Monday, 9 June 2025
WORLD

‘ญี่ปุ่น’ ติดฉากกั้นสีดำบังวิว ‘ภูเขาไฟฟูจิ’  อวสานจุดเช็กอิน นักท่องเที่ยว ‘ไร้วินัย’

(21 พ.ค.67) นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่คงจะมีความรู้สึกคล้าย ๆ กันว่าการได้ชมวิวภูเขาไฟฟูจิถึงจะเรียกได้ว่าเดินทางถึงญี่ปุ่นจริง ๆ และเมืองฟูจิคาวากุจิโกะก็เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่ได้รับความนิยมมากจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะเดียวกัน ก็มีเสียงร้องเรียนจากคนท้องถิ่นว่าแขกผู้มาเยือนเหล่านี้มักจะทิ้งขยะเรี่ยราด รุกล้ำพื้นที่ หรือแม้กระทั่งฝ่าฝืนกฎจราจร เพื่อที่จะได้รูปในมุมที่สวยที่สุดเอาไปแชร์ลงโซเชียลมีเดีย

ชาวเมืองเล่าว่า นักท่องเที่ยวบางคนจอดรถในที่ห้ามจอด ไม่สนป้ายคำเตือนห้ามสูบบุหรี่ และไปยืนออกันอยู่บนบาทวิถี เพื่อจะถ่ายรูปกับร้านสะดวกซื้อซึ่งมีวิวยอดภูเขาไฟที่มีหิมะปกคลุมเป็นฉากหลัง

ล่าสุดวันนี้เจ้าหน้าที่ของเมืองเริ่มนำฉากตาข่ายสีดำขนาดกว้าง 2.5 เมตร ยาว 20 เมตร มาติดตั้งตรงจุดเช็กอินถ่ายรูปจนแล้วเสร็จเมื่อช่วงสาย ๆ ที่ผ่านมา ตามรายงานของผู้สื่อข่าวเอเอฟพี

“ฉันหวังว่าตาข่ายนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้มีใครทำกิจกรรมอันตรายบริเวณนี้อีก” มิจิเอะ โมโตโมจิ วัย 41 ปี เจ้าของร้านขนมหวานพื้นบ้านญี่ปุ่นในพื้นที่บอกกับเอเอฟพี

ด้าน คริสตินา รอยส์ นักท่องเที่ยวชาวนิวซีแลนด์ วัย 36 ปี ออกมาบ่นด้วยความเสียดายว่า “ฉันรู้สึกผิดหวังที่พวกเขาเอาตาข่ายมาติดตั้ง ตรงนี้มันเป็นจุดถ่ายรูปที่เยี่ยมมาก แต่ก็เข้าใจได้ พวกเรามาถึงตั้งแต่คืนวานนี้ และได้ถ่ายรูปเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะมีการติดตั้งฉาก และมีคนจำนวนมากที่ทำแบบเรา”

“จะว่าไปมันก็อันตรายอยู่ เพราะมีรถยนต์ขับไปมาบนถนน ยังมีสถานที่อื่น ๆ ที่พวกคุณสามารถถ่ายภาพกับภูเขาไฟฟูจิได้”

ญี่ปุ่นมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางไปเยือนมากเป็นประวัติการณ์ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวพุ่งทะลุ 3 ล้านคนต่อเดือนเป็นครั้งแรกเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา และอีกครั้งในเดือน เม.ย.

นักท่องเที่ยวที่จะใช้เส้นทางยอดนิยมปีนขึ้นภูเขาไฟฟูจิในฤดูร้อนปีนี้จะต้องเสียค่าธรรมเนียม 2,000 เยนต่อคน โดยทางการยังได้จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยววันละไม่เกิน 4,000 คนเพื่อลดปัญหาความแออัด

1 ใน 4 ของคนอเมริกัน ที่มีอายุเกิน 60 ปี ยังต้องทำงาน ทั้งที่อยากทำเองและจำเป็นต้องทำ

(21 พ.ค.67) จากเฟซบุ๊ก 'Chalermporn Tantikarnjanarkul' หรือ เฉลิมพร ตันติกาญจนากุล ผู้ดำเนินรายการด้านเศรษฐกิจและการลงทุน ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

“ที่อเมริกา คนอายุเกิน 60 ที่ยังต้องทำงาน อยู่ที่ราว 1 ใน 4 และตัวเลขเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ (อาจมีทั้งอยากทำเองและจำเป็นต้องทำ)

ก่อนนี้ไปเกาหลี ฮ่องกง ก็เห็นคนวัยเกิน 60 ทำงานแบกหาม ใช้แรงงาน

เทรนด์ของโลก ดูจะมาทางที่คนต้องทำงานมากขึ้น นานขึ้น”

‘สนามบินเซินเจิ้น’ เปิดห้องรับรอง ‘สัตว์เลี้ยง’ แห่งแรกของจีน พร้อมสอดรับกับจำนวนประชาชนที่เลี้ยงสัตว์เพิ่มมากขึ้น

(19 พ.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า  หลังจากอยู่ในห้องรับรองสัตว์เลี้ยงของท่าอากาศยานนานาชาติเซินเจิ้น เป่าอัน มณฑลกว่างตงทางตอนใต้ของจีนมานานถึง 20 ชั่วโมง เพราะเที่ยวบินโดนยกเลิก ในที่สุดเจ้า ‘ฉีฉี’ สุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ ก็ได้ขึ้นเครื่องเพื่อเดินทางไปยังเมืองสือเจียจวงทางตอนเหนือของจีน ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ระหว่างที่รอขึ้นเครื่อง ฉีฉีได้รับอาหารจากเจ้าหน้าที่สนามบิน และได้เดินเล่นในพื้นที่ที่จัดไว้สำหรับการเล่นโดยเฉพาะ รวมถึงยังได้วิดีโอคอลกับเจ้าของของมันด้วย ด้วยความเอาใจใส่ต่างๆ เหล่านี้ ฉีฉีจึงมีอารมณ์ที่สงบตลอดช่วงเวลาที่รอเครื่อง และพนักงานก็รีบจัดการให้สุนัขตัวนี้ได้ขึ้นเครื่องในเที่ยวบินถัดไป

ทั้งนี้ บริการดูแลสัตว์เลี้ยงนี้เปิดตัวครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังสนามบินเซินเจิ้น เป่าอัน ได้เปิดห้องรับรองสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ นับเป็นบริการประเภทนี้แห่งแรกของจีน จวบจนปัจจุบันห้องรับรองนี้ได้ให้บริการแก่ ‘นายท่าน’ ทั้งหลายแล้วมากกว่า 40 ตัว

งานวิจัยของสถาบันการพัฒนาแห่งประเทศจีน สถาบันคลังสมองซึ่งตั้งอยู่ในนครเซินเจิ้น ระบุว่าจำนวนผู้เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงในเซินเจิ้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่เกิดหลังปี 1980 ปัจจุบันเซินเจิ้นมีแมวและสุนัขเลี้ยงมากกว่า 500,000 ตัว บ่งชี้ว่าอุปสงค์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงนั้นกำลังเพิ่มมากขึ้น

เจ้าหน้าที่สนามบินระบุว่า ในอดีตสนามบินเซินเจิ้น เป่าอัน จะจัดการสัตว์เลี้ยงร่วมกับสินค้าอื่น ๆ บนพื้นที่ขนาดใหญ่ ก่อนจะดำเนินการขนส่ง และแม้ว่าจะมีการเปิดพื้นที่รองรับสัตว์เลี้ยงเมื่อปี 2018 แต่ก็ยังคงอยู่ภายในอาคารขนส่งสินค้าขนาดใหญ่

ขณะที่ห้องรับรองสัตว์เลี้ยงที่เพิ่งเปิดใหม่นี้ มีพื้นที่ประมาณ 210 ตารางเมตร มีการใช้แสงนุ่มที่สบายตายิ่งขึ้น รวมถึงใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยแบ่งออกเป็นโซนแมวและโซนสุนัขแยกกัน แต่ละโซนมีพื้นที่สำหรับนั่งรอและพื้นที่ให้ความบันเทิงสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ

ห้องรับรองนี้ดำเนินการโดยบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสัตว์เลี้ยง เจ้าหน้าที่ประจำห้องรับรองล้วนเป็นผู้ผ่านการอบรมทักษะเฉพาะทาง ตลอดจนมีสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นสูงหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือระบบการตรวจสอบแบบครอบคลุม ที่ช่วยให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงมั่นใจได้ว่าจะมีการเฝ้าระวังความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง รวมไปถึงระบบการติดตามตำแหน่ง การแจ้งเตือนอุณหภูมิ ความชื้น และ ค่าฝุ่น PM2.5 และอื่น ๆ

นอกเหนือจากช่องทางการตรวจสอบความปลอดภัยแบบพิเศษ การตรวจตราดูแลตามปกติ และการให้อาหารตามคำสั่งของลูกค้าแล้ว ห้องรับรองแห่งนี้ยังมีบริการสัตวแพทย์ทางไกลด้วย

สำหรับบริการดูแลสัตว์เลี้ยงที่ต้องติดอยู่ที่สนามบินชั่วคราว เนื่องจากเที่ยวบินล่าช้าหรือการยกเลิกเที่ยวบินดังเช่นกรณีของเจ้าฉีฉี ทางสนามบินจะไม่มีการบวกค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

หลังจากอยู่บนเครื่องบินนานกว่า 2 ชั่วโมง ฉีฉีก็เดินทางถึงสือเจียจวงอย่างปลอดภัย และทางครอบครัวของเจ้าของก็มารับมันไปในช่วงเย็นของวันที่ 11 พ.ค. ที่ผ่านมา

หญิงแซ่จางซึ่งเป็นเจ้าของสุนัขตัวนี้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ดูแลและจัดการขนส่งสุนัขของเธออย่างราบรื่น พร้อมเผยเหตุผลว่าเธอจำเป็นต้องส่งเจ้าฉีฉีกลับไปที่บ้านเกิดเพื่อให้ครอบครัวช่วยดูแลสักระยะ ในช่วงที่ตนเองต้องเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งบริการนี้ทำให้เธอสบายใจและหายห่วงอย่างมาก

‘อินเดีย’ ระอุ!! อากาศร้อนเกือบ 48 องศาฯ นับเป็นอุณหภูมิสูงสุดของประเทศในฤดูร้อนนี้

(20 พ.ค.67) สำนักข่าวบีบีซี รายงานถึงสถานการณ์สภาพอาการร้อนจัดใน ‘ประเทศอินเดีย’ โดยเฉพาะทางตอนเหนือ ครอบคลุมถึงกรุงนิวเดลี เมืองหลวง หลังเผชิญ ‘คลื่นความร้อน’ รุนแรงระลอกใหม่ ส่งผลให้ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาอุณหภูมิในหลายพื้นที่พุ่งสูงเกิน 45 องศาเซลเซียส

ขณะที่เมืองนาจาฟการ์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของนครเดลี วัดอุณหภูมิเมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 พ.ค. ได้ถึง 47.8 องศาเซลเซียส ถือเป็นอุณหภูมิสูงสุดของประเทศในฤดูกาลนี้

ด้านสำนักอุตุนิยมวิทยาระบุคาดว่าอากาศจะร้อนต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์กับอุณหภูมิสูงสุดในเขตนครเดลีและเมืองทางตอนเหนือมีแนวโน้มระอุที่ประมาณ 45-46 องศาเซลเซียส

ทำความรู้จัก ‘โมฮัมหมัด โมคเบอร์’ ประธานาธิบดีรักษาการ ในวันที่ ‘อิหร่าน’ สูญเสียผู้นำจากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก

โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจของรัฐบาลอิหร่าน ได้รายงานยืนยันการถึงแก่อสัญกรรมของ อิบราฮิม ไรซี ประธานาธิบดีอิหร่าน พร้อมทั้ง ฮูซเซน อะเมียร์-อับดุลลาฮาน รัฐมนตรีต่างประเทศ จากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกที่เขตอาเซอร์ไบจานตะวันออก อย่างเป็นทางการแล้ว เบื้องต้นระบุสาเหตุการตกเกิดจากสภาพอากาศเลวร้าย และมีหมอกจัด บดบังวิสัยทัศน์การบิน 

แต่ทั้งนี้ อิหร่านไม่อาจทิ้งให้รัฐบาลอยู่ในช่วงสุญญากาศเพราะขาดผู้นำอย่างกะทันหันได้นาน จึงมีประกาศแต่งตั้ง ‘โมฮัมหมัด โมคเบอร์’ รองประธานาธิบดี ลำดับที่ 1 ขึ้นดำรงผู้นำอิหร่านเป็นการชั่วคราว ที่จะต้องประสานงานร่วมกับประธานสภาผู้แทนราษฎร และ หัวหน้าคณะตุลาการ เพื่อจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งใหม่ในอิหร่านภายในกรอบเวลา 50 วัน

ประวัติส่วนตัวของ ‘โมฮัมหมัด โมคเบอร์’ เกิดเมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1955 ปัจจุบันอายุ 69 ปี ถือเป็นหนึ่งในคนสนิทใกล้ชิดกับผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ‘อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี’ ได้รับเลือกให้เป็นรองประธานาธิบดีอิหร่านในปี 2021 และถูกมองว่ามีโอกาสขึ้นถึงตำแหน่งประธานาธิบดีอิหร่านในไม่ช้านี้ 

‘โมฮัมหมัด โมคเบอร์’ จบปริญญาเอกถึง 2 สาขา ทั้งด้านบริหารธุรกิจ และ สิทธิสากล เคยเข้าร่วมรบในกองพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ในสมัยสงคราม อิรัก-อิหร่าน ก่อนที่จะเข้ามาทำงานสายธนาคารจนได้รับตำแหน่งเป็น ประธานบอร์ดผู้บริหารของ Sina Bank และ รองผู้ว่าการจังหวัด ฆูเซสถาน

จากนั้นเขาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานสภา Execution of Imam Khomeini's Order ที่ดูแลด้านการเงินให้กับ ‘อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี’ และทำให้ชื่อของเขาอยู่ในบัญชีดำของสหภาพยุโรป และ สหรัฐอเมริกา ด้วยข้อกล่าวหาว่า เขาเกี่ยวข้องกับกิจการพัฒนานิวเคลียร์และขีปนาวุธของอิหร่าน

และในปี 2021 หลังการเลือกตั้งใหญ่ในอิหร่าน เมื่อ ‘อิบราฮิม ไรซี’ ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีอิหร่าน ‘โมฮัมหมัด โมคเบอร์’ ก็ถูกวางตัวในตำแหน่งรองประธานาธิบดีลำดับที่ 1 ที่ทำงานใกล้ชิดทั้งประธานาธิบดี และ อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจเพื่อต่อต้านมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตกต่ออิหร่าน และยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนผู้นำอิหร่านในการเยือนกรุงมอสโก เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และเพื่อบรรลุข้อตกลงด้านอาวุธ การจัดหาขีปนาวุธภาคพื้นดิน และ โดรนให้แก่กองทัพรัสเซีย 

ดังนั้น การขึ้นรักษาการตำแหน่งประธานาธิบดีอิหร่าน ของ ‘โมฮัมหมัด โมคเบอร์’ ในสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ จึงถือว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด จนกว่าอิหร่านจะผ่านการเลือกตั้งครั้งใหม่ให้ได้ผู้นำตามกระบวนการอย่างถูกต้อง 

แต่ปัญหาของอิหร่านตอนนี้คือ การมองหาตัวแทนตำแหน่งผู้นำทางจิตวิญญาณสูงสุด หรือ อยาตอลเลาะห์ คนที่ 3 ต่อจาก อาลี คาเมเนอี ที่นักวิเคราะห์เคยคาดการณ์ว่า อิบราฮิม ไรซี ถูกวางตัวไว้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งนี้ แต่เมื่ออิหร่านสูญเสียตัวแทนคนสำคัญไปแล้ว คงต้องมองหาผู้สืบทอดคนใหม่ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญอย่างมากต่อความมั่นคงของชาติเลยทีเดียว

จับตา ‘ไล่ ชิงเต๋อ’ สาบานตนเป็น ‘ปธน.ไต้หวัน’  สื่อจีนเตือนสัมพันธ์ข้ามช่องแคบส่อตึงเครียดหนัก

(20 พ.ค.67) รอยเตอร์ รายงานว่า ไล่ ชิงเต๋อ (Lai Ching-te) ได้เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวันอย่างเป็นทางการวันนี้ (20 พ.ค.) ท่ามกลางท่าทีข่มขู่จากจีนซึ่งมองว่า ไล่ เป็นพวกจ้อง ‘แบ่งแยกดินแดน’ ขณะที่ความแตกแยกกับกลุ่มฝ่ายค้านในสภาส่อเค้ากลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการบริหารของรัฐบาลชุดใหม่

พิธีสาบานตนถูกจัดขึ้นที่ทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงไทเป ซึ่งเป็นอาคารเก่าแก่ที่สร้างตั้งแต่สมัยที่เกาะไต้หวันตกเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่น โดย ไล่ ก้าวขึ้นรับไม้ต่อจากประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน หลังจากที่เคยทำหน้าที่เป็นรองประธานาธิบดีตลอด 4 ปีที่ผ่านมา 

เจ้าหน้าที่อาวุโสของไต้หวันระบุว่า ไล่ เตรียมกล่าวสุนทรพจน์ที่แสดงความมีไมตรีจิตต่อจีน และเรียกร้องให้ทั้ง 2 ฝ่ายร่วมกันแสวงหาสันติภาพ

ไล่ เดินเข้าสู่ห้องพิธีในชุดสูทผูกเนกไทสีม่วงซึ่งเป็นสีของผีเสื้อประจำถิ่นชนิดหนึ่งของไต้หวัน และติดเข็มกลัดรูปดอกมัสตาร์ดสีเหลือง ซึ่งเป็นพืชสามัญที่พบได้ทั่วไปตามท้องทุ่งบนเกาะแห่งนี้

ไล่ ได้รับมอบตราสัญลักษณ์แทนอำนาจของประธานาธิบดี จำนวน 2 ชิ้น จากประธานรัฐสภา ได้แก่ ตราแห่งสาธารณรัฐจีน (seal of the Republic of China) และตรา Seal of Honour โดยตราทั้งสองนี้ได้ถูกนำมายังไต้หวันระหว่างที่รัฐบาลสาธารณรัฐจีนหลบหนีมายังเกาะแห่งนี้ หลังพ่ายแพ้สงครามกลางเมืองให้แก่พรรคคอมมิวนิสต์ของเหมา เจ๋อตง ในปี 1949

พิธีสาบานตนของ ไล่ ชิงเต๋อ มีอดีตเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ หลายคนซึ่งถูกส่งไปร่วมงานโดยประธานาธิบดี โจ ไบเดน รวมถึงสมาชิกรัฐสภาจากบางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เยอรมนี แคนาดา และยังมีผู้นำจากอีก 12 ประเทศที่ยังคงมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันอยู่ เช่น ประธานาธิบดี ซันติอาโก เปญา แห่งปารากวัย เป็นต้น

แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้มีถ้อยแถลงแสดงความยินดีต่อ ไล่ ชิงเต๋อ โดยระบุว่าสหรัฐฯ รอคอยที่จะได้ทำงานร่วมกับเขา “เพื่อยกระดับผลประโยชน์และค่านิยมร่วม กระชับความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นทางการให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ตลอดจนร่วมกันธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพภายในช่องแคบไต้หวัน”

ล่าสุด สื่อรัฐบาลจีนยังไม่ได้มีการรายงานข่าวพิธีสาบานตนของ ไล่ ชิงเต๋อ แต่อย่างใด 

ปักกิ่งถือว่าไต้หวันซึ่งปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตนเอง และไม่เคยปฏิเสธทางเลือกใช้กำลังทหารเพื่อนำไต้หวันมาอยู่ภายใต้การควบคุม ขณะที่ ไล่ ยืนยันว่าอนาคตของไต้หวันมีเพียงประชาชนไต้หวันเท่านั้นที่จะตัดสินได้ และเคยยื่นข้อเสนอเจรจากับจีนมาแล้วหลายครั้ง แต่ถูกปฏิเสธตลอด

ไต้หวันเผชิญแรงกดดันจากจีนหนักขึ้นกว่าเก่า ทั้งการส่งเครื่องบินรุกล้ำเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (ADIZ) และการทำกิจกรรมทางทหารเฉียดใกล้เกาะ หลังจากที่ ไล่ วัย 64 ปี ชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา

กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุวันนี้ (20) ว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาจีนได้ส่งเครื่องบิน 6 ลำข้ามเส้นมัธยฐาน (median line) ซึ่งถือกันว่าเป็นเส้นแบ่งเขตแดนจีน-ไต้หวันอย่างไม่เป็นทางการ ทว่าปักกิ่งไม่ยอมรับการมีอยู่ของเส้นที่ว่านี้ โดยมีเครื่องบินจีนอย่างน้อย 1 ลำที่เข้าไปใกล้เมืองท่าจีหลง (Keelung) ทางตอนเหนือของเกาะไต้หวันในระยะเพียง 80 กิโลเมตร

สัปดาห์ที่แล้ว สำนักงานกิจการไต้หวันของจีนระบุว่า ไล่ ซึ่งฝ่ายจีนเรียกว่าเป็น “ผู้นำคนใหม่ของภูมิภาคไต้หวัน” จำเป็นต้องเลือกให้ชัดเจนระหว่างการพัฒนาอย่างสันติ (peaceful development) หรือการเผชิญหน้า (confrontation) ขณะที่หนังสือพิมพ์โกลบอลไทม์สซึ่งเป็นสื่อของทางการจีนก็รายงานเมื่อวานนี้ (19) ว่า ไล่ “อาจจะแสดงพฤติกรรมยั่วยุมากขึ้นเรื่อยๆ” หลังจากที่เข้ารับตำแหน่งผู้นำไทเป

“ดังนั้นในระยะยาว ความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบคงจะไม่เป็นไปในเชิงบวก” บทความของโกลบอลไทม์ส ระบุ

นอกจากภัยคุกคามจากจีนแล้ว คาดว่ารัฐบาล ไล่ ชิงเต๋อ ยังจะต้องเผชิญกับความท้าทายในประเทศอีกไม่น้อย หลังจากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ของเขาสูญเสียเสียงข้างมากในสภาจากผลของศึกเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือน ม.ค.

สัญญาณความวุ่นวายเริ่มปรากฏให้เห็นตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว (17) เมื่อ ส.ส.ไต้หวันเกิดทะเลาะวิวาทชกต่อยและตะโกนด่าทอกันไปมาในสภา สืบเนื่องมาจากกฎหมายปฏิรูปสภาที่ฝ่ายค้านพยายามผลักดัน และคาดว่าอาจจะมีศึกกลางสภาอีกรอบหลังจากที่บรรดา ส.ส.เปิดการอภิปรายอีกครั้งในวันอังคารนี้ (21)

'แมนซิตี้' สุดโหด!! คว้าแชมป์ลีก 4 สมัยติดต่อกันทีมแรกในรอบ 136 ปี สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่นับตั้งแต่ก่อตั้งลีกขึ้นเมื่อฤดูกาล 1888/89

วานนี้ (19 พ.ค. 67) ผลการเแข่งขันฟุตบอล ศึกพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ 2023-2024 นัดสุดท้าย ซึ่งถือว่าเป็นแย่งชิงแชมป์ของ 'แมนเชสเตอร์ ซิตี้' และ 'อาร์เซน่อล' ก็สิ้นสุดลง

โดยจบเกม 'แมนเชสเตอร์ ซิตี้' เอาชนะ 'เวสต์แฮม ยูไนเต็ด' 3-1 ประตู

ส่วนไอ้ปืนใหญ่ 'อาร์เซนอล' ก็เฉือนชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-1 ไปโดยได้ประตูจาก ทากาฮิโระ โทมิยาสุ ในนาที 43 ไค ฮาแวร์ตซ์ นาที 89 ต่อมา เอฟเวอร์ตัน ได้ประตูจาก อิดริสซา เกย์ ในนาทีที่ 40 ก่อนที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ จะยิงประตูชัย ในนาที 89 

ทว่าถึงแม้ อาร์เซนอล จะสามารถเอาชนะได้ แต่ก็ไล่แต้มไม่ทัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จนทำให้เรือใบสีฟ้าสามารถคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ 2023-2024 ครั้งนี้ไปครองอีกปี พร้อมทั้งสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ขึ้น โดยเป็นทีมแรกในพรีเมียร์ลีกที่สามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ 4 สมัยติดต่อกัน ในรอบ 136 ปี หรือนับตั้งแต่ลีกก่อตั้งขึ้นเมื่อฤดูกาล 1888/89 นั่นเอง

‘ญี่ปุ่น’ เผยสถิติ ‘ผู้สูงวัย’ อาศัยเพียงลำพังเสียชีวิตนับหมื่นราย ช่วง ‘ม.ค.-มี.ค.67’ พบ 1.7 หมื่นราย คาดทั้งปีแตะ 6.8 หมื่นราย

เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 67 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จากการสำรวจล่าสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติของญี่ปุ่น (NPA) พบว่าตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม ญี่ปุ่นมีผู้สูงอายุที่อาศัยเพียงลำพังซึ่งได้เสียชีวิตลงที่บ้านจำนวน 17,034 ราย 

การสำรวจดังกล่าวครอบคลุมผู้เสียชีวิต 60,466 ราย ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นรับเรื่องในช่วงเวลาดังกล่าว โดยในจำนวนนี้เป็นผู้เสียชีวิตที่อาศัยอยู่ลำพัง 21,716 ราย และมีบางส่วนที่เป็นการฆ่าตัวตาย

เกือบร้อยละ 80 ของผู้เสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยว หรือ 17,034 ราย มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ประกอบด้วย ผู้ที่มีอายุระหว่าง 65-69 ปี 2,080 ราย ผู้มีอายุ 70-74 ปี 3,204 ราย ผู้มีอายุ 75-79 ปี 3,480 ราย ผู้มีอายุ 80-84 ปี 3,348 ราย และผู้ที่อายุ 85 ปีขึ้นไป 4,922 ราย

การหารือชั่วคราวในปี 2023 ของคณะทำงานเกี่ยวกับประเด็นการเสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ของสำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระบุว่าการเสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยว คือการที่บุคคลหนึ่งเสียชีวิตโดยไม่มีใครพบเห็นจนผ่านไปช่วงเวลาหนึ่งก่อนที่จะมีการพบศพ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วางแผนรวบรวมข้อมูลต่อไป อันเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาสังคมผู้สูงอายุที่ยกระดับอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ ผลสำรวจดังกล่าวคาดการณ์ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตที่บ้านในหมู่ผู้สูงอายุที่อาศัยเพียงลำพังในปี 2024 จะสูงถึงราว 68,000 ราย

สรุปเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ประธานาธิบดีอิหร่านตก ยืนยันไม่พบสัญญาณผู้รอดชีวิต ตรงจุดเกิดเหตุที่ตก

(20 พ.ค.67) TNN World รายงานสรุปเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ประธานาธิบดีอิหร่านตก เผย!! ไม่พบสัญญาณของผู้รอดชีวิต...

>> เฮลิคอปเตอร์ที่ประธานาธิบดีอิบราฮิม ไรซี ของอิหร่าน และฮอสเซน อามีร์ อับดอลเลาะเฮียน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของอิหร่าน ประสบเหตุตก เมื่อวานนี้ (19 พฤษภาคม) 

>> ขณะขบวนเฮลิคอปเตอร์ 3 ลำ รวมถึงลำที่ประสบเหตุ กำลังบินข้ามหุบเขาท่ามกลางหมอกหนา หลังเสร็จภารกิจเยือนพื้นที่พรมแดนอิหร่าน-อาร์เซอร์ไบจาน และพิธีเปิดเขื่อนพร้อมกับอิลฮัม แอลิเยฟ ประธานาธิบดีของอาเซอร์ไบจาน

>> เจ้าหน้าที่เดินทางถึงจุดเกิดเหตุแล้ว และเฮลิคอปเตอร์ถูกไฟไหม้ และเสียหายอย่างหนัก

>> ล่าสุดยืนยันว่า ไม่มีสัญญาณผู้รอดชีวิต บริเวณที่เกิดเหตุ

>> การค้นหาและกู้ภัยเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นและหมอกหนา

‘อีลอน มัสก์’ ร้องเอาผิด ‘เฟาซี’ หลังยอมรับให้ทุนสถาบันวิจัยอู่ฮั่น เพื่อพัฒนาดัดแปลงไวรัสโคโรน่าให้มีความสามารถแพร่เชื้อได้ดีขึ้น

เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 67 จากเฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ของ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อาจารย์พิเศษสาขาประสาทวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการโพสต์ภาพข่าวจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์ กรณีนายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ซีอีโอบริษัทเทสล่าและสเปซเอ็กซ์ เรียกร้องให้มีการดำเนินคดีกับนายแพทย์แอนโทนี เฟาซี อดีตรองประธานคณะที่ปรึกษาด้านการสาธารณสุข ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโจ ไบเดน ช่วงปี 2564-2565 จากกรณีที่ผู้บริหารสถาบันสุขภาพแห่งชาติ ของสหรัฐอเมริกา (NIH) ยอมรับต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ว่า NIH ได้ให้ทุนสนับสนุนแก่สถาบันวิจัยไวรัสที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ในการพัฒนาดัดแปลงไวรัสโคโรน่าให้มีความสามารถในการแพร่เชื้อได้ดีขึ้น (gain of function) ตั้งแต่ช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อปลายปี 2562

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ระบุข้อความในเฟซบุ๊กว่า การให้ทุนในการสร้างไวรัสโควิด จาก สหรัฐไปยังสถาบันวิจัยไวรัส เกิดขึ้นก่อนการระบาดโควิดด้วยซ้ำ สิทธิบัตรวัคซีนของ NIH จดตั้งแต่ปี 2018 ต้นตอโควิดอยู่ที่นี่เอง

ยืนยันชัดเจนจากกรรมาธิการรัฐสภา ถาม NIH ว่า “NIH ให้ทุนสถาบันวิจัยไวรัสอู่ฮั่นในการสร้างไวรัสใหม่ ที่มีความสามารถในการติดเชื้อและแพร่เชื้อ เกิดโรคได้ดีขึ้น หรือที่เรียกว่า gain of function”

คำตอบจาก NIH “ใช่ เราทำเช่นนั้น yes we did”

ในขณะเดียวกัน Elon Musk ประกาศ ต้องเอาโทษ Anthony Fauci ตัวการใหญ่ในเรื่องนี้ให้ได้

อีลอน มัสก์ เรียกร้องให้จับกุมและดำเนินคดีกับนายแพทย์ แอนโธนี เฟาซี เมื่อวันศุกร์ หลังจากที่สถาบันสุขภาพแห่งชาติ NIH เข้ามาเคลียร์กับสภาคองเกรส และยอมรับว่าให้ทุนสนับสนุนการวิจัย แก่สถาบันวิจัยไวรัสอู่ฮั่น

ขณะเดียวกัน องค์กร EcoHealth alliance มีความผิด และพยายามจะกลบเกลื่อนปิดบังหลักฐานในการส่งผ่านทุนให้สถาบันวิจัยไวรัสอู่ฮั่น และ รัฐบาลสหรัฐ department of Health and Services ตัดสินให้ยุติทุนใด ๆ ให้องค์กรนี้ รวมทั้งให้ถอดถอนสิทธิ์ขององค์การนี้ (disbarment)

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตามรายงานข่าวของนิวยอร์กโพสต์ ดังกล่าว ได้อ้างถึงคำให้การของนายแพทย์แอนโทนี่ เฟาซี่ ต่อสภาคองเกรส เมื่อเดือนพฤษภาคม 2564 ซึ่งนายเฟาซี่ได้ให้การว่า NIH ไม่ได้ให้ทุนสนับสนุนแก่สถาบันวิจัยที่อู่ฮั่นในการวิจัยไวรัส gain of function แต่อย่างใด

ทั้งนี้ การเรียกร้องของนายอีลอน มัสก์ ให้ดำเนินคดีนายเฟาซี่นั้น ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นข้อหาใด แต่ข้อหาที่ชัดเจนที่สุดคือข้อหาให้การเท็จและโกหกต่อสภาคองเกรส ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี

เฮลิคอปเตอร์ ประธานาธิบดี Ebrahim Raisi แห่งอิหร่าน ตก!! ภายใต้ความหวังหลังบางคนในคณะได้ติดต่อมายังส่วนกลาง

เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 67 เฮลิคอปเตอร์ ลำหนึ่งซึ่งมีผู้โดยสารอย่าง ประธานาธิบดี Ebrahim Raisi แห่งอิหร่าน, รัฐมนตรีต่างประเทศ Hossein Amir-Abdollahian, Malek Rahmati ผู้ว่าการอาเซอร์ไบจานตะวันออก และ Mohammad Ali Ale-Hashem ตัวแทนผู้นำสูงสุดในอาเซอร์ไบจานตะวันออก ได้ประสบอุบัติเหตุตกระหว่างหมู่บ้าน Ozi และ Pir Davood ทางตอนเหนือของ Varzeqan ขณะเดินทางไปยังเมืองทาบริซ 

ตอนนี้ทีมกู้ภัยและโดรนสี่สิบทีม กำลังพยายามค้นหาเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าว ซึ่งตามรายงานระบุว่าตกในพื้นที่ป่าดิซมาร์ ซึ่งเป็นภูเขาสูงและป่าทึบ ขณะนี้ยังไม่ทราบทั้งตำแหน่งที่เฮลิคอปเตอร์ตกและชะตากรรมของผู้โดยสาร เพราะทีมกู้ภัยยังไม่สามารถเข้าถึงตำแหน่งของเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวเนื่องจากสภาพอากาศปิดมีหมอกหนาจัด

อย่างไรก็ตาม IRNA ภาคภาษาอังกฤษ รายงานว่า มีการติดต่อจากคนบางคนในคณะของประธานาธิบดีบนเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นกับสำนักงานใหญ่กลาง จึงมีความหวังว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะจบลงโดยไม่มีผู้เสียชีวิต

สำหรับเฮลิคอปเตอร์ลำนี้ เป็นส่วนหนึ่งของขบวนเฮลิคอปเตอร์สามลำ โดยเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำในจำนวนนั้น ซึ่งบรรทุกรัฐมนตรีและคณะทำงานสามารถเดินทางถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย ขณะที่ ประธานาธิบดี Ebrahim Raisi และ รัฐมนตรีต่างประเทศ Hossein Amir-Abdollahian พร้อมด้วยบุคคลสำคัญหลายคนอยู่บนเฮลิคอปเตอร์อีกลำช่วงที่เดินทางกลับจากพิธีเปิดเขื่อนบริเวณชายแดนอิหร่านติดกับอาเซอร์ไบจาน แต่มาเกิดอุบัติเหตุขณะลงจอดในภูมิภาควาร์ซากันเมื่อวันอาทิตย์ 

“จากจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์นี้ที่มีการรายงานเกี่ยวกับเฮลิคอปเตอร์ของประธานาธิบดี กองกำลังบรรเทาทุกข์ของสภาเสี้ยววงเดือนแดง และกองกำลังบังคับใช้กฎหมายได้เริ่มใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อค้นหาเฮลิคอปเตอร์ลำนี้” สำนักข่าวตัสนีม รายงาน

หนูน้อยชาวจีน คิดถึงแม่ผู้ล่วงลับ ‘วิดีโอคอล’ หาป้า เผย!! ‘หน้าป้า’ เหมือน ‘หน้าแม่’ ได้เห็นแล้ว ช่วยฮีลใจ

(19 พ.ค.67) เป็นไวรัลเรียกน้ำตาได้ไม่น้อย เมื่อเด็กชายคนหนึ่งในมณฑลหูหนาน ของจีน ทนคิดถึงแม่ที่เสียชีวิตไปแล้วไม่ไหว จึงวิดีโอคอลหาป้าพร้อมเผยเหตุผลสุดบีบหัวใจ

โดยเด็กชายได้เลือกโทรหาป้าคนที่สอง เพราะเธอมีหน้าตาคล้ายกับแม่มาก เมื่อได้เห็นหน้าป้า จึงทำให้เด็กชายรู้สึกเหมือนได้เจอแม่อีกครั้ง

“คุณป้าครับ ผมคิดถึงแม่ ป้าดูเหมือนแม่ของผมเลย ผมเห็นป้าแล้วรู้สึกเหมือนได้เจอแม่อีกครั้ง ผมอยากเจอป้าจัง” เด็กชายกล่าว

ด้านป้าของเด็กชายเล่าว่า ช่วงค่ำของวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา จู่ ๆ หลานชายก็วิดีโอคอลมาหา โดยบอกว่าคิดถึงแม่ที่เสียชีวิตไป และบอกว่าเธอหน้าเหมือนแม่ของเด็กชายมาก เพราะคิดถึงแม่ก็เลยอยากเจอแม่ เด็กชายจึงเลือกโทรหาเธอ

นอกจากนี้ เธอยังเผยความรู้สึกในใจว่า ไม่ใช่แค่หลานชายที่จะร้องไห้ สำหรับเธอแล้ว การได้เห็นหน้าหลานชาย มันก็เหมือนการได้เห็นน้องสาวที่เสียชีวิตไปแล้วเช่นกัน และเธอก็สัญญาว่าเธอจะทำหน้าที่เป็นป้าที่ดี ให้ความรักและความเอาใจใส่หลานชายให้ดีที่สุด

“หลานชายของฉันคล้ายกับน้องสาวของฉัน และฉันก็เหมือนแม่ของหลาน เราต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ฉันเชื่อว่าหลานชายของฉันจะเติบโตอย่างมีความสุขแม้ไม่มีแม่” ป้าของเด็กชายกล่าวทิ้งท้าย

ร้านกาแฟในนิวยอร์ก ชง ‘ลาเต้ทุเรียน’ รสชาติหวานหอม ขึ้นแท่นเมนูขายดี!! เพราะมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์

(19 พ.ค.67) ปัจจุบันมีเมนูเครื่องดื่มครีเอทมากขึ้น มีการนำวัตถุดิบต่าง ๆ มาผสมผสานจนเกิดเป็นเมนูใหม่ให้ลูกค้าได้ลิ้มลอง เช่นเดียวร้านกาแฟในนิวยอร์กแห่งนี้ ที่ได้หยิบ “ทุเรียน” ราชาแห่งผลไม้เข้ามาอยู่ในเมนูด้วย.

เว็บไซต์นิวยอร์กโพสต์ได้รายงานว่า ร้านกาแฟ ‘Not As Bitter’ ได้ผุดเมนูลาเต้สุดแปลกใหม่ เพิ่มความเข้มข้นของกาแฟด้วยส่วนผสมที่ดุร้ายที่สุดในปัจจุบัน นั่นคือ ‘ทุเรียน’ ราชาผลไม้ที่มีเปลือกภายนอกแหลมคม ดูเหมือนอาวุธในระยะประชิดในยุคกลาง และเป็นที่เลื่องลือเรื่องกลิ่นฉุน

‘เจฟฟรี่ หวัง’ เจ้าของร้านเผยว่า ทางร้านคัดเลือกผลไม้สดใหม่ทุกวัน โดยเป็นทุเรียนจากไทยหรือมาเลเซีย ซึ่งรสชาติสุดเอกลักษณ์ของลาเต้แก้วนี้ ออกมาดีอย่างน่าประหลาดใจ

“เครื่องดื่มนั้นรสชาติดีมาก เพราะมันหวาน มันเพิ่มรสชาติให้กับกาแฟ และเพิ่มความนัว ความครีมมี่ลงไปด้วย” บาริสต้าซึ่งมาจากเทียนจิน ประเทศจีน กล่าว

สำหรับเมนูลาเต้ทุเรียนนั้น ทางร้านได้รับแรงบันดาลใจจากเทรนด์ในประเทศจีน ที่มักผสมเครื่องดื่มกับผลไม้และอื่น ๆ มากมาย โดยวางขายในราคา 8.50 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว 300 บาท ซึ่งทางร้านยังมีเมนูที่ผสมผสานวัตถุดิบสุดแปลกใหม่อีกมากมาย เพียงแต่ลาเต้ทุเรียนค่อนข้างได้กระแสตอบรับดีมากกว่าเมนูที่ผสมผลไม้อื่น ๆ

ร้านค้าในนิวยอร์ก กำลังทยอยปิดตัวลง เพราะไปต่อไม่ไหว ชี้!! ‘คดีลักขโมย’ ระบาดอย่างหนัก เพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่แล้ว

(19 พ.ค.67) มหานครนิวยอร์กมีการแจ้งความเกี่ยวกับเหตุขโมยของ 21,578 คดี ตั้งแต่เข้าสู่ปี 2024 จนถึงวันที่ 12 พฤษภาคม เพิ่มขึ้น 5% จากระดับ 20,552 คดี จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยที่ในแมนฮัตตันเพียงเขตเดียว มีคดีขโมยของจากห้างค้าปลีกถึง 8,896 คดี

อาชญากรรมดังกล่าวแพร่ระบาดรุนแรงหนักมากเสียจน เครือข่ายห้างค้าปลีกดังระดับชาติ อย่าง ทาร์เก็ต ซีวีเอส และวอลกรีนส์ ต้องปิดทำการไปแล้วหลายสาขา และพับแผนขยายสาขาเข้าลิ้นชัก

ห้างทาร์เก็ต แถลงว่าในช่วงปลายปีที่แล้ว พวกเขาได้ปิดทำการสาขาต่างๆ 9 แห่งใน 4 รัฐ ในนั้นรวมถึงในฮาร์เลม สืบเนื่องจากเหตุลักขโมย 

เราไม่อาจปฏิบัติการสาขาต่างๆ เหล่านี้ต่อไปได้ เพราะเหตุขโมยและอาชญากรรมค้าปลีกอย่างเป็นระบบ ที่คุกคามความปลอดภัยของพนักงานและลูกค้าของเรา และทำให้ผลงานทางธุรกิจอยู่ในภาวะไม่ยั่งยืน

นายหน้าค้าปลีกรายหนึ่งในแมนฮัตตัน ระบุว่าในขณะที่รูปแบบการชอปปิ้งได้เปลี่ยนไป ผู้คนหันไปซื้อของทางออนไลน์มากขึ้น แต่เหตุลักขโมยก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เครือข่ายค้าปลีกทั้งหลายตัดสินใจปิดสาขาต่างๆ เช่นกัน

โจเซฟ เกียคาโลเน นายตำรวจปลดเกษียณแล้ว จากกรมตำรวจนิวยอร์ก และเป็นศาสตราจารย์รับเชิญ ณ วิทยาลัยการศึกษากระบวนการยุติธรรม จอห์น เจย์ ระบุว่าส่วนหนึ่งของปัญหาคือ การที่พวกนักการเมืองเมินเฉยต่อเหตุขโมยของในห้างค้าปลีก แทนที่จะพุ่งเป้าให้ความสำคัญกับมัน

พวกนักการเมืองบอกกับเราว่า การขโมยของไม่ใช่ปัญหา เกียคาโลน กล่าว จากนั้นแทบในทันทีทันใด เราเริ่มพบเห็นปัญหานี้เกิดขึ้น เพราะว่ามากมายในอาชญากรรมเหล่านี้ถูกลดระดับความสำคัญโดยตัวนักการเมืองเอง ท้ายที่สุดแล้ว คุณก็ต้องยอมรับผลลัพธ์ที่จะตามมา

เหตุลักขโมยในห้างค้าปลีก ซึ่งกรมตำรวจนิวยอร์กเพิ่งเพิ่มเข้าไปในรายงานติดตามอาชญากรรม CompStat มีจำนวนเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวในเมืองแห่งนี้ ในช่วง 6 ปีหลังสุด จำนวนคดีต่างๆ เพิ่มขึ้นจากคำร้องเพียง 32,254 คดี ตลอดทั้งปี 2017 เป็น 37,922 คดีในปี 2019 ก่อนลดลงระหว่างช่วงพีกสุดของโควิด-19 ในปี 2020 ทว่านับตั้งแต่ปี 2021-2023 คำร้องทั่วเมืองกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง จาก 43,892 คดี เป็น 59,137 คดี

คดีลักขโมยนี้ได้สร้างความลำบากแก่ห้างขายยารายใหญ่เช่นกัน ในขณะที่ห้างเหล่านี้กำลังอยู่ระหว่างการลดขนาดธุรกิจอยู่ก่อนแล้ว

วอลกรีนส์ อยู่บนเส้นทางของการลดจำนวนร้านลงทั่วประเทศราว 200 แห่งในปีงบประมาณ 2024 ซีอีโอ ทีโมที เวนท์เวิร์ธ กล่าวระหว่างพูดคุยทางโทรศัพท์กับพวกนักวิเคราะห์เกี่ยวกับผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัท ขณะที่ทางห้างค้าปลีกซีวีเอส แถลงแผนหนึ่งตั้งแต่ปี 2021 ว่ามีแผนลดจำนวนสาขาลง 900 แห่ง แบ่งเป็นปีละ 300 แห่ง ในปี 2022, 2023 และ 2024

Rite Aid เครือข่ายร้านขายยา เตรียมปิดทำการสาขาต่างๆ เพิ่มเติมอีก 53 แห่งใน 9 รัฐ ส่วนหนึ่งในกระบวนการล้มละลายของบริษัท นอกเหนือจากที่ปิดไปเบื้องต้น 154 สาขา

'สิงคโปร์' ตรวจสอบเข้มด่านพรมแดน 'ยะโฮร์บาห์รู - ขาเข้าสิงคโปร์' หลังเกิดเหตุคนร้ายสังหารตำรวจในมาเลย์ฯ โยงกลุ่มก่อการร้าย

(19 พ.ค.67) จากเพจ 'World Forum ข่าวสารต่างประเทศ' ได้นำเสนอภาพด่านพรมแดน ยะโฮร์บาห์รู - ขาเข้าสิงคโปร์ ที่มีรถติดหนัก เพราะต้องมีการตรวจสอบความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น โดยสาเหตุเนื่องมาจาก...

เวลา 02.54 น. วันที่ 17/05/2024 ชายชาวมาเลเซีย วัย 34 ปี บุกสถานีตำรวจเมืองอูลูติรัม ในรัฐยะโฮร์ มีตำรวจเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 1 ราย 

โดยคนร้ายได้สังหาร ตำรวจ และแย่งชิงอาวุธมาใช้สังหารตำรวจคนที่ 2 จากนั้นตำรวจคนที่ 3 ที่เป็นสายตรวจ กลับมาจากตรวจได้มาพบ จึงเกิดการต่อสู้ และได้สังหารคนร้าย ส่วนตำรวจคนที่ 3 มีอาการบาดเจ็บที่ศีรษะ และลำคอถูกนำส่งโรงพยาบาล 

ต่อมามีข่าวลือว่า คนร้ายดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับ Jemaah Islamiyah หรือ ญะมาอะห์ อิสลามียะห์ หรือกลุ่ม JI ซึ่งเป็นกลุ่มก่อการร้ายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่คาดว่าก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2533 (ประวัติกลุ่ม เคลื่อนไหวในไทย, มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์) 

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของมาเลเซีย ได้ปฏิเสธว่าคนร้ายดังกล่าวไม่ใช่ผู้เกี่ยวข้องกับกลุ่ม JI 

จากเหตุการณ์นี้ ทำให้ทางการสิงคโปร์ ประกาศยกระดับความปลอดภัย (ภาพวันที่  18-19 /05 /2024) โดยด่านยะโฮร์ มีรถติดยาว และไม่แน่ชัดว่าประตูตรวจคนเข้าเมือง สนามบิน ท่าเรือ จะเข้มงวดด้วยหรือไม่?


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top