Wednesday, 14 May 2025
SPECIAL

ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า วันนี้วันสุดท้ายแล้ว!! เช็กขั้นตอน ยื่นด้วยตัวเอง-ผ่านแอปฯ ‘Smart Vote’

‘กกต.’ เปิดลงทะเบียนใช้สิทธิ เลือกตั้งล่วงหน้า ในเขต-นอกเขต-นอกราชอาณาจักร วันที่ 9 เม.ย. วันสุดท้าย เช็กขั้นตอนลงทะเบียน

(9 เม.ย. 66) ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้กำหนดวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เป็นการทั่วไป ในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค. 2566 ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. โดยในระหว่างวันที่ 25 มี.ค. – 9 เม.ย. กำหนดให้เป็นวันลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตเลือกตั้ง นอกเขตเลือกตั้ง และนอกราชอาณาจักร

ทั้งนี้ ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีความประสงค์จะลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าในวันอาทิตย์ที่ 7 พ.ค. 2566 ยังสามารถลงทะเบียนได้วันนี้ (9 เม.ย.) เป็นวันสุดท้าย กกต.จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ดำเนินการลงทะเบียนให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 9 เม.ย. 66

‘ชัยวุฒิ’ ชี้ นายกฯ - รัฐบาลต้องมีเสถียรภาพ เพื่อขับเคลื่อนประเทศให้เดินไปข้างหน้า

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงเสถียรภาพของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ในการขับเคลื่อนประเทศ บนเวทีดีเบตนโยบายหาเสียง ฟังนโยบายภาคตะวันออก

‘ประชาธิปัตย์ยุคใหม่’ มั่นใจ!! ปักธงฟ้าเข้าสภาฯ ยกทีม ชู ยกระดับพัทลุง 5 มิติ เสริมจุดแข็งครอบคลุมทั้งจังหวัด

(9 เม.ย. 66) นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 อำเภอกงหรา (ยกเว้น ตำบลชะรัด และตำบลสมหวัง) อำเภอตะโหมด, อำเภอป่าบอน, อำเภอปากพะยูน และอำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงนโยบายการพัฒนา จังหวัดพัทลุง ซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ของทีมประชาธิปัตย์ยุคใหม่ จังหวัดพัทลุง ว่า จากการลงพื้นที่รับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชนและศึกษาข้อมูลในพื้นที่อย่างเป็นระบบ ทีมประชาธิปัตย์ยุคใหม่ จังหวัดพัทลุง ซึ่งประกอบไปด้วย น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1, น.ส.ปิยะกาญจน์ สุพรรณชนะบุรี ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 และตน ได้ตกผลึกร่วมกันถึงนโยบายที่จะยกระดับ จังหวัดพัทลุง 5 มิติ ซึ่งถือว่าบ้านของเราเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพและความพร้อมในการพัฒนาต่อยอด แต่ยังขาดการบูรณาการร่วมกันและประสานงานกันอย่างเป็นรูปธรรมของ ส.ส.ทั้ง 3 เขต จึงเป็นที่น่าเสียดายสำหรับโอกาสที่สูญเสียไปในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา

ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้ ทีมประชาธิปัตย์ยุคใหม่จะใช้จุดแข็งของความเป็นทีมคนรุ่นใหม่ที่ทำงานร่วมกันและลงพื้นที่คลุกคลีกับพี่น้องประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง มาขอโอกาสทำงานเพื่อคนพัทลุง เชื่อมั่นว่าพี่น้องประชาชนจะไว้วางใจและร่วมกันปักธงฟ้าทีมประชาธิปัตย์ยุคใหม่ทั้ง 3 เขต

นายร่มธรรม กล่าวว่า สำหรับนโยบายยกระดับจังหวัด 5 มิติ ของทีมประชาธิปัตย์ยุคใหม่นั้น มีวิสัยทัศน์ว่า ‘พัทลุงหรอยดี’ คือส่งเสริมของดีของเด่นใน จ.พัทลุง ทำให้ประชาชนมีความสุข เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนและดีกว่าเดิม ดังนี้

มิติที่ 1 การเดินทางดี โดยการผลักดันและประสานงานการทำถนนเลี่ยงเมือง รอบเมืองครบ 4 สาย และผลักดันการสร้างสนามบินพัทลุง เพื่อเสริมศักยภาพด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ซึ่งถือเป็นการเปิดประตูสู่ จ.พัทลุง อย่างเต็มรูปแบบ

มิติที่ 2 การท่องเที่ยวดี โดยจะผลักดันและพัฒนาการท่องเที่ยวในพื้นที่ จ.พัทลุง ทั้งการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และเชิงวัฒนธรรม โดยมีรัฐทำหน้าที่สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน, Free wifi, sky walk และกระเช้า ตามศักยภาพของสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่ง เพิ่มที่จอดรถชมวิวบนสะพานเฉลิมพระเกียรติทะเลน้อย-ระโนด ส่งเสริมกีฬาทางน้ำในทะเลสาบสงขลา และสร้างการรับรู้ รวมถึงพัฒนาให้ จ.พัทลุงเป็นเมืองท่องเที่ยวและจุดมุ่งหมายของการพักผ่อนหลังเกษียณ

มิติที่ 3 สินค้าดี โดยการผลักดันและประสานงานการทำเกษตรพรีเมี่ยม เกษตรอินทรีย์ เกษตรแปรรูป เกษตรหลากหลาย พร้อมส่งเสริมการจดทะเบียน GI ข้าวเหนียวดำหมอ, เล็บนก, ดีปรีชี, จำปาดะ และอื่น ๆ ผลักดันการก่อสร้างศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำประมงน้ำกร่อย สร้างสะพานปลา ท่าเทียบเรือ ตลาดนัดปลา ริมทะเลสาบ เร่งดำเนินการให้พัทลุงเป็นเมืองหลวงด้านปศุสัตว์ภาคใต้ โดยการเพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมโคนมและโคเนื้อ นอกจากนี้จะมุ่งส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ งานทำมือ ศิลปะ วัฒนธรรม สินค้าแปรรูป สินค้าของคนพัทลุง พร้อมจัดตั้งตลาดศูนย์กลางการเกษตรเพื่อเป็นแหล่งกระจายสินค้าที่สำคัญของจังหวัดไปสู่พื้นที่ต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ

'สืบนครบาล'จับกุมดร.เอก คนปั้นดิน แอบอ้างรองนายกฝากเข้ารับราชการ ตุ๋นเงินเสียหายกว่า 14 ล้าน

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2565 ชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบนครบาลร่วมกับชุด PCT 5 ออกลาดตระเวนออนไลน์จนพบความเดือดร้อนของประชาชนซึ่งเคยถูกคนร้าย  ชื่อ ดร.เอก ฅนปั้นดิน อ้างตนว่าสามารถฝากเข้ารับราชการองค์การบริหารปกครองส่วนท้องถิ่นได้ สนิทกับ รองนายกรัฐมนตรีเหยื่อหลงเชื่อจ่ายเงิน 3 แสน แล้วหนีหาย โดยได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนและศาลได้พิจารณาออกหมายจับแล้ว เหตุเกิดวันที่ 3 กันยายน 2560 ซึ่ง ณ ปัจจุบันยังไม่สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้

จากการตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดของผู้ต้องหาเพิ่มเติมของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. และชุด PCT5 ทราบว่าคนร้ายคือ  นายวรพนธ์ หรือเอก กุลสืบ มีหมายจับที่ยังต้องการตัวเพื่อดำเนินคดีอยู่ 6 หมายจับ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หัวหน้าชุดปฏิบัติการ PCT5 กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ ฯรีบทำการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวคนร้ายดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว 

ต่อมาวันที่ 8 เมษายน 2566 เวลาประมาณ 13.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง.ผบ.ตร. (สส) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หัวหน้าชุดปฏิบัติการ PCT 5 พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.บช.น. , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์ , พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. และ ส.ต.อ.ประกิจ ภูมิวงศ์ ผบ.หมู่ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. และชุด PCT5 ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุม

นายวรพนธ์ กุลสืบ อายุ 40 ปี อยู่ที่ บ้านเลขที่ 74/1 หมู่ 1 ตำบลดอนยายหอม อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม (เป็นที่รู้จักในนาม ดร.กิตติมศักดิ์ วรพนธ์ กุลสืบ หรือ “ครูเอก ฅนปั้นดิน)ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ที่ จ.133/2561 ลงวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ.2561 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงทรัพย์ ”        

โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าตลาดละแมเมืองใหม่ ตำบลละแม อำเภอละแม จังหวัดชุมพร           

ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การภาคเสธ โดยรับว่าตนเรียนจบปริญญาตรีคณะครุศาตร์ สาขาโยธา , ปริญญาโทคณะบริหารการศึกษา มีทักษะในการพูดเชิงโน้มน้าว เป็นวิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับภาวะผู้นำ การทำงานเป็นทีม รับจัดกิจกรรม Team Building , Walk Rail ฝึกอบรมสัมมนาและพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ทักษะ ความสามารถ โดยเน้นจัดสัมมนาในรูปแบบกิจกรรมบันเทิงเชิงสาระตรงตามวัตถุประสงค์และค่านิยมขององค์กรต่างๆ และรับทำพิธีบวงสรวงต่างๆ เช่น พิธีบายศรู่ขวัญ ปฐมนิเทศ ปัจฉิมนิเทศนักเรียน นักศึกษาฯลฯ มีประสบการณ์การทำงานด้านนี้กว่า 15 ปี 

เกี่ยวกับคดีที่ถูกจับกุม ให้การว่าตนมีพฤติการณ์ชักชวนหาคนที่สนใจเข้ารับราชการซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกศิษย์ หรือผู้ซึ่งเคยเข้ารับการอบรมกับตน ตลอดจนบุคคลที่นับถือศรัทธาตนผ่านการบอกต่อปากต่อปากของคนที่นับถือตน ว่าสามารถฝากบรรจุเข้ารับราชการในหน่วยต่าง ๆ ได้ เช่น สอบบรรจุนายสิบทหารบก , นายสิบตำรวจ , ข้าราชการครู และหน่วยราชการอื่น ๆ อีกหลายหน่วยงาน โดยเรียกเก็บเงินกับบุคคลที่สนใจต่อหัว รายละ 200,000 – 300,000 บาท โดยอ้างว่าสามารถวิ่งเต้น โดยตนอ้างใช้เส้นสายของนักการเมืองระดับรองนายกรัฐมนตรีฝากเข้ารับราชการ มีผู้ร่วมขบวนการซึ่งอ้างว่าเป็นคนทำหน้าที่ติดต่อกับรองนายกรัฐมนตรี และข้าราชการระดับสูงให้ช่วยวิ่งเต็นได้ ชื่อนายเสกสรร โดยมีการแบ่งผลประโยชน์ที่ได้จากเหยื่อแต่ละรายกัน คือตนเองได้ 20 เปอร์เซ็นต์ นายเสกสรร ได้ 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจากการตรวจสอบประวัตินายเสกสรร พบว่าเคยถูกจับกุมในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน” มาแล้ว เมื่อปี 2562 

สำหรับประวัติ นายวรพนธ์ เป็นที่รู้จักในนาม ดร.กิตติมศักดิ์ วรพนธ์ กุลสืบ หรือ “ครูเอก ฅนปั้นดิน” ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปวัฒนธรรมไทย เคยดำรงตำแหน่งผู้จัดการทีมวิทยากรฅนปั้นดิน, ประธานฝ่ายกิจกรรม สหพันธ์คนดนตรีแห่งประเทศไทย, ผู้ช่วยผู้ตรวจการประจำสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ, เลขานุการองค์กรการมีส่วนร่วมภาคประชาชนตามรัฐธรรมนูญ, คณะกรรมการองค์กรปลูกปัญญาเรียนรู้ชุมชนท้องถิ่น เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเคยได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น ด้านอนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรม ม.ย่านปทุม , รางวัลธรรมลักษณ์ศิลา คนดีแบบอย่างของชาติ, รางวัลศิษย์ดีเด่น คนดีศรีพอเงิน, รางวัลลูกผู้มีความกตัญญูอย่างสูง, รางวัลผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ, รางวัลบุคคลดีของแผ่นดิน สาขาบุคคลผู้เป็นต้นแบบต่อสังคมดีเด่น จนภายหลังเป็นวิทยากรฝึกอบรม จัดสัมมนา พิธีกร และรับจัดพิธีกรรมตามงานมงคลต่างๆ เช่น พิธีบวงสรวง พิธีบายศรีสู่ขวัญ ทำขวัญนาค ทำขวัญบ่าวสาว

‘สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ’ จับมือ ‘ม.หอการค้าไทย’ เตรียมจัดดีเบต เจาะลึกนโยบายเศรษฐกิจ 9 พรรคการเมือง

สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ จับมือมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดซูเปอร์ดีเบต ‘โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง 66 เจาะลึก…นโยบายเศรษฐกิจ 9 พรรคการเมือง’ พร้อม MOU ความร่วมมือ อันเป็นประโยชน์ต่อวิชาชีพสื่อมวลชน

(9 เม.ย. 66) รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พร้อมด้วย นายกฤษณะพงศ์ พงศ์แสนยากร นายกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับ ณ วันที่ 4 เมษายน 2566 โดยมีนางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ ประธานที่ปรึกษามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, ดร.รวิดา วิริยกิจจา คณบดีคณะบริหารธุรกิจ และคณาจารย์มหาวิทยาลัยหอการค้า กรรมการบริหารสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ เป็นสักขีพยาน
โดยความร่วมมือแรกที่จะเห็นทันที คือการ ร่วมกันจัดสัมมนาดีเบตใหญ่ ‘โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง 66 เจาะลึก…นโยบายเศรษฐกิจ 9 พรรคการเมือง’ ขึ้นในวันพุธที่ 3 พฤษภาคม 2566 เวลา 08.30-12.00 น. ณ อาคาร 23 ชั้น 7 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ถนนวิภาวดีรังสิต

ซึ่งพรรคการเมืองต่าง ๆ ได้ส่งผู้เข้าร่วม ในระดับหัวหน้าพรรคฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และผู้ร่วมผลักดันนโยบายเศรษฐกิจของพรรค ร่วมดีเบต เช่น นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ตัวแทนพรรคเพื่อไทย, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย, นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า, หม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร จากพรรครวมไทยสร้างชาติ, นายอุตตม สาวนายน จากพรรคพลังประชารัฐ, นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล จากพรรคก้าวไกล, นายชาติชาย พยุหนาวีชัย จากพรรคชาติไทยพัฒนา และนายสุพันธุ์ มงคลสุธี จากพรรคไทยสร้างไทย

โดยภายในงาน จะมีการเปิดผลสำรวจความเห็นประชาชน จากศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในประเด็นนโยบายเศรษฐกิจของพรรคการเมืองที่ประชาชนอยากเห็น และนโยบายเศรษฐกิจของพรรคการเมืองที่แต่ละพรรคจะทำทันที หากได้เป็นรัฐบาล

รศ.ดร.ธนวรรธน์ เปิดเผยว่า ในการแถลงข่าวครั้งนี้ ทั้ง 2 ฝ่าย ได้ร่วมลงนาม MOU ครั้งแรก ระหว่าง มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ เพื่อร่วมกันพัฒนาศักยภาพของบุคลากร ทั้งในสมาชิกสมาคมผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชน และประโยชน์ต่อสถาบันการศึกษา งานด้านวิชาการจากทางมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย การถ่ายทอดเทคโนโลยี ประสบการณ์จากทางสมาคมสื่อเศรษฐกิจ เพื่อให้มีความก้าวหน้าสอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ พัฒนาภาพลักษณ์และการสื่อสารองค์กร ทั้งภายในและภายนอก มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นระยะเวลา 3 ปี นับจากปี 2566

ตำรวจไซเบอร์ ระดมกวาดล้างอาชญากรรมห้วงก่อนวันหยุดยาวสงกรานต์ จับกุมผู้ต้องหา และตรวจยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. ขอประชาสัมพันธ์ชี้แจงกรณี ตำรวจไซเบอร์ ระดมกวาดล้างอาชญากรรมออนไลน์ในห้วงก่อนสงกรานต์ ทำการจับกุมผู้ต้องหา และตรวจยึกของกลางได้เป็นจำนวนมาก ดังนี้

ตามที่ในช่วงวันที่ 13 - 17 เม.ย.66 เป็นห้วงหยุดยาววันสงกรานต์ คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาเป็นจำนวนมาก ประกอบกับนโยบายด้านการส่งเสริมให้ชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศนั้น นอกจากจะส่งผลกระทบต่อการเดินทางของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนแล้ว มิจฉาชีพอาจฉวยโอกาสในช่วงเวลาดังกล่าวเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภัยจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งที่ผ่านมาได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนเป็นวงกว้าง 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยจากการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมในทุกรูปแบบ ป้องกันไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบงานป้องกันปราบปราม ได้กำชับสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดดำเนินการตามนโยบาย จัดทำแผนหรือมาตรการป้องกันแลปราบปรามอาชญากรรมเพื่อรองรับช่วงวันหยุดยาวให้สอดคล้องกับสถานกาณ์ดังกล่าว รวมถึงดำเนินการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทั่วไป และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี นำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการเร่งรัดปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง รวมไปถึงการสร้างการรับรู้ให้กับภาคประชาชนเพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของอาชญากรไซเบอร์

โดยในช่วงระหว่างวันที่ 29 มี.ค. - 9 เม.ย 66 บช.สอท. ได้มีการกำหนดเป้าหมายระดมกวาดล้างอาชญากรรมทั่วไป ได้แก่ ความผิดเกี่ยวกับการพนัน ยาเสพติด การลักลอบหลบหนีเข้าเมือง อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน การสืบสวนจับกุมบุคคลตามหมายจับ เป็นต้น และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้แก่ การหลอกลวงออนไลน์ด้านการเงิน การหลอกลวงจำหน่ายสินค้าออนไลน์ การเผยแพร่ข่าวปลอม คดีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กและสตรี การค้ามนุษย์ การพนันออนไลน์ และอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งนี้สามารถทำการจับกุมผู้กระทำความผิดได้กว่า 307 คดี ผู้ต้องหากว่า 329 ราย พร้อมทั้งตรวจยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก มีคดีสำคัญและน่าสนใจ เช่น ปฏิบัติการเหนือเมฆ ตรวจค้น 17 จุด ทั่วประเทศ จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายเว็บไซต์เงินหมุนเวียนกว่า 3,000 ล้านบาท, จับกุมผู้ต้องหาหลอกลวงให้เช่าบูชาพระเครื่องในกลุ่มต่างๆ กว่า 60 กลุ่ม, จับกุมผู้ต้องหาลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนออนไลน์ รวมถึงจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับค้างเก่าอีกหลายคดี เป็นต้น นอกจากนี้แล้ว บช.สอท. ยังได้วางมาตรการป้องกัน ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบถึงกลโกง หรือแผนประทุษกรรมของมิจฉาชีพ ผ่านทางจอภาพในพื้นที่ต่างๆ หรือผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพอีกด้วย 

‘จูรี’ อ้อนชาวชุมพร เลือก ‘ชาติพัฒนากล้า’ กาให้ ‘ทนายลิขิต’ ชู ‘กรณ์’ ทำพรรคนี้เพื่อปากท้อง ไม่ด่าทอ ไม่ทะเลาะกับใคร

‘กรณ์-จูรี’ ลุยชุมพร ช่วย ‘ทนายลิขิต’ หาเสียง อ้อนขอโอกาสลูกชาวบ้าน กาให้ชาติพัฒนากล้า พัฒนาเศรษฐกิจชุมพร

(9 เม.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในระหว่างวันที่ 5-9 เมษายน 2566 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยนายจูรี นุ่มแก้ว ดาวติ๊กตอกขวัญใจคนใต้ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จังหวัดสงขลา และทีมงาน ได้ตระเวนช่วยผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่ต่าง ๆ ตั้งแต่ จังหวัดภูเก็ต จังหวัดสุราษฎร์ธานี และพื้นที่สุดท้ายคือที่จังหวัดชุมพร โดยนายกรณ์ และนายจูรี ลงพื้นที่จังหวัดชุมพร เพื่อช่วยทนายลิขิต ศรีชาติ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จังหวัดชุมพร หาเสียง โดยพบปะพี่น้องประชาชนบริเวณ บริเวณหลาดเล อำเภอท่าแซะ และจัดเวทีปราศรัยที่ถนนคนเดินสะพลี อำเภอปะทิว โดยมีประชาชนให้ความสนใจและให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก และอบอุ่น

นายกรณ์ กล่าวว่า จ.ชุมพร ถึงเวลาต้องมีการเขย่าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ ๆ ได้เข้ามาทำการเมืองสร้างสรรค์ พรรคชาติพัฒนาเราส่งผู้แทนคุณภาพที่เป็นลูกชาวบ้าน คือ ทนายลิขิต ศรีชาติ เป็นอดีตรองนายก อบจ.ที่ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนมากว่า 3 ปี แล้ว ไม่ได้เพิ่งมาตอนจะมีการเลือกตั้ง และนโยบายพรรคชาติพัฒนากล้าเอง ก็ได้รับการยอมรับว่า แหลมคมที่สุดในด้านเศรษฐกิจ และสามารถสรุปได้ง่าย ๆ แค่ 3 คำคือ งานดี มีเงิน ของไม่แพง เพราะเรารู้ว่านี่คือสิ่งที่ประชาชนทั้งประเทศต้องการ เราต่อสู้มาตลอดตั้งแต่ราคาน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ยกเลิกแบล็กลิสต์ ฯลฯ ที่เอาเปรียบประชาชน เอื้อนายทุน 

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า พวกเราเลือกที่อยู่พรรคเล็ก ๆ และยืนหยัดต่อสู้กับนายทุน เพราะเราไม่ได้พึ่งพาปัจจัยการสนับสนุนจากทุนใหญ่เลย เราจึงกล้าที่จะพูดและกล้าที่จะทำในสิ่งที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน ในฐานะที่อดีต รมว.คลัง และอดีตนายธนาคาร ขอยืนยันนโยบายทุกนโยบายเป็นไปได้ โดยเฉพาะภาคการเกษตร นโยบายประกันรายได้ ตนเป็นคนคิดเอง แต่เป็นการออกแบบแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ใช่เอามาใช้ปีแล้วปีเล่า แต่ชาวบ้านก็ยังจนเหมือนเดิม ถ้าจะดีราคาสินค้าทางการเกษตรต้องดีอย่างยั่งยืน เกษตรกรต้องเป็นนายทุน กำหนดราคาสินค้าเอง ขอเพียงโอกาสให้ตนได้เข้าไปทำงาน ตนจะทำให้ดู 

“หากพี่น้องประชาชนต้องการสร้างโอกาสให้ลูกหลาน ผู้สูงอายุได้รับการดูแล ความเดือดร้อนทางด้านปากท้องของพี่น้องประชาชนได้รับการแก้ไข ก็ต้องกาเบอร์ 6 เลือกทนายลิขิต ไปเป็นผู้แทน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และกาเบอร์ 14 เพื่อให้ผมเข้าไปทำงาน” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว 

นายจูรี กล่าวระหว่างขึ้นเวทีปราศรัย ว่า ดูจากจำนวนคนที่เข้าร่วมฟังเวทีปราศรัยในครั้งนี้ รู้ทันทีว่าเงินซื้อชาวบ้านไม่ได้ เพราะเป็นพลังเสียงที่บริสุทธิ์ ทำให้เห็นความหวัง และได้กลิ่นความเจริญของชุมพรกำลังลอยมาแล้ว การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการเลือกตั้ง ที่มี่การใช้เงินครั้งมโหฬารที่สุด พวกเขาเห็นประชาชนเป็นปลา จึงเอาเหยื่อมาล่อ ให้ชาวบ้านไปกินเหยื่อเขา เราต้องให้บทเรียนพวกนั้นว่า คนชุมพร กินเหยื่อ แต่ไม่กินเบ็ด ให้คนตกปลามันกลัวไปเลย ขอให้ชาวบ้านมาร่วมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่กัน โดยการให้โอกาสลูกชาวบ้านเข้าไปเป็นผู้แทน 

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน 2566

เหตุบังเอิญ
ไม่มีในโลก
ทุกอย่างล้วนถูกจัดสรร
ตามเหตุและผล
เปลี่ยนแปลงได้ด้วย...
“บุญกุศล”

‘ธนาธร’ ซัด ‘สุชาติ’ หลังเคลมว่างงานลดลงเป็นผลงานรัฐบาล อัดนักการเมือง ถูก ปชช.เลือกมาแท้ๆ แต่ไม่เคารพประชาธิปไตย

เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 66 ระหว่างการประชันวิสัยทัศน์ระหว่างตัวแทนพรรคการเมือง 8 พรรค ในรายการสด ‘DEBATE ประเทศไทย เปิดเวทีภาคตะวันออก’ โดยสำนักข่าว Nation ในช่วงหนึ่ง สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และตัวแทนจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้กล่าวถึงผลงานรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยระบุว่าช่วงที่เกิดโควิด รัฐบาลได้เป็นผู้ประคับประคองอุตสาหกรรมส่งออกและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จนสถานการณ์เศรษฐกิจอยู่ในการควบคุม

ทำให้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สภายานยนต์แห่งประเทศไทยได้ตกลงโบนัสพนักงานในระดับที่น่าพอใจ เช่น อิซุสุ ให้ 8.5 เท่า บวกเงินอีก 3.5 หมื่นบาท โตโยต้า ให้ 7.5 เท่าบวกเงินอีก 3.8 หมื่นบาท ซึ่งทั้งหมดนี้ เกิดจากโครงการ Factory Sandbox ที่ตรวจโควิดฟรี เช่าโรงแรมให้กักตัว ฉีดวัคซีนให้หมด 100% และห้ามปิดโรงงาน ทำให้บริษัทต่าง ๆ ยังคงผลิตตามออเดอร์ส่งออกได้ตลอดเวลา จนบริษัทในไทยหลายบริษัท ยังคงทำกำไรและรักษาการจ้างงานเอาไว้ได้ และทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราว่างงานต่ำที่สุดในโลก อยู่ที่แค่กว่า 1% เกิดจากรัฐบาลรักษาการจ้างงานเอาไว้ได้

ซึ่งในช่วงต่อมา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ได้ใช้โอกาสแจกแจงข้อเท็จจริงดังกล่าว โดยระบุว่า ตนไม่อยากให้ประชาชนเข้าใจผิด เพราะบริษัท โตโยต้า และอิซุสุ จ่ายโบนัสระดับ 8 - 10 เดือนให้พนักงานมาเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว อีกทั้งการว่างงานก็ยืนอยู่ที่ระดับ 0.75 -1.5% เป็นสิบ ๆ ปีมาแล้วเช่นกัน ไม่ใช่ผลงานของใครคนใดคนหนึ่งแน่ ๆ

ทำให้นายสุชาติ ใช้สิทธิพาดพิงลุกขึ้นตอบโต้ โดยระบุว่า นายธนาธรไม่ได้อยู่แบบตน อาจจะฟังมาผิด เพราะถ้ารัฐบาลไม่แก้ปัญหาโควิด ไม่รักษาการจ้างงาน ไม่รักษาออเดอร์ส่งออก ก็ไม่มีวันนี้

ขณะที่นายธนาธรเอง ก็ตอบโต้อย่างทันควันเช่นกัน โดยระบุว่า ตนอยู่ในอุตสาหกรรมนี้มา 20 ปี นายสุชาติไม่รู้สู้ตนแน่ ๆ ส่วนอัตราการว่างงานของประเทศไทย ต้องย้ำอีกครั้งยืนอยู่ระดับนี้มาเป็นสิบ ๆ ปีแล้วที่ 0.75 - 1.5% แม้แต่ช่วงโควิดก็เพิ่มขึ้นไปไม่ถึง 2% แล้ววันนี้ตกมาสู่ระดับเดิมแล้ว ทั้งนี้ไม่ต้องเชื่อตนก็ได้ ทุกคนสามารถไปหาดูเองได้จากเว็บไซต์หน่วยงานรัฐทั่วไป

หลังจากนั้น ในช่วงท้ายของการดีเบต พิธีกรได้ให้ตัวแทนแต่ละพรรคการเมืองได้พูดทิ้งท้ายสั้น ๆ ซึ่งหลายพรรคการเมืองได้เน้นย้ำถึงการไม่ทะเลาะขัดแย้งกัน ทว่าในส่วนของนายธนาธร ได้กล่าวในช่วงของตนว่าอนาคตของประเทศไม่ใช่เรื่องของการที่ใครจะทะเลาะกับใครหรือไม่ แต่คือการยืนยันเรื่องพื้นฐานที่สุด นั่นคือการที่ประเทศไทยต้องเป็นประชาธิปไตย ให้ไม่มีการรัฐประหารอีกในอนาคต จะทะเลาะกันหรือไม่ต้องยืนยันหลักการพื้นฐานเหล่านี้

“แต่ที่ประเทศไทยมีประชาธิปไตยไม่ได้ มีรัฐประหารซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็เพราะมีนักการเมืองกลุ่มหนึ่งยังฝักใฝ่รับใช้เผด็จการ ถ้าไม่ทางตรงก็ทางอ้อม เป็นนั่งร้านหรือรับใช้พวกเขาตรงๆ  การมีนักการเมืองอย่างนี้ทำให้เผด็จการไม่สูญหายไปจากประเทศไทยเสียที” นายธนาธร กล่าว

'ปิยบุตร' ลุยหาเสียงขอโอกาสพี่น้องชาวบึงกาฬ กา ‘ก้าวไกล’ ลั่น!! มีจุดยืนชัดเจน อภิปรายในสภาได้เต็มที่ไม่เกรงใจใคร

วันนี้ (8 เมษายน 2566) ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล เดินหน้าหาเสียงให้แก่ผู้สมัครสมาชิกผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ เขต 2 (สำรวย ศรีทิน) และเขต 3 (ณัฐพงษ์ ป้องปิ่น) โดยมีประชาชนให้ความสนใจจำนวนมาก

ปิยบุตร เริ่มด้วยการเสนอนโยบายของพรรคก้าวไกลที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะพี่น้องชาวอีสานและบึงกาฬ เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ, การปลดหนี้ ธ.ก.ส. เกษตรกรสูงวัย, การเปลี่ยนที่ดิน ส.ป.ก ให้เป็นโฉนด, การยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร และการปฏิรูปตำรวจ

"นโยบายแต่ละตัวที่พรรคก้าวไกลประกาศ เป็นนโยบายที่เล็งเห็นผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ก่อนทั้งสิ้น"

ปิยบุตรกล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลได้พิสูจน์แล้วว่า แม้ก้าวไกลจะเป็นพรรคฝ่ายค้าน แต่ก็สามารถทำงานแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้อย่างแท้จริง แต่กระนั้นก็แก้ไขได้อย่างจำกัดเพราะยังมีอำนาจไม่มากพอ เช่นนี้หากได้เป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งที่จะถึง พรรคก้าวไกลก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นระบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น

ทั้งนี้ ปิยบุตรชี้ว่า ทุกพรรคการเมืองต่างก็แข่งกันนำเสนอนโยบายที่ต่างฝ่ายต่างคิดว่าดี แต่ถึงอย่างนั้น หากการเมืองยังไม่ดี นโยบายที่ดีทั้งหมดนั้นก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ หรือเกิดขึ้นได้แต่ก็ไม่ยั่งยืน เพราะนโยบายจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยการเมืองดี

"ที่ผ่านมาพี่น้องเลือกพรรคการเมือง แล้วทหารออกมายึดอำนาจ ยึดเสร็จแล้วก็เลือกตั้งใหม่ เลือกตั้งเสร็จก็โดนยึดใหม่ วนเวียนแบบนี้มาเรื่อยๆ นโยบายแก้ปัญหาปากท้องอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอ มันต้องแก้โครงสร้างให้การเมืองดี เป็นประชาธิปไตย ให้ทหารเป็นทหารอาชีพ ไม่ใช่ตั้งตัวเป็นใหญ่อย่างที่ผ่านมา โดยพรรคก้าวไกลเป็นพรรคเดียวที่ประกาศชัดเจนว่า ถ้ามีการรัฐประหารเมื่อไหร่ จะมีการดำเนินการทางกฎหมายกับคนที่ออกมายึดอำนาจทันที เพื่อไม่ให้การรัฐประหารและการนิรโทษกรรมความผิดของตัวเองทำได้ง่ายๆ อีกต่อไป"

ต่อประเด็นคำถามว่า หากมีการรัฐประหารเกิดขึ้นอีกในอนาคต ส.ส. ก้าวไกล จะทำอย่างไร ปิยบุตรกล่าวว่า ผู้แทนจากพรรคก้าวไกลก็จะเป็นแถวหน้าต่อต้านการรัฐประหาร ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับประชาชน ไม่ใช่ปล่อยให้ประชาชนสู้อย่างโดดเดี่ยวอย่างที่เป็นมา

ปิยบุตร ยังย้ำถึงความโดดเด่นของผู้แทนจากก้าวไกลว่า จะทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงไปอภิปรายในสภาให้ประชาชนอย่างแข็งขัน ไม่ใช่พอได้ตำแหน่งแล้ว ไม่เคยพูดในสภาเลยแม้แต่คำเดียวอย่างที่เป็นอยู่ ก่อนจะย้ำข้อแตกต่างระหว่างก้าวไกลกับพรรคการเมืองอื่นๆ

‘สมศักดิ์’ นำทีมหาเสียงพี่น้องชาวม้ง จ.ตาก ชู นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล ยกระดับคุณภาพชีวิต

(8 เม.ย.66) สมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย สุธรรม แสงประทุม ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนผลงานและนโยบาย พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่หมู่บ้านชิบาโบ ตำบลคีรีราษฎร์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก เพื่อพบปะกับพี่น้องชาวม้ง กว่า 300 คน พร้อมเดินเยี่ยมชมวิถีชีวิตของพี่น้องประชาชน พร้อมกับแนะนำ เทอดเกียรติ ชินสรนันท์ ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดตาก เขต 2 เบอร์ 4 ของพรรคเพื่อไทย โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก

สมศักดิ์ เทพสุทิน กล่าวว่ารู้สึกดีใจที่ได้เดินทางมา เนื่องจากอยากมาเยี่ยมพี่น้องชาวม้งนานแล้ว เพราะพี่น้องประชาชนมีประเพณีชนวัว ที่ตนก็ชื่นชอบและเข้าใจปัญหาเป็นอย่างดี ซึ่งที่ผ่านมาภาครัฐ อาจยังไม่เข้าใจ แต่ตนก็พยายามผลักดันกฎหมายส่งเสริมปศุสัตว์ เพราะรู้ดีว่า การทำให้วัวมีคุณภาพ มีราคาสูงนั้นมีความสำคัญมาก พรรคเพื่อไทย จึงส่งเสริมเรื่องวัว เป็นซอฟต์พาวเวอร์ของชุมชน อีกทั้งยังจะส่งเสริมให้การชนวัวถูกกฎหมาย ลดขั้นตอนการขออนุญาตตามกฎหมาย รวมถึงเป็นการสนับสนุนการเลี้ยง การดูแลรักษา ตลอดจนใช้วิชาการเข้ามาส่งเสริมให้วัวมีคุณภาพได้ราคาสูง รวมทั้งจะส่งเสริมการชนวัวเพื่อสร้างราคาวัวชน และวัวพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ให้ได้ราคาดีด้วย

นอกจากนี้พรรคเพื่อไทย ยังมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการเติมเงินในกระเป๋าดิจิทัล คนละ 1 หมื่นบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน อย่างในหมู่บ้านชิบาโบ มีประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไป ประมาณ 1 พันคน เมื่อคูณกับเงินดิจิทัลคนละ 1 หมื่นบาท จะเป็นเงินถึง 10 ล้านบาท ซึ่งจะเห็นได้ว่า จะมีเงินมากระตุ้นเศรษฐกิจในหมู่บ้านนี้ถึง 10 ล้านบาท จะช่วยทำให้พี่น้องประชาชน อยู่ดีกินดีขึ้น รวมถึงพรรคเพื่อไทย ยังมีนโยบายพักหนี้เกษตรกรทั้งต้นและดอก เป็นเวลา 3 ปี พร้อมส่งเสริมที่ดินทำกินแบบถูกกฎหมายด้วย ส่วนเรื่องไฟฟ้า ตนเข้าใจว่า บางพื้นที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ซึ่งการขอไฟฟ้า ก็ต้องใช้เงิน และใช้เวลารอนานหลายปี แต่ถ้าพี่น้องประชาชน มีผู้แทนฯที่ประสานงานกับรัฐบาลได้ การขอไฟฟ้า ก็จะง่ายขึ้นโดยไม่ต้องเสียทั้งเงินและเวลา เพราะเรื่องนี้ สามารถเร่งรัดได้ เนื่องจากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนโดยตรง

'ปฏิรูปกองทัพ-งบประมาณ-รัฐทหาร' เอาบุคคลไปรวมองค์กร วิบัติ!!

ถ้าจะมองว่า "ปลาเน่าตัวเดียวทำเหม็นท้้งข้อง" ก็คงไม่ผิด!! แต่ถ้ามองว่าปลาเน่าตัวเดียว จะทำให้ปลาทั้งหมดเน่าไปด้วย...มันก็แลดูใจร้ายเกินไปไม่น้อย...
 

ถอดรหัส 'การเมือง' สไตล์ ์ Anthony Eden ไม่ใช่แกงถุงสำเร็จรูป ที่แกะหนังยางแล้วทานได้เลย

การเลือกตั้งครั้งนี้ มีการเสนอนักการเมืองหน้าใหม่ที่เป็นคนรุ่นใหม่มากมายหลายคน แต่ความเป็นจริงแล้ว การทำงานทางการเมืองอย่างมีคุณภาพนั้น จำเป็นต้องสั่งสมทักษะและประสบการณ์มากมายหลายเรื่อง รวมทั้งคุณงามความดี (ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด) นโยบายประชานิยม ขายฝัน ใครก็พูดได้ เขียนได้ แต่จะทำได้หรือไม่ โดยไม่ทำให้ชาติบ้านเมืองมีปัญหา นั่นคือเรื่องที่สำคัญที่สุด

วันนี้จึงขอนำเอาเรื่องราวของเซอร์ Anthony Eden (12 มิถุนาน ค.ศ. 1897 - 14  มกราคม ค.ศ. 1977) หนึ่งในนายกรัฐมนตรีผู้มากความสามารถและประสบการณ์ในประวัติศาสตร์ของสหราชอาณาจักร ด้วยมีนายกรัฐมนตรีเพียงไม่กี่คนที่มีประสบการณ์เทียบเท่ากับเซอร์ Anthony Eden นายกรัฐมนตรีผู้นี้ได้เลย มาบอกเล่าให้ผู้อ่านได้พิจารณาประกอบในการเลือกพรรคและคนที่ดีที่ใช่ เพื่อให้บ้านเราอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเราก้าวต่อไปได้

ก่อนที่จะได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี Eden เป็นทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วยอายุยังน้อยในปี ค.ศ. 1915 โดยเริ่มเป็นนายทหารยศร้อยตรีเมื่ออายุเพียง 17 ปี เมื่อสงครามสงบลงในปี ค.ศ. 1919 เขาอายุเพียง 23 ปี มียศเป็นร้อยเอกและได้รับเหรียญกล้าหาญ Military Cross

เขาเป็น ส.ส. นานถึง 32 ปี และเป็นรัฐมนตรีอีก 14 ปี ก่อนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่มีนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักรคนใดที่มีประสบการณ์มากกว่าเขา เว้นแต่เพียง เซอร์ Winston Churchill นายกรัฐมนตรีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เท่านั้นที่มีประสบการณ์มากกว่าเขา

Eden ยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศเป็นเวลา 12 ปีในช่วงเวลาที่สำคัญ ได้แก่ :
ค.ศ. 1935 - ค.ศ. 1938 ภายใต้นายกรัฐมนตรี Neville Chamberlain ค.ศ. 1940 - ค.ศ. 1945 ในรัฐบาลผสมของเซอร์ Churchill ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ค.ศ. 1951 - ค.ศ. 1955 ภายใต้นายกรัฐมนตรี เซอร์ Churchill อีกครั้งหนึ่ง

ก่อนที่เขาจะได้สืบต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากเซอร์ Churchill ในเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 1955 และชนะการเลือกตั้งทั่วไปในอีกหนึ่งเดือนถัดมา งานเมืองของเขาก่อนตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้นยาวนานและประสบความสำเร็จมากมาย

Eden มีกิตติศัพท์ในระดับโลกจากการดำเนินนโยบายจำยอมสละ เขาพยายามหลีกเลี่ยงสงครามโดยการโอนอ่อนผ่อนปรนให้แก่ชาติก้าวร้าวอย่างเยอรมนี ช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งทำให้เขาได้รับการยกย่องให้เป็น 'บุรุษแห่งสันติภาพ' ซึ่งสามารถชะลอการเกิดมหาสงครามสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

เขาเป็นบุคคลที่ได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากการรับราชการในช่วงสงครามที่ยาวนานและรูปลักษณ์และเสน่ห์ที่โด่งดังของเขา

‘ปชป.’ ลุยหาเสียงสุโขทัย ชู แนวคิดสร้างเม็ดเงินให้คนไทย เน้นส่งออก-ท่องเที่ยว โว!! เป็นพรรคเดียวที่คิดหาเงินให้ประเทศ

(8 เม.ย.66) เวลา 13.30 น.ที่ โรงเรียนเมืองเชลียง อำเภอศรีสัชนาลัยจ.สุโขทัย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นำทีมประชาธิปัตย์ เบอร์ 26 ออนทัวร์ภาคเหนือ พร้อมด้วยผู้สมัครส.ส.จ.สุโขทัย ประกอบด้วย น.ส.ประภาภรณ์ เชยวัดเกาะ เขต 1 เบอร์ 9 ,-นายสัมพันธ์ ตั้งเบญจผล เขต 2 เบอร์ 2 ,นายนราธิป ภูมิถาวร เขต 3 เบอร์ 1 และนายรวม ล้นเหลือ เขต 4 เบอร์ 1 พบปะ พี่น้องประชาชนชาวสุโขทัย

โดยนายจุรินทร์ ให้สัมภาษณ์ ว่า มีความมั่นใจ เพราะกระแสเสียงตอบรับในภาพรวมของจ.สุโขทัยดีขึ้นมาก และพี่น้องชาวสุโขทัยต้องการจะเห็นคนใหม่ๆ ได้มีโอกาสเข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวแทนของพี่น้องชาวสุโขทัยมากขึ้น ซึ่งก็จะเป็นโอกาสสำคัญของประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะผู้สมัครของพรรคฯเป็นผู้ที่มีคุณภาพ และมีศักยภาพทุกเขต หลายคนได้ลงพื้นที่มาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

เมื่อถามถึงเหตุผลที่นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์เป็นแนวนโยบายเพื่อสร้างรายได้ให้ประเทศ แตกต่างจากพรรคอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่เป็นแนวประชานิยมอย่างไร นายจุรินทร์ กล่าวว่า ความแตกต่างอันหนึ่งคือประชาธิปัตย์ ไม่ได้เน้นเรื่องนโยบายแจกฟรี แต่เราเน้นนโยบายในการหาเงินให้กับประเทศ นอกจากการหาเงินให้กับคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการหาเงินให้ประเทศ หรือการสร้างเงิน ก็ชัดเจนว่า เราจะมุ่งเน้นในการนำเงินเข้าประเทศจากการส่งออก และจากการท่องเที่ยว ซึ่งอย่างน้อยที่สุดตนมีประสบการณ์ด้วยตัวเอง เพราะได้ทำเรื่องการส่งออก และมีตัวเลขชัดเจนว่ารายได้จากการส่งออกเข้าประเทศเกือบ 10 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 30 ปี ส่วนเรื่องท่องเที่ยว ตนก็เคยเป็นรัฐมนตรีท่องเที่ยวมาแล้ว และเป็นคนทำแคมเปญ อะเมซิ่งไทยแลนด์ ในยุคต้นๆ ด้วย เพราะฉะนั้นสิ่งนี้จึงเป็นหลักประกันที่มั่นใจว่า ถ้าเราเป็นนายกรัฐมนตรี ก็จะสามารถสร้างเงินให้ประเทศได้อย่างน้อย 85 ล้านล้านบาท เพื่อจะได้นำเงินนี้มาสร้างเงินให้คนไทย และสร้างคน สร้างอนาคตให้กับประเทศต่อไปได้

“นโยบายแจกเงินมันไม่ยั่งยืน หลายพรรคอาจจะเน้นนโยบายเรื่องของการแจกเงิน บางพรรคอาจจะเน้นถึงขั้นแจก แล้วสุดท้ายก็ยอมรับว่าเอาเงินมาจากการไปขึ้นภาษีจากประชาชน ถ้าเป็นอย่างนั้นสุดท้ายประชาชนก็กลายเป็นห่าน ที่จะโดนถอนขนจนเกลี้ยงในที่สุด เพื่อมาสนองนโยบายพรรคการเมือง อันนี้ก็คือสิ่งที่เราต้องรู้เท่าทัน และต้องระมัดระวังว่าสุดท้ายแล้วกรรมจะตกอยู่กับใคร ถ้ามีนโยบายฉาบฉวยในลักษณะนี้ แต่สำหรับนโยบายของประชาธิปัตย์ เราต้องการสร้างเงินให้ประเทศจริงๆ และมีแนวทางที่ชัดเจน ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องที่จะต้องไปขูดรีดภาษีเพิ่มเติมจากประชาชน” นายจุรินทร์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคปชป.จะทำความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องตัวเลขที่เกี่ยวพันกับนโยบายอย่างไรนายจุรินทร์ กล่าวว่า นโยบายที่เป็นรายละเอียดนั้น ตนมั่นใจว่าประชาชนเข้าใจได้ และเป็นนโยบายที่โดนใจประชาชน เพราะมีรายละเอียดชัดเจน รวมทั้งรายละเอียดไม่ยาว จากนโยบาย 16 ข้อ ของประชาธิปัตย์ที่ได้ประกาศออกไปแล้ว ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคฯทุกคนก็ยืนยันตรงกันว่า เมื่อนำไปบอกกับชาวบ้านแล้ว ก็โดนใจชาวบ้านและชาวบ้านก็ชอบ เข้าใจง่าย เช่น ประกันรายได้ ข้าว มัน ยาง ปาล์ม ข้าวโพด จ่ายเงินส่วนต่าง นโยบายนี้ชาวบ้านมีประสบการณ์อยู่แล้ว รู้ว่าเป็นนโยบายของประชาธิปัตย์ หากต้องการให้นโยบายนี้เดินต่อ ก็ต้องเลือกประชาธิปัตย์ ส่วนนโยบาย “ชาวนารับ 30,000 บาทต่อครัวเรือน” ก็ตรงไปตรงมา ส่วนเรื่องที่ดินทำกิน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของคนไทยทั้งประเทศ มี 2 ข้อ

‘ชวน’ นำทีมผู้สมัคร บุก 3 ตลาดใหญ่ กลางเมืองชลบุรี อ้อน ปชช. ขอคะแนน หนุน ‘ปชป.’ ทั้งคน ทั้งพรรค

(8 เม.ย. 66) นายชวน หลีกภัย ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคฯ ลงพื้นที่จังหวัดชลบุรี ที่ตลาดบ้านโรงโป๊ะ ตลาดพระวัดกระทิงลาย เเละตลาดเก่านาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เพื่อช่วยผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี ของพรรคประชาธิปัตย์ หาเสียง ทั้ง 10 เขตเลือกตั้ง พร้อมขอคะแนนให้ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชป.เบอร์ 26 จากประชาชน ก่อนจะขึ้นรถกระจายเสียง เพื่อเดินทางไปตามจุดต่าง ๆ ทั่วจังหวัดชลบุรี ขอคะแนนสนับสนุนให้ผู้สมัครของพรรคฯ และรณรงค์การเลือกตั้ง เชิญชวนให้ประชาชนเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งคน ทั้งพรรค ทั้งบัตร 2 ใบ ในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top