Thursday, 15 May 2025
SPECIAL

‘ศิริกัญญา’ ลุยปทุมธานี อ้อนประชาชนหนุนก้าวไกล ชวนบอกต่อคนที่บ้านกา 2 ใบ การเมืองไทยเปลี่ยนแปลง

(13 เม.ย.66) พรรคก้าวไกลได้จัดแคมเปญ ‘ชวนทั้งบ้านกาก้าวไกล’ เพื่อเชิญชวนประชาชนที่เห็นด้วยกับแนวทางการทำงานและนโยบายของพรรคก้าวไกล ช่วยเชิญชวนบอกต่อให้คนในครอบครัวและคนที่บ้านลงคะแนนให้พรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งที่จะมาถึง โดยแคมเปญนี้กระจายการประชาสัมพันธ์ไปในหลายพื้นที่ เมื่อวันที่ 12 เมษายน ที่ผ่านมา

สำหรับจังหวัดปทุมธานี ได้รณรงค์แคมเปญด้วยการปราศรัยบนรถแห่ เริ่มที่หน้าศูนย์ประสานงานของเชตวัน เตือประโคน ผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี เขต 6 (เบอร์ 4) ไปจนถึงป้ายรถเมล์หน้าห้างเซียร์รังสิต ป้ายรถเมล์หน้าห้างโบ๊เบ๊ทาวเวอร์รังสิต ก่อนที่ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล จะนำแจกแผ่นพับใบปลิวแคมเปญให้แก่ประชาชนที่กำลังจะเดินทางกลับบ้าน ที่ท่ารถตู้ต่างจังหวัดตรงข้ามห้างฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต

ศิริกัญญากล่าวว่า เนื้อหาในแผ่นพับระบุ 5 กิจกรรมที่ชวนให้ประชาชนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ได้เริ่มเชิญชวนเพื่อนพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ในภูมิลำเนา ให้หันมากาพรรคก้าวไกล โดยกิจกรรมต่างๆ ประกอบด้วย...

1. ส่งต่อข้อมูลนโยบายพรรค ให้เพื่อนและญาติ ในรูปแบบแผ่นพับออนไลน์
2. เปลี่ยนกรอบรูปประจำตัวบนโซเชียลมีเดียของเราให้เป็นกรอบ 'กา x ก้าวไกล'
3. สร้างป้ายหาเสียงของคุณผ่านเว็บไซต์และแชร์ให้ทุกคนได้รู้
4. ท้าประลองกับคนที่บ้านว่าใครรู้ลึกรู้จริงนโยบายก้าวไกล
5. ใช้โซเชียลมีเดียปล่อยพลังความคิดสร้างสรรค์ ช่วยกันแชร์และเชียร์พรรคก้าวไกลผ่านแฮชแท็ก #ชวนทั้งบ้านกาก้าวไกล #กาก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม #พิธา และ #พรรคก้าวไกล

"เนื่องจากในช่วงสงกรานต์ ประชาชนจะเดินทางกลับบ้านหรือท่องเที่ยว จึงเป็นที่มาของแคมเปญนี้ วันนี้ได้ร่วมกับผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี ทั้ง 7 เขต ในการพูดคุย แนะนำนโยบายพรรค และแนะนำแคมเปญให้ประชาชนที่จะเดินทางกลับบ้าน หลายคนที่รู้จักนโยบายพรรคอยู่แล้ว ก็ได้ให้กำลังใจ โดยหลังจากผ่านช่วงสงกรานต์ไป จะเป็นโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง ตอนนี้ทุกคนทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยเพิ่มคะแนนเสียงให้ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกลและผู้สมัครของเราให้มากที่สุด” ศิริกัญญากล่าว

นอกจากแนะนำแคมเปญ ศิริกัญญาได้แนะนำนโยบายของพรรคก้าวไกล เช่น ขึ้นค่าแรงทันที 450 บาทต่อวัน มีระบบเพิ่มขึ้นทุกปี, กระจายอำนาจให้ทุกจังหวัดมีผู้ว่าฯ ที่มาจากการเลือกตั้ง, เบี้ยเด็กเล็ก 1,200 บาทต่อเดือน, เบี้ยผู้สูงอายุ 3,000 บาทต่อเดือน มีระบบดูแลผู้ป่วยติดเตียง

‘บิ๊กป้อม’ อวยพรคนไทย ให้สำเร็จทุกความปรารถนา พร้อมชูความสำคัญ ‘วันผู้สูงอายุ–วันครอบครัว’ ผ่านนโยบาย ‘พปชร.’

‘บิ๊กป้อม’ อวยพรสงกรานต์ ให้ปชช. มีความสุข-พ้นทุกข์ รับปีใหม่ไทย เดินทางปลอดภัย  ชู นโยบายพปชร.เอาใจผู้สูงอายุ – วันครอบครัว” 

(13 เม.ย.66) พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวอวยพรเนื่องในวันสงกรานต์ 2566 ว่า ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ไทย เทศกาลสงกรานต์ ปี 2566 ขอส่งความปรารถนาดีไปยังพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน ให้มีความสุข พ้นทุกข์ รับปีใหม่ไทย ขอให้ร่วมกันทำสิ่งดีๆ เพื่อเป็นมงคลต่อชีวิต และเป็นการเริ่มต้นสิ่งใหม่ ดูแลรักษาสุขภาพ และเดินทางกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ดลบันดาลให้ประชาชนชาวไทยประสบแต่ความสุข ความเจริญ มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์ มีกำลังใจและกำลังสติปัญญาที่เข้มแข็ง มีความเจริญรุ่งเรืองทั้งในชีวิต หน้าที่การงานและในครอบครัว ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ตลอดจนประสบความสำเร็จตามความปรารถนาทุกประการตลอดไป  

‘สิริพงศ์’ ขอบคุณศาล ตัดสินชนะคดีรถไฟฟ้าสายสีเขียว ชี้!! เป็นเครื่องพิสูจน์การทำงานของ ‘ภท.’ รักษาประโยชน์ของปชช.

ส.ส.ภูมิใจไทย ขอบคุณศาลปกครอง ที่ตัดสินให้ชนะคดี รถไฟฟ้าสายสีเขียว กรณี ผู้ว่า กทม. ประกาศกำหนดค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว 65 บาทตลอดสาย ชี้เป็นเครื่องพิสูจน์ การทำงานของพรรคภูมิใจไทย รักษาประโยชน์ประชาชน และเป็นบรรทัดฐานในคดีอื่นๆ

เมื่อวันที่ (12 เม.ย.66) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึง กรณีที่ศาลปกครองให้เพิกถอน ประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่องกำหนดค่าโดยสาร โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว 65 บาทตลอดสาย ที่ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ประกอบด้วย ตน และน.ส.ศุภมาส อิศรภักดี ผู้สมัครฯ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายมณฑล โพธิ์คาย ผู้สมัคร ส.ส.กทม., นายโชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี ผู้สมัคร ส.ส.กทม., นายพิษณุ พลธี ผู้สมัครฯ ส.ส.ปทุมธานี, และนายอนาวิล รัตนสถาพร ผู้สมัครฯ ส.ส.ปทุมธานี ไปยื่นร้องเรียนว่า ขอขอบพระคุณศาล ที่ให้ความเมตตากับประชาชน โดยเฉพาะคนที่เดินทางโดยสารผ่านรถไฟฟ้า วันนี้น่าจะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ ให้สังคมเห็นว่า พรรคภูมิใจไทย ต่อสู้มา ไม่สูญเปล่า

“พรรคภูมิใจไทย ของเราในอดีตที่ผ่านมา แม้จะไม่มีส.ส.ใน กทม. เลย แต่เรื่องใดก็ตาม เป็นประโยชน์ของพี่น้องประชาชน เราพยายามสู้อย่างเต็มที่ เพื่อนำประโยชน์สูงสุดมาให้กับประชาชนทุกคน ในการเลือกตั้งครั้งนี้ อยากให้ประชาชนใช้ดุลยพินิจ ในการตัดสินอนาคตของท่านด้วย” นายสิริพงศ์ กล่าว

‘ก้าวไกล’ ลุยขนส่งหมอชิต เปิดแคมเปญ ‘ชวนทั้งบ้านกาก้าวไกล’ หวังฝาก ปชช.ที่เดินทางกลับบ้านช่วงสงกรานต์ บอกต่อครอบครัว

(12 เม.ย. 66) พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบาย พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประกอบด้วย เซีย จำปาทอง, สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ, กัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี และ วรรณวิภา ไม้สน ร่วมสวัสดีปีใหม่พี่น้องประชาชนที่เดินทางมายังบริเวณสถานีขนส่งกรุงเทพ หรือ ‘หมอชิต 2’ พร้อมเชิญชวนประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลวันหยุดสงกรานต์ ร่วมแคมเปญ ‘ภารกิจแห่งจักรวาล : ชวนทั้งบ้านกาก้าวไกล’ ด้วยการเชิญชวนคนในครอบครัวหรือคนที่บ้านให้กาพรรคก้าวไกล

พริษฐ์ กล่าวว่า หัวใจสำคัญของแคมเปญนี้ คือการชวนทั้งบ้านกาก้าวไกล เนื่องจากการลงพื้นที่หาเสียงในช่วงที่ผ่านมา ได้เห็นแนวร่วมพรรคก้าวไกลอยู่ในทุก ๆ บ้าน เป็นคนที่มีความคิดความฝันตรงกับพรรค อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง อยากเห็นนโยบายของพรรคเกิดขึ้น จึงอยากให้แนวร่วมพรรคก้าวไกลได้ชวนคนทั้งบ้านหันมาเลือกพรรคก้าวไกลยกบ้าน เพื่อให้ความต้องการนั้นเป็นจริง

สำหรับแคมเปญชวนทั้งบ้านกาก้าวไกล ประกอบด้วย 5 ภารกิจ ได้แก่

1.) ส่งต่อข้อมูลนโยบายพรรคให้เพื่อนและญาติในรูปแบบแผ่นพับออนไลน์

2.) เปลี่ยนเฟรมรูปโปรไฟล์ในโซเชียลมีเดียให้เป็นเฟรม กา x ก้าวไกล

3.) สร้างป้ายหาเสียงผ่านเว็บไซต์และแชร์ให้ทั้งโลกได้รู้

4.) ท้าประลองกับที่บ้านว่าใครรู้ลึกรู้จริงเกี่ยวกับนโยบายพรรคก้าวไกล

5.) ใช้โซเชียลมีเดียปล่อยพลังความคิดสร้างสรรค์ ช่วยกันแชร์และเชียร์พรรคก้าวไกล

นอกจากนี้ ยังมีการทำกิจกรรมของปีกแรงงาน พรรคก้าวไกล นำโดย เซีย จำปาทอง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 4 ในฐานะตัวแทนผู้ใช้แรงงาน ที่ร่วมพูดคุยกับประชาชนที่เดินทางกลับบ้าน เพื่อนำเสนอนโยบายของปีกแรงงานจากพรรคก้าวไกลด้วย

‘บิ๊กป้อม’ วิดีโอคอล ขอบคุณชาวเเท็กซี่ ดูเเลผู้โดยสารช่วงสงกรานต์ พร้อมรับปาก หากได้เป็นรัฐบาล จะช่วยดูเเลเรื่องค่าเเก๊ส-น้ำมันให้

(12 เม.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นวันนี้ (12 เม.ย. 66) เฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘FC ลุงป้อม’ ได้โพสต์คลิปของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่วิดีโอคอลให้กำลังใจผู้ประกอบการรถแท็กซี่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยหนึ่งในกลุ่มแท็กซี่ที่มาร่วมวิดีโอคอลกับพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ คือ นายพัลลภ ฉายินธุ นายกสมาคมผู้ประสานงานรถรับจ้างสนามบินสุวรรณภูมิและกลุ่มที่ปรึกษาสมาคมชมรมรถแท็กซี่ อาทิ เช่น นายอำนาจ เผือกบาง และผู้ขับแท็กซี่หลายคนได้ร่วมวิดีโอคอลกับพลเอกประวิตร

โดยนายกสมาคมผู้ให้บริการแท็กชี่และรถรับจ้างกล่าวว่า สวัสดีพลเอกประวิตร ขอให้สู้ ๆ และก้าวข้ามความขัดแย้งให้ได้ ขอเป็นกำลังใจให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรี และขอให้ช่วยดูแลราคาค่าแก๊สและน้ำมันของรถแท็กซี่ด้วย

จากนั้น พลเอกประวิตร กล่าวทักทายให้กำลังใจผู้ขับขี่แท๊กซี่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่มีผู้ใช้บริการหนาแน่นว่า ขอบคุณที่ให้กำลังใจตน ดังนั้นตนขอให้กำลังใจทุกคน และขอฝากให้ดูแลผู้โดยสารด้วย หากตนได้เป็นนายกฯ รัฐบาลจะลดราคาน้ำมันและแก๊สช่วยรถแท็กซี่ทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ระบาดนั้น กลุ่มผู้ประกอบการรถแท็กซี่ได้รับผลกระทบจากภาวะดังกล่าวจึงร้องเรียนมายังรัฐบาลขอความช่วยเหลือ 4 ประเด็น ได้แก่ ขอให้ผู้ประกอบการแท็กซี่รายย่อยได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท นำอาชีพแท็กซี่เข้าเป็นแรงงานนอกระบบ เพิ่มทางเลือกให้ผู้ประกอบการแท็กซี่รายย่อย เข้าไปอยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา 39 รวมทั้งตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์

‘กรณ์’ เปิดตัว ส.ส.หญิงแห่ง ‘ชพก.’ หลากสาขาหลายอาชีพ ย้ำ เป็นคนรุ่นใหม่-ไฟแรง พร้อมเข้าสภาฯ ทำหน้าที่เพื่อ ปชช.

(12 เม.ย. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช เป็นหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า พรรคมีผู้สมัคร ส.ส.หญิงมาลงสมัครกันมากหน้าหลายตา และต่างลงพื้นที่หาเสียงกันอย่างคึกคัก พรรค ชพก.มีผู้หญิง มาเป็นผู้สมัคร ส.ส.หลายคน ในทุกภาคของประทศ ซึ่งแต่ละคนโปรไฟล์ไม่ธรรมดา หลากหลายสาขาอาชีพ ทั้ง นักธุรกิจ, ลูกชาวนา, ลูกแม่ค้า, หมอลำ, นักแสดง ฯลฯ

นายกรณ์ กล่าวว่า เริ่มที่ จ.เชียงใหม่ แม้ไม่ใช่บ้านใหญ่แต่ใจสู้ พรรคชาติพัฒนากล้าส่งผู้สมัคร 2 คน คือ คนที่ 1 กุพชกา ยศปัน หรือ ‘นุ่มนิ่ม’ ผู้สมัครเขต 1 เบอร์ 6 เจ้าแม่เอสเอ็มอี นักธุรกิจด้านโรงแรม ร้านอาหารและสถานออกกำลังกาย เข้าสู่เส้นทางการเมืองเพราะต้องการแก้ไขเศรษฐกิจเพื่อปากท้องของคนเชียงใหม่ เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว ผลักดันแก้ไขปัญหา PM 2.5 ในเขตภาคเหนือ เป็นปากเป็นปากเสียงให้พี่น้องคนเมืองเจียงใหม่ ขับเคลื่อนให้คนมีงานทำ สโลแกนประจำตัว ‘นุ่มนิ่ม แน่วแน่ แก้ไข’

และคนที่ 2 นฤมล วไลศรี หรือ ‘หน่อง’ ผู้สมัครเขต 4 เบอร์ 1 มีความมุ่งมั่นตั้งใจ อยากเห็นเศรษฐกิจปากท้องความเป็นอยู่ของคนเชียงใหม่ที่ดีกว่านี้ ต้องการสร้างอาชีพให้คนในชุมชน

นายกรณ์ กล่าวว่า ตามมาด้วย ภาคอีสานส่ง 3 สาวผู้สมัคร ส.ส. เปิดตัวได้ฮือฮา เริ่มจากคนที่ 1 หมอลำชื่อดัง ดนิตา มาบุญธรรม หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘เอม อภัสรา’ ผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด เขต 1 เป็นลูกชาวบ้านที่อาสามาเป็นผู้แทน และมีเจตนารมณ์ ไม่ขายความขัดแย้ง ไม่ทะเลาะกับใคร ไม่สะสมประโยชน์ส่วนตัว เน้นทำงานเพื่อแก้ปากท้องของพี่น้องประชาชน สร้างอนาคตให้ลูกหลาน ดูแลผู้สูงอายุ ผลักดันหมอลำโกอินเตอร์

คนที่ 2 กมลวรรณ มณีศรี หรือ ‘บุ๋มบิ๋ม’ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 เบอร์ 10 มหาสารคาม เจ้าของธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้าง เคยเป็นผู้ช่วย ส.ส.ให้นายกรณ์ ร่วมทำโครงการข้าวอิ่ม ที่นายกรณ์ บุกเบิกเมื่อ 10 ปีที่แล้ว จนประสบความสำเร็จ มีความมุ่งมั่นแก้ปัญหาปากท้องเพื่อพี่น้องประชาชน ให้พ้นจากความยากจน

คนที่ 3 นุจรีภรณ์ อินทะสร้อย หรือ ‘มี่’ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 มหาสารคาม เบอร์ 5 ทายาทตัวจริงของชาวนาในโครงการข้าวอิ่ม ตัดสินใจเปลี่ยนวิธีทำนาตามคำแนะนำของนายกรณ์ พาชาวบ้านทำเกษตรอินทรีย์ จนปลดหนี้ปลดสิน มี่ตัดสินใจลงการเมือง เพราะต้องการแก้ปัญหาเรื้อรัง ที่ไม่เคยแก้ได้ตรงจุด อาสาขอเป็นปากเป็นเสียงให้ชาวบ้านแก้ปัญหาราพืชผลของชาวนา ชาวไร่ ชาวสวน อยากเห็นเกษตรกรยิ้มได้

นายกรณ์ กล่าวว่า สำหรับกรุงเทพมหานคร มีผู้สมัครหญิงหลายคน เริ่มจากคนที่ 1 วิเวียน จุลมนต์ หรือ ‘อี๊ฟ’ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 8 เบอร์ 10 คนรุ่นใหม่ไฟแรง มีพลังงานเหลือเฟือ เริ่มเข้าสู่วงการเมืองเพราะชื่นชอบนายกรณ์ จึงสมัครเข้าแคมเปญ ‘ผู้กล้า’ ของพรรคกล้า (ในขณะนั้น) และเป็นผู้กล้ารุ่น 1 จากนั้นก็ช่วยงานพรรคเรื่อยมา อี๊ฟเป็นฟรีแลนซ์เต็มตัว ทำงานได้สารพัด ตั้งแต่ แม่บ้าน แม่ค้า ขับ Grab Taxi ติวเตอร์ อะไรที่ไม่ผิดกฎหมายทำหมด จึงทำให้เห็นความเหลื่อมล้ำของการได้รับสวัสดิการสังคมของฟรีแลนซ์กับมนุษย์เงินเดือน เธอจึงขอเป็นตัวแทนฟรีแลนซ์ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม ทั้งเรื่องรายได้ ค่าตอบแทน สวัสดิการสังคม สิทธิทางภาษี ฯลฯ นอกจากนี้ ยังเป็นคนที่ชื่นชอบ วัฒนธรรมไทย และยังเป็นคนที่เข้าใจเด็กรุ่นใหม่ ได้เห็น ได้สัมผัสวิธีคิด จนมีแนวคิดให้เด็กรุ่นใหม่ ออกแบบอาชีพด้วยตัวเอง

คนที่ 2 ดร.แวววรรณ ก้องไตรภพ หรือ ‘บี’ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 9 เบอร์ 3 มีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือประชาชนหาเตียง ในช่วงวิกฤตโควิดระลอกแรก ในโครงการกล้าอาสา ด้วยความมุ่งมั่นที่ต้องการเห็นประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุขและความปลอดภัย คนสูงวัยและกลุ่มเปราะบางต้องไม่ถูกทอดทิ้ง ดร.บี บอกว่า เขตที่รับผิดชอบคือ บางเขน จตุจักร หลักสี่ ยังมีปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยอีกมาก ตรอกซอยต่าง ๆ ยังเป็นถนนเอกชนที่มีปัญหาเรื่องการของบประมาณมาซ่อมแซม มีงานต้องประสานกับภาครัฐมากมาย ปัญหาของผู้สูงอายุและคนพิการก็สำคัญเช่นเดียวกัน ในขณะที่เรากำลังเข้าสู่สังคมสูงอายุ แต่ชาวบ้านกลับถูกละเลย เธอจึงอยากเข้ามาเป็นตัวแทนทำงานเพื่อประชาชน มีสโลแกนประจำตัวคือ ‘แวววรรณ เคลียร์ไว เข้าใจปัญหา’

คนที่ 3 ริณดา คงตาลนันท์ หรือ ‘เพิร์ท’ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 18 เบอร์ 2 มีอาชีพฟรีแลนซ์ด้านกราฟิกดีไซน์ ประกาศขอสู้เพื่อสุนัขและแมว เธอมองว่า ปัจจุบันมีสุนัขแลแมวจรในกรุงเทพมหานคร ยังไม่ได้รับความสนใจในการสนับสนุนการแก้ไขเท่าที่ควร กทม.ควรเริ่มด้วยการช่วยเก็บข้อมูล เพื่อนำไปสู่การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ พรรคชาติพัฒนากล้าให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของสัตว์ เพราะเขาสื่อสารกับเราไม่ได้

คนที่ 4 ภัทรานิษฐ์ กิตินิรันดร์กูล ผู้สมัคร ส.ส.เขต 19 เบอร์ 15 เจ้าของธุรกิจด้านขนส่ง มีจุดมุ่งหมายทางการเมืองมากมายที่ต้องการผลักดันให้สำเร็จ โดยเฉพาะส่งเสริมภาคตะวันออกของกรุงเทพให้เป็น Halal Town พัฒนามีนบุรีให้ทัดเทียมกับเขตอื่น เสริมเศรษฐกิจชุมชนเขตมีนบุรี รถไฟฟ้า 2 สายของมีนบุรีต้องสำเร็จ ร่วมผลักดันนโยบายค่าตอบแทนครูสอนศาสนาผู้นำชุมชน ล็อตโต้กองทุนมุสลิมไปพิธีฮัจญ์

คนที่ 5 ยศยา ชิยาปภารักษ์ หรือ ‘นุ่น’ เจ้าของธุรกิจสายมู ผู้สมัคร ส.ส.เขต 23 เบอร์ 2 นุ่นมีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่าแรงกล้า ที่จะสร้างโอกาส และ สร้างแหล่งรายได้ของคนไทยทั่วประเทศ จากนโยบายเศรษฐกิจเฉดสีขาว หรือเศรษฐกิจสายมู ซึ่งเป็นนโยบายที่พรรคชาติพัฒนากล้ายืนหนึ่งสนับสนุนมาโดยตลอด โดยมีนโยบายสร้างแลนด์มาร์คศักดิ์สิทธิ์ 77 จังหวัด ๆ ละ 1,000 ล้านบาท เพื่อดึงนักท่องเที่ยวและรายได้เข้าประเทศ

‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ ขึ้นรถแห่หาเสียง พื้นที่หนองบอน-สวนหลวง พร้อมชู ‘สวนหลวง นัมเบอร์วัน’ คืนชีพสู่ย่านท่องเที่ยว-ศก.อีกครั้ง

(12 เม.ย. 66) นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ ‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ ผู้สมัครเบอร์ 1 แขวงหนองบอน เขตสวนหลวง พรรคพลังประชารัฐ ขึ้นรถแห่หาเสียง พร้อมเล่นน้ำกับประชาชนในพื้นที่เขตสวนหลวง ชูนโยบาย ‘สวนหลวง นัมเบอร์วัน’ ผลักดัน 9 พลังสวนหลวง สวนหลวง 9 แหล่งท่องเที่ยว ให้สวนหลวงกลับมาเป็นแหล่งเศรษฐกิจอีกครั้ง

โดยนายฟิล์ม รัฐภูมิ กล่าวว่า “ผมมีความมั่นใจว่าจะนำทุกปัญหาของพ่อแม่พี่น้องเขตสวนหลวง และหนองบอน มาแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เพราะตัวผมเองและพรรค มีความพร้อมด้านบุคลากรและความรู้ ที่จะทำให้ปัญหาต่าง ๆ ถูกแก้ไขได้โดยเร็ว โดยปัญหาหลัก ๆ ที่ฟิล์มอยากจะ แก้ไขโดยเร็วที่สุด นั่นคือปัญหาด้านสาธารณสุขที่มีข้อจำกัดปริมาณสถานพยาบาล ที่ไม่สอดคล้องกับปริมาณของจำนวนประชากรในเขตพื้นที่สวนหลวง หนองบอน ปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐาน แสงสว่างทางเท้า รวมถึงปัญหาด้านความปลอดภัย การเพิ่มจุดติดตั้งกล้องวงจรปิด ตลอดจนการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยว การยกระดับผู้ประกอบการในเขตให้รองรับ การเดินทางมาของนักท่องเที่ยว”

ไม่ทำผิด ไม่ต้องกลัว ทวนย้ำซ้ำๆ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ป้องกันการหมิ่นฯ เหมือน กม.อาญาธรรมดาทั่วไป

การเลือกตั้งครั้งนี้มีพรรคการเมืองนำเรื่องของกฎหมายอาญา มาตรา 112 มากล่าวถึงมากมาย ตามแต่แนวคิดและความเชื่อของแต่ละพรรค โดยเฉพาะสมาชิกที่เป็นแกนนำของพรรคนั้น ๆ ก่อนอื่นอยากผู้อ่านได้อ่านสามบทความก่อนที่มีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับเรื่องนี้ ได้แก่ :

‘Thailand Spring’ ความพยายามที่ไม่มีวันสำเร็จ ตราบที่คนไทยยังยึดมั่นใน 3 สถาบันหลักของแผ่นดิน https://thestatestimes.com/post/2023040420

เปิดหลักฐานความพยายามให้สยามเกิด Thailand Spring เรื่องจริง!! อันตรายพุ่งเป้าต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ https://thestatestimes.com/post/2023041016

ปัญหาใหญ่ของโลก คนรุ่นใหม่คลั่ง ‘ลัทธิปัจเจกชนนิยม’ ขั้นรุนแรง จนขาดความเข้าใจใน ‘ลัทธิเสรีนิยม’ https://thestatestimes.com/post/2023041053

อันที่จริงแล้วประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นเพียงกฎหมายป้องกันการหมิ่นประมาทเช่นเดียวกับกฎหมายอาญาธรรมดาทั่วไปมาตราหนึ่งเท่านั้น หากไม่ทำผิดก็ไม่ผิดกฎหมาย แล้วกลัวไปทำไม เมื่อไม่ได้ทำผิดแล้ว...ทำไมจึงต้องกลัว

กฎหมายหมิ่นประมาทของไทยมีอยู่ 3 จำพวก เช่นเดียวกับกฎหมายหมิ่นประมาทของนานาประเทศได้แก่

1) หมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา (มาตรา 326 ตามประมวลกฎหมายอาญาของไทย)

2) หมิ่นประมาทเจ้าหน้าที่ของรัฐ (มาตรา 136 ตามประมวลกฎหมายอาญา และหากหมิ่นประมาทศาลก็จะมีความเฉพาะเจาะจงลงไปอีก)

3) หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์หรือประมุขของรัฐ (มาตรา 112 ตามประมวลกฎหมายอาญาของไทย)

ขอบคุณภาพจากเพจ ‘ฤๅ’

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 บัญญัติไว้ว่า "ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี"

และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 133 บัญญัติไว้ว่า "ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย ราชาธิบดี ราชินี ราชสวามี รัชทายาท หรือประมุขแห่งรัฐต่างประเทศ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 7 ปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"

บรรดาเด็กน้อย เด็กโข่งที่โดนหมายเรียกและหมายจับตามความผิดฐานนี้ เป็นเพราะ ได้กระทำการอันเป็นการ "หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท" ถ้าสิ่งที่พูดนั้นเชื่อไม่ได้พูดผิดก็สามารถพิสูจน์ตัวเองได้ในกระบวนการยุติธรรม ทำไม่ผิดย่อมไม่ต้องติดคุก หากแต่ทำผิดแล้วก็ย่อมต้องติดคุกเป็นปกติธรรมดาเช่นเดียวกับการทำผิดกฎหมายอาญาทั่วไปที่มีโทษหนักเบาเป็นไปตามโทษานุโทษ

ขอบคุณภาพจากเพจ ‘ฤๅ’

มาตรา 112 จึงเป็นเพียงกฎหมายที่มีไว้เพื่อปกป้องพระเกียรติของ ในหลวง พระราชินี และรัชทายาท เฉกเช่นเดียวกับ กฎหมายอาญา มาตรา326 อันเป็นการปกป้องการหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดาทั่วไป และมาตรา 126 การปกป้องการหมิ่นประมาทเจ้าหน้าที่ของรัฐ และเหมือนกับกฎหมายปกป้องการหมิ่นประมาทต่อประมุขแห่งรัฐ (Head of State Defamation Law) ของทุกประเทศในโลกนี้

ส่วนคำว่า Lèse majesté Law ที่มักมีการนำมาเอ่ยอ้างนั้น ใน Wikipedia ระบุว่า หมายรวมถึงผู้นำที่เป็นทั้ง พระมหากษัตริย์ ประธานาธิบดี และตำแหน่งประมุขแห่งรัฐอื่น ๆ ด้วย และมักถูกนำมาแปลใช้เป็นคำว่า ‘กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ’ อันเป็นวาทกรรมที่บิดเบือน โดย นักการเมือง นักเคลื่อนไหว และกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมือง เพราะประเทศไทยมีระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 แล้ว จึงไม่มีกฎหมายนี้อยู่อีกต่อไป

สำหรับกฎหมายเกี่ยวกับการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์หรือประมุขของรัฐ ในประเทศต่าง ๆ ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข อาทิ

สเปน มาตรา 490 และ 491 ของประมวลกฎหมายอาญาควบคุมการหมิ่นพระมหากษัตริย์ บุคคลใดที่หมิ่นหรือดูหมิ่น พระมหากษัตริย์ พระราชินี บูรพกษัตริย์หรือรัชทายาท มีโทษจำคุกได้สองปี นิตยสาร El Jueves เคยลงบทความเสียดสีภาษาสเปน จึงถูกปรับในข้อหาละเมิดกฎหมายหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ของสเปน หลังจากตีพิมพ์ภาพล้อเลียนปัญหาเกี่ยวกับสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งสเปน (ในขณะนั้นยังทรงเป็นเจ้าชายแห่ง Asturias (องค์มกุฏราชกุมาร)) ในปี ค.ศ. 2007

บรูไน การหมิ่นสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนถือเป็นอาชญากรรมในบรูไนดารุสซาลาม มีโทษจำคุกสามปี

กัมพูชา กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018 รัฐสภากัมพูชาได้ลงมติให้การกระทำอันเป็นการหมิ่นพระมหากษัตริย์ใด ๆ ก็ตาม มีโทษจำคุกสูงสุดหนึ่งถึงห้าปี และปรับ 2 ถึง 10 ล้านเรียล โดยเมื่อมกราคม ค.ศ. 2019 ชายชาวกัมพูชาคนหนึ่งถูกตัดสินจำคุก 3 ปีจากการโพสต์บน Facebook

มาเลเซีย มีพระราชบัญญัติการปลุกระดม ค.ศ. 1948 เพื่อตั้งข้อหาผู้ซึ่งถูกกล่าวหาว่า หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ในปี ค.ศ. 2013 Melissa Gooi และเพื่อนอีก 4 คนถูกควบคุมตัวเนื่องจากถูกกล่าวหาว่า ดูหมิ่นราชวงศ์ ในปี ค.ศ. 2014 Ali Abd Jalil ถูกคุมขังและถูกคุมขัง 22 วันในข้อหาดูหมิ่นราชวงศ์ยะโฮร์และสุลต่านแห่งสลังงอร์ มีการลงโทษจำคุกในยะโฮร์ในข้อหาดูหมิ่นราชวงศ์กับ Muhammad Amirul Azwan Mohd Shakri

โมร็อกโก มีชาวโมร็อกโกถูกดำเนินคดีจากข้อความที่ถือว่าเป็นการล่วงละเมิดต่อพระมหากษัตริย์ บทลงโทษขั้นต่ำสำหรับความผิดดังกล่าวคือ จำคุกหนึ่งปี หากคำแถลงดังกล่าวจัดทำขึ้นเป็นการส่วนตัว (เช่นไม่ออกอากาศ) และจำคุกสามปีหากเผยแพร่ในที่สาธารณะ ในทั้งสองกรณีสูงสุดคือ 5 ปี คดีของ Yassine Belassal และ Nasser Ahmed (อายุ 95 ปี ซึ่งเสียชีวิตในคุกหลังจากถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์) และ Fouad Mourtada Affair ได้อภิปรายเกี่ยวกับรื้อฟื้นการกฎหมายเหล่านี้และการบังคับใช้งานของพวกเขา ใน ปีค.ศ. 2008

ส่องชุดนโยบายเศรษฐกิจ #ชาติพัฒนากล้า ในภาพเดียว

- เศรษฐกิจเฉดสี หารายได้เข้าประเทศ 5 ล้านล้าน
- 12 นโยบายเศรษฐกิจ หลายเรื่องรื้อโครงสร้างเพื่อความกินดีอยู่ดีของประชาชน โดยไม่ใช้เม็ดเงินภาษีฟุ่มเฟือย

 

‘ชัยวุฒิ’ แจง คุมตัว ‘9 Near’ แล้ว เผย ทำไปเพราะอยากดัง ตัวเจ้ายัน ไม่ได้แฮกข้อมูล แต่ซื้อมาจากเว็บมืด 8 ล้านรายการ

(12 เม.ย. 66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) แถลงความคืบหน้าในการติดตามผู้กระทำความผิดที่อ้างว่ามีข้อมูลส่วนบุคคลของคนไทยจำนวน 55 ล้านรายการว่า จ่าสิบโทเขมรัตน์ ได้ถูกส่งตัวมาที่กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนคดีทางเทคโนโลยี โดยได้มีการสอบสวนและจะนำตัวจ่าสิบโทเขมรัตน์ไปค้นหาหลักฐานเพิ่มเติมที่บ้านพัก

ผู้ต้องหายืนยันว่า ข้อมูลที่ได้มาไม่ได้มาจากการแฮกข้อมูล แต่ได้จากการซื้อมาจากเว็บมืดที่ผิดกฎหมาย จำนวน 8 ล้านรายการ ราคา 8 พันบาท เมื่อซื้อข้อมูลมาแล้วต้องการทดลองว่า มีรายชื่อของตนอยู่ในข้อมูลดังกล่าวหรือไม่ เมื่อตรวจสอบพบว่ามีจริง จึงนำมาโพสต์ ครั้งแรกไม่ได้รับการตอบสนอง จึงเลือกเอารายชื่อของผู้มีชื่อเสียงมาโพสต์ทำให้เกิดความสนใจมาก

‘พปชร.’ เตรียมปล่อยทีเซอร์ซิงเกิล ต้อนรับวันสงกรานต์ ด้าน ‘บิ๊กป้อม’ นำทัพขุนพล-ผู้สมัคร มุ่งมั่นทำงานเพื่อ ปชช.

(12 เม.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่พรรคพลังประชารัฐ ได้เผยแพร่ข้อความและภาพ ประกอบเพลง เพื่อใช้สำหรับหาเสียงเลือกตั้ง ผ่านไลน์พรรค พปชร. ข้อความระบุว่า…

“พปชร.เซอร์ไพรส์ เปิดทีเซอร์ซิงเกิล!!! ก่อนปล่อย MV ฉบับเต็มต้อนรับปีใหม่ไทย 13 เมษายน 2566 ของขวัญจากใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หรือ ‘ลุงป้อม’ ของทุกคน นำทัพขุนพลและผู้สมัคร ส.ส.พปชร.ที่พร้อมอาสาทำงานให้ประชาชนด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ มอบความสุข รอยยิ้มให้กับคนไทยทุกคน”

‘โซเชียล’ ท้วง!! หลัง กกต. ชี้!! แจกเงินดิจิทัลไม่ผิด หวั่น!! สร้างบรรทัดฐานใหม่ ใช้เงินแผ่นดินหาเสียง

(12 เม.ย.66) จากเฟซบุ๊ก ‘Sompob Pordi' ของ นายสมภพ พอดี นิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความถึงนายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ความว่า…

ตามที่มีรายงานข่าวว่า ท่านได้กล่าวถึงนโยบายพรรคการเมืองหนึ่งที่สัญญาว่า หากได้เป็นรัฐบาลแล้ว จะแจกเงินดิจิทัลจำนวน ๑๐,๐๐๐ บาทให้ประชาชนทุกคนที่อายุ ๑๖ ปีขึ้นไปนั้นว่า…

…เป็นนโยบายที่ใช้งบประมาณแผ่นดินอยู่แล้ว หากได้ไปเป็นรัฐบาล นโยบายลักษณะนี้จะไม่ผิดกฎหมายสัญญาว่าจะให้ ซึ่งนโยบายที่จะเข้าข่ายสัญญาว่าจะให้ คือการใช้เงินที่ไม่ใช่เงินของแผ่นดิน...
ผมใคร่ขอให้ท่านพิจารณาข้อความตามพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มาตรา ๗๓ วรรค ๑ ซึ่งมีข้อความว่า…

ผู้สมัครหรือผู้ใด จัดทำให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด…มีความผิดตามกฎหมาย โดยมีบทลงโทษจำคุกตั้งแต่ ๑ ถึง ๑๐ หรือปรับตั้งแต่ ๒๐,๐๐๐ ถึง ๒๐๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับนั้น

ว่า มีถ้อยคำใดในกฏหมายดังกล่าวที่ระบุว่าการสัญญาว่าจะให้ จะต้องเป็นเงินของผู้สัญญาเอง หากเป็นเงินของแผ่นดิน ให้ถือว่าไม่เป็นความผิด หรือไม่? 

‘วิโรจน์’ ชี้!! ‘พปชร.-รทสช.’ กลับลำ พร้อมดีลทุกพรรค สะท้อนการเมืองแบบเก่า ลั่น!! ‘ก้าวไกล’ ไม่เอาระบบแบบนี้

‘วิโรจน์’ ชี้ ‘พปชร.-รทสช.’ กลับลำแทงกั๊ก พร้อมดีลทุกพรรค สะท้อนการเมืองเก่า-ไร้จุดยืน

เมื่อวันที่ 12 เมษายน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ประกาศไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรค ก.ก. แต่ภายหลังนายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค พปชร. กลับบอกว่าพร้อมดีลทุกพรรค ว่า ตอนนี้ประชาชนต้องแยกให้ออกว่า นี่คือความเห็นส่วนบุคคล หรือเป็นความเห็นของพรรค เท่าที่ตามข่าวพบว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัคร ส.ส.พะเยา และประธานภาคเหนือ พรรค พปชร. ก็บอกว่าเป็นความเห็นของนายไพบูลย์ คนเดียว เช่นเดียวกับนายสันติ ตอนนี้น่าจะมีแต่พรรค ก.ก. พรรคเดียวที่ยืนยันเป็นมติพรรคว่า จะไม่ร่วมกับรัฐบาลทหารจำแลง คำพูดของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก. หรือคำพูดของผู้สมัคร ส.ส.เขต และผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อคนใด ก็พูดตรงกัน เพราะเป็นมติของพรรคก.ก. ที่จะไม่ร่วมงานกับพรรค พปชร. และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า การประกาศว่าเราไม่ร่วมกับพรรคทหารจำแลง ไม่ใช่แค่การประกาศเชิงสัญลักษณ์หรือเอาเท่ห์อย่างเดียว แต่มีเหตุผลคือพรรค ก.ก. มีนโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 รวมทั้งการปฏิรูปองค์กรอิสระที่เป็นนั่งร้านให้กับเครือข่ายรัฐประหาร และการจัดการยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่เป็นพิมพ์เขียวของการแบ่งปันผลประโยชน์ของเครือข่ายอุปถัมภ์ของผู้ก่อรัฐประหาร ดังนั้นถ้าเรามีจุดยืนที่จะแก้ไขบ้านเมืองแบบนี้ แต่กลับไปเอาพรรคที่เป็นสารตั้งต้นของปัญหาเหล่านี้มาร่วมรัฐบาลด้วย เราจะแก้ไขปัญหาได้อย่างไร

‘กรณ์’ ลงพื้นที่ ‘ยานนาวา-บางคอแหลม-สาทร’ ชูแก้ปัญหา ศก.-ปากท้อง เน้นหารายได้เข้าประเทศ

(12 เม.ย.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ลงพื้นที่ บางคอแหลม สาทร ยานนาวา เพื่อช่วย 2 ผู้สมัคร ส.ส.ได้แก่ นายวรนนท์ อัศวกิตติเมธิน ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 3 และ นายปรัชญา อึ้งรังษี ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 เบอร์ 14 โดยมี นายปรินต์ ทองปุสสะ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 เบอร์ 12 และ นางสาวริณดา คงตาละนันท์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 18 เบอร์ 2 ร่วมให้กำลังใจ โดยขึ้นรถแห่พร้อมผู้สมัคร พบปะพี่น้องประชาชนแถวมัสยิดดารุลอบีดีน ถนนจันทน์ ทะลุ ซอยกิ่งจันทน์ ซอยวัดไผ่เงิน เพื่อขอคะแนนพี่น้องประชาชน และผู้ที่สัญจรผ่านไปมาด้วย 

นายกรณ์ กล่าวว่า จากการพบปะพี่น้องประชาชนตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ทุกคนมองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ พวกเขาต้องการพรรคการเมืองและนักการเมืองที่จะเข้าไปเป็นรัฐบาล เข้าใจความเดือดร้อนของประชาชนทั้งเรื่องของแพง ค่าน้ำมันแพง ค่าไฟฟ้าแพง ซึ่งตรงกับชุดนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้าที่นำเสนอ ซึ่งทำให้เราเชื่อมั่นว่ามาถูกทาง หลายพรรคการเมืองอาจจะมีนโยบายที่สร้างความหวือหวา ลด แลก แจก แถม ซึ่งมีจำนวนมากและมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่สำหรับพรรคชาติพัฒนากล้า เราตั้งธงยุทธศาสตร์ว่า จะหารายได้เข้าประเทศ 5 ล้านล้านบาทภายใน 4 ปี เราจึงคิดนโยบาย 12 นโยบายเฉดสี ที่เรานำเสนอมาอย่างต่อเนื่อง 

นายกรณ์ ได้ยกตัวอย่างเศรษฐกิจเฉดสีเหลือง คือเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยระบุว่า คนไทยทุกคนมีชีวิตอยู่บนแพลตฟอร์ม แต่ประเทศไทยกลับไม่มีแพลตฟอร์มเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องของการท่องเที่ยว ในแต่ละปีมีการจองโรงแรมที่พัก โดยรวมปีละนับล้านล้านบาท ซึ่งต้องเสียค่าการตลาดให้กับแพลตฟอร์ตหลายแสนล้านบาท ทำให้เราเสียโอกาสในรายได้ดังกล่าว ดังนั้นเราจึงควรพัฒนาแอปพลิเคชันเป็นของเราเอง เพื่อเก็บเงินไว้ให้กับผู้ประกอบการชาวไทย 

นอกจากนี้ ในเรื่องของซอฟท์พาวเวอร์ เรามีเยอะมากแต่ขาดการส่งเสริม เช่น ตอนนี้ซีรีส์วาย ของคนไทยเป็นที่นิยมไปทั่วโลก ซึ่งหากมีการส่งเสริมผู้ผลิตคอนเทนท์เหล่านี้ มันจะนำไปสู่โอกาสในการขยายผล ประชาสัมพันธ์ผ่านอาหารไทย สินค้าไทย แหล่งท่องเที่ยวไทย ซึ่งเป็นช่องทางผลักดันไปสู่ตลาดโลก ทำให้เขาอยากมา และประเทศไทยเองก็จะมีรายได้จากการขายคอนเทนท์เหล่านั้นด้วย  

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า เศรษฐกิจสีเงิน เป็นนโยบายผู้สูงอายุ ที่พรรคเรามองต่างจากพรรคอื่น คือเรามองผู้สูงอายุเป็นสินทรัพย์ที่มีค่า ไม่ใช่ภาระ เรามีนโยบาย ‘สูงไวไฟแรง’ ส่งเสริมผู้สูงอายุที่ยังมีไฟ ยังมีแรงที่จะทำงานต่อ เราจะสนับสนุนเงินชดเชยเงินเดือนให้กับผู้ประกอบการที่ว่าจ้างผู้สูงอายุ รายละ 5,000 บาทต่อเดือน เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการพร้อมที่จะจ้างผู้สูงอายุให้ทำงานต่อไป รวมถึงเรามีนโยบายทางภาษีด้วย สำหรับทุกคนถึงวัยเกษียณและต้องการทำงานต่อ จะลดภาระภาษีเงินได้บุคคลให้ 50% 

นอกจากนี้ ยังมีนโยบายยกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ด้วยโครงการ อารยสถาปัตย์ อัดฉีดเม็ดเงิน 50,000 บาท ให้กับบ้านที่มีผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้น เพื่อปรับปรุงบ้านให้มีความปลอดภัย โดยตั้งเป้าภายใน 4 ปี จะซ่อมแซมบ้านให้ได้ครบ 1,000,000 หลัง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องของแรงงานและผู้รับเหมา

‘ชวน’ ห่วง!! คอร์รัปชันระบาดหนัก เหตุ!! เป็น ‘ยุคโกงปราบรัฐธรรมนูญ’

(12 เม.ย.66) นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่หาเสียงที่จังหวัดเพชรบุรีโดยสรงน้ำพระเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ที่วัดมหาธาตุวรวิหารและรับพรจากท่านเจ้าอาวาส พระครูวาทีวรวัฒน์ จากนั้นจึงเดินทักทายประชาชนและขึ้นรถแห่พร้อมด้วยนายอลงกรณ์ พลบุตร ผู้สมัครเขต 1 นายอภิชาติ สุภาแพ่ง ผู้สมัครเขต 3 นายอรรถพร พลบุตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อและทีมงานพรรคประชาธิปัตย์ตระเวนในตลาดเทศบาลเมืองเพชรบุรีมีประชาชนให้การต้อนรับมอบดอกไม้พวงมาลัยผลไม้ข้าวแช่ขนมหวานเมืองเพชรเป็นกำลังใจตลอดเส้นทาง

นายชวนกล่าวปราศรัยว่า สมัยที่เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยแรกพร้อมกับนายอลงกรณ์ พลบุตรได้รับเลือกเป็น ส.ส.เพชรบุรีพรรคประชาธิปัตย์ครั้งแรกได้ส่งเสริมจังหวัดเพชรบุรีเป็นเขตส่งเสริมการลงทุนพิเศษเขต 3 ทำให้มีการลงทุนมีการสร้างงานสร้างอาชีพเกิดขึ้นอยากมากในเพชรบุรีตลอดจนการสร้างสะพานข้ามปากอ่าวบางตะบูนเกิดถนนคลองโคน-ชะอำเป็นประโยชน์ต่อการเดินทางและการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลเพชรบุรีช่วยพัฒนาเศรษฐกิจนับแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงวันนี้นอกจากนี้ยังช่วยเด็กไทยนับล้านคนให้มีโอกาสทางการศึกษาด้วยกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้ริเริ่มในจำนวนนี้มีลูกหลานเพชรบุรีกว่า 3 หมื่นคนด้วยรวมทั้งการที่ตนได้ริเริ่มดำเนินการให้มีเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเด็กนักเรียนได้ดื่มนมและมีอาหารกลางวันรับประทาน

“ผมห่วงใยต่อปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นที่รุนแรงมากขึ้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีคนบอกว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นรัฐธรรมนูญปราบโกงแต่จริงๆ กลับเป็นยุค ‘โกงปราบรัฐธรรมนูญ’ ซึ่งประชาชนร่วมแก้ไขปัญหาคอรัปชั่นได้โดยสนับสนุนนักการเมืองที่สุจริตมีความซื่อสัตย์จึงขอให้ช่วยเลือก อลงกรณ์ พลบุตร เขต 1 กัมพล สุภาแพ่ง เขต 2 อภิชาติ สุภาแพ่ง เขต 3 เบอร์ 7 อดีต ส.ส.เพชรบุรีทั้ง 3 เขตและพรรคประชาธิปัตย์เบอร์ 26” นายชวน กล่าว


ที่มา: https://www.naewna.com/politic/723869 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top