‘เกาะอังกฤษ’ เสน่ห์หาย มหาเศรษฐีแห่หอบเงินหนี ผลจากภาวะเศรษฐกิจ - แนวโน้มเปลี่ยนขั้วรัฐบาล

‘สหราชอาณาจักร’ กลายเป็นประเทศในโซนยุโรป ที่มีมหาเศรษฐีย้ายออกมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ (2024) ที่มีการย้ายออกสุทธิมากถึง 9,500 ราย เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 2 เท่า และมีแนวโน้มที่จะย้ายออกเพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง หลังรู้ผลการเลือกตั้งใหญ่ของอังกฤษในปีนี้ 

จากรายงานการสำรวจการโยกย้ายถิ่นฐานของ The Henley Private Wealth Migration ประจำปี 2024 พบว่าอังกฤษกลายเป็นประเทศที่มหาเศรษฐีอยากจะย้ายออกมาเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากประเทศจีนในปีนี้ แถมมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนอาจเรียกได้ว่าเป็นวิกฤติการย้ายถิ่นแบบ Exodus หรือการทิ้งถิ่นฐานของมหาเศรษฐีจำนวนมากอย่างไม่เคยมีมาก่อน

ซึ่งในปีนี้ มีเศรษฐีในอังกฤษ ย้ายออกไปประเทศอื่นแล้วถึง 9,500 เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ที่มีเศรษฐีย้ายออก 4,200 ราย นับว่าเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว

ถึงแม้ว่าจีนจะยังคงเป็นประเทศที่มีคนระดับเศรษฐีย้ายออกมากที่สุดในโลก ซึ่งมีตัวเลขการย้ายออกสุทธิอยู่ที่ 15,200 รายในปีนี้ แต่หากเทียบกับตัวเลขในอดีตที่อังกฤษเคยติดอันดับกลุ่มประเทศที่มีมหาเศรษฐีอยากย้ายเข้ามากที่สุด เป็นจุดหมายปลายทางระดับพรีเมียมที่ใครต่อใครสนใจที่จะย้ายถิ่นเข้ามาอยู่ นับว่าเป็นปัญหาที่ไม่ธรรมดาเลยสำหรับอังกฤษ

‘Henley’ บริษัทที่ปรึกษาด้านการย้ายถิ่นฐานระบุว่า ช่วงระหว่างปี 1950 - 2000 ถือเป็นยุคทองของสหราชอาณาจักร ที่ครอบครัวชนชั้นสูง ตระกูลเศรษฐีทั่วทั้งยุโรป, แอฟริกา, เอเชีย และ ตะวันออกกลาง นิยมย้ายถิ่นมาลงหลักปักฐานในอังกฤษเป็นจำนวนมาก 

แต่ในวันนี้กลับไม่ใช่แล้ว กลุ่มคนที่มีทรัพย์สินมั่งคั่งในอังกฤษเริ่มมองหาประเทศทางเลือกอื่น ๆ ในการย้ายถิ่นที่อยู่ใหม่ เห็นได้ชัดเจนจากตัวเลขประชากรระดับเศรษฐีของอังกฤษลดลงถึง 8% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สวนทางกับจำนวนประชากรเศรษฐีในประเทศเศรษฐกิจหลักของกลุ่มชาติตะวันตกในช่วงเวลาเดียวกัน อาทิ เยอรมัน ที่มีจำนวนเศรษฐีเพิ่มขึ้นถึง 15% ในขณะที่สหรัฐอเมริกา มีจำนวนเศรษฐีเพิ่มมากถึง 62% 

แต่อะไรเป็นสาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เสน่ห์ของประเทศอังกฤษหายไป ไม่ชวนดึงดูดกลุ่มเศรษฐี นักลงทุนให้มาอยู่ได้อย่างที่แล้วมา?

แรกที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ ผลพวงจากผลประชามติ Brexit ซึ่งในช่วงปี 2017 - 2023 หลังจากที่อังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกภาพของสหภาพยุโรปแล้ว มีตัวเลขประชากรเศรษฐีในอังกฤษย้ายถิ่นไปแล้วถึง 16,500 ราย และตัวเลขการย้ายถิ่นของคนกลุ่มนี้ยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดทุกปี 

แต่นั่นไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ทำเศรษฐีอังกฤษหอบเงินหนี ‘ฮานนาห์ ไวท์’ CEO ของสถาบันวิเคราะห์ยุทธศาสตร์รัฐบาล เผยว่าการย้ายถิ่นครั้งใหญ่ของเศรษฐีจะยิ่งเร่งสปีดเร็วขึ้นกว่าเดิมหลังรู้ผลการเลือกตั้งใหญ่ของอังกฤษในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้

จากผลโพลหลายสำนักในอังกฤษชี้ตรงกันว่าพรรคแรงงาน ฝ่ายซ้าย ที่เป็นฝ่ายค้านในปัจจุบันมีคะแนนนำเหนือพรรคอนุรักษ์ฝ่ายรัฐบาล ถึง 46% ต่อ 21% มีโอกาสคว้าชัยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลใหม่สูงมาก 

โดยพรรคแรงงานมีนโยบายการจัดเก็บภาษีที่เข้มงวด โดยเน้นการเก็บภาษีเพิ่มในกลุ่มคนต่างด้าว ลดช่องทางการหลีกเลี่ยงภาษี ยกเลิกการลดหย่อนภาษีสำหรับโรงเรียนเอกชน และเพิ่มภาษีสำหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยบุคคลที่ไม่ได้ถือวีซ่าผู้อาศัยในอังกฤษ อีกทั้งขึ้นภาษีที่ดินเป็น 40% สำหรับที่ดินที่มีราคาสูงกว่า 325,000 ปอนด์ เพื่อนำภาษีเหล่านั้นมาลงให้กับกองทุนสวัสดิการสังคมต่าง ๆ ของชาวอังกฤษ 

ด้วยปัจจัยด้านนโยบายในการจัดเก็บภาษีคนรวย บวกกับสภาพเศรษฐกิจตกต่ำ ภาวะเงินเฟ้อในประเทศ และ การถูกยกเลิกสิทธิพิเศษจากการเป็นสมาชิก EU ทำให้เศรษฐีในอังกฤษตัดสินใจย้ายออกอย่างมากมายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

นับเป็นความท้าทายที่สาหัสทีเดียวสำหรับรัฐบาลชุดใหม่ของอังกฤษ ในการฟื้นฟูประเทศ เรียกบรรยากาศที่เคยดึงดูดกลุ่มเศรษฐีมีเงินทั่วโลก ที่เคยหอบทรัพย์สินหลั่งไหลมาตั้งถิ่นฐานใน ‘ดินแดนแห่งผู้ดี’ เช่นในอดีต


เรื่อง: ยีนส์ อรุณรัตน์