Saturday, 28 June 2025
NEWS FEED

ศูนย์อำนวยการ ป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองภาค 3(ศอ.ปกป.ภาค 3 )

วันอังคารที่ 28 มีนาคม  เวลา 10.00 น.  ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองจังหวัดเชียงราย รายงานขอรับการสนับสนุน อากาศยานดับไฟป่าจาก ศอ.ปกป.ภาค 3 ซึ่งได้จัดส่ง ฮ.แบบ KA-32 ของ กรม ปภ.เข้าสนับสนุนเมื่อ 27 มี.ค.66 แต่ติดสภาพทัศนวิสัยที่จำกัด ไม่สามารถปฏิบัติการได้

ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พร้อมผู้บัญชาการเหล่าทัพ สังเกตการณ์ฝึกยิงอาวุธปล่อยนำวิถี ฮาร์พูน บนเรือหลวงจักรีนฤเบศร

วันที่ 28 มีนาคม 2566  พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เดินทางไปตรวจเยี่ยมและสังเกตการณ์การยิงอาวุธปล่อยนำวิถี พื้น - สู่ - พื้น แบบ Harpoon Block 1C โดย เรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ เป็นเรือยิงหลัก และ เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช เป็นเรือยิงสำรอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2566 โดยมี พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก พลอากาศเอก ชานนท์  มุ่งธัญญา รองผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้แทนผู้บัญชาการทหารอากาศ และ พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์  ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมสังเกตการณ์บนเรือหลวงจักรีนฤเบศร ในพื้นที่ทะเลอันดามัน บริเวณระยะ 55 ไมล์  จาก แหลมพันวา จังหวัดภูเก็ต   โดยมี พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และ พลเรือเอก เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะผู้อำนวยการ การฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2566 ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ในกองอำนวยการฝึกฯ และผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ ให้การต้อนรับ

กองทัพเรือ ได้จัดให้มีการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อดำรงความพร้อมของหน่วยต่าง ๆ ในการปฏิบัติตามแผนป้องกันประเทศ แบ่งการฝึกเป็นวงรอบทุก 2 ปี ตามสถานการณ์ที่ถูกกำหนดขึ้น  สำหรับการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2566 นี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 ถึง 22 มิถุนายน 2566 มีพื้นที่การฝึกทั้งในทะเลและบนบกโดยแบ่งการฝึกเป็น 2 ส่วน คือ การฝึกปัญหาที่บังคับการ (Command Post Exercise: CPX) มีระยะเวลาการฝึกรวม 3 สัปดาห์ ทำการฝึกระหว่าง วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึง 17 มีนาคม 2566  มีวัตถุประสงค์ เพื่อฝึกการควบคุมบังคับบัญชา และทดสอบแนวความคิดในการใช้กำลังและหลักนิยมต่าง ๆ ของหน่วยบังคับบัญชาในระดับต่าง ๆ และการฝึกภาคสนาม/ภาคทะเล (Field Training Exercise: FTX) ทำการฝึกระหว่างวันที่ 20 มีนาคม - ถึง 12 พฤษภาคม 2566 ซึ่งเป็นการฝึกปฏิบัติการของหน่วยกำลังรบประเภทต่าง ๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคยและประสบการณ์ให้กับกำลังพล รวมทั้งเป็นการทดสอบขีดความสามารถในการปฏิบัติการต่าง ๆรวมถึงการยิงอาวุธปล่อยนำวิถี พื้น - สู่ - พื้น แบบ Harpoon Block 1C  ในครั้งนี้    

นอกจากนั้น ยังมีการฝึกในหัวข้อสำคัญ ที่จะทำการฝึกในห้วงต่อไป คือ การปฏิบัติการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบก การยิงอาวุธประจำหน่วย และการฝึกดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง ของกำลังภาคพื้นดิน ทั้งกำลังจากหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง รวมทั้งกองทัพบก และกองทัพอากาศที่ได้จัดกำลังเข้าร่วมการฝึกในครั้งนี้ด้วย ในขณะเดียวกัน ได้มีการฝึกด้านการส่งกำลังบำรุง (Logistics Exercise: LOGEX) เพื่อทดสอบขีดความสามารถด้านการส่งกำลังบำรุงและการปฏิบัติของหน่วยสนับสนุนต่าง ๆ พร้อมกันไปด้วย และที่สำคัญ คือ การฝึกในครั้งนี้ ได้มีการเชิญ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล( ศรชล. ) กองทัพบก และกองทัพอากาศ จัดกำลังเข้าร่วมการฝึกในหัวข้อการฝึกต่าง ๆ อีกด้วย

สำหรับอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูน ได้พัฒนาโดยบริษัท McDonnell Douglas Astronautics Company ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นอาวุธปล่อยนำวิถี แบบ พื้น - สู่ - พื้น และอากาศ - สู่ - พื้น เพื่อใช้ทำลายเรือผิวน้ำ  ด้วยความเร็ว 60 ไมล์ทะเล ต่อชั่วโมง มีคุณสมบัติ ถูกออกแบบให้มีหัวรบมีอำนาจทำลายสูง ด้วยดินระเบิดขนาด 500 ปอนด์ สามารถโจมตีเป้าหมายซึ่งมองเห็นได้ หรือที่อยู่ไกลเกินขอบฟ้า สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องในทุก ๆ สภาวะอากาศ เครื่องค้นหาเป้ามีสมรรถภาพสูง ตรวจจับเป้าได้ในระยะไกล มีขีดความสามารถติดตามเป้าในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดี ซึ่งระยะยิงของอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูน ที่ไกลที่สุด คือ 75 ไมล์ทะเล และสามารถค้นหาเป้าเรือผิวน้ำภายในพื้นที่รัศมีวงกลมได้มากกว่า 17,500 ตารางไมล์ สามารถทำการยิงได้จากเรือผิวน้ำ ด้วยการใช้แท่นยิงที่ติดตั้งบนเรือผิวน้ำซึ่งอาจจะเป็นแท่นยิงของตัวระบบฮาร์พูนเองหรือแท่นยิงของระบบอาวุธอื่น ๆ ซึ่งได้ปรับปรุงให้สามารถทำการยิงอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูนได้

ทั้งนี้ กองทัพเรือ ได้เริ่มนำอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูน แบบพื้น - สู่ - พื้น เข้าประจำการครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2529 โดยติดตั้งมากับเรือคอร์เวตชุด เรือหลวงรัตนโกสินทร์ ต่อมาได้ทำการปรับปรุง เครื่องบินแบบ F - 27 MK 200 เมื่อปี พ.ศ.2533 ให้สามารถติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูน แบบอากาศ - สู่ - พื้น เพื่อใช้โจมตีเรือผิวน้ำ ต่อมาเรือที่เข้าประจำการในกองทัพเรือหลายลำ ก็ได้รับการติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูนเป็นอาวุธหลัก ได้แก่ เรือฟริเกต ชุด เรือหลวงนเรศวร 2 ลำ ( เรือหลวงนเรศวร และ เรือหลวงตากสิน ปัจจุบันประจำการอยู่ใน กองเรือฟริเกตที่ 2 กองเรือยุทธการ) เรือฟริเกตชุด เรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก 2 ลำ เรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกและเรือหลวงพุทธเลิศหล้านภาลัย ปัจจุบันปลดประจำการ)  โดยการยิงอาวุธปล่อย นำวิถี ฮาร์พูน ในครั้งนี้ ใช้เรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ เป็นเรือยิง มี พลเรือตรี วรพาท รัตตะสังข์ ผู้บัญชาการกองเรือตรวจอ่าว กองเรือยุทธการ เป็น ผู้บังคับหมวดเรือ ยิงอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูน   ซึ่งผลจากการยิง อาวุธปล่อยนำวิถี สามารถทำลายเป้าหมายที่อยู่ห่างออกไป 55 ไมล์ ( 101.86 กิโลเมตร) ได้อย่างแม่นยำ แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของอาวุธปล่อยนำวิถีชนิดนี้  นอกจากนั้นการยิง อาวุธปล่อยนำวิถีพาพูน ในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรก ที่มีการยิงจากเรือ ที่ต่อขึ้นเองภายในประเทศ โดย เรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ เป็นเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งลำที่ 2 ที่กองทัพเรือขออนุมัติกระทรวงกลาโหมดำเนินการต่อขึ้นจากแบบเรือที่กองทัพเรือมีใช้ราชการ ณ อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช กรมอู่ทหารเรือ ด้วยการน้อมนำและยึดถือการพึ่งพาตนเองตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร   โดยใช้แบบเรือของเรือหลวงกระบี่ ที่กองทัพเรือได้ต่อขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในวโรกาสที่ทรงมีพระชนมพรรษา 84 พรรษา เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2554 เป็นแบบพื้นฐาน

สืบสวนนครบาลตัดวงจรมิจฉาชีพ หนุ่มศรีมหาโพธิ ตุ๋นขายหน้ากากอนามัย พบเหยื่อหลงเชื่อเสียจำนวนมาก 

วันที่ 28 มีนาคม พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. หัวหน้าชุดปฏิบัติการ PCT 5 พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์ , พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.ฯ พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.ฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น.ร่วมจับกุม นายธวัชชัย สุวรรณพิทักษ์ หรือหนุ่ม อายุ 34 ปี บ้านเลขที่ 35 หมู่ 1 ตำบลศรีมหาโพธิ อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี ตามหมายจับศาลจังหวัดน่าน (สาขาปัว) ที่ จ 17/2566 ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 ข้อหาฉ้อโกง , นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยจับได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 199 ภายในหมู่บ้านเพิ่มทรัพย์กรีนวิล หมู่ 13 ตำบล หนองโพรง อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี

สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่า เดิมทีประกอบอาชีพเป็นลูกจ้างเฉพาะกิจของ อบต.แห่งหนึ่งในพื้นที่ เงินเดือนไม่พอใช้เนื่องจากติดเล่นพนันออนไลน์ เมื่อปี 2563 ได้เริ่มก่อเหตุครั้งแรกด้วยการร่วมกับเพื่อนสนิท ร่วมสร้างเฟซบุ๊กชื่อบัญชี “ Joyamity Zaza ” , ชื่อบัญชี “ Freedom ” ชื่อบัญชี “ Freedom Hut ” , ชื่อบัญชี “ Farmhot Freedom ” โพสต์หลอกขายหน้ากากอนามัย ในกลุ่มอุปกรณ์ทางการแพทย์ ต่อมาเมื่อเพื่อนถูกจับกุมจึงหันมาก่อเหตุเองโดยโพสต์หลอกขายสินค้าที่หลอกหลายกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพระ , เหรียญพระเครื่อง , ตู้สแตนเลสใส่น้ำแข็ง , เก้าอี้บาร์ , สเตชั่นวางเครื่องดื่ม , ถาดคอนโด , ตู้อุ่นร้อน , ถังน้ำแข็งสแตนเลสมือสอง , และกลุ่มอื่นๆกว่า 400 กลุ่ม 

‘อาม ชุติมา’ โพสต์ขอโทษ ปมเล่นคอนเสิร์ตที่เกาหลี ทำเอา ‘ผีน้อย’ ที่แห่ดูคอนเสิร์ต โดนรวบคาร้านกว่าร้อยคน

(28 มี.ค. 66) เรียกว่าเป็นที่ฮือฮาใน TikTok เมื่อ มีรายงานข่าวว่า คนไทยในเกาหลีใต้ โดนตำรวจจับกลางคอนเสิร์ต อาม ชุติมา เพราะลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายเกือบ 200 คน มีคนไทยล่อซื้อให้จับคนไทยผิดกฎหมายให้หมด พวกผับ แหล่งท่องเที่ยว และพวกขาย มันจะมีคนไทยล่อคนไทยให้ตำรวจเกาหลีจับ วันนี้จับหมดผับ

ขณะที่ ผู้ใช้ TikTok อีกราย โพสต์ว่า ตม.ลงร้าน D.. ได้คนไปเยอะมาก

ทั้งนี้ มีรายงานว่า อาม ชุติมา ได้รับการว่าจ้างให้ไปเล่นคอนเสิร์ตที่อินชอน ก่อนที่เหล่าบรรดาผีน้อยจะโดนรวบไปราว 160 คนด้วยกัน

ซึ่งอามก็ได้ออกมาโพสต์คลิปวิดีโอลงใน TikTok พร้อมว่า ‘ขอโทษจากใจสุดซึ้ง ขอโทษนะคะ’

เตือนภัย มิจฉาชีพเลียนแบบเพจตำรวจไซเบอร์ หลอกลวงแอดไลน์ อ้างช่วยเหลือคดี แต่กลับเอาข้อมูลส่วนตัวเหยื่อไปก่อเหตุสร้างความเสียหาย

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัย มิจฉาชีพปลอม หรือลอกเลียนแบบเพจเฟซบุ๊กของตำรวจไซเบอร์ แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หลอกลวงประชาชน อ้างสามารถช่วยเหลือติดตามคดี แต่กลับนำข้อมูลส่วนบุคคลไปก่อเหตุสร้างความเสียหาย แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ดังนี้

ได้รับรายงานจาก กองบังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ตอท.) ว่าได้ตรวจสอบพบเพจเฟซบุ๊กปลอมชื่อ 'สืบสวน สอบสวน การป้องกัน และปราบปรามการกระทำผิดทางเทคโนโลยี' ได้นำตราสัญลักษณ์ของของหน่วยงานมาใช้เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในการหลอกลวงประชาชน ภายในเพจดังกล่าวพบมีการคัดลอกรูปภาพ ข้อความ การเเจ้งเตือนภัยออนไลน์ต่างๆ และภารกิจของตำรวจไซเบอร์ของเพจจริงมาใช้ ทำให้ประชาชนที่พบเห็นเพจดังกล่าวเชื่อว่าเป็นเพจจริง เมื่อมีประชาชนติดต่อเข้าไปทาง Facebook Messenger มิจฉาชีพจะส่งไอดีไลน์ พร้อมลิงก์เพิ่มเพื่อนซึ่งใช้บัญชีไลน์ชื่อว่า 'ศูนย์ช่วยเหลือ' โทร 1567 (แท้จริงแล้วเป็นเบอร์ของศูนย์ดำรงธรรม) แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ สามารถช่วยเหลือและติดตามคดีที่ประชาชนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้ 

จากนั้นจะขอข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อ เช่น ชื่อนามสกุล วันเดือนปีเกิด หมายเลขบัตรประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล และข้อมูลทางการเงินของเหยื่อ เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร เลขบัตรเครดิต รวมไปถึงหลักฐานทางคดี เช่น หลักฐานการพูดคุยกับคนร้าย หลักฐานการโอนเงิน เป็นต้น ต่อมามิจฉาชีพจะนำข้อมูลที่ได้ไปแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ไม่ว่าจะเป็นการนำข้อมูลไปแฮ็กบัญชีสื่อสังคมออนไลน์แล้วไปหลอกยืมเงินผู้อื่น หรือใช้รหัสบัตรเครดิตรูดซื้อสินค้า หรือโอนเงินจากบัญชีธนาคาร หรือนำข้อมูลไปขายให้กับแก๊งมิจฉาชีพคอลเซ็นเตอร์ หรือนำไปแอบอ้างทำเรื่องที่ผิดกฎหมายต่างๆ

ทั้งนี้จากการตรวจสอบเพจปลอมดังกล่าว ได้สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 8 มี.ค.66 ขณะนี้มีผู้หลงเชื่อกดติดตามกว่า 7,000 ราย นอกจากนี้มิจฉาชีพยังได้ใช้เทคนิคในการเข้าถึงบุคคลเป้าหมายโดยการโฆษณาอีกด้วย อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. ได้เร่งทำการสืบสวนเพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปโดยเร็วแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการใช้ หรือแอบอ้างหน่วยงานราชการต่างๆ มาหลอกลวงประชาชน สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบในด้านงานป้องกันปราบปราม ได้กำชับสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง รวมถึงวางมาตรการป้องกันสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของเหล่ามิจฉาชีพ

ที่ผ่านมา บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ

โฆษก บช.สอท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปัจจุบันการใช้งาน หรือเข้าถึงบริการต่างๆ บนสื่อสังคมออนไลน์ ควรตรวจสอบให้ดีเสียก่อน ระมัดระวังการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลทางคดี ซึ่งมิจฉาชีพอาจใช้โอกาสหลอกเอาข้อมูลไปเเสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างได้ รวมถึงไม่หลงเชื่อเพียงเพราะมีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงาน แอบอ้างสัญลักษณ์ของหน่วยงานนั้นๆ หรือมีการยิงโฆษณา หรือมีชื่อเพจ หรือเว็บไซต์ที่คิดว่าน่าจะเป็นของหน่วยงานนั้นจริง

‘โฆษก ตร.’ เตือนผู้ขับขี่ ตั้งแต่ 1 เม.ย. มีใบสั่งค้างชำระต้องจ่าย เพิกเฉยเกินกำหนด ไม่ได้ป้ายภาษี-ตัดแต้ม ปรับไม่เกิน 2,000

โฆษก ตร.เตือนประชาชน ตั้งแต่ 1 เม.ย.66 ผู้ขับขี่ที่มีใบสั่งค้างชำระ ต้องชำระค่าปรับ หากเพิกเฉย ต่อภาษีรถยนต์ประจำปี ได้ใบแทนภาษีชั่วคราวใช้ได้ 30 วัน หากเพิกเฉยพ้นกำหนดอีก มีโทษเพิ่ม ขับรถไม่แสดงแผ่นป้ายเสียภาษี ปรับไม่เกิน 2,000 บาท และถูกตัดแต้มความประพฤติการขับรถ

(28 มี.ค. 66) พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. เปิดเผยว่า ตามที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้ลงนามร่วมกรมการขนส่งทางบก เชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก เพื่อลดการกระทำผิดกฎหมาย ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีความห่วงใยต่อประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ซึ่งมีการแถลงข่าวและประชาสัมพันธ์ไปแล้วนั้น ที่ผ่านมา ทั้ง 2 หน่วยงาน ได้ร่วมกันกำหนดมาตรการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยจราจรทางบก จำนวน 2 มาตรการ ได้แก่ 

มาตรการที่ 1 การตัดคะแนนความประพฤติ ซึ่งได้เริ่มดำเนินการไปตั้งแต่ 9 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา

มาตรการที่ 2 คือมาตรการชะลอการออกเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้วันที่ 1 เม.ย. 2566 สำหรับรถที่มีใบสั่งค้างชำระ ตาม 141/1 พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานมีการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องตามที่กฎหมายกำหนด เช่น ข้อมูลใบอนุญาตขับขี่ ข้อมูลยานพาหนะ และข้อมูลใบสั่งค้างชำระ เพื่อให้เกิดการบูรณาการข้อมูลได้แบบ Real Time

สำหรับมาตรการชะลอเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี จะใช้กับรถยนต์ที่มีใบสั่งจราจรที่ค้างชำระ ซึ่งเพิกเฉยไม่ชำระค่าปรับตามที่กำหนด โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะส่งข้อมูลโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ไปยังนายทะเบียนกรมการขนส่งทางบก เมื่อประชาชนไปต่อภาษีรถยนต์ประจำปี นายทะเบียนจะรับต่อภาษีประจำปี แต่ยังไม่ได้รับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี (ป้ายภาษี) โดยจะได้หลักฐานชั่วคราวแทนป้ายภาษี ซึ่งมีอายุ 30 วัน เพื่อให้ผู้นั้นไปชำระค่าปรับที่ค้างชำระให้ครบถ้วนภายใน 30 วัน แล้วจึงสามารถมารับป้ายภาษีได้ แต่หากประชาชนต้องการจะชำระค่าปรับในขณะต่อภาษี กฎหมายกำหนดให้อำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ให้นายทะเบียนสามารถรับชำระค่าปรับตามใบสั่งพร้อมกับชำระภาษี และรับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีได้เลยทันที

สวนนงนุชพัทยา จัดโปรโมชั่นเดือนเมษายน ซื้อ 5 ฟรี 1ตอนรับเทศกาลสงกรานต์ เที่ยวแบบครอบครัว ตลอดเดือนเมษายน

สวนนงนุชพัทยา โดยคุณกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา เปิดโปรโมชั่นต้อนรับเทศกาลสงกรานต์หรือปีใหม่ไทย กระตุ้นการท่องเที่ยว แบบไทยเที่ยวไทย จัดโปรโมชั่นพิเศษ เดือนเมษายน 2566 เที่ยวสุขใจเที่ยวแบบครอบครัว ซื้อบัตรผ่านประตู 5 ท่าน ฟรี 1 ท่าน ส่วนท่านที่สนใจชมการแสดงนงนุชโชว์ สามารถซื้อบัตรเพิ่มได้ในราคาพิเศษ 200 บาท การแสดงนงนุชโชว์ มีวันละ 3 รอบ รอบเช้า 10.30 น. รอบบ่าย 13.30 น. และ 15.00 น. 

สวนนงนุชพัทยา สวนสวยบนเนื้อที่ 1,700 ไร่ มีสวนสวยมากกว่า 50 สวน สวนที่เหมาะสำหรับทุกเพศ ทุกวัย อาทิเช่น สวนลอยฟ้า สวนตะบองเพรช สวนกล้วยไม้ สวนรถ เนิร์สเชอรี่ตะบองเพรช เนิร์สเชอรี่สับปรดสี หุบเขาไดโนเสาร์ ที่มีถึง 520 สายพันธุ์ มากกว่า 1,000 ตัว สำหรับโปรโมชั่นเด็กสูงไม่เกิน 140 ซ.ม. เข้าฟรีทุกวัน ผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไปชมสวนนงนุชฟรี ทุกวันศุกร์

‘บิ๊กตู่’ ห่วงสุขภาพประชาชน อากาศร้อนหวั่นเป็นฮีทสโตรก แนะ ให้ดูแลสุขภาพ-ไม่ประมาท-หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง

(28 มี.ค.66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมีความห่วงใยสุขภาพประชาชน เนื่องจากขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปีนี้หลายพื้นที่มีอากาศร้อนมากกว่าปีที่ผ่านมา อุณหภูมิอาจจะสูงถึง 40-43 องศาเซลเซียส สภาพอากาศที่ร้อนจัดในช่วงกลางวัน อาจทำให้ประชาชนเจ็บป่วยจากโรคลมแดด หรือโรคฮีทสโตรก (Heat stroke) ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถปรับตัว หรือควบคุมระดับความร้อนในร่างกายได้ ทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิน 40 องศาเซลเซียส ทำให้ตัวร้อน หน้ามืด เพ้อ กระสับกระส่าย หายใจเร็ว มึนงง หัวใจเต้นผิดจังหวะ ชักเกร็ง ช็อก จนถึงขั้นหมดสติ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจทำให้เสียชีวิตได้ โดยรัฐบาลห่วงใยประชาชนที่ทำงานกลางแจ้ง แดดแรงจัด อาจช็อกฮีทสโตรก ขอให้ดูแลสุขภาพตนเอง และไม่ประมาทจากการทำงานกลางแจ้ง หลีกเลี่ยงทำกิจกรรมกลางแดดร้อนจัด

นายอนุชา กล่าวว่า จากสภาพอากาศที่ร้อนจัด อาจทำให้ประชาชนป่วยเป็นโรคลมแดด หรือ โรคฮีทสโตรก โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูง ผู้ที่มีภาวะอ้วน ผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ ผู้ทำกิจกรรมกลางแดด เช่น เล่นกีฬา ผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง เช่น ตำรวจจราจร พนักงานรักษาความปลอดภัย คนสวน กรรมกรก่อสร้าง เกษตรกร ประมง พนักงานงานส่งของ ไรเดอร์ และพนักงานที่ต้องอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน และการอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้เกิดผื่น ตะคริวจากความร้อน และหากมีโรคประจำตัว พักผ่อนไม่เพียงพอ จะทำให้เพลีย อาจทำให้เกิดการวูบและพลัดตกจากที่สูงได้ 

นายอนุชา กล่าวว่า ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมาก ก็เป็นกลุ่มเสี่ยงเจ็บป่วยจากโรคลมแดด โดยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะทำให้เส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังขยายตัวได้มากขึ้น ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่สูงกว่าคนที่ไม่ได้ดื่ม ซึ่งในสภาพอากาศที่ร้อนจัด แอลกอฮอล์จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้รวดเร็ว และออกฤทธิ์กระตุ้นหัวใจให้สูบฉีดเลือดเร็วและแรงขึ้น มีผลทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น หัวใจต้องทำงานหนักเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย อาจทำให้ช็อกและเสียชีวิตได้

เกิดเหตุระทึกกลางดึก เร่งอพยพคนงาน-ชาวบ้านนับร้อย เหตุ ‘สารแอมโมเนียรั่วไหล’ หลายคนอาเจียน-หมดสติ

สารแอมโมเนียโรงงานผลิตอาหารแช่แข็งส่งออกต่างประเทศหาดใหญ่ ‘รั่ว’ อพยพคนงานนับร้อยคนออกจากหอพักในโรงงาน ชาวบ้านที่อยู่รอบๆ โรงงาน และต้องนำส่งโรงพยาบาลหลายสิบคนเนื่องจากอาการหนัก อาเจียนเวียนศีรษะ และบางรายถึงขั้นหมดสติ

เมื่อวานนี้ (27 มี.ค.66) เกิดเหตุสารแอมโมเนียรั่วภายในโรงงานผลิตอาหารแช่แข็งส่งออกต่างประเทศแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ท่าข้าม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รั่วมาจากไลน์การผลิตและฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งภายในโรงงานและบริเวณโดยรอบโรงงงาน ซึ่งมีบ้านของชาวบ้านอาศัยอยู่ แต่ขณะเกิดเหตุในส่วนของไลน์การผลิตไม่มีคนงานทำงาน มีเพียงเฉพาะทีมช่างเข้าเวรอยู่

จึงได้มีการอพยพคนงานที่พักอาศัยอยู่ภายในโรงงานนับร้อยคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาออกมาอยู่ยังศูนย์แพทย์ 3 ตำบล ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนกาญจนวนิชและพ้นจากรัศมีการรั่วไหลของสารแอมโมเนีย พร้อมมีชาวบ้านบางส่วนที่อาศัยอยู่ใกล้กับโรงงานก็ต้องอพยพออกมาด้วย

จีนจัดพิธีบูชาพระมหากษัตริย์ ไทยบั่นทอนพระมหากษัตริย์

(28 มี.ค. 66) นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก 'เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค' ระบุว่า...

“ประเทศที่ปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ และมีประธานาธิบดีเป็นประมุข จัดพิธีบูชาและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของจักรพรรดิหวงตี้บรรพกษัตริย์ บรรพบุรุษของชาวจีนทั้งปวง พระมหากษัตริย์ผู้ซึ่งส่งเสริมการพัฒนาอารยธรรมจีนมาจนถึงทุกวันนี้”

เชงเม้งปีนี้ ตรงกับวันที่ 5 เมษายน ซึ่งทางจีนแผ่นดินใหญ่จะมีพิธีกราบไหว้บูชา ‘จักรพรรดิหวงตี้’ หรือที่เรียกในอีกชื่อว่า ‘จักรพรรดิเหลือง’ (Huangdi, the Yellow Emperor) กษัตริย์ผู้ได้รับการยกย่องให้เป็นบรรพกษัตริย์ บรรพบุรุษของชาวจีนทั้งปวง

พิธีจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ทุกปี จัดที่สุสานจักรพรรดิหวงตี้ อำเภอหวงหลิง มณฑลส่านซี ตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ถ่ายทอดสดไปทั่วโลกและมีผู้เข้าชมเป็นจำนวนมาก

ย้อนกลับไปราว 4,600 ปี หลังจากชนะศึกใหญ่ พระเจ้าหวงตี้ขึ้นเป็นจักรพรรดิ ความก้าวหน้าต่างๆ อาทิ การเพาะปลูกพืช การเลี้ยงไหม อักษรจีน และยา ล้วนเกิดขึ้นในรัชสมัยของพระองค์ ส่งเสริมการพัฒนาอารยธรรมจีนมาจนถึงทุกวันนี้

พิธีบูชาจักรพรรดิหวงตี้ประจำเทศกาลเชงเม้ง ปี 2023 จะยิ่งใหญ่กว่าทุกปี เพื่อให้ชาวจีนทั่วโลกจะได้มีโอกาสร่วมกันรำลึกถึงจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top