Wednesday, 14 May 2025
WORLD

‘นักวิจัย’ เตือน!! กล่องพลาสติกอุ่นใน ‘ไมโครเวฟ’ อันตราย เสี่ยงได้รับ ‘ไมโครพลาสติก’ เข้าสู่ร่างกายแบบไม่รู้ตัว

(12 ก.ย. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คาซี อัลบับ ฮุสเซน นักวิจัยของมหาวิทยาลัยเนแบรสกา ในสหรัฐอเมริกา เผยรายงานการวิจัยเกี่ยวกับ ‘การใช้ไมโครเวฟอุ่นอาหาร’ หลังทางทีม ได้ทดลองนำขวดนมพลาสติกของเด็กที่ได้รับการรับรองจาก FDA ว่าผ่านมาตรฐานความปลอดภัยสามารถนำเข้าไมโครเวฟได้ บรรจุน้ำและสารละลายอื่น ๆ ที่ใช้เป็นตัวแทนอาหาร แล้วนำไปเข้าไมโครเวฟเป็นเวลา 3 นาที จากนั้นนำไปให้เด็กดื่ม ผลปรากฏว่า เด็กได้รับไมโครพลาสติกเข้าไปในร่างกาย

ตามรายงานของ Henry Ford Health องค์กรด้านการดูแลสุขภาพ เปิดเผยว่า ในการศึกษาครั้งหนึ่ง 77 เปอร์เซ็นต์ของผู้เข้ารับการทดสอบถูกพบว่า มีไมโครพลาสติกในเลือด โดยบางเคส พบไมโครพลาสติกถึง 4 ล้านชิ้น ต่อตารางเซนติเมตร และ นาโนพลาสติกมากกว่า 2 พันล้านชิ้น ไมโครพลาสติกบางชนิดทำจากสารเปอร์และโพลีฟลูออโรอัลคิล (PFAS) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ‘สารเคมีตลอดกาล’ เนื่องจากใช้เวลานานในการย่อยสลาย รัฐบาลสหรัฐฯ ประเมินว่า ชาวอเมริกันมากถึง 97 เปอร์เซ็นต์ มีสาร PFAS อยู่ในเลือด

ต่อมาทางผู้เชี่ยวชาญยังได้ทดลองนำเซลล์จากไต ไปสัมผัสกับสารไมโครพลาสติกที่ปล่อยออกมาระหว่างการทดลองใส่ขวดในไมโครเวฟ พวกเขาพบว่า ประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ของเซลล์เหล่านั้นถูกทำลาย ซึ่งมีความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้ว่า ไมโครพลาสติกอาจเป็นอันตรายต่อไตของมนุษย์

‘ลิเบีย’ ประกาศภาวะฉุกเฉิน หลัง ‘พายุแดเนียล’ ถล่มหนักต่อเนื่อง รบ.เร่งให้ความช่วยเหลือ หวั่นดับทะลุ 2 พัน-สูญหายพุ่ง 6 พันคน

(12 ก.ย. 66) สำนักข่าวบีบีซี และเอเอฟพีรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ภัยพิบัติในประเทศลิเบีย หลังเผชิญหน้ากับ ‘พายุแดเนียล’ พัดถล่มพื้นที่ภาคตะวันออกของประเทศ ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังโจมตีหลายประเทศในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน รวมถึงตุรกี บัลแกเรีย และกรีซ

อิทธิพลของพายุก่อให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง และน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง มีผู้เสียชีวิตยืนยันแล้วอย่างน้อย 200 ราย

ขณะที่รัฐบาลฝ่ายลิเบียตะวันออกแถลงกังวลว่ายอดผู้เสียชีวิตสูงกว่า 2,000 รายแล้ว พร้อมประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อเร่งรับมือและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงบังคับใช้มาตรการเคอร์ฟิว และสั่งให้สถานศึกษาปิดการเรียนการสอน

รายงานระบุว่า พื้นที่ได้รับผลกระทบรุนแรง ครอบคลุมเมืองเบงกาซี เมืองซูสส์ เมืองเดอร์นา และเมืองอัล-มาร์จ ด้านหน่วยงานกาชาดลิเบียระบุว่า นอกจากผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากแล้ว บ้านเรือนหลายร้อยหลังยังพังถล่มเสียหาย เขื่อนอย่างน้อย 2 แห่งในเมืองเดอร์นา ซึ่งมีประชากรราว 100,000 คนพังทลายลงมา เป็นเหตุให้มวลน้ำมหาศาลไหลทะลักเข้าท่วมชุมชนและพื้นที่ส่วนใหญ่จมอยู่ใต้น้ำ

ด้าน นายกรัฐมนตรีโอซามา ฮาหมัด ผู้นำรัฐบาลฝ่ายลิเบียตะวันออก แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ว่ามีผู้ประสบภัยสูญหายหลายพันคน และเสียชีวิตมากกว่า 2,000 ราย ย่านใกล้เคียงทั้งหมดในเมืองเดอร์นาถูกกระแสน้ำเชี่ยวกรากพัดหายไปพร้อมกับชาวบ้าน

ขณะที่ รอยเตอร์ รายงานจากโฆษกกองทัพฝ่ายลิเบียตะวันออกระบุว่า ผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นกว่า 2,000 ราย และมีผู้สูญหายระหว่าง 5,000-6,000 รายเฉพาะในเมืองเดอร์นา

'อังกฤษ' เปิดฉาก!! กล่าวหารัสเซียยิงขีปนาวุธเป็นชุด  โจมตีเรือสินค้าในทะเลดำ พังธัญพืชหล่อเลี้ยงชีวิตชาวยูเครน

(12 ก.ย. 66) กองทัพรัสเซียเล็งเป้าหมายโจมตีเรือสินค้าพลเรือนลำหนึ่งในทะเลดำ ด้วย ‘ขีปนาวุธหลายลูก’ เมื่อเดือนที่แล้ว แต่กองกำลังยูเครนประสบความสำเร็จในการยิงสกัด จากคำกล่าวหาเมื่อวันจันทร์ (11 ก.ย.) ของสหราชอาณาจักรที่อ้างข้อมูลข่าวกรอง

จากคำกล่าวอ้างของรัฐบาลสหราชอาณาจักร ระบุว่าเรือลำหนึ่งในกองเรือทะเลดำของรัสเซีย ยิงขีปนาวุธหลายลูก ในนั้นรวมถึงขีปนาวุธร่อนคาลิเบอร์ มุ่งหน้าสู่โอเดสซา เมืองท่าทางใต้ของยูเครน เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม

กระทรวงการต่างประเทศและการพัฒนาของสหราชอาณาจักร (Foreign, Commonwealth & Development Office - FCDO) ระบุว่าข้อมูลข่าวกรองชั้นไม่เป็นความลับ เผยว่าเป้าหมายโดยเจตนาของการโจมตีดังกล่าวคือเรือสินค้าประดับธงลิเบียลำหนึ่ง ซึ่งเทียบท่าอยู่ที่นั่น

นอกจากนี้แล้วกระทรวงการต่างประเทศและการพัฒนาของสหราชอาณาจักร ยังบอกอีกว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนสามารถทลายการโจมตีที่มุ่งเป้าเล่นงานเรือพลเรือน โดยที่ไม่มีขีปนาวุธคาลิเบอร์ใดๆ ที่พุ่งโดนเป้าหมาย "แม้ประสบความล้มเหลว แต่มันพิสูจน์อย่างชัดเจนว่า รัสเซียยังคงพยายามบีบรัดเศรษฐกิจของยูเครน" FCDO กล่าวในถ้อยแถลง

ในถ้อยแถลงยังกล่าวหาด้วยว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ไม่แยแสต่อชีวิตพลเรือน และพยายามใช้อาหารและการค้าอันบริสุทธิ์เป็นอาวุธ ที่ทั่วทั้งโลกต้องเป็นฝ่ายชดใช้

ทะเลดำ กลายเป็นสมรภูมิที่มีการต่อสู้กันอย่างดุเดือดมากขึ้น หลังจากรัสเซียถอนตัวจากข้อตกลงส่งออกธัญพืชที่มีสหประชาชาติและตุรกีเป็นคนกลางเมื่อเดือนกรกฏาคม ในขณะที่ข้อตกลงดังกล่าวมีเป้าหมายรับประกันความปลอดภัยในการล่องเรือของเรือสินค้า

นับตั้งแต่นั้น มอสโกโจมตีโครงสร้างพื้นฐานท่าเรือของยูเครนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในสิ่งที่เคียฟกล่าวหาว่าเป็นความพยายามก่อความเสียหายแก่การส่งออกของพวกเขา และบ่อนทำลายความมั่นคงทางอาหารโลก

ในการพาดพิงคำกล่าวหาเกี่ยวกับเหตุโจมตีเรือพลเรือนเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ริชี ซูแน็ก นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ใช้โอกาสแถลงต่อรัฐสภา เกี่ยวกับการประชุมซัมมิตจี 20 เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ระบุว่ามันแสดงให้เห็นว่า ปูติน กำลังจนตรอกอย่างหนัก

เขาบอกด้วยว่าการโจมตีของรัสเซียที่เล่นงานสถานที่ต่างๆ ของยูเครน ได้ทำลายธัญพืชไปมากกว่า 270,000 ตัน ซึ่งมันเพียงพอสำหรับเลี้ยงดูประชาชน 1 ล้านคนเป็นเวลา 1 ปีเลยทีเดียว "ยูเครนมีสิทธ์ส่งออกสินค้าของพวกเขาผ่านน่านน้ำสากล และพวกเขามีสิทธิทางศีลธรรมที่จะส่งออกธัญพืชไปช่วยหล่อเลี้ยงคนทั้งโลก" ซูแน็ก กล่าว

‘บุอิจิ เทราซาวา’ เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายในวัย 68 ปี ปิดตำนานนักเขียนการ์ตูนอมตะ ‘คอบร้า เห่าไฟสายฟ้า’

‘บุอิจิ เทราซาวา’ ซึ่งเคยผ่าตัดเนื้องอกในสมองมาก่อน เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเมื่อวันที่ 8 กันยายน สิ้นตำนานนักเขียนการ์ตูนเจ้าของผลงานอมตะอย่าง ‘คอบร้า เห่าไฟสายฟ้า’

บัญชี Twitter อย่างเป็นทางการของ บุอิจิ เทราซาวา ผู้เขียนมังงะ Space Adventure Cobra เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่านักเขียนการ์ตูนระดับตำนานของวงการการ์ตูนญี่ปุ่นเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเมื่อวันที่ 8 กันยายน เขาอายุ 68 ปี

ในปี  2003 เทราซาวา เปิดเผยว่าเขาได้รับการวินิจฉัยว่ามีเนื้องอกในสมองที่เป็นเนื้อร้ายในปี 1998 และเขาได้รับการผ่าตัด นอกจากนี้เขายังเปิดเผยว่าแม้จะได้รับรังสีและเคมีบำบัด แต่มะเร็งก็ยังกลับเป็นซ้ำ การผ่าตัดครั้งที่สองทำให้เขาเป็นอัมพาตที่ด้านซ้ายของร่างกาย

เทราซาวะเกิดในปี 1955 ที่ฮอกไกโด ในปี 1976 เขาย้ายไปโตเกียวเพื่อศึกษาการเขียนการ์ตูนกับนักเขียนระดับปรมจารย์ โอซามุ เทสึกะ

เทราซาวา ตีพิมพ์มังงะเรื่อง Cobra ในนิตยสาร Weekly Shonen Jump ของสำนักพิมพ์ Shueisha ตั้งแต่ปี 1978 ถึง 1984 มังงะเรื่องนี้เล่าเรื่องของโจรสลัดอวกาศ ‘คอบบร้า’ เจ้าของปืน ‘ไซโคกัน’ ที่ซ่อนอยู่ในแขนซ้าย ที่ต้องหลบหนีจากทั้งเจ้าหน้าที่แห่งอวกาศ และองค์กรชั่วร้าย ๆ เนื่องจากความทรงจำของเขาที่ถูกลบทิ้งไปแล้ว

มังงะเรื่องนี้ได้รับการดัดแปลงเป็นอนิเมะทางโทรทัศน์และภาพยนตร์จำนวน 31 ตอนในปี 1982 ส่วนอนิเมะ The Space Adventure Cobra - The Movie เข้าฉายในเดือนกรกฎาคมปี 1982

เมื่อเดือน พ.ค. 2019 บุอิจิ เทราซาวา ยังได้เปิดตัวมังงะภาคต่อเรื่อง Cobra: Over the Rainbow บนเว็บไซต์ Comic Walker และ Nico Nico Manga ของ Kadokawa ด้วย

บุอิจิ เทราซาวา ยังมีผลงานมังงะเรื่อง Goku - Midnight Eye ในปี 1987 ที่ถูกสร้างออกมาเป็นนอนิเมะวิดีโอ (OVA) สองเรื่องในปี 1989

ในช่วงทศวรรษ 1980 เทราซาวา ได้เริ่มใช้คอมพิวเตอร์เพื่อสร้างมังงะ เขาเป็นผู้สร้างมังงะเรื่อง Kabuto และ Black Knight Bat นอกจากนี้เขายังสร้างมังงะ Takeru ซึ่งถือเป็นหนังสือการ์ตูนชุดแรกที่สร้างขึ้นโดยใช้คอมพิวเตอร์กราฟิก

‘UN’ ชี้!! ‘ยาไอซ์’ ใน ‘อัฟกานิสถาน’ ยุคตอลิบานพุ่ง ขึ้นแท่นแหล่งผลิตรายใหญ่ของโลก แม้ไล่บุกทลาย

(11 ก.ย.66) เอพี ได้เปิดเผยว่า ทางสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (The United Nations’ Office on Drugs and Crimes - UNODC) ได้เผยแพร่รายงานซึ่งระบุถึงประเทศอัฟกานิสถาน ที่ขณะนี้ได้กลายเป็นแหล่งผลิตเมทแอมเฟตามีน หรือ ‘ยาไอซ์’ ที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในโลก ทั้งยังเป็นผู้ผลิต ‘ฝิ่น’ และ ‘เฮโรอีน’ รายใหญ่ แม้รัฐบาลตอลิบานจะประกาศทำสงครามกับยาเสพติดหลังจากที่ยึดอำนาจปกครองเมื่อเดือน ส.ค. ปี 2021 ก็ตาม

UNODC ระบุว่า ยาไอซ์ในอัฟกานิสถานส่วนใหญ่ผลิตจากสารตั้งต้นที่หาได้อย่างถูกกฎหมาย หรือสกัดมาจากต้นอีเฟดรา (ephedra) ซึ่งเป็นพืชที่พบในแถบจีน อินเดีย และปากีสถาน

รายงานของ UNODC ยังเตือนด้วยว่า การผลิตเมทแอมเฟตามีนในอัฟกานิสถานกำลังกลายเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพและความมั่นคงทั้งในระดับชาติและภูมิภาค โดยมีรายงานว่าการตรวจยึดเมทแอมเฟตามีนที่คาดว่ามีแหล่งที่มาจากอัฟกานิสถานได้ทั้งในสหภาพยุโรป (อียู) และแอฟริกาตะวันออก

เมทแอมเฟตามีนจากอัฟกานิสถานที่ถูกตรวจยึดได้เพิ่มขึ้นจากไม่ถึง 100 กิโลกรัมในปี 2019 กลายเป็นเกือบ 2,700 กิโลกรัมในปี 2021 ซึ่งบ่งชี้ว่ามีการลักลอบผลิตในปริมาณที่มากขึ้น ทว่า UNODC ยังไม่สามารถประเมินมูลค่า ปริมาณการผลิต รวมถึงปริมาณการเสพภายในประเทศ เนื่องจากไม่มีข้อมูล

แองเจลา มี หัวหน้าแผนกวิจัยและวิเคราะห์เทรนด์ของ UNODC ให้สัมภาษณ์กับ AP ว่า กระบวนการผลิตเมทแอมเฟตามีน โดยเฉพาะในอัฟกานิสถาน สามารถทำได้ง่ายดายกว่าการผลิตเฮโรอีนและโคเคนมาก

“คุณไม่จำเป็นต้องรอให้พืชอะไรสักอย่างโต... คุณไม่ต้องมีที่ดิน คุณแค่ต้องการคนปรุงที่รู้วิธีทำเท่านั้น ห้องแล็บผลิตยาไอซ์สามารถเคลื่อนย้ายได้ หลบซ่อนได้ง่าย และในอัฟกานิสถานมีต้นอีเฟดราซึ่งพบในแหล่งผลิตเมทแอมเฟตามีนใหญ่ที่สุดของโลกอย่างพม่าและเม็กซิโก พืชชนิดนี้ไม่ผิดกฎหมายในอัฟกานิสถานและมีขึ้นอยู่ทั่วไป เพียงแต่ต้องใช้ในปริมาณมากเท่านั้น” มี กล่าว

ด้าน อับดุลมาทีน กอนี โฆษกกระทรวงมหาดไทยอัฟกานิสถาน ยืนยันกับ AP ว่า รัฐบาลตอลิบานห้ามการปลูก ผลิต จำหน่าย และใช้สารเสพติดทุกประเภทในอัฟกานิสถาน และที่ผ่านมา ได้มีการทำลายโรงงานผลิตไปแล้ว 644 แห่ง รวมถึงที่ดินอีก 12,000 เอเคอร์ที่ใช้เพาะปลูก แปรรูป และผลิตสารเสพติด

ทางการตอลิบานยังส่งเจ้าหน้าที่บุกทลายแหล่งผลิตยาเสพติดอีกกว่า 5,000 กรณี และมีการจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องแล้วราว 6,000 คน

“เราคงอ้างไม่ได้ 100% ว่ายาเสพติดหมดไปแล้ว เพราะอาจจะมีผู้ลักลอบผลิตกันอยู่บ้าง และเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ยาเสพติดลดลงเป็นศูนย์ในระยะเวลาอันสั้น” กอนี กล่าว

“แต่เราได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ 4 ปีว่าจะทำให้ยาเสพติดทั่วๆ ไป โดยเฉพาะยาไอซ์ หมดไปจากประเทศนี้”

รายงาน UN ซึ่งเผยแพร่เมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้วระบุว่า การปลูกฝิ่นในอัฟกานิสถานเพิ่มขึ้นถึง 32% จากปีก่อนหน้านับตั้งแต่ตอลิบานกลับเข้าปกครองประเทศ อีกทั้งการประกาศห้ามปลูกฝิ่นในเดือน เม.ย. ปี 2022 ส่งผลให้ราคาฝิ่นในท้องตลาดพุ่งสูงขึ้น โดยเกษตรกรผู้ปลูกฝิ่นในอัฟกานิสานมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัว จาก 425 ล้านดอลลาร์ในปี 2021 มาอยู่ที่ 1,400 ล้านดอลลาร์ในปี 2022 

เอาแล้ว!! จีนเร่งพัฒนาอุตสาหกรรม ‘เมตาเวิร์ส’ พุ่งเป้าสู่เสาแห่ง ‘วิถีชีวิต-เศรษฐกิจดิจิทัล’

(11 ก.ย. 66) สำนักข่าวซินหัว เผย กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน และหน่วยงานอื่นๆ อีก 4 แห่ง ร่วมออกแผนปฏิบัติการ ระยะ 3 ปี (2023-2025) เพื่อส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมของอุตสาหกรรมเมตาเวิร์ส (Metaverse)

แผนปฏิบัติการดังกล่าวกำหนดรายละเอียดมาตรการอันรวมถึงการสร้างเทคโนโลยีเมตาเวิร์สขั้นสูงและระบบอุตสาหกรรม โดยจีนจะมุ่งสร้างความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี อุตสาหกรรม การประยุกต์ใช้ และด้านอื่นๆ เกี่ยวกับเมตาเวิร์ส รวมถึงทำให้เมตาเวิร์สกลายเป็นเสาแห่งการเติบโตที่มีนัยสำคัญในเศรษฐกิจดิจิทัล

นอกจากนั้นจีนตั้งเป้าหมายบ่มเพาะบริษัทเกี่ยวกับเมตาเวิร์สที่มีอิทธิพลระดับโลก 3-5 แห่ง และสร้างเขตกลุ่มอุตสาหกรรม 3-5 แห่ง พร้อมมุ่งยกระดับนวัตกรรมเชิงบูรณาการของเทคโนโลยีเมตาเวิร์สที่สำคัญ และวางพันธกิจขั้นต้นในอุตสาหกรรมเมตาเวิร์สและวิถีชีวิตดิจิทัล

ชาวอเมริกันแบนขนมยี่ห้อดัง หลังเด็ก 14 เสียชีวิต เหตุจากการแข่งท้าชิมขนมรสพริกเผ็ดที่สุดในโลก 

ถือเป็นอุทธาหรณ์สำหรับชาวอเมริกัน ที่นิยมทำการตลาดที่เล่นกับความคึกคะนองของวัยรุ่น และการเสพติดกระแสโซเชียลอย่างขาดความยับยั้งชั่งใจ จากข่าวการเสียชีวิตของ แฮริส โวโลบาห์ เด็กชายวัย 14 ปี จากโรงเรียน Doherty Memorial High School ในรัฐแมสซาชูเซตส์ ที่เสียชีวิตอย่างกะทันหัน หลังร่วมการแข่งขันท้าประลองกินขนมข้าวโพดทอดกรอบ Paqui รสเผ็ดจัด ที่ปรุงรสด้วยพริกแคโรไลนา รีเปอร์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพริกที่เผ็ดที่สุดในโลก ตามแคมเปญโฆษณาเชิญชวนของแบรนด์ 'One Chip Challenge'

สื่อท้องถิ่นในสหรัฐ รายงานว่า แฮริส โวโลบาห์ ได้เข้าร่วมท้าประลองชิมขนมดังกล่าวเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ที่โรงเรียนในช่วงเช้า แต่พอคาบบ่าย เขาต้องโทรกลับบ้านไปบอกแม่ว่าเขาปวดท้องอย่างรุนแรง จนถึงขั้นหมดสติในเวลาต่อมา ทางโรงเรียนต้องรีบพาตัวส่งโรงพยาบาล แต่ไม่ทันกาล สุดท้าย แฮริส โวโลบาห์ ก็เสียชีวิตลงในช่วงเย็นวันนั้นเอง

แม้ว่าจะยังไม่มีการสรุปถึงสาเหตุการเสียชีวิตของ แฮริส โวโลบาห์ แต่ทางครอบครัวเชื่อว่าเกิดจากการที่ลูกชายร่วมแคมเปญท้าประลองกินแผ่นข้าวโพดรสเผ็ดจัดนี้อย่างแน่นอน อันเป็นเหตุให้เกิดกระแสเรียกร้องให้แบนขนมยี่ห้อดังทั่วสหรัฐ และหลายห้างดังทั้ง Amazon eBay และร้านค้าปลีก สั่งเก็บสินค้าออกจากชั้นวาง และช่องทางจำหน่ายบนหน้าเว็บไซต์ทั้งหมดแล้ว

Paqui เป็นแบรนด์ขนมอบกรอบประเภทแผ่นข้าวโพดตอร์ติญ่า ซึ่งเป็นแบรนด์ลูกของ Hershey ผู้ผลิตขนมหวานชื่อดัง ต่อมาได้ผลิตแผ่นข้าวโพดรสเผ็ดจัด ที่ผสมพริกแคโรไลนา รีเปอร์ และ พริกนากา ไวเปอร์ ที่เผ็ดติดอันดับโลก มารวมกัน สร้างรสชาติที่เผ็ดอย่างร้อนแรงที่ไม่สามารถกินเพื่อความอร่อยได้เลย

แต่ทว่าทางบริษัทกลับใช้เทคนิคการตลาด สร้างแคมเปญท้าทายผู้บริโภค ประลองความอึดด้วยการกิน Paqui รสเผ็ดจัดในคราวเดียวโดยไม่มีการดื่มน้ำ หรืออาหารอย่างอื่นที่ช่วยลดทอนความเผ็ด ว่าจะสามารถกินได้หมดซองคนเดียวหรือไม่

ต่อมามีการสร้างกระแสไวรัลในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะใน Tiktok มีวัยรุ่นอเมริกันแชร์คลิปปฏิกิริยาหลังได้ลองชิมขนมรสเผ็ดร้อนแรงกันเป็นจำนวนมาก ที่สนับสนุนการขาย Paqui ได้อย่างแพร่หลาย แม้จะมีคำเตือนบนหน้าซอง และเว็บไซต์ของทางบริษัทว่าแคมเปญนี้สำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ก็มีเด็ก และวัยรุ่นจำนวนไม่น้อย ที่แข่งกินขนมผสมพริกที่ได้ชื่อว่าเผ็ดที่สุดในโลก เพื่อสร้างคอนเทนท์ลงโซเชียล

จนมีข่าวการเสียชีวิตของ แฮริส โวโลบาห์ หลังการกินขนมผสมพริกเผ็ดจัด ที่อาจทำให้ชาวอเมริกันเริ่มฉุกคิดถึงการทำการตลาดเชิงท้าทายเพื่อหวังกระแส และยอดขาย โดยไม่ใส่ใจความปลอดภัยของผู้บริโภค

ซึ่งอันตรายที่เกิดจากการกินพริกที่มีระดับความเผ็ดมากๆ อย่างพริกแคโรไลนารีเปอร์ ที่มีระดับความเผ็ด 1,569,300 สโกวิลล์ สูงกว่าพริกขี้หนูของไทยถึง 15 เท่า นอกจากจะมีผลเสียต่อกระเพาะอาหารและลำไส้แล้ว ยังพบว่าอาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง จนถึงภาวะหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจหดตัวและภาวะหัวใจวาย ที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

ส่วนบ้านเรา แม้ Paqui จะยังไม่มีขายในไทย แต่ก็มีมันฝรั่งทอดกรอบ และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากต่างประเทศที่มีส่วนผสมของพริกที่มีความเผ็ดร้อนแรงมีจำหน่ายอยู่ทั่วไป ที่ผู้บริโภคควรใช้ความระมัดระวังในการลิ้มลอง

แม้คนไทยจะได้ชื่อว่านิยมอาหารรสเผ็ด แต่พริกที่เผ็ดระดับ พริกแคโรไลนา รีเปอร์, นากา ไวเปอร์ หรือแม้แต่ Ghost Pepper ที่เริ่มแพร่หลายในไทย ล้วนมีระดับความเผ็ดเกิน 1 ล้านสโกวิลล์ นับว่ามีอันตราย ไม่ควรรับประทานจำนวนมากในคราวเดียว แม้จะเป็นเซียนอาหารเผ็ดแค่ไหนก็ตาม  

‘ไบเดน’ ในวัย 80 ถูกโฆษกตัดจบทันที หลังพูดไปเรื่อยขณะแถลงข่าว จากผลสำรวจยิ่งตอกย้ำ!! เขาแก่เกินไปสำหรับทำหน้าที่ประธานาธิบดี

(11 ก.ย. 66) คารีน ฌอง ปิแอร์ เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาว เข้าแทรกตัดจบการแถลงข่าวของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ในทันทีเมื่อวันอาทิตย์ (10 ก.ย.) หลังจากผู้นำรายนี้พูดไปเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับโลกที่ 3 และการสนทนาระหว่างเขากับ หลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน

ไบเดน ได้ตอบคำถามต่างๆ จากสื่อมวลชน ระหว่างเดินทางเยือนกรุงฮานอย เมืองหลวงของเวียดนาม ก่อนบอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า "เขากำลังจะไปนอนแล้ว" อย่างไรก็ตาม ไบเดน ยังคงตอบคำถามใหม่ๆ เพิ่มเติม ในนั้นรวมถึงการพูดคุยระหว่างเขากับ หลี่ ณ ที่ประชุมซัมมิตจี 20 ในอินเดีย เมื่อวันเสาร์ (9 ก.ย.)

"มันไม่ใช่การเผชิญหน้ากันใดๆ เลย" ไบเดนกล่าว "เราพูดคุยกันเพื่อให้มั่นใจว่า โลกที่ 3 เอ่อ เอ่อ เอ่อ ซีกโลกใต้ จะเข้าถึงการเปลี่ยนแปลง"

ระหว่างที่ ไบเดน พูดจาเรื่อยเปื่อยต่อไปไม่หยุด จู่ๆ ฌอง ปิแอร์ ก็ประกาศผ่านไมค์ พูดแทรกว่า "การแถลงข่าวปัจจุบันนี้เสร็จสิ้นแล้ว" กระตุ้นให้ ไบเดน ที่ตอนนั้นกำลังพยายามตอบคำถามอีกคำถาม ต้องกล่าวขอบคุณ วางไมค์และเดินลงจากเวที

ปกติแล้วการแถลงข่าวของไบเดน จะได้รับการจัดการอย่างเข้มข้นจากบรรดาผู้ช่วยของเขา ประธานาธิบดีจะได้รับมอบใบคำถามจากผู้สื่อข่าวล่วงหน้าและได้รับแจ้งว่าผู้สื่อข่าวรายใดเป็นคนตั้งคำถาม อย่างไรก็ตามบางครั้ง ไบเดน หยุดพูดดื้อๆ แล้วลงเวที บ่อยครั้งก็ดูสับสนอย่างเห็นได้ชัด และบางครั้งต้องชี้นำโดยคณะทำงานของเขา

จากผลสำรวจของวอลล์สตรีท เจอร์นัล เมื่อเร็วๆ นี้ พบว่า 73% ของผู้มีสิทธิออกเสียงคิดว่า ไบเดน วัย 80 ปี แก่เกินไปสำหรับทำหน้าที่ประธานาธิบดี ในขณะที่ 60% เชื่อว่าเขาขาดสมรรถภาพทางจิตสำหรับตำแหน่งนี้

การเดินทางเยือนเวียดนามของไบเดน มีขึ้นในขณะที่สหรัฐฯ พยายามกระชับความสัมพันธ์กับบรรดาชาติในเอเชียเพิ่มเติม ในความพยายามตอบโต้การแผ่ขยายอิทธิพลของจีนในภูมิภาค โดยในวันอาทิตย์ (10 ก.ย.) ไบเดน และ เหงียน ฟู้ จ่อง เลขาธิการใหญ่คณะบริหารงานศูนย์กลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม แถลงข้อตกลงการค้าและการลงทุนทวิภาคี ในนั้นรวมถึงมาตรการต่างๆ เพื่อส่งเสริมการผลิตเซมิคอนดักเตอร์และการวิจัยในเวียดนาม

‘โมร็อกโก’ ประกาศไว้อาลัย 3 วัน ให้เหยื่อแผ่นดินไหว หลังยอดทะลุ 2000 ศพ นานาชาติแห่ส่งความช่วยเหลือ

(10 ก.ย. 66) ความคืบหน้าเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในพื้นที่อีกิล (Ighil) ของภูเขาไฮแอตลาส ประเทศโมร็อกโก ช่วงกลางดึกของวันที่ 8 ก.ย.66 (ตามเวลาท้องถิ่น) ซึ่งตรงกับเช้าวันที่ 9 ก.ย.66 (ตามเวลาประเทศไทย) ระบุความรุนแรงขนาด 7.2 ริกเตอร์ โดยเป็นเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศในรอบกว่า 6 ทศวรรษ

ล่าสุดกระทรวงมหาดไทยโมร็อกโก ระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 2,012 ราย บาดเจ็บ 2,059 ราย ในจำนวนนี้ 1,404 ราย อาการสาหัส โดยจังหวัดอัล ฮาอูซ มีผู้เสียชีวิตสูงสุด รองลงมาคือ จังหวัดทารูดันท์ แม้จะมีผู้เสียชีวิตน้อยกว่ามากในมาร์ราเกช แต่พื้นที่เมืองเก่าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก กลับได้รับความเสียหายจำนวนมาก หอคอยสุเหร่า บริเวณจัตุรัสเจมา อัล-ฟานา ในย่านใจกลางเมืองได้รับความเสียหาย และคาดกันว่าบ้านเรือนที่สร้างด้วยอิฐโคลน หิน และไม้ ในหมู่บ้านหลายแห่งบนพื้นที่ภูเขาได้พังทลายลง แต่ขนาดของความเสียหายในพื้นที่ห่างไกลอาจต้องใช้เวลาในการประเมิน

ขณะที่สำนักพระราชวังโมร็อกโก กล่าวว่า โมร็อกโกประกาศการไว้อาลัยทั่วประเทศเป็นเวลา 3 วัน โดยในระหว่างนั้นจะมีการเชิญธงชาติลงครึ่งเสา กองทัพโมร็อกโกจะจัดทีมกู้ภัยเพื่อจัดหาน้ำดื่มสะอาด อาหาร เต็นท์ และผ้าห่มให้แก่พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ

ด้านองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แถลงพร้อมให้ความช่วยเหลือแก่รัฐบาลโมร็อกโก เช่นเดียวกับนานาประเทศ รวมถึงสเปน ฝรั่งเศส และอิสราเอล ส่วนแอลจีเรีย ประเทศเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประกาศเปิดน่านฟ้าเพื่อให้การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่โมร็อกโก

‘พนง.เวียดนาม’ เห็นคุณยายขายลอตเตอรี่มือสั่น-กินข้าวคนเดียว รีบมาช่วยหั่นไก่-คุยแก้เหงา ชาวเน็ตซึ้ง แห่ชี้พิกัดอุดหนุนคุณยาย

(9 ก.ย. 66) กระแสไวรัลในโลกออนไลน์เวียดนาม กำลังแห่ชื่นชมพนักงานบริการที่ทำเอาอบอุ่นใจไปทั่วโซเชียล หลังคลิปวิดีโอแสดงภาพหญิงชราคนหนึ่งกำลังนั่งกินข้าวคนเดียวอยู่ในร้าน ซึ่งสวมเสื้อผ้าเรียบง่ายและเดินเท้าเปล่า อีกทั้งขณะตักอาการด้วยความแก่ชรา เธอจึงมือสั่น แทบไม่มีแรงตักอาหารเข้าปาก

เมื่อเห็นเช่นนั้น พนักงานในร้านอาหารฟาสฟู้ดก็รีบวิ่งไปช่วยเหลือลูกค้าผู้สูงอายุทันที พนักงานสาวช่วยคุณยายหั่นบะหมี่และไก่ทอดให้กินง่าย ๆ พร้อมพูดคุยกับคุณยายอย่างเป็นกันเองเพื่อให้คุณยายไม่เหงา การกระทำของพนักงานบริการรายนี้ได้รับความสนใจจากคนรอบข้าง

นับตั้งแต่เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ก็มียอดดูมากกว่า 6 ล้านครั้งในเวลาไม่กี่ชั่วโมงพร้อมมีชาวติ๊กต็อกเข้ามาคอมเมนต์เป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ชื่นชมความมีน้ำใจของพนักงานร้านไก่ทอดหญิง อาทิ

“การกระทำเล็กๆ น้อยๆ แต่สมควรได้รับการยกย่องอย่างยิ่ง”
“ไลฟ์สไตล์และทัศนคติเป็นสิ่งสำคัญมาก มันแสดงให้เห็นถึงศักดิ์ศรีของแต่ละคน ไม่ใช่ว่าคุณต้องทำอะไรที่ใหญ่โตเกินไป”
“ขอบคุณ Jollibee ขอบคุณทีมงาน การกระทำของคุณน่ารักมาก”
“มองดูแล้วน้ำตาฉันก็ไหล เธอเดินคนเดียวเท้าเปล่า เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย มือสั่น หากคุณยังคงมีแม่หรือญาติอยู่โปรดถนอมพวกเขาไว้”
“เธอไม่สวมรองเท้าแตะด้วยซ้ำ 😔”

ต่อมามีคนจำคุณยายได้ว่า เธอสู้ชีวิตเอาชนะความชราเพื่อความอยู่รอดโดยดำรงชีพด้วยการขายลอตเตอรี่ที่สี่แยกเมืองกายเหล่ย จังหวัดเตี่ยนซาง ประเทศเวียดนามทุกวัน ซึ่งหหลังจากชมวีดีโอชาวเน็ตจึงชวนกันมาซื้อสลากและอุดหนุนเธอ

ระทึก!! เกิดแผ่นดินไหวกลางดึกที่ ‘โมร็อกโก’ แรง 6.8 แมกนิจูด สั่นสะเทือนไกลถึง 350 กม. บ้านเรือนพังยับ ดับเกือบ 300 ศพ

(9 ก.ย. 66) เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 6.8 แมกนิจูดทางตอนกลางในเทือกเขาไฮแอตลาสของประเทศโมร็อกโก หลังเวลา 23.00 น. ของวันที่ 8 ก.ย. ตามเวลาท้องถิ่น สถานีโทรทัศน์อัล-เอาลาของโมร็อกโกรายงานว่า เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างน้อย 296 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 153 คน

ศูนย์ธรณีฟิสิกส์ของโมร็อกโกระบุว่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้นในพื้นที่อิกิลของไฮแอตลาส วัดความรุนแรงได้ 7.2 แมกนิจูด ขณะที่สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งชาติของสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส) ระบุว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้แรง 6.8 แมกนิจูด โดยจุดศูนย์กลางค่อนข้างตื้นอยู่ลึกลงไปใต้ดินเพียง 18.5 กิโลเมตร

ด้านกองทัพโมร็อกโกเตือนให้ประชาชนระมัดระวัง เพราะยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมา โดยเผยแพร่ข้อความบน X (ทวิตเตอร์) ว่า “เราขอเตือนถึงความจำเป็นที่จะต้องใช้ความระมัดระวัง และคำนึงถึงมาตรการด้านความปลอดภัยเนื่องจากความเสี่ยงที่จะเกิดอาฟเตอร์ช็อก”

ชาวบ้านในเมืองมาร์ราเกซ เมืองใหญ่ที่สุดที่อยู่ใกล้กับศูนย์กลางของแผ่นดินไหวมากที่สุด และยังเป็นเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกระบุว่า อาคารในมาร์ราเกซบางแห่งพังถล่มลงมา สถานีโทรทัศน์ท้อง เผยแพร่ภาพสุเหร่าและมัสยิดที่พังทลาย และมีเศษซากอาคารร่วงลงมาทับรถ

อิกิลเป็นพื้นที่ภูเขาซึ่งมีหมู่บ้านเกษตรกรรมขนาดเล็กๆ อยู่ห่างจากมาร์ราเกซไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 70 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นระบุว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภูเขาซึ่งเข้าถึงได้ยาก ด้านชาวบ้านในหมู่บ้านบนภูเขาอัสนีใกล้กับศูนย์กลางของแผ่นดินไหวระบุว่า บ้านเรือนส่วนใหญ่ได้รับความเสียหายและมีผู้ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง ขณะที่คนอื่นๆ เร่งหาทางช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ

‘ฮ่องกง’ เจอน้ำท่วมใหญ่ ‘ถนน-สถานีรถไฟใต้ดิน-ห้าง’ ได้รับผลกระทบหนัก สั่งปิดรร.-ให้ปชช.ทำงานที่บ้าน พร้อมประกาศเตือนพายุฝนอยู่ระดับสูงสุด

(8 ก.ย.66) สำนักข่าวรอยเตอร์ และเอเอฟพีรายงานว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักบนเกาะฮ่องกง ส่งผลทำให้เกิดน้ำท่วมสูงเป็นวงกว้างในฮ่องกง ทำให้ถนนหนทาง ห้างสรรพสินค้า สถานีรถไฟใต้ดิน จมอยู่ใต้น้ำ ขณะที่ทางการฮ่องกงได้สั่งปิดโรงเรียน และขอให้ประชาชนทำงานอยู่ที่บ้าน

ข่าวระบุว่า ฝนที่ตกลงมาถือว่าเป็นฝนที่ตกหนักที่สุดในรอบ 140 ปี นับตั้งแต่มีการบันทึกสถิติมาของฮ่องกง ส่งผลให้น้ำหลายสายไหลลงมาตามพื้นที่เนินเขา ขณะที่ทางการออกประกาศเตือนความเสี่ยงที่จะเกิดดินถล่ม

ทั้งนี้ มีคลิปวิดีโอที่ปรากฏบนโลกออนไลน์ แสดงให้เห็นถนนหลายสายที่มีกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว ขณะที่อีกคลิปหนึ่ง เป็นภาพของเจ้าหน้าที่รถไฟใต้ดินต้องเดินลุยน้ำเข้าไปในสถานี เพื่อพยายามควบคุมไม่ให้น้ำจากถนนทะลักเข้าไปภายในสถานี

โดยมีรายงานว่า อุโมงค์ข้ามท่าเรือของฮ่องกง ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางหลักที่เชื่อระหว่างเกาะฮ่องกงกับเกาลูน ก็ถูกน้ำท่วมสูงเช่นกัน รวมไปถึงย่านแหล่งข้อปปิ้งอย่างไฉหว่าน ที่ก็ปรากฏภาพของน้ำท่วมสูงด้วย

ด้านสำนักงานสังเกตการณ์ฮ่องกง รายงานว่า ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน จนถึงเที่ยงคืนย่างเข้าสู่วันที่ 8 กันยายน อยู่ที่ระดับ 158.1 มิลลิเมตร และว่า ฝนที่ตกหนักครั้งนี้ เกิดขึ้นจากร่องความกดอากาศน้ำที่เกี่ยวข้องกับส่วนที่เหลือจากไต้ฝุ่นไห่ขุย

โดยตอนใต้ของจีนเพิ่งจะเจอกับไต้ฝุ่น 2 ลูก คือ เซาลา และไห่ขุย ขณะที่ฮ่องกงเองไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากไต้ฝุ่นทั้งสองลูกดังกล่าว

ขณะที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเตือนพายุฝนระดับ ‘สีดำ’ ซึ่งเป็นระดับสูงสุด และว่า จะมีฝนตกลงมากว่า 200 มิลลิเมตรบนเกาะหลักของฮ่องกง เกาลูน และบางส่วนของฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของนิวเทอร์ริทอรีส์

นอกจากนี้ ยังมีรายงานปิดจุดผ่านแดนผู้โดยสารและสินค้าบางแห่ง ที่เชื่อมระหว่างฮ่องกับกับเมืองเสิ่นเจิ้นของจีนแผ่นดินใหญ่ เนื่องจากน้ำที่ท่วมสูง

‘ญี่ปุ่น’ ยิงจรวดขนส่งยาน ‘มูนสไนเปอร์’ ขึ้นสู่อวกาศ มุ่งหน้าทำภารกิจลงจอดดวงจันทร์ เป็นชาติที่ 5 ของโลก

(7 ก.ย. 66) สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ญี่ปุ่นได้ปล่อยจรวดขนส่ง ‘H-IIA’ เพื่อส่งยานสำรวจดวงจันทร์ ‘มูนสไนเปอร์’ ของญี่ปุ่น พร้อมดาวเทียม ‘X-Ray Imaging and Spectroscopy Mission’ (XRISM)

ออกจากฐานยิงบนเกาะทาเนกาชิมะ ทางตอนใต้ของประเทศ ขึ้นสู่อวกาศเป็นผลสำเร็จ เมื่อวันที่ 7 กันยายน นับเป็นความพยายามครั้งที่ 4 หลังจากครั้งก่อนต้องล้มเหลว เพราะสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ในภารกิจส่งยานสำรวจมูนสไนเปอร์ลงจอดบนพื้นผิวดวงจันทร์ ที่คาดว่ายานสไนเปอร์จะลงจอดภายในระยะ 100 เมตรจากตำแหน่งใกล้กับปล่อง Shioli บนด้านใกล้ของดวงจันทร์

โดยยานสไนเปอร์จะเข้าสู่วงโคจรของดวงจันทร์ภายใน 4 เดือนนับจากนี้ จากนั้นจะโคจรรอบดวงจันทร์ ก่อนพยายามลงจอดบนพื้นผิวดวงจันทร์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นได้ในราวเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ญี่ปุ่น จะกลายเป็นประเทศที่ 5 ของโลก ที่ส่งยานสำรวจลงจอดบนดวงจันทร์สำเร็จ หลังจากเมื่อเร็วๆ นี้ อินเดีย ได้สร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นชาติที่ 4 ของโลกนอกจากสหรัฐ รัสเซียและจีนที่ส่งยานสำรวจไปลงดวงจันทร์สำเร็จ

ทั้งนี้ ภารกิจส่งยานสำรวจมูนสไนเปอร์ไปยังดวงจันทร์ ที่มีมูลค่าโครงการ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,562 ล้านบาท) มีจุดมุ่งหมายเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสามารถของญี่ปุ่น ในการส่งยานอวกาศที่มีน้ำหนักเบาและใช้ต้นทุนต่ำไปลงจอดบนดวงจันทร์ได้

นอกจากนี้ จรวดขนส่ง ยังบรรทุกดาวเทียม X-Ray Imaging and Spectroscopy Mission (XRISM) ซึ่งติดกล้องโทรทรรศน์ขนาดเท่ารถบัสไว้ด้วย เพื่อจะไปศึกษาปรากฏการณ์ในอวกาศ เช่น หลุมดำ อันเป็นโครงการร่วมระหว่างหน่วยงานอวกาศของญี่ปุ่น อเมริกา และยุโรป

‘สาวกิมจิ’ ชี้!! ชีวิต นร.เกาหลีใต้หดหู่ ต้องเรียน ‘เช้าจรดดึก’ เทียบ นร.ไทย ‘ดีกว่า’ เลิกเรียนเวลาปกติ แถมมีชีวิตอิสระ

เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีวิดีโอที่เป็นไวรัลอยู่ในโลกออนไลน์ เป็นวิดีโอของหญิงสาวชาวเกาหลีใต้ที่ออกมาเล่าถึงชีวิตความเป็นอยู่ของนักเรียนในเกาหลีใต้ และเน้นย้ำว่าชีวิตนักเรียนเกาหลีใต้น่าสงสาร แตกต่างจากนักเรียนไทยที่ดีและมีอิสระมากกว่า…

หญิงสาวชาวเกาหลีใต้เจ้าของวิดีโอมีชื่อว่า ‘ริซชี่’ ปัจจุบันใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยมาแล้ว 15 ปี โดยเธอได้ระบุในวิดีโอว่า เรื่องที่ไทยดีกว่าเกาหลีใต้ มีหลายเรื่องมาก ๆ หนึ่งในนั้นคือเรื่องชีวิตประจำวันของนักเรียน โดยที่เกาหลีใต้จะมีตารางเรียนให้นักเรียน ซึ่งเรียนตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม ใน 1 วันเรียนทั้งหมด 7 วิชา และต้องกินข้าวกลางวันและข้าวเย็นที่โรงเรียน

เธอยังระบุอีกว่า วิชาสุดท้ายเรียนจบตั้งแต่ช่วงห้าโมงเย็นแล้ว แต่ทางโรงเรียนบังคับนักเรียนให้อ่านหนังสือต่อจนถึงสี่ทุ่ม หลังจากอ่านหนังสือเสร็จก็ยังไม่ได้กลับบ้าน เพราะต้องไปเรียนพิเศษต่อ โดยจะมีรถบัสเรียนพิเศษมารอรับที่โรงเรียนเลย และเรียนพิเศษจนถึงเที่ยงคืน สำหรับการเรียนพิเศษ ต้องไปทุกวัน เสาร์อาทิตย์ก็ไม่ได้หยุด ทำให้เด็กนักเรียนเจอคุณครูมากกว่าพ่อแม่เสียอีก

สาวเกาหลีใต้รายนี้ยังระบุอีกว่า จริง ๆ ก็เรียนไหว ไม่ได้แย่ขนาดนั้น เพราะตอนที่เรียนมีเพื่อนอยู่ด้วยทุกคน เธอยังบอกอีกว่าสาเหตุที่ต้องเรียนโหดขนาดนี้ เพราะว่าการแข่งเกาหลีสูงมาก ๆ เพื่อให้ได้งานดี ๆ ก็ต้องเข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ ให้ได้ก่อน ซึ่งแตกต่างจากฝั่งตะวันตกที่สอนว่าความสามารถของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ต่อให้เรียนไม่เก่งก็ยังสามารถมีความสุขได้ แต่สำหรับที่เกาหลีใต้นั้นมีทรัพยากรไม่มากพอ ทำให้โรงเรียนและผู้ปกครองพยายามสอนนักเรียน ต้องเรียนให้เก่ง เพื่อหางานดี ๆ จะได้มีชีวิตที่ดีในอนาคต 

ริซชี่ระบุทิ้งท้ายว่า ตัวเธอเองไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมเกาหลี และหวังว่าในอนาคตอยากเห็นนักเรียนที่เกาหลีใต้มีชีวิตที่ดี และสามารถเลิกเรียนได้ตามเวลาปกติเหมือนเด็กนักเรียนไทย 

‘เบอร์มิงแฮม’ เมืองใหญ่ของอังกฤษ ประกาศล้มละลาย หลังเผชิญวิกฤตงบประมาณขาดดุล-ปัญหาภาระหนี้สิน

เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 66 หัวหน้าฝ่ายการเงินของสภาเมืองเบอร์มิงแฮมได้ประกาศใช้มาตรา 114 ที่หมายความว่าจะไม่มีการใช้จ่ายงบประมาณใหม่ ๆ เกิดขึ้น ยกเว้นการใช้จ่ายที่จำเป็น ทั้งการดูแลประชาชนกลุ่มเปราะบาง บริการสาธารณะขั้นพื้นฐาน และภาระผูกพันทางการเงินที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

ส่วนบริการที่คาดว่าจะต้อง ถูกปรับลดงบประมาณมีทั้งการทำความสะอาดถนน การดูแลรักษาสวนสาธารณะ ห้องสมุด บริการเกี่ยวกับเด็กที่อยู่นอกเหนือจากการช่วยเหลือทางสังคม และการเก็บขยะที่อาจต้องทิ้งช่วงเวลานานขึ้น

สภาเมืองเบอร์มิงแฮม ระบุว่า สาเหตุหลักที่ต้องประกาศล้มละลาย เพราะต้องจ่ายค่าชดเชยมูลค่าสูงถึง 760 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 34,000 ล้านบาท ให้แก่กลุ่มพนักงานหญิงทั้งในอดีตและปัจจุบัน ที่รวมตัวยื่นฟ้องในคดีจ่ายค่าตอบแทนที่ไม่เท่าเทียมระหว่างเพศ

การจ่ายเงินค่าชดเชยดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้ด้านกฎหมายกับสหภาพแรงงานที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน โดยเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา สภาเมืองเบอร์มิงแฮมเปิดเผยว่า ได้จ่ายค่าชดเชยให้กับพนักงานหญิงไปแล้ว 1,100 ล้านปอนด์ หรือ ประมาณ 50,000 ล้านบาท แต่ยังเหลือยอดหนี้อีกราว 650-750 ล้านปอนด์ ทำให้มีภาระเพิ่มขึ้นเดือนละ 5 ล้าน ถึง 15 ล้านปอนด์ หรือ 200 ล้าน ถึง 670 ล้านบาท ซึ่งสภาเมืองไม่สามารถหาเงินมาชำระได้

นอกจากเบอร์มิงแฮม ยังมีสภาท้องถิ่นอีกหลายแห่งที่ต้องประกาศล้มละลายเหมือนกับเบอร์มิงแฮม เช่น วอคกิง ครอยดอน และเทอร์รอค หลังจากหลายโครงการลงทุนเกิดปัญหา และเผชิญกับการปรับลดเงินทุน

ขณะที่สมาคมองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นอังกฤษประเมินว่า ตลอด 2 ปีนับจากนี้ สภาเมืองต่างๆ ทั่วประเทศจะเผชิญกับปัญหาขาดแคลนเงินทุนรวมกันประมาณ 2,000 ล้านปอนด์ หรือ 9 หมื่นล้านบาท เพื่อให้บริการสาธารณะที่มีอยู่ตอนนี้ยังคงดำเนินการต่อไปได้ตามปกติ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top