Wednesday, 14 May 2025
SPECIAL

รู้ทันการเมืองไทย ชวนส่องนโยบาย ‘คิดใหญ่ ทำเป็น’ พรรคเพื่อไทย บนแนวคิด ‘หลักกู’ ที่ไม่คำนึงถึง ‘หลักการ’

หลายนโยบายก็เคยส่องแล้ว วันนี้ขอถือโอกาสส่องอีกที นโยบายก็เคยส่องแล้วขอส่องซ้ำด้วยบทความเดิม ส่วนอันไหนที่ไม่เคยส่องจะได้จัดการส่องใหม่สั้น ๆ เพื่อให้กระชับ ดังนี้ครับ

การกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน ผู้เขียนเชื่อว่า เศรษฐกิจของประเทศน่าจะมีปัญหาอย่างแน่นอน เมื่อมีพรรคการเมืองหาเสียงด้วยการกำหนดอัตราค่าจ้างและเงินเดือนโดยไม่ได้คำนวณจาก ‘ดัชนีราคาผู้บริโภค’ (Consumer Price Index : CPI) วิธีคิดค่าจ้างขั้นต่ำที่ใช้ฐานคิดคำนวณจาก ‘หลักกู’ โดยไม่คำนึงถึง ‘หลักการ’ ซึ่งต้องนำข้อมูลและปัจจัยที่เกี่ยวข้องมากมายหลายตัวมาคิดคำนวณให้ได้ ‘ดัชนีราคาผู้บริโภค’ (CPI) แล้วจึงจะสามารถคำนวณค่าแรงขั้นต่ำได้ (เป็นไปได้ไหม? ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวันของพรรคเพื่อไทย https://thestatestimes.com/post/2023033141)

นโยบายประชานิยมที่พรรคการเมืองต่าง ๆ นิยมนำมาหาเสียงกับเกษตรกรเสมอมาคือ การพักหนี้ การยกหนี้ แต่ต้องนำงบประมาณซึ่งมาจากภาษีอากรมาอุดหนุนช่วยเหลือธนาคารเจ้าหนี้เงินกู้ ซึ่งก็ได้แก่ธนาคารเพื่อเกษตรกร ส่วนวาทะกรรมที่ว่า “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” นั้น คงเคยเห็นแต่นโยบายจำนำข้าวของพรรคเพื่อไทยที่ทำให้เกิดการทุจริตอย่างมโหฬาร หนี้จากโครงการดังกล่าวยังใช้ไม่หมดจนทุกวันนี้ ทั้ง ๆ ที่นโยบายสำหรับเกษตรกรควรเป็นเรื่องของการพัฒนาให้เกษตรกรพึ่งตนเองได้ และสามารถใช้หนี้สินที่มีอยู่ได้จนหมด

ทุกวันนี้ผู้คนยังเข้าใจผิดคิดว่า ที่ดินหลวงมีอยู่เอามาแปลงเป็นเอกสารสิทธิต่าง ๆ กระทั่งเป็นโฉนดกันง่าย ๆ ไม่สนับสนุนเรื่องพวกนี้ครับ เพราะที่สุดเมื่อที่ดินที่พี่น้องประชาชนได้มามีมูลค่ามากขึ้นที่สุดก็จะถูกขายเปลี่ยนมือไปจนหมด แต่ควรสนับสนุนให้ที่ดินที่เป็นที่รกร้างว่างเปล่าที่หน่วยราชการต่าง ๆ ครอบครองอยู่ หากหน่วยงานนั้น ๆ ไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้ว ควรส่งคืนกรมธนารักษ์ผู้ดูแลที่ดินราชพัสดุทั้งหมด เพื่อนำมาจัดสรรให้ประชาชนที่ขาดโอกาสและรายได้น้อย ได้เช่าเพื่อประกอบอาชีพตามแต่ความถนัดและเหมาะสม แบ่งสรรพื้นที่ของที่ดินอย่างบริสุทธิ์และยุติธรรม โดยคำนวณค่าเช่าจากรายได้ของผู้เช่า ห้ามการเช่าช่วง การโอนเปลี่ยนผู้ครอบครองเด็ดขาด ซึ่งภาครัฐก็ได้ผลประโยชน์อย่างเหมาะสม ประชาชนผู้เช่าก็จะมีความรับผิดชอบและรู้สึกหวงแหนสิทธิที่ได้รับมา ให้เป็นความเท่าเทียมทางสังคมที่เหมาะสมและเป็นที่ยอมรับให้เป็นบรรทัดฐานที่ถูกต้องของสังคมต่อไป

เป็นนโยบายที่เห็นแล้ว ฮาสุด ๆ เลยต้องให้ภาพนี้เล่าเรื่องแทน

เป็นอีกนโยบายที่เห็นแล้ว ต้องอธิบายด้วยภาพเหล่านี้

ขอเน้นย้ำว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบในการออกธนบัตรคือ ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระ ไม่ใช่กระทรวงการคลัง กระทรวงการคลังที่มีหน้าเพียงออกเหรียญกษาปณ์ กับส่งลายเซ็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสำหรับพิมพ์ลงบนธนบัตรเท่านั้น และสำคัญที่สุดเงินดิจิทัลที่ถูกต้องตามกฎหมายในประเทศไทยยังไม่มีมี เงินดิจิทัลทุกชนิดบนโลกใบนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ได้ให้การรับรองว่าเป็นเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย เงินดิจิทัลที่ถูกต้องตามกฎหมายรับรองโดยธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ระหว่างการพัฒนาโดยธนาคารแห่งประเทศไทยเอง

‘แรมโบ้’ นำทีม ‘ประธานหมู่บ้านเสื้อแดง 4 ภาค’ บุกอีสาน ชู “รทสช.เบอร์ 22” อ้อนชาวมหาสารคามหนุน ‘บิ๊กตู่’ อีกสมัย

‘แรมโบ้อีสาน’ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ มอบอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดง 4 ภาค และ ผรท. ลงพื้นที่หนักชูนโยบาย “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” ขณะที่ ‘อานนท์ แสนน่าน’ ขานรับวางแนวทางเข้าถึงทุกหมู่บ้าน หวังให้ ‘ลุงตู่อยู่ต่อ’ เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย

(11 เม.ย. 66) ณ ศาลากลางบ้านหนองโดน ตำบลนาโพธิ์ อำเภอกุดรัง จังหวัดมหาสารคาม นายอานนท์ แสนน่าน ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง และ อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดง 4 ภาค ประกอบด้วย นายสมชัย แสงทอง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคเหนือ, นางนิตยา นาโล หรือ ‘นักสู้ปอสี่’ อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคอีสาน, นายไวทิต ศิริสุวรรณ อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคกลาง และ นายทวี ประหยัด อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคใต้ พร้อมด้วย นายสุพล หมื่นศรีพรม อดีตคอมมิวนิสต์ ‘สหายธวัชชัย’ ในฐานะประธานผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) ได้ลงพื้นที่พบปะอดีตแกนนำเสื้อแดง และ อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดง เพื่อแจ้งผลการจับสลากของ ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ ได้เบอร์ 22 เพื่อจะได้แจ้งให้แกนนำได้นำไปบอกต่อและกระจายข่าวให้สมาชิกทั้งประเทศได้รับทราบโดยทั่วกัน จากนั้นได้เดินทางไปพบปะแกนนำอดีตคนเสื้อแดงตามอำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดมหาสารคาม ต่างพร้อมใจกันตะโกนลั่น “รวมไทยสร้างชาติ เบอร์ 22”

นายอานนท์ แสนน่าน ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า วันนี้ตนได้รับมอบหมายจาก นายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ ‘แรมโบ้อีสาน’ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้ลงพื้นที่พบปะมวลชนอดีตคนเสื้อแดง อดีตสหาย ผกค. หรือ ‘ผรท.’ และ ประชาชน ทุกภาคของประเทศไทย เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องการที่จะเอานายกรัฐมนตรีคนที่ทุ่มเททำงาน เอานายกฯ คนที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ ‘ลุงตู่’ พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ชัดเจนแล้วว่า “ทําแล้ว ทําอยู่ ทําต่อ” คืออะไร? เช่น…

“ทําแล้ว” นายกรัฐมนตรีหนึ่งเดียวในรอบ 30 ปี ที่รวมใจคนไทยฝ่าวิกฤติโลกได้ เปิดประเทศแล้ว ประคับประคองเศรษฐกิจให้ผ่านช่วงโควิด ด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ พักหนี้ครัวเรือน หนี้ SME ช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน จนเศรษฐกิจฟื้นตัวทันทีหลังโควิด สร้างโครงสร้างพื้นฐานทั้งถนน ระบบราง ท่าเรือ สนามบินทั่วประเทศ เปิดเส้นทางเชื่อมต่อภูมิภาคอาเซียนทุกรูปแบบ เช่น ถนน รถไฟ เปิดความสัมพันธ์ทางการทูตกับซาอุดิอาระเบียเป็นครั้งแรก ในรอบกว่า 30 ปี แก้ปัญหาหมักหมม ที่ทำให้สินค้าไทยโดนแบนโดยต่างประเทศ พลิกโฉมเศรษฐกิจไทยให้ทันสมัยด้วยโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยี ทำประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยว อันดับต้นของโลก บัตรลุงตู่/คนละครึ่ง, เที่ยวด้วยกัน, ช็อปดีมีคืน หนี้ กยศ. ไม่มีผู้ค้ำ ดอกเบี้ย 1% ให้ชำระคืนตามความสามารถ (ตามรายได้) แก้หนี้ครู ดูแลราคาน้ำมัน ราคาไฟฟ้า ลดภาระค่าไฟ แก๊สหุงต้ม ผู้มีรายได้น้อย เพิ่มสวัสดิการข้าราชการ ลูกจ้างราชการเพิ่มขึ้น เพิ่มสวัสดิการบัตรสุขภาพ นําเงินจากประกันสังคม แบ่งเบาความลำบากช่วงโควิด สวัสดิการคนสูงวัย เบี้ยคนชรา บัตรสุขภาพ แม่ลางานเลี้ยงลูกได้ 6 เดือน เพิ่มค่าตอบแทนผู้บริหาร อบต. และสมาชิก อบต. เพิ่มค่าตอบแทนกํานัน ผู้ใหญ่บ้าน

นายอานนท์ กล่าวอีกว่า “ทําอยู่” คือ เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ กลับสู่ภาวะปกติ เจรจาความร่วมมือ ไทย - ซาอุดีอาระเบีย 9 ด้าน เช่น ท่องเที่ยว, แรงงาน, อาฟหาร, การค้า, การลงทุน, เปิดเที่ยวบินตรง ไทย - ซาอุดีอาระเบีย เที่ยวแรกในรอบกว่า 30 ปี (ก.พ. 2565) ทำประเทศไทยเป็นประตูเชื่อมสู่โลกของภูมิภาคอาเซียนและจีนตอนใต้ ทั้งด้านการค้าขาย บริการ ท่องเที่ยวทั้งเชิงนิเวศน์และสุขภาพ เริ่มทยอยลดราคาน้ำมัน ราคาไฟฟ้าตามสถานการณ์พลังงานในตลาดโลก

‘ตร.สืบสวน’ รวบ ‘นวพร’ หัวหน้าใหญ่ ‘อุ้มบุญ-สวมบัตร’ แก๊งจีนเทา พบเอี่ยวค้ามนุษย์ทั้งในจีน-ไทย-กัมพูชา เผย ได้ค่าจ้างหัวละ 5 แสน!!

กรณีเมื่อวันที่ 4 เม.ย.66 เจ้าหน้าที่สืบสวนขยายผลกรณีชายชาวจีนสวมบัตรประจำตัวคนไม่มีสัญชาติไทย (บัตรชมพู) และเข้าตรวจค้นอาคาร 5 ชั้นย่านถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กทม. พื้นที่รับผิดชอบของ สน.บางรัก พบบุคคลต่างด้าวจำนวน 7 ราย และตรวจพบว่าสภาพภายในมีการแบ่งซอยเป็นห้องพัก และมีอุปกรณ์ไว้สำหรับดูแลหญิงไทยที่รับอุ้มบุญให้กับชาวจีน ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียนำเสนอไปนั้น

ล่าสุด วันที่ 11 เม.ย. 66 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. สั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบสวน ขยายผลให้ทราบถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสวมบัตรชมพู และกรณีการอุ้มบุญดังกล่าว จากการสืบสวนทราบว่า ชื่อเจ้าของสถานที่ ดังกล่าวคือ น.ส.นวพร อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นบุคคลที่ทำหน้าที่นำรายชื่อบุคคลต่างด้าวเข้ามาอยู่ภายในบ้านเลขที่ดังกล่าว

โดยใช้วิธีการแจ้งเท็จต่อเจ้าหน้าที่ว่าเป็นญาติของตน และสำแดงเอกสารเท็จต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ย้ายชื่อบุคคลดังกล่าวเข้ามาในทะเบียนบ้าน และออกบัตรชมพูให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับ น.ส.นวพรดำเนินคดีในความผิดฐาน ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม, ร่วมกันแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน และร่วมกันปลอมและใช้ดวงตรา รอยตรา หรือแผ่นปะตรวจลงตรา การเดินทางระหว่างประเทศ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุม น.ส.นวพร ได้เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบว่า น.ส.นวพร เป็นบุคคลสัญชาติจีนที่ได้รับสัญชาติไทยจากการแต่งงานกับคนไทย จากนั้นหย่าร้าง และมีสามีใหม่เป็นคนสัญชาติจีน ก่อนจะมีลูกด้วยกัน 3 คน โดยบุตรทุกคนได้รับสัญชาติไทยตามแม่ทั้งหมด ซึ่งทำให้ได้รับสิทธิเช่นเดียวกับคนไทยในการประกอบธุรกิจต่าง ๆ ได้ตามปกติ

น.ส.นวพร เคยถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการหลอกลวงคนจีนมาลงทุนทำธุรกิจ ความเสียหายมากกว่า 700 ล้านบาท ถูกดำเนินคดีที่ สน.ประเวศ นอกจากนี้ จากการประสานข้อมูลกับทางการจีนพบว่า น.ส.นวพรมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ทั้งในจีน ไทย และกัมพูชา เป็นระยะเวลามากกว่า 10 ปี และมีทรัพย์สินในครอบครองเป็นบริษัทหลายแห่ง ซึ่งมีชื่อของญาติและลูกของ น.ส.นวพร เป็นกรรมการบริหาร รวมทั้งที่ดินและรถหรูอีกจำนวนมาก ทั้งยังทำหน้าที่เป็นคนประสานงานอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับกลุ่มทุนจีนสีเทาอีกด้วย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่สืบสวนขยายผลกรณีกลุ่มทุนจีนสีเทามาเป็นเวลานาน ทำให้ทราบว่าเครือข่ายทุนจีนเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกัน โดยมีเครือข่ายของ น.ส.นวพรในการอำนวยความสะดวกช่วยเหลือคนจีนเหล่านี้ ในการสวมบัตรและอุ้มบุญ เพื่อให้ทุนจีนสีเทาเหล่านี้สามารถประกอบธุรกิจหรือทำธุรกรรมต่างๆ เสมือนเป็นคนไทยคนหนึ่ง และเข้ามากระทำผิดในราชอาณาจักรไทย

และทราบว่าเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตแห่งหนึ่ง ออกบัตรสีชมพูต่างด้าวไว้ให้ พบว่ามีน.ส.นวพรที่มาแต่งกับคนไทย เพื่อให้ได้สัญชาติก่อนเลิกรา แล้วไปอยู่กินกับคนจีน ซึ่ง น.ส.นวพรเป็นตัวการสำคัญในการอุ้มบุญ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเบอร์ 1 เรื่องอุ้มบุญจีนในไทย

“น.ส.นวพรมีการถ่ายภาพกับผู้ใหญ่ในประเทศไทย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือคนจีนและร่วมมือกับอาหม่า ซึ่งอดีตเลขาฯปปง.รู้จักดี จากการตรวจค้นพบว่ามีการแบ่งห้อง และมีเตียงจำนวนมาก และพฤติการณ์มีการทุจริตกับเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตในการออกบัตรสีชมพู วันนี้จะขอออกหมายจับเจ้าหน้าที่เขต และผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้อง

‘พิธา’ วอนชาวตราด เลือก ‘ศักดินัย นุ่มหนู’ รักษาแชมป์เขต 1 ย้ำชัด ‘ก้าวไกล’ ไม่มีนโยบายตัดเงินบำนาญข้าราชการแน่นอน

‘พิธา’ ลุยหาเสียงภาคตะวันออก ขอโอกาสชาวตราด กาก้าวไกลไปเปลี่ยนประเทศ ส่ง ‘ศักดินัย นุ่มหนู’ รักษาแชมป์เขต 1

(11 เม.ย. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่จังหวัดตราด ช่วยหาเสียงให้ นายศักดินัย นุ่มหนู ผู้สมัคร ส.ส.ตราด เขต 1 พรรคก้าวไกล เบอร์ 1 โดยขึ้นรถแห่ทั่วเมืองตราด ขอโอกาสให้ชาวตราดเลือกศักดินัยกลับเข้าสภาฯ อีกครั้ง โดยนายพิธากล่าวว่า 4 ปีที่ผ่านมา นายศักดินัยแสดงให้เห็นว่าเป็น ส.ส. ที่ทำงานคุ้มค่าเงินภาษีประชาชน ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ‘ซื่อสัตย์ ชัดเจน และโคตรขยัน’ ได้ร่วมผลักดันกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เช่น การแก้ไข พ.ร.บ.ประมง ซึ่งเป็นกฎหมายที่ทำให้เกิดข้อจำกัดในการทำประมงพื้นบ้าน ทำให้พี่น้องชาวประมงทั่วประเทศต้องประสบปัญหาในการออกทะเล หรือหลายคนต้องยุติอาชีพประมงไป

“วันนี้มาที่ตราด เพื่อช่วยรักษาแชมป์ ขอโอกาสให้ ส.ส.คนเดิมคนเก่งเข้าสภาฯ ต้องกาศักดินัย นุ่มหนู กาพรรคก้าวไกล” นายพิธา กล่าว

โดยในช่วงเช้าของวัน นายพิธา พร้อมด้วยนายศักดินัย เริ่มเดินหาเสียงบริเวณตลาดเช้าซอยไร่รั้ง อำเภอเมืองตราด ตลอดเส้นทางมีพี่น้องประชาชนเข้ามาขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึกและต้อนรับอย่างอบอุ่น จากนั้น หัวหน้าพรรคก้าวไกลและผู้สมัคร ส.ส.ตราด ได้ขึ้นรถแห่รอบอำเภอเมืองตราด ก่อนจะเดินทางต่อไปยังศูนย์วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวบ้านน้ำเชี่ยว ซึ่งมีจุดเด่นคือความเป็นพหุวัฒนธรรมของพี่น้องไทย จีน และมุสลิม ผนวกกับเป็นพื้นที่ป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์และมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยนายพิธาได้แสดงวิสัยทัศน์ในการยกระดับและพัฒนาจังหวัดตราดว่า จังหวัดตราดมี 4 เสาหลักค้ำยันทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยว, ประมง, ผลไม้ และการค้าชายแดน แต่ที่ผ่านมารายได้กว่า 10 ปีของชาวตราดกลับไม่เพิ่มขึ้น

ดังนั้น เพื่อการเปลี่ยนแปลง ตนมีข้อเสนอ 4 แนวทาง ประการที่หนึ่ง ต้องเปลี่ยนแนวทางการเกษตรไทย ให้เป็นเกษตรเพิ่มมูลค่า ยกระดับชาวสวนผลไม้ในจังหวัด ประการที่สอง แก้ไขกฎหมายประมง กระจายอำนาจการตัดสินใจสู่ท้องถิ่น ให้ประมงพื้นบ้านสามารถทำมาหากินได้ ประการที่สาม ต้องมีการปลดล็อก SMEs ด้านการท่องเที่ยว ประการที่สี่ เสนอให้มีการแก้ไข พ.ร.บ.โรงแรม ให้ท้องถิ่นมีอำนาจแก้ปัญหาการขอใบอนุญาตที่เป็นคอขวด

‘นพวรรณ’ แจง กรณี ‘ชัยวุฒิ’ ปราศรัยโจมตียกเลิกเกณฑ์ทหาร ชี้!! ยังมีความสำคัญ เพื่อป้องกันประเทศจากอาชญากรรมข้ามชาติ

(11 เม.ย. 66) น.ส.นพวรรณ หัวใจมั่น ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขต 12 เขตบางเขน (เฉพาะแขวงท่าแร้ง เขตลาดพร้าว (เฉพาะแขวงจรเข้บัว) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า จากกรณีที่นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร.ว่าได้ปราศรัยโจมตีการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร เป็นการบิดเบือน ใส่ร้าย เพราะนโยบายที่พรรค พท.นำเสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สนับสนุนการเกณฑ์ทหาร เป็นระบบสมัครใจนั้น ว่า

ขอยืนยันว่า ประเด็นการเกณฑ์ทหารเป็นการปราศรัยในภาพรวม ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นนโยบายของพรรคใด โดยสะท้อนให้เห็นว่ากำลังพลของทหาร มีบทบาทและหน้าที่สำคัญนอกเหนือจากปกป้องอธิปไตยแล้ว ยังต้องทำหน้าที่ปกป้องอาชญากรรมข้ามชาติ ที่มาในรูปแบบค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ เนื่องจากพื้นที่ชายแดนมีอาณาเขตติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่ยังพบการลักลอบ ยาเสพติด และแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายเข้ามาจำนวนมาก เนื่องจากไทย เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจที่เติบโต มีความสงบ จำเป็นต้องอาศัยกำลังพลทหารปกป้องประชาชนคนไทย ไม่ให้ได้รับผลกระทบจากภัยร้ายแรงจากอาชญากรรม

“การพูดถึงนโยบายนี้ของนายชัยวุฒิ ไม่ได้วิจารณ์เจาะจงเฉพาะพรรค พท.เเต่พูดในภาพรวมเพื่อเเสดงจุดยืนว่าพรรค พปชร. ไม่สนับสนุนการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร เเต่อยากให้คงไว้เพื่อการฝึกความรักชาติเเละความเสียสละให้กับคนรุ่นใหม่ หากจะออกมาตอบโต้ประเด็นนี้ อยากให้ ย้อนกลับไปดูการขึ้นเวทีดีเบตของคนพรรค พท.เอง ที่เคยระบุว่า อาจจะยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ซึ่งได้ปรากฏข้อความดังกล่าวผ่านสื่อต่าง ๆ ที่ได้นำเสนอออกไปแล้ว แบบนี้ จะบอกว่าทางพรรค พปชร. ตั้งใจบิดเบือนข้อเท็จจริงนั้นไม่เป็นความจริง” น.ส.นพวรรณ กล่าว

'สันติ' ปัดข่าว!! ไม่ร่วม รบ.กับ ‘พท.-ก้าวไกล’ เหตุ!! ยังไม่เคยได้ยินผู้ใหญ่ใน พปชร.บอก

(11 เม.ย.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์กรณี นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค ออกมาระบุพรรคพลังประชารัฐจะไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทยและก้าวไกล หลังการเลือกตั้ง ถือเป็นมติพรรคหรือไม่ว่า นายไพบูลย์พูด ก็ต้องไปถามนายไพบูลย์ และขณะนี้ตนยังไม่พบกับนายไพบูลย์ ส่วนที่เขาระบุได้พูดคุยกับผู้ใหญ่ในพรรคแล้วนั้นพรรคพลังประชารัฐ มีผู้ใหญ่หลายคน
เมื่อถามว่าสรุปแล้วเรื่องนี้ยังไม่ใช่มติพรรคใช่หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า “ก็ผมยังไม่ได้ยิน”

ถามอีกว่าส่วนตัวมองว่าหลังการเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐสามารถจับมือกับพรรคเพื่อไทย หรือก้าวไกลได้หรือไม่ นายสันติ ตอบว่า ไม่เอาเรื่องส่วนตัว เรื่องการจับมือผลการเลือกตั้งยังไม่ออกมา รอหลังการเลือกตั้งก่อน ถ้าผลการเลือกตั้งประชาชนเลือกพรรคพลังประชารัฐมาได้ครึ่งหนึ่งเราก็ไม่ต้องจับมือกับใคร ดังนั้นการมาพูดตอนนี้คงยังไม่สามารถพูดอะไรได้ แต่หลังจากนี้ตนจะคุยกับ นายไพบูลย์ ว่ามีเหตุมีผลอะไรเกิดจากอะไร ทุกอย่างรวมหรือไม่รวมกับใครเป็นไปได้ทั้งนั้น แต่ตอนนี้ต้องรอประชาชนก่อน

ซักว่า นายไพบูลย์ระบุว่าได้พูดกับหัวหน้าพรรคแล้ว นายสันติ กล่าวว่า “จริงหรอ ผมยังไม่เห็นเลย ผมยังไม่ได้ยินแต่ถ้าหากเรามั่นใจว่าประชาชนจะเลือกผู้สมัครของเราได้มากๆก็ไม่จำเป็นที่จะไปรวมกับใครอยู่แล้ว ถามว่าเราอยากรวมหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าไม่อยากรวมแต่ก็ต้องขึ้นกับประชาชน”

เมื่อถามว่าในฐานะเลขาธิการพรรคยังไม่ปิดประตูจับมือกับใครใช่หรือไม่นายสันติกล่าวว่า พูดอะไรไม่ได้หรอก รอหลังการเลือกตั้งก่อน 


ที่มา: https://www.thaipost.net/politics-news/358263/

อย่าหยามมวยรอง!! เมืองคอนเขต 3 ไม่ง่าย หลัง ‘เสี่ยอ่าง’ ลั่น!! “ผมมีวิธีจัดการคะแนนตามถนัดในแบบที่คนอื่นไม่มี”

‘สมศักดิ์ เมธา’ เดินอาดๆ เข้ามาในร้านข้าวแกงหลังสถานีรถไฟชะวอด จ.นครศรีธรรมราช พร้อมทีมงานตามหลังมาอีก 7-8 คนบอกว่า “ผมจะลงสมัครผู้แทน”

สิ้นเสียงของสมศักดิ์ก็มีคำถามตามมามากมาย เช่น จะลงพรรคไหน จะมีอะไรไปสู้เขา เป็นต้น

สมศักดิ์ตอบชัดเจนว่า จะลงสมัครรับเลือกตั้งในนาม พรรคเพื่อไทย และวันที่ 3 เมษายน สมศักดิ์ก็ไปยื่นใบสมัครเรียบร้อยแล้ว

“ถ้าถามว่าจะเอาอะไรไปสู้เขา บอกได้เลยครับว่า ผมเป็นคนในพื้นที่ ทำงานรู้จักชาวบ้าน และชาวบ้านก็รู้จักผมดี ผมช่วยเหลือคนมามาก ศาลาริมถนนผมสร้างด้วยเงินส่วนตัวผมทั้งนั้น”

เขต 4 นครศรีธรรมราช (ชะอวด-เฉลิมพระเกียรติ-เชียรใหญ่) ถือเป็นเขตเลือกตั้งอีกเขตที่จะมีการต่อสู้กันดุเดือด ซึ่งปัจจุบันมีนายกองตรีอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ เป็น ส.ส.ในเขตนี้ และยังลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเดิม พรรคพลังประชารัฐเหมือนเดิม พูดได้ว่า เดินแบบนิ่มกับเครือข่ายมากมาย ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน

ที่บอกว่าสนามเลือกตั้งนี้จะต้องต่อสู้กันดุเดือดแน่นอน เพราะผู้สมัครแต่ละคนไม่ธรรมดา อย่างอาญาสิทธิ์ นอกจากเป็นแชมป์แล้ว ยังเคยเป็นนายอำเภอ ปลัดอำเภอในโซนนี้มายาวนาน ปลัดณัฐกิตติ์ หนูรอด ในนามพรรคภูมิใจไทย เป็นคนเคร็งโดยกำเนิด อดีตปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง ผ่านประสบการณ์นักปกครองมาโชกโชน 

ที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้ คือ พงศ์สิน เสนพงศ์ น้องชายของเทพไทย เสนพงศ์ ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ เคยลงสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งซ่อมมาแล้วกับคะแนน 30,000 กว่าคะแนน เพียงแต่พ่ายให้กับอาญาสิทธิ์เท่านั้นเอง คราวนี้คะแนนเสียงย่านเชียรใหญ่ บ้านเกิดไม่มีใครมาแบ่ง

'พรรคเพื่อไทย' เปิดตัวเว็บไซต์ แนะนำข้อมูลแบบครบจบ 'ผู้สมัคร ส.ส.เขต-บัญชีรายชื่อ-แคนดิเดตฯ ทั้ง 3 คน'

(11 เม.ย.66) พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความแนะนำเว็บไซต์ใหม่ ว่า...

ผู้สมัคร ส.ส. เพื่อไทย แถวบ้านเราเป็นใคร เบอร์อะไรกันนะ แล้วแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย เป็นใครกันบ้าง

เช็กได้แล้วที่นี่!

พรรคเพื่อไทยเปิดตัวเว็บไซต์ให้ประชาชนเข้าไปทำความรู้จักผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ทั้งแบบเขตและแบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย รวมถึงแนะนำแคนดิเดตฯ ทั้ง 3 คน ค้นหาได้ง่ายๆ ตามขั้นตอนต่อไปนี้

1) เข้าเว็บไซต์ https://candidate.ptp.or.th
2) ค้นหาผู้สมัคร - เลือกจังหวัด และ เขต/อำเภอ หรือ พิมพ์ ชื่อ-นามสกุล

เพียงเท่านี้ก็จะเจอข้อมูลผู้สมัครในเขตบ้านตัวเองว่าผู้สมัคร ส.ส. เพื่อไทย เขตบ้านเราเป็นใคร เรียนจบที่ไหน เคยทำงานอะไรมาบ้าง พร้อมบอกเบอร์ผู้สมัคร ส.ส. แบบเขต ให้พี่น้องได้พิจารณา

กำปากกาไว้ให้แน่น ท่องให้ขึ้นใจ #เลือกเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค


14 พ.ค. นี้ กา ส.ส. เขตบ้านท่าน
คู่กับเบอร์ 29 พรรคเพื่อไทยได้เลย
 

‘โรม’ จวก!! กกต. ปมเว็บลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าล่ม ซัด!! ควรขยายเวลาเพิ่ม ไม่ใช่ขอโทษแล้วเงียบหาย

(11 เม.ย.66) รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ทวงถามคำตอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีการขยายวันลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า นอกเขต และนอกราชอาณาจักร ที่พรรคก้าวไกลเสนอให้เพิ่มไปจนถึงช่วงวันสงกรานต์ ว่า กกต.ต้องมีคำตอบเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ออกมาพูดขอโทษแบบส่ง ๆ แต่ไม่สามารถให้ความชัดเจนได้ว่าสุดท้ายจะดำเนินการอย่างไร เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของประชาชน กกต. มีหน้าที่ทำให้เว็บไซต์ลงทะเบียนใช้งานได้ตามเวลาที่ขีดเส้นไว้ การอ้างว่าเว็บไซต์ล่มเพราะมีประชาชนเข้าใช้งานจำนวนมากพร้อมกัน เป็นเหตุผลที่รับฟังไม่ได้ ในเมื่อ กกต. ควรคาดการณ์เหตุการณ์นี้ได้อยู่แล้ว มีทั้งงบประมาณเป็นพันล้านจากภาษี มีทั้งเวลาเตรียมการทำงาน ทำไมยังปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

ถึงที่สุด หาก กกต. ยังไม่มีคำตอบ คงต้องเตือนว่าระวังจะโดนประชาชนฟ้องร้อง เนื่องจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 50 กำหนดให้การเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของคนไทย การที่ประชาชนคนหนึ่งไม่สามารถไปใช้สิทธิได้ ทั้งที่เขาไม่ได้ต้องการอย่างนั้น จะทำให้เขาถูกตัดสิทธิหลายข้อเป็นเวลาถึง 2 ปี ตามที่ระบุใน พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 35 เช่น ไม่มีสิทธิร่วมลงชื่อยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ส., ไม่มีสิทธิรับสมัครเป็น ส.ส. หรือสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น หรือ ส.ว., ขาดคุณสมบัติที่จะดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง นายก อบจ. ที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น และทุกตำแหน่งที่ผ่านการเลือกตั้ง

“มันใช่เรื่องหรือไม่ ที่ประชาชนต้องถูกจำกัดสิทธิทั้งที่เขาไม่ได้ทำผิดอะไร เขาต้องการไปเลือกตั้ง แต่หน่วยงานจัดการเลือกตั้งกลับไม่สามารถอำนวยความสะดวกให้เขาได้ ทั้งที่เป็นภารกิจหลักขององค์กร หาก กกต. ยังทำหน้าที่ไม่คุ้มค่าเงินภาษีแบบนี้ อาจถูกประชาชนฟ้องร้อง ดังนั้นรีบออกมาให้คำตอบดีกว่า ว่าจะขยายวันลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า หรือมีมาตรการอย่างไรเพื่อรักษาสิทธิของประชาชน ไม่ให้ต้องรับผลกระทบจากเหตุที่มาจากความผิดพลาดของ กกต. เอง” รังสิมันต์กล่าว

‘ชวน’ ฟิต!! ลงพื้นที่ต่อเนื่อง ช่วย ‘แนน ศิริภา’ หาเสียงย่านคลองสาน ขอโอกาส ปชช. เลือกทั้งคนทั้งพรรค

(11 เม.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่ตลาดสมเด็จฯ ย่านคลองสาน นายชวน หลีกภัย อดีตประธานรัฐสภา และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)ลงพื้นที่ ช่วยหาเสียงให้ กับ น.ส. ศิริภา อินทวิเชียร ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตธนบุรี คลองสาน และราษฎร์บูรณะ หมายเลข 11 พรรคปชป.

โดยนายชวน เดินแจกเอกสารแนะนำตัวด้วยตัวเอง และใช้ไมโครโฟนขอคะแนนเสียงไปตามชุมชน และตามตลาด พร้อมพบปะพ่อค้าแม่ค้า โดยมีประชาชนมาให้กำลังใจและขอถ่ายรูปจำนวนมาก ก่อนขึ้นรถปราศรัยหาเสียงไปตามพื้นที่ต่างๆ เพื่อขอคะแนนเสียงให้ กับ น.ส.ศิริภา ซึ่ง นายชวน ฝากให้ทุกคนช่วยกันเลือก น.ส. ศิริภา หรือ แนน เข้ามาทำหน้าที่ในสภาฯ เพราะเป็นบุคคลที่ตนเองสนับสนุนให้ลงเลือกตั้งครั้งนี้ เรื่องจากเป็นคนดี เป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีความรู้ความสามารถ เคยทำหน้าที่เป็นเลขาฯของตนระหว่างเป็นประธานสภาฯด้วย เชื่อว่าจะสามารถนำความรู้ ประสบการณ์มาทำงานให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติได้

‘เจ้าของบ่อกุ้ง’ แทบช็อก!! ใช้รถแบคโฮหวังเคลียร์พื้นที่รกร้าง ดันเจอ!! ยาบ้า-ยาอี-ยาไอซ์-กัญชา มูลค่ากว่า 12 ล้านบาท ซ่อนไว้

(11 เม.ย.66) เมื่อวันที่ 10 เม.ย.66 ที่หน้า บก.ภ.นครศรีธรรมราช นายอภินันท์ เผือกผ่อง ผวจ.นครศรีธรรมราช และ พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ร่วมแถลงผลงานตำรวจ สภ.หัวไทร พบเจอยาเสพติดชนิดต่างๆ จำนวนมากในพื้นที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช

โดยแถลงข่าวว่า เมื่อเย็น 9 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หัวไทร ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ซึ่งได้ใช้รถแบคโฮทำการเคลียร์พื้นที่รกบริเวณบ่อเลี้ยงกุ้งร้าง หมู่ 9 ต.หน้าสตน อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเจ้าของที่ดินได้ปล่อยรถร้างไว้นานหลายปี ว่าระหว่างใช้รถแบคโฮกวาดพื้นที่ ได้พบมีถุงดำจำนวนหลายถุงปิดคลุมด้วยตาข่ายแสลนสีเขียว มีต้นเถาวัลย์สูงปิดคลุมอยู่ โดยไม่ทราบว่าเป็นของผู้ใด ลักษณะเชื่อว่าทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน โดยมีถุงดำ จำนวน 3 ถุง ที่ถูกรถแบคโฮเกี่ยวขาด พบว่าภายในถุงดำเป็นกัญชาอัดแท่ง ยาบ้า และไอซ์ จำนวนหนึ่ง จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการตรวจสอบ โดยยังมีถุงดำที่พันปิดปากถุงด้วยผ้าเทปสีเขียวอีกจำนวน 18 ถุง ที่ยังไม่ได้ทำการตรวจสอบภายใน รวมถุงดำที่บรรจุยาเสพติดทั้งหมด 21 ถุง จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.นครศรีธรรมราช ร่วมตรวจสอบเก็บหลักฐานและลายนิ้วมือแฝงในที่เกิดเหตุ

จากนั้นได้ทำการตรวจนับยาเสพติดในถุงดำ 21 ถุง พบจำนวนยาเสพติดทั้งหมดดังนี้ ยาไอซ์ 56 ก้อน (56 กก.) , ยาบ้า 301 ถุง (ถุง 200 เม็ด สภาพเปียก) ยาอี 3,996 เม็ด กัญชา 319 ก้อน (319 กก.) จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หัวไทร ได้ทำการตรวจยึดยาเสพติดดังกล่าว รับคำร้องทุกข์ไว้ดำเนินคดีตามกฎหมาย จะได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาตัวเจ้าของยาเสพติดทั้งหมดนี้ว่าเป็นของใคร และผู้กระทำความผิดมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยยาเสพติดที่พบนี้มีมูลค่าประมาณกว่า 12 ล้านบาท


ที่มา : https://www.naewna.com/local/723591

‘ธรรมนัส’ นำทัพ ‘พปชร.’ เปิดเวทีปราศรัยนครปฐม ลั่น!! ก้าวข้ามขัดแย้ง มุ่งสร้างความเข้มแข็งให้กลุ่มเปราะบาง

‘ธรรมนัส-วิรัช’ นำผู้สมัคร ส.ส.นครปฐม เปิดเวทีปราศรัย ลั่น พร้อมก้าวข้ามความขัดแย้ง มุ่งสร้างความเข้มแข็งให้กลุ่มเปราะบาง

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 10 เมษายน ที่ลานสนามหน้า อ.ดอนตูม จ.นครปฐม พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้จัดเวทีปราศรัย นำโดย นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคเหนือ ร่วมขึ้นปราศรัยนโยบายพรรค พร้อมผู้สมัคร ส.ส.นครปฐมประกอบด้วย เขต 1 นายมารุต บุญมี เบอร์ 8,เขต 2. นายรัฐกร เจนกิจณรงค์ เบอร์ 9,เขต 3. นายศิรวริศ สวนแก้ว เบอร์ 6,เขต 4. นายณัฐวัฒน์ ชั้นอินทร์งาม เบอร์ 8,เขต 5. นายจักรพงษ์ ทิมมณี เบอร์5 และเขต 6. นายมนตรี บุญประคอง เบอร์ 5

โดยนายวิรัช กล่าวปราศรัยบนเวทีว่า พรรคพลังประชารัฐอยากได้ ส.ส.ของจังหวัดนครปฐมที่เราจะไปอยู่เป็นรัฐบาลด้วยกัน เมื่อการเลือกตั้งปี 62 ที่ผ่านมา ผู้แทนของชาวนครปฐมมีแต่ฝ่ายค้านมากกว่ารัฐบาล วันนี้ตนไม่โกรธเลยที่หลายคนย้ายไปอยู่พรรคการเมืองต่าง ๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเป็นฝ่ายรัฐบาล เพราะฉะนั้นครั้งนี้ ขอให้ทุกคนเลือกพรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 37 ถ้าถามว่าทำไมต้องเลือก ก็เพราะว่านโยบายของเราในครั้งนี้ดีขึ้นกว่าเดิม อย่างเช่น บัตรประชารัฐครั้งที่แล้วให้ประชาชน 300 บาท แต่ครั้งนี้จะเพิ่มเป็น 700 บาท ซึ่งโครงการบัตรประชารัฐ ถูกตั้งคำถามอย่างมาก เมื่อตอนเปิดตัวออกมาว่าจะใช้ได้นานหรือไม่ แต่วันนี้พิสูจน์แล้วว่า เราสามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนมาได้ถึง 4 ปี

“ถ้าพี่น้องติดใจ ถูกใจบัตรประชารัฐ หลายคนบอกว่าขาดบัตรนี่ไม่ได้แล้ว ช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมาได้อยู่ได้กินก็ขอบัตรนี้ โดยวันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ บอกว่า 300 บาทไม่พอ ขอเพิ่มให้เป็น 700 บาท ในพื้นที่จังหวัดนครปฐมมีผู้ได้รับสิทธิบัตรประชารัฐ 300,000 คน ถ้าพี่น้องช่วยกันเลือกภายใน 6 เขต พรรคพลังประชารัฐจะได้ ส.ส.ยกจังหวัด และจะเข้ามาสานต่อโครงการเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี” นายวิรัช กล่าว

นายวิรัช กล่าวต่อว่า นอกจากนั้น พรรคพลังประชารัฐยังมีนโยบายดูแลผู้สูงอายุ โดยการเพิ่มเบี้ยยังชีพแบบขั้นบันได ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็นจำนวน 3,000 บาทต่อเดือน อายุ 70 ปี ขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 4,000 บาทต่อเดือน และอายุ 80 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 5,000 บาทต่อเดือน หรือเรียกว่า‘เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ 3 4 5 และ 6 7 8’ ซึ่งเราเห็นความสำคัญ และมีความจำเป็นที่จะต้องผลักดันนโยบายเพิ่มเติมเพื่อดูแลสวัสดิการผู้สูงอายุ ที่เป็นบุคคลที่มีคุณค่า และเป็นผู้ที่ทำประโยชน์ต่อบ้านเมืองมาอย่างยาวนาน

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวปราศรัยบนเวทีว่า ได้มาเยี่ยมเยียนพี่น้องชาวนครปฐมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายก สมาชิกต่าง ๆ เรามีความผูกพันมานาน ดังนั้น วันนี้ผู้ใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐติดภารกิจสำคัญ ติดประชุมยุทธศาสตร์ของพรรค ทำให้เหลือตนกับท่านวิรัชที่สามารถมาพบปะกับพี่น้อง จังหวัดนครปฐมเป็น 1 ใน 5 จังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อกับกรุงเทพมหานคร ซึ่งนครปฐมถือว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่ แต่ทำไมถึงยังน้อยหน้ากว่าอีก 4 จังหวัดรอบข้าง ดังนั้น พรรคพลังประชารัฐจะพัฒนาจังหวัดนครปฐมให้มีความเจริญเทียบเท่า และไม่น้อยหน้าจังหวัดอื่น

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวต่อว่า พรรคพลังประชารัฐ ยึดหลักสำคัญก็คือ เราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง เพราะคนไทยเราพูดภาษาเดียวกัน มีศิลปะและวัฒนธรรมเหมือนกัน เรามีเสาหลักของบ้านของเมืองที่อยู่คู่กับประเทศไทยมานาน นั่นคือ สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เราจะเชิญชวนลูกลานของเรามาเดินด้วยกัน สิ่งไหนที่มันไม่ถูกต้อง ไม่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนเราจะนำไปพูดกันในสภาผู้แทนราษฎร กฎหมายที่ล้าหลัง ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคม เราก็จะไปแก้ไขให้ดีขึ้น

“พรรคพลังประชารัฐประกาศนโยบายชัดเจนว่าเราจะเยียวยากลุ่มเปราะบางให้มีความเข้มแข็ง ก่อนที่เราจะมอบเบ็ดให้เขาไปทำมาหากิน ถ้าคนยังป่วยอยู่ นอนอยู่บนเตียง ถึงเราจะมอบเบ็ดให้เขา เขาจะมีปัญญาไปตกปลาหรือไม่ เพราะฉะนั้น ก่อนอื่นเราต้องรักษาให้เขาแข็งแรง เราจึงกำหนดนโยบายเหล่านี้ขึ้น เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐดูแลผู้มีรายได้น้อย ซึ่งในบัตรยังมีการบรรจุเรื่องการประกันชีวิต ทันทีที่ท่านหมดลมหายใจ รัฐจะมีเงินประกันให้ 200,000 บาท เพื่อไม่ให้เป็นภาระลูกหลานในการจัดงานขาวดำ ซึ่งสามารถไปเบิกออกมาใช้ได้ทันที รวมไปถึงนโยบายดูแลผู้สูงอายุ ที่เป็นเรื่องอนาคตของพวกเราทุกคน เราต้องใส่ใจในฐานะที่เราเป็นเจ้าของประเทศ”ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

‘ปิยบุตร’ ชูจุดยืน 'ก้าวไกล' ไม่ขอร่วมรัฐบาลกับคนเหล่านี้ 'พวกทำรัฐประหาร-เกี่ยวข้องสลายชุมนุม ปี 53'

(10 เม.ย.66) แกนนำพรรคก้าวไกล ประกอบด้วย ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล และ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรมรำลึกครบรอบ 13 ปีการสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง 10 เมษายน 2553 ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว โดยวางพวงมาลาและกล่าวคำไว้อาลัยร่วมกับญาติวีรชน อดีตแกนนำ นปช. และพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ก่อนเข้าสู่ช่วงเวทีแสดงวิสัยทัศน์และนโยบายของแต่ละพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยที่มาร่วมกิจกรรมในวันนี้

ขณะที่อีกด้าน นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ก็ได้กล่าวถึงวาระครบรอบ 13 ปี เหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดง 10 เมษายน 2553 บนเวทีปราศรัยหาเสียงจังหวัดอุดรธานี ด้วยเช่นกัน โดยมีความตอนหนึ่งว่า...

คณะประชาชนทวงคืนความยุติธรรม 2553 (คปช.53) ที่มี ธิดา ถาวรเศรษฐ เป็นตัวแทนเข้ายื่นหนังสือกับตัวแทนพรรคฝ่ายค้าน รวมถึงพรรคก้าวไกล เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมาว่า ข้อเสนอที่อยู่ในหนังสือนั้น ตนทราบว่าได้กลายเป็นนโยบายของพรรคก้าวไกลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น...

‘จุรินทร์’ นำทีม ‘ปชป.’ บุกปักธงฟ้า ที่เมืองกาญจน์  อ้อนปชช. เลือกเบอร์ 26-ผู้สมัครทั้ง 5 เขต เชื่อนโยบายโดนใจ

เดินสายไม่หยุด ‘จุรินทร์’ บุกเมืองกาญจน์ เชื่อผู้สมัครทั้ง 5 เขต มีโอกาสปักธงฟ้าแน่นอน

(10 เม.ย. 66) ที่ จ.กาญจนบุรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ออกเดินทางจากตลาดมหาชัย จ.สมุทรสาคร เพื่อไปพบปะพี่น้องประชาชนที่ตลาดท่าม่วง ต.ท่าม่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี พร้อมกับแนะนำ ผู้สมัคร ส.ส. กาญจนบุรี เขต 1 นายธนพัต ทองใบ เบอร์ 2 เขต 2 นายฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร เบอร์ 6 เขต 3 นายสมปอง คำเที่ยง เบอร์ 8 เขต 4 นายอนุกูล แพรไพศาล เบอร์ 1 และเขต 5 นายชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์ เบอร์ 1 โดยมีชาวบ้านมารอพบเป็นจำนวนมาก พร้อมกับระบุว่า พวกเรารักประชาธิปัตย์เต็มร้อย และอยากให้นายจุรินทร์ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายจุรินทร์ ได้ฝากให้พี่น้องชาวตลาดท่าม่วงให้กาบัตรใบที่ 1 เลือกผู้สมัครของพรรค และใบที่ 2 ให้เลือกพรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 26 เพื่อให้ทั้งคนและพรรคได้มีโอกาสเข้าไปทำงานเป็นตัวแทนชาวกาญจนบุรีต่อไป

ทั้งนี้นายจุรินทร์ ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมในสนามการเลือกตั้ง จ.กาญจนบุรีว่า ความจริงเราเคยมี ส.ส. มาหลายสมัย เที่ยวนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เราเชื่อว่าจะสามารถปักธงที่กาญจนบุรีได้หลายเขต ซึ่งพรรคฯส่งผู้สมัครครบทุกเขตและลงพื้นที่มาแล้ว โดยเฉพาะที่ อ.ท่าม่วง ซึ่งเป็นเขตของ นายฉัตรพันธ์ ซึ่งเป็นอดีต ส.ส. ของพรรค และมีความหนักแน่นมั่นคงอยู่กับพรรค ซึ่งต้องถือว่านายฉัตรพันธ์เป็นนักการเมืองที่มีอุดมการณ์ประชาธิปัตย์ตัวอย่างคนหนึ่งของพรรคฯ ที่พวกเราชื่นชม และตนสนับสนุน รวมทั้งอยากเห็น นายฉัตรพันธ์ มีโอกาสได้รับเลือกตั้ง กลับมารับใช้พี่น้องชาวท่าม่วงอีกครั้ง

“เที่ยวนี้แมนเป็นคนที่ลงพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ 4 ปีเต็มไม่ไปไหน คลุกอยู่ในพื้นที่ดูแลพี่น้องประชาชนที่เขตนี้อย่างต่อเนื่อง ต้องถือว่ามีเสียงตอบรับดีมาก ขอความกรุณาพี่น้องชาวกาญจนบุรี และสมาชิกพรรคทุกคน ได้ช่วยกันสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 26 และผู้สมัครทั้ง 5 เขตด้วย ผมเชื่อว่าเมืองกาญจน์เที่ยวนี้ฟื้นดีขึ้นกว่าการเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมา” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว

‘เพื่อไทย’ ชู แก้กฎหมาย พิสูจน์สิทธิ จัดหาที่ดินทำกิน ลั่น!! ทุกครัวเรือนจะมีที่ดินทำกินอย่างพอเพียง

(10 เม.ย.66) นายปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานคณะกรรมการนโยบายที่ดินและสิ่งแวดล้อม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นโยบายโฉนดในที่ดินทำกิน ที่พรรคเพื่อไทยนำเสนอต่อพี่น้องประชาชน มีหลักคิดดังนี้...

1. ประชาชนทุกคนต้องมีที่ดินเป็นของตนเองเกษตรกรทุกครัวเรือนจะมีที่ดินทำกินอย่างพอเพียง
2. ดำเนินการให้มีการออกโฉนดให้กับประชาชน 50 ล้านไร่ โดยแปลงที่ดินที่มีความขัดแย้ง ไปเป็นพื้นที่วนเกษตร ต้นไม้ทุกต้นมีราคา
3. ที่ดินที่เป็นโฉนดจะถูกใช้เป็นพื้นที่สีเขียว เพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน นำสู่สภาวะเป็นกลางทางคาร์บอน และสร้างรายได้จากคาร์บอนเครดิต

สำหรับการดำเนินการ โดยวิธีการดังนี้…
1. ผู้ครอบครองที่ดินก่อน 1 ธันวาคม 2497 ประมวลกฎหมายที่ดินบังคับใช้ โดย สค. 1 จำนวน 1 ล้านแปลง จะได้รับการพิสูจน์สิทธิ์ และได้รับโฉนด ทั้งนี้ผู้ครอบครองทำประโยชน์ต่อเนื่อง โดยไม่มี สค.1 จะได้รับการพิสูจน์ และได้รับโฉนด

2. ที่ดินประเภท ส.ป.ก. สำหรับที่ดินประเภทเช่าซื้อ ผู้เช่าซื้อที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือทายาทโดยธรรม จะได้รับโฉนดทันที ส่วนกรณีบุคคลอื่นที่ได้ที่ดินมาจากผู้เช่าซื้อ หรือจากทายาทโดยธรรม จะได้เอกสารสิทธิ์และจะได้เอกสารสิทธิ์ และจะต้องปลูกไม้ยืนต้นไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของพื้นที่ และจำกัดรายละไม่เกิน 20 ไร่

สำหรับที่ดินประเภทเช่า ผู้เช่าที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือทายาทโดยธรรม จะต้องปลูกไม้ยืนต้น ไม่ต่ำกว่ากึ่งหนึ่งของพื้นที่และจะได้รับโฉนด ส่วนกรณีบุคคลอื่น มาถึงคิวที่ได้ที่ดินจากผู้เช่าหรือทายาทโดยธรรมจะได้รับอนุญาตให้เช่าต่อไปโดยจะต้องปลูกไม้ยืนต้นไม่ต่ำกว่ากึ่งหนึ่งของพื้นที่และจะได้ไม่เกิน 20 ไร่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top