Wednesday, 14 May 2025
SPECIAL

‘ธนาธร’ ลุยภาคตะวันออก รับฟังปัญหาชาวประมง ชาวบ้านชง!! สร้างเขื่อนกันคลื่นบนแนวชายหาด

‘ธนาธร’ ลุยช่วยหาเสียงภาคตะวันออก ประชาชนตอบรับคึกคัก เปิดวงพบชาวประมงเรือเล็ก สะท้อนปัญหาเขื่อนกันคลื่น-หาดกัดเซาะ

(20 เม.ย.66) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรมหาเสียงที่ภาคตะวันออกต่อเนื่องเป็นวันที่สอง โดยเริ่มกิจกรรมในช่วงเช้าที่ตลาดเทพจินดา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เดินตลาดหาเสียงร่วมกับ น.ส.สว่างจิตต์ เลาหะโรจนพันธ์ ผู้สมัคร ส.ส.ระยอง เขต 5 (เบอร์ 3) ก่อนขึ้นรถแห่หาเสียง เดินทางไปพบกลุ่มประมงเรือเล็ก ที่หาดบ้านพยูน เปิดวงพูดคุยสะท้อนปัญหาเขื่อนกันคลื่นที่กระทบวิถีชีวิตของชาวประมง

ตัวแทนกลุ่มชาวประมง กล่าวว่า ที่ผ่านมาการสร้างเขื่อนกันคลื่นบนแนวชายหาด ส่งผลกระทบให้เกิดการกัดเซาะชายหาดจนชายหาดธรรมชาติเดิมเสียความสมดุล ทางกลุ่มเคยหารือกันแล้วว่าสิ่งที่ชาวบ้านในกลุ่มต้องการมากกว่า คือเขื่อนกันคลื่นนอกชายหาด ที่จะช่วยให้เรือเล็กสามารถจอดได้ และสามารถนำไปสู่กิจกรรมการท่องเที่ยว เช่น การพานักท่องเที่ยวตกหมึกตกกุ้ง ซึ่งสอดคล้องกับวิถีของชาวประมงมากกว่า

ตัวแทนกลุ่มชาวประมง กล่าวต่อว่า การดำเนินการของภาครัฐที่ผ่านมากลับเน้นไปที่การทำเขื่อนกันคลื่นบนแนวหาด การทำ EIA ก็ไม่ครบกระบวนการและไม่ได้รับฟังเสียงชาวบ้านอย่างแท้จริง ทำให้เกิดผลกระทบตามมา ฝากถึงพรรคก้าวไกลว่าหากได้เป็นรัฐบาล ขอให้พิจารณาทบทวนรูปแบบการทำเขื่อนกันคลื่นให้เหมาะสมกับวิถีของประชาชนที่ต้องพึ่งพาอาศัยใช้ชีวิตทำกินอยู่กับทะเลด้วย

น.ส.สว่างจิตต์ ได้รับปากพร้อมเน้นย้ำถึงหลักคิดของพรรคก้าวไกลว่าการพัฒนาต้องไม่ขัดหรือแย้งกับกับสิ่งที่ชุมชนต้องการ และจะต้องมีส่วนร่วมกับชุมชนเป็นสำคัญ หากได้เป็น ส.ส. ตนก็พร้อมที่จะยืนอยู่เคียงข้างประชาชนอย่างเต็มที่

‘อุ๊งอิ๊ง’ โฟนอินนำทัพ ‘พท.’ ปราศรัย ขอโอกาสชาวคันนายาว อ้อน!! 14 พ.ค. นี้ กาทั้งคนทั้งพรรค ให้เพื่อไทยแลนด์สไลด์

คนกทม. โซนตะวันออกนับพันคน แห่ฟังพรรคเพื่อไทยปราศรัย ‘อุ๊งอิ๊ง’ อ้อนคน กทม. ต้องแลนด์สไลด์เท่านั้น 

(20 เม.ย.66) ที่ลานสวนสยาม เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดปราศรัยใหญ่ “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อคนกรุงเทพ” นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย นายดนุพร ปุณณกันต์ คณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่ กทม. และ ผู้สมัคร ส.ส. กทม. ของพรรคเพื่อไทย โซนตะวันออกทั้ง 10 เขต ประกอบด้วย 

1. นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ผู้สมัครส.ส. เขตเลือกตั้งที่ 19 กทม. 
2. นายโพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ ผู้สมัครส.ส. เขตเลือกตั้งที่ 18 กทม. 
3. นายไพฑูรย์ อิสระเสรีพงษ์ ผู้สมัครส.ส. เขตเลือกตั้งที่ 17 กทม. 
4. น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ผู้สมัครส.ส. เขตเลือกตั้งที่ 20 กทม. 
5. นายพงศกร รัตนเรืองวัฒนา ผู้สมัครส.ส. เขตเลือกตั้งที่ 14 กทม. 
6. นายธกร เลาหพงศ์ชนะ ผู้สมัครส.ส. เขตเลือกตั้งที่ 22 กทม. 
7. นายอรรฆรัตน์ นิติพน ผู้สมัครส.ส. เขตเลือกตั้งที่ 21 กทม. 
8. นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้สมัครส.ส. เขตเลือกตั้งที่ 15 กทม.  
9. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ผู้สมัครส.ส. เขตเลือกตั้งที่ 16 กทม. และ 
10. น.ส.สกาวใจ พูนสวัสดิ์ ผู้สมัครส.ส. เขตเลือกตั้งที่ 13 กทม.

โดย นายดนุพรได้กล่าวปราศรัยเป็นคนแรก ว่า พรรคเพื่อไทยเราเห็นความสำคัญของพี่น้องประชาชน นโยบาย ของพรรคเพื่อไทย คือ “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอาส” หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล สิ่งที่เข้ามาทำเป็นลำดับแรก คือลดรายจ่าย ทั้งค่าไฟฟ้า และค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ถ้าอยากที่จะให้รายจ่ายลดทุกอย่าง ต้องเลือกพรรคเพื่อไทย เราจะเข้าไปดูแลเรื่องแบบนี้ทั้งระบบ การเพิ่มรายได้ อาทิ ค่าแรงและในปี 2570 จะได้ค่าแรงวันละ 600 บาท ถ้ามีการขึ้นค่าแรงแล้วต้องขึ้นทั้งระบบ เงินเดือนคนจบใหม่จะต้องได้ 25,000 บาท 

การขยายโอกาศให้ประชาชน คือ โอกาศที่ทำให้ประชาชน มีสุขภาพที่ดี เพียงอากาศที่สะอาดที่จะให้ประชาชนได้หายใจ ยังทำไม่ได้ท่านจะเลือกอีกหรือ

พรรคเพื่อไทย ‘เราคิดใหญ่ทำเป็น’ สุขภาพขอประชาชน ต้องมาเป็นอันดับแรก หากเจ็บป่วยมีบัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกโรค

เวลา 18.20 น. อุ๊งอิ๊ง ได้โฟนอินเข้ามาบนเวทีปราศรัย ว่า พรรคที่จะเข้ามาแก้ปัญหา ที่คาราคาซังมาแล้ว 8 ปี พรรคเพื่อไทย นโยบายของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะนโยบายของกรุงเทพ จะได้เป็นเมืองแห่งโอกาสของคนกรุงเทพทุกคน นโยบาย 20 บาท ตลอด จะประหยัดได้เยอะมาก เราทำได้แน่นอน พรรคเพื่อไทยพูดแล้วทำได้ การตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ต้องแลนด์สไลด์เท่านั้นหากไม่เลนส์สไลด์เราจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ และรัฐบาลก็จะเป็นชุดเดิม คนกรุงเทพฯ ต้องมีชีวิตที่ดีขึ้น กินดี อยู่ดี มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี 

“การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากขอให้ประชาชนหนักแน่นในพรรคเพื่อไทย ไม่ต้องแบ่งคะแนนเสียงให้กับพรรคใด ขอพี่น้องประชาชนชาว กรุงเทพมหานคร เลือกพรรคเพื่อไทย ในกทม. ให้แลนด์สไลด์”

‘ศุภชัย’ เมิน!! ‘ชูวิทย์’ โพสต์คลิปซื้อเสียง พบแผ่นพับ ‘หมอมิลล์’ ลั่น!! ไม่รู้จักคนในคลิป เชื่อ!! มีขบวนการจ้องใส่ร้ายป้ายสี

‘ภท.’ ไม่ให้ ราคา ‘ชูวิทย์’ โพสต์ซื้อเสียง ลั่นสอบแล้ว ไม่จริง เชื่อมีกระบวนการใส่ร้าย ด้าน ผู้สมัครในคลิป โร่ แจ้งความตำรวจ-กกต.หนองคาย ยันถูกใส่ร้าย ไม่รู้จักบุคคลในคลิป

(20 เม.ย.66) นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์คลิประบุว่า อสม. เริ่มเดินสายจดรายชื่อตามบ้านเพื่อซื้อเสียง พร้อมระบุเป็นส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล โดยคลิป เป็นแผ่นพับของ นางจิดาภา สุนทรธนากุล ผู้สมัครส.ส.หนองคาย เขต 2 เบอร์ 4 พรรคภูมิใจไทย ว่า พรรคได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ยืนยันว่า ผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทย ที่อ้างว่า มีชื่ออยู่ในคลิปนั้น รวมทั้งผู้ช่วยหาเสียงทั้งหมดไม่มีพฤติการณ์ทำตามที่ปรากฏอยู่ในคลิป และมั่นใจว่ากระบวนการที่เกิดขึ้นเป็นกระบวนการใส่ร้าย ถ้าเจ้าตัวไม่ได้ทำ ซึ่งก็ได้ไปแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ กกต.จว.หนองคายแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่ามีกระบวนการจ้องทำลาย นายศุภชัย กล่าวว่า เมื่อเจ้าตัวไม่ได้ทำ แล้วมีความพยายามว่าทำ ตรงนี้ก็เป็นการใส่ร้ายป้ายสี ถือเป็นความไม่ประสงค์ดี ซึ่งเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ เกิดขึ้นเป็นประจำ เป็นระยะๆ แสดงให้เห็นว่าเป็นผู้ซื้อเสียง มีการถ่ายคลิป แล้วมีการสะบัดๆ ให้เห็นชื่อ เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ทำให้คะแนนเสีย นายศุภชัย กล่าวว่า คงไม่ เพราะผู้สมัครได้ลงพื้นที่อย่างหนักและเต็มที่ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท. ก็ได้ลงนามประกาศพรรค ห้ามผู้สมัครทุกคนกระทำการใดๆที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งทุกคนก็ถือปฏิบัติ เคร่งครัด แล้วจู่ ๆ ก็มีเรื่อง แล้วก็มีคนออกมาแฉแบบ ทันทีทันใด และเชื่อว่าจะเกิดขึ้นใน ทุกๆ ที่ เพราะทำกันง่ายเหลือเกิน

“ผมไม่ให้ราคาคนโพสต์ วันนี้มีพรรคการเมืองที่ถูกกล่าวหาแบบนี้ ก็ควรมาช่วยกันปกป้องว่ามีการใส่ร้ายป้ายสีหรือไม่ ควรมาช่วยกันใช้สติ ปัญญา ตรึกตรองว่ามันเป็นไปได้หรือไม่ เพราะอาจถูกกลั่นแกล้ง แต่ก็ไม่เป็นไร ซึ่งผู้สมัครส.ส.ก็ไปแจ้งความแล้ว และก็จะไปแจ้งต่อกกต. ต่อไป”นายศุภชัย กล่าว

ด้านนางจิดาภา สุนทรธนากุล ผู้สมัคร ส.ส. หนองคาย เขต2 พรรคภูมิใจไทย ที่ปรากฏแผ่นพับหาเสียงในโลกโซเชียล และถูกนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นำมาโพสต์ ถึงการซื้อเสียงว่า ถูกใส่ร้าย ซึ่งได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. โพนพิสัยแล้ว เมื่อช่วงเวลา 11.00น. ใน 2 เรื่องคือ ป้ายถูกทำลายและคลิปที่เผยแพร่ทางโซเชียล และขอให้เป็นเรื่องของกระบวนการตามกฎหมาย ที่เจ้าหน้าที่จะไปดำเนินการ ตำรวจและ กกต. ก็ดำเนินการสืบสวนสอบสวน

เทียบให้ดูชัด!! รวมนโยบายของ 9 พรรคการเมือง

เทียบให้ดูชัด!! รวมนโยบายของ 9 พรรคการเมือง ที่ออกนโยบายหาเสียงรแก้ปัญหาค่าไฟแพง

‘บิ๊กป้อม’ นำผู้สมัครส.ส.ฉะเชิงเทรา ไหว้หลวงพ่อโสธร ขอพรให้สุขภาพแข็งแรง ปัดตอบขอพรชนะเลือกตั้ง

‘บิ๊กป้อม’ ถือฤกษ์ดาวพฤหัสย้ายประทับดวงเมือง หอบผู้สมัครฉะเชิงเทรา ไหว้หลวงพ่อโสธร เผย ขอพรให้ ฉันดี ฉันปลอดภัย สุขภาพแข็งแรง ปัดขอพรการเมือง ขณะที่เจ้าอาวาสให้พร ปราศจากโรคาพยาธิ จงสำเร็จทุกอย่างโดยพลัน! 

(19 เม.ย.66) ที่วัดสมานรัตนาราม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ถือฤกษ์วันดาวพฤหัสย้ายเข้าประทับดวงเมือง นำผู้สมัครจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมผู้บริหารพรรค เดินทางมาวัดโสธรวรารามวรวิหาร เพื่อสักการะหลวงพ่อโสธร โดยพล.อ.ประวิตร ได้วางพวงมาลัยและสวดคาถาบูชาหลวงพ่อโสธร ก่อนที่จะใช้เวลาในการขอพรนานมาก

'เพื่อไทย' ลั่น!! ระบบการศึกษาภายใต้ 'บิ๊กตู่' สร้างความเหลื่อมล้ำ เสี่ยงทำเด็กหลุดจากระบบ เพราะปัญหาความยากจน

(20 เม.ย.66) ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม ประธานคณะทำงานด้านนโยบายการศึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ พรรคเพื่อไทย, ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย และผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย คณะทำงานด้านนโยบายการศึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ ด้านอุดมศึกษา พรรคเพื่อไทย, สุทธิเกียรติ วีระกิจพานิช คณะทำงานด้านนโยบายการศึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ ด้าน EdTech พรรคเพื่อไทย, รศ.ดร.จอมพงศ์ มงคลวานิช คณะทำงานด้านนโยบายการศึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ ด้านอาชีวศึกษา พรรคเพื่อไทย, ดร.ธีรรัตน์ สําเร็จวาณิชย์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตลาดกระบัง (ยกเว้นแขวงลำปลาทิว) เบอร์ 6 พรรคเพื่อไทย คณะทำงานด้านนโยบายการศึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ ด้านกิจกรรมพัฒนาเยาวชน พรรคเพื่อไทย แถลงเปิดตัว คณะทำงานด้านนโยบายการศึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ พรรคเพื่อไทย
.
ดร.ณหทัย กล่าวว่า ระบบการศึกษาภายใต้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา สร้างความเหลื่อมล้ำและเด็กนักเรียนเสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษาเพราะปัญหาความยากจนอย่างรุนแรง เมื่อเด็กหลุดจากระบบการศึกษา ก็จะตกงานไร้อาชีพอยู่กับความยากจน ดังนั้น การพัฒนาศักยภาพคน คือ ทางออก

พรรคเพื่อไทยจึงออกแบบนโยบายเพื่อการศึกษา ที่จะทำทั้งในระบบการศึกษา และ ออกแบบแพลตฟอร์มใหม่ให้คนได้เรียนรู้ตลอดชีวิต โดยโครงสร้างใหญ่นโยบายถูกคิดจากปรัชญาของพรรค นั่นคือ นโยบายการศึกษาจะต้อง ‘ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส’ ให้กับผู้เรียน ผ่าน 6 นโยบายดังนี้...

>> 1. นโยบาย 1 นักเรียน 1 แท็บเล็ต, 1 ครู 1 แท็บเล็ต ฟรีอินเตอร์เนต เพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำของการเข้าไม่ถึงการศึกษาและลดภาระผู้ปกครอง 

>> 2. นโยบายสร้างระบบการเรียนรู้ดิจิทัลแบบครบวงจร 'แพลตฟอร์ม Learn to Earn' เพื่อขจัดปัญหาเหล่านี้
2.1 ลดความเหลื่อมล้ำ ใครอยากเรียนอะไรต้องได้เรียน เนื้อหาหลากหลายทันสมัย เรียนสนุก
2.2 ขจัดปัญหาคนตกงานจะต้องหมดไป เพราะงานจะวิ่งเข้าหาผู้เรียน ผู้เรียนเห็นงานเห็นอาชีพเห็นรายได้ตอบแทนตั้งแต่ก่อนเรียน ระบบยังออกแบบช่วยให้มีงานทำเร็วที่สุด 
2.3 ระบบยังมีตัวช่วยทดสอบสมรรถนะของผู้เรียนและหางานที่เหมาะให้  ค้นหาศักยภาพตัวเองยิ่งหาเจอไว ยิ่งฉายแวว  
2.4 ออกแบบการเรียนเองได้ ตั้งแต่เวลาเรียน ถ้าขยันก็สามารถจบไว แข่งกับตัวเอง หรือ ถ้าเรียนไปทำงานไปก็ค่อยๆ สะสมหน่วยกิตเทียบโอนได้ 
2.5 สร้างรายได้ใหม่ รายได้เสริม หรือเปลี่ยนอาชีพ หรือรับงานเสริมหลังเรียนเสร็จได้เลย
 

>> 3. นโยบายจบปริญญาตรี อายุ 18 ปี ขจัดเนื้อหาการเรียนที่ทับซ้อนและไม่ทันสมัย 

>> 4. นโยบายเรียนอาชีวะฟรีมีอยู่จริง ตั้งแต่ ปวช.-ปวส. 

>> 5. นโยบาย 1 อำเภอ 1 ทุน รื้อฟื้นกลับขึ้นมาให้เด็กในต่างจังหวัดได้รับโอกาสไปศึกษาต่างประเทศเพื่อกลับมาพัฒนาบ้านเกิด 

>> 6. นโยบายโรงเรียน 2 ภาษาทุกท้องถิ่น เพื่อยกระดับการเรียนรู้ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษา Coding ตั้งแต่ ป.1 เพื่อพัฒนาให้ทันต่อโลกที่เปลี่ยนไปแล้ว
 

นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยจะปรับปรุงกฎหมายและยกระดับกระทรวงศึกษาธิการให้มีประสิทธิภาพทั้งระบบมากยิ่งขึ้น โดยยึดนักเรียนและชุมชนเป็นศูนย์กลาง อาทิ...

'มาร์ค' ลุยหาเสียงย่านบางรัก ขอเสียง ปชช. หนุน 'เจิมมาศ'  โอด!! เสียดายรัฐไม่สานต่อนโยบายสมัยตนเป็นนายกฯ 

'มาร์ค' ลุยย่านบางรัก หาเสียงช่วย 'เจิมมาศ' หวังประชาชนให้โอกาสคนมีอุดมการณ์-ทำงานสม่ำเสมอ เลือกพรรคการเมืองสุจริต เสียดายรัฐบาล ไม่สานต่อนโยบายสมัยเป็นนายกฯ แก้ค่าไฟพุ่ง ให้ ปชช. ใช้ไฟฟรี -คิดอัตราก้าวหน้าสำหรับผู้ใช้ไฟรายใหญ่ ด้าน 'มาดามเดียร์' เชิญฟังปราศรัยใหญ่ วงเวียนใหญ่ 23 เม.ย.นี้

(20 เม.ย.66) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วย น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง ลงพื้นที่ย่านบางรัก ช่วยขอเสียงสนับสนุนให้ นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ ผู้สมัคร ส.ส.  กทม.เขต 1 'พระนคร-ป้อมปราบ-สัมพันธวงศ์-ดุสิต-บางรัก' โดยได้เดินทักทายพ่อค้า แม่ค้า และประชาชนที่สัญจรไปมาตามริมถนน พร้อมแจกใบปลิวแนะนำตัวผู้สมัคร และฝากให้เลือกพรรคประชาธิปัตย์ทั้งคนทั้งพรรค

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หวังว่าประชาชนจะให้การตอบรับพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้ง โดยเฉพาะนางเจิมมาศ ที่ทำงานในพื้นที่มาอย่างยาวนาน และวันนี้ก็ดีใจที่พี่น้องประชาชนยังเข้ามาทักทายแสดงความผูกพันกับพรรคประชาธิปัตย์ เชื่อว่าประชาชนจะเห็นการทำงานของนางเจิมมาศมาตลอดและจะให้การสนับสนุน ทั้งนี้ยอมรับว่าการแข่งขันในการเลือกตั้งครั้งนี้รุนแรงมากและมีหลายปัจจัย ที่มีผลต่อการตัดสินใจของประชาชน แต่เรายังคงเน้นย้ำในความเป็นประชาธิปัตย์ 

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงประเด็นค่าไฟฟ้าแพง ว่า ในสมัยที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี ชัดเจนมากในการไม่ขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม เพราะเป็นสิ่งที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน โดยคิดตามราคาต้นทุน แต่น่าเสียดายที่รัฐบาลต่อมาได้ยกเลิกแนวคิดนี้ ส่วนค่าไฟฟ้านั้น ตนก็มีแนวคิดในการใช้ไฟฟรีสำหรับประชาชนที่ใช้ในครัวเรือนและปริมาณไฟไม่สูง และผู้ที่ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ควรจ่ายในอัตราไฟก้าวหน้า ซึ่งน่าเสียดายว่าเรื่องการบริหารพลังงานในวันที่ราคาตลาดโลกตก แต่ไม่มีการบริหารจัดการให้ทั่วถึงเพียงพอเพื่อช่วยในยามที่ราคาแพง  ซึ่งนโยบายของแต่ละพรรคการเมืองถ้าเขียนมาแล้วว่าทำได้ก็ต้องแก้ปัญหาได้ และอยู่ที่ว่าเมื่อแก้แล้วจะมีผลกระทบถึงประชาชนอย่างไรและยั่งยืนหรือไม่ 

นายอภิสิทธิ์ ยังได้ให้กำลังใจกับประชาชนในการตัดสินใจเลือกผู้แทนฯเพราะเข้าใจว่าเมื่อออกมาใช้สิทธิ ย่อมคาดหวังว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง และในช่วงนี้หากมีอะไรที่ต้องการให้พรรคการเมืองช่วยแก้ไขเรียกร้องอะไรเพื่อตนเองก็ขอให้สะท้อนปัญหา และเน้นย้ำให้เลือกพรรคการเมือง และนักการเมืองที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ยึดอุดมการณ์นี้มาโดยตลอด 

ทีมเศรษฐกิจ ปชป. กาง 4 แผนใหญ่พัฒนา จ.สงขลา เชื่อมระบบการเดินทาง ดัน ‘หาดใหญ่’ สู่ขุมทองทาง ศก.

(20 เม.ย.66) ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวทีมเศรษฐกิจประชาธิปัตย์สัญจร ครั้งที่ 2 ‘แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจปลายด้ามขวานไทย’ นำโดย ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม อดีตรมช.กระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ผู้เชี่ยวชาญด้านคมนาคมขนส่งโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการขนาดใหญ่ ม.ร.ว. ศศิพฤนท์ จันทรทัต อดีตซีอีโอ บล. กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยนางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และนายนิพัฒน์ อุดมอักษร ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมด้วย ณ โรงแรมคริสตัล หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 

ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ผู้เชี่ยวชาญด้านคมนาคมขนส่งโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการขนาดใหญ่กล่าวถึงวิสัยทัศน์ ‘เร่งเมกะโปรเจกต์ ดันหาดใหญ่ เชื่อมไทย-เชื่อมโลก’ ว่า หาดใหญ่มีทำเลยุทธศาตร์ในการเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของภาคใต้ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องขับเคลื่อนหาดใหญ่ด้วยระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพ เพื่อผลักดันให้หาดใหญ่เป็นขุมทองทางเศรษฐกิจของปลายด้ามขวานไทย โดยพรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งในหาดใหญ่ และพื้นที่ใกล้เคียง ดังนี้

1. โมโนเรล คือรถไฟฟ้า ที่วิ่งคร่อมรางโดยใช้รางเดี่ยว หรืออาจจะแขวนห้อยอยู่ใต้รางก็ได้ แต่ที่นิยมใช้กันมากก็คือแบบคร่อมราง โดยหาดใหญ่เช่นเดียวกับเมืองใหญ่อื่น ๆ ที่มีปัญหารถติดในชั่วโมงเร่งด่วน องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา สมัยนายนิพนธ์ บุญญามณี เป็นนายก อบจ. จึงได้ริเริ่มโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเดี่ยวหรือโมโนเรลขึ้น โดยระยะที่ 1 มีระยะทางยาว 13 กิโลเมตร วงเงินประมาณ 16,000 ล้านบาท มี 15 สถานี ประกอบด้วยสถานีควนลัง แยกสนามบิน รถตู้ หาดใหญ่ในชุมทางรถไฟหาดใหญ่ ตลาดกิมหยง น้ำพุ หาดใหญ่วิทยาลัย บิ๊กซี คอหงส์ มอ. คลองเรียน เซ็นทรัล คลองหวะ และบ้านพรุ

ระยะที่ 2 จะขยายเส้นทางจากสถานีน้ำพุไปยังถนนลพบุรีราเมศร์ และจากสถานีคอหงส์ไปยังสวนสาธารณะหาดใหญ่ 

ส่วนระยะที่ 3 จะมีเส้นทางเชื่อมระหว่างสถานีหาดใหญ่ในกับสถานีคลองเรียนโดยวิ่งผ่านโรงเรียนพัฒนศึกษาและศูนย์การค้าไดอาน่า

โมโนเรลจะไม่ส่งผลกระทบต่อรถตุ๊กตุ๊ก รถสองแถว และวินมอเตอร์ไซค์ที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน ในทางกลับกัน โมโนเรลจะช่วยให้รถตุ๊กตุ๊ก รถสองแถว และวินมอเตอร์ไซค์มีเส้นทางการให้บริการเพิ่มขึ้น ได้แก่ เส้นทางระหว่างแหล่งที่อยู่อาศัยกับสถานีโมโนเรล และเส้นทางระหว่างแหล่งทำงานและสถานศึกษากับสถานีโมโนเรล 

“เวลานี้ผมมีผลการศึกษา และแบบเบื้องต้นอยู่ในมือแล้ว การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ก็ผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว พรรคประชาธิปัตย์จะผลักดันให้โมโนเรลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหารถติดในเมืองหาดใหญ่ได้เป็นอย่างดี” 

2. รถไฟทางคู่หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ รถไฟทางคู่หมายถึงทางรถไฟที่ประกอบด้วยเหล็กรางรถไฟ 4 ราง หรือใช้เหล็กรางรถไฟ 4 เส้น รถไฟทางคู่จะช่วยประหยัดเวลาการเดินทางและการขนส่งสินค้าได้มาก เพราะรถไฟสามารถวิ่งสวนทางกันได้ ไม่ต้องรอสับหลีกที่สถานี รถไฟทางคู่เปรียบเหมือนกระดูกสันหลังของโครงข่ายรถไฟ พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้ริเริ่มโครงการรถไฟทางคู่ขึ้นมาเมื่อปี พ.ศ. 2536 

ดร.สามารถ กล่าวต่อว่า พรรคจะเดินหน้าก่อสร้างรถไฟทางคู่ต่อไปให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยจะเร่งผลักดันโครงการรถไฟทางคู่หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ซึ่งเป็นรถไฟที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า เพื่อรองรับรถไฟจากประเทศมาเลเซียที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเช่นเดียวกัน

หากมีชาวมาเลเซียนั่งรถไฟนี้มาหาดใหญ่วันละ 2,000 คน หรือปีละ 730,000 คน สมมติว่าคนหนึ่งมีค่าใช้จ่ายตลอดระยะเวลาที่อยู่ในหาดใหญ่ 15,000 บาท ก็จะมีเงินหมุนเวียนในหาดใหญ่ปีละประมาณ 11,000 ล้านบาท 

อีกทั้ง รถไฟทางคู่หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ จะช่วยกระตุ้นให้การค้าชายแดนระหว่างไทยกับมาเลเซียพุ่งสูงขึ้นจากเดิมในปี พ.ศ. 2565 ที่มีมูลค้าการค้า 660,392 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าการค้าชายแดนที่สูงที่สุดของประเทศ

ทั้งนี้รถไฟทางคู่หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กิโลเมตร มีมูลค่าโครงการประมาณ 6,700 ล้านบาท เส้นทางนี้จะเชื่อมต่อไปสู่กรุงเทพฯ โดยจะบรรจบกับรถไฟทางคู่ที่เวลานี้สร้างมาถึงชุมพรแล้ว เมื่อมีรถไฟทางคู่จากหาดใหญ่ถึงกรุงเทพฯ เวลาการเดินทางจะลดลงจาก 16 ชั่วโมง เหลือเพียง 8-10 ชั่วโมงเท่านั้น ประหยัดเวลาลงได้ครึ่งหนึ่ง

“แบบก่อสร้างเสร็จแล้ว และการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ก็ผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว พรรคประชาธิปัตย์จะเร่งรัดให้มีการก่อสร้างโดยเร็ว”

3. มอเตอร์เวย์หาดใหญ่-สะเดา มอเตอร์เวย์เป็นถนนที่รถวิ่งได้เร็ว รถไม่ติด มอเตอร์เวย์ก็เหมือนกับทางด่วนนั่นเอง พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้จัดทำแผนแม่บทมอเตอร์เวย์ทั่วประเทศ และได้ก่อสร้างมอเตอร์เวย์เส้นทางแรกของประเทศไทยคือเส้นทางกรุงเทพฯ-ชลบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2537 ซึ่งพรรคจะเดินหน้าก่อสร้างมอเตอร์เวย์ต่อไป

ดร.สามารถ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้จะเร่งผลักดันโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์จตุรทิศ เชื่อมใต้สุดกับเหนือสุด และตะวันตกกับตะวันออกของประเทศไทย ประกอบด้วย 3 เส้นทาง คือ

(1) เส้นทางสุไหงโกลก-พัทลุง-ทุ่งสง-นครปฐม ระยะทาง 1,100 กิโลเมตร ซึ่งจะทำให้ทุ่งสงเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าของภาคใต้  

(2) เส้นทางด่านแม่สาย/ด่านเชียงของ-เชียงใหม่-บางปะอิน ระยะทาง 853 กิโลเมตร 

(3) เส้นทางแม่สอด-มุกดาหาร-นครพนม ระยะทาง 710 กิโลเมตร สำหรับมอเตอร์เวย์หาดใหญ่-สะเดานั้น มีระยะทาง 71 กิโลเมตร วงเงิน 40,787 ล้านบาท เริ่มจากบ้านควนทรายทองถึงทางเข้าด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ แบบก่อสร้างเสร็จแล้ว

ขณะที่การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ก็ผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว กำลังรอหารือเรื่องถนนเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่-ด่านบูกิตกายูฮิตัมของมาเลเซียในเร็วๆ นี้ เช่นเดียวกับรถไฟทางคู่หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ มอเตอร์เวย์หาดใหญ่-สะเดา จะช่วยกระตุ้นให้การค้าชายแดนระหว่างไทยกับมาเลเซียพุ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอน

'ไพบูลย์' ไม่พลาด!! ตอบรับร่วมเวทีเขียน รธน.ใหม่  ชี้!! แนวทางสอดรับนโยบายพปชร. ฟังเสียง ปชช. 

(20 เม.ย.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พปชร.เป็นตัวแทนรับหนังสือเชิญจากตัวแทนคณะทำงานเวทีนักการเมืองกับเครือข่ายรัฐธรรมนูญคนจน ที่เชิญตัวแทนพรรคการเมืองเข้าร่วมเวทีฯ ในวันที่ 28 เม.ย.นี้ ตั้งแต่เวลา 12.00 - 18.00 น.ที่คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ตนเป็นตัวแทนพรรค พปชร. ตอบรับเข้าร่วมเวทีดังกล่าว เพราะเห็นว่าจุดประสงค์ของการจัดงาน เพื่อให้นักกฎหมายมามีส่วนร่วมในการยกร่างรัฐธรรมนูญคนจน ที่มุ่งเน้นให้ความสนใจกับประชาชน ซึ่งตรงกับแนวทางของพรรค ที่ให้ความสำคัญกับคำว่า ประชา และ รัฐ โดยรัฐจะเข็มแข็งอยู่ได้ต้องมาจากประชาชนที่เข้มแข็งสอดรับกับนโยบายของพรรค ที่นำเสนออกมาเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง

‘ลูกวิทยา’ ชี้!! คนเมืองคอนรู้ ‘บิ๊กตู่’ ทำงานจริง ช่วยผู้สมัครฯ หาเสียงได้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย 

(20 เม.ย.66) นายพูน แก้วภราดัย ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 1 เบอร์ 8 พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่มาตลอดพบว่า ประชาชนให้การต้อนรับพรรครวมไทยสร้างชาติ และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นากรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคกระแสดีขึ้นทุกวัน คนนครศรีธรรมราชอยากได้ลุงตู่กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ทำให้มีกำลังใจเดินลงพื้นที่เพื่อนำเสนอนโยบายของพรรคอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย

นายพูน กล่าวด้วยว่า นโยบายของพรรคที่ประชาชนชื่นชมมากคือโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรลุงตู่ เขาบอกว่าที่มีกินมีใช้อยู่ได้แม้เงินจะไม่มากก็เพราะบัตรลุงตู่ กระทั่งกลายมาเป็นบัตรสวัสดิการ พลัส เดือนละ 1,000 บาท และใช้เป็นหลักประกันกู้ฉุกเฉินได้อีกด้วย นอกจากนั้นสิ่งที่ประชาชนสะท้อนมาคือ ไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีคนไหนดีเท่าลุงตู่ถือเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุด จึงยังไว้วางใจอยากให้ลุงตู่กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีก 2 ปี

“คนนครศรีธรรมราชเป็นคนที่ติดตามการเมือง เข้าใจปัญหาการเมือง เข้าใจสิ่งที่ลุงตู่ทำมาว่าทำอะไรให้บ้านเมืองและจังหวัดนครศรีธรรมราชบ้าง สำหรับโครงการต่างๆ ที่ลงมาสมัยรัฐบาลลุงตู่และชาวบ้านพอใจมาก คือ โครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนมีการพัฒนาใหม่เกือบทั้งภาคใต้ ก็ทำในยุคลุงตู่เป็นนายกรัฐมนตรีจนปักษ์ใต้พัฒนาไปมาก ล่าสุด ชาวบ้าน อ.ปากพนัง และ อ.เมืองถูกน้ำท่วมปี 65 แล้วตกสำรวจทั้งที่เป็นพื้นที่ที่ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติเหมือนกันอำเภออื่นได้หมดแล้ว ลุงตู่ก็ได้กำชับนายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สำรวจใหม่ว่า คนที่เดือดร้อนยังไม่ได้รับค่าตอบแทน มีทั้งหมดกี่ครัวเรือนกำชับสำรวจให้แล้วเสร็จภายใน 90 วันชาวบ้านก็ดีใจที่รัฐบาลไม่ทอดทิ้ง” นายพูนกล่าว

นายพูน กล่าวว่า อีก 25 วันจะถึงวันเลือกตั้งยังไม่มีสิ่งที่ทำให้ท้อแท้หรือท้อถอย แม้จะลงสนามการเมืองใหญ่ครั้งแรก แต่พยายามเดินพบปะประชาชนชี้แจงนโยบายของพรรคให้เขาเข้าใจมากที่สุด แม้ตนจะอายุน้อยแต่มีความตั้งใจมากเกินร้อย เดินลงพื้นที่ทุกวัน ชูผู้นำคือลุงตู่ให้ประชาชนเห็นว่าทำอะไรมาบ้าง ตนไม่ท้อขอสู้เต็มที่แพ้ชนะเป็นเรื่องเล็ก แม้จะต้องต่อสู้กับพรรคการเมืองใหญ่พรรคเก่าแก่ และพรรคที่มีเงินมาก แต่ประชาชนคนนครศรีธรรมราชคิดได้เขามีคนอยู่ในใจแล้วว่าจะเลือกใคร

'บิ๊กป้อม' ชู!! นโยบายใหญ่ 'อีสานประชารัฐ'  ความเจริญทั่วอีสาน เชื่อมประสานสู่ทะเล

‘บิ๊กป้อม’ ชู ‘อีสานประชารัฐ’ สร้างรถไฟทางคู่ บึงกาฬ-EEC 480 กม. สร้างนิคมอุตสาหกรรม-อาชีวะ-ท่าเรือบก-ทางหลวงพิเศษ 8 เลน ลั่นจะทำให้อีสานเจริญ ‘สันติ’ เหน็บที่ผ่านมามีแต่พรรคขอแลนด์สไลด์ แต่ไม่เคยคิดพัฒนาให้ บอกถ้า พปชร.เป็นรัฐบาลทำจริงทำทันที ‘ไพบูลย์’ ยันยื่นแจงนโยบายต่อ กกต.แล้ว ย้ำนโยบาย พปชร.ทำมาเพื่อชนะแลนด์สไลด์

(20 เม.ย.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ร่วมแถลงเปิดนโยบาย ‘อีสานประชารัฐ’ พัฒนาภาคอีสานด้วยรถไฟทางคู่ บึงกาฬ-อู่ตะเภา

โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวเปิดนโยบายว่า เราจะพัฒนาภาคอีสาน และภาคตะวันออก ให้เป็นรถไฟทางคู่ จาก จ.บึงกาฬ - ท่าเรือแหลมฉบัง - ท่าเรือมาบตาพุด - สนามบินอู่ตะเภา จ.ระยอง โดยเป็นการพัฒนาพื้นที่ 24 จังหวัดในภาคอีสาน และภาคตะวันออก สอดรับกับโครงการ EEC โดยทางรถไฟจะผ่าน 13 จังหวัด ได้แก่ บึงกาฬ  อุดรธานี สกลนคร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และยังเชื่อมต่ออีก 11 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร ศรีษะเกษ หนองคาย และหนองบัวลำภู ระยะทางรวมประมาณ 480 กม.โดยเราได้สำรวจเส้นทางมาเรียบร้อยแล้ว และจะสร้างเมื่อเราได้เป็นรัฐบาล

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราทำเพื่อคนอีสานโดยเฉพาะ เพื่อจะได้มีงาน สร้างงาน สร้างอาชีพให้คนอีสาน เพราะน้ำเขาก็น้อย การเกษตรก็มีข้อขัดข้องเยอะ คนอีสานออกมาทำงานต่างจังหวัดทั้งนั้น เราทำโครงการนี้เพื่อชาวอีสานโดยเฉพาะ อย่าเพิ่งถามถึงภาคอื่น เอาให้ภาคอีสานเจริญ โดยภาคอีสานมีทั้งหมด 133 เขต คิดเป็น 1 ใน 3 ของประเทศ

ผู้สื่อข่าวถามว่า การมาทำโครงการใหญ่ในภาคอีสานจะเป็นการทำให้ภาคอื่นรู้สึกน้อยใจหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราทำอีสานก่อน จากนั้นจะทำภาคเหนือและใต้ต่อไป อันนี้คิดกันมาหลายปีแล้ว อย่าเพิ่งไปคิดว่ามันจะเสร็จพรุ่งนี้

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าจะส่งผลต่อคะแนนเสียง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี ไม่ต้องห่วง ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ตนไม่ห่วง ส่วนเรื่องงบประมาณที่จะใช้นั้น ไม่ต้องห่วง ยังไม่ได้คิดแต่สามารถดำเนินการได้แน่นอน

ด้าน นายสันติ กล่าวว่า เราจะพัฒนาอีสาน เปิดภาคอีสานของเราให้ทันต่อโลก เนื่องจากดูแต่ละพรรคการเมืองแล้วมีแต่ที่จะขอให้ชาวภาคอีสานทั้ง 20 จังหวัด และภาคตะวันออก 5 จังหวัด ขอแต่แลนด์สไลด์ แต่ไม่เคยเห็นพรรคการเมืองใดเลยที่คิดว่าจะพัฒนาภาคอีสานให้พ้นความยากจน หรือนำเงินลงทุนมหาศาลไปพัฒนา ซึ่งไม่มีเลย มีแต่ พปชร.ที่ให้ความสำคัญกับชาวอีสาน ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีภาคอีสานไม่ได้รับการพัฒนาใดๆ เลย พปชร.จึงมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ จาก จ.บึงกาฬ ที่อยู่บนสุดของอีสานวิ่งตรงลงมาผ่านภาคอีสานทางตะวันออกทั้งภาค มาถึงท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือมาบตาพุด และสนามบินอู่ตะเภา เพื่อเปิดโลกให้ชาวอีสาน

นายสันติ กล่าวว่า สำหรับรถไฟทางคู่แบบใหม่ที่เราจะทำนั้น จะมีรางขนาด 1.435 ม.ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับรถไฟความเร็วสูง จะมีการสร้างทางหลวงพิเศษ 8 ช่องจราจร ตลอดแนวเส้นทางรถไฟ จะมีการสร้างนิคมอุตสาหกรรม ขนาด 20,000 ไร่ 6 แห่ง กว่า 6,000 โรงงาน โดยเป็นนิคมอุตสาหกรรมนำสมัย นอกจากนี้ จะมีการสร้างวิทยาลัยอาชีวะใกล้นิคมอุตสาหกรรม นิคมฯละ 2 แห่ง รวม 12 แห่ง เพื่อเตรียมแรงงานที่มีทักษะและคุณภาพรองรับอุตสาหกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ ยังมีโครงการพัฒนาท่าเรือบก ซึ่งจะเป็นพื้นที่รองรับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากนิคมอุตสาหกรรมที่จัดตั้งขึ้นก่อนที่จะมีการขนส่งไปยังท่าเรือน้ำลึกที่ภาคตะวันออก

“หลายสิบปีที่ผ่านมา ชาวอีสานได้รับการพัฒนาอย่างเชื่องช้า มีแต่คนไปขอให้แลนด์สไลด์ แต่ยังไม่เคยได้ยินพรรคใดที่ตั้งใจที่จะไปพัฒนาภาคอีสานเพื่อลูกหลานอยู่ดีกินดี เราจึงขอแรงใจทั้ง 133 เขตให้กับ พปชร.เพื่อ พปชร.จะได้มีอำนาจในการมาพัฒนาภาคอีสาน และเรามั่นใจว่าชาวอีสานจะต้องเลือก พปชร.ทั้ง 133 เขต เพื่อให้ พปชร.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และใน 133 เสียง ที่เลือกเราเข้าไปในสภาจะไปยกมือสนับสนุนให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี ตนยืนยันว่าโครงการเหล่านี้ทำจริง ทำทันที แต่เราจะต้องมีนายกฯเป็นคนที่จะใช้อำนาจผลักดันโครงการดีๆ เหล่านี้ได้” นายสันติ กล่าว

‘ปชป.’ หนุนสันติภาพ พร้อมคุยฝ่ายเห็นต่าง  มุ่งสร้างสันติสุขให้เกิดในพื้นที่ชายแดนใต้ 

‘นิพนธ์’ ชี้ปชป. เดินหน้าสร้างสันติภาพ หนุนพูดคุยกับฝ่ายเห็นต่าง ควบคู่ ยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านอาหาร เพื่อสร้างสันติสุขในพื้นที่ชายแดนใต้

(20 เม.ย.66) นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ผอ.เลือกตั้ง ได้กล่าวในรายการ “Road to future เลือกตั้ง 66 อนาคตประเทศไทย” โดยสำนักข่าวเนชั่น ถึงการดำเนินนโยบายของพรรคปชป.เกี่ยวกับการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ว่า พรรคประชาธิปัตย์ประกาศชัดเจนที่จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส ว่าจะเดินหน้าสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในภาคใต้ให้ได้ เราจะต้องสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในภาคใต้ให้ได้ นั่นก็คือเราการสนับสนุนการพูดคุยเปิดรับความเห็นต่าง อะไรที่สามารถพูดคุยกันได้ก็ดำเนินการ หากตราบใดที่ยังมีความเห็นต่างอยู่และยังมีการใช้ความรุนแรงอยู่ เป็นเรื่องยากที่จะทำให้เกิดความสงบสุขได้

'ดร.บลู' นำทัพเลือดอีสาน ชพก. หาเสียงแบบถึงตัว ปลื้ม!! ชาวบ้านถูกใจนโยบายแก้ปัญหาราคา 'ไฟฟ้า-น้ำมัน'

(20 เม ย.66) ผศ.ดร.เอราวัณ ทับพลี หรือ ดร.บลู รองเลขาธิการพรรคชาติพัฒนากล้า และผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เบอร์ 14 ลงพื้นที่ภาคอีสาน ช่วยผู้สมัคร ส.ส. 'เอม อภัสรา' นักร้องหมอลำ เบอร์ 5 เขตเมืองร้อยเอ็ด, 'นุจรีภรณ์ อินทะสร้อย' เบอร์ 5 เขตเมืองมหาสารคาม ลูกชาวนา, 'ธัชชัย คมขำ' ผู้บริหารโรงเรียนเอกชน เบอร์ 4 เขตเมืองอุบลราชธานี ลงติดป้ายและเดินพบพ่อแม่พี่น้องประชาชน

‘เพื่อไทย’ จี้ กกต. เร่งสอบปมปาระเบิดรถหาเสียง ‘ประชา ประสพดี’ ชี้ ไม่ใช่แค่ข่มขวัญ แต่หวังเอาชีวิต ล่าสุดแจ้งผู้สมัครส.ส.ระวังในการลงพื้นที่

(20 เม.ย.66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวกรณีรถประชาสัมพันธ์หาเสียงของ นายประชา ประสพดี ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ ถูกปาระเบิดระหว่างหาเสียงเมื่อวันที่ 19 เม.ย.66

โดย นายภูมิธรรม กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว สรุปได้ใน 2 ประเด็น ดังนี้ 1.การกระทำที่เกิดขึ้นเป็นการใช้อำนาจอันมิชอบ ขณะนี้อยู่ในวาระของการเลือกตั้ง ภายใต้การบริหารจัดการในรัฐบาลนี้ และอยู่ในอำนาจหน้าที่ของ กกต.ที่ต้องสืบสวนให้ชัดเจน เพราะผู้ปาระเบิดใส่รถหาเสียงประชาสัมพันธ์ของนายประชานั้น เป็นหัวคะแนนของพรรคที่มีความเกี่ยวข้องกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ดังนั้น นายกรัฐมนตรีต้องสืบให้ทราบว่าเกิดปัญหานี้ได้อย่างไร จะรับผิดชอบอย่างไร แล้วจะจัดการปัญหานี้อย่างไร ส่วน กกต.ต้องเข้ามาดูแล เพราะเข้าข่ายผิดกฎหมายพรรคการเมืองและกฎหมายเลือกตั้ง

2.มีประชาชนให้ข้อมูลกล่าวหาว่า มีการใช้อิทธิพลของรัฐ อำนาจรัฐ กลไกของรัฐไปใช้ในการช่วยหาคะแนนเสียงให้กับพรรคการเมืองหนึ่ง ในภาคเหนือและภาคอีสาน โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของตำรวจ เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ระดับผู้กำกับ ผู้การ สารวัตร ให้ทำทุกวิถีทาง เพื่อให้พรรคการเมืองหนึ่งได้รับชัยชนะในหลายเขตเลือกตั้ง เมื่อมีข่าวนี้เกิดขึ้น นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควรสร้างความกระจ่าง ไม่ควรทำให้เกิดข้อครหา และทำให้ประชาชนไม่สบายใจ ในบรรยากาศการเลือกตั้ง มิฉะนั้นอาจจะถูกมองได้ว่า ผู้นำของประเทศอยากสืบทอดอำนาจของตนเอง และจะใช้อำนาจทุกวิถีทางเพื่ออยู่ต่อ เพราะเราต่างขออาสามารับใช้ประชาชน ไม่ควรมีใครใช้กระบวนการของรัฐข่มขู่คุกคามผู้สมัครต่างพรรคต่างเบอร์กัน ซึ่งผิดกับหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

"เราไม่ควรมีบรรยากาศการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยที่มีการข่มขู่ คุกคาม อันนำไปสู่การทำลายระบบประชาธิปไตย ทำให้เกิดการหวาดหวั่นในการเลือกตั้งที่จะถึงและหวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้นอีก ไม่ควรมีกระบวนการใด อิทธิพลใด หรือการกระทำใดๆ ที่กระบวนการของรัฐฯเข้ามาเกี่ยวข้องและข่มขู่ผู้สมัคร ที่ต่างพรรคต่างเบอร์ต่างความคิดกัน กกต.ไม่ต้องรอให้พรรคเพื่อไทยร้องเรียน สามารถดำเนินการสอบสวนได้เลย" นายภูมิธรรม กล่าว

นายประเสริฐ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าว ถือเป็นการคุกคาม ขู่เข็ญ ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย และผู้สนับสนุนให้เกิดความหวาดกลัว ส่งผลต่อการได้เปรียบ เสียเปรียบในการเลือกตั้งที่จะส่อให้เกิดความไม่เป็นธรรม ตัวผู้กระทำผิดก็มีพฤติกรรมเกี่ยวพันกับพรรคการเมืองที่นายกรัฐมนตรีมีความเกี่ยวข้องอีกด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องลงมารับผิดชอบตรวจสอบและดำเนินการเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะเดียวกันอีก

ทั้งนี้ พฤติการณ์ของผู้กระทำผิด พรรคเพื่อไทยมีความเห็นว่ามีความสุ่มเสี่ยงที่จะเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง และกฎหมายพรรคการเมือง เพราะเป็นการคุกคามต่อความสงบเรียบร้อย ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ข่มขวัญ แต่หวังเอาชีวิต ดังนั้น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ควรเข้าไปตรวจสอบเพื่อเอาผิดพรรคการเมืองและนักการเมืองที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าว

นอกจากนี้ ยังมีข้อสังเกตเพิ่มเติมอีก 2 ประการ คือ 1.สถานที่เกิดเหตุระเบิด และสถานีตำรวจอยู่ห่างกันไม่ถึง 1 กิโลเมตร แต่เมื่อผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ แจ้งไปยังสถานีตำรวจ กลับใช้เวลาเดินทางมาตรวจสอบนานถึง 30 นาที ทั้งที่ควรใช้เวลาแค่ 5 - 10 นาทีเท่านั้น 2.ภายหลังจับกุมผู้กระทำผิดทำการสอบสวนแล้ว พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาแก่ผู้กระทำผิดเบาเกินไป ไม่สมเหตุสมผล ได้แก่ ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว, ทำให้เสียทรัพย์, มีความพยายามทำร้ายร่างกาย และทำให้ส่งเสียงดังอื้ออึง โดยปกตินายประชาจะนั่งไปในรถหาเสียงคันดังกล่าวด้วย หากในวันนั้นนายประชาอยู่ในรถคันดังกล่าวในวันเกิดเหตุ โดนระเบิดหลบไม่ทัน หมายถึงการประสงค์ต่อชีวิต ดังนั้น การตั้งข้อหาที่เบาเกินไป จึงดูขาดน้ำหนัก

ด้าน นายประเสริฐ กล่าวว่า ในฐานะที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี และกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องมีส่วนรับผิดชอบ เพราะเป็นการใช้อำนาจคุกคาม ขู่ขวัญ ของพรรคการเมือง ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นหัวคะแนนพรรคการเมืองใดอย่างชัดเจน ส่วน กกต.ไม่ต้องรอให้พรรคเพื่อไทยร้องเรียน เพราะเป็นประเด็นสาธารณะ สามารถเข้าไปตรวจสอบ เพื่อเอาผิดกับพรรคการเมือง และนักการเมือง ที่อยู่เบื้องหลังการกระทำดังกล่าวได้ทันที เพราะสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิด พ.ร.บ.พรรคการเมือง และ พ.ร.บ.เลือกตั้ง

นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสังเกตว่า การที่ผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นโรคทางจิตเวช แต่ในข้อเท็จจริง ผู้กระทำความผิดเคยได้รับโทษจำคุกเป็นเวลา 9 เดือนมาแล้ว ในระหว่างนั้นได้ยกเอาสาเหตุอาการป่วยทางจิตมาเป็นสาเหตุอ้างต่อศาล แต่ศาลไม่รับฟัง และได้ตัดสินจำคุกผู้ต้องหา 9 เดือน ในครั้งนี้ตนกังวลว่า ครั้งนี้จะมีการยกเอาเหตุผลทางจิตเวชขึ้นมาอีก แต่ในเมื่อมีบรรทัดฐานจากคดีการลักทรัพย์ที่ผู้ต้องหาถูกจำคุกแล้ว จึงไม่ควรอ้างเหตุนี้ต่อการดำเนินคดีอีก

‘สกลธี’ หาเสียงสะพานหัน ชู ‘กองทุนประชารัฐ 3 แสนล้าน’  ช่วยดูแล-สร้างแหล่งท่องเที่ยวย่านเศรษฐกิจใหม่ทั่วกรุงฯ

(20 เม.ย.66) นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหาร และหัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงพื้นที่ย่านสะพานหัน พร้อมกับ นายสฤษดิ์ ไพรทอง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง เขต 1 (ดุสิต พระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์) หมายเลข 11 เพื่อพบปะประชาชน

นายสกลธี กล่าวว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ได้สั่งให้พรรคคิดนโยบายด้านปากท้อง ลดค่าครองชีพ ออกมาเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ทั้งการลดราคาน้ำมันเบนซิน 18 บาท ลดดีเซล 6 บาท หรือการลดราคาแก๊สเหลือถังละ 250 บาท ซึ่งสามารถทำทันทีที่เป็นรัฐบาล และล่าสุดพรรคได้ออกนโยบายลดค่าไฟฟ้า โดยจะปรับโครงสร้างราคาที่มีการคิดเงินซ้ำซ้อนอยู่เยอะ ซึ่งจะทำให้สามารถลดค่าไฟฟ้าลงเกือบ 50% เหลือเพียงหน่วยละ 2.50 บาทเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดนี้ก็จะช่วยให้ทุกคนมีเงินเหลือไปใช้จ่ายอย่างอื่นเพิ่มขึ้น

นายสกลธี กล่าวว่า วันนี้ตนและ นายสฤษดิ์ ไพรทอง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง เขต 1 หมายเลข 11 ได้มาลงพื้นที่ย่านสะพานหัน ซึ่งหลังโควิดมานี้กลายเป็นย่านเศรษฐกิจเชื่อมต่อเขตพระนครและสัมพันธวงศ์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ แต่ยังต้องการการสนับสนุนจากรัฐทั้งในด้านงบประมาณและการดูแลอื่นๆ แต่จะหวังพึ่งงบประมาณของ กทม.อย่างเดียวก็คงไม่พอ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top