งในการจัดงานครั้งต่อไป ก็หวังว่าจะมีการแสดงกลองจากประเทศไทย อาทิ กลองสะบัดชัย หรือกลองยาว เดินทางไปร่วมภายในงาน จึงขอฝากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ไปพิจารณากันด้วย

โดยผู้สนใจจะสามารถชมวิดีโอย้อนหลังได้ที่ https://www.youtube.com/live/rohXU0OI8UQ?si=YE-OTyvxwOOnMNv0 ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดติดต่อ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทรศัพท์ 062-7341267 และ 086-4978941

‘คนเมืองผู้ดี’ เผชิญภาวะอดอยากแร้นแค้น 3.8 ล้านคน ผลจากเงินเยียวยาช่วงโควิด-19 ระบาด ไม่พอใช้จ่าย

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันอังคาร (24 ต.ค.66) ที่ผ่านมา มูลนิธิโจเซฟ ราวน์ทรี (Joseph Rowntree Foundation) เผยว่าประชาชนในสหราชอาณาจักรราว 3.8 ล้านคน ซึ่งรวมถึงเด็ก 1 ล้านคน ใช้ชีวิตอยู่กับความอดอยากยากแค้นเมื่อปีก่อน

มูลนิธิข้างต้น ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรการกุศลที่มีชื่อเสียงที่สุดในสหราชอาณาจักร เผยในรายงานว่าจำนวนดังกล่าวคิดเป็นเกือบ 2.5 เท่าของจำนวนคนอดอยากในปี 2017 และเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าในกลุ่มประชากรเด็ก ทำให้การจัดการกับความอดอยากในสหราชอาณาจักรกลายเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน

“ระดับความอดอยากในสหราชอาณาจักรเพิ่มสูงขึ้น โดยผู้คนจำนวนมากขึ้นต้องดิ้นรนหาเงินมาตอบสนองต่อความต้องการทางกายภาพขั้นพื้นฐานที่สุด ทั้งการทำให้ร่างกายอบอุ่น ไม่เปียกฝน สะอาดสะอ้าน และอิ่มท้อง” รายงานระบุ

รายงานเสริมว่าสิ่งนี้มีผลกระทบต่อสุขภาพกาย สุขภาพจิต และโอกาสของประชาชนอย่างลึกซึ้ง และยังสร้างความตึงเครียดให้บริการต่าง ๆ ที่แบกรับภาระมากเกินไปอยู่แล้ว โดยเกือบสามในสี่ของประชาชนที่ประสบกับความอดอยากอยู่ระหว่างการรับเงินประกันสังคม ซึ่งสะท้อนถึงสิทธิประโยชน์ที่ไม่เพียงพอ

ส่วนการสนับสนุนเฉพาะกิจจากรัฐบาลสหราชอาณาจักรซึ่งมีขึ้นครั้งแรกเมื่อช่วงการแพร่ระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) และกำลังช่วยเรื่องค่าครองชีพอยู่ในขณะนี้ ยังไม่สามารถหยุดยั้งระดับความอดอยากที่เพิ่มขึ้นได้

รายงานแนะนำให้มีการปฏิรูประบบประกันสังคมของสหราชอาณาจักรอย่างกว้างขวางขึ้น และรับรองการจัดสรรความช่วยเหลือด้านการเงินฉุกเฉินสำหรับจัดการกับหนี้ก้อนโต สวัสดิการ และปัญหาที่อยู่อาศัยที่ทำให้ประชาชนอดอยาก

‘จีน’ ส่งยาน ‘Shenzhou-17’ ขึ้นสู่สถานีอวกาศเทียนกงสำเร็จ พานักบินอายุน้อยที่สุดเดินหน้าปฏิบัติภารกิจโครงการอวกาศ

(26 ต.ค. 66) สำนักข่าวซินหัว, จิ่วเฉวียน รายงานว่า องค์การอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุมแห่งประเทศจีน (CMSA) รายงานการปล่อยยานอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุม ‘เสินโจว-17’ (Shenzhou-17) พร้อมทีมนักบินอวกาศ 3 คน เพื่อปฏิบัติภารกิจบนสถานีอวกาศจีนในวงโคจรประมาณ 6 เดือน

รายงานระบุว่า ยานอวกาศฯ ซึ่งติดตั้งอยู่ด้านบนสุดของจรวดขนส่ง ‘ลองมาร์ช-2 เอฟ’ (Long March-2F) ทะยานออกจากศูนย์ปล่อยดาวเทียมจิ่วเฉวียนทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน โดยทีมนักบินอวกาศประจำภารกิจเสินโจว-17 ประกอบด้วยทังหงโป ‘ถัง เซิ่งเจี๋ย’ และ ‘เจียง ซินหลิน’

‘ทัง หงโป’ เกิดปี 1975 รับหน้าที่เป็นผู้บัญชาการภารกิจเสินโจว-17 และเคยเป็นนักบินอวกาศประจำภารกิจเสินโจว-12 ในเดือนมิถุนายน 2021 ส่วนถังเซิ่งเจี๋ย เกิดปี 1989 เป็นนักบินอวกาศหน้าใหม่และนักบินอวกาศอายุน้อยที่สุดที่จะได้เข้าสู่สถานีอวกาศจีน ขณะเจียงซินหลิน เกิดปี 1988 เป็นนักบินอวกาศหน้าใหม่เช่นกัน

ก่อนหน้านี้เมื่อวันพุธ (25 ต.ค.) ‘หลิน ซีเฉียง’ รองผู้อำนวยการองค์การฯ แถลงข่าวว่าทีมนักบินอวกาศประจำภารกิจเสินโจว-17 จะทำการทดสอบและทดลองอุปกรณ์บรรทุก (payload) ทางวิทยาศาสตร์และการใช้งานในวงโคจรหลายรายการ

นอกจากนั้น ทีมนักบินอวกาศทั้งสามจะทำกิจกรรมนอกยานอวกาศ ติดตั้งอุปกรณ์บรรทุกนอกยานอวกาศ ดำเนินการบำรุงรักษาสถานีอวกาศ รวมถึงทดลองทำการบำรุงรักษานอกยานอวกาศเป็นครั้งแรก ซึ่งถือเป็นงานที่มีความท้าทายมาก

หลิน กล่าวว่า ขยะอวกาศที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อยานอวกาศ ที่ดำเนินงานระยะยาวอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง โดยการตรวจสอบเบื้องต้นพบปีกแผงโซลาร์เซลล์ของสถานีอวกาศจีน ถูกอนุภาคขนาดเล็กในอวกาศพุ่งชนหลายครั้งจนเกิดความเสียหายเล็กน้อย

อย่างไรก็ดี หลิน เสริมว่า องค์การฯ คำนึงถึงกรณีเหล่านี้ตั้งแต่ขั้นตอนออกแบบสถานีอวกาศแล้ว โดยปัจจุบันตัวบ่งชี้การทำงานและประสิทธิภาพทั้งหมดของสถานีอวกาศยังคงเป็นไปตามข้อกำหนด

ทีมนักบินอวกาศประจำภารกิจเสินโจว-17 ยังจะเดินหน้าการประเมินการทำงานและประสิทธิภาพของสถานีอวกาศ ทดสอบการประสานงานและความสอดคล้องของศูนย์สนับสนุนภาคพื้นดิน ในการปฏิบัติการและการบริหารจัดการของสถานีอวกาศ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน และความสามารถแก้ไขข้อบกพร่องของสถานีอวกาศ

ระทึก!! สะพานกระจก ‘The Geong’ แตกกะทันหัน ทำนักท่องเที่ยวดิ่งพื้น 15 เมตร ดับสลด 1 ราย

เมื่อวานนี้ (25 ต.ค. 66) สื่อต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุการณ์สลด มีนักท่องเที่ยวพลัดตกสะพานกระจก ‘เดอะ กอง (The Geong)’ ที่มีความสูง 15 เมตร ในเขตป่าสนลิมปาคูวัส เมืองบันยูมาส จังหวัดชวากลาง ของอินโดนีเซีย

ตามรายงาน ขณะเกิดเหตุ มีกลุ่มนักท่องเที่ยว 13 คนเดินไปถ่ายภาพบนสะพาน ทันใดนั้นพื้นกระจกของสะพานที่มีความหนาราว 1 เซนติเมตรได้แตกและร่วงลงไป 1 แผ่น ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยว 4 คนตกเป็นเหยื่อของอุบัติเหตุครั้งนี้

โดยมีนักท่องเที่ยว 2 คนพลัดตกจากสะพาน เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 1 ราย ขณะที่อีก 2 คนติดอยู่บนสะพานกระจกและได้รับการช่วยเหลือออกมาอย่างปลอดภัย

พยานผู้เห็นเหตุการณ์เปิดเผยว่า ขณะนั้นเขาได้ยินเสียงดังเหมือนระเบิด ก่อนที่จะมีเสียงกระจกแตก เขาจึงรีบขอความช่วยเหลือจากผู้คนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงทันที

“มันเหมือนมีการระเบิด พื้นกระจกตกลงไป ตรงนั้นมีนักท่องเที่ยวไปเซลฟี่ 4 คน มี 2 คนร่วงลงไป ส่วนอีก 2 คนติดอยู่ด้านบน เป็นผู้หญิงทั้งหมด”

ปัจจุบันสะพานกระจกถูกปิดชั่วคราว โดยตำรวจได้ลงพื้นที่เพื่อสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะดำเนินการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยของการก่อสร้างสะพานกระจก รวมถึงสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีกด้วย

‘เวียดนาม’ ยิ้ม!! ‘ทุเรียน’ ผงาด 9 เดือนแรก ปี 66 แหล่งรายได้ใหญ่สุดในหมู่ ‘ผัก-ผลไม้’ ส่งออก

เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว, ฮานอย เผยว่า สำนักข่าวท้องถิ่นของเวียดนามรายงานว่า มูลค่าการส่งออกทุเรียนของเวียดนาม ในช่วง 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน) ของปี 2023 ทะลุ 1.63 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 5.89 หมื่นล้านบาท) ส่งผลให้ทุเรียนกลายเป็นแหล่งรายได้เงินตราต่างประเทศขนาดใหญ่ที่สุด ในอุตสาหกรรมผักและผลไม้ของเวียดนาม

สำนักงานศุลกากรเวียดนามระบุว่า ตัวเลขข้างต้นสูงกว่าตัวเลขจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 14 เท่า

รายงานระบุว่า ยอดส่งออกทุเรียนแซงหน้าขนุน, แก้วมังกร, แตงโม, กล้วย และลิ้นจี่ จนขึ้นแท่นเป็นอันดับหนึ่ง ครองสัดส่วนร้อยละ 38.7 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของอุตสาหกรรมดังกล่าว

ปัจจุบัน ‘จีน’ ยังคงเป็นตลาดส่งออกทุเรียนที่สำคัญของเวียดนาม โดยเวียดนามมีพื้นที่เพาะปลูกทุเรียน 422 แห่ง และโรงบรรจุหีบห่อทุเรียน 153 แห่งที่ได้รับสิทธิส่งออกทุเรียนสู่จีน

อนึ่ง มูลค่าการส่งออกผักและผลไม้ของเวียดนาม ช่วงเดือนมกราคม-กันยายน สูงถึง 4.21 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1.52 แสนล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 72.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

‘มะกัน’ ผวา!! คนร้ายใช้ปืนไรเฟิลบุกกราดยิงในบาร์-วอลมาร์ต ที่รัฐเมน ดับสลด 22 ศพ บาดเจ็บครึ่งร้อย ตร.เร่งล่าตัว-สั่งร้านค้าปิดให้บริการชั่วคราว

(26 ต.ค. 66) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเหตุกราดยิงในเมืองลูอิสตัน รัฐเมน ประเทศสหรัฐอเมริกา ในคืนวันพุธ ที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ) ครอบคลุมสถานที่ 3 แห่งซึ่งเป็นบาร์ ร้านอาหาร และวอลมาร์ต สโตร์ โดยเจ้าหน้าที่ได้เผยแพร่ภาพผู้ต้องสงสัย เป็นชายคนหนึ่งพร้อมอาวุธปืนไรเฟิล

ทั้งนี้ มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 22 ราย และมีผู้บาดเจ็บจำนวนมากกว่า 50-60 ราย และเจ้าหน้าที่ได้แจ้งเตือนประชาชนให้อยู่ในสถานที่พักอาศัย และให้ร้านค้าผู้ประกอบการหยุดให้บริการ

โดยล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจลูอิสตันยังคงเร่งไล่ล่าผู้ก่อเหตุ พร้อมเผยภาพผู้ต้องสงสัย และยานพาหนะที่คาดว่าใช้ในการหลบหนี

สำหรับ เมืองลูอิสตัน มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 38,000 คน ใช้เวลาขับรถ 45 นาทีไปทางเหนือของพอร์ตแลนด์ รัฐเมน

เมื่อการทำสงครามถล่มกาซาของอิสราเอล ทำให้เศรษฐกิจพัง วันละ 1.33 พันล้านบาท

(25 ต.ค. 66) อินโฟเควสท์ รายงานถึงสถานการณ์ในอิสราเอลภายใต้หัวข้อ 'ราคาของการแก้แค้น เมื่อการทำสงครามถล่มกาซาต้องแลกมาด้วยเศรษฐกิจของอิสราเอล' ระบุว่า...

สงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มติดอาวุธฮามาสในฉนวนกาซาไม่ใช่เป็นแค่เรื่องของแสนยานุภาพทางการทหารและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของผลสะเทือนทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนชาวอิสราเอลด้วย”

เหตุการณ์ที่กลุ่มฮามาสซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในปาเลสไตน์ เปิดฉากโจมตีอิสราเอลแบบไม่ทันตั้งตัวเมื่อเช้าวันเสาร์ที่ 7 ต.ค. จนมีพลเรือนเสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของอิสราเอลนั้น ทำให้อิสราเอลต้องการล้างแค้นและประกาศลั่นกลองรบโดยทิ้งระเบิดถล่มกาซาตลอด 2 สัปดาห์นับแต่นั้นมา อย่างไรก็ดี ราคาของการล้างแค้นต้องแลกมาด้วยความเสียหายทางเศรษฐกิจของอิสราเอล ซึ่งมีมูลค่าสูงอย่างที่อิสราเอลไม่ได้ประสบมาในรอบหลายทศวรรษ

>> ภาคธุรกิจหยุดชะงัก แรงงานโดนเกณฑ์ไปรบ
ขอบฟ้าของกรุงเทลอาวีฟที่มักจอแจไปด้วยเสียงรถเครนและกิจกรรมการก่อสร้างต้องเงียบสงัดอยู่หลายวันหลังจากที่เมืองสั่งปิดไซต์ก่อสร้าง โดยแม้จะเพิ่งกลับมาเปิดทำการอีกครั้งในสัปดาห์นี้ภายใต้มาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้น แต่การหยุดชะงักของภาคการก่อสร้างในช่วงที่ผ่านมาคาดว่าสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจให้อิสราเอลถึง 150 ล้านเชเกล (1.33 พันล้านบาท) ต่อวัน

นายราอูล ซารูโก ประธานสมาคมผู้รับเหมาก่อสร้างของอิสราเอลกล่าวว่า “นี่ไม่ใช่แค่กระทบกับผู้รับเหมาหรือนักอุตสาหกรรมเพียงอย่างเดียว แต่ยังกระทบต่อทุกครัวเรือนในอิสราเอลด้วย”

นอกจากนี้ ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ฮามาส ยังส่งผลให้แรงงานหายไปเป็นจำนวนมาก เนื่องจากทหารกองหนุนนับแสนรายถูกเรียกตัวเข้าประจำการ ส่วนแรงงานชาวปาเลสไตน์นับพันที่ทำงานให้อิสราเอลก็ไม่สามารถเดินทางข้ามพรมแดนจากฉนวนกาซากับเขตเวสต์แบงก์มาได้ ทำให้ภาคธุรกิจขาดแคลนกำลังคนและสร้างความปั่นป่วนต่อห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ท่าเรือไปจนถึงซูเปอร์มาร์เก็ต ในขณะที่ผู้ค้าปลีกก็ต้องให้พนักงานหยุดงานเนื่องจากไม่มีงานให้ทำ

โรงแรมต่าง ๆ มีชาวอิสราเอลที่อพยพจากพื้นที่ชายแดนมาพักอยู่ราว ๆ ครึ่งหนึ่ง ส่วนห้องที่เหลือส่วนใหญ่ไม่มีใครเข้าพัก โรงงานหลายแห่งแม้กระทั่งโรงที่ตั้งอยู่ใกล้กาซายังคงดำเนินงานต่อไป แต่ขาดแคลนคนขับรถบรรทุกจนไม่สามารถขนส่งสินค้าได้มากเท่าปกติ

บันไดเลื่อนและทางเดินในห้างสรรพสินค้าหลักของเมืองเยรูซาเลมร้างผู้คนในช่วงสองสัปดาห์แรกของสงคราม แม้ว่าช่วงหลังจะเริ่มมีลูกค้าทยอยเข้าห้างบ้างก็ตาม แต่นายเนทาเนล ชรากา ผู้จัดการร้านชุดกีฬาโคลัมเบียในห้างดังกล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า “จำนวนคนเดินผ่านไปผ่านมาลดลงไปมาก”

นายชรากากล่าวว่า พนักงานของเขาบางคนถูกเรียกตัวเข้ากองทัพ บางคนก็กลัวเกินกว่าจะมาทำงาน

อุตสาหกรรมเทคโนโลยี ซึ่งคิดเป็น 18% ของ GDP อิสราเอล ก็กำลังประสบความยากลำบาก โดยนายดรอร์ บิน ซีอีโอของสำนักงานนวัตกรรมอิสราเอลคาดว่า แรงงานในภาคไอทีประมาณ 10-15% ถูกเรียกตัวเข้าประจำการกองหนุน

“เราได้ติดต่อกับบริษัทเทคฯ หลายร้อยราย โดยเฉพาะพวกบริษัทสตาร์ตอัป” นายบินกล่าว พร้อมเสริมว่า หลายบริษัทกำลังจะหมดเงินทุนในการทำธุรกิจต่อไป

ด้านนายบารัค ไคลน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินจากบริษัทฟินเทคทีตาเรย์กล่าวว่า “ผลิตภาพลดลงไปมาก เพราะเป็นเรื่องยากที่จะจดจ่ออยู่กับงานในแต่ละวันเมื่อในหัวคุณกังวลแต่เรื่องความเป็นความตาย”

>> 'วิกฤตทางจิตใจ' คนอิสราเอลพากันรัดเข็มขัด
ด้วยแนวโน้มที่อิสราเอลจะส่งทหารบุกภาคพื้นดินเข้าฉนวนกาซาและความเป็นไปได้ที่สงครามจะลุกลามกลายเป็นความขัดแย้งในภูมิภาค ชาวอิสราเอลต่างพากันรัดเข็มขัด พฤติกรรมดังกล่าวส่งผลให้การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตลดลง 12% ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยการใช้จ่ายลดฮวบฮาบในเกือบทุกด้าน ยกเว้นการซื้ออาหารในซูเปอร์มาร์เก็ต

เมื่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคคิดเป็นมากกว่าครึ่งของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของอิสราเอล ความเสียหายทางเศรษฐกิจย่อมมีมหาศาล

ลีโอ ไลเดอร์แมน หัวหน้าที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของแบงก์ฮาโปอาลิม (Bank Hapoalim) หนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของอิสราเอลกล่าวว่า มี “วิกฤตทางจิตใจ” ในหมู่ประชาชนชาวอิสราเอล

“ประชาชนจะลดการใช้จ่ายด้านการบริโภค เพราะสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนและบรรยากาศที่ไม่เป็นใจ” นายไลเดอร์แมนกล่าว

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่อาวุโสในกระทรวงการคลังของอิสราเอลเปิดเผยกับทางรอยเตอร์ว่า “อิสราเอลฟื้นตัวได้ดีอย่างน่าทึ่งจากการสู้รบครั้งที่ผ่าน ๆ มา แต่เหตุการณ์ครั้งนี้มีความรุนแรงมากกว่าที่เคย แม้ตอนนี้ยังเร็วเกินกว่าที่จะบอกได้ก็ตาม”

>> เศรษฐกิจหด เครดิตลด หนี้เพิ่ม เงินอ่อนค่า แม้แบงก์ชาติมั่นใจว่าจะฟื้นตัว
เมื่อวันจันทร์ (23 ต.ค.) ธนาคารกลางอิสราเอลปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2566 เหลือ 2.3% จาก 3% และลดเหลือ 2.8% จาก 3.0% ในปี 2567 โดยตั้งสมมติฐานว่าสงครามจะถูกจำกัดวงไว้อยู่ในกาซาเท่านั้น

รัฐบาลอิสราเอลได้ให้สัญญาว่าจะใช้จ่ายในการทำสงครามครั้งนี้แบบ “ไม่จำกัด” นั่นหมายความว่างบประมาณจะยิ่งขาดดุลมากขึ้นและประเทศมีหนี้มากขึ้น โดยธนาคารกลางคาดการณ์ว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP จะพุ่งแตะระดับ 62% ในปี 2566 และ 65% ในปี 2567 จากเดิมที่อยู่ระดับ 60.5% ในปี 2565

ขณะเดียวกัน นายอามีร์ ยารอน ผู้ว่าการธนาคารกลางอิสราเอล ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจของประเทศจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในไม่ช้านี้ หลังจากธนาคารกลางคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันในการประชุม 3 ครั้งเพื่อรักษาเสถียรภาพในระบบการเงิน พร้อมกับกล่าวว่า ธนาคารกลางยังไม่ควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อพิจารณาภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน เนื่องจากการลดดอกเบี้ยจะส่งผลให้เงินเชเกลอ่อนค่าลงอีก และจะยิ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น

ทั้งนี้ นับตั้งแต่เริ่มสงคราม สกุลเงินเชเกลของอิสราเอลอ่อนค่าลง 5% และหากนับตั้งแต่ต้นปี 2566 ก็ร่วงลงไปแล้ว 15.5%

แม้ว่าธนาคารกลางอิสราเอลยังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศ แต่มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของอิสราเอล โดยมีแนวโน้มที่จะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ A1 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส

“ความขัดแย้งทางทหารในครั้งนี้กำลังทำให้อิสราเอลมีความเสี่ยงด้านภูมิศาสตร์เพิ่มขึ้นอีก จากเดิมที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูงอยู่แล้ว ความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นนี้มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นเป็นเวลานานและส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของอิสราเอลอย่างเป็นรูปธรรม”

“ต่อให้ความขัดแย้งนี้เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้น ๆ ก็ยังจะส่งผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของอิสราเอล ดังนั้นหากความขัดแย้งยืดเยื้อเป็นเวลานานขึ้น รุนแรงมากขึ้น และลุกลามเป็นวงกว้างมากขึ้น ก็จะยิ่งส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการดำเนินนโยบาย การคลังสาธารณะ (public finance) และเศรษฐกิจของอิสราเอล” มูดี้ส์กล่าว

มูดี้ส์ระบุว่า อิสราเอลได้ใช้จ่ายเงินด้านกลาโหมประมาณ 4.5% ของ GDP ซึ่งมากกว่าประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) และคาดว่าอิสราเอลจะเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมเมื่อพิจารณาจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในขณะนี้

นอกจากมูดี้ส์แล้ว เมื่อวานนี้ (24 ต.ค.) เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ (S&P) ประกาศลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของอิสราเอลลงสู่ “เชิงลบ” จาก “มีเสถียรภาพ” และคงอันดับความน่าเชื่อถือของอิสราเอลไว้ที่ระดับ AA- โดยระบุว่า ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสมีแนวโน้มที่จะบานปลาย และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระดับที่รุนแรงมากขึ้น

เอสแอนด์พีคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอิสราเอลจะหดตัวลง 5% ในไตรมาส 4 ปีนี้เมื่อเทียบกับในไตรมาส 3 เนื่องจากสงครามในครั้งนี้ส่งผลให้เกิดภาวะชะงักงันและทำให้กิจกรรมทางธุรกิจอ่อนแอลง นอกจากนี้ ภาวะสงครามยังทำให้รัฐบาลอิสราเอลต้องเกณฑ์ทหารกองหนุนจำนวนมาก อีกทั้งทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวถูกชัตดาวน์ และบั่นทอนความเชื่อมั่นเป็นวงกว้าง

>> สิ่งที่ต้องแลกมาเพื่อ 'ตาต่อตา ฟันต่อฟัน'
เศรษฐกิจอิสราเอลในอดีตฟื้นตัวมาได้หลายต่อหลายครั้ง เช่นเมื่อปี 2549 ในการทำสงคราม 34 วันกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอนที่มีอิหร่านหนุนหลัง GDP ของอิสราเอลลดลงถึง 0.5% แต่ก็ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วหลังจากนั้น

อย่างไรก็ดี สงครามในปัจจุบันส่งผลสะเทือนทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้างมากยิ่งกว่าที่เคย ราคาของการล้างแค้นครั้งนี้ไม่เพียงต้องจ่ายด้วยชีวิตคนและความไร้เสถียรภาพทางภูมิรัฐศาสตร์เท่านั้น แต่ยังสร้างภาระหนักต่อเศรษฐกิจของอิสราเอลเองอีกด้วย

'จีน' ส่งเทียบเชิญ 'นักบินอวกาศต่างชาติทั่วโลก' ร่วมภารกิจท่องสถานีอวกาศของจีนในปี 2030

(25 ต.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หลินซีเฉียง รองผู้อำนวยการองค์การอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุมแห่งประเทศจีน (CMSA) แถลงข่าวว่าจีนสามารถและพร้อมจะเชิญชวนนักบินอวกาศชาวต่างชาติเข้าร่วมภารกิจการเดินทางสู่สถานีอวกาศของจีน

หลินกล่าวว่ามีการส่งคำเชิญชวนไปทั่วโลก โดยยินดีต้อนรับทุกประเทศและภูมิภาคที่มุ่งมั่นใช้อวกาศอย่างสันติเพื่อร่วมมือกับจีนและเข้าร่วมภารกิจสถานีอวกาศของจีน โดยหลินเสริมว่าในอนาคตจะมีการเชิญชวนนักบินอวกาศชาวต่างชาติเข้าร่วมภารกิจลงจอดบนดวงจันทร์ของจีนด้วย

ทั้งนี้ จีนวางแผนส่งยานอวกาศลงจอดบนดวงจันทร์โดยมีมนุษย์ควบคุมภายในปี 2030 ซึ่งปัจจุบันจีนเดินหน้างานวิจัยและพัฒนาอย่างแข็งขันเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าวตามกำหนดการ

หลินเน้นย้ำว่าการดำเนินงานทางวิศวกรรมอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุมของจีนมีวัตถุประสงค์เพื่อความสันติโดยเฉพาะ และจีนไม่เคยแสวงหาหรือจะแสวงหาการมีอำนาจนำในอวกาศ โดยจีนยินดีเดินหน้าความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศบนพื้นฐานของการใช้อย่างสันติ ความเท่าเทียม ผลประโยชน์ร่วม และการพัฒนาร่วมกัน

นอกจากนั้นหลินเสริมว่าการทำงานร่วมกันนั้นครอบคลุมการเดินทางสู่อวกาศร่วมกันของนักบินอวกาศ การพัฒนาและการทดลองอุปกรณ์บรรทุก (payload) ในอวกาศ การกำกับดูแลสิ่งแวดล้อมในอวกาศ และการศึกษาวิทยาศาสตร์การบินและอวกาศสำหรับเยาวชน

‘อันโตนิอู กุแตเรซ’ ชี้ ชาวปาเลสไตน์บอบช้ำยาวนาน 56 ปี ต้องทนเห็นแผ่นดิน-บ้านเมือง-เศรษฐกิจ พังยับเยิน สูญสิ้นหนทางแก้ปัญหา

อันโตนิอู กุแตเรซ เลขาธิการสหประชาชาติ แสดงความคิดเห็นแทนชาวปาเลสไตน์ในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ถึงชะตากรรมของชาวปาเลสไตน์ ตลอด 56 ปี ภายใต้การยึดครอง ที่มองไปทางไหนก็ไม่เห็นทางออก…ความฝันที่จะแก้ปัญหาก็สลายหายไปพร้อมกับสงคราม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top