Monday, 19 May 2025
SPECIAL

Harbin Institute of Technology (HIT) มหาวิทยาลัยชั้นนำอันดับ 1 ของมณฑลเฮย์หลงเจียง ประเทศจีน ประกาศรับสมัครนักศึกษาต่างชาติรับทุนฟรี

Harbin Institute of Technology (哈尔滨工业大学) หรือ HIT ก่อตั้งปี ค.ศ. 1920 ตั้งอยู่ในฮาร์บิน เมืองเอกของมณฑลเฮย์หลงเจียง แบ่งออกเป็น 3 วิทยาเขต ได้แก่ วิทยาเขตฮาร์บิน (มณฑลเฮย์หลงเจียง) วิทยาเขตเวยไฮ่(มณฑลซานตง) และวิทยาเขตเซินเจิ้น (มณฑลกวางตุ้ง ) เป็นสมาชิก C9 League และเป็นสถาบันแรกที่เปิดสอนด้าน astronautics และมีชื่อเสียงด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมจนได้รับการขนานว่าเป็นแหล่งกำเนิดวิศวกรของจีน

ในปัจจุบัน มหาวิทยาลัย HIT เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำอันดับที่ 1 ของมณฑลเฮย์หลงเจียง และติดอันดับ 8 ของประเทศจีน นอกจากนี้ ยังเป็นมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงในด้านความเข้มงวดในมาตรการต่างๆ และความสามารถที่ยอดเยี่ยมคุณภาพอาจารย์ และความสามารถด้านการวิจัยที่เป็นเลิศ อีกทั้งยังมหาวิทยาลัยยังเป็นแกนหลักในการพัฒนาและวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และเทคโนโลยี โดยมีภาควิชาที่มีความโดดเด่น เช่น สาขาวิชาวิทยาการจัดการ, ศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์, เศรษฐศาสตร์และกฎหมาย 

โฆษก ตร.เตือนภัย!! มิจฉาชีพ ปลอม LINE “หน่วยงานตำรวจ” หลอกโอนเงิน

8 พ.ย.64 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจํานงค์ โฆษก ตร. เผยว่า จากกรณีมีประชาชนหลายรายแจ้งว่าได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากบุคคลไม่ทราบชื่อซึ่งได้แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอยู่ที่สถานีตำรวจภูธรพนัสนิคม บุคคลดังกล่าวได้แจ้งต่อผู้ได้รับการติดต่อว่า จะให้ความดูแลและช่วยเหลืออำนวยความสะดวก เรื่องการชำระเงินค่าปรับตามใบสั่งและเรื่องคดีต่าง ๆ ได้ แต่ประชาชนผู้ได้รับการติดต่อจะต้องเข้าร่วมกลุ่มไลน์ Line Accout ชื่อ สภ.ภูธรพนัสนิคม หลอกลวงให้โอนเงินชำระค่าปรับ หลังจากได้รับเงินแล้ว ก็ไม่สามารถติดต่อได้ นั้น

โฆษก ตร. ขอแจ้งเตือนไปยังพี่น้องประชาชนว่า ไลน์ดังกล่าวนั้นไม่ใช่ของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือสถานีตำรวจที่ถูกกล่าวอ้างแต่อย่างใด ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อกรอกข้อมูลกับไลน์ปลอมดังกล่าว เพราะว่าอาจจะถูกขบวนการปลอมไลน์ขโมยข้อมูลเพื่อนำไปใช้ในทางที่เสียหายได้ และขอเตือนไปยังผู้ที่ร่วมขบวนการหลอกลวงทำไลน์ปลอมของสถานีตำรวจว่า การกระทำดังกล่าวนั้นเป็นความผิดตามกฎหมาย มีโทษหนักถึงขั้นจำคุก ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรา 343 ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 341 ได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

ระยอง - กระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง พื้นที่ท่องเที่ยวนำร่อง กระตุ้นสถานประกอบการปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting

นายสาธิต ปิตุเตช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ขับเคลื่อนนโยบายเปิดประเทศด้วยมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร (COVID Free Setting) ด้านการท่องเที่ยวและกิจการที่เกี่ยวข้อง ที่เกาะเสม็ด ม.4 ต.เพ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง เพื่อกระตุ้นแหล่งท่องเที่ยวนำร่อง เข้มมาตรการ COVID Free Setting โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีแนวโน้มดีขึ้น และรัฐบาลได้มีนโยบายเปิดประเทศตั้งแต่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะธุรกิจด้านการท่องเที่ยวที่สร้างรายได้หลักให้กับประเทศ 

กระทรวงสาธารณสุขได้เน้น 4 หลักสำคัญ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ได้ และประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติแบบวิถีใหม่ ได้แก่

1) การฉีดวัคนให้ครอบคลุมได้ตามเป้าหมาย

2) การป้องกันตนเองขั้นสูงสุดตลอดเวลา

3) กิจการกิจกรรมเข้มมาตรการ COVID Free Setting และ

4) การตรวจหาเชื้อเมื่อมีความเสี่ยงด้วย ATK

โดยการลงพื้นที่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง ในครั้งนี้ เนื่องจากเป็นพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวที่มีความพร้อม สามารถดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในพื้นที่ จึงต้องเน้นย้ำให้สถานประกอบการบนเกาะเสม็ดที่ได้รับคำแนะนำจากกรมอนามัย จำนวน 92 แห่ง ปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting อย่างเคร่งครัด 3 ด้าน ได้แก่ 1) COVID Free Environment สิ่งแวดล้อมปลอดภัย 2) COVID Free Personnel พนักงานปลอดภัย และ 3) COVID Free Customer ผู้ใช้บริการปลอดภัย

"ทั้งนี้ สถานประกอบการที่ยังไม่ได้ประเมินตามมาตรการ COVID Free Setting สามารถประเมินตนเองได้ผ่านช่องทางเว็บไซต์ stopcovid.anamai.moph.go.th โดยทุกสถานประกอบการที่ประเมินผ่าน สามารถพิมพ์ใบรับรองผล เพื่อติดไว้หน้าร้าน แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ได้แก่

1) ใบรับรอง Thai Stop COVID Plus (TSC+) ซึ่งสถานประกอบการทุกแห่งในทุกจังหวัดต้องประเมินตนเองตามมาตรการ TSC+

2) ใบรับรอง COVID Free Setting (CES หรือ TSC2+)

เฉพาะจังหวัดในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวรองรับการเปิดประเทศ หรือจังหวัดที่จะนำเอามาตรการไปปรับใช้ โดยให้สถานประกอบการเลือกประเมิน COVID Free Setting ซึ่งต้องผ่านการประเมิน TSC+ ก่อน เพื่อสามารถประเมิน COVID Free Setting ต่อไป และ 3) สติ๊กเกอร์ COVID Free Setting ประเมินโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กำหนด ตามที่มีการแจ้งความประสงค์จากสถานประกอบการ

สำหรับช่องทางภาคประชาชนเพื่อประเมินสถานประกอบการ สามารถดำเนินการใน 3 ช่องทาง ได้แก่ ช่องทางที่ 1 สแกน QR Code ใน E-Certificate ของสถานประกอบการที่ไปใช้บริการ ช่องทางที่ 2 ประเมินผ่านทางเว็บไชต์ Thai Stop COVID Plus ของกรมอนามัย และ ช่องทางที่ 3 ประเมินผ่านทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ ผู้พิทักษ์อนามัย COVID Watch"

 

‘หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์’ ทรงกรุณาให้ ‘พลตรีพัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์’ เป็นผู้แทนในองค์เชิญผ้าไตรกฐิน ณ วัดดอนละนาม

วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2564 ณ วัดดอนละนาม  ต.ละหาน อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ "หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์" พระราชปนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ 4) ทรงกรุณาให้ "พลตรีพัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์" เป็นผู้แทนในองค์ เชิญผ้าไตรกฐินพร้อมทั้งบริวาร เพื่อน้อมถวาย ณ วัดดอนละนาม ตำบลละหาน อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ

ในการนี้ นายยุทธพงษ์ เอี้ยงอ้าย เลขานุการในองค์หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ / นายนพรัตน์ ฉัตรเพชรตระการหัวหน้าสำนักงานเลขาในองค์ฯ/ นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล ผู้ช่วยเลขานุการในองค์ฯ / นายณัฐวุฒิ เหมือนเพ็ชรเจ้าหน้าที่สำนักงานเลขานุการในองค์ฯ ร่วมในพิธีกฐินประทานฯ พร้อมด้วย พุทธศาสนิกชน ชาวบ้าน ที่พักอาศัยโดยรอบได้เข้าร่วมทำบุญกฐินฯ ในครั้งนี้ด้วย เพื่อถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาสืบไป

‘หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์’ ทรงกรุณาให้ ‘นายภูมิพัฒน์ สังขวิภาพจพิบูล’ เป็นผู้แทนในองค์ฯ เชิญผ้าไตรกฐินถวาย ณ วัดบ้านเหล่างิ้ว

ณ วัดบ้านเหล่างิ้ว ต.จังหาร อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด "หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์" พระราชปนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ 4) ทรงกรุณาให้ "นายภูมิพัฒน์ สังขวิภาพจพิบูล" เป็นผู้แทนในองค์ เชิญผ้าไตรกฐินพร้อมทั้งบริวาร เพื่อน้อมถวาย ณ วัดบ้านเหล่างิ้ว ตำบลจังหาร อำเภอจังหาร จังหวัดร้อยเอ็ด 

ในการนี้ นายยุทธพงษ์ เอี้ยงอ้าย เลขานุการในองค์หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ / นายนพรัตน์ ฉัตรเพชรตระการหัวหน้าสำนักงานเลขาในองค์ฯ/ นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล ผู้ช่วยเลขานุการในองค์ฯ / นายณัฐวุฒิ เหมือนเพ็ชรเจ้าหน้าที่สำนักงานเลขานุการในองค์ฯ ร่วมในพิธีกฐินประทานฯ พร้อมด้วย พุทธศาสนิกชน ชาวบ้าน ที่พักอาศัยโดยรอบได้เข้าร่วมทำบุญกฐินฯ ในครั้งนี้ด้วย

'การให้อภัย' ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอดีตได้ แต่ 'การให้อภัย' นั้น อาจเปลี่ยนแปลงอนาคตได้

การให้อภัย ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอดีตได้

แต่การให้อภัยนั้น อาจเปลี่ยนแปลงอนาคตได้

- ท่านพุทธทาสภิกขุ - 

สมุทรปราการ-ธารน้ำใจ “ครอบครัวสุวรรณบุตร” ห่วงใยประชาชน จับมือ ผู้ประกอบการลงพื้นที่มอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชน

ที่ภายในสนามกีฬา บ้านเอื้ออาทร  1 ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ โดยการนำของ ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสมุทรปราการ เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา  มีความห่วงใยประชาชนและผู้ที่ได้รับผลกระทบในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลแพรกษา ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  จึงได้ประสานความร่วมมือกับทางฝ่ายผู้ประกอบการ โดย  Mr. แจ๊คกี้ จาง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โดยมี คุณยงยุทธ ภักตร์ดวงจันทร์  ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายทรัพยากรบุคคล นำพนักงานบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ร่วมลงพื้นที่จัดกิจกรรม “แพรกษาปันสุข” เพื่อมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนภายในบ้านเอื้ออาทร 1 นิคมอุตสาหกรรมบางปู อ.เมือง สมุทรปราการ จำนวนร่วม 1,000 ถุง เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน

โดยมี  คณะผู้บริหารเทศบาลตำบลแพรกษา นำหัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกสภาเทศบาลตำบลแพรกษา และพนักงาน ได้ร่วมลงพื้นที่จัดกิจกรรม”แพรกษาปันสุข” โดยการจัดกิจกรรมในครั้งนี้เป็นการมอบสิ่งของใช้ที่จำเป็น ประกอบด้วย  ข้าวสาร อาหารแห้ง  เจลแอลกอฮอล์  น้ำยาฆ่าเชื้อ  และอื่นๆ อีกหลายรายการ โดยการมอบสิ่งของในวันนี้ ประชาชนจำนวนมากต่างขอบคุณทางคณะผู้ดำเนินการจัดกิจกรรม”แพรกษาปันสุข” ที่มีความห่วงใยประชาชนในชุมชนบ้านเอื้ออาทร 1

จุดยืน ‘สื่อไทย’!! เสรีภาพเลือกข้าง หรือ สื่อที่ปิดปาก? | LOCK LENS GURU EP.53

LOCK LENS GURU รายการที่จะพาทุกคนมาเจาะลึกประเด็นที่น่าสนใจ ไปกับ 'กูรู' ตัวจริง 

???? พบกับ กูรู ‘ครูแพท แสงธรรม’ นักวิชาการอิสระ ด้าน Communication facilitator

???? ดำเนินรายการโดย เจ THE STATES TIMES

ติดตามผลงานเพิ่มเติมได้ที่ : https://thestatestimes.com/post/2021103007

สวนแรกหลังเปิดเมือง สวนนงนุชพัทยาเนรมิตสวนมิตรภาพในอุซเบกิสถาน กระชับความสัมพันธ์

นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ได้นำทีมจัดสวนมากกว่า 100 คน เข้าปรับปรุงภูมิทัศน์สวนมิตรภาพอุซเบกิสถาน ประจำประเทศไทย (Friendship Garden) ที่ สถานกงสุลใหญ่สาธารณรัฐอุซเบกิสถาน  ถนนวิทยุ  กรุงเทพมหานคร เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง ไทย – อุซเบกิสถานโดยมี MR. FAKHRIDDIN SULTANOV กงสุลใหญ่และผู้แทนถาวรแห่งสาธารณรัฐอุซเบกิสถานประจําคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก (UN ESCAP) ให้การต้อนรับ พร้อมอำนวยความสะดวกให้กับทางสวนนงนุชพัทยา

นายกัมพล ตันสัจจา กล่าวว่า ไทยกับอุซเบกิสถาน มีความสัมพันธ์ทางการทูตมายาวนาน วันนี้ทางสวนนงนุชพัทยา ได้เข้าทำสวนแห่งมิตรภาพ ให้เกิดความเป็นสง่าสวยงาม และเป็นพยานแห่งมิตรภาพฉันพี่น้อง ที่เจริญเติบโตและมั่นคง ดั่งต้นไม้ที่ปลูกขึ้นทุกต้นในสถานที่แห่งนี้   ทั้งนี้สวนนงนุชพัทยา ได้นำอุปกรณ์และนักจัดสวน นำต้นไม้นับพันต้น เข้าปรับภูมิทัศน์ สำหรับการปรับปรุงภูมิทัศน์ในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในแนวคิด Friendship Garden ซึ่งถือว่าเป็นสวนแรกหลังจากที่มีการเปิดเมืองในช่วงสถานการณ์โควิด และเป็นสวนที่ 11 ที่เข้าปรับปรุงภูมิทัศน์ เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ ระหว่าง 2 ประเทศ ที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาอย่างยาวนาน
และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ซึ่งมีการแพร่ระบาดไปทั่วโลก

รวมไปถึงประเทศไทย พนักงานสวนนงนุชทุกคน ก่อนไปทำงานในพื้นที่นอกสวนนงนุช ต้องผ่านการตรวจ คัดกรองโควิด -19  เชิงรุก โดยวิธีการตรวจค้นหาเชื้อทางโพรงจมูก (SWAB)  ร่วมถึงกลับเข้ามาภายในสวนนงนุช ก็ต้องได้รับการตรวจอีกรอบเพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมทั้งเป็นการสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจให้กับพนักงานและประชาชน ที่จะต้องเข้ามาท่องเที่ยวภายในสวนนงนุชอีกด้วย

โลกยุคใหม่ "Real Size Beauty" รูปร่างไม่สำคัญ! เท่าความงามทางความคิด

เพิ่งผ่านการประกวด Miss Universe Thailand 2021 ไปไม่ถึงหนึ่งเดือน มีหลาย ๆ สื่อพร้อมใจกันพาดหัวข่าวว่า "มงลงไม่พลิกโผ" สำหรับ... “แอนชิลี สก๊อต-เคมมิส” ที่มาพร้อมกับ “Power of Passion” ซึ่งเธอ คือผู้เข้าประกวดที่นอกเหนือจากความเก่งรอบด้าน ทั้งความสามารถด้านการเรียน กีฬา การทำงานแล้ว นอกจากนี้เธอยังมาพร้อมกับความภูมิใจในรูปร่างของตนเอง กับคอนเซปต์ "Real Size Beauty" ซึ่งเป็นการเปลี่ยนมุมมองของนางงามในรูปแบบใหม่ ๆ และเป็น Power of Passion ที่สร้างแรงกระเพื่อมให้กับผู้ที่ได้ติดตามไม่น้อยเลย โดยเฉพาะในโลกโซเชียล หรือแม้กระทั่งความนิยมในวันที่มีการถ่ายทอดสดรอบตัดสินทางช่อง PPTV ตัวเลขเรตติ้งช่วงที่สูงที่สุดขึ้นไปถึง 1.774 โดยมีเรตติ้งรวมทั้งประเทศ 0.959 ถือเป็นรายการที่สร้างเรตติ้งในลำดับแรก ๆ ของทางช่อง PPTV ได้ในช่วงของสมรภูมิรายการทีวีที่ดุเดือด 

แอนชิลี สก๊อต-เคมมิส Miss Universe Thailand 2021

ผู้เขียนได้เปิดประเด็นเรื่องของการประกวด MUT 2021 ในรายวิชา MEDIA CRITICISM AND SOCIAL CONTEXT ของนิสิตปริญญาโทที่วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ที่ผู้สอนเขียนได้มีโอกาสสอนในเทอมนี้ จึงได้ทราบว่า การประกวดนางงามไม่ได้เป็นที่สนใจเฉพาะสาว ๆ เท่านั้น แต่มีหนุ่ม ๆ ที่สนใจดูการประกวดด้วยเช่นกัน ด้วยความน่าสนใจคือเรื่องของการนำเสนอ และการตอบคำถามของผู้เข้าประกวด ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความสวยบนเวทีการประกวดต้องมาพร้อมกับความเก่ง ทั้งในด้านบุคลิกภาพ การแสดงออก และอีกหนึ่งอย่างที่ตัดสินกันบนเวทีหน้างานคือการตอบคำถาม 

เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราในฐานะผู้ติดตามการประกวดจะได้เห็นอีกมิติหนึ่งของนางงาม ทั้งในด้านความคิด ทัศนคติ และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต่าง ๆ ซึ่งการตอบคำถามของผู้เข้าประกวดในแต่ละปีมีความน่าสนใจที่แตกต่างกันไปในแต่ละปี โดยคำถามแต่ละปีจะมีการเชื่อมโยงประเด็นต่าง ๆ ในสังคมอีกด้วย และไม่ใช่แค่เวทีในประเทศ แต่รวมถึงเวทีระดับโลกที่มีการเชื่อมโยงกับประเด็นต่าง ๆ ในสังคมเช่นเดียวกัน 

นี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการผลักดันประเด็นต่าง ๆ ในสังคมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง อย่างกรณีของ “แอนชิลี” กับการผลักดันเรื่อง "Real Size Beauty" และความภาคภูมิใจในตัวเอง ความเป็นธรรมชาติของเธอที่สามารถเอาชนะใจกรรมการและคนไทยที่ติดตามชมอยู่ได้อย่างไม่ยากเลย และประเด็นที่แอนนำเสนอ ก็สามารถขับเคลื่อนความคิดในระดับปัจเจกบุคคลไปสู่ความคิดในระดับสังคมได้อีกด้วย กับการเริ่มต้นการรักตัวเอง เป็นสิ่งที่เราทำได้ก่อนจะออกมาสู่สังคมในระดับประเทศ 

นอกจากการจุดประกายประเด็นต่าง ๆ ที่เกิดจากตัวนางงามในมุมระดับปัจเจก อีกหนึ่งมิติที่เราได้เริ่มเห็นจากตัวนางงามในช่วงหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา คือ การเคลื่อนไหวทางสังคม (Social Movement) ในประเด็นต่าง ๆ ในสังคม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อม การเมือง การปกครอง สิทธิ เสรีภาพ เป็นต้น 

สานฝัน ณ ‘ซานดิเอโก’ (San Diego) เมืองทะเลใกล้ LA ที่ต้องไปเยือน!!

อเมริกาเป็นประเทศกว้างใหญ่ไพศาล ประกอบด้วย 50 รัฐ ซึ่งหลายรัฐเมื่อเทียบขนาดแล้วก็พอ ๆ กันหรือใหญ่กว่าประเทศไทย ส่วนใหญ่คนไทยรู้จักเพียงไม่กี่รัฐ หนึ่งในนั้นคือแคลิฟอร์เนีย โดยเมืองซึ่งขึ้นชื่อมาก ก็คือ ‘ลอสแอนเจลิส’ แต่แคลิฟอร์เนียมีดีมากกว่านั้น มีเมืองและสถานที่สวยงามน่าสนใจอีกมากมายนับไม่ถ้วน 

เมืองท่องเที่ยวซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งคนอเมริกันด้วยกันเองและคนต่างชาติ คือ เมืองพักร้อนตากอากาศริมทะเลฝั่งแปซิฟิกนาม “ซานดิเอโก” (San Diego) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย อยู่เกือบสุดปลาย ใกล้ชายแดนประเทศเม็กซิโก

เนื่องจากพิกัดอยู่ตอนใต้และติดทะเล ดังนั้นสภาพอากาศจึงค่อนข้างเอื้อต่อการอยู่อาศัยและมาพักผ่อน ไม่ร้อนหรือหนาวจัด ความชื้นฝนฟ้าก็ไม่มากด้วย จึงมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ถือว่าเป็นเมืองที่เหมาะมากสำหรับทั้งคนที่มาเที่ยวคนเดียว เป็นคู่ หรือครอบครัวที่พาลูก ๆ มาด้วย เพราะมีสถานที่และกิจกรรมหลากหลายให้ไปชมและทำกันนั่นเอง

ข้อดีอย่างแรกของซานดิเอโก ก็คือมีสนามบินนานาชาติขนาดกะทัดรัด (พอ ๆ กับสนามบินเชียงใหม่) และตั้งอยู่เกือบใจกลางเมือง การเข้าเมืองจึงง่ายและสะดวกรวดเร็ว มีเที่ยวบินของบางสายการบิน เช่น เจแปนแอร์ไลนส์ บินจากไทยมาลงที่นี่ (เปลี่ยนไฟลต์ที่นาริตะ) เมื่อมาถึงไม่ต้องเสียเวลาเบียดเสียดต่อแถวยาวที่ช่องตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่เขาก็ไม่ได้ซักถามมากความเหมือนที่เคยได้ยินกิตติศัพท์เลื่องลือของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองแห่งสนามบินลอสแอนเจลิส ซึ่งเป็นสนามบินขนาดใหญ่กว่ามาก ความเสี่ยงที่จะโดนเจ้าหน้าที่เขาปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศจึงน้อยกว่ามาก ระเบียบของประเทศนี้ก็คือแม้จะมีวีซ่าอยู่ในพาสปอร์ตแล้วก็ตาม แต่ไม่ได้การันตีว่าจะได้เข้าประเทศ เพราะยังคงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของตรวจคนเข้าเมืองเขาล่ะ หรือหากจะเดินทางมาจากลอสแอนเจลิสก็ไม่ใช่เรื่องยาก ขับรถส่วนตัวกันมาบนทางด่วนใช้เวลาแค่ราว 2-3 ชั่วโมง หรือโดยสารรถบัสรถไฟก็สะดวกมากเช่นกัน คล้ายขับรถจากกรุงเทพไปหัวหินประมาณนั้น

สำหรับที่พักนั้น คนมีสตางค์ก็จองและเข้าพักตามโรงแรมหรือโมเต็ลกันตามสะดวก แต่นักเดินทางแบกเป้ รวมถึงมนุษย์โลโซอาจจะมีทางเลือกน้อยกว่า อเมริกาไม่ได้มีวัฒนธรรมโฮสเทลหรือเกสต์เฮาส์เหมือนประเทศอื่นใดบนโลกใบนี้ ซึ่งแทบทุกประเทศล้วนมีอ็อปชันราคาย่อมเยานี้กันแทบทั้งนั้น ยังดีที่เมืองซานดิเอโกยังพอจะมีโฮสเทลอยู่แห่งสองแห่งให้นักท่องเที่ยวทุนต่ำเลือกพักบ้าง

'ออสเตรเลีย'​ ไม่ยกเลิกใช้พลังงานถ่านหิน​ ในเวที COP26 อ้าง!! เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ

เส้นทางสู่โลกสวยไม่ใช่เรื่องง่าย​ 'ออสเตรเลีย'​ ไม่ยอมลงนามข้อตกลงเลิกการใช้พลังงานถ่านหิน หลังอ้างเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ

รัฐบาลออสเตรเลียตัดสินใจไม่ยอมลงนามความร่วมมือในการลดการใช้พลังงานถ่านหิน ที่เป็นหนึ่งในข้อตกลงร่วมในที่ประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาเพื่อปัญหาสภาพอากาศ ครั้งที่ 26 (COP26) ซึ่งถูกตั้งเป้าไว้สูงว่าจะต้องเลิกการใช้พลังงานถ่านหินอย่างถาวรให้ได้ภายในปี 2030 ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว และปี 2040 สำหรับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา

ขณะที่ประเทศผู้ผลิตถ่านหิน​ ก็จะต้องพยายามลด ละ เลิก การผลิตถ่านหินที่เป็นพลังงานไม่สะอาด และเป็นตัวการสำคัญในการปล่อยก๊าซคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศตั้งแต่วันนี้

สำหรับการลงนามดังกล่าวมีมากกว่า 100 ประเทศที่ได้ลงนามลดการใช้พลังงานถ่านหินตามข้อตกลง COP26 

ทว่า ออสเตรเลีย ถือเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตถ่านหินเพื่อการส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลก​ จึงยังไม่ขอร่วมลงนามด้วย รวมถึงประเทศที่พึ่งพาพลังงานถ่านหินเป็นหลักอย่าง​ จีน, อินเดีย และสหรัฐอเมริกา เช่นกัน จึงทำให้เป้าหมายที่ตั้งไว้ดูริบหรี่ขึ้นมาทันตา

อย่างไรด็ตาม​ ประเด็นร้อนแรง ดูจะตกมาที่​ ออสเตรเลีย เป็นหลัก​ นั่นก็เพราะออสเตรเลีย เคยเป็นประเทศหัวหอกรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มข้นมาโดยตลอด 

ส่วนเหตุผลที่รัฐบาลออสเตรเลียไม่ยอมลงนามข้อตกลงในการยุติการใช้พลังงานถ่านหิน ก็คือ​ ออสเตรเลียต้องการมุ่งเน้นในการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงาน มากกว่าที่จะกวาดล้างอุตสาหกรรมในประเทศ 

‘Exercise Malabar’ ปฏิบัติการซ้อมรบ กระตุกหนวดมังกร!!

Exercise Malabar 2021 ระยะที่สองพึ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยมีการซ้อมรบร่วมของกองทัพเรือสี่ชาติ อันประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา อินเดีย ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ระหว่างวันที่ 13-15 ตุลาคม สำหรับระยะแรก คือ 25-29 สิงหาคม พ.ศ. 2564 Exercise Malabar 2021 เป็นครั้งที่ 25 นับแต่ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2535 เป็นการซ้อมรบร่วมทางทะเลของชาติพันธมิตรที่ล้วนแล้วแต่มีความเป็นปฏิปักษ์กับสาธารณรัฐประชาชนจีน

Exercise Malabar เป็นการซ้อมรบทางทะเลของกองทัพเรือ สหรัฐอเมริกา อินเดีย ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ในฐานะหุ้นส่วนถาวรด้านความมั่นคง Exercise Malabar ประจำแต่ละปี ประกอบด้วยการฝึกซ้อมปฏิบัติการทางทหารที่หลากหลาย ตั้งแต่การฝึกซ้อมปฏิบัติการรบจากเรือบรรทุกเครื่องบิน ไปจนถึงปฏิบัติการป้องกันการปิดกั้นทางทะเล สงครามต่อต้านเรือดำน้ำ ปฏิบัติการกู้ภัยใต้น้ำ ปฏิบัติการสะเทินน้ำสะเทินบก ปฏิบัติการต่อต้าน - ปราบปรามโจรสลัด การฝึกลงจอดเฮลิคอปเตอร์บนเรือรบ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาการฝึกทำในทะเลฟิลิปปินส์ นอกชายฝั่งของญี่ปุ่น อ่าวเปอร์เซีย ในอ่าวเบงกอล และทะเลอาหรับ

Exercise Malabar เริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) ตามแนวชายฝั่ง Malabar ของอินเดีย ในตอนนั้นยังเป็นการฝึกซ้อมทวิภาคีระหว่างอินเดียกับสหรัฐอเมริกา ต่อมาในปี พ.ศ. 2550 มี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และออสเตรเลีย เข้ามาร่วม ญี่ปุ่นกลายเป็นหุ้นส่วนถาวรของการฝึกนี้ในปี พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015) ออสเตรเลียกลับเข้าร่วมการฝึกอีกครั้งในปี พ.ศ. 2563 (ค.ศ. 2020) โดยจุดมุ่งหมายในการซ้อมรบจะรวมถึงการทำงานร่วมกันที่มากขึ้นระหว่างกองทัพเรือของชาติซึ่งเป็นหุ้นส่วนของ Exercise Malabar

ห้วงการฝึกของ Exercise Malabar มีตั้งแต่ 1 ถึง 11 วัน ในภาคทะเล ความซับซ้อนของแบบฝึกหัดในการซ้อมรบเพิ่มขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา แบบฝึกหัดมีทั้งบนบก ในทะเล และบนอากาศ การซ้อมรบประกอบด้วยเรือบรรทุกเครื่องบิน (USS Nimitz, Kitty Hawk, Ronald Reagan, George Washington, John S. McCain, INS Vikramaditya, Viraat), เรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ (JS Kaga, Izumo, Ise, Hyūga), เรือรบ, เรือดำน้ำ (ดีเซลไฟฟ้าและนิวเคลียร์) เรือพิฆาต เรือขีปนาวุธนำวิถี เรือลาดตระเวน เรือสะเทินน้ำสะเทินบก และเรือสนับสนุนการรบ เช่น เรือบรรทุกน้ำมัน เรือยามชายฝั่ง เครื่องบินที่ร่วม ได้แก่ เครื่องบินปราบเรือดำน้ำ เครื่องบินลำเลียง เครื่องบินรบแบบต่าง ๆ อาทิ P3C Orion, Poseidon P8I, Tupolev Tu-142, Kawasaki P-1, ShinMaywa US-2, F/A 18 Super Hornets, Jaguars, Sea Harrier และเฮลิคอปเตอร์แบบ Sea King ตลอดจนกองกำลังพิเศษของชาติต่าง ๆ ที่เป็นหุ้นส่วนก็เข้าร่วมใน Exercise Malabar ด้วย

Exercise Malabar ครั้งแรกระหว่างอินเดียและสหรัฐอเมริกาจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-29 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 เป็นการซ้อมรบตามแนวชายฝั่ง Malabar ของอินเดีย นครโคชิน อันเป็นที่ตั้งของกองบัญชาการนาวิกโยธินเขตใต้ของอินเดีย ในระดับพื้นฐานด้วยเรือรบสี่ลำ มีการซ้อมรบอีกสองครั้งก่อนปี พ.ศ. 25441 (ค.ศ. 1998) และฝ่ายอเมริกันก็ระงับการฝึกหลังจากที่อินเดียได้ทำการทดลองอาวุธนิวเคลียร์

Exercise Malabar 1992 การฝึกครั้งแรก โดยกองทัพเรือ 2 ชาติ คือ  อินเดีย สหรัฐอเมริกา บริเวณชายฝั่งตะวันตกของอินเดีย เรือรบอินเดียที่เข้าร่วมได้แก่ INS Gomati, INS Ranjit ฝ่ายเรือรบอเมริกันที่เข้าร่วม ได้แก่ USS Vandegrift, USS David R. Ray เป็นการซ้อมรบขั้นพื้นฐาน การฝึกซ้อมการค้นหาและกู้ภัย Exercise Malabar 1995 การฝึกครั้งที่สอง ระหว่างอินเดียและสหรัฐอเมริกา พื้นที่การฝึกบริเวณอ่าวเปอร์เซีย การฝึกครั้งที่ 3 Exercise Malabar 1996 ระหว่างอินเดียและสหรัฐอเมริกา พื้นที่การฝึกบริเวณชายฝั่งตะวันตกของอินเดีย และระงับไปอันเนื่องมาจากรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่พอใจต่อการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของอินเดีย

นราธิวาส - พัฒนาฝีมือแรงงานนราธิวาส! ประชุมขับเคลื่อนโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพ แก่นักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับ

นายบุญพาศ รักนุ้ย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพแก่นักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับครั้งที่ 1/2564 ณ ห้องประชุมบางนรา สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 25 นราธิวาส อ.เมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส เพื่อพิจารณากำหนดแผนการดำเนินงานโครงการ กำหนดหลักสูตรที่จะเปิดอบรม มอบหมายหน่วยงานต้นสังกัดสถานศึกษาจัดทำแบบสอบถามและแบบสรุปการสำรวจและจำแนกนักเรียนของจังหวัดนราธิวาส รวมถึงความร่วมมือจัดสรรงบประมาณสนับสนุนเพิ่มเติมในการดำเนินโครงการฯ นอกเหนือจากงบประมาณปกติของสถาบันฯ

นายเสริมสกุล พจนการุณ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 25 นราธิวาส เปิดเผยว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพแก่นักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับจังหวัดนราธิวาสจากหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดนราธิวาส และกระทรวงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ภาคการศึกษา ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม จำนวน 28 คน มีอำนาจหน้าที่อำนวยการวางแผนการดำเนินโครงการ โดยให้ความเห็นชอบปฏิบัติ ขั้นตอนการดำเนินงาน 12 ขั้นตอน ให้ความเห็นชอบหลักสูตรและงบประมาณ และจัดเตรียมตลาดแรงงาน มอบหมายและประสานการปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำกับติดตามในการสำรวจและจำแนกกลุ่มนักเรียนเป้าหมาย ติดตามและสนับสนุนในการดำเนินการฝึกอาชีพและประเมินผลการดำเนินการโครงการ

ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแผนการดำเนินงานโครงการฯ โดยกำหนดประชุมชี้แจงผู้อำนวยการโรงเรียนและครูแนะแนว ระหว่างวันที่ 7 – 9 ธันวาคม 2564 สถานศึกษานำนักเรียนกลุ่มเป้าหมายเข้าศึกษาดูงาน ณ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 25 นราธิวาส ระหว่างวันที่ 21 – 25 ธันวาคม 2564 แต่เนื่องจากกลางเดือน เมษายน - พฤษภาคม 2564 เป็นช่วงเทศกาลถือศีลอด ดังนั้นจึงได้กำหนดวันรายงานตัวและปฐมนิเทศ ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 สำหรับหลักสูตรที่เปิดฝึก เป็นหลักสูตรเตรียมเข้าทำงาน ระยะเวลาฝึก 420 ชั่วโมง

 

 

ตร.เตือน!! อย่าเชื่อ แก๊ง Call Center โทรขู่ อ้างเป็น “โฆษกตำรวจ” หลอกให้โอนเงิน!!

5 พ.ย.64 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจํานงค์ โฆษก ตร. เผยว่า จากกรณีที่มีผู้เสียหาย มาพบพนักงานสอบสวน แจ้งความร้องทุกข์ ว่าถูกคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้โทรหาผู้เสียหาย แล้วแจ้งว่าผู้เสียหายนั้นมีส่วนร่วมในกระบวนการฟอกเงิน หลังจากที่ผู้เสียหายไม่เชื่อ ก็ได้มีการโอนสายให้กับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งอ้างตัวเป็น “พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์” หรือ “พ.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์” โฆษก ตร. และเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ทำการโอนเงินไปให้กับบัญชีของคนร้าย ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นการแอบอ้างชื่อให้ประชาชนหลงเชื่อ จึงขอให้ผู้ที่ได้รับสายในลักษณะดังกล่าวนี้ “มีสติ อย่าหลงเชื่อ” ตามคำกล่าวอ้างของคนร้าย และอยากแจ้งเตือนไปยังผู้ที่กระทำความผิดว่าการกระทำดังกล่าวนั้นเป็นความผิดตามกฎหมาย มีโทษหนักถึงขั้นจำคุก ตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 209 ผู้ใดเป็นสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็น “อั้งยี่”  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาท ถ้าผู้กระทำความผิดเป็นหัวหน้า ผู้จัดการหรือผู้มีตำแหน่งหน้าที่ในคณะบุคคลนั้น ผู้นั้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และ ปรับไม่เกิน 200,000 บาท

มาตรา 210 ผู้ใดสมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในภาค 2 นี้ และความผิดนั้นมีกำหนดโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่ 1 ปี ขึ้นไป ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็น “ซ่องโจร” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าเป็นการสมคบเพื่อกระทำความผิด ที่มีระวางโทษถึงประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 40,000 บาท ถึง 200,000 บาท


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top