Wednesday, 14 May 2025
WORLD

‘Google’ สั่งปลดพนักงานฝ่ายบุคคลหลายร้อยตำแหน่ง อ้างเหตุผล บริษัทชะลอการจ้างงาน เพื่อลดต้นทุนธุรกิจ

(14 ก.ย. 66) รอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า ‘อัลฟ่าเบท’ (Alphabet) บริษัทแม่ของ ‘กูเกิล’ (Google) ตัดสินใจเลิกจ้างพนักงานจากทีมสรรหาบุคลากรหลายร้อยตำแหน่ง เนื่องจากบริษัทยังคงชะลอการจ้างงานอย่างต่อเนื่อง

การตัดสินใจเลิกจ้างพนักงานครั้งนี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเลิกจ้างครั้งใหญ่ เพราะบริษัทจะยังคงรักษาพนักงานส่วนที่สำคัญกับการขับเคลื่อนธุรกิจต่อไป และผลักดันให้พนักงานค้นหาบทบาทการทำงานในบริษัทที่ตรงกับความต้องการของตนเอง

Alphabet เป็นบิ๊กเทคแห่งแรกที่เลิกจ้างพนักงานในไตรมาสนี้ หลังจากที่บริษัทอื่น ๆ เช่น เมตา (Meta), ไมโครซอฟท์ (Microsoft) และแอมะซอน (Amazon) ปรับลดขนาดองค์กรและลดจำนวนพนักงานในช่วงต้นปี 2566 ที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจอ่อนแอ

ก่อนหน้านี้ ในเดือน ม.ค. 2566 Alphabet เลิกจ้างพนักงานในรัฐแคลิฟอร์เนียประมาณ 12,000 ตำแหน่ง คิดเป็น 6% ของพนักงานทั้งหมด

นอกจากนี้ รอยเตอร์ยังอ้างอิงรายงานของ Challenger, Grey & Christmas บริษัทจัดหางานในสหรัฐที่ระบุว่า การเลิกจ้างในสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่าในเดือน ส.ค. จากเดือน ก.ค. และเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าปี

‘อียู’ สั่งสอบรถยนต์ไฟฟ้าของ 'จีน' หลังพบราคาถูกเกินไป หวั่นยุโรปได้รับผลกระทบ หากเป็นการขายเพื่อตัดราคาคู่แข่ง

(14 ก.ย. 66) อียูจะทำการสืบสวนการอุดหนุนรถไฟฟ้าโดยภาครัฐจีน จากการเปิดเผยของอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปเมื่อวันพุธ (13 ก.ย.) พร้อมประกาศปกป้องอุตสาหกรรมยุโรปจาก ‘ราคาขายต่ำแบบเทียมๆ’

"เวลานี้ตลาดโลกท่วมไปด้วยรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกกว่าของจีน และราคาของรถเหล่านั้นถูกคงไว้ในระดับต่ำแบบเทียมๆ ด้วยการอุดหนุนมหาศาลของภาครัฐ" ฟอน แดร์ ไลเอิน กล่าวระหว่างปราศรัยต่อรัฐสภายุโรปในสตาร์บวร์ก

ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวต่อว่าการสืบสวนนี้อาจนำมาซึ่งการที่สหภาพยุโรปกำหนดจัดเก็บภาษีกับรถยนต์ไฟฟ้าเหล่านั้น ที่เชื่อว่าถูกวางจำหน่ายในราคาถูกอย่างไม่ยุติธรรม ซึ่งเป็นการขายตัดราคาบรรดาคู่แข่งสัญชาติยุโรปทั้งหลาย "ยุโรปเปิดกว้างสำหรับการแข่งขัน แต่ไม่ใช่การแข่งขันที่นำไปสู่จุดเสื่อม"

มีรายงานข่าวว่า ฝรั่งเศสคือชาติที่ผลักดันให้ ฟอน แดร์ ไลเอิน เปิดการสืบสวน ท่ามกลางความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ ทั่วยุโรป ต่อกรณีที่ทวีปแห่งนี้ต้องพึ่งพิงผลิตภัณฑ์ของจีน

บรรดาผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติยุโรปต่างชื่นชมการสืบสวนในครั้งนี้ โดยมองมันในฐานะสัญญาณในทางบวก "คณะกรรมาธิการยุโรปกำลังตระหนักถึงสถานการณ์ที่ไม่สมดุลมากขึ้นเรื่อยๆ ที่อุตสาหกรรมของพวกเราต้องเผชิญ และกำลังพิจารณาอย่างเร่งด่วนต่อการแข่งขันที่บิดเบี้ยวในภาคอุตสาหกรรมของเรา" Sigrid de Vries ผู้อำนวยการทั่วไปของสมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งยุโรปกล่าว

เธียร์รี เบรตอง หัวหน้าตลาดภายในของอียู กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เตือนเกี่ยวกับแนวโน้มหนึ่งที่กำลังก่อตัวขึ้น แนวโน้มที่ยุโรปกำลังถูกผลักไปเป็นผู้นำเข้าสุทธิยานยนต์ไฟฟ้าและแผงโซลาร์เซลล์

ขณะเดียวกัน พวกผู้เชี่ยวชาญบางส่วนมองว่า จีน อาจแซงหน้าญี่ปุ่น กลายเป็นชาติผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลกในปีนี้

ฝรั่งเศสมีความกังวลอย่างยิ่งว่า ยุโรปจะตกเป็นฝ่ายตามหลังถ้าไม่ดำเนินการเชิงรุกมากกว่านี้ ยามที่ต้องเผชิญหน้ากับความเคลื่อนไหวต่างๆ ของจีน ที่มีการกีดกันทางการค้ามากกว่า

ก่อนหน้านี้ ฝรั่งเศสได้แถลงมาตรการต่างๆ ที่จะมอบการอุดหนุนยานยนต์ไฟฟ้าใหม่ บนพื้นฐานของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของเหล่าผู้ผลิต ซึ่งมันจะทำให้รถยนต์ของจีนเจองานที่ยากลำบากมากขึ้น เนื่องจากบ่อยครั้งที่ผู้ผลิตสัญชาติจีนมักพึ่งพิงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน

ฟอน แดร์ ไลเอิน เรียกร้องให้อียูกำหนดแนวทางของตนเองในการรับมือกับจีน แต่บรรดามหาอำนาจยักษ์ใหญ่ของยุโรปบางส่วนอยากให้ดำเนินการอย่างระมัดระวัง เพื่อหลีกเลี่ยงถูกตัดขาดความสัมพันธ์ทางธุรกิจ

แม้แสดงออกด้วยคำพูดที่แข็งกร้าว แต่ ฟอน แดร์ ไลเอิน กล่าวเช่นกันว่า มันเป็นเรื่องสำคัญสำหรับยุโรปที่ต้องธำรงไว้ซึ่งการติดต่อสื่อสารและการทูตกับจีน "เพราะว่ายังมีหัวข้อต่างๆ ที่เราสามารถและมีความร่วมมือระหว่างกัน ลดความเสี่ยง ไม่ใช่เพิ่มเป็นทวีคูณ นี่คือท่าทีของฉันที่มีต่อพวกผู้นำจีน ณ ที่ประชุมซัมมิตอียู-จีน ในช่วงปลายปี"

‘ไต้หวัน’ โวย!! พบเครื่องบิน 28 ลำของกองทัพจีน บินเข้ามาในเขตป้องกันทางอากาศของไต้หวัน

(14 ก.ย. 66) กระทรวงกลาโหมไต้หวัน แถลงว่า พบเครื่องบิน 28 ลำของกองทัพอากาศจีน อยู่ในเขตป้องกันทางอากาศของไต้หวันเมื่อเช้าวันที่ (13 กันยายน) ซึ่งเครื่องบินเหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนการจีน เพื่อก่อกวนไต้หวัน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไต้หวันออกมาระบุว่า จีนยกระดับการทำกิจกรรมทางทหารใกล้เกาะไต้หวันเพิ่มมากขึ้น และจีนแสวงหาการอ้างอธิปไตยเหนือไต้หวันมาตลอด แม้ไต้หวันปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แต่จีนมองว่า ไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของแผ่นดินใหญ่

กระทรวงกลาโหมไต้หวัน ระบุต่อไปว่า เมื่อเวลาประมาณ 06.00 ตามเวลาท้องถิ่น เครื่องบินรบจีนหลายสิบลำ รวมถึงเครื่องบินขับไล่ เจ-10 ได้บินเข้ามาทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของเขตป้องกันทางอากาศของไต้หวัน

นอกจากนี้ ยังมีเครื่องบินรบบางลำของจีน บินข้ามช่องแคบบาชิ เพื่อปฏิบัติการซ้อมรบร่วมกับเรือบรรทุกเครื่องบินซานตงในมหาสมุทรแปซิฟิก

อย่างไรก็ตาม กองกำลังไต้หวัน เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงส่งเครื่องบินขับไล่ปกป้องน่านฟ้า ซึ่งไต้หวันมักใช้วิธีส่งเครื่องบินขับไล่พิทักษ์น่านฟ้า เพื่อตอบโต้ที่เครื่องบินรบจีนรุกล้ำน่านฟ้า 
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันจันทร์ (11 กันยายน) กระทรวงกลาโหมไต้หวัน เปิดเผยว่า กองเรือรบจีนนำโดยเรือบรรทุกเครื่องบินซานตง ได้เคลื่อนตัวเข้าสู่ฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อซ้อมรบ

‘ซีเรีย’ ร้อง!! UN จัดการ ‘สหรัฐฯ’ ให้จ่ายเงินชดเชยค่าเสียหาย หลังใช้สงครามบังหน้า ก่อนเข้ายึดครองดินแดน-ขโมยน้ำมัน

(14 ก.ย. 66) ‘ซีเรีย’ เรียกร้องสหประชาชาติ ให้ดำเนินการเอาผิดกับสหรัฐฯ ต่อกรณียึดครองดินแดนบางส่วนของซีเรีย เช่นเดียวกับลอบสกัดทรัพยากรทางธรรมชาติในพื้นที่เหล่านั้นอย่างผิดกฎหมาย ตามรายงานของสำนักข่าวซานา สื่อมวลชนแห่งรัฐเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

นอกจากนี้แล้ว ดามัสกัส ยังเรียกร้องขอเงินชดเชยจากวอชิงตัน สำหรับสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า เป็นการปล้นน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของประเทศ

ในรายงานชิ้นหนึ่งที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ (10 ก.ย.) สำนักข่าวซานา อ้างอิงหนังสือของกระทรวงการต่างประเทศของซีเรีย ที่ส่งถึง ‘อันโตนิโอ กูเตอร์เรส’ เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ เช่นเดียวกับ แอลเบเนีย ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานหมุนเวียนคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติประจำเดือนกันยายน

โดยในหนังสือดังกล่าว เรียกร้องให้องค์กรระหว่างประเทศแห่งนี้หยุดสหรัฐฯ จากการละเมิดกฎหมายสากลและกฎบัตรสหประชาชาติ ด้วยการประจำการทหารอย่างผิดกฎหมาย ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ

กระทรวงการต่างประเทศของซีเรีย อ้างอีกว่า นอกจากนี้แล้ว วอชิงตันและกลุ่มติดอาวุธพันธมิตร ยังกระทำผิดด้วยการฉกชิงทรัพยากรทางยุทธศาสตร์ และความมั่งคั่งของประเทศอีกด้วย

ในหนังสือดังกล่าวได้ประเมินความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อม ที่เกิดขึ้นกับภาคอุตสาหกรรมน้ำมันและเหมืองที่มั่งคั่งของซีเรีย จากฝีมือของกองทัพสหรัฐฯ นับตั้งแต่ปี 2011 จนถึง 2023 อยู่ที่ประมาณ 115,200 ล้านดอลลาร์

โดยในหนังสือได้ปิดท้าย เรียกร้องให้ลงโทษพวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ สำหรับการขโมยและบอกว่ารัฐบาลอเมริกาจำเป็นต้องจ่ายชดเชยแทนคนเหล่านี้ นอกจากนี้แล้ว พวกเขายังเรียกร้องให้ถอนบุคลากรทางทหารของอเมริกาทุกรายออกจากซีเรีย พร้อมกับคืนบ่อน้ำมันและก๊าซธรรมชาติทั้งหมด กลับคืนสู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลซีเรีย

เมื่อช่วงปลายเดือนที่แล้ว พลเอกมาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมแห่งกองทัพสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า ทหารอเมริกาจะยังคงประจำการในประเทศแห่งนี้ต่อไปอีกในอนาคตอันใกล้ โดยเน้นว่า วอชิงตันจะไม่มีวันเดินหนีออกจากตะวันออกกลาง อ้างถึงอันตรายจากพวนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในภูมิภาค นอกจากนี้ เขายังยอมรับว่าน้ำมันเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่อเมริกาจะไม่ถอนตัวจากภูมิภาคนี้

‘ซีเรีย’ ดำดิ่งสู่ความขัดแย้งในปี 2011 เมื่อกลุ่มฝ่านค้านลุกฮือต่อต้านรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด จากนั้นในปี 2015 อัสซาดเผชิญกองทัพรัสเซียเข้าช่วยเหลือกองกำลังของพวกเขาในการสู้รบกับกลุ่มไอเอส ในขณะที่สหรัฐฯ เปิดปฏิบัติการทางทหารของตนเองหนึ่งปีก่อนหน้านั้น ทว่าไม่ได้เป็นการเชิญจาก อัสซาด แต่อย่างใด

‘ญี่ปุ่น’ สั่งปิดเส้นทางขึ้น ‘ภูเขาไฟฟูจิ’ ชั่วคราว หลังพบปัญหา ‘นักท่องเที่ยวล้น - ขยะเกลื่อน’

เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 66 ทางการท้องถิ่นจังหวัดยามานาชิของญี่ปุ่น ประกาศปิดเส้นทางขึ้นสู่ ภูเขาไฟฟูจิ เป็นการชั่วคราวไปจนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อหวังควบคุมปริมาณนักท่องเที่ยวที่แห่เดินทางที่นี่แน่นขนัด จนกลายเป็นปัญหาสภาพแวดล้อม จุดที่เป็นปัญหามากที่สุดจนต้องถูกสั่งปิด คือสถานีที่ 5 ของเส้นทางสายฟูจิซูบารุ ที่แล่นตรงจากโตเกียวสู่ภูเขาฟูจิ มีชื่อเล่นว่า ‘โกโกเมะ’ อยู่กึ่งกลางของเส้นทางจากพื้นเบื้องล่างสู่จุดสูงสุดของภูเขาฟูจิ สถานีที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเลราว 2,300 เมตร เป็นจุดที่ต้องรับนักท่องเที่ยวมากที่สุด ราวร้อยละ 90% ของนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมภูเขาแห่งนี้

ผู้ว่าราชการจังหวัดยามานาชิบอกว่า ปัญหาที่ส่งผลกระทบมากที่สุด คือการทำความสะอาดห้องสุขาและการเก็บขยะที่ถูกทิ้งเกลื่อนกลาด จากการมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาจำนวนมากจนเจ้าหน้าที่รับมือไม่ไหว ทำให้การรักษาสภาพแวดล้อมและให้ความสะดวกนักท่องเที่ยวพร้อม ๆ กัน เป็นไปด้วยความยากลำบาก

นอกจากสั่งปิดเส้นทางขึ้นภูเขาไฟฟูจิส่วนนี้เป็นการชั่วคราวแล้ว ทางการจังหวัดยามานาชิยังเสนอมาตรการอื่นๆ รวมทั้งการสั่งห้ามรถบัสและรถยนต์ที่มีผู้โดยสารขึ้นเขา โดยให้เปลี่ยนไปใช้บริการรถไฟรางเบาเพื่อขึ้นเขาแทน อีกทั้งเก็บค่าโดยสารแบบไป-กลับในราคา 10,000 เยน (ราว 2,422 บาท) เพื่อคัดกรองให้มีแต่นักท่องเที่ยวระดับคุณภาพ

พร้อมกับระบุว่า ปัญหานักท่องเที่ยวและขยะล้น รวมถึงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากยวดยานจำนวนมาก สร้างความกังวลแก่ทางการท้องถิ่นว่า สิ่งเหล่านี้จะทำลายเสน่ห์ของภูเขาฟูจิ ให้กลายเป็นสถานที่ที่ไม่น่ามาเที่ยวอีกต่อไป

‘สว.มะกัน’ เล่นเกมแรง ยื่นญัตติถอดถอน ‘โจ ไบเดน’ ขยี้ปมคอร์รัปชันผ่านลูกชาย แม้ไร้ผล แต่เชื่อแต้มหด

พอใกล้เข้าสู่บรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้งใหญ่ในสหรัฐอเมริกา เกมการเมืองยิ่งเพิ่มระดับความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดวันนี้ ‘เควิน แมคคาร์ธีย์’ วุฒิสมาชิกจากพรรคฝ่ายค้าน รีพับลิกัน ได้ยื่นประเด็นกล่าวหา ‘โจ ไบเดน’ ผู้นำสหรัฐฯ คนปัจจุบันจากพรรคเดโมแครต ว่าพัวพันการทุจริต คอร์รัปชัน รับสินบนจากบริษัทข้ามชาติ เพื่อนำไปสู่การพิจารณาถอดถอน โจ ไบเดน พ้นจากตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ

โดยวุฒิสมาชิก แมคคาร์ธีย์ อ้างว่าต้องการเปิดโปงรูปแบบ ‘วัฒนธรรมการคอร์รัปชัน’ ของครอบครัวไบเดน ที่มีมานานตั้งแต่เมื่อโจ ไบเดน ยังดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในสมัย ‘บารัค โอบามา’ ซึ่งข้อกล่าวหาส่วนใหญ่ที่หยิบยกมาล้วนเกี่ยวพันกับธุรกิจครอบครัวไบเดน โดยเฉพาะ ‘ฮันเตอร์ ไบเดน’ บุตรชายของ โจ ไบเดน ที่ใช้ชื่อเสียงของพ่อเป็นใบเบิกทางสู่ผลประโยชน์ด้านธุรกิจของตนเองหลายล้านเหรียญในช่วงหลายปีที่ผ่านมา 

สื่อต่างชาติได้รวบรวมประเด็นที่ฝ่ายรีพับลิกันหยิบยกขึ้นมากล่าวหาโจ ไบเดน และครอบครัวไว้ดังนี้ 

1.) โจ ไบเดน ใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อผลประโยชน์ให้ลูกชาย - ฮันเตอร์ ไบเดน ตั้งแต่สมัยเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ประเด็นนี้ ‘เจมส์ โคเมอร์’ สมาชิกพรรครีพับลิกันจากรัฐเคนทัคกี เคยตั้งข้อสงสัยเรื่องการพบปะสังสรรค์ของโจ ไบเดน กับกลุ่มทุนผู้มีอิทธิพลทางการเมืองในยุโรปตะวันออกจำนวนมากในช่วงที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อกรุยทางให้ลูกชายและ หนึ่งในบริษัทที่ถูกตั้งข้อสงสัยคือ Burisma บริษัทกลุ่มทุนพลังงานยักษ์ใหญ่ของยูเครนที่ ฮันเตอร์ ไบเดน ได้เข้าไปนั่งในตำแหน่งบอร์ดผู้บริหาร และได้รับค่าตอบแทนสูงว่า 10 ล้านเหรียญต่อปี และนำไปสู่ข้อกล่าวหาต่อมาคือ

2.) โจ ไบเดน และ บุตรชาย รับเงินสินบนจากกลุ่มทุนต่างชาติ 

โดยพรรคฝ่ายค้านเคยยื่นหลักฐานว่า ‘มิโคลา สโลเชฟสกี’ อดีตผู้บริหารระดับสูงของ Burisma เคยจ่ายเงินให้กับทั้ง โจ และ ฮันเตอร์ ไบเดน กว่า 5 ล้านเหรียญ แต่ต่อมาเขากลับคำให้การว่าไม่รู้ ไม่เห็นการจ่ายเงินดังกล่าว และนอกเหนือจาก Burisma แล้ว ยังมีข้อกล่าวหาอีกด้วยว่าครอบครัวไบเดนเคยรับเงินจากแหล่งทุนอิทธิพลต่างชาติ ทั้งจีน รัสเซีย คาซัคสถาน และโรมาเนีย กว่า 20 ล้านเหรียญมาแล้ว แต่โจ ไบเดน ได้ออกมาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา 

3.) โจ ไบเดน จงใจปกปิดธุรกิจของลูกชาย ที่อาจพัวพันกับการรับเงินสินบน และฟอกเงินไปต่างประเทศ 

ซึ่งพบหลักฐานการโอนเงินราว 1.4 แสนเหรียญ จากนายทุนชาวคาซัคสถานไปเข้าบัญชีบริษัทเปลือกหอย (บริษัทที่จดทะเบียนแต่ในนาม ในต่างประเทศที่ให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษี) ของ ฮันเตอร์ ไบเดน ที่ถูกนำไปซื้อรถหรูส่วนตัวในเวลาต่อมา รวมถึงความเชื่อมโยงระหว่างธุรกิจของครอบครัวไบเดน กับกลุ่มนายทุนใหญ่รัสเซีย และยูเครน 

4.) ครอบครัวไบเดนได้รับ ‘การดูแลเป็นพิเศษ’ เหนือนักการเมืองคนอื่นจากเจ้าหน้าที่รัฐ

โดยพรรครีพับลิกัน ตั้งข้อสังเกตว่า ข้อกล่าวหาครอบครัวไบเดนไปพัวพัน มักไม่ค่อยถูกยกขึ้นมาเป็นคดี หรือถ้าถึงขั้นเป็นคดีความขึ้นศาล ก็มักถูกตัดจบลงอย่างง่ายดายเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ที่อาจบ่งชี้ว่า โจ ไบเดน ใช้อำนาจในตำแหน่งกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐได้เหมือนกัน

เมื่อรวบรวมประเด็นได้ตามนี้ ฝ่ายรีพับลิกันจึงเล่นเกมแรง ยื่นประเด็นถอดถอน โจ ไบเดน จากตำแหน่งด้วยข้อหาคอร์รัปชัน ใช้อำนาจ หน้าที่ เอื้อผลประโยชน์ให้ธุรกิจครอบครัว และรับสินบน แม้ข้อกล่าวหาส่วนใหญ่จะเคยถูกพิจารณา และตีตกไปแล้วเพราะ ‘หลักฐานไม่เพียงพอ’

แต่ทั้งนี้ ฝ่ายรีพับลิกันเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าการเสนอญัตติในการถอดถอนโจ ไบเดน ว่าจะสามารถทำให้ไบเดน หลุดจากตำแหน่งได้ แต่ทำเพื่อหวังผลในการสร้างกระแสการรับรู้ต่อสาธารณชน คนอเมริกันทั่วไป จากการอภิปรายรายละเอียดข้อกล่าวหาจากทีมรีพับลิกัน และการนำเสนอหลักฐานผ่านสื่ออย่างต่อเนื่อง

เนื่องจาก โจ ไบเดน ประกาศลงชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ต่ออีกสมัยในการเลือกตั้งครั้งต่อไปในปี 2024 ซึ่งการจิกไม่ปล่อย และทำให้คดีอยู่ในกระแสเรื่อยๆ ย่อมมีผลต่อคะแนนความนิยมของไบเดนได้เช่นกัน

ดังเช่น โพลสำรวจความเห็นชาวอเมริกันล่าสุด พบว่า 42% ของกลุ่มตัวอย่างเชื่อว่าโจ ไบเดน มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจของลูกชายจริง และเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายด้วย 18% คิดว่า โจ ไบเดน ทำผิดจริยธรรมทางการเมือง ในขณะที่ 38% ยังมั่นใจในความบริสุทธิ์ของโจ ไบเดน

เชื่อว่าหลังจากนี้ การขุดหลักฐานโจมตีผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐจากทั้ง 2 พรรค จะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่ง โจ ไบเดน นอกจากจะมีชนักติดหลังเรื่องข่าวอื้อฉาวของลูกชาย ฮันเตอร์ ไบเดน แล้ว ยังมีประเด็นเรื่องสุขภาพ ที่มักโดนโจมตีเสมอว่า เขายังจะฟิตในตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ต่อในสมัยที่ 2 อีกหรือไม่ แม้เขาจะยืนยันหนักแน่นว่ายังไหวในวัย 80 ปีก็ตาม

เรื่อง : ยีนส์ อรุณรัตน์

‘ฝรั่งเศส’ สั่ง ระงับขาย ‘iPhone 12’ หลังพบแผ่รังสีเกินมาตรฐาน ยัน หาก Apple ไม่รีบแก้ไข จะสั่งเรียกคืนสินค้าที่ขายออกไปทั้งหมด

(13 ก.ย. 66) นายฌ็อง-โนเอล บาร์โร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลของฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เลอปารีเซียง ซึ่งมีการเผยแพร่ต่อสาธารณชน เมื่อวันอังคาร (12 ก.ย.) ว่า แอปเปิลต้องยุติการจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่น ‘iPhone 12’ ในฝรั่งเศส เนื่องจากมีการแผ่รังสีสูงเกินมาตรฐาน

นายบาร์โรระบุว่า ANFR ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลด้านรังสีของฝรั่งเศส ได้แจ้งการตัดสินใจเรื่องระงับการจำหน่าย ‘iPhone 12’ ในฝรั่งเศสกับแอปเปิลแล้ว หลังผลการทดสอบระบุว่า อัตราการดูดกลืนพลังงานจำเพาะ (SAR) ของ iPhone 12 สูงเกินมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดเอาไว้เล็กน้อย

นายบาร์โรระบุว่า การปรับปรุงซอฟต์แวร์เพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องรังสีดังกล่าว โดยแอปเปิลวางจำหน่าย iPhone 12 ตั้งแต่ปี 2563

“แอปเปิลน่าจะตอบสนองภายใน 2 สัปดาห์ แต่หากแอปเปิลไม่ทำเช่นนั้น ผมจะสั่งให้เรียกคืนโทรศัพท์เคลื่อนที่ iPhone 12 ทั้งหมด ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบเท่าเทียมกัน รวมถึง บริษัทดิจิทัลรายใหญ่” นายบาร์โร กล่าว

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สหภาพยุโรป (อียู) กำหนดเกณฑ์มาตรฐานสำหรับ SAR ของโทรศัพท์เคลื่อนที่เอาไว้ ซึ่งการศึกษาทางวิทยาศาสตร์หลายชิ้นระบุว่า รังสีดังกล่าวอาจเพิ่มความเสี่ยงในการก่อให้เกิดมะเร็ง

นายบาร์โรกล่าวด้วยว่า ANFR จะส่งผลการทดสอบรังสีให้หน่วยงานกำกับดูแลกฎระเบียบประเทศอื่น ๆ ในอียูและว่า “การตัดสินใจครั้งนี้จะส่งผลกระทบแบบทวีคูณ”

อย่างไรก็ตาม แอปเปิลยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าว

‘อินโดฯ’ เสนอ ‘Golden Visa’ ไม่ต้องยื่นใบพำนักชั่วคราว หวังดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ทั้งสถาบัน-รายย่อยเข้าประเทศ

เมื่อไม่นานนี้ ประเทศอินโดนีเซีย ประกาศโครงการ ‘Golden Visa’ เพื่อดึงดูดนักลงทุนชาวต่างชาติทั้งประเภทบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลพำนักเป็นระยะเวลา 5 - 10 ปีโดยไม่จำเป็นต้องยื่นขอใบอนุญาตพำนักชั่วคราวอีกต่อไป

▪️ เงื่อนไขสำหรับนักลงทุนประเภทบุคคลธรรมดา ที่ประสงค์ขอรับวีซ่าพำนักเป็นระยะเวลา 5 ปี ต้องมีการตั้งบริษัทในอินโดนีเซียด้วยวงเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และกรณีพำนักระยะเวลา 10 ปี ต้องมีการลงทุนอยู่ที่ 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป

▪ ในกรณีที่ไม่ต้องการจัดตั้งบริษัทใด ๆ ในประเทศอินโดนีเซีย มีเงื่อนไขต้องลงทุนในกองทุนที่สามารถใช้ซื้อพันธบัตรรัฐบาลวงเงินตั้งแต่ 350,000-700,000 ดอลลาร์สหรัฐ

▪️ นักลงทุนประเภทนิติบุคคลกำหนดต้องลงทุน 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยผู้อำนวยการและคณะกรรมการจะได้รับวีซ่าพำนักเป็นระยะเวลา 5 ปี และวีซ่าพำนักเป็นระยะเวลา 10 ปี จะต้องลงทุนเพิ่ม 2 เท่า หรือ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

▪️ ล่าสุดประกาศ นักลงทุนต่างประเทศที่ได้รับสิทธิ Golden Visa เป็นคนแรกของอินโดนีเซีย คือ ‘Sam Altman’ ซึ่งเป็น CEO ของบริษัท Open AI เจ้าพ่อธุรกิจ Chat Bot เจ้าของแพลตฟอร์ม ChatGPT

▪️ ประเทศอื่น ๆ ที่มีโครงการ Golden Visa ในลักษณะเดียวกันนี้ เพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนและบรรดาผู้ประกอบการให้เข้าไปลงทุนและพำนักอาศัยอยู่ในประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ไอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ และสเปน 

ผู้ก่อตั้ง Thodex รับโทษ 11,196 ปี 10 เดือน 15 วัน  ฐานฉ้อโกง ปิดระบบหนี ทิ้งลูกค้านับแสนรายสูญเงิน

ไม่นานมานี้ ‘Faruk Fatih Özer’ ผู้ก่อตั้ง Thodex แพลตฟอร์มเทรดเงินคริปโตรายใหญ่ของตุรเคีย ต่อมาปิดระบบหอบเงินนับ 2 พันล้านเหรียญหนีไปกบดานในแอลเบเนีย ทิ้งลูกค้านับแสนรายลอยคอแบบไร้แพ กับเงินลงทุนที่สูญหายไร้ร่องรอย

ตำรวจสากลสามารถตามจับกุม และส่งตัวขึ้นศาลตุรเคีย วันนี้ถูกตัดสินโทษ จำคุกนาน 11,196 ปี 10 เดือน กับอีก 15 วัน 

โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง 11,196 ปี 10 เดือน 15 วัน ในคุกตุรเคียที่มีการนิรโทษกรรม อภัยโทษ หรือลดหย่อนน้อยมาก ปัจจุบันเขาอายุ 29 ปี ต้องเกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด อีกกี่ชาติ ถึงจะหมด

'จีน' จ่อขึ้นแท่นผู้ส่งออกรถยนต์เบอร์ 1 แซงหน้า 'ญี่ปุ่น' หลัง 8 เดือนแรก ส่งออกแล้ว 2.9 ล้านคัน เติบโต 61%

ใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดของการครอบงำอุตสาหกรรมรถยนต์โดยญี่ปุ่นและพันธมิตรตะวันตกแล้วหรือไม่?

(13 ก.ย.66) สำนักข่าวซินหัว เผย จีนเตรียมขึ้นแท่นผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลก แทนที่ญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าเป็นจุดสิ้นสุดของการครอบงำอุตสาหกรรมรถยนต์โดยยุโรป, อเมริกา, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

จากข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งประเทศจีน ได้รายงานยอดส่งออกยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ของจีน ช่วงเดือนมกราคม-สิงหาคม รวมอยู่ที่ 727,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 110 เมื่อเทียบปีต่อปี

รายงานระบุอีกว่ายอดส่งออกยานยนต์พลังงานใหม่ข้างต้นแบ่งเป็นยานยนต์ไฟฟ้าล้วน 665,000 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 120 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และยานยนต์ไฟฟ้าไฮบริดแบบปลั๊กอิน 62,000 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 73.5

โดยสรุป ยอดส่งออกยานยนต์ของจีน ช่วง 8 เดือนแรก รวมอยู่ที่ 2.94 ล้านคัน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 61.9 เมื่อเทียบปีต่อปี โดยยอดส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์เพิ่มขึ้นร้อยละ 69.8 และร้อยละ 31.1 จากปีก่อน

ทั้งนี้ หากอ้างอิงข้อมูลตาม มูดี้ส์ (Moody’s) พบว่า ยอดการส่งออกรถยนต์ประจำปีของจีนแซงหน้ายอดการส่งออกของเกาหลีใต้ในปี 2564 และเยอรมนีในปี 2565 และปัจจุบันจีนอยู่ในแนวทางที่จะเอาชนะญี่ปุ่นได้ในปี 2566 หลังจาก MarkLines ผู้ให้บริการข้อมูลอุตสาหกรรมยานยนต์ ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2565 เผยผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นได้ส่งออกรถยนต์จำนวน 3.2 ล้านคัน ซึ่งไม่ต่างจากปีก่อนหน้าเท่าไรนัก

สำหรับจีนในช่วงปี 2562 - 2564 ปริมาณการขายรถยนต์ในจีนพุ่งทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตที่ชะลอตัวของชนชั้นกลางและความอ่อนแอทางเศรษฐกิจในวงกว้างก่อนที่จะเริ่มปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างปี 2564 - 2565

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาบทวิเคราะห์ของสำนักข่าวไฟแนนเชียลไทม์ส จะพบว่า จีนยังเผชิญกับความท้าทายเชิงโครงสร้างอย่างมากอุตสาหกรรมยานยนต์

โดย ความท้าทายดังกล่าวเกิดขึ้นจากความไม่สอดคล้องกันระหว่าง 'ยอดการผลิตในโรงงานของจีน' และ 'อุปสงค์รถยนต์ภายในประเทศ'

ส่วนหนึ่งเกิดจากผู้บริหารในอุตสาหกรรมคาดการณ์แนวโน้มสำคัญ 3 ประการอย่างไม่ถูกต้อง ได้แก่...

▪ การลดลงอย่างรวดเร็วของยอดขายรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน
▪ ความนิยมรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
▪ ความต้องการรถยนต์ส่วนบุคคลที่ลดลงอย่างรวดเร็ว

‘Apple’ เปิดตัว ‘iPhone 15-iPhone 15 Pro’ พร้อมสเปกล่าสุด พอร์ต USB-C และจอ Dynamic Island ทุกรุ่น แถมปุ่ม Action ใหม่

(13 ก.ย. 66) ‘Apple’ จัดงานเปิดตัวสินค้าใหม่ประจำปี 2023 ในชื่อ ‘Wonderlust’ โดยมี iPhone เป็นพระเอก มาครบทั้ง iPhone 15, iPhone 15 Plus, iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max พร้อมบอกลาพอร์ต Lightning เปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB Type-C แทน ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่อย่างเต็มตัว

สรุปข้อมูล iPhone 15 และ iPhone 15 Plus มีอะไรใหม่บ้าง?
รอบนี้ iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ไม่มีรอยบากบนหน้าจอแล้ว แต่ได้เกาะหรรษา Dynamic Island มาแทน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับ iPhone ในรุ่นที่ไม่ได้อยู่ในซีรีส์ ‘Pro’ โดยจอภาพ Super Retina XDR มีขนาด 6.1 แล้ว 6.7 นิ้ว ตามลำดับ อัตรารีเฟรช 60Hz เท่าเดิม ความสว่างสูงสุด 2,000 นิต

ภายใน iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ขยับมาใช้ชิป A16 Bionic แบบเดียวกับที่อยู่ใน iPhone 14 Pro ซึ่งยังทรงพลังอยู่มาก แม้จะตกรุ่นไป 1 ปีแล้วก็ตาม

ข้อมูลด้านแบตเตอรี่ Apple ไม่ได้เปิดเผยความจุเป็นตัวเลขตรง ๆ บอกเพียงระยะเวลาการใช้งานแบบคร่าว ๆ แต่สาระสำคัญคือ iPhone 15 และ iPhone 15 Plus เปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB Type-C แล้ว หลังจากที่โดนเรียกร้องมานาน

กล้องหลัก iPhone 15 และ iPhone 15 Plus เป็นอีกจุดสำคัญที่ได้รับการอัปเกรด โดยเพิ่มความละเอียดขึ้น 4 เท่า เป็น 48MP รองรับเทคโนโลยี quad-pixel รวมแสง 4 จุดเล็ก เป็น 1 จุดใหญ่ มีระบบกันสั่น Sensor-shift และระบบโฟกัสครอบคลุมพื้นที่ 100% ของเซนเซอร์ แตะตรงไหนก็โฟกัสไวเท่ากัน ส่วนกล้องอัลตราไวด์มีความละเอียด 12MP ใช้สำหรับถ่ายภาพหรือวิดีโอมุมกว้าง

สเปก iPhone 15
จอภาพ : Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้ว
– อัตรารีเฟรช 60Hz
– รองรับ HDR
– รองรับ True Tone
– ความสว่างสูงสุด 2,000 นิต (กลางแจ้ง)
ชิป : A16 Bionic
หน่วยความจำ : –
ความจุ : 128GB / 256GB / 512GB
กล้องหลัง : กระจกแซฟไฟร์
– กล้องหลัก 48MP
– กล้องอัลตราไวด์ 12MP
กล้องหน้า :
เครือข่าย : 5G
การเชื่อมต่อ :
– Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac/ax
– Bluetooth 5.3
– NFC
– Ultra Wideband รุ่นที่ 2
พอร์ต : USB Type-C 2 (สูงสุด 480Mb/s)
– รองรับ DisplayPort
แบตเตอรี่ :
– รองรับชาร์จไร้สาย MagSafe
ความทนทาน : มาตรฐาน IP68 (กันน้ำลึก 6 เมตร ไม่เกิน 30 นาที)
ความปลอดภัย :
– SOS ฉุกเฉินผ่านดาวเทียม
– ตรวจจับการชน
ระบบปฏิบัติการ : iOS 17
น้ำหนัก : 171 กรัม

สเปก iPhone 15 Plus
จอภาพ : Super Retina XDR ขนาด 6.7 นิ้ว
– อัตรารีเฟรช 60Hz
– รองรับ HDR
– รองรับ True Tone
– ความสว่างสูงสุด 2,000 นิต (กลางแจ้ง)
ชิป : A16 Bionic
หน่วยความจำ : –
ความจุ : 128GB / 256GB / 512GB
กล้องหลัง : กระจกแซฟไฟร์
– กล้องหลัก 48MP
– กล้องอัลตราไวด์ 12MP
กล้องหน้า :
เครือข่าย : 5G
การเชื่อมต่อ :
– Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac/ax
– Bluetooth 5.3
– NFC
– Ultra Wideband รุ่นที่ 2
พอร์ต : USB Type-C 2 (สูงสุด 480Mb/s)
– รองรับ DisplayPort
แบตเตอรี่ : –
– รองรับชาร์จไร้สาย MagSafe
ความทนทาน : มาตรฐาน IP68 (กันน้ำลึก 6 เมตร ไม่เกิน 30 นาที)
ความปลอดภัย :
– SOS ฉุกเฉินผ่านดาวเทียม
– ตรวจจับการชน
ระบบปฏิบัติการ : iOS 17
น้ำหนัก : 201 กรัม

สรุปข้อมูล iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max มีอะไรใหม่บ้าง?
iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max มาพร้อมจอภาพ Super Retina XDR ขนาด 6.1 และ 6.7 นิ้ว รองรับเทคโนโลยี ProMotion อัตรารีเฟรชสูงสุด 120Hz และรองรับฟีเจอร์ Always On Display สำหรับดูเวลา สถานะ และการแจ้งเตือนต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องเปิดหน้าจอ

ของใหม่ที่น่าสนใจคือ ‘ปุ่ม Action’ ใหม่ เป็นปุ่ม haptic feedback อเนกประสงค์ที่เข้ามาแทนปุ่ม Mute เดิม ปุ่มนี้รองรับการตั้งค่าเป็นชอร์ตคัตที่หลากหลาย ตามแต่ผู้ใช้งานกำหนด เช่น ปิดเสียง เปิดสั่น เปิดไฟฉาย เป็นต้น นอกจากนี้ทั้ง 2 รุ่นยังได้พอร์ต USB Type-C ด้วยเช่นกัน โอนไฟล์เร็วขึ้นสูงสุด 20 เท่า

นอกจากนี้ iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ยังเปลี่ยนวัสดุกรอบตัวเครื่องจากสเตนเลส เป็นไทเทเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ แข็งแรงกว่า ทนทานกว่า และที่สำคัญน้ำหนักเบากว่า ทำให้เป็นรุ่น ‘Pro’ ที่เบาที่สุดที่ Apple เคยทำมา

iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ขับเคลื่อนด้วยชิป A17 Pro รุ่นล่าสุด พร้อมจีพียู 6 แกนใหม่ รองรับ ray tracing ในระดับฮาร์ดแวร์ โดย Apple เคลมว่าแรงกว่าเดิมมาก ส่วนกล้องหลัง 3 ตัว ทุกเลนส์จะได้รับการโคตติงด้วยเทคโนโลยีนาโน ช่วยลดแสงแฟลร์หน้าเลนส์ กล้องแต่ละตัวประกอบด้วย กล้องหลัก 48MP ระบบกันสั่น Sensor-shift รุ่นที่ 2 กล้องอัลตราไวด์ 12MP และกล้องเทเลโฟโต 12MP ซูมไกล 3 เท่า ในขณะที่ iPhone 15 Pro Max อัปเกรดกล้องเทเลโฟโต เซนเซอร์ใหญ่ขึ้น 25% ซูมออปติคัลไกลสุด 5 เท่า ระยะเทียบเท่า 120 มม.

สเปก iPhone 15 Pro
จอภาพ : Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้ว
– อัตรารีเฟรช 120Hz
– รองรับ Always On Display
ชิป : A17 Pro
หน่วยความจำ : –
ความจุ : 128GB / 256GB / 512GB / 1TB
กล้องหลัง : กระจกแซฟไฟร์
– กล้องหลัก 48MP, ระบบกันสั่น Sensor-shift รุ่นที่ 2
– กล้องอัลตราไวด์ 12MP, ระบบกันสั่น OIS
– กล้องเทเลโฟโต 12MP, ซูมออปติคัล 3 เท่า, ระบบกันสั่น OIS
กล้องหน้า :
เครือข่าย : 5G
การเชื่อมต่อ :
– Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac/ax
– Bluetooth 5.3
– NFC
– Ultra Wideband รุ่นที่ 2
พอร์ต : USB Type-C 3 (สูงสุด 10Gb/s)
– รองรับ DisplayPort
แบตเตอรี่ : –
– รองรับชาร์จไร้สาย MagSafe
ความทนทาน : มาตรฐาน IP68 (กันน้ำลึก 6 เมตร ไม่เกิน 30 นาที)
ความปลอดภัย :
– SOS ฉุกเฉินผ่านดาวเทียม
– ตรวจจับการชน
ระบบปฏิบัติการ : iOS 17
น้ำหนัก : 187 กรัม

สเปก iPhone 15 Pro Max
จอภาพ : Super Retina XDR ขนาด 6.7 นิ้ว
– อัตรารีเฟรช 120Hz
– รองรับ Always On Display
ชิป : A17 Pro
หน่วยความจำ : –
ความจุ : 256GB / 512GB / 1TB
กล้องหลัง : กระจกแซฟไฟร์
– กล้องหลัก 48MP, ระบบกันสั่น Sensor-shift รุ่นที่ 2
– กล้องอัลตราไวด์ 12MP, ระบบกันสั่น OIS
– กล้องเทเลโฟโต 12MP, ซูมออปติคัล 5 เท่า, ระบบกันสั่น OIS
กล้องหน้า :
เครือข่าย : 5G
การเชื่อมต่อ :
– Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac/ax
– Bluetooth 5.3
– NFC
– Ultra Wideband รุ่นที่ 2
พอร์ต : USB Type-C 3 (สูงสุด 10Gb/s)
– รองรับ DisplayPort
แบตเตอรี่ : –
– รองรับชาร์จไร้สาย MagSafe
ความทนทาน : มาตรฐาน IP68 (กันน้ำลึก 6 เมตร ไม่เกิน 30 นาที)
ความปลอดภัย :
– SOS ฉุกเฉินผ่านดาวเทียม
– ตรวจจับการชน
ระบบปฏิบัติการ : iOS 17
น้ำหนัก : 187 กรัม

ราคาและการวางจำหน่าย
- iPhone 15 – ราคาเริ่มต้น 32,900 บาท
- iPhone 15 Plus – ราคาเริ่มต้น 37,900 บาท
- iPhone 15 Pro – ราคาเริ่มต้น 41,900 บาท
- iPhone 15 Pro Max – ราคาเริ่มต้น 48,900 บาท

Apple จะเริ่มเปิดให้พรีออร์เดอร์ iPhone 15 ทั้ง 4 รุ่น ในวันที่ 15 กันยายน ตั้งแต่เวลา 19​:00 น. และจะวางขายตามปกติต่อไปในวันที่ 22 กันยายน

'ไบเดน' คืนเงินสำรอง 6 พันล้านให้อิหร่านแลก 5 นักโทษมะกันกลับบ้าน ฝ่ายค้าน งง!! มาตรการคว่ำบาตรในประเทศ 2 มาตรฐาน

ในที่สุด สหรัฐอเมริกาก็ยอมบรรลุข้อตกลง ยอมลดเพดานการคว่ำบาตรอิหร่าน ด้วยการอนุมัติการปล่อยเงินสำรองต่างประเทศของอิหร่านที่ถูกอายัดไว้ในเกาหลีใต้กว่า 6 พันล้านเหรียญคืน เพื่อแลกกับการปล่อยนักโทษสหรัฐฯ จำนวน 5 คน ท่ามกลางเสียงคัดค้านของฝ่ายค้าน และความย้อนแย้งสับสนของมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ เอง ว่าเข้าตำรา 2 มาตรฐานหรือไม่

แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เซ็นยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรกับอิหร่านเมื่อสัปดาห์ก่อน และได้ผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรซแล้ว โดยรัฐบาลไบเดนจะปลดล็อกคำสั่งอายัดเงินสำรองต่างประเทศของอิหร่าน ที่ฝากไว้ที่เกาหลีใต้กว่า 6 พันล้านเหรียญ โดยมีเงื่อนไขว่า เงินสำรองจำนวนนี้ห้ามโอนไปยังอิหร่านโดยตรง แต่ต้องทยอยโอนไปฝากไว้กับบัญชีธนาคารกลางของประเทศกาตาร์ และต้องใช้เพื่อซื้อสิ่งของเพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเท่านั้น

นั่นหมายความว่า นอกจากอาหาร ยารักษาโรค หรือของใช้ที่จำเป็นกับประชาชนแล้ว ไม่สามารถถอนเป็นเงินสด หรือนำไปซื้ออาวุธ หรือวัตถุดิบในการผลิตอาวุธได้

ส่วนข้อแลกเปลี่ยนคือ อิหร่านต้องปล่อยตัวนักโทษสหรัฐฯ ที่ถูกจับกุมในอิหร่านจำนวน 5 คน แต่ในขณะเดียวกัน ทางสหรัฐฯ ก็ต้องยอมปล่อยตัวนักโทษอิหร่านในสหรัฐจำนวน 5 คนด้วยเช่นกัน

เงินสำรอง 6 พันล้านของอิหร่านนี้ คือรายได้จากการขายน้ำมันให้กับเกาหลีใต้ แต่โดนรัฐบาลสหรัฐฯ ในสมัยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ฉีกข้อตกลงนิวเคลียร์ และกลับมาคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่ ทำให้ชาติพันธมิตรสหรัฐอย่างเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และ สหภาพยุโรป ถูกกดดันให้อายัดทรัพย์สิน และ เงินสำรองต่างประเทศของอิหร่าน ที่ฝากไว้ในธนาคารทั่วโลกรวมแล้วมากกว่า 1 แสนล้านเหรียญ  แค่เฉพาะในเกาหลีใต้ มีเงินของอิหร่านว่า 7 พันล้านเหรียญ

แต่ในสมัยของอดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ มุน แจ-อิน ได้เริ่มทยอยคืนเงินสำรองให้กับรัฐบาลอิหร่านไปแล้วบางส่วน ซึ่งมุน แจ-อิน ได้ส่งนายกรัฐมนตรี จุง เซ-คยุง ไปเยือนกรุงเตหะรานเป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปี ให้รู้ว่าเกาหลีใต้ยังต้องการรักษาระดับความสัมพันธ์กับอิหร่านอยู่

แต่พอเกาหลีใต้เปลี่ยนผู้นำมาเป็น ยุน ซ็อก-ย็อล ที่ได้ชื่อว่าเป็นสายเหยี่ยว เรื่องการคืนเงินสำรองให้อิหร่านเลยเงียบไปด้วย จนกระทั่งวันนี้ รัฐบาลไบเดนออกมาไฟเขียว ให้ปล่อยเงินคืนอิหร่านได้ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด ก็สร้างความประหลาดใจไม่น้อย และมาพร้อมกับเสียงคัดค้านจากฝ่ายรีพับลิกัน ที่มองว่า ทำไมข้อตกลงนี้ สหรัฐฯ ดูเสียเปรียบ อิหร่านได้เงินคืน พร้อมนักโทษของตัวเอง แล้วสหรัฐฯ ได้อะไรที่สมน้ำ สมเนื้อกว่านี้บ้าง?

เนื่องจากในอิหร่าน ไม่ได้มีพลเมืองอเมริกันที่ถูกจับตัวในอิหร่านแค่ 5 คน แต่เมื่อดีลมาได้แค่ 5 คน ทำให้ญาติของนักโทษในอิหร่านที่เหลือรู้สึกว่าพวกเขาถูกทอดทิ้ง

อย่างกรณีของ Jamshid Sharmahd วิศวกรชาวเยอรมัน เชื้อสายอิหร่าน แต่ไปตั้งรกรากที่แคลิฟอร์เนีย ถูกจับกุมโดยสายลับอิหร่านขณะที่เขาไปเยือนดูไบ ล่าสุดโดนศาลอิหร่านตัดสินประหารชีวิตด้วยข้อหาคอร์รัปชัน ก็ไม่ได้รวมอยู่ในรายชื่อนักโทษอเมริกัน 5 คน ที่ได้รับการปล่อยตัว

อีกทั้งยังมีคำถามมากมายจากกลุ่มการเมืองในสหรัฐ ที่มองว่าทำไมรัฐบาลไบเดน ถึงยอมผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านในตอนนี้ ทั้งๆ ที่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ชัดเจนว่าอิหร่านยกเลิกโครงการนิวเคลียร์แล้ว แถมเพิ่งจะขายโดรนพิฆาตให้รัสเซียไปถล่มยูเครนอีกต่างหาก

แต่ในขณะเดียวกัน กับ คิม จอง-อุน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่กำลังมุ่งหน้าไปเยือนรัสเซีย ซึ่งเชื่อว่าไปเพื่อทำข้อตกลงขายอาวุธให้กับปูติน สหรัฐก็ออกมาแยกเขี้ยวขู่แล้วว่าจะเพิ่มมาตรการคว่ำบาตร กดดันเกาหลีเหนือยิ่งขึ้นอีก นี่ขนาดยังไม่ทันขายเลย แต่อิหร่านนั้นขายให้แล้วเห็นๆ กลับยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรให้เฉย ไม่ลักลั่นย้อนแย้งไปหน่อยหรือ???

แต่ว่า นี่เป็นรัฐบาลของปู่โจ ความพอใจของปู่โจ แกจะทำอะไรก็ได้ ซึ่งมาตรการของสหรัฐฯ ก็ไม่ได้มีกฎเกณฑ์อะไรตายตัวอยู่แล้ว ลื่นไหลไปตามสถานการณ์ รัฐบาลนี้คืน เดี๋ยวรัฐบาลหน้าก็อาจจะยึดใหม่ก็ได้นาจ๊า

‘ธ.กลางจีน’ เข้ม!! เสถียรภาพการแลกเปลี่ยน ‘เงินหยวน’ หวังเบรกบริษัทนักเก็งกำไร ทำค่าเงินหยวนเสื่อมราคา

(12 ก.ย. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันจันทร์ (11 ก.ย.) ที่ผ่านมา ได้มีแถลงการณ์จากธนาคารประชาชนจีน หรือธนาคารกลางของจีน ระบุว่าจีนมีศักยภาพ ความเชื่อมั่น และเงื่อนไขในการรักษาอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนโดยพื้นฐานให้มีเสถียรภาพ

ธนาคารฯ เผยว่าหน่วยงานทางการเงินจะดำเนินการในกรณีที่จำเป็น แก้ไขการดำเนินการด้านเดียวและการดำเนินนโยบายตามวัฏจักรเศรษฐกิจ จัดการกับการหยุดชะงักของคำสั่งซื้อของตลาด และป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนสูงขึ้นมากเกินไป (overshooting)

ทั้งนี้ แถลงการณ์เผยว่าการริเริ่มและการดำเนินนโยบายเพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นทำให้เศรษฐกิจจีนกำลังสะสมแรงขับเคลื่อน ซึ่งสิ่งนี้เป็นรากฐานมั่นคงสำหรับการรักษาอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนให้คงที่ในระดับที่เหมาะสมและสมดุล

สำหรับแถลงการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นภายหลังธนาคารกลางจีน เริ่มเข้มงวดในการตรวจสอบการซื้อดอลลาร์จำนวนมากโดยบริษัทในประเทศ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สกุลเงินหยวนจีนเผชิญกับแรงกดดันด้านค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทต่างๆ ที่ต้องการซื้อเงินดอลลาร์ 50 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป จะต้องได้รับอนุมัติจาก ธนาคารกลางจีน ซึ่งจะมีการประชุมกับธนาคารพาณิชย์บางแห่งในช่วงสุดสัปดาห์เกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไปอีกด้วย
.

‘นักวิจัยออสเตรเลีย’ หัวใส!! ทดลองทำ ‘ฟาร์มทะเลลอยน้ำ’ เพื่อผลิตน้ำจืดสำหรับดื่ม-การเกษตร หวังแก้วิกฤตขาดแคลนน้ำ

เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 66 สำนักข่าวซินหัว, แคนเบอร์รา รายงานว่า คณะนักวิจัยจากสถาบันอุตสาหกรรมแห่งอนาคต มหาวิทยาลัยเซาท์ออสเตรเลีย (UniSA) เปิดเผยการออกแบบ ‘ฟาร์มทะเลแบบลอยน้ำ’ ซึ่งสามารถผลิตน้ำจืดสำหรับดื่มและการเกษตร โดยฟาร์มทะเลที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์นี้ อาจช่วยแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำจืดที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก

ผลการศึกษาของคณะนักวิจัยที่เผยแพร่วันจันทร์ (11 ก.ย.) ที่ผ่านมา ระบุว่า ฟาร์มทะเลนี้จะทำให้น้ำทะเลระเหยกลายเป็นไอและรีไซเคิลเป็นน้ำจืดโดยใช้ห้อง 2 ห้อง ได้แก่ ห้องด้านบนที่คล้ายกับเรือนกระจก และห้องด้านล่างที่จะเก็บน้ำ ซึ่งจะถูกควบแน่นและลำเลียงไปยังห้องเพาะปลูกพืช

รายงานระบุว่า ‘สวี่ ฮ่าวหลาน’ และ ‘แกรี โอเวน’ คณะนักวิจัย ประสบความสำเร็จในการทดลองใช้ฟาร์มทะเลนี้เพาะปลูกบรอกโคลี ผักกาดหอม และกวางตุ้ง บนพื้นผิวน้ำทะเลโดยไม่ต้องดูแลหรือทดน้ำเพิ่มเติม

สวี่ ซึ่งเคยศึกษาที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหนานจิง และสถาบันเซรามิกแห่งเซี่ยงไฮ้ สังกัดสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน ก่อนร่วมงานกับมหาวิทยาลัยเซาท์ออสเตรเลียในปี 2011 กล่าวว่าฟาร์มทะเลนี้มีข้อได้เปรียบมากกว่าการออกแบบฟาร์มทะเลพลังงานแสงอาทิตย์อื่นๆ หลายประการ

สวี่ ชี้ว่าการออกแบบฟาร์มทะเลพลังงานแสงอาทิตย์อื่นๆ ติดตั้งเครื่องระเหยน้ำทะเลไว้ในห้องเพาะปลูก ซึ่งแย่งพื้นที่อันมีค่าที่อาจนำไปใช้เพาะปลูกพืชพันธุ์ ทั้งยังมีแนวโน้มทำให้เกิดความร้อนสูงเกินไปและพืชผลล้มตาย

สวี่ อธิบายว่าการออกแบบฟาร์มทะเลแบบใหม่ของพวกเขา ซึ่งกระจายตำแหน่งเครื่องระเหยและห้องเพาะปลูกในแนวตั้ง ช่วยลดการปล่อยความร้อนโดยรวมของอุปกรณ์ และเพิ่มพื้นที่สำหรับผลิตอาหาร รวมถึงทำงานอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ต้นทุนต่ำ และใช้งานง่ายมาก ใช้เพียงพลังงานแสงอาทิตย์และน้ำทะเล มาผลิตน้ำสะอาดและเพาะปลูกพืชผล

ด้าน โอเวน กล่าวว่า ขั้นตอนต่อไปคือการขยายขนาดของการออกแบบใหม่นี้ เพื่อมุ่งสู่การสร้างฟาร์มทะเลชีวนิเวศ (biodome) แบบลอยน้ำขนาดใหญ่มหึมาบนมหาสมุทร หรือการใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กมากมายบนน่านน้ำทะเลขนาดใหญ่

‘ไบเดน’ ปฏิเสธความพยายามโดดเดี่ยว - ควบคุมจีน อ้าง!! แค่ต้องการรักษาเสถียรภาพ - กฎระเบียบสากล

(12 ก.ย. 66) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระบุว่าสหรัฐฯ ไม่ได้พยายามโดดเดี่ยวหรือควบคุมจีน ขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เรียกร้องกองทัพให้มีความพร้อมอยู่เสมอ และยกระดับขีดความสามารถในการสู้รบ

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ เปิดเผยว่า จีนกำลังเปลี่ยนกฎเกณฑ์ แต่ไบเดนไม่ได้บอกว่ากฎเกณฑ์ดังกล่าวคืออะไร ในระหว่างให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม นอกจากนี้ ไบเดนยังกล่าวด้วยว่าเขาได้พบปะนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง ของจีน ในการประชุมสุดยอดประจำปี G20 ที่กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดียก่อนหน้านี้

ไบเดนกล่าวอีกว่าสหรัฐฯ ไม่ได้มีเจตนาที่จะควบคุมหรือโดดเดี่ยวจีน เพียงแต่สหรัฐฯ ต้องการรักษาเสถียรภาพตามกฎเกณฑ์และระเบียบสากล อีกทั้งไบเดนต้องการเห็นจีนประสบความสำเร็จทางเศรษฐกิจภายใต้กฎระเบียบสากล

ด้านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เรียกร้องให้กองทัพอยู่ในความพร้อมระหว่างตรวจเยี่ยมกำลังพลที่ศูนย์ใหญ่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ขณะเดียวกันประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้พบตัวแทนของกองทัพ และถ่ายรูปร่วมกัน จากนั้นผู้นำจีนชื่นชมกองทัพและสารวัตรทหาร ซึ่งทำหน้าที่ได้อย่างกล้าหาญในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในภูมิภาคทางเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของจีน 
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ชื่นชมทหารที่ทำงานอย่างหนักเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนสร้างภาพพจน์ที่ดีให้แก่กองทัพ ขณะเดียวกันประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เรียกร้องให้กองทัพยกระดับการเตรียมความพร้อม รวมถึงการฝึกฝนอย่างหนัก เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการสู้รบ พร้อมย้ำถึงการสร้างกองทัพให้แข็งแกร่ง และมีเอกภาพ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top