Sunday, 18 May 2025
SPECIAL

กาฬสินธุ์ - สหกรณ์มอบเงินชดเชยดอกเบี้ยสมาชิก แก่ปชช.ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

สหกรณ์จังหวัดกาฬสินธุ์ มอบเงินชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้เกษตรกรสมาชิกสหกรณ์ และกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และประสบภัยพิบัติกว่า 4 ล้านบาท เพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้เกษตรกรที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ นำไปฟื้นฟูประกอบอาชีพ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 5 มกราคม 2565 ที่ห้องประชุมสำนักงานสหกรณ์ จ.กาฬสินธุ์ นายวิทยา วัฒนวิเชียร สหกรณ์ จ.กาฬสินธุ์ พร้อมเจ้าหน้าที่สหกรณ์ จ.กาฬสินธุ์ ได้ร่วมกันมอบเช็คเงินสด ซึ่งเป็นเงินชดเชยดอกเบี้ย ตามโครงการช่วยเหลือด้านหนี้สินสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 สหกรณ์ร่วมโครงการจำนวน 14 สหกรณ์ มีสมาชิกที่ได้รับเงินชดเชยดอกเบี้ยจำนวน 8,076 ราย มูลหนี้ต้นเงินรวม จำนวน 1,190,866,211.64 บาท เงินชดเชยดอกเบี้ย จำนวน 4,357,459.92 บาท

นายวิทยา วัฒนวิเชียร สหกรณ์ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า โครงการช่วยเหลือด้านหนี้สินสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ปีงบประมาณ พ.ศ.2565 จะจ่ายเป็น 2 งวด งวดที่ 1 คือวันนี้ จำนวน 2,178,729.94 บาท และงวดที่ 2 จะจ่ายประมาณเดือนเมษายน จำนวน 2,178,729.98 บาท ทั้งนี้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกร ที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ตามวัตถุประสงค์ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ที่จะช่วยลดภาระดอกเบี้ย และลดต้นทุนในการประกอบอาชีพการเกษตรแก่สมาชิก  และเพื่อให้สมาชิกที่ประกอบอาชีพการเกษตร มีโอกาสนำเงินส่วนที่ได้รับการช่วยเหลือไปฟื้นฟูประกอบอาชีพ ตลอดจนมีเงินทุนไว้ใช้จ่ายในครัวเรือน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นี้ด้วย

นายวิทยากล่าวอีกว่า สำหรับการมอบเงินชดเชยดอกเบี้ย ตามโครงการช่วยเหลือด้านหนี้สินสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ทางสำนักงานสหกรณ์ จ.กาฬสินธุ์ ได้จัดมอบแล้ว 3 ครั้ง ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด ครั้งแรกในปี 2562 จัดมอบไป 6 สหกรณ์ 1.สหกรณ์การเกษตรถาวรพัฒนากาฬสินธุ์ จำกัด 2.สหกรณ์การเกษตรท่าคันโท จำกัด 3.สหกรณ์การเกษตรนามน จำกัด 4.สหกรณ์การเกษตรเมืองกาฬสินธุ์ จำกัด 5.สหกรณ์การเกษตรร่องคำ จำกัด และ6. สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนตำบลโคกสะอาด จำกัด จำนวนเงิน 3,246,202.12 บาท โดยจ่ายครบ 100%

 

มหาสารคาม - เรตติ้งพุ่ง!! มมส.สร้างพระพุทธเปิดโลกอีสานล้านช้าง “เปิดโลก รับทรัพย์” รุ่นแรก

กลุ่มศิษย์เก่ารวมใจ คณะศิลปกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) เชิญชวนศิษย์เก่า ประชาชน สั่งจองพระพุทธเปิดโลกอีสานล้านช้าง “รุ่นเปิดโลก รับทรัพย์” รุ่นแรก สมทบงบประมาณสร้างป้ายคณะและพระแท่นประดิษฐานพระพุทธเปิดโลกอีสานล้านช้าง เพื่อความเป็นสิริมงคล และเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมอีสาน ในโอกาสครบรอบวันสถาปนาคณะศิลปกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมศาสตร์ 31 กรกฎาคม 2565 เปิดตัววันแรกคึกคัก ยอดสั่งจองคนหลายองค์

เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2565 ที่คณะศิลปกรรมศาสตร์และคณะวัฒนธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย สิงห์ยะบุศย์  คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมศาสตร์ ร่วมกับ ดร.เชวงศักดิ์ พลลาภ ศิษย์เก่าสาขาวัฒนธรรมศาสตร์ ในฐานะประธานกลุ่มศิษย์เก่ารวมใจ และตัวแทนศิษย์เก่ารวมใจ คณะศิลปกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม  ร่วมประชุมแนวทางการจัดสร้างป้ายคณะ และพระแท่นประดิษฐานพระพุทธเปิดโลกอีสานล้านช้าง รวมทั้งประชาสัมพันธ์เชิญชวนศิษย์เก่าและประชาชนทั่วไป สั่งจองพระพุทธเปิดโลกอีสานล้านช้าง “รุ่นเปิดโลก รับทรัพย์” รุ่นแรกด้วย

ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย สิงห์ยะบุศย์  คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมศาสตร์ กล่าวว่า จากการที่คณะศิลปกรรมศาสตร์และคณะวัฒนธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้ควบรวมเป็นคณะศิลปกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 31 ก.ค.63 เป็นต้นมา  โดยมีอาคารวัฒนธรรมศาสตร์เป็นอาคารหลักเขตพื้นที่ในเมือง และมีพระพุทธประติมากรรมยืนปางเปิดโลก พุทธลักษณ์อีสานล้านช้างอย่างถูกต้องงดงามเป็นศูนย์รวมใจ ทั้งนี้ได้รับการอนุมัติแบบก่อสร้างป้ายคณะศิลปกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมศาสตร์ และพระแท่นประดิษฐานพระพุทธเปิดโลกอีสานล้านช้างเมื่อวันที่ 13 พ.ค.64 ที่ผ่านมานั้น

ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัยกล่าวอีกว่า ในการออกแบบก่อสร้างป้ายคณะศิลปกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมศาสตร์ดังกล่าว กลุ่มศิษย์เก่ารวมใจ คณะศิลปกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมศาสตร์ เห็นว่าจะเป็นศูนย์ปูชนียสถานสำคัญ ในการร้อยความสัมพันธ์ ความผูกพัน และสร้างพื้นที่ส่วนนี้เป็นแลนด์มาร์ก หรือเป็นศูนย์กลางด้านศิลปวัฒนธรรมสำคัญของภาคอีสานด้วย จึงได้มีมติจัดสร้างพระพุทธรูปปางเปิดโลกจำลอง รุ่นเปิดโลกรับทรัพย์ รุ่นแรก ซึ่งเป็นพระพุทธรูปประจำคณะ ในโอกาสครบรอบวันสถาปนาคณะศิลปกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมศาสตร์ 31 ก.ค.65 ทั้งนี้ เพื่อหางบประมาณสมทบการก่อสร้างให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ จึงได้ประชุมแนวทางการก่อสร้างและเชิญชวนสั่งจอง โดยมีความเชื่อว่าจะมีพุทธคุณต่อผู้ที่เคารพบูชา มีชีวิตที่เจริญรุ่งเรือง หน้าที่การงานก้าวไกล และเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เหมาะสำหรับการบูชาและมอบให้กับผู้ใหญ่และผู้ที่เคารพนับถือ สอดคล้องกับสถานการณ์สังคมปัจจุบัน

ด้าน ดร.เชวงศักดิ์ พลลาภ ศิษย์เก่าสาขาวัฒนธรรมศาสตร์ ในฐานะประธานกลุ่มศิษย์เก่ารวมใจ กล่าวว่าในการก่อสร้างป้ายคณะศิลปกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมศาสตร์ และจัดสร้างพระพุทธรูปปางเปิดโลกจำลอง รุ่นเปิดโลกรับทรัพย์ ดังกล่าว ได้เปิดโอกาสให้คณะศิษย์เก่า ทั้งชาว มศว. (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ), มมส.(มหาวิทยาลัยมหาสารคาม) ตลอดจนบุคคลวงการศึกษา ชาว จ.มหาสารคาม และประชาชนทั่วไป ได้ร่วมบูชา เพื่อหางบประมาณสมทบการก่อสร้าง   

โดยเปิดเช่าบูชาองค์ยืนขนาดสูง 20 นิ้ว จำนวน 499 องค์ และเหรียญรูปไข่เนื้อทองแดง จำนวน 10,000 เหรียญ ทั้งนี้ ได้รับความเมตตาจากหลวงปู่หนูอินทร์ กิตฺติสาโร ที่ปรึกษาเจ้าคณะ จ.กาฬสินธุ์ และพระอาจารย์สุริยันต์ โฆสปัญญโญ วัดป่าวังน้ำเย็น จ.มหาสารคาม ประกอบพิธีปลุกเสก 

ดร.เชวงกล่าวอีกว่า พระพุทธรูปปางเปิดโลกรุ่น "เปิดโลก รับทรัพย์" เพื่อหารายได้สร้างป้ายคณะและพระแท่นประดิษฐานพระพุทธรูปปางเปิดโลกอีสานล้านช้าง พระพุทธรูปประจำคณะ เป็นฝีมือของ ผศ.สันติสุข แหล่งสนาม และ ศาสตราจารย์ เข็มรัตน์ กองสุข ประติมากรคนสำคัญของประเทศไทย โดยจะประดิษฐานที่บริเวณด้านหน้าอาคารวัฒนธรรมศาสตร์ต่อไป ทั้งนี้ จะมีการประกอบพิธีเปิดป้ายและสักการะอย่างเป็นทางการ วันที่ 31 ก.ค.65 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 2 ปี ควบรวมคณะศิลปกรรมศาสตร์และคณะวัฒนธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

 

 

ชลบุรี - ยืนยัน!! คลัสเตอร์ ทหารเรือสัตหีบ ไม่มีการแพร่ระบาดและสามารถควบคุมได้

พลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อบางสื่อรายงานข่าวสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจังหวัดชลบุรี พร้อมทั้งระบุว่าเกิด Cluster ในเขตพื้นที่ทหารเรือ โดยมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องไม่สามารถควบคุมได้นั้น โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า กองทัพเรือมีความไม่สบายใจต่อข่าวดังกล่าว ซึ่งอาจทำให้ประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งผู้ปกครองและครอบครัวของทหารใหม่ในสังกัดกองทัพเรือ มีความกังวลและตื่นตระหนก

ในการนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ สั่งการให้กรมแพทย์ทหารเรือ ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน

ทั้งนี้ จากรายงานของกรมแพทย์ทหารเรือ ระบุว่า ระหว่างวันที่ 26 ธันวาคม 2564 ถึงวันที่ 2 มกราคม 2565 มีรายงานการพบกำลังพลในสังกัดกองทัพเรือที่ติดเชื้อโควิด-19 ดังนี้ วันที่ 26 ธันวาคม 2564 ไม่มีผู้ติดเชื้อ วันที่ 27 ธันวาคม 2564  มีผู้ติดเชื้อ 1 ราย วันที่ 28 ธันวาคม 2564 มีผู้ติดเชื้อ 2 ราย วันที่ 29 ธันวาคม 2564  มีผู้ติดเชื้อ 10 ราย  วันที่ 30 ธันวาคม 2564  มีผู้ติดเชื้อ 7 ราย วันที่ 31 ธันวาคม 2564 มีผู้ติดเชื้อ 2 ราย วันที่ 1 มกราคม 2565  มีผู้ติดเชื้อ 9 ราย และ วันที่ 2 มกราคม 2565 มีผู้ติดเชื้อ 6 ราย 

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวต่อไปว่า กำลังพลของกองทัพเรือที่ติดเชื้อในพื้นที่สัตหีบ ตามรายงานข้างต้น ไม่ได้อยู่ในสังกัดหน่วยเดียวกัน ไม่มีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน ไม่มีการระบาดเป็นกลุ่มก้อน (Cluster) และปัจจุบันสามารถควบคุมการแพร่ระบาดในพื้นที่ได้ ดังนั้น ข้อมูลข่าวสารที่ปรากฏที่ระบุว่า ไม่สามารถควบคุมได้ ถือว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ซึ่งที่ผ่านมากองทัพเรือได้ให้ความสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อให้กับกำลังพลในทุกระดับ

 

สงขลา - มรภ.สงขลา ผนึกองค์กรท้องถิ่น 3 สถาบันการศึกษาสตูล ลงนามความร่วมมือด้านวิชาการ สร้างนวัตกรรมจัดการขยะ

มรภ.สงขลา เดินหน้าพัฒนาการศึกษารับศักราชใหม่ นำทีมบริหารสัญจร “ทุ่งใหญ่สารภีโมเดล” พร้อมลงนามความร่วมมือ ทต.กำแพง วก.ละงู วท.สตูล วชช.สตูล ยกระดับการศึกษา กำหนดทิศทางพัฒนาหลักสูตรด้านท่องเที่ยวและธุรกิจบริการ ควบคู่สร้างนวัตกรรมจัดการขยะมูลฝอยชุมชนแบบครบวงจร

รศ.ดร.ทัศนา ศิริโชติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ มรภ.สงขลา นำคณะกรรมการบริหารและบุคลากรร่วมศึกษาฐานการเรียนรู้ “ทุ่งใหญ่สารภีโมเดล” พร้อมรับฟังการบรรยายเรื่อง “โคก หนอง นา ทุ่งใหญ่สารภีโมเดล” โดย ผศ.ดร.เกียรติศักดิ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้ช่วยอธิการบดี ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการประจำสำนักงานวิทยาเขตสตูล ในโอกาสเดียวกันนี้ ยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านวิชาการและด้านนวัตกรรมการจัดการขยะ ร่วมกับสถาบันการศึกษาและหน่วยงานท้องถิ่นในจังหวัดสตูล รวม 4 องค์กร ได้แก่ วิทยาลัยการอาชีพละงู (วก.ละงู) วิทยาลัยเทคนิคสตูล (วท.สตูล) วิทยาลัยชุมชนสตูล (วชช.สตูล) และ เทศบาลตำบลกำแพง (ทต.กำแพง) จังหวัดสตูล เพื่อร่วมกันยกระดับการศึกษา การวิจัย บริการวิชาการด้านการท่องเที่ยวและธุรกิจบริการ รวมถึงด้านการจัดการขยะมูลฝอยของชุมชนและศูนย์กำจัดขยะแบบครบวงจร พร้อมเปิดระดมความคิดเห็นจากสถาบันการศึกษาและหน่วยงานในท้องถิ่น เพื่อร่วมกำหนดทิศทางการพัฒนาหลักสูตร และสร้างแนวทางความร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ ในจังหวัดสตูล

รศ.ดร.ทัศนา กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือด้านวิชาการร่วมกับ 3 สถาบันการศึกษาในพื้นที่ จ.สตูล ได้กำหนดเป้าหมายร่วมกันดังนี้

1. ให้มีการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการท่องเที่ยวด้านบริหารธุรกิจ/การจัดการธุรกิจในยุคดิจิทัลและอื่น ๆ ผ่านการเรียนการสอนทั้งในระดับรายวิชาและสาขาวิชา

2. มรภ.สงขลา จะจัดส่งอาจารย์สาขาวิชาการท่องเที่ยวนวัตกรรมการจัดการและอื่น ๆ เพื่อร่วมพัฒนาหลักสูตรการท่องเที่ยวและหลักสูตรบริหารธุรกิจ/การจัดการ/ธุรกิจดิจิทัลหรือสาขาที่เกี่ยวข้องกับทางวิทยาลัย เพื่อประโยชน์ในการเข้ารับการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี และสามารถเทียบโอนรายวิชาได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด

3. ส่งเสริมให้นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรชั้นสูง (ปวส.) เข้ารับการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในมหาวิทยาลัย

4. สร้างกิจกรรมเพื่อก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาทักษะประสบการณ์วิชาชีพให้แก่กันทั้งกับนักศึกษาและอาจารย์

5. ให้มีผู้แทนเป็นผู้ดำเนินงาน ประสานงาน และตกลงรายละเอียดในการปฏิบัติงานตามข้อตกลงความร่วมมือนี้ โดยจะได้มีการจัดทำข้อกำหนดและเงื่อนไขในการนำเนื้อหาของวิชาต่าง ๆ ในหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการท่องเที่ยว และหลักสูตรบริหารธุรกิจ สาขาวิชานวัตกรรมการจัดการ

6. มหาวิทยาลัยร่วมพัฒนาหลักสูตรความร่วมมืออื่น ๆ ตามความต้องการของท้องถิ่น รวมถึงร่วมจัดทำโครงการ/กิจกรรม และร่วมมือด้านการวิจัย การบริการวิชาการ และการทะนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมร่วมกัน

7. บันทึกข้อตกลงนี้ให้มีผลใช้บังคับระยะเวลา 4 ปี นับตั้งแต่วันทำบันทึกข้อตกลง

  

 

ตชด 436 พบเรือต้องสงสัยจอดทิ้งใกล้ป่าโกงกางริมทะเล ตรวจสอบพบกัญชาอัดแท่งเพียบ!!

เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2565 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ ตชด.ยังคงทำงานกันอย่างหนักในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 โดยเฉพาะตามแนวตะเข็บชายแดนไทยมาเลเซีย ทางทะเลริมชายฝั่ง ได้มีการออกลาดตระเวนตามแนวชายฝั่ง เฝ้าระวัง การลักลอบทำผิดกฎหมาย ล่าสุดพล.ต.ต.อรรถวุฒิ  อ่อนทรัพย์ ผบก.ตชด.ภาค 4 ,พ.ต.อ.ยงศักดิ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต  ผกก.ตชด.43,พ.ต.ท.ธีรศักดิ์  ศรีราชยา ผบ.ร้อย ตชด.436, ร.ต.อ.พรเทพ หมื่นแกล้ว รองผบ.ร้อย ตชด.436,ร.ต.อ.ปริวรรต หมาดรา หน.ชปข. ร้อย ตชด.436  นำกำลังเจ้าหน้าที่ ตชด.436 ,ชฝต.4301 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำสตูล,ตำรวจ ตม.สตูล,ทหาร,ได้ออกลาดตระเวนทางน้ำริมชายฝั่งตั้งแต่ท่าเทียบเรือตํามะลังถึงหลักเขตแดนที่ 1 คลองกุ้งเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.ระหว่างเรือออกลาดตระเวนตรวจพบเรือที่จอดอยู่บริเวณใกล้ป่าโกงกาง บ้านหัวแหลมหมู่ที่ 3 ตำบลปูยู อำเภอเมือง จังหวัดสตูล

จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจสอบเรือที่ผูกอยู่กับต้นไม้ปรากฏว่าไม่มีผู้ควบคุมเรือจากนั้นจึงได้ตรวจสอบภายในเรือพบกระสอบสีขาวจำนวน 4 กระสอบห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีดำอีกชั้นหนึ่งห่อด้วยผ้ายางสีส้มภายในลำเรือดังกล่าวจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงทำการเปิดกระสอบปุ๋ยต้องสงสัยออกดูปรากฏว่าบรรจุวัสดุเป็นแท่งห่อหุ้มด้วยกระดาษฝอยสีทองห่อหุ้มด้วยพลาสติกใสอีกชั้นหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบภายในพบว่าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา ) จำนวน 71 แท่ง/กิโลกรัม ที่เกิดเหตุไม่พบผู้ใดแสดงตนเป็นเจ้าของ คาดว่าจะไหวตัวและหลบหนีไปได้ มูลค่าของกลาง  852,000 บาท

 

นราธิวาส - ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำรายภาคในพื้นที่ภาคใต้ ลงพื้นที่ประชุมตรวจราชการ เพื่อติดตามการดำเนินงานโครงการ

ณ ห้องประชุมโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาโก-ลก ต.โฆษิต อ.ตากใบ จ.นราธิวาส (กรมชลประทาน) นายอับดุลนัสเซอร์ หะมิ พัฒนาการอำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวตอนรับ พลเอกพิเชฐ ตานะเศรษฐ ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำรายภาคในพื้นที่ภาคใต้ในการประชุมตรวจราชการเพื่อติดตามการดำเนินงานโครงการของคณะอนุกรรมการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำรายภาคในพื้นที่ภาคใต้

โดยมีพลเรือตรีสมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต.บรรยายสรุปการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และรับฟังการบรรยายสถานการณ์อุทกภัยและพนังกั้นน้ำที่ทรุดตัวพร้อมแนวทางการแก้ไขปัญหา และรับฟังความเห็นจากนางสิริวิมล พงษ์อักษร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส,นายปรีชา นวลน้อย ปลัดจังหวัดนราธิวาส,นายกิตติพันธ์ วุฒิวงศ์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนราธิวาส,นายรุ่งเรื่อง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงโกลก,นายสังคม เกิดก่อ นายอำเภอตากใบ,นายอนิรุทธ บัวอ่อน นายอำเภอสุไหงปาดี,นายวิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ นายอำเภอรือเสาะ,นายรุสดี ปูรียา นายอำเภอแว้ง,นายอรุณ ศรีใส นายอำเภอสุคิริน,นายจิริสย์ ศิริวัลลภ นายอำเภอระแงะ,นายมาหะมะยากี หะยีมะ นายอำเภอเจาะไอร้อง  จากนั้นได้เดินทางไปยังบริเวณหน้า อบต.มูโนะ ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส มอบถุงยังชีพร่วมกับจังหวัดนราธิวาสเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่ที่ประสบปัญหาอุทกภัย ทั้งนี้คณะได้เดินเท้าตรวจสภาพพนังกั้นน้ำที่ทรุดตัวเสียหาย

ด้านนายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้กล่าวขอบคุณพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่มีความห่วงใยในความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส และได้กรุณามอบหมายท่านที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ รายภาคในพื้นที่ภาคใต้ และประธานอนุกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำรายภาคในพื้นที่ภาคใต้มารับทราบสภาพเหตุการณ์และปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่จากเหตุอุทกภัยในห้วงที่ผ่านมา และให้กำลังใจ มอบถุงยังชีพ ให้แนวทางคำแนะนำในการแก้ไขปัญหา

นอกจากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสได้ชี้แจงถึงปัญหาอุทกภัยจังหวัดนราธิวาสมี 13 อำเภอซึ่งในห้วงปลายเดือนธันวาคม ถึงเดือนมกราคมของทุกปีจะมีฝนตกหนัก ส่งผลให้แม่น้ำ 3 สาย ได้แก่ แม่น้ำสายบุรี แม่น้ำโก-ลก และแม่น้ำบางนรา ซึ่งไหลผ่านพื้นที่ 9 อำเภอ มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เอ่อล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือนประชาชนประจำทุกปี

 

ลำปาง - ผบ.มทบ.32 ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจกำลังพล - รด.จิตอาสา และเจ้าหน้าที่ฯ จุดบริการประชาชนหน้าค่ายฯ

พลตรีอโณทัย ชัยมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 เดินทางไปตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจกำลังพลจิตอาสามณฑลทหารบกที่ 32,รด.จิตอาสา และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ณ  จุดบริการประชาชน ในห้วงเทศกาลปีใหม่ 2565  โดยฝากความห่วงใยพร้อมให้ช่วยกันดูแลและอำนวยความสะดวกกับพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว ที่ช่วงนี้เป็นการเดินทางกลับให้มีความประทับใจและเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ ซึ่งผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ได้ขอบคุณกำลังพล/จิตอาสา และเจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่ตั้งใจและร่วมมือกันปฏิบัติหน้าที่อย่างดี   

กระบี่ - นทท.ทะยอย กลับจากเกาะพีพี หลังหมดเทศกาลปีใหม่ พบอ่าวมาหยา นทท.ยังแห่เที่ยวแน่น

ที่ท่าเรือท่องเที่ยวปากคลองจิหลาด ม.7 ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ พากันทยอยเดินทางออกจากเกาะพีพี ด้วยเรือโดยสารประจำทาง เพื่อกลับภูมิลำเนา และเดินทางไปท่องเที่ยว ตามแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ อีกหลังจากพาครอบครัวมาพักผ่อนในพื้นที่เกาะพีพี ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ส่งผลให้เรือโดยสารเต็มความจุทุกเที่ยว โดยมีเจ้าหน้าที่ ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว อบจ.กระบี่และ เจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขากระบี่ คอยดูแลความปลอดภัยและความเรียบร้อยประจำท่าเรือ

ขณะอ่าวมาหยา แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง หลังจากที่เปิดมาตั้งแต่วันที่ 1 ที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 3 ม.ค.พบว่ายังคงมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่จองคิวเข้าเที่ยวผ่านแอปพลิเคชันคิวคิว ของกรมอุทยานแห่งชาติฯยังคงเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวเต็มทุกเที่ยว เจ้าหน้าที่อุทยานฯต้องดูแลความเรียบร้อยและห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำ เนื่องจากเกรงว่าจะทำให้ปะการังที่กำลังฟื้นฟูเกิดความเสียหายและไปรบกวนฝูงปลาฉลามครีบดำ นับ 100 ตัว ที่ใช้อ่าวมาหยาเป็นที่หากินและผสมพันธุ์

 

รองโฆษก ตร. ชี้!แนวโน้ม’อาชญากรรมทางเทคโนโลยี’ ใน ปี พ.ศ.2565

วันที่ 3 ม.ค.2565 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งขาติ กล่าวถึงแนวโน้มอาชญากรรมทางเทคโนโลยีใน ปี พ.ศ.2565 ว่า เมื่อพิจารณาข้อมูลจากสถิติการเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ศูนย์บริการประชาชน บก.ปอท. ปี พ.ศ. 2561-2564   พบว่า รูปแบบของอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือใช้เทคโนโลยีในการกระทำความผิดที่มีประชาชนมาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ยังคงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท 

โดยในปี 2564 มีผู้มาแจ้งความร้องทุกข์จำนวน 698 ราย สาเหตุที่การด่าทอ ให้ร้ายกันในสื่อสังคมออนไลน์ ครองความเป็นอันดับ 1 มาตลอดหลายปี อาจเนื่องมาจาก ประชาชนเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น การโพสต์ การแสดงความคิดเห็น การส่งต่อข้อมูลที่ทำให้ผู้อื่นเสียหายจึงมีมากขึ้น  

แต่ที่น่าสนใจจากสถิติดังกล่าวพบว่า มีผู้ได้รับความเสียหายจากการถูกแฮก เพื่อปรับเปลี่ยน/ขโมย/ทำลายข้อมูลคอมพิวเตอร์ พบเป็นอันดับที่ 2 โดยมีผู้มาแจ้งความร้องทุกข์จำนวน 585 ราย ความเสียหายรวมประมาณ 67 ล้านบาทแสดงให้เห็นถึง ประชาชนอาจขาดการระวังป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์/ข้อมูลคอมพิวเตอร์จากแฮกเกอร์  

ส่วนการหลอกขายสินค้า/บริการ พบว่ามาเป็นอันดับ 3 โดยมีผู้มาแจ้งความร้องทุกข์จำนวน 445 ราย ความเสียหายรวมประมาณ 45 ล้านบาท 

ซึ่งจากสถิติดังกล่าวข้างต้นทำให้สังเกตได้ว่า รูปแบบของอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในปัจจุบัน หากไม่นับความผิดฐานหมิ่นประมาทแล้ว พบว่าจะมีอยู่ 2 รูปแบบหลัก ๆ คือ การแฮกข้อมูล และการฉ้อโกงออนไลน์ เป็นหลัก ซึ่งพบว่าอาชญากรรมใน 2 รูปแบบนี้ คนร้ายมักอาศัยโอกาสจากเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาเอื้อประโยชน์ในการกระทำความผิดหรือปกปิดตัวตนไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสืบสวนหาตัวคนร้ายได้โดยง่าย โดยใช้ช่องทางต่างๆ เช่น การปกปิดตัวตนโดยนำภาพหรือชื่อบุคคลอื่นมาสร้างบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ปลอม หรือใช้บัญชีอวตา (Avatar) , การปกปิดที่อยู่ไอพี (ip address) , การใช้ช่องทางสกุลเงินดิจิทัล ในการรับทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด หรือ การซื้อบัญชีธนาคารจากผู้ที่รับจ้างเปิดบัญชีธนาคาร เป็นต้น ซึ่งเป็นการสร้างความยุ่งยากให้กับเจ้าหน้าที่ ในการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย 

ดังนั้นความเห็นส่วนตัวยังเห็นว่า แนวโน้มอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในปี 2565 ยังไม่น่าจะแตกต่างไปจากเดิม แต่คนร้ายอาจนำเทคโนโลยีสมัยใหม่หรือเทคโนโลยีที่มีอยู่มาใช้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การให้ร้ายหรือระรานทางไซเบอร์(Cyber Bullying) , การหลอกลวงผ่านอีเมล (email scam) , การแฮกเพื่อเอาข้อมูลหรือเงินผ่านการลวงให้กดล่อให้กรอก (Phishing) , มัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Ransomware), การหลอกลวงขายสินค้า , การหลอกรักออนไลน์(Romance Scam) , การหลอกรักลวงลงทุน (Hybrid Scam) , การหลอกลวงด้วยการโทรศัพท์โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ , การหลอกให้ลงทุนในลักษณะแชร์ออนไลน์และแชร์ลูกโซ่ , การขูดรีดดอกเบี้ยเงินกู้และการทวงหนี้ในลักษณะผิดกฎหมายจากแก๊งแอพพลิเคชั่นเงินกู้ , การปล่อยข่าวปลอมในโลกออนไลน์เพื่อหวังผลด้านต่าง ๆ (Fake News) เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ประโยคที่ว่า “อาชญากรรมมักทิ้งร่องรอย” ยังคงใช้ได้กับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้าย ที่อาจพัฒนาตัวเองจากอาชญากรภาคพื้นดิน (On Ground) มาเป็นอาชญากรบนอากาศ (Online) โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมีการพัฒนาทักษะ ความรู้ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ทั้งนี้จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ให้บริการด้านต่างๆ ในการสนับสนุนข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบข้อมูลในการสืบสวนสอบสวน  

เทศกาลปีใหม่ สนุกอย่างสร้างสรรค์ “ไม่พกอาวุธปืน ไม่ยิงขึ้นฟ้า!!” ตำรวจพร้อม! จัดเต็มกำลัง ดูแลทั่วประเทศ

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า ช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ 2565 นี้ พี่น้องประชาชนหลาย ๆ ท่านออกเดินทางไปเที่ยว หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อพักผ่อนในห้วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ โดยขอให้ทำกิจกรรมต่าง ๆ อยู่ในกรอบของกฎหมาย ไม่ทำสิ่งใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น 

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเตือนไปยังพี่น้องประชาชนทุกท่านที่ออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆแม้ว่าจะสนุกสนานสักเพียงใด แต่ก็ไม่ควรเลยเถิด จนกลายเป็นความคึกคะนอง "พาอาวุธปืน" ไปในสถานที่ต่าง ๆรวมถึงการ "ยิงปืนขึ้นฟ้า" เพราะการกระทำดังที่กล่าวมานั้น มีความผิดตาม "พ.ร.บ. อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490"

>> มาตรา 8 ทวิ ห้ามมิให้ผู้ใดพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว เว้นแต่เป็นกรณีที่ต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุจําเป็น และเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ 

ไม่ว่ากรณีใด ห้ามมิให้พาอาวุธปืนไปโดยเปิดเผย หรือพาไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้น เพื่อนมัสการ การรื่นเริง การมหรสพ หรือการอื่นใด 

>> มาตรา 72 ทวิ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 8 ทวิ วรรค 1 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าผู้นั้นฝ่าฝืนมาตรา 8 ทวิ วรรค 2 ด้วย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 1,000 บาท ถึง 10,000 บาท

นอกจากนี้กระสุนปืนที่ยิงออกจากกระบอกปืน มีโอกาสที่จะไปตกลงไปโดนหลังคาบ้าน "ทำให้ทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหาย" หรือแม้กระทั่งกระสุนปืนถูกผู้อื่นจนเป็นอันตราย "ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต" จะมีความผิดตาม"ประมวลกฎหมายอาญา"

>> มาตรา 291  ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท

>> มาตรา 300  ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

รอง ผบ.ตร.สั่งการ!! รับมือประชาชนเดินทางกลับทำงานหลังเทศกาลปีใหม่ วันหยุดสุดท้าย...พอใจ!! ภาพรวมสถิติอุบัติเหตุและเสียชีวิตรวม 5 วันยอดลดลง 

3 ม.ค.65 ที่ศูนย์บริหารงานจราจร​(ผอ.ศจร.ตร.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงวันหยุดสุดท้ายเทศกาลปีใหม่ 2565 ประชาชนจะเริ่มเดินทางกลับเข้า กทม. คาดว่าจะมีปริมาณการจราจรหนาแน่น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร (ผอ.ศจร.ตร.) ได้กำชับให้ทุกหน่วยเน้นอำนวยการจราจร ให้ประชาชนเดินทางโดยสะดวกและปลอดภัย

1.ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร เน้นการยืนปรากฏกายบนถนนในจุดสำคัญ  เช่น จุดตัดถนน ทางแยก ทางข้าม สถานีบริการน้ำมัน สถานที่สำคัญต่างๆ โดยการปฏิบัติให้มีการใช้นกหวีด และมีอุปกรณ์ประจำกายให้ครบถ้วน ในเวลากลางคืนให้ใส่เสื้อสะท้อนแสง ใช้กระบองไฟ เพื่อให้ประชาชนเห็นได้ชัดเจน  การกดไฟสัญญาณในแยกต่างๆ ให้ควบคุมกดไฟสัญญาณด้วยมือ

2.เตรียมความพร้อมชุดเคลื่อนที่เร็ว เพื่อเข้าไปแก้ไขกรณีเกิดอุบัติเหตุ เพื่อให้สามารถแยกรถ เคลื่อนย้ายรถได้ทันที รวมถึงเข้าไปอำนวยการจราจรและแก้ไขปัญหาจุดที่รถติดสะสม หรือการจราจรคับคั่ง โดยเฉพาะในเส้นทางที่มีปริมาณรถจำนวนมาก เช่น ถนนมิตรภาพ ถนนพหลโยธิน ถนน 304 (เขาหินซ้อน) ถนนสายเอเชีย รวมถึงเส้นทางพิเศษ ทั้งด่านบางปะอิน มอเตอร์เวย์ กาญจนาภิเษก

3.ให้ทุกหน่วยที่เป็นพื้นที่รอยต่อ โดยเฉพาะ บช.น. ภ.1 ,2 ,3 และ บก.ทล.บูรณาการและประสานการปฏิบัติในการอำนวยการจราจรเพื่อรับรถกลับเข้า กทม. อย่างต่อเนื่อง และ

4.ให้ รอง ผบช.​/รอง ผบก. ทุกหน่วยและผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น กำกับดูแลการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด

ต้นไม้หลักร้อย มูลค่าหลักล้าน!! | LOCK LENS GURU EP.58

LOCK LENS GURU รายการที่จะพาทุกคนมาเจาะลึกประเด็นที่น่าสนใจ ไปกับ ‘กูรู’ ตัวจริง 

🔍 พบกับ 2 กูรู ‘คุณวสันต์ รัตนวงศ์’ เจ้าของเพจ วสันต์พรรณไม้ nature plant 
และ ‘คุณทิภาคร สุนทรวัฒน์’ วัยรุ่นพันธุ์ไม้ 

🖥 ดำเนินรายการโดย หมิว THE STATES TIMES

🎥 ช่องทางรับชม 
YouTube: THE STATES TIMES
Facebook: THE STATES TIMES

ติดตามผลงานเพิ่มเติมได้ที่ : https://thestatestimes.com/category/weekly/columnist

.

.

‘เหมา’ สู่ ‘สี’ ตำนานบทใหม่ที่ไม่เทียบเท่า แต่ยิ่งใหญ่กว่า!! 

หากมองการเมืองโลก และสถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในปัจจุบัน คงมิพ้นต้องกล่าวถึงการคัดค้านกันระหว่างสองมหาอำนาจใหญ่อย่างจีนและสหรัฐอเมริกา ซึ่งกลยุทธ์การเดินเกมของทั้งสองชาติในระยะหลังนั้นเป็นสิ่งที่นักวิเคราะห์ทั่วโลกจับตามองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะทางฝ่ายจีน

ต้องยอมรับว่าตลอดช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ทั่วโลกตั้งคำถามกับมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาโดยรัฐบาลจีน ภายใต้นโยบาย 共同富裕 (ก้งถงฟู่ยวี่) ของจีน ซึ่งหมายถึงการปฏิรูปสังคม-เศรษฐกิจ (Socio-Economic Reform) แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า “Common Prosperity” หรือคำที่ใกล้เคียงในภาษาไทยก็คือ “ความเจริญถ้วนหน้า” กล่าวคือ เป็นความเจริญที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังนั่นเอง

การบังคับใช้ในหลายมาตรการเป็นสิ่งที่หลายคนมองว่าเป็นการ “หักดิบ” ไม่ว่าจะเป็นการจำกัดสิทธิในการเล่นเกมออนไลน์ของเด็ก ๆ และวัยรุ่น ไปจนถึงการออกคำสั่งควบคุมการดำเนินกิจการของโรงเรียนกวดวิชา การออกกฎเกณฑ์ห้ามไม่ให้เด็กนักเรียนชั้น ป.1 และ ป.2 มีการจัดสอบข้อเขียน รวมทั้งบรรจุกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นทักษะทางสังคมและกีฬาเพิ่มเติม สำหรับเหล่าแฟนคลับดารา นักแสดง และคนดังทั้งหลาย พวกเขาถูกจำกัดสิทธิ์ในการซื้อสินค้าและบริการของดาราที่ตนเองชื่นชอบ เนื่องจากทางการมองว่าไม่ควรเสียเงินใช้จ่ายกับ “เรื่องพวกนี้” มากจนเกินไป ทั้งยังมีการสั่งแบนดารา นักร้อง และอินฟลูเอนเซอร์ที่มีพฤติกรรมทางสังคมไม่เหมาะสม (ตามที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนเห็นว่าไม่เหมาะสม)

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการการสั่งห้ามบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ การห้ามกิจการขนาดยักษ์ทำกิจกรรมทางธุรกิจบางอย่าง หรือการออกมารวมกลุ่มของบริษัทขนาดยักษ์ของจีนเพื่อสร้างกองทุนเพื่อการพัฒนาและลดความยากจนของประชาชน 

ทั้งหมดนี้ทำให้นักวิเคราะห์จำนวนมากมองว่าประธานาธิบดีคนปัจจุบันของจีนอย่าง ‘สี จิ้นผิง’ กำลังนำประเทศกลับสู่ยุคของการ “ปฏิวัติวัฒนธรรม” ในยุคของ ‘เหมา เจ๋อตง’ อดีตผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน และประธานาธิบดีคนแรกหลังจากที่จีนเปลี่ยนมาปกครองด้วยระบบคอมมิวนิสต์

สื่อมากมายประโคมข่าวยกระดับและเปรียบเทียบ สี จิ้นผิง เทียบเท่ากับ เหมา เจ๋อตง ในยุคหลังปฏิวัติคอมมิวนิสต์ปี 1949 ที่มีอำนาจเผด็จการเบ็ดเสร็จ ควบคุมและปกครองแบบแยกตัว (isolate) จากโลกภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายใต้วิกฤตกาลโควิด-19 ที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าทางการจีนยังไม่มีนโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวและนักศึกษาต่างชาติเข้าประเทศ

สำหรับแง่มุมทางการเมือง จีนได้แสดงท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่าพวกเขาต่อต้านอย่างแข็งกร้าว ไม่ยินยอมให้ผู้นำจากโลกตะวันตกใช้คำว่า “ประชาธิปไตย” และคำว่า “สิทธิมนุษยชน” เข้ามาแทรกแซงการปกครองภายในประเทศจีน ไม่สนใจคำวิจารณ์ต่าง ๆ และแม้ว่าจะมีการคว่ำบาตรจากทั่วโลกอย่างไร แต่ทางการจีนก็แสดงให้เห็น ว่าประเทศจีนเพียงลำพัง ก็สามารถอยู่ด้วยตัวเอง พึ่งพาตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องง้อโลกตะวันตก

นี่ยังไม่นับเรื่อง “มติครั้งประวัติศาสตร์” ที่จะทำให้ สี จิ้นผิง สามารถเป็นประธานาธิบดีไปเรื่อย ๆ ได้จนกว่าจะสิ้นชีพ นับว่าเป็นครั้งที่ 3 นับแต่มีการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยครั้งแรกมีขึ้นในยุคของประธานเหมา และครั้งที่ 2 มีขึ้นในยุคของนายเติ้ง เสี่ยวผิง

ผู้ที่ติดตามประวัติศาสตร์และการเมืองจีนหลายคนคงจะเห็นตรงกันว่า สถานภาพทางอำนาจของนายสี จิ้นผิงในวันนี้ใกล้เคียงกับ เหมา เจ๋อตง เข้าไปทุกที

หากถามตัวผมว่าประธานสี แตกต่างจากประธานเหมาหรือไม่ สำหรับผม ผมว่ายังมีความต่างอยู่บ้าง เพราะหากย้อนกลับไปในยุคประธานเหมา ก็คงต้องพูดถึงผลงานโดดเด่น (ในด้านที่ไม่ดี) ของประธานเหมา ทั้ง “The Great Leap Forward” การสร้างลัทธิบูชาบุคคลที่ขับเคลื่อนด้วย “ยุวชนแดง” (Red Guard) และการตีพิมพ์ “หนังสือปกแดงเล่มเล็ก” (Little Red Book) ใช่ ช่วงเวลาของการ “ปฏิวัติวัฒนธรรม” ซึ่งคร่าชีวิตชาวจีนไปมากกว่า 30 ล้านชีวิต

หนังสือปกแดงเล่มเล็ก (Little Red Book)

สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นภายใต้การปกครองที่เป็นลัทธิบูชาบุคคล (Cult of Personality) ซึ่งลัทธิบูชาประธานเหมานั้น หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วเรื่องนี้ไม่ได้เป็นไอเดียของประธานเหมาเพียงลำพัง แต่มีกลุ่มผู้ที่ส่งเสริม ยุยง และสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งก็คือ “แก๊ง 4 คน / แก๊งออฟโฟร์” (Gang of Four) นำโดย เจียงชิง (江青) ภรรยาของประธานเหมา และ หลินเปียว (林彪) ผู้มีส่วนสำคัญในชัยชนะของพรรคคอมมิวนิสต์

ในช่วงเริ่มต้นของการปฏิวัติวัฒนธรรมนั้น คำว่า “ปฏิวัติวัฒนธรรม” เป็นเพียงแค่แนวคิดและแบบแผนของประธานเหมาในการจะนำสังคมจีนไปสู่สังคมคอมมิวนิสต์ที่ก้าวหน้าสมบูรณ์แบบ ซึ่งก็คือการ Reset ประเทศใหม่แบบหักดิบ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ตามภาพประเทศในฝันของเหล่าผู้นำพรรค

ท้ายที่สุด การประกาศปฏิวัติวัฒนธรรมนั้นได้กลายเป็นเครื่องมือในการกำจัดศัตรูทางการเมืองของทั้งตัวประธานเหมาเอง รวมไปถึงแก๊งออฟโฟร์ ส่งผลให้ผู้มีความสามารถ นักการเมือง ปัญญาชน และนายทุนมากมายที่ไม่ได้ให้การสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์ ต้องถูกกำจัดด้วยวิธีต่าง ๆ ด้วยกลไกที่มียุวชนแดงในการขับเคลื่อน และเนื้อหาของกฎเกณฑ์ในหนังสือปกแดงเล่มเล็ก ส่งผลให้ประเทศจีนเสียหายอย่างหนักหน่วง

หากจะกล่าวว่า สี จิ้นผิง กำลังจะกลายร่างกลายเป็น เหมา เจ๋อตง นั้น ตัวผมมองว่าคงจะเป็นการด่วนสรุปจนเกินไป เพราะถึงแม้ว่ารัฐบาลจีนภายใต้ สี จิ้นผิง กำลังขับเคลื่อนประเทศด้วยการปฏิรูป ที่หลายคนมองว่าคือการปฏิวัติวัฒนธรรมภาค 2 แต่ในอีกมุมหนึ่ง จีนกำลังพิสูจน์ และแสดงให้โลกเห็นเป็นตัวอย่างว่าความศิวิไลซ์ (civilization) ไม่จำเป็นต้องเจริญแบบตะวันตก (westernization) แต่เพียงอย่างเดียว ประเทศไหน ๆ ก็สามารถเติบโตในแบบของตัวเองได้

นับตั้งแต่หมดยุคประธานเหมา เข้าสู่ยุคผู้นำ ‘เติ้ง เสี่ยวผิง’ ประเทศจีนได้ดำเนินนโยบายที่แตกต่างออกไปโดยลดความเป็นคอมมิวนิสต์สุดโต่ง เปิดใจค้าขายกับต่างชาติอย่างเสรีมากขึ้น มีการใช้ระบบตลาดแบบทุนนิยม ทำให้เศรษฐกิจจีนเติบโตขึ้นมาอยู่ในระดับแนวหน้าของโลก จนถึงยุคสมัยของประธานสี ที่มีการใช้นโยบายขยายการแลกเปลี่ยนทางการค้า เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมด้วยการใช้ Soft Power ภายใต้นโยบาย “หนึ่งเข็มขัดเศรษฐกิจ หนึ่งเส้นทาง” (Belt and Road Initiative) ซึ่งปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์การเป็นประเทศด้อยพัฒนาของจีน นักวิเคราะห์ทั่วโลกถึงกับเห็นตรงกันว่าจีนจะกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกใหม่

ในตอนนั้นเอง ที่คำว่า “สงครามการค้าระหว่างจีน-อเมริกา” ได้ถูกพูดถึงในวงกว้างมากขึ้น นักวิเคราะห์บางคนมองว่าเป็น “สงครามเทคโนโลยี” บ้างก็ว่าเป็น “สงครามความมั่นคง” ซึ่งจะว่าอย่างไรก็แล้วแต่ โดยภาพรวมแล้วมันคือความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาในการช่วงชิงการเป็นมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลก

ในช่วงหลังมานี้ ฝ่ายจีนได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้ดุดันยิ่งขึ้นโดยหันมาเดินเกมด้วย Hard Power ในการจัดระเบียบภายในประเทศด้วยนโยบาย Common Prosperity และในขณะเดียวกัน ก็จัดการกับเสี้ยนหนามทางการเมืองที่จีนมองว่าเป็นเครื่องมือของฝ่ายสหรัฐฯ ในการทิ่มแทงจีนจากรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น ไต้หวัน หรือฮ่องกง ซึ่งนอกเหนือจากสองเกาะนี้ ฝ่ายสหรัฐฯ ยังรวบรวมพันธมิตรจากทั่วโลก ทั้งในโซนยุโรป อินเดีย ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น รวมถึงกลุ่มองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ ในการกดดันประเทศจีน โดยใช้ประเด็นประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในซินเจียง ทิเบต และฮ่องกง ซึ่งล่าสุดก็มีประเด็นร้อนไปเมื่อ ‘โจ ไบเดน’ จัดการประชุม “ซัมมิตประชาธิปไตย” (Summit for Democracy) โดยไม่มีจีนอยู่ในรายชื่อประเทศที่ถูกรับเชิญ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอแสดงความเสียใจ "สารวัตรสืบสวน สภ.ฝาง พลีชีพ" ปะทะขบวนการค้ายาเสพติด พื้นที่ จ.เชียงใหม่ เตรียมปูนบำเหน็จความชอบ พร้อมสั่งล่าตัวผู้กระทำผิด!!

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.64 ที่ผ่านมา มีเรื่องน่าสลดใจเกิดขึ้น เมื่อข้าราชการตำรวจได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อพี่น้องประชาชน ด้วยความตั้งใจ เสียสละ จนถึงขั้นเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.64 เวลาประมาณ 21.30 น. ชุดสืบสวน สภ.ฝาง และ สภ.แม่อายภ.จว.เชียงใหม่ ได้ออกสืบสวนติดตามขบวนการลักลอบขนยาเสพติดจากชายแดน เข้ามาในพื้นที่ อ.ฝางจว.เชียงใหม่ พบรถยนต์ต้องสงสัยขับมาจากเส้นทาง บ.โป่งไฮ - ถ.โชตนา จึงทำการติดตามไป เพื่อทำการจับกุมก่อนที่จะถูกคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงใส่ ส่งผลให้ "พ.ต.ต.พิบูลพันธ์ สุขุมานนท์ สารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรฝาง ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่" ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา 

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอสดุดีวีรกรรมของ พ.ต.ต.พิบูลพันธ์ สุขุมานนท์ สารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรฝาง ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจ เสียสละ จนวาระสุดท้ายของชีวิต จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้เร่งติดตามล่าตัวผู้กระทำผิด มาลงโทษตามกฎหมายให้ได้โดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ยังได้กำชับไปยังผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ของ พ.ต.ต.พิบูลพันธ์ฯ ให้ดูแลสวัสดิการของครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างดีที่สุด

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ กล่าวต่อว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะ "พิจารณาการปูนบำเหน็จความชอบ และดูแลในเรื่องของเงินสวัสดิการ" ช่วยเหลือครอบครัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เสียสละ เพื่อเป็นการรักษา เยียวยา และให้กำลังใจผู้ที่ได้รับความสูญเสียจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันดังกล่าวนี้ ซึ่ง กรณี เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ จะได้รับเงินสวัสดิการ250,000 – 500,000 บาท โดยในปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ สามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ แอปพลิเคชันแทนใจ และผู้ได้รับเงินเยียวยาจะมีการแจ้งเตือนผ่านแอปพลิชันแทนใจ อีกทางหนึ่งด้วย

‘อินเดีย’ ยืนหนึ่ง!! ประเทศให้บริการ “Outsourcing Call Centers” ดีที่สุดในโลก!! 

ศูนย์บริการลูกค้าทางโทรศัพท์และการแชตกลายเป็นเรื่องจำเป็นของบริษัทธุรกิจชั้นนำของโลก หมายเลขติดต่อโทรแบบลูกค้าไม่เสียเงิน (Call free) และการตอบ Chat สำหรับลูกค้ากลายเป็นเรื่องของการแข่งขันที่สำคัญและจำเป็นในโลกธุรกิจปัจจุบัน

บ้านเราก็เช่นเดียวกัน โชคดีที่ทุกจังหวัดของบ้านเราอยู่ในเขตเวลา (Time zone) เดียวกัน แต่ในประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่เป็นทวีปเหมือนสหรัฐฯ ทำให้มีเขตเวลา (Time zone) ต่างกันถึง 3 เขต เวลาเริ่มธุรกิจจึงแตกต่างกัน กอปรกับค่าแรงในสหรัฐฯ ค่อนข้างสูง ทั้งมีสหภาพแรงงานต่าง ๆ ที่แข็งแกร่ง จึงทำให้เกิดบริษัทในอินเดียที่ให้บริการ Outsourcing Call Centers สำหรับลูกค้าของบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลก ด้วยเบอร์โทรหรือ Chat ของบริษัทต่าง ๆ ที่บริษัท Outsourcing ในอินเดียรับงาน จะถูกโอนการติดต่อมายังพนักงานของบริษัท Outsourcing ในอินเดียโดยอัตโนมัติ

บริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกมักเลือกใช้บริการ Outsourcing Call Centers ในอินเดียมากกว่า เมื่อเทียบกับการจ้างบริษัท Outsourcing Call Centers ใน จีน ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย อินเดียเป็นสถานที่ Outsourcing Call Centers เป็นเลิศมาโดยตลอด เนื่องจากศูนย์บริการในอินเดียมีข้อได้เปรียบมากมายที่ประเทศอื่นไม่มี ทุกวันนี้การใช้บริการศูนย์บริการ Outsourcing Call Centers ในอินเดียได้กลายเป็นบรรทัดฐานสำหรับบริษัทระดับโลกหลายแห่ง องค์กรระหว่างประเทศหลายแห่งก็กำลังจัดตั้งศูนย์บริการทางโทรศัพท์ในอินเดีย เนื่องจากอินเดียมีพนักงานที่มีคุณภาพจำนวนมาก และยังสามารถให้บริการ Outsourcing Call Centers ที่คุ้มค่าใช้จ่ายได้อีก ด้วยเหตุผลทางธุรกิจดังต่อไปนี้

>> ทำไมต้องใช้บริษัทในอินเดียเป็น Outsourcing Call Centers? ด้วยพนักงานชาวอินเดียจำนวนมาก และมีการศึกษา มีความชำนาญ และสันทัดในการใช้ภาษาอังกฤษ ศูนย์บริการ Outsourcing Call Centers ในอินเดียมีผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี มีความรู้ด้าน IT ได้รับการฝึกอบรม มีทักษะและประสบการณ์มากที่สุด อินเดียมีประชากรที่พูดภาษาอังกฤษมากที่สุดรองจากสหรัฐอเมริกา ตลาดแรงงานที่มีขนาดใหญ่และพื้นฐานการศึกษาที่ดีของอินเดียเป็นหนึ่งในข้อได้เปรียบหลักเหนือประเทศอื่น ๆ อินเดียจะมีจำนวนแรงงานที่มีการศึกษาดี ซึ่งมีจำนวนที่มากตลอดไป เนื่องจากอินเดียมีผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และมีอุตสาหกรรมด้านการฝึกอบรมที่ประสบความสำเร็จจำนวนมากด้วย

>> พนักงานจำนวนมากของอินเดียเต็มใจที่จะทำงานในราคาที่ถูกกว่า ในการดำเนินงานของศูนย์บริการ Outsourcing Call Centers โดยทั่วไปค่าจ้างแรงงานคิดเป็น 55 ถึง 60% ของต้นทุนทั้งหมด สำหรับอินเดียแล้วมีต้นทุนค่าแรงงานต่ำกว่าประเทศอื่น ๆ

>> มีบริการ Outsourcing Call Centers เฉพาะทาง บริษัทฯ ที่ให้บริการลักษณะนี้ ในอินเดียมีประสบการณ์ในการให้บริการ Outsourcing Call Centers เช่น บริการ Call Centers เรียกเข้า บริการการตลาดทางโทรศัพท์ บริการสนับสนุนด้านเทคนิค บริการกู้คืนข้อมูลหลังภัยพิบัติ บริการสนับสนุน E-mail และบริการสนับสนุนการ Chat เป็นต้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top