Thursday, 3 July 2025
SPECIAL

กาฬสินธุ์ - รณรงค์หยุด!! ‘การเผาพื้นที่เกษตร’ ร่วมทำแนวกันไฟ เดินหน้านำร่องหนุนเกษตรกร ใช้เทคโนโลยีเปลี่ยนของเสียให้มีประโยชน์

ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมกับส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฝ่ายปกครอง องค์กรภาคเอกชน และเครือข่ายเกษตรกร รณรงค์หยุดการเผาในพื้นที่เกษตร เดินหน้านำร่องหนุนเกษตรกรใช้เทคโนโลยีเปลี่ยนของเสียให้มีประโยชน์ ลดต้นทุนการผลิต เกิดความสมบูรณ์ของดินและอินทรียวัตถุในดิน ได้ผลผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 14 มกราคม 2565 ที่แปลงเกษตรกร นายสุนัน มิทะรา บ้านโนนตูม หมู่ที่ 4 ต.หนองตอกแป้น อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานพิธีเปิดงานนำร่องสาธิตเทคโนโลยีการจัดการเศษวัสดุทดแทนการเผา ภายใต้โครงการส่งเสริมการหยุดเผา ในพื้นที่การเกษตร ปี 2565 โดยมีนายธวัชชัย รอดงาม รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ นายชานุวัฒน์ วรามิตร นายก อบจ.กาฬสินธุ์ นายอัครพงษ์ เขียวแจ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ และหัวหน้าส่วนราชการร่วมงาน

นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่างานนำร่องสาธิตเทคโนโลยีการจัดการเศษวัสดุทดแทนการเผา ภายใต้โครงการส่งเสริมการหยุดเผาดังกล่าว จัดโดยสำนักงานเกษตร จ.กาฬสินธุ์ ร่วมกับอำเภอยางตลาด สำนักงานเกษตรอำเภอยางตลาด องค์การบริหารส่วนตำบลหนองตอกแป้น องค์กรภาคเอกชน และเครือข่ายเกษตรกรในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างเครือข่ายเกษตรปลอดการเผาในพื้นที่การเกษตร สร้างจิตสำนึกและการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนในการทำเกษตรปลอดการเผา รวมทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรนำเอาวัสดุเหลือใช้จากการเกษตร มาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในการสร้างมูลค่าและเพิ่มผลผลิต

นายทรงพลกล่าวอีกว่า ปัญหาหมอกควันปกคลุมและเกิดมลพิษทางอากาศ มีสาเหตุหนึ่งมาจากการเผาในที่โล่ง ทั้งในพื้นที่ป่าและพื้นที่การเกษตร ซึ่งการเผาดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน รวมทั้งยังส่งผลเสียต่อการทำอาชีพการเกษตรโดยตรง คือทำให้ดินเสื่อมโทรม ขาดความอุดมสมบูรณ์และส่งผลให้สูญเสียทางด้านเศรษฐกิจ ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และผลผลิตต่ำกว่าที่ควรจะเป็น

ศพดส.ตร. พบเรือประมงสองจังหวัด สวมทะเบียนลอบทำประมงผิดกฎหมาย สั่งขยายผลจับกุมผู้เกี่ยวข้อง เชื่อ!!เจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนรู้เห็น

จากกรณีที่ประเทศไทยได้ถูกลดอันดับการรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์จากทางการสหรัฐฯ ลงเป็นอันดับประเทศที่ต้องจับตามอง (Tier 2 Watch List) โดยมีข้อสังเกตในเรื่องการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการค้ามนุษย์อย่างจริงจังในทุกภาคส่วน ปัญหาการบังคับใช้แรงงานและแรงงานข้ามชาติซึ่งเกิดขึ้นในหลายอุตสาหกรรมรวมถึงภาคการประมง รวมทั้งปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ตามที่ทราบแล้ว นั้น

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย เพื่อแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย และการบังคับใช้แรงงานในภาคการประมง โดยมี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานคณะทำงานเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ ควบคุม เฝ้าระวังการทำการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ

โดยได้แต่งตั้งชุดปฏิบัติการตรวจสอบและเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาการประมง เพื่อการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวและประสานการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ในการนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการ ตำรวจแห่งชาติ/ผู้อำนวยการ ศพดส.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/ รองผู้อำนวยการ ศพดส.ตร./รองประธานอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU Fishing) โดยเร่งด่วน

ต่อมาเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2565 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./รองประธานอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ได้เดินทางมาตรวจสอบเรือประมงต้องสงสัยในการสวมซาก ปลอมเปลี่ยนแปลงชื่อเรือ ที่คานเรือ ต.โกรกกราก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร 

หลังได้รับรายงานจาก สภ.สัตหีบว่า เมื่อวันที่ 8 ม.ค.2565 เจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจประมงชลบุรีเข้าตรวจสอบเรือประมงชื่อโนรีนาวา ณ ท่าเทียบเรือสะพานปลาป้าแคลง ซึ่งเรือลำดังกล่าวยื่นคำร้องขอปิดสัญญาณอุปกรณ์ระบุตำแหน่งเรือชั่วคราว เนื่องจากกรณีตัวเรือเกิดชำรุดเสียหายต้องซ่อมแชม โดยนำเรือเข้าอู่เรือคานเรือ หรือท่าเทียบเรือประมงไว้กับด่านตรวจประมงชลบุรี แต่เมื่อไปตรวจสอบ ไม่พบเรือลำดังกล่าวที่ท่าเทียบเรือสะพานปลาป้าแคลง จึงขยายผลตรวจสอบ จนพบเรือดังกล่าว ถูกนำไปจอดไว้ห่างออกไป ซึ่งคาดว่าจะนำเรือไปจม เพื่อนำหมายเลขเรือดังกล่าวไปสวมซากเรือ 

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1/หน.ชป.2 พ.ต.อ.น้ำเพขร ทรัพย์อุดม รอง ผบก.คด./รอง หน.ชป.ที่ 2 พร้อมพวกตำรวจสืบสวนขยายผลจนได้ข้อมูลว่า มีเรือที่เกี่ยวข้องกัน อยู่ที่ จ.สมุทรสาคร จึงเดินทางมาตรวจสอบพบเรือต้องสงสัยอีก 1 ลำ จึงร่วมกับพิสูจน์หลักฐาน กรมเจ้าท่า กรมประมง ศรชล. ตำรวจน้ำ ทำการตรวจพิสูจน์

เบื้องต้นพบว่า นายสนั่น แซ่ลี้ เป็นเจ้าของเรือ โดยให้การว่า ซื้อเรือ ศุภประภานำโชค   มาจาก น.ส.สุธีรา มุกดา อยู่ที่ ต.แสมสาร  ชลบุรี  เมื่อวันที่ 16 พ.ย.64  ในราคาสามแสนบาท   โดยจดทะเบียนที่ กรมเจ้าท่าถูกต้อง ก่อนผู้ขายจะขับเรือมาส่งให้ ที่ท่าหน้าบ้าน เลขที่ 82/6 ม.2 ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร  โดยผู้ซื้อเดินทางด้วยรถยนต์ มาจดทะเบียนโอนเรือให้ที่ จท.สมุทรสาคร  และจอดเรือไว้ที่ท่าหน้าบ้านประมาณ 20 วัน จึงนำเรือมาขึ้นคานซ่อมแซม ที่คานเรือ เนื่องจากเรือมีสภาพทรุดโทรมมาก จากนั้นตน ก็ไปขอโอนใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ และได้รับแล้ว  มีเอกสารหลักฐานครบถ้วนถูกต้อง  

จากการตรวจสอบกายภาพของเรือ พบมีชื่อ เลขทะเบียน เลขเครื่องหมายประจำเรือประมง  มีการตอกเลขอัตลักษณ์2 แห่ง จึงได้แจ้งจท. Pipo ศรชล. พฐ. ร่วมตรวจสอบเรือ โดยตรวจวัดขนาด และตรวจเลขอัตลักษณ์ พฐ.ตรวจพิสูจน์ ชื่อเรือ  เลขทะเบียน โดยจะลอกสี  เพื่อดูชื่อเรือที่เคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้ รวมทั้งตรวจ การตอก ร่องรอยลักษณะ 

โดยเบื้องต้นพบว่า เรือลำดังกล่าวมีการขูดเปลี่ยนแปลงหมายเลขเป็นอีกลำหนึ่ง ซึ่งน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับ เรือ ศุภประภานำโชค เรือโนรีนาวา ที่ตรวจพบที่ สัตหับ จ.ชลบุรี

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เรือต้องสงสัยที่ตรวจพบทั้งหมด มีความเชื่อมโยงกัน มีการขูดลอกเลข เพื่อปลอมแปลงชื่อเรือ ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยละเอียดของกองพิสูจน์หลักฐาน หากพบการกระทำความผิด จะเรียกผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดี รวมทั้งขยายผลว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ ยืนยันว่าจะทำความจริงให้ปรากฏ แยกน้ำดีออกจากน้ำเสีย เพื่อแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมายตามนโยบายรัฐบาล” 

 

สุโขทัย - อบจ.สุโขทัย ร่วมกับเทศบาลศรีสำโรง จัดโครงการคลองสวยน้ำใส กำจัดผักตบชวาและวัชพืชในคลอง เสริมแหล่งพักผ่อนเติมสุขให้ชุมชน

โครงการคลองสวยน้ำใส (กิจกรรมขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาผักตบชวาและวัชพืชคลองตาปาน) พื้นที่แหล่งน้ำสำคัญของอำเภอศรีสำโรง จ.สุโขทัย มีนายมนู พุกประเสริฐ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย เป็นประธานในพิธีพร้อมด้วยคณะผู้บริหารและบุคลากร องค์การบริหารส่วนจังหวัด และเทศบาลตำบลศรีสำโรง

ซึ่งอบจ.สุโขทัย ได้สนับสนุนเครื่องจักรกล พร้อมเจ้าหน้าที่ เข้าดำเนินการกำจัดผักตบชวาและวัชพืช ที่กีดขวางทางน้ำในคลองตาปาน ที่เป็นคลองน้ำสำคัญในพื้นที่อำเภอศรีสำโรง ที่ใช้ประโยชน์จากคลองน้ำสายนี้ และเพื่อพัฒนาปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณคู คลอง เป็นการส่งเสริมให้ประชาชน ชาวชุมชน ในพื้นที่ได้มีส่วนร่วม และตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรแหล่งน้ำในชุมชน

เพชรบูรณ์ - ‘มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์’ ประจำจังหวัดเพชรบูรณ์ มอบสิ่งของพระราชทานให้แก่ผู้ประสบอัคคีภัย

นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เชิญถุงยังชีพพระราชทานในมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำจังหวัดเพชรบูรณ์ ไปมอบให้ นายเพียร โพยนอก  ผู้ประสบอัคคีภัย  ณ บ้านเลขที่ 59 หมู่ที่ 6 ต.พญาวัง อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ โดยมีนายวิชาญ เดชเรืองศรี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 6 บ้านวังมะขาม ต.พญาวัง  กล่าวรายงาน พร้อมด้วย คณะกรรมการ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ประจำจังหวัดเพชรบูรณ์ นายอำเภอบึงสามพัน หัวหน้าส่วนราชการ จิตอาสา เข้าร่วม พร้อมมอบเงินและสิ่งของเพื่อเป็นการช่วยเหลือในเบื้องต้น

นายวิชาญ เดชเรืองศรี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 6 บ้านวังมะขาม ต.พญาวัง กล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2565 เวลา 15.00 น. ได้เกิดเหตุอัคคีภัย ณ บ้านเลขที่ 59 หมู่ที่ 6 บ้านวังมะขาม ต.พญาวัง อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นบ้านพักอาศัยของ นายเพียร โพยนอก อายุ 74 ปี ขณะเกิดเหตุไม่มีผู้อยู่ในตัวบ้าน จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ องค์การบริหารส่วนตำบลพญาวัง องค์การบริหารส่วนตำบลซับไม้แดง และที่ทำการปกครองอำเภอบึงสามพัน รวมรถดับเพลิงที่เข้าให้การช่วยเหลือ 3 คัน และเพลิงสงบลงเวลา 16.00 น.

โดยในโอกาสนี้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ เหล่ากาชาดจังหวัดเพชรบูรณ์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเพชรบูรณ์ สาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเพชรบูรณ์ กำนันผู้ใหญ่บ้าน ได้มอบ เงิน  ถุงยังชีพ เครื่องอุปโภคบริโภค เป็นการช่วยเหลือเพิ่มเติมด้วย และองค์การบริหารส่วนตำบลพญาวัง  จะดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบและอำนาจหน้าที่ต่อไป จากนั้นเวลา 15.30 น. รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมคณะ  เชิญผ้าห่มกันหนาวพระราชทานใน มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำจังหวัดเพชรบูรณ์  และ เครื่องอุปโภคบริโภค ไปมอบให้กับ ผู้พิการและผู้ป่วยติดเตียงที่ประสบภัยหนาว พื้นที่อำเภอบึงสามพันจำนวน 4 ราย และอำเภอหนองไผ่ จำนวน 5 ราย

ตั้งสติ!! “ห้ามโอนเงินโดยเด็ดขาด” โฆษก ตร. เตือนภัยออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกโอนเงิน

13 ม.ค.65 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในห้วงเวลาปัจจุบัน ได้มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงพี่น้องประชาชนในหลายรูปแบบ อาทิเช่น หลอกว่าได้รับรางวัล หลอกว่าเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด หรือปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วให้เพิ่มเพื่อนผ่านแอปพลิเคชันไลน์ โดยปลอมเป็นไลน์ของสถานีตำรวจ เพื่อหลอกเอาข้อมูลส่วนตัว หรือหลอกให้หลงเชื่อว่าทำผิดกฎหมายเพื่อโอนเงินแลกกับการไม่ดำเนินคดี ซึ่งในขั้นตอนสุดท้ายมิจฉาชีพจะโน้มน้าวให้ “โอนเงิน” ด้วยเหตุผลต่าง ๆ นั้น  ขอให้ท่านตั้งสติ และห้ามโอนเงินเด็ดขาด

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากภัยร้ายทางโลกออนไลน์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความมุ่งมั่นที่จะปราบปรามอย่างจริงจัง จึงได้ตั้ง ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เพื่อปฏิบัติภารกิจที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องดังกล่าว อย่างเข้มงวด เพื่อลดความสูญเสียทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน โดยมี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็น ผู้อำนวยการศูนย์ฯ

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวต่อว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ฯ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีนโยบายให้ประชาสัมพันธ์เตือนภัย และให้ความรู้กับพี่น้องประชาชน เพื่อให้รู้เท่าทันมิจฉาชีพ เสมือนเป็นวัคซีนเพื่อป้องกันภัยร้ายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (Cyber Vaccinated) และได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ปฏิบัติหน้าที่กวาดล้างมิจฉาชีพอย่างเข้มข้น รวดเร็ว เพื่อไม่ให้พี่น้องประชาชนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพอีกต่อไป จึงอยากขอเน้นย้ำกับพี่น้องประชาชนว่า หากท่านพบว่ามีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และดำเนินการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย ให้สันนิษฐานว่าเป็นมิจฉาชีพ ขอให้ท่านตั้งสติ และห้ามโอนเงินโดยเด็ดขาด

 

สุรินทร์ - KI GROUP บริษัท น้ำตาลสุรินทร์ จำกัด และ บริษัท ไฟฟ้าสุรินทร์ มอบทุนสร้างโดมกีฬาอเนกประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 25 กว่าล้านบาท

ณ ห้องรับรอง มณฑลทหารบกที่ 25  KI GROUP บริษัท น้ำตาลสุรินทร์ จำกัด และ บริษัท ไฟฟ้าสุรินทร์ จำกัด โดยคุณยงยุทธ เสถียรถิระกุล กรรมการผู้จัดการ และคณะผู้บริหาร เข้าพบ พลตรีสาธิต  เกิดโภค ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 และ คณะผู้บริหารของมณฑลทหารบกที่ 25 พร้อมกับได้มอบทุนสนับสนุนการก่อสร้างโดมกีฬาอเนกประสงค์ เพื่อใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติภารกิจ และใช้ประโยชน์ในกิจกรรมต่าง ๆ ด้านกีฬา ของเหล่าทหาร และ ครอบครัว รวมถึงประชาชนที่สามารถเข้าไปใช้งานร่วมกันได้ ในพื้นที่ของมณฑลทหารบกที่ 25

โดยการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์แห่งนี้ขึ้น มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 90 ตารางเมตร ได้รับการสนับสนุนทุนงบประมาณจาก KI GROUP บริษัท น้ำตาลสุรินทร์ จำกัด และ บริษัท ไฟฟ้าสุรินทร์ จำกัด เป็นเงินจำนวน 1,400,000 บาท (หนึ่งล้านสี่แสนบาทถ้วน) ทั้งนี้ในปี 2564 ที่ผ่านมา KI GROUP บริษัท น้ำตาลสุรินทร์ จำกัด และ บริษัท ไฟฟ้าสุรินทร์ จำกัด โดย คุณยงยุทธ เสถียรถิระกุล กรรมการผู้จัดการ คุณมั่นคง เสถียรถิระกุล รองกรรมการผู้จัดการ  ยังได้มอบทุนสนับสนุนกิจกรรมหลักของทางจังหวัด อย่างต่อเนื่องอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งภาคสาธารณสุข ที่สนับสนุนหน่วยงานแพทย์ในด้านการเฝ้าระวังและป้องกันโรคระบาดโควิด-19 รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ และ องค์กรเอกชน แทบทุกหน่วยงานในจังหวัดสุรินทร์ 

สงขลา - “จุรินทร์” ย้ำชัด! ”น้ำหอม” สส.หญิงคนแรกของสงขลา ตำหนินักการเมืองบางคนไร้สติ ยกเงินสำคัญกว่าจรรยาบรรณ

บรรยากาศช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งซ่อมสส.เขต 6 สงขลา ค่ำคืนนี้ 12 ม.ค.64  หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ พร้อมด้วยขุนพลพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ช่วยผู้สมัคร”น้ำหอม’ นางสาวสุภาพร กำเนิดผล ผู้สมัครของพรรคเป็น ส.ส.หญิงคนแรกของสงขลา โดยเปิดเวทีที่อาคารผู้สูงอายุ เทศบาลเมืองสะเดา จ.สงขลา โดยมีประชาชนเข้าร่วมหลายพันคน

ประเด็นสำคัญที่เป็นไฮไลต์ของทุกเวทีปราศรัยใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ในการลุยหาเสียงนั้นคือความพยายามในการสร้างประวัติศาสตร์หรือตำนานบทใหม่ให้ผู้หญิงเป็นสส.คนแรกของจังหวัดสงขลา โดยผู้หญิงคนนั้นชื่อ “น้ำหอม” สุภาพร กำเนิดผล ผู้สมัครสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งขุนพลหลายคนที๋ขึ้นเวทีพูดตรงกันว่าค่ำคืนนี้ไม่ได้มาหาเสียงแต่มาขอคะแนนเสียงจากประชาชนโดยตรง และไม่พลาดที่จะเอ่ยถึงพรรคร่วมรัฐบาลที่กลายเป็นคู่แข่งสำคัญของสนามเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเฉพาะข้อความที่พูดโจมตีกันในเรื่องของความร่ำรวยเงินทองของผู้สมัคร

 

สพฐ. เปิดกำหนดการรับสมัครนักเรียน ปีการศึกษา 2565 ทุกระดับชั้น

นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ที่มีนายบัณฑิต เอื้ออาภรณ์ เป็นประธาน มีมติเห็นชอบปฏิทินการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2565 โดยนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียน มีหลักการ ดังนี้

ระดับก่อนประถมศึกษา

•    รับสมัคร 12-15 กุมภาพันธ์ 2565
•    จับสลากและประกาศผล 19 กุมภาพันธ์ 2565
•    รายงานตัว 19 กุมภาพันธ์ 2565
•    มอบตัว 26 กุมภาพันธ์ 2565

เงื่อนไขพิเศษ (ถ้ามี)

•    รับสมัคร 12-15 กุมภาพันธ์ 2565
•    ประกาศผล 19 กุมภาพันธ์ 2565
•    มอบตัว 26 มีนาคม 2565

ระดับประถมศึกษาปีที่ 1
•    รับสมัคร 23-27 กุมภาพันธ์ 2565
•    จับสลาก 5 มีนาคม 2565
•    ประกาศผลและรายงานตัว 5 มีนาคม 2565
•    มอบตัว 12 มีนาคม 2565

เงื่อนไขพิเศษ (ถ้ามี)

•    รับสมัคร 23-27 กุมภาพันธ์ 2565
•    ประกาศผลและรายงานตัว 5 มีนาคม 2565
•    มอบตัว 12 มีนาคม 2565

ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1

•    สอบคัดเลือก (ถ้ามี) รับสมัคร 9-13 มีนาคม 2565
•    สอบคัดเลือก 26 มีนาคม 2565
•    ประกาศผลและรายงานตัว 30 มีนาคม 2565
•    มอบตัว 2 เมษายน 2565

ความสามารถพิเศษ (ถ้ามี)

•    รับสมัคร 9-10 มีนาคม 2565
•    สอบคัดเลือก 22 มีนาคม 2565
•    ประกาศผลและรายงานตัว 23 มีนาคม 2565
•    มอบตัว 2 เมษายน 2565

เงื่อนไขพิเศษ (ถ้ามี)

•    รับสมัคร 9-13 มีนาคม 2565
•    สอบคัดเลือก 26 มีนาคม 2565
•    ประกาศผลและรายงานตัว 30 มีนาคม 2565
•    มอบตัว 2 เมษายน 2565

จับสลาก (ถ้ามี)

•    รับสมัคร 9-13 มีนาคม 2565
•    จับสลาก 1 เมษายน 2565
•    ประกาศผลและรายงานตัว 1 เมษายน 2565
•    มอบตัว 2 เมษายน 2565

ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เปิดสอน ม.ต้น และ ม.ปลาย

นักเรียนที่จบ ม.3 เดิม รับสมัคร ประกาศผล รายงานตัว และมอบตัว ให้เป็นไปตามที่โรงเรียนกำหนด

นักเรียนที่จบ ม.3 จากโรงเรียนเดิม และโรงเรียนอื่น

•    รับสมัคร 9-13 มีนาคม 2565
•    สอบคัดเลือก 27 มีนาคม 2565
•    ประกาศผลและรายงานตัว 31 มีนาคม 2565
•    มอบตัว 3 เมษายน 2565

ความสามารถพิเศษ (ถ้ามี)

•    รับสมัคร 9-10 มีนาคม 2565
•    สอบคัดเลือก 23 มีนาคม 2565
•    ประกาศผลและรายงานตัว 24 มีนาคม 2565
•    มอบตัว 3 เมษายน 2565

เงื่อนไขพิเศษ (ถ้ามี)

•    รับสมัคร 9-13 มีนาคม 2565
•    สอบคัดเลือก 27 มีนาคม 2565
•    ประกาศผลและรายงานตัว 31 มีนาคม 2565
•    มอบตัว 3 เมษายน 2565

จับสลาก (ถ้ามี)

•    รับสมัคร 9-13 มีนาคม 2565
•    จับสลาก 1 เมษายน 2565
•    ประกาศผลและรายงานตัว 1 เมษายน 2565
•    มอบตัว 2 เมษายน 2565

กระทรวงศึกษาฯ เน้นย้ำการเปิดโรงเรียนช่วงโควิดระบาดต้องมี 6 มาตรการหลัก (DMHT-RC) 6 มาตรการเสริม (SSET-CQ) และแนวทาง 7 มาตรการเข้มสำหรับโรงเรีย

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวในการเสวนา “โอมิครอน ร้ายจริงหรือ? ถึงต้องปิดโรงเรียน” ผ่านระบบ Zoom Meeting โดยชี้แจงถึงนโยบายความปลอดภัยในโรงเรียน การปรับรูปแบบการจัดการเรียนรู้ (5 On) เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ทุกที่ ทุกสถานการณ์ และการเตรียมความพร้อมที่จะเปิด On-Site ของทุกโรงเรียนอย่างปลอดภัย โดยความร่วมมือระหว่าง ศธ. และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)

สำหรับโรงเรียนที่ตัดสินใจจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียนแบบ On-Site จะต้องปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัย 6 มาตรการหลัก (DMHT-RC) 6 มาตรการเสริม (SSET-CQ) และแนวทาง 7 มาตรการเข้มสำหรับโรงเรียน 

สำหรับมาตรการความปลอดภัย 6 มาตรการหลัก (DMHT-RC) มีดังต่อไปนี้ 

- เว้นระยะห่าง 
- สวมหน้ากาก 
- ล้างมือ 
- คัดกรองวัดไข้ 
- ลดการแออัด 
- ทำความสะอาด 

ปทุมธานี - นายก ทน.รังสิต เตรียมความพร้อม!! รพ.สนามนครรังสิต รองรับรองผู้ป่วยโควิดโอไมครอน

เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2565 ร้อยตำรวจเอก ดร.ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง นายกเทศมนตรีนครรังสิต พร้อมด้วย นายแพทย์วิชัย เดชะทัตตานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางปะกอก รังสิต 2 และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบางปะกอกรังสิต2 ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดโรงพยาบาลสนามโดยเทศบาลนครรังสิต เพื่อรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโรคระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่อีกครั้ง ที่อาคาร 100 ปี เมืองธัญบุรี คลองสอง ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี โดยเทศบาลนครรังสิตได้เคยจัดตั้งโรงพยาบาลสนามที่ อาคาร 100 ปี เมืองธัญญบูรี เทศบาลนครรังสิต มาแล้วเมื่อครั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 จำนวน 300 เตียง เพื่อรอรับผู้ป่วยโควิดที่รอเตียงและกักตัวที่บ้าน (Home Isolation)

ยะลา - ผบ.ทบ. ตรวจเยี่ยมกำลังพล เจ้าหน้าที่ ตชด. ทหาร ตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ฝั่งอำเภอเบตง จ.ยะลา

พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้สันติพงศ์ ผบ.ทบ. และคณะ ได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ มาที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่445 จากนั้นได้นั่งรถยนต์ ไปตามเส้นทางถนนเลียบชายแดนไทย-มาเลเซีย เพื่อตรวจดูตามแนวชายแดนด้านอำเภอเบตง จ.ยะลา และตรวจเยี่ยมกำลังเจ้าหน้าที่ ตชด. ชุดเฝ้าตรวจชายแดนที่4406 บริเวณหลักเขตแดนที่ 54/83 พร้อมรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับเขตพื้นที่รับผิดชอบ สถานการณ์ต่าง ๆ ในพื้นที่ รวมถึงปัญหาข้อขัดข้องต่าง ๆ นอกจากนี้ยังได้มอบสิ่งของอุปโภคบริโภค เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ ตชด.

ต่อมาพล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้สันติพงศ์ ผบ.ทบ. และคณะ ได้เดินทางไปยัง กองร้อยป้องกันชายแดนที่1 ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านอัยเยอร์เบอร์จัง ต.ธารน้ำทิพย์ อ.เบตง จ.ยะลา เพื่อตรวจเยี่ยมกำลังพลเจ้าหน้าที่ทหาร ป้องกันชายแดนที่1 โดยมี ร.อ.เอกชัย ไชยสารี ผบ ร้อย ปชด.1 พร้อมกำลังพลเจ้าหน้าที่ทหาร คอยต้อนรับ พร้อมรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ต่าง ๆ ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ก่อนที่จะมอบสิ่งของเป็นขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งเดินตรวจดูความเป็นอยู่ของกำลังพล ก่อนที่จะเดินทางกลับ

พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้สันติพงศ์ ผบ.ทบ. กล่าวว่า ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่ ในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนให้กับพี่น้องประชาชน ด้านอำเภอเบตง ด้วยความเสียสละ และอดทน ตลอดมา และถือโอกาสแวะมาเยี่ยมเยียนกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน และมาให้กำลังใจในการปฏิบัติงานของกำลังพล ในห้วงเทศกาลปีใหม่ปี2565 ที่ผ่านมา รวมทั้งเน้นย้ำให้ผู้บังคับหน่วย และส่วนที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลการปฏิบัติงานของกำลังพล เพิ่มความระมัดระวัง เพิ่มความเข้มในการปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยง ทั้งกองกำลังป้องกันชายแดน

 

“ดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่” มีโทษจำคุก! โปรดอย่าหาทำ! โฆษก ตร.ขอเตือน

12 ม.ค.65 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า ในห้วงเวลาที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ระงับเหตุ สืบสวน หรือจับกุมผู้กระทำผิด ซึ่งบ่อยครั้งที่ผู้กระทำความผิดบางรายไม่พอใจในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มีการสบประมาท ดูถูก อันเป็นการดูหมิ่น เหยียดหยามเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติตามหน้าที่ซึ่งทำให้มีพฤติกรรมเลียนแบบเกิดขึ้นหลายครั้ง นั้น

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม เพื่อความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชน ซึ่งอาจสร้างความไม่พอใจต่อผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย จนถึงขั้นด่าทอหรือใช้ถ้อยคำหยาบคาย พูดจาดูหมิ่น เหยียดหยามเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ซึ่งในหลาย ๆ คดี ศาลได้มีคำพิพากษาลงโทษไปแล้ว จึงอยากเตือนไปยังผู้ที่กระทำดังกล่าว หรือผู้ที่อาจจะมีพฤติกรรมเลียนแบบว่า อาจมีความผิดตามกฎหมาย

ประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 136 ผู้ใดดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะได้กระทำการตามหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

พังงา - รองผู้ว่าฯพังงา ตรวจเยี่ยมแผงขายสินค้า! โครงการหมูพาณิชน์ ลดราคาช่วยประชาชน

เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดพังงา นายเถลิงศักดิ์ นุชประหาร รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา พร้อมด้วยนายชัยรัตน์ ชื่นเจริญ พาณิชย์จังหวัดพังงา และนายพรภิรมย์ ฟุ้งตระกูล ปศุสัตว์จังหวัดพังงา ตรวจเยี่ยมโครงการหมูพาณิชน์ลดราคาช่วยประชาชน เพื่อจำหน่ายเนื้อหมูให้กับประชาชนผู้บริโภค ในราคากิโลกรัมละ 150 บาท ระหว่างวันที่ 11-14 มกราคม 2565

ซึ่งโครงการดังกล่าวมีร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 3 จุด คือ จุดที่ 1 ร้านหมูโก้ศักดิ์ ตำบลถ้ำน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดพังงา จุดที่ 2 ร้านหมูนายดิน ตลาดสดเทศบาลเมืองพังงา และจุดที่ 3 หน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดพังงา

สำหรับจุดจำหน่ายที่ 3 บริเวณหน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดพังงา ได้รับความร่วมมือจากสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดพังงา จัดจำหน่ายเนื้อหมู ราคากิโลกรัมละ 150 บาท ไข่ไก่เบอร์ 3 แผงละ 90 บาท ทั้งนี้สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.พังงา จำกัด ได้นำข้าวหอมมะลิมาจำหน่ายในราคาถูกกว่าท้องตลาด เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนผู้บริโภคด้วย

ปทุมธานี - “บิ๊กแจ๊ส” ห่วงใยชาวปทุมฯ เร่งพัฒนาเป็นเมืองน่าอยู่อันดับต้น ๆ เดินหน้าโมโนเรล พร้อมสู้ภัยโควิดโอไมครอน

เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2565 เวลา 09:30 น. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี พร้อมคณะผู้บริหารได้ประชุมร่วมกับนายนิติชัย วิริยานนท์ นายอำเภอคลองหลวง และข้าราชการเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาให้กับประชาชนเช่นการลอกคลองและปรับปรุงภูมิทัศน์ลำคลองปัญหาน้ำเน่าเสียน้ำขังในหมู่บ้านและถนนเส้นต่าง ๆ ที่เคยได้รับผลกระทบโดยเฉพาะฤดูฝน รวมถึงปัญหาการจราจรจากนั้นได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการขุดลอกคลองสวยน้ำใส ที่คลองแอนระหว่างคลอง 2 และคลอง 3 ระยะทาง 20 กิโลเมตร ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี โดยมี นายสิระพงษ์ สิริโพธินันท์ รองนายก อบจ.ปทุมธานี , นางรุจศลักษณ์ ธูปกระจ่าง ตั้งวงษ์เลิศ เลขานุการนายก อบจ.ปทุมธานี , นายยุทธศักดิ์ ชูประเสริฐ (จ่ายุทธ) ที่ปรึกษาพิเศษ นายก อบจ.ปทุมธานี , นายสัญชาติ คุระนันท์  นางสาวณัฐรุจา คุ้มทรัพย์ และ นายสุริยา ธรรมธารา สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และทีมงาน อบจ.ปทุมธานีร่วมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานขุดลอกคลองกำจัดวัชพืชที่ขึ้นกีดขวางการไหลของน้ำ ซึ่งทาง อบจ.ปทุมธานีได้ดำเนินการนำเครื่องจักรลงพื้นที่ขุดลอกคลองตั้งแต่คลอง 1 ถึง คลอง 14 เพื่อปรับภูมิทัศน์ทุกคูคลอง เตรียมรับภัยแล้งในหน้าร้อนรวมถึงน้ำหลากในฤดูฝน

ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า ทาง อบจ.ปทุมธานีได้ดำเนินการขุดลอกคลองส่งน้ำทุกคลอง ให้มีสภาพน้ำไหลคล่องก่อนที่เราดำเนินการแก้ไขเรื่องน้ำเน่าเสียแต่มันเกินกำลังแรงคนที่จะทำ ระยะทาง 20 กว่ากิโลเมตร จึงนำเครื่องจักรรถแบคโฮเข้ามาขุดลอกคลอง เมื่อสภาพคลองดีขึ้นก็จะมีประชาชนเริ่มมาหาปลากัน จึงได้ขอความร่วมมือทางท่านนายอำเภอคลองหลวง สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด. นายกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ เมื่อเราพัฒนาพื้นที่เรียบร้อยแล้วขอให้ทุกท่านรับผิดชอบอยู่ในเขตไหนก็ช่วยกันดูแลต่อ เพื่อทำให้คลองทุกคลองสวยงามจริง ๆ ทั้งบนตลิ่งและในน้ำ ส่วนปัญหาน้ำเสีย น้ำเน่าที่เคยมีนั้นเมื่อวัชพืชหมดไปแล้วเราจะมาหาสาเหตุและแก้ปัญหาหลังจากนั้นอีกที จะมีการประสานหารือกับทางกรมชลประทานด้วย

ทั้งนี้ทางอำเภอคลองหลวงมีหมู่บ้านจัดสรรเยอะ ทาง อบจ.จะวางแผนร่วมกับทางอำเภอคลองหลวง ก่อนที่จะถึงฤดูฝนเรายังมีเวลาอีก 4 เดือน จะสำรวจว่าหมู่บ้านไหนได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขังน้ำรอการระบาย ระบายช้า รถเข้าออกไม่ได้ จะมีการรวมข้อมูลมา เพื่อที่ทาง อบจ.จะเร่งทำความสะอาดท่อระบายน้ำทุกหมู่บ้านเพื่อเตรียมรองรับฤดูฝน พี่น้องประชาชนต้องไม่เดือดร้อนจากปัญหาเดิมน้ำท่วมขังในหมู่บ้านจนรถไม่สามารถสัญจรได้ ภายในเดือนเมษายนนี้ทุกหมู่บ้านต้องดำเนินการเสร็จสิ้น

ส่วนการจราจรในอนาคตที่จะรองรับประชาชนมีดังนี้

เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีแดง ที่จะขยายไปถึงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจะมีโครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลที่มีการเสนอแนวทาง 3 เส้นทาง คือ 1.เส้นทางคูคต-ลำลูกกา 2.รังสิต-นครนายกตั้งแต่คลอง 10 มาถึงฟิวเจอร์พาร์ค 3.เส้นทางคลองหลวง ซึ่ง 3 เส้นนี้จะบรรจบกันเป็นใยแมงมุม  รวมถึงมีเลนปั่นจักรยานออกกำลังกายด้วย ทางด้านปัญหาโควิด-19 ได้ดำเนินการจัดฉีดวัคซีนเข็ม 2 และเข็ม 3 ที่ศูนย์การค้าเซียร์รังสิต แต่หลังจากปีใหม่มาแล้วมีผู้ติดเชื้อโอไมครอนทำให้จากที่เรามีจำนวนผู้ติดเชื้อต่ำกว่าอันดับ 10 ของประเทศ เวลานี้จำนวนผู้ติดเชื้อเริ่มขยับขึ้นมาแล้ว 2 วันที่ผ่านมามีจำนวนผู้ติดเชื้อเกิน 100 คน ซึ่งที่ผ่านมาเรามีผู้ติดเชื้อน้อยมานานกว่า 5 เดือน จึงฝากพี่น้องประชาชนช่วยกันดูแล โดยเฉพาะโรงงาน ร้านอาหาร ที่มีกลุ่มเสี่ยงให้รีบแจ้ง อบจ. เพื่อที่จะได้จัดชุดเคลื่อนที่เร็วเข้าไปแก้ไขปัญหาให้ มีการฉีดพ่นฆ่าเชื้อ มียาสมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกันแจกให้ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าการ์ดตก ให้ช่วยเหลือกันต่อไป

 

โฆษก ตร. เตือน!! "เมาแล้วขับ" คุก 10 ปี เพิกถอนใบขับขี่ เสี่ยง "อุบัติเหตุร้ายแรง"

11 ม.ค.65 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ เหตุการณ์เริ่มต้นจากการที่มีพลเมืองดีแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าพบผู้หญิงรายหนึ่งขับรถไม่ไปตามทิศทางที่กำหนด (ย้อนศร) และมีอาการคล้ายคนเมาสุรา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบรถยนต์คันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญตัวไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ แต่เจ้าของรถไม่ยินยอม จึงได้นำตัวไปที่สถานีตำรวจเพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นั้น

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่นำตัวเจ้าของรถไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ แล้วพบว่ามีปริมาณเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จึงได้จับกุมตัว และแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีตามกฎหมาย จึงขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนว่า ห้ามขับขี่ขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่น เนื่องจากจะทำให้ไม่มีสติในการขับรถ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง เกิดความเสียหายทั้งต่อตนเองและผู้อื่น จนทำให้เกิดความสูญเสีย ถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตได้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจเป็นความผิดตามกฎหมาย

>> พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522

>> มาตรา 43 (2) ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถ ในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น

>> มาตรา 160 ตรี ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 43 (2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000 บาทถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 100,000 บาท และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 6 ปี และปรับตั้งแต่ 40,000 บาทถึง 120,000 บาท และให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000 บาท ถึง 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

>> พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2557

>> มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในมาตรา 142 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2542 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

>> มาตรา 142 เจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจสั่งให้ผู้ขับขี่หยุดรถในเมื่อ

(1) รถนั้นมีสภาพไม่ถูกต้องตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 6 

(2) เห็นว่าผู้ขับขี่หรือบุคคลใดในรถนั้นได้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอันเกี่ยวกับรถนั้น ๆ

ในกรณีที่มีพฤติการณ์อันควรเชื่อว่าผู้ขับขี่ฝ่าฝืนมาตรา 43 (1) หรือ (2) ให้เจ้าพนักงานจราจรพนักงานสอบสวน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งให้มีการทดสอบผู้ขับขี่ดังกล่าวว่าหย่อนความสามารถในอันที่จะขับหรือเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นหรือไม่

ในกรณีที่ผู้ขับขี่ตามวรรคสองไม่ยอมให้ทดสอบ ให้เจ้าพนักงานจราจร พนักงานสอบสวน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจกักตัวผู้นั้นไว้ดําเนินการทดสอบได้ภายในระยะเวลาเท่าที่จําเป็นแห่งกรณีเพื่อให้การทดสอบเสร็จสิ้นไปโดยเร็ว หากผู้นั้นยอมให้ทดสอบและผลการทดสอบปรากฏว่าไม่ได้ฝ่าฝืนมาตรา 43 (1) หรือ (2) ก็ให้ปล่อยตัวไปทันที

ในกรณีที่มีพฤติการณ์อันควรเชื่อว่าผู้ขับขี่ขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น หากผู้นั้นยังไม่ยอมให้ทดสอบตามวรรคสามโดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นฝ่าฝืนมาตรา 43 (2) การทดสอบตามมาตรานี้ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนดในกฎกระทรวง

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด เพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ของผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างเข้มงวด และมีการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนทุกคน ซึ่งในหลาย ๆ คดี ศาลได้มีคำพิพากษาจำคุก และเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ 

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top