Saturday, 10 May 2025
WORLD

เรือดำน้ำ Titan สูญหายระหว่างชมซาก ‘ไททานิค’ จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีวี่แววของเรือลำดังกล่าว

ปฏิบัติการค้นหา ‘เรือดำน้ำ Titan’ หลังสูญหายระหว่างเที่ยวชมซาก ‘ไททานิค’ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ระบุว่า จนถึงตอนนี้ยังไม่มีวี่แววของเรือลำดังกล่าว

(20 มิ.ย. 66) ทีมค้นหาของสหรัฐฯ และแคนาดากำลังแข่งกับเวลาเพื่อค้นหาเรือดำน้ำของนักท่องเที่ยวที่หายไประหว่างการดำลงไปที่ ‘ซากเรือไททานิค’ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ข้อมูลจาก BBC รายงานว่า ปฏิบัติการกู้ภัยยังคงดำเนินต่อไปในคืนกลางมหาสมุทรแอตแลนติก แต่จนถึงตอนนี้ (13.00 น.) ตามเวลาไทย ยังไม่มีวี่แววของเรือลำดังกล่าว

เรือลำที่สูญหาย คือ ‘เรือดำน้ำ Titan’ ของบริษัทเอกชน OceanGate Expeditions ข้อมูลเฉพาะระบุว่า สามารถดำได้ลึกลงไปถึง 4,000 เมตร มีการออกแบบให้มีอุปกรณ์ยังชีพ (life support) กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินสำหรับ 5 คน นาน 96 ชั่วโมง หรือ 4 วัน เจ้าหน้าที่คาดว่า มีออกซิเจนฉุกเฉินสำหรับคนบนเรืออยู่ที่ 70-96 ชั่วโมง

บริษัททัวร์ OceanGate กล่าวว่ากำลังสำรวจทางเลือกทั้งหมดเพื่อให้ลูกเรือกลับมาอย่างปลอดภัย และหน่วยงานรัฐบาลได้เข้าร่วมปฏิบัติการช่วยเหลือ นี่คือสิ่งที่เรารู้จนถึงตอนนี้ 

>> ความพยายามล่าสุดในการกู้ภัย

ผู้นำปฏิบัติการค้นหาระบุในทวิตเตอร์ว่า ลูกเรือ 5 คน จมอยู่ใต้น้ำในเช้าวันอาทิตย์ และลูกเรือขาดการติดต่อประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที หลังการดำลงของเรือ โดยคาดว่า เรือดำน้ำไททันอยู่ห่างจากชายฝั่งประมาณ 900 ไมล์ (1,450 กม.) ในขณะนั้น

พลเรือตรี จอห์น เมาเกอร์ ของหน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า การดำเนินการค้นหาในพื้นที่ห่างไกลแบบนี้ถือเป็นความท้าทาย

หน่วยยามฝั่งได้ส่งเครื่องบิน C-130 Hercules จำนวน 2 ลำเพื่อค้นหา โดยมีเครื่องบิน C-130 ของแคนาดาและเครื่องบิน P8 ที่ติดตั้งระบบโซนาร์ใต้น้ำเข้าร่วมด้วย

ขณะที่พลเรือตรีเมาเกอร์กล่าวว่า ต้องการความเชี่ยวชาญเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือเรือ หากพบเรือจมอยู่ใต้น้ำ และกำลังยื่นมือขอความช่วยเหลือ รวมทั้งกองทัพเรือสหรัฐฯ

>> มีใครอยู่บนเรือ?
.
ตามรายงานระบุว่า ใน 5 คนที่อยู่บนเรือดำน้ำไททัน มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับการยืนยัน คือ ฮามิช ฮาร์ดิง นักธุรกิจและนักสำรวจมหาเศรษฐีชาวอังกฤษวัย 59 ปี

นายฮาร์ดิงประกาศครั้งแรกว่าเข้าร่วมทีมเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว และกล่าวว่า ลูกเรือประกอบด้วย นักสำรวจสองสามคน ซึ่งบางคนเคยดำน้ำในเรือ RMS Titanic มาแล้วกว่า 30 ครั้งตั้งแต่ทศวรรษ 1980

เขาเป็นประธานของ Action Aviation ซึ่งเป็นบริษัทระหว่างประเทศ ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการขายและการดำเนินงานในอุตสาหกรรมการบินเชิงธุรกิจ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

>> ลูกเรือชม Titanic ต้องจ่ายเท่าไร?

บริษัท โอเชียนเกต เอ็กส์เพดิชันส์ คิดค่าใช้จ่ายเพื่อชมซากเรือไททานิค ซึ่งอยู่ใต้พื้นผิว 3,800 เมตร (12,500 ฟุต) ที่ด้านล่างของมหาสมุทรแอตแลนติก ทริป 8 วัน คนละ 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 8.7 ล้านบาท

มีรายงานว่าการดำลงไปที่ซากเรือทั้งหมดรวมถึงการลงและขึ้นนั้นใช้เวลา 8 ชั่วโมง การเดินทางแต่ละครั้งกินเวลา 8 วัน ตามข้อมูลของ โอเชียนเกต และการดำน้ำแต่ละครั้งมีเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์ รวมถึงการศึกษาการสลายตัวของซากเรือด้วย ซึ่งการดำน้ำครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 2564 ตามเว็บไซต์ของบริษัท 

>> เรารู้อะไรเกี่ยวกับเรือดำน้ำไททันบ้าง?

เรือไททันเป็นเรือดำน้ำขนาด 5 คน มีน้ำหนัก 10,432 กิโลกรัม สามารถดำลงใต้ทะเลลึกสุด 13,100 ฟุต และมีอากาศสำหรับการดำรงชีพของผู้โดยสาร 5 คน นาน 96 ชั่วโมง

นอกจากการพาไปยังซากเรือไททานิคแล้ว ยังใช้สำหรับการสำรวจและตรวจสอบสถานที่ การวิจัยและการรวบรวมข้อมูล การผลิตภาพยนตร์และสื่อ และการทดสอบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ในทะเลลึก

จุดที่ดำลงไปอยู่ใต้ทะเลลึก 3,800 เมตร ใต้พื้นมหาสมุทรแอตแลนติก ห่างจากชายฝั่งรัฐนิวฟันด์แลนด์ของแคนาดา ราว 600 กิโลเมตร เป็นจุดที่เรือไททานิคจมสู่ใต้ทะเล
 

‘ฟอร์ด’ เตือน ให้เตรียมพร้อมรับมือ รถอีวีจากจีน บุกสหรัฐฯ ชี้อเมริกายังผลิตสู้ไม่ได้

นายบิลล์ ฟอร์ด จูเนียร์ ประธานกรรมการบริหารของฟอร์ด ให้สัมภาษณ์ในรายการ “ฟารีด ซาคาเรีย จีพีเอส” ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นเมื่อวันอาทิตย์ (18 มิ.ย.) ว่า สหรัฐฯ ยังไม่มีความพร้อมที่จะผลิตรถอีวีออกมาแข่งขันกับจีน ซึ่งมีการพัฒนาอย่างขนานใหญ่ไปรวดเร็วมาก และขณะนี้กำลังมีการส่งออกแล้ว โดยถึงแม้รถอีวีจากแดนมังกรยังไม่บุกตลาดสหรัฐฯ แต่สักวันหนี่งก็จะมาแน่ๆ ซึ่งสหรัฐฯ ต้องเตรียมตัวให้พร้อม และบริษัทของเขากำลังเตรียมการสำหรับการแข่งขันเช่นกัน

ผู้เป็นเหลนของนายเฮนรี ฟอร์ด ผู้ก่อตั้งบริษัทรถยนต์ฟอร์ด หมายถึงโรงงานผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า มูลค่า 3,500 ล้าน ซึ่งเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา บริษัทฟอร์ดได้ประกาศแผนการลงทุนก่อสร้าง แต่ทำให้เกิดข้อถกเถียงในหมู่นักการเมืองสหรัฐฯ เนื่องจากฟอร์ดมีการทำข้อตกลงที่จะใช้เทคโนโลยีจากบริษัทคอนเทมโพรารี แอมเพอเร็กซ์ เทคโนโลยี (Contemporary Amperex Technology หรือ CATL) ผู้ผลิตแบตเตอรี่ของจีน โดยวุฒิสมาชิกมาร์โก รูบิโอ ขอให้รัฐบาลของประธานาธิบดี โจ ไบเดน พิจารณาทบทวนการทำข้อตกลงนี้

นายฟอร์ด จูเนียร์ ชี้แจงในรายการว่า โรงงานผลิตแบตเตอรี่ที่รัฐมิชิแกนจะเป็นโอกาสให้วิศวกรของฟอร์ดได้เรียนรู้เทคโนโลยีและสามารถนำมาใช้ด้วยตนเอง โดยบริษัทฟอร์ดเป็นเจ้าของโรงงานแห่งนี้แต่ผู้เดียว อีกทั้งบริษัทกำลังดำเนินการเพื่อได้รับสิทธิในการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวด้วย นอกจากนั้น เขายังคัดค้านความคิดที่ว่า การมีฐานผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯ จะทำให้รถยนต์มีราคาสูงขึ้น แต่กลับเห็นว่า จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ

นายจิม ฟาร์ลีย์ ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของฟอร์ด เคยออกมาเตือนครั้งหนึ่งแล้วเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมาว่า ผู้ผลิตรถอีวีของจีนคือคู่แข่งสำคัญของสหรัฐฯ ไม่ใช่บริษัทจีเอ็ม หรือโตโยต้า ฉะนั้น ฟอร์ดจึงจำเป็นต้องสร้างแบรนด์ที่โดดเด่น หรือผลิตรถราคาถูกกว่าเพื่อเอาชนะคู่แข่ง

ทั้งนี้ ตลาดรถอีวีในยุโรปถูกจีนบุกไปเรียบร้อยแล้ว โดยรถยนต์ผลิตในจีนที่ขายส่วนใหญ่เป็นรถอีวีจากบริษัทเทสลา ส่วนแบรนด์รถยุโรป ซึ่งถูกบริษัทจีนซื้อกิจการ เช่น วอลโว และเอ็มจี หรือรถแบบอื่นๆ เช่น รถยนต์ไฟฟ้าของดาเซียสปริง (Dacia Spring) หรือบีเอ็มดับบลิว ไอเอ็กซ์3 (BMW iX3) ก็ผูกขาดผลิตอยู่แต่ในจีนเท่านั้น

นับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา รถยนต์ที่ผลิตในจีนมีการส่งออกเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่าถึงกว่า 2 ล้าน 5 แสนคันเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการท้าทายชาติผู้ส่งออกแต่เดิมมา เช่น เยอรมนี โดยจีนเตรียมขึ้นแท่นชาติผู้ส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ซึ่งอาจทำให้โฉมหน้าอุตสาหกรรมรถยนต์ในโลกเปลี่ยนไป

‘สีจิ้นผิง’ ประธานาธิบดีจีน พบปะกับ ‘แอนโทนี บลิงเคน’ รมว. ต่างประเทศของสหรัฐฯ ณ อาคารมหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง

(ซินหัว) -- วันจันทร์ (19 มิ.ย.) สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน พบปะกับแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ณ อาคารมหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน

สีจิ้นผิงชี้ว่าโลกต้องการความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ที่มีเสถียรภาพในภาพรวม และการที่ทั้งสองประเทศแสวงหาหนทางอันถูกต้องเพื่ออยู่ร่วมกันได้นั้นจะส่งผลต่ออนาคตของมนุษยชาติ พร้อมเสริมว่าชาวจีนเป็นผู้มีเกียรติศักดิ์ศรี ความมั่นใจ และพึ่งพาตนเองได้เช่นเดียวกับชาวอเมริกัน โดยประชาชนทั้งสองประเทศมีสิทธิแสวงหาชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

ทั้งสองประเทศควรปฏิบัติตนด้วยสำนึกของการรับผิดชอบต่อประวัติศาสตร์ ประชาชน และโลก รวมถึงจัดการความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ อย่างเหมาะสม พร้อมทั้งควรให้คุณค่ากับผลประโยชน์ร่วมของทั้งสองประเทศ และความสำเร็จของอีกฝ่ายถือเป็นโอกาสมากกว่าภัยคุกคามต่อกัน โดยวิธีนี้ จีนและสหรัฐฯ อาจมีส่วนส่งเสริมสันติภาพและการพัฒนาของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงและปั่นป่วนให้มีเสถียรภาพ ความแน่นอน และความสร้างสรรค์มากขึ้น

สีจิ้นผิงเน้นย้ำว่าการแข่งขันของประเทศขนาดใหญ่ไม่สะท้อนกระแสธารแห่งยุคสมัย และยังคงไม่สามารถแก้ปัญหาของอเมริกาเองหรือความท้าทายต่างๆ ที่โลกกำลังเผชิญได้ โดยจีนเคารพผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และไม่ได้แสวงหาการท้าทายหรือแทนที่สหรัฐฯ

ทำนองเดียวกัน สหรัฐฯ จำเป็นต้องเคารพจีน และต้องไม่ละเมิดสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของจีน โดยทั้งสองฝ่ายไม่ควรมุ่งกดดันอีกฝ่ายตามความประสงค์ของตัวเอง หรือลิดรอนสิทธิอันชอบธรรมในการพัฒนาของอีกฝ่าย

สีจิ้นผิงกล่าวว่าจีนหวังเห็นความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ที่แข็งแรงและมั่นคงมาโดยตลอด และเชื่อว่าประเทศขนาดใหญ่ทั้งสองสามารถเอาชนะอุปสรรคต่างๆ และแสวงหาหนทางอันถูกต้องเพื่ออยู่ร่วมกันบนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และความร่วมมือแบบได้ประโยชน์ทุกฝ่าย พร้อมเรียกร้องฝ่ายสหรัฐฯ ใช้ท่าทีที่มีเหตุผลและปฏิบัติได้จริง รวมถึงทำงานกับจีนในทิศทางเดียวกัน

ทั้งนี้ สีจิ้นผิงชี้ว่าทั้งสองฝ่ายจำเป็นต้องยึดมั่นความเข้าใจร่วมกันที่เขาและประธานาธิบดีโจ ไบเดน บรรลุในจังหวัดบาหลีของอินโดนีเซีย และปฏิบัติตามแถลงการณ์เชิงบวกเพื่อสร้างเสถียรภาพและปรับปรุงความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ต่อไปด้วย
 

‘เอวาเรสต์’ โพสต์คลิป อธิบายวิธีการทิ้งขยะ ที่เกาหลีใต้ ถ้าทิ้งไม่ดี มีโทษ โดนปรับ หลายล้านวอน

ผู้ใช้ TikTok ที่ชื่อว่า avarest เอวาเรสต์ ได้โพสต์คลิปสั้น อธิบายถึงการทิ้งขยะของประชาชน ผู้ที่อยู่ในประเทศเกาหลีใต้ โดยได้ระบุวิธีการทิ้งขยะไว้ มีใจความว่า ...

ประเทศที่ทิ้งขยะยากที่สุด ทิ้งผิดโดนปรับเป็นล้านวอน ทิ้งหน้าบ้านคนอื่นก็ไม่ได้ ที่นี่คือเกาหลีใต้ ขยะเขาจะมีการแยกอย่างชัดเจน อันนี้กระดาษ อันนี้โฟมและจะต้องทำความสะอาดด้วยนะ แม้ว่าประเทศเกาหลีใต้จะเป็นประเทศที่ใช้พลาสติกมากติดอันดับโลก แต่ประเทศของเขาก็สะอาดมาก เพราะประเทศของเขามีการแยกขยะมากถึง 6 ประเภท พร้อมมีการติดตั้ง กล้องวงจรปิด จะทิ้งผิดก็ไม่ได้ แถมถุงขยะที่ใช้ก็จะต้องมาจากรัฐบาลเท่านั้น เพราะจะมีการระบุเขต ซื้อที่โซลจะเอาไปใช้ที่ปูซานไม่ได้ และแต่ละเขตก็จะมีวันเก็บขยะที่ต่างกัน ดังนั้นถ้าทิ้งผิดวันก็จะโดนปรับ

แล้วถ้าเรา แอบเอาขยะไปทิ้งที่บ้านอื่นจะได้ไหม คำตอบก็คือไม่ได้ บางบ้านก็มีกุญแจล็อคถังขยะที่หน้าบ้านเลย เพราะว่าขยะบางอย่างต้องเสียเงินทิ้ง ยกตัวอย่างเช่น เศษอาหารหรือเครื่องใช้เฟอร์นิเจอร์ แต่ละบ้านก็เลยต้องติดตั้งกล้องและคอยดู

‘ปากีฯ’ จ่ายเงินค่าน้ำมันดิบรัสเซียเป็น ‘เงินหยวน’ จากเดิมที่ทำธุรกรรมเป็น ‘เงินดอลลาร์’ ส่วนใหญ่

ปากีสถานชำระเงินค่าน้ำมันดิบที่ได้รับการส่งมอบชุดแรกจากรัสเซีย ด้วยสกุลเงินหยวนของจีน ตามรายงานของรอยเตอร์เมื่อเร็ว ๆ นี้ อ้างอิงคำกล่าวของ มูซาดิค มาลิก รัฐมนตรีการปิโตรเลียมของปากีสถาน ส่วนหนึ่งในความพยายามลดพึ่งพิงดอลลาร์สหรัฐ

น้ำมันดิบดังกล่าวถูกลำเลียงมาถึงนครการาจีเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่ทางรัสเซียและปากีสถานบรรรลุกันเมื่อเดือนมกราคม และคำสั่งแรกภายใต้ข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นในเดือนเมษายน

มาลิก ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดด้านราคาหรือส่วนลดในการจัดซื้อครั้งนี้ แต่รายงานของรอยเตอร์ระบุว่า มันเป็นการชำระด้วยสกุลเงินหยวน ซึ่งการทำธุรกรรมด้วยสกุลเงินของจีน ถือเป็นการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญของปากีสถาน ในด้านนโยบายการชำระเงินขาออก จากเดิมที่ทำธุรกรรมด้วยสกุลเงินดอลลาร์เป็นส่วนใหญ่

รัสเซียลงนามในข้อตกลงน้ำมันกับปากีสถาน ส่วนหนึ่งในความพยายามกระจายลู่ทางการส่งออกของพวกเขา หลังจากถูกอียู จี7 และบรรดาชาติพันธมิตรกำหนดมาตรการคว่ำบาตรร่วมกันในเดือนธันวาคม เช่นเดียวกับมาตรการควบคุมเพดานราคาไว้ไม่เกิน 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

มอสโกปรับเปลี่ยนกระแสน้ำมันมุ่งหน้าสู่ประเทศต่าง ๆ อย่างเช่นอินเดีย และจีน และตกลงชำระเงินด้วยสกุลเงินอื่น ๆ แทนดอลลาร์ สืบเนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรที่ตัดขาดมอสโกจากระบบการเงินของตะวันตก

อ้างอิงจากรายงานข่าวก่อนหน้านี้ ปากีสถานตกลงซื้อน้ำมันดิบรัสเซียในราคาราว 50 ถึง 52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อปีที่แล้ว ประเทศแห่งนี้นำเข้าน้ำมันดิบ 154,000 บาร์เรลต่อวัน แต่ในนั้น 80% เป็นการนำเข้าจากซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และประเทศอื่น ๆ ในอ่าวอาหรับ

การนำเข้าพลังงานมีสัดส่วนมากที่สุดในการชำระเงินขาออกของปากีสถาน พวกเขาหวังว่าน้ำมันดิบลดราคาของรัสเซียจะช่วยรักษาเสถียรภาพด้านราคาน้ำมันในประเทศ ซึ่งกำลังเผชิญหนี้ภายนอกระดับสูง ค่าเงินอ่อนค่า และทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับต่ำมาก

สะเทือน ‘เมียนมา’ ไม่มีผู้บาดเจ็บ - เสียชีวิต  จุดศูนย์กลางห่างจากเมืองพยาโบน ราว 112 กิโลเมตร

ย่างกุ้ง, 19 มิ.ย. (ซินหัว) — วันจันทร์ (19 มิ.ย.) สำนักอุตุนิยมวิทยาและอุทกวิทยาของเมียนมา รายงานการเกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.1 ตามมาตราแมกนิจูด ตอนประมาณ 08.10 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งมีศูนย์กลางห่างจากเมืองพยาโบน ภูมิภาคอิรวดีทางตอนใต้ของประเทศไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 70 ไมล์ (ราว 112 กิโลเมตร)

ยินเมียวมินทวย รองผู้อำนวยการแผนกแผ่นดินไหวของสำนักฯ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่ก้นทะเล และไม่มีแนวโน้มจะเกิดสึนามิ โดยสึนามิจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อขนาดของแผ่นดินไหวอยู่ที่ 6.5 ตามมาตราแมกนิจูดขึ้นไป

ยินเสริมว่าปัจจุบันไม่มีรายงานยอดผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต รวมถึงความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าว ขณะประชาชนในบางเมืองของภูมิภาคย่างกุ้งรายงานว่ารู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อย

อนึ่ง สำนักฯ ระบุว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้มีความลึก 10 กิโลเมตร อยู่ที่ลองจิจูด 96.33 องศาตะวันออก และละติจูด 15.5 องศาเหนือ

‘ฮ่องกง’ เตรียมประกาศเปิดรับแรงงานต่างชาติเพิ่ม แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน รองรับ GDP โตต่อเนื่อง

เมื่อไม่นานนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ‘ฮ่องกง’ ได้เตรียมเปิดรับแรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานในประเทศเพิ่ม โดยนายจอห์น ลี ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงกล่าวว่า ฮ่องกงจะผ่อนปรนกฎการเข้าเมืองสำหรับแรงงานต่างชาติ เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานบนเกาะฮ่องกง ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเงิน

รัฐบาลจะประกาศแผนการดึงดูดคนให้เข้ามาทำงานในภาคส่วนต่าง ๆ ที่ประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานอย่างรุนแรง

ฮ่องกงกำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคบริการและอุตสาหกรรมอื่นๆ ในขณะที่จำนวนธุรกิจเพิ่มมากขึ้น นับตั้งแต่มีการยกเลิกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้านนักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า ปัญหามาจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง ซึ่งรวมถึงแรงงานท้องถิ่นที่ลดลง และนโยบายการย้ายถิ่นฐานของฮ่องกงเองด้วย

เศรษฐกิจของฮ่องกงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในไตรมาสแรก โดยฟื้นตัวจากภาวะถดถอยขณะที่การเปิดพรมแดนได้ฟื้นฟูการใช้จ่าย โดยจากผลสำรวจล่าสุดของสำนักข่าวบลูมเบิร์กนั้น นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของฮ่องกงจะเร่งตัวขึ้นสู่ระดับ 4.6% ในปีนี้

แม้ว่านายลีไม่ได้ระบุรายละเอียดเฉพาะเจาะจงใดๆ ของแผนการแก้ไขปัญหาแรงงาน แต่ได้อ้างถึงปัญหาในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การเดินทาง การขนส่ง และการก่อสร้าง โดยฮ่องกงต้องการแรงงานก่อสร้างอย่างน้อย 10,000 คน และแรงงานในภาคการเดินทางและขนส่ง 8,000 คน
 

‘ทหารสหรัฐฯ’ ยอมรับ ‘ยูเครน’ เผชิญความยากลำบากในการสู้รบ ชี้!! สงครามทวงคืนดินแดนครั้งนี้ไม่คุ้มกับราคาที่ต้องจ่าย

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 66 หลังจากเล่นบทป๋าทุ่มทั้งเงินและอาวุธเพียบช่วยยูเครน วันนี้อเมริกาหน้าจ๋อย บรรดาเจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐฯ ยอมรับว่ายูเครนกำลังเผชิญการสู้รบที่ยากลำบาก ปฏิบัติการทวงคืนดินแดนกลับครั้งนี้ ดูเหมือนว่าจะต้องชดใช้ราคาแพง

คำประเมินของสหรัฐฯ ต่อปฏิบัติการตีโต้กลับของเคียฟ มีขึ้นในขณะที่พวกนักรบเชเชน บอกว่า พวกเขาได้เข้าประจำการในแคว้นเบลโกร็อดของรัสเซีย ที่มีชายแดนติดกับยูเครน เพื่อป้องกันการโจมตีของกลุ่มหัวรุนแรงรัสเซียที่ฝักใฝ่ยูเครน

‘ลอยด์ ออสติน’ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ บอกกับที่ประชุมว่า เคียฟจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และยูเครนต้องการอาวุธมากกว่าเดิม ยูเครนยังเหลือพลานุภาพการโจมตีอีกมากสำหรับปฏิบัติการโจมตีตอบโต้กลับ แม้ประสบความสูญเสียในเบื้องต้นจากฝีมือของรัสเซีย

มอสโกเผยแพร่วิดีโอเป็นภาพรถถังเลพเพิร์ดของเยอรมนี และยานต่อสู้แบรนด์ลีย์ ที่บริจาคโดยสหรัฐฯ หลายคัน อ้างว่าสามารถยึดมาได้ ทั้งที่ปฏิบัติการตีโต้ทวงคืนดินแดนจากรัสเซียของยูเครนเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น พ.อ.โอเล็กซี ฮโรมอฟ แห่งกองทัพยูเครนว่าจนถึงตอนนี้ยูเครนสามารถทวงคืนถิ่นพักอาศัยทางภาคใต้มาได้ 7 แห่ง และรุกคืบยึดดินแดนคืนมาได้ 100 ตารางกิโลเมตร

บททดสอบสำคัญของปฏิบัติการโจมตีตอบโต้กลับของยูเครนยังคงรออยู่เบื้องหน้า ในขณะที่ทหารเคียฟยังบุกไปไม่ถึงป้อมปราการป้องกันตนเองที่หนาแน่นที่สุดของรัสเซีย เคียฟเชื่อว่าจำเป็นต้องตระเตรียมกองกำลังโจมตีราว 12 กองพัน แต่ละกองพันมีทหารหลายพันนาย และใช้ยานยนต์หุ้มกราะของตะวันตกที่เพิ่งมาถึงล่าสุด

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ยืนยันเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ว่า กองกำลังยูเครนประสบความสูญเสียมากกว่ารัสเซียถึง 10 เท่า และบอกว่าปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ของยูเครนล้มเหลว

ธงชาติ ปักคู่ กระเป๋าเป้สะพายหลัง ทำแบบนี้มีความหมายบางอย่าง ในประเทศเนเธอร์แลนด์

ผู้ใช้ TikTok ที่ชื่อว่า movedtoamsterdam ได้โพสต์คลิปสั้น อธิบายความหมายที่ซ่อนอยู่ กับการนำธงชาติ มาปักคู่ กับกระเป๋าเป้สะพายหลัง โดยมีใจความว่า ...

รู้หรือไม่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ถ้าเห็นธงชาติปักอยู่กับกระเป๋า backpack (กระเป๋าเป้สะพายหลัง) มันมีความหมายซ่อนอยู่ ในวัฒนธรรมของประเทศเนเธอร์แลนด์ ถ้าบ้านไหนมีลูกที่กำลังจะเรียนจบม.6 หรือว่า High School เขาก็จะทำแบบนี้เพื่อบอกเพื่อนบ้าน และเพื่อเป็นการแสดงความยินดีกับเด็กคนนั้นที่เรียนจบ แสดงความยินดี ที่ว่าการเรียนการศึกษาที่เรียนมาตลอดมันกำลังจะจบแล้วนะ เพราะว่าในประเทศเนเธอร์แลนด์ การเรียนจบในระดับชั้น ม.6 หรือว่า High School นั้นก็ถือว่าพอแล้ว เขาจะไม่บังคับว่าจะต้องเรียนในมหาลัยต่อ ก็เลยถือว่าการศึกษาที่จะต้องแบกกระเป๋า backpack ไปเรียนนั้นสิ้นสุดลงแล้ว เป็นการแสดงความยินดีแบบน่ารักๆ

แต่จริง ๆ แล้ว ก่อนที่การแสดงสัญลักษณ์แบบนี้จะเป็นที่ยอมรับในวงกว้างนั้น มันก็เคยเกิดเป็นประเด็นขึ้นมาก่อน เพราะว่ามันคือการนำธงชาติมาใช้ หลายคนก็จะมองว่ามันเหมาะสมหรือไม่ แต่สุดท้ายคนในสังคมก็ทำกัน ซึ่งรัฐบาลก็ปล่อยไป ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเป็นการกระทำที่ไม่ได้ร้ายแรง ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรต่อสังคม

แฟนบอลจีน วัย 18 ปี โดนแบน 1 ปี  หลังกระโดดพุ่งลงมาจากอัฒจันทร์ และสวมกอด ‘เมสซี่’

(ซินหัว) — แฟนบอลชาวจีนรายหนึ่งถูกสั่งห้ามเข้าสนามกีฬาเป็นเวลา 1 ปี หลังบุกเข้าสนามระหว่างการแข่งขันนัดกระชับมิตรอาร์เจนตินา-ออสเตรเลียในกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน เมื่อวันพฤหัสบดี

(15 มิ.ย.) ที่ผ่านมา เด็กหนุ่มอายุ 18 ปี ผู้ถูกตำรวจปักกิ่งระบุตัวตนด้วยนามสกุล “ตี่” ได้กระโดดลงมาจากอัฒจันทร์และสวมกอด ลิโอเนล เมสซี่ ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพาตัวออกไปในช่วงครึ่งหลังของการแข่งขันที่จัดขึ้น ณ เวิร์คเกอร์ สเตเดียม กรุงปักกิ่งของจีน

เมื่อวันศุกร์ (16 มิ.ย.) ตำรวจเขตเฉาหยางได้ชี้แจงบนบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ทางการของสำนักงาน ว่าสำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะเทศบาลกรุงปักกิ่ง สาขาเขตเฉาหยางได้ควบคุมตัวชายคนดังกล่าวและสั่งห้ามไม่ให้เขาเข้าสนามกีฬาเพื่อชมการแข่งขันฟุตบอลเป็นเวลา 12 เดือน

ส่วนเด็กหนุ่มแซ่ตี่ได้ขอโทษสำหรับพฤติกรรมของเขาและยอมรับบทลงโทษของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
อนึ่ง การแข่งขันฟุตบอลนัดกระชับมิตรดังกล่าวจบลงด้วยชัยชนะ 2-0 ของแชมป์บอลโลกอย่างอาร์เจนตินา โดยเมสซีทำประตูได้เร็วที่สุดเท่าที่เคยทำมาในการแข่งขันระหว่างประเทศ โดยยิงประตูให้ทีมอาร์เจนตินาได้ตั้งแต่ 80 วินาทีหลังเริ่มการแข่งขัน

‘ผู้ดูแลห้องเก็บศพ’ คณะแพทย์ฮาร์วาร์ด ถูกจับกุม เหตุ ลักลอบนำชิ้นส่วนอวัยวะผู้บริจาค ไปขาย

(16 มิ.ย. 66) กลายเป็นกระแสที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกโซเชียล โดยทาง New York Post ได้รายงานการจับกุมพนักงานรวมไปถึงหัวหน้าผู้ดูแลห้องเก็บศพในคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้ทำการลักลอบขายชิ้นส่วนอวัยวะ โยงไปถึงเครือข่ายใต้ดินค้าศพมนุษย์

‘เซดริก ลอดจ์’ ในวัย 55 ปี ถูกกล่าวหาว่าขโมยศพจากห้องเก็บศพของมหาวิทยาลัยที่เขาทำงาน และขายชิ้นส่วนศพทางออนไลน์ด้วยความช่วยเหลือจาก ‘เดนิส’ ภรรยาวัย 63 ปี ให้กับเพื่อนร่วมงาน ‘คาทรีนา แมคคลีน’ วัย 44 ปี, ‘โจชัว เทย์เลอร์’ วัย 46 ปี และ ‘แมทธิว แลมปี’ วัย 52

โดยเจ้าหน้าที่ได้เสริมว่า ‘เจเรมี พอลลีย์’ คือหนึ่งในลูกค้าของ ‘แมทธิว แลมปี’ ซึ่งมีการซื้อและขายชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์ โดยทั้งสองแลกเปลี่ยนกันมากกว่า 100,000 ดอลลาร์ หรือเทียบเป็นเงินไทยกว่า 3,483,100 บาท

ก่อนที่ ‘เจเรมี พอลลีย์’ จะให้การในขั้นตอนสืบสวน นำนักสืบไปหา ‘แคนเดซ แชปแมน’ ผู้ถูกกล่าวหาว่าขโมยศพที่มีกำหนดเผาในลิตเติ้ลร็อก และขายให้กับ ‘พอลลีย์’ ในเพนซิลเวเนีย

อัยการยังอ้างว่า ‘เซดริก ลอดจ์’ อนุญาตให้ลูกค้าของเขาเข้าไปในห้องเก็บศพในบอสตัน เพื่อเลือกชิ้นส่วนของร่างกายที่ลูกค้าต้องการ จากนั้นเจ้าตัวจะส่งชิ้นส่วนไปทางไปรษณีย์

ในปี 2020 ‘โจชัว เทย์เลอร์’ วัย 46 ปี ถูกกล่าวหาว่าส่งเงินให้ ‘เดนิส’ จำนวน 200 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 7,000 บาท พร้อมบันทึกที่มีข้อความว่า ‘สมอง’

เป็นเรื่องที่น่าสลดใจอย่างยิ่งที่เหยื่อจำนวนมากบริจาคและอนุญาตให้ใช้ซากศพของพวกเขาเป็นความรู้แก่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ เพื่อพัฒนาความสนใจด้านวิทยาศาสตร์และการรักษา แต่กลับถูกทรยศ

‘จีน’ ไม่แผ่ว!! นำเข้า ‘ทุเรียนไทย’ ต่อเนื่อง แม้มี ‘ทุเรียนไหหลำ’ แต่ก็ยังไม่ตอบโจทย์ตลาด

เมื่อไม่นานนี้ กระแสข่าวทุเรียนที่ปลูกในมณฑลไห่หนาน (ไหหลำ) ทางตอนใต้ของจีน เตรียมออกวางตลาดในประเทศช่วงปลายเดือนมิถุนายน ได้ก่อให้เกิดความสนใจในหมู่ผู้บริโภค

บรรดาคนวงในมองว่าการผลิตทุเรียนภายในประเทศของจีนไม่ได้มีแนวโน้มแปรเปลี่ยนทิศทางการบริโภคทุเรียนของจีนที่พึ่งพาการนำเข้าเป็นหลัก และ ‘ทุเรียนไทย’ ยังเป็นที่ต้องการของตลาดจีน

เนื่องจากการผลิตทุเรียนในจีนยังอยู่ระยะแรกเริ่มเหมือนเด็กทารกหัดตั้งไข่ ไม่ได้มีพื้นที่เพาะปลูกมากมาย รวมถึงมีไม่กี่มณฑลที่สามารถปลูกได้ ทั้งจีนยังเป็นประเทศผู้บริโภคทุเรียนรายใหญ่ด้วย

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่แปลงปลูกทุเรียนของบริษัท ไห่หนาน โยวฉี อะกรีคัลเจอร์ จำกัด ในเมืองซานย่า ซึ่งถือเป็นฐานปลูกทุเรียนขนาดใหญ่ที่สุดของจีนในปัจจุบันด้วยขนาด 1.2 หมื่นหมู่ (ราว 5,000 ไร่)

ปัจจุบัน ทุเรียนที่ฐานปลูกแห่งนี้เริ่มสุก และคาดว่าจะทยอยถูกเก็บเกี่ยวเพื่อส่งขายช่วงปลายเดือนมิถุนายน ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่าทุเรียนเหล่านี้จะช่วยลดราคา หรือกระทบความต้องการทุเรียนนำเข้าหรือไม่

‘ตู้ไป่จง’ จากฐานปลูกทุเรียนแห่งนี้เผยว่าตอนนี้ไห่หนานมีการปลูกทุเรียนรวมกว่า 3 หมื่นหมู่ (ราว 12,500 ไร่) แต่มีทุเรียนสุกพร้อมส่งขายในปีนี้เพียง 1 พันหมู่ (ราว 416 ไร่) หรือคิดเป็นปริมาณราว 50 ตัน

แม้ไห่หนานจะเป็นแหล่งผลิตทุเรียนแห่งหลักของจีน แต่ยังคงมีพื้นที่ที่เอื้อต่อการปลูกทุเรียนอยู่อย่างจำกัดมาก โดยต่อให้มีพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้น 10 เท่า ก็ยังถือเป็นแหล่งผลิต ‘ขนาดเล็ก’ อยู่ดี

“การปลูกทุเรียนภายในประเทศอาจได้ลดต้นทุนในการขนส่ง แต่ผลผลิตยังเป็นส่วนน้อยมากสำหรับส่วนแบ่งของตลาด” ตู้ไป่จง กล่าว พร้อมเสริมว่าผู้ประกอบการไม่ได้คิดเร่งเพิ่มการลงทุนและพื้นที่ปลูกอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าด้วย

ดังนั้น ผู้บริโภคชาวจีนนั้นชื่นชอบ ‘ราชาแห่งผลไม้’ อย่างทุเรียนกันมากจนทำให้จีนกลายเป็นตลาดผู้บริโภคทุเรียนขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยทุเรียนเกือบทั้งหมดในจีนมาจากการนำเข้า ซึ่งข้อมูลสถิติพบว่าจีนนำเข้าทุเรียนในปี 2022 สูงถึง 8.25 แสนตัน และส่วนใหญ่มาจากไทย

‘เฉินเหล่ย’ เลขานุการสมาคมการตลาดผลไม้แห่งประเทศจีน กล่าวว่าการผลิตทุเรียนในประเทศยังอยู่ในขั้นทดลองปลูกขนาดเล็ก ยังไม่มีการปลูกเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ ดังนั้นยังไม่ค่อยส่งผลกระทบต่อราคาทุเรียนในระยะสั้นนี้

“ราคาทุเรียนจะทรงตัวอยู่ระดับสูงในระยะยาวเมื่อเทียบกับผลไม้อื่นๆ โดยทุเรียนถือเป็น ‘ผลไม้หรู’ ชนิดหนึ่งในจีน แม้จะมีทุเรียนที่ปลูกในประเทศออกวางตลาด แต่ด้วยการปลูกขนาดเล็ก ทำให้ยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้าทุเรียนปริมาณมากในระยะยาว” เฉิน กล่าว

ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตร ชี้ว่า ต่อให้สภาพอากาศจะเอื้ออำนวย แต่จีนจะยังคงเผชิญปัญหาความยากลำบากทางเทคนิค ในการเพาะปลูกทุเรียนขนาดใหญ่

‘โจวจ้าวสี่’ ผู้ช่วยนักวิจัยประจำสถาบันทรัพยากรพันธุกรรมพืชเขตร้อน สังกัดสถาบันการเกษตรเขตร้อนแห่งชาติจีน ระบุว่าทุเรียนเป็นพืชต่างถิ่น การปลูกต้นกล้าในประเทศจึงเป็นเรื่องยากในระดับหนึ่ง มีเงื่อนไขทั้งเรื่องอากาศ ความชื้น แสงแดด อุณหภูมิ ปุ๋ย และน้ำ

“แม้ช่วงไม่กี่ปีมานี้ เราค้นพบแนวทางการจัดการอย่างระบบน้ำหยดและบ่มเพาะต้นกล้าเตี้ย ๆ ที่ทนลมในไห่หนานได้ แต่การปลูกขนาดใหญ่ในท้องถิ่นทั้งหมดยังคงอยู่ขั้นทดลอง” โจว กล่าว

ปัจจุบันทุเรียนที่ปลูกในไห่หนานส่วนใหญ่เป็นต้นอ่อนไร้ผล และการปลูกยังคงเจอสารพัดปัญหาที่ต้องเอาชนะ ทั้งการเพาะและปลูกต้นกล้าคุณภาพสูง เทคนิคจัดการการปลูก และการควบคุมศัตรูพืช

คนวงในอุตสาหกรรมเชื่อว่า ไทยยังคงเป็นแหล่งทุเรียนนำเข้าแห่งหลักของจีนในระยะยาว เพราะทุเรียนไทยมีรสชาติอร่อยโดดเด่น เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคชาวจีน ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในข้อได้เปรียบที่ทำให้ทุเรียนไทย จะยังครองตลาดการบริโภคทุเรียนของจีนในอนาคต

ด้านเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ของจีน ถือเป็นช่องทางหลักของการนำเข้าทุเรียนไทย

สถิติจากศุลกากรนครหนานหนิงของกว่างซี ระบุว่า ปริมาณการนำเข้าทุเรียนไทยผ่านด่านพรมแดนกว่างซี ช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคม สูงแตะ 1.5 แสนตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 381.1 เมื่อเทียบปีต่อปี คิดเป็นมูลค่า 5.51 พันล้านหยวน (ราว 2.69 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 403.9 เมื่อเทียบปีต่อปี

นครหนานหนิงของกว่างซีมี ‘ตลาดไห่จี๋ซิง’ เป็นตลาดค้าส่งผลไม้ขนาดใหญ่ที่สุดของเมือง ซึ่งปัจจุบันมีผู้ค้าส่งทุเรียนอยู่ 32 ราย และปริมาณการค้าส่งทุเรียนในปีก่อนสูงราว 2.4 หมื่นตัน

ส่วนยอดจำหน่ายทุเรียนของตลาดฯ ช่วงเดือนมกราคมจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม รวมอยู่ที่ราว 1.7 หมื่นตันแล้ว ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 4 เท่า โดยมีทุเรียนหมอนทองของไทยครองตำแหน่งขายดีที่สุด

‘หวงเจี้ยนซิน’ ฝ่ายบริหารธุรกิจของบริษัทขนส่งสินค้าท้องถิ่นแห่งหนึ่ง เผยว่าแต่ละวันบริษัทรับรองการทำพิธีศุลกากรผ่านด่านโหย่วอี้ของทุเรียน 16 ตู้คอนเทนเนอร์ คิดเป็นปริมาณราว 200-300 ตัน

“ความต้องการและความนิยมทุเรียนไทยของตลาดผู้บริโภคชาวจีนนั้นสูงมาก ส่วนทุเรียนที่ปลูกในประเทศยังคงต้องรอผ่านบททดสอบเรื่องรสชาติก่อน” หวง กล่าว
.
‘โจวจ้าวสี่’ ผู้ช่วยนักวิจัยประจำสถาบันทรัพยากรพันธุกรรมพืชเขตร้อน สังกัดสถาบันการเกษตรเขตร้อนแห่งชาติจีน เสริมว่าจีนส่งเสริมการพัฒนาสายพันธุ์ทุเรียนที่มีสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งทุเรียนไห่หนานยังมีช่องโหว่ที่ต้องพัฒนาอีกมาก

“แม้จีนจะสามารถปลูกทุเรียนในประเทศได้ แต่ด้วยข้อจำกัดด้านปัจจัยธรรมชาติและพื้นที่เพาะปลูก ทุเรียนนำเข้าจากไทยจึงยังจะเป็นส่วนเสริมสำคัญ” โจว กล่าวทิ้งท้าย

ที่มา : Xinhua Thai

‘มาเลฯ’ ร้อง ‘ตร.สากล’ ล่าตัว นักแสดงตลกสาวชาวสิงคโปร์ หลังเล่นมุกล้อเลียนโศกนาฏกรรม ‘เที่ยวบิน MH 370’

มาเลเซียจะไม่ทน หลังมีกระแสคลิปไวรัลของ ‘โจเซลิน เจีย’ นักพูดเดี่ยวไมโครโฟนสาวชาวสิงคโปร์ สัญชาติอเมริกัน ที่ได้หยิบยกเอาเหตุโศกนาฏกรรม ‘เที่ยวบิน MH370’ ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ ที่หายสาบสูญในมหาสมุทรอินเดีย ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2557 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 239 คน มาเป็นมุกล้อเลียน เหยียดประเทศมาเลเซียบนเวทีการแสดงสดของเธอ ในคลับแห่งหนึ่งที่มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และทำให้คลิปการแสดงของเธอกลายเป็นกระแสไวรัลไปทั่วทั้งช่องทางโซเชียล จนเป็นประเด็นร้อนแรงมากมาย

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 66 ทางการมาเลเซีย นำโดย คามารุล ซามาน มามัท ผู้บังคับบัญชาสำนักงานตำรวจเมืองยะโฮร์ ได้ยื่นเรื่องประสานงานไปยัง องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ หรือ ‘ตำรวจสากล’ (Interpol) ให้ติดตามจับตัว โจเซลิน เจีย มาดำเนินคดีที่ประเทศมาเลเซีย ในความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 504/505 (c) และมาตรา 233 แห่งพระราชบัญญัติการสื่อสารและมัลติมีเดีย ที่ว่าด้วยเรื่องการพูดจาดูหมิ่น ยุยง ปลุกปั่น ทำลายความสงบเรียบร้อยในสังคม ซึ่งจะมีโทษปรับ และจำคุกสูงสุดถึง 2 ปี
.
‘โจเซลิน เจีย’ มาจากครอบครัวชาวสิงคโปร์ เกิดในเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่เดินทางกลับมาเข้าโรงเรียนมัธยม St Nicholas Girls' School และ National Junior College ในสิงคโปร์ ก่อนกลับไปศึกษาต่อด้านกฎหมายในสหรัฐอเมริกา และทำงานเป็นนักกฎหมายบริษัทนานเกือบ 5 ปี ก่อนโบกมือลาสำนักงานมาเป็นนักพูดมืออาชีพ จนได้เปิดตัวเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากรายการ ‘Gotham Comedy Live’ ของ ‘วิลเลียม แชทเนอร์’ นักแสดงชื่อดัง

ซึ่ง โจเซลิน เจีย เคยชนะรางวัลจากการแข่งขันในงาน ‘Ladies Of Laughter’ และ ยังได้รับรางวัลนักแสดงดาวรุ่ง - สาขาตลกในงาน ‘Asian American Television & Film Festival’ มาแล้ว

แต่หลังจากทราบข่าวการออกหมายจับของทางการมาเลเซีย และยื่นคำร้องถึงตำรวจสากลแล้วในเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ที่ผ่านมา โจเซลิน เจีย กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าขันสิ้นดี ถ้าตำรวจสากลตามมาจับตัวจริงๆ เธอคงได้ดังไปทั่วโลกสมใจแน่ๆ

เดี่ยวไมโครโฟนสาว ได้กล่าวผ่านสื่อว่า คลิปที่เป็นประเด็น เป็นพียงการแสดงช่วงหนึ่งเท่านั้น ที่ทำให้ผู้ชมในโซเชียลไม่เข้าใจบริบททั้งหมดในการแสดงของเธอ

โจเซลิน ยังได้กล่าวอีกว่า เธอมักใช้มุกตลกเสียดสี การแข่งขันระหว่างมาเลเซีย และ สิงคโปร์ อยู่เป็นประจำ รวมถึงมุกตลกเรื่องเที่ยวบินของมาเลเซียแอร์ไลน์ เธอเคยเล่นมาแล้วนับร้อยรอบ รวมถึงที่สิงคโปร์ด้วย ก็มีเสียงตอบรับที่ดี ผู้ชมชื่นชอบ เพราะถ้ามุกไม่จอดแต่แรก เธอถอดออกจากการแสดงนานแล้ว

แต่ทั้งนี้ โจเซลิน เจีย ยอมรับถึงเรื่องความต่างของวัฒนธรรม เนื่องจากเธอเปิดการแสดงในสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก ที่ผู้ชมมักชอบมุกตลกร้ายหนักๆ เสียดสี จิกกัดแบบตรงไป ตรงมา แม้แต่เรื่องโศกนาฏกรรม 9/11 ก็ยังมาเล่นเป็นมุกตลกได้โดยไม่ถือสา เป็นจุดที่มีความต่างกับสังคมชาวเอเชีย ที่การพูดถึงเหตุโศกนาฏกรรมเป็นประเด็นที่อ่อนไหว

และก็ได้สร้างความไม่พอใจอย่างมากทั้งทางฝั่งมาเลเซีย ที่มีการประท้วงกันที่หน้าสถานทูตสหรัฐ ในกรุงกัลลาลัมเปอร์ อีกทั้ง นาย วานุ คุปลา มีนอน เอกอัคราชทูตสิงคโปร์ประจำมาเลเซีย ได้ออกแถลงการณ์ตำหนิว่า รู้สึกตกใจกับความคิดเห็นที่น่ารังเกียจโดยไร้เหตุผลของโจเซลิน เจีย

แม้การออกหมายจับของทางการมาเลเซีย ประเทศที่เธอมักพูดถึงเสมอว่าเป็นเพียง ‘ประเทศกำลังพัฒนา’ เมื่อเทียบกับสิงคโปร์ อาจจะดูน่าขัน แต่รัฐบาลมาเลเซียมักไม่ขำกับมุกตลกลักษณะนี้ เพราะเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม ปีที่ผ่านมา ตำรวจมาเลเซียได้จับกุมนาย ริเซล แวน กีย์เซล นักพูดชาวมาเลเซีย ในข้อหาเล่นมุกตลกที่เข้าข่ายหมิ่นศาสนาอิสลามมาแล้ว

แต่ทั้งนี้ การใช้มุกตลกล้อเลียนในเรื่องใดๆ ก็เป็นสิ่งที่พึงระวัง เหมือนอย่างที่ โจเซลิน เจีย เคยพูดไว้บนเวทีว่า “Some jokes don't land.” ตลกบางมุกมันก็ใช่จะหาจอดได้ทุกที่

สอท. เผย ซาอุฯ เตรียมนำเข้าต้นไม้ 5 หมื่นล้านต้น ชี้!! เป็นโอกาสทองของไทยเพิ่มรายได้เข้าประเทศ

(15 มิ.ย. 66) นายชาติชาย พานิชชีวะ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เข้าร่วมคณะเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบีย กับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยคณะภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือทวิภาคี และส่งเสริมการเจรจาการค้าและการลงทุนระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ ในการเร่งผลักดันการค้า การลงทุน โดยหนึ่งที่น่าสนคือ โครงการปลูกต้นไม้ 50,000 ล้านต้น ในกลุ่มประเทศอาหรับตามเป้าหมายของ Vision 2030 ของซาอุดีอาระเบีย

“โครงการนี้ มีแผนที่จะนำเข้าต้นไม้จากทั่วโลกเพื่อให้บรรลุตามนโยบายซาอุดีอาระเบียสีเขียว (The Saudi Green Initiative) เพื่อเปลี่ยนพื้นที่เสื่อมโทรมให้กลับมามีชีวิตชีวา โดยการปลูกต้นไม้ 10,000 ล้านต้น และร่วมสนับสนุนผลักดันโครงการปลูกต้นไม้ 50,000 ล้านต้นทั่วภูมิภาคตะวันออกกลาง”

ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศไทยได้ส่งต้นไม้ไปยังซาอุฯ แล้วกว่า 200,000 ต้น และถือว่ายังมีโอกาสให้ไทยส่งออกต้นไม้ไปยังซาอุฯ ได้อีกมาก ซึ่งซาอุดีฯ จะร่วมมือกับประเทศสมาชิก GCC และประเทศหุ้นส่วนอื่น ๆ ในการปลูกต้นไม้ในเอเชียตะวันตกเพิ่มอีก 4 หมื่นล้านต้น

นายกำแหง กล้าสุคนธ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 8 มิ.ย. 2566) มีผู้ขอนำไม้ยืนต้นมาจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแล้ว จำนวน 146,860 ต้น มูลค่ารวม 138,048,597.02 บาท ล่าสุด กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จับมือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร แสดงออกเชิงสัญลักษณ์… ตั้งมั่นรักษาสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการนำไม้ยืนต้นที่มีค่ามาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ และโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (LESS) ส่งเสริมเกษตรกรรังสรรค์ประเทศให้เป็นพื้นที่สีเขียว เพิ่มออกซิเจนและโอโซนช่วยให้อากาศสะอาด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 

พร้อมผลักดันประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตคาร์บอนเครดิตระดับโลก โอกาสนี้ มอบวงเงินสินเชื่อให้เกษตรกร 5 ราย จากการนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ยอดรวม 623,885 บาท และมอบประกาศเกียรติคุณแก่ธนาคารต้นไม้ 3 ชุมชน ที่เข้าร่วมโครงการ LESS มั่นใจ!! โลกใบนี้จะสวยงามและน่าอยู่ หากเราร่วมแรงร่วมใจรักษาสิ่งแวดล้อม ใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยการปลูกไม้ยืนต้นที่มีค่า สร้างความมั่นคงให้ลูกหลาน อนาคตได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ยาวๆ พร้อมยึดเจตคติ… มีต้นไม้… มีป่าไม้… มีเรา… จรรโลงโลกให้น่าอยู่

‘Dogen City’ เมืองลอยน้ำทนทานต่อ Climate Change รองรับคนได้มากถึง 1 หมื่นคน คาด!! เปิดใช้งานปี 2030

‘เมืองลอยน้ำ’ หรือ ‘Dogen City’ ของบริษัทสตาร์ตอัปญี่ปุ่นที่มีคอนเซ็ปต์ ‘Floating sustainable city’ เพื่อรองรับ Climate Change สึนามิ และการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล ซึ่งเมืองนี้สามารถรับผู้อยู่อาศัยได้ประมาณ 10,000 คน แถมยังสามารรับนักท่องเที่ยวได้นับหมื่นคนอีกด้วย

‘Dogen City’ หรือ ‘เมืองลอยน้ำ’ เป็นแบบเมืองในอนาคตอันใกล้ที่ออกแบบโดยบริษัทสตาร์ตอัปด้านสถาปัตยกรรมของญี่ปุ่น ชื่อ ‘N-ARK’ ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบให้คำปรึกษาอสังหริมทรัพย์ของญี่ปุ่น ได้เปิดภาพแบบเมืองลอยน้ำ ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันสึนามิและทนต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

รายละเอียดคร่าวๆ ของเมืองลอยน้ำนี้มีขนาดเส้นรอบวง 4 กิโลเมตร รองรับผู้อยู่อาศัยได้ประมาณ 10,000 คน และรับนักท่องเที่ยวได้อีกนับหมื่นคน Dogen City มีรูปร่างทรงกลมออกแบบมาให้ทนทานกับ Climate Change ได้มากขึ้น

เมืองลอยน้ำแห่งนี้เต็มไปด้วยมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มีทั้งพื้นที่ผลิตอาหาร โรงพยาบาล โรงเรียน สนามกีฬา สำนักงาน สวนสาธารณะ และโรงแรม ฯลฯ

เท่านั้นยังไม่พอบริษัท N-ARK ยังวางแผนออกแบบให้เมืองลอยน้ำ Dogen City เป็นสถานที่ปล่อยและจอดจรวด และการบริการด้านสุขภาพที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง เช่น ผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์

นอกจากนี้ เมืองลอยน้ำยังเป็นมิตรกับโลกด้วยการใช้ food waste หรือขยะอาหารประมาณ 7,000 ตัน นำมาใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ Dogen City ผู้ออกแบบได้ทำการคำนวณน้ำที่จะใช้ประมาณ 2 ล้านลิตร/ปี และการกำจัดขยะ 3,288 ตัน/ปี

ส่วนการก่อสร้างเมืองลอยน้ำนี้จะเริ่มดำเนินการเมื่อไร ยังไม่มีรายละเอียดเปิดเผยมากนัก แต่มีการคาดการณ์ตั้งเป้าว่าภายในปี 2030 จะเปิดใช้งาน
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top