Saturday, 28 June 2025
NEWS FEED

‘บิ๊กบี้’ รับ!! คาดไม่ถึง ‘พ่นกำแพงยกเลิก ม.112’ โผล่วัดพระแก้ว ลั่น!! บ้านเมืองมีขื่อมีแป ใครดี-ไม่ดี คนส่วนใหญ่ตัดสินได้

(29 มี.ค.66) พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงเหตุการณ์พ่นสีกำแพงวัดพระแก้ว เพื่อแสดงออกถึงการยกเลิกมาตรา 112 ว่า ใครทำผิดก็ว่าไปตามกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะกฎหมายใดก็ตาม เช่น กฎหมายโบราณสถาน

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเกิดพฤติกรรมเลียนแบบหรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ก็แล้วแต่ ความคิดเราห้ามกันไม่ได้ แต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามกฎหมาย บ้านเมืองมีขื่อมีแป ก็เหมือนกับแต่ก่อน ที่ผมพูดไง ที่จะถืออะไรไป เพื่อไปที่พระบรมมหาราชวังให้ได้ ก็บอกแล้ว สถานที่นั้นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าไปทำก็ต้องสนใจความรู้สึก หรือความศรัทธา ความรักของคนไทยที่มีต่อสถานที่นั้นด้วย เป็นเรื่องของคนส่วนใหญ่ที่ต้องคิดว่าใครดี ใครไม่ดี ใครถูกใครผิด

ถามย้ำว่าแต่ดูเหมือนว่าจะเป็นการปลุกกระแส ยกเลิกมาตรา 112 พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ก็แล้วแต่ ใครทำผิด หรือไม่ทำผิด คนส่วนใหญ่ก็ต้องคิดเอง ใครดี ใครไม่ดี เท่านั้นเอง 

เมื่อถามต่อว่าในฐานะที่เป็นทหารของพระราชาและปกป้องสถาบัน รู้สึกอย่างไรบ้าง พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ เรามีสถาบันหลักอยู่แล้ว ตามกฎหมายเรามี เราก็ต้องปกป้องคุ้มครองสถาบันหลักอยู่แล้ว ส่วนอยู่ในอำนาจหน้าที่ขอบเขตแค่ไหน เราก็ทำตามขอบเขตหน้าที่นั้น

ซักว่าจะต้องมีการดูแลรอบพื้นที่พระบรมมหาราชวังเพิ่มขึ้นหรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ก็มีการดูแลอยู่แล้ว แต่ทุกฝ่ายก็ต้องช่วยกันระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ที่มีความเคารพรัก ศรัทธา ในสิ่งที่บรรพชนสร้างขึ้นมา โดยเฉพาะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ประชาชนก็ต้องช่วยกันด้วย

ถามอีกว่าในบริเวณดังกล่าวเป็นเขตพระราชฐาน จะต้องมีทหารไปช่วยดูแลหรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ทหารมีอยู่แล้ว ทหารดูแลอยู่แล้ว เรารักษาความปลอดภัยในพระบรมมหาราชวังอยู่แล้ว เรามีกองรักษาการอยู่แล้วในสถานที่สำคัญต่างๆ

เมื่อถามว่าคาดไม่ถึงใช่หรือไม่ ที่จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า “ก็คงไม่มีใครคาดคิด เพราะถ้าคนดี คนปกติคงไม่ทำ” 

เมื่อถามว่าได้ดูการดีเบตของพรรคการเมืองต่าง ๆ ในเรื่องนี้หรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องนโยบายของพรรคการเมือง ตนเป็นข้าราชการทหาร ก็ทำหน้าที่ของตน ทหารก็ทำหน้าที่ของตัวเอง ตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายกำหนด

‘รร.วัชรวิทยา’ ประกาศชัด ไม่รับฝากนักเรียนเข้าเรียน ชี้!! ถ้ารับฝากแล้ว มันเบียดเบียนคนที่สอบได้

โรงเรียนดังกำแพงเพชร ขึ้นป้ายชัดเจน ไม่รับเด็กฝาก ผอ.ลั่น ถ้ารับฝาก ‘คนสอบไม่ได้’  แล้วจะเอาคนสอบได้ไปไว้ที่ไหน 

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรณีเพจเฟซบุ๊ก “วัชรวิทยา งานเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา” ได้โพสข้อความและภาพติดป้ายหน้าโรงเรียนมีข้อความว่าในข้อความ

“โรงเรียนวัชรวิทยา ไม่รับฝากนักเรียนเข้าเรียน หากพบว่ามีผู้แอบอ้างว่าสามารถฝากหรือเรียกร้องเงิน เพื่อแลกเปลี่ยนการฝากนักเรียนเข้าเรียน ในโรงเรียนวัชรวิทยาได้ ขอให้แจ้งความดำเนินคดีทางกฎหมายได้ทันที”

(29 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปติดตามเรื่องดังกล่าว ที่ โรงเรียนวัชรวิทยา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร พบป้ายไวนิลขนาดใหญ่ติดไว้ประตูทางเข้า และวงเวียนในโรงเรียน พร้อมระบุข้อความชัดเจน ถึงการไม่รับฝากเด็กนักเรียนเข้าศึกษา ของโรงเรียนจริง หลังมีผู้ปกครองพยายามนำบุตรหลานเข้ามาฝากเรียนด้วยเอง หรือแม้กระทั่งให้คนอื่นติดต่อเข้ามา ที่สำคัญมีบางคนไปแอบอ้างรับผลประโยชน์ ว่าสามารถฝากนักเรียนได้

ดร.พัฒนา ทรงประดิษฐ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัชรวิทยา กล่าวว่า โรงเรียนวัชรวิทยา เป็นอีกหนึ่งโรงเรียนในจังหวัดกำแพงเพชร ที่มีผู้ปกครองสนใจอยากส่งบุตรหลานของตนเข้ามาเรียนเป็นจำนวนมาก ตนมองว่าเป็นเรื่องดีและเป็นที่น่าภาคภูมิใจที่มีคุณภาพ เหมาะสมกับการพัฒนาการศึกษาให้กับเด็ก ๆ แต่ตนไม่รู้สึกสบายใจเลย เมื่อมีการสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียน แล้วมีนักเรียนที่สอบได้จำนวนตามที่ต้องการ

‘มช.’ คว้าอันดับ 1 ของประเทศ ในสาขาวิชา ‘Chemistry-Psychology’ พร้อมทั้งติดอันดับโลกอีก 10 สาขาวิชา ตอกย้ำการเป็นมหาลัยชั้นนำ

มช. คว้าอันดับ 1 ของประเทศในสาขาวิชา Chemistry และ Psychology ทั้งติดอันดับโลกในอีก 10 สาขาวิชา

(28 มี.ค.66) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่สร้างความภาคภูมิใจคว้ารางวัลอันดับ 1 ของประเทศในสาขาวิชา Chemistry และ Psychology จากการจัดอันดับ SClmago Institutions Rankings (SIR) และติดอันดับโลกจำนวน 10 สาขาวิชามากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศ จาก QS World University Rankings ปี 2023 มาครอง พร้อมก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพอยู่เสมอด้วยวิสัยทัศน์มหาวิทยาลัยชั้นนำที่รับผิดชอบต่อสังคมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยนวัตกรรม

การจัดอันดับสถาบันอุดมศึกษาโลก โดย SCImago Institutions Rankings (SIR) 2023 เป็นการจัดอันดับสถาบันด้านการวิจัยทั้งสถาบันอุดมศึกษา สถาบันวิจัย หน่วยงานของรัฐ และบริษัทเอกชน โดยมีตัวชี้วัด 3 ปัจจัย ได้แก่ 1.ด้านการวิจัย (Research Factor 50%) ที่พิจารณาจากจำนวนผลงานการตีพิมพ์เผยแพร่และการถูกอ้างอิงในฐานข้อมูลทางวิชาการ SCOPUS 2.ด้านนวัตกรรม (Innovation Factor 30%) พิจารณาจากจำนวนทรัพย์สินทางปัญญาในฐานข้อมูล PATSTAT และ 3.ด้านสังคม (Societal Factor 20%)

สำหรับผลการจัดอันดับภาพรวม (Overall Rank) ของสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทยติดอันดับจำนวน 30 แห่ง จากสถาบันอุดมศึกษาที่เข้าร่วมการจัดอันดับโลกทั้งหมด 4,533 แห่ง โดยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นอันดับที่ 3 ของประเทศ อันดับที่ 313 ของเอเชีย อันดับที่ 2,681 ของโลก

และจากการจัดอันดับตามกลุ่มสาขาวิชา (All subject areas) ทั้งหมด 19 กลุ่ม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้รับการจัดอันดับทุกกลุ่มสาขาวิชา และได้รับการจัดอันดับ Top300 อันดับแรก จำนวน 2 สาขาวิชา คือ Dentistry อันดับ 134 ของโลก และ Veterinary อันดับ 222 ของโลก และในสาขาวิชา Psychology และ Chemistry เป็นอันดับ 1 ของประเทศ

มากไปกว่านั้นเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 ได้มีการประกาศผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกรายสาขาวิชา ประจำปี 2023 โดย QS World University Rankings ซึ่งผลปรากฎว่า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ติดอันดับโลกในสาขาวิชาเฉพาะ (Narrow Subjects) จำนวน 10 สาขาวิชา จาก 54 สาขาวิชา และสาขาวิชาหลัก (Broad Subjects) จำนวน 2 สาขา จาก 5 สาขาวิชา มากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศ

โดยผลการจัดอันดับปี 2023 สาขาวิชาเฉพาะที่มีอันดับดีที่สุดของ มช. ได้แก่ สาขาวิชา Agriculture & Forestry อันดับที่ 151-200 ของโลก และสาขาวิชา Nursing อันดับที่ 151-180 ของโลก อีกทั้งยังมีสาขาวิชา Mathematics ซึ่งได้รับการจัดอันดับเป็นปีแรก โดยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 451-500 ของโลก โดยทั้ง 3 สาขาวิชาที่กล่าวมานั้น เป็นสาขาวิชาจัดอยู่ในอันดับที่ 2 ของประเทศ ทั้งนี้ มีสาขาวิชาเฉพาะที่มีช่วงอันดับที่ดีขึ้น จำนวน 2 สาขาวิชา ได้แก่ Medicine อันดับ 251-300 ของโลก และ Environmental Sciences อันดับ 401-450 ของโลก

ศาลชั้นต้นสั่งเรียกคืน มาสด้า 2 ดีเซล ปี 2014-2018 ทุกคัน หลังพบปัญหาการใช้งาน ซึ่งอาจเกิดอันตรายกับผู้ขับขี่

ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้บริษัทมาสด้า เรียกคืนรถยนต์มาสด้า 2 เครื่องยนต์เชื้อเพลิงดีเซล (Mazda 2 Skyactiv D 1.5) ที่ผลิตในปี 2014-2018 ทุกคัน พร้อมชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้บริโภค หลังผู้บริโภค 9 คน รวมตัวฟ้องบริษัทเป็นคดีแบบกลุ่ม เนื่องจากพบปัญหาการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสั่น หรือเครื่องยนต์เร่งไม่ขึ้น ซึ่งอาจเกิดอันตรายกับผู้ขับขี่ได้

(29 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (28 มี.ค.) นางสาวจิณณะ แย้มอ่วม ทนายความผู้ดูแลคดีการฟ้องร้อง มาสด้า 2 เปิดเผยว่า ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เรียกคืนรถยนต์มาสด้า 2 เครื่องยนต์เชื้อเพลิงดีเซล (Mazda 2 Skyactiv D 1.5) ทุกคันที่ผลิตในปี 2014-2018 (ปี พ.ศ. 2557-2561) เข้ามาซ่อมแซม

เนื่องจากเป็นสินค้าที่ชำรุดบกพร่องและเป็นสินค้าไม่ปลอดภัยที่อาจทำให้เกิดอันตรายกับผู้ขับขี่ได้ นอกจากนั้นยังได้กำหนดให้บริษัทต้องชดใช้ราคาค่าซ่อมตามจริง ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถวันละ 1,800 บาท รวมถึงค่าเสียหายทางจิตใจรายละ 30,000 บาท

อีกทั้งบริษัทต้องจ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปีนับจากวันฟ้อง หลังจากที่ผ่านมาผู้บริโภคจำนวน 9 คน ได้ยื่นฟ้องบริษัทมาสด้าเป็นคดีแบบกลุ่ม ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เนื่องจากพบปัญหาเรื่องการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเครื่องสั่น หรือปัญหาเครื่องยนต์เร่งไม่ขึ้น

ทั้งนี้ เมื่อวิเคราะห์จากคำพิพากษาของศาลที่ออกมานั้นเป็นเรื่องที่ดีและเป็นบรรทัดฐานให้กับผู้ประกอบการรายอื่นที่จะต้องรับผิดชอบกับผู้บริโภคหรือลูกค้าของตัวเอง เพราะที่ผ่านมาเมื่อไม่มีสภาพบังคับที่ชัดเจน ผู้ประกอบการจะพยายามหลีกเลี่ยงและหลบหลีกความรับผิดชอบ

“ในหลาย ๆ คดี เมื่อเกิดสภาพบังคับโดยคำพิพากษาของศาลขึ้นและหากผู้ประกอบการหรือบริษัทไม่น้อมรับหรือไม่ปฏิบัติตาม อาจส่งผลให้ศาลชั้นสูงมองว่าเอาเปรียบผู้บริโภคและอาจมีคำสั่งลงโทษ โดยเพิ่มค่าเสียหายเชิงลงโทษโดยบริษัทจะต้องจ่ายให้กับผู้บริโภคอีก ซึ่งหลังจากนี้ผู้บริโภคต้องการเห็นความรับผิดชอบของผู้ประกอบการในการเยียวยาแก้ไขความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง” น.ส.จิณณะ ระบุ

หนีร้อน แห่เที่ยวสระมรกตอันซีนกระบี่ คาดสงกรานต์นี้ยอดทะลุวันละไม่ต่ำกว่า 2 พันคนเตรียมเปิดพื้นที่เพิ่ม

วันที่ 29 มีค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากภาวะอากาศที่ร้อนอบอ้าวอย่างหนักและมีอุณหภูมิสูงกว่า 38 องศา ทำให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เลือกที่จะไปเที่ยวหนีร้อนไปแช่น้ำคลายร้อนตามสถานที่ต่างๆกันเป็นจำนวนมาก โดยที่สระมรกต ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประบางคราม ที่ ต.คลองท่อมเหนือ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ได้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจำนวนหลายร้อยคน เลือกที่จะเดินทางมาแช่น้ำเล่นน้ำตามสระน้ำต่างๆ ซึ่งน้ำในสระมรกตที่ไหลลงมาจากเขาประบางคราม เป็นน้ำสีใสแจ๋ว

นายปิยวัฒน์ สุคนธ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม เปิดเผยว่า ขณะนี้แต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไม่ต่ำกว่าวันละ 600 คน ส่วนช่วงวันที่นักท่องเที่ยวเยอะสุดจะตรงกับช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ สำหรับช่วงวันหยุดยาวและช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะถึงนี้ทางเขตฯ ได้จัดเตรียมสถานที่อัตรากำลังเจ้าหน้าที่เพื่อคอยดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว มีการตรวจค้นบริเวณป้อมด้านหน้า เน้นเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเป็นหลัก ซึ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวประมาณ 2,000 คนต่อวันซึ่งค่อนข้างแออัด แต่ถ้าอยู่ในช่วงประมาณ 1,000 คนต่อวันจะพอดีกับสถานที่ท่องเที่ยว ทั้งนี้ทางอุทยานทำการเปิดพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวได้กระจายเพื่อลดความแออัด เปิดสระน้ำผุดและจุดที่พักต่างๆเพื่อลดความแออัดของนักท่องเที่ยว

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจนำข้าราชการตำรวจร่วมฟังธรรมในโครงการ “ธรรมนำใจ” เพื่อตำรวจไทยมีคุณธรรม ฟังธรรมตามกาล คือมงคลอันประเสริฐ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยข้าราชการตำรวจทั่วประเทศในทุกมิติ ทั้งการทำงาน สุขภาพกาย และสุขภาพใจ ซึ่งในการปฏิบัติหน้าที่อาจทำให้ข้าราชการตำรวจและครอบครัวเกิดความเครียดและวิตกกังวล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคุณสุมนา กิตติประภัสร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ จึงได้จัดทำโครงการ “ธรรมนำใจ” ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 เพื่อให้ข้าราชการตำรวจได้น้อมนำคุณธรรม มาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน

วันนี้ (29 มี.ค.2566) เวลา 09.30-11.00 น. พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย คุณสุมนา กิตติประภัสร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ได้เป็นประธานในโครงการ “ธรรมนำใจ” ครั้งที่ 1 ซึ่งได้กราบอาราธนานิมนต์ และรับเมตตาจากพระเดชพระคุณ “หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม” ประธานสงฆ์ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อ.วังน้ำเขียว จว.นครราชสีมา มาแสดงพระธรรมเทศนา เรื่อง “ครองตน ครองคน ครองงาน บริหารตามหลักธรรมาธิปไตย” ณ ห้องประชุมแจ้งยอดสุข ชั้น 2 อาคาร ศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร และสวัสดิการ  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถ.พระราม 1 เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร โดยมี พลตำรวจโท กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , พลตำรวจโท นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ,พลตำรวจโท ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล , พลตำรวจโท นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ , พลตำรวจโท อนุชา รมยะนันทน์ ผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ , พลตำรวจโท สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , คุณนิภาพรรณ สุขวิมล อุปนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ , พลตำรวจตรีหญิง วิรญา พรหมายน ,คุณรงรอง ภูริเดช , คุณชนาพร ไกรทอง กรรมการบริหารสมาคมฯ , คณะแม่บ้านฯ พร้อมข้าราชการตำรวจ เข้าร่วมพิธี

ทั้งนี้ โครงการ “ธรรมนำใจ” ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 กำหนดให้มีการฟังบรรยายธรรม เดือนละหนึ่งครั้ง ระหว่างเดือนมีนาคมถึงกันยายน 2566 และให้ข้าราชการตำรวจเข้าร่วมฟังบรรยายจำนวนคราวละ 350 นาย ณ ห้องประชุมแจ้งยอดสุข ชั้น 2 อาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งวันนี้เป็นการจัดกิจกรรมครั้งแรก

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ สั่งทลายสมาคมเถื่อน “แก๊ง14K” เพื่อหลอกลวงทรัพย์สิน และหาผลประโยชน์จากคนไทยและจีน

จากกรณีสำนักข่าวและสื่อสังคมออนไลน์นำเสนอเกี่ยวกับกลุ่มแก๊งมาเฟียจีน ชื่อกลุ่ม 14K เข้ามาตั้งสมาคมที่ผิดกฎหมาย เพื่อมาประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย ทุนจีนสีเทา นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนดำเนินการตรวจสอบกรณีดังกล่าว หากพบการกระทำความผิดจริงให้ดำเนินการตามกฎหมายจนถึงที่สุด


จากการสืบสวนทราบว่าได้มีกลุ่มคนจีนจัดตั้งสมาคมเชื่อได้ว่าขัดต่อกฎหมายจริง โดยตรวจพบสมาคมที่ใช้ชื่อ “หงเหมิน” ประกอบในชื่อสมาคมจำนวน 2 แห่ง คือ


1.สมาคมประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมโลกหงเหมิน มี “นายป๋าย จ้าวฮุย”(Mr.Bai Zhaohui / 白兆辉) ซึ่งแสดงตัวว่าได้รับแต่งตั้งเป็นประธานสมาคม ประจำสาขาไทย มีที่ตั้งสมาคมอยู่ที่แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันเดินทาง ออกเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 (ก่อนมีการนำเสนอข่าว)
2.สมาคมพันธมิตรหงเหมินโลก มีนายวุฒิ แซ่เหลียง แสดงตัวว่าได้รับแต่งตั้งเป็นประธานสมาคม ประจำสาขาไทย  


เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจสอบสมาคมทั้ง 2 ดังกล่าวพบว่า สมาคมประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมโลกหงเหมินประจำสาขาประเทศไทยและ สมาคมพันธมิตรหงเหมินแห่งโลก สาขาประเทศไทย ไม่มีการขออนุญาตจัดตั้งสมาคมแต่อย่างใด อีกทั้งไม่พบว่ามีสมาคมใดใช้ชื่อ “หงเหมิน” หรือ “หงเมน” จดจัดตั้งสมาคมอีกด้วย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนพร้อมกับเจ้าหน้าที่กรมปกครองจึงยื่นคำร้องขอหมายค้นต่อศาล

 
และเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่กรมปกครอง กระทรวงมหาดไทยนำกำลังเข้าค้นสมาคมทั้งสอง โดยผลการตรวจค้นปรากฏดังนี้


1.ที่อยู่แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร พบเป็นอาคารพาณิชย์ลักษณะภายในตกแต่งเป็นสมาคม มีตราสมาคม, ป้ายสมาคม และสุราต่างประเทศซึ่งไม่มีอากรแสตมป์ปิดไว้ อยู่ภายในอาคารดังกล่าว โดยมีนายป๋าย จ้าวฮุย เป็นผู้เช่า จึงตรวจยึดของกลาง รวบรวมพยานหลักฐานและร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และได้ออกหมายจับผู้กระทำความผิดแล้ว


2.ที่อยู่แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร พบเป็นอาคารพาณิชย์ ภายในตกแต่งเป็นห้องหรู มีป้ายสมาคมติดอยู่ภายใน สอบถามจากบุคคลผู้แสดงตัวเป็นนายกสมาคม รับว่าไม่เคยขออนุญาตตั้งสมาคมแต่อย่างใด จึงตรวจยึดของกลางและร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ดำเนินคดีในความผิดฐาน 

ผบ.ฉก.นราธิวาส ออกลาดตระเวนทางอากาศ ตรวจเข้มพื้นที่ป่าในทุกมิติ บูรณาการปฎิบัติกับทุกภาคส่วน ติดตามสถานการณ์เตรียมการป้องกัน และแก้ไขปัญหาไฟไหม้ป่าพรุโต๊ะแดง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ ศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธร (ป่าพรุโต๊ะแดง) ตำบลปูโย๊ะ อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชากองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เดินทางลงพื้นที่ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามสถานการณ์ พร้อมเตรียมการหาแนวทางป้องกัน และ แก้ไขปัญหาไฟไหม้ป่าพรุโต๊ะแดง โดยได้รับฟังบรรยายสรุปประวัติความเป็นมา การดำเนินงาน ของศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธร (ป่าพรุโต๊ะแดง)  สอบถาม ปัญหา ข้อขัดข้องในการดำเนินงาน พร้อมทั้งสอบถามปัจจัย และสาเหตุของการเกิดไฟไหม้ป่า เนื่องด้วยในบริเวณพื้นที่ป่าพรุโต๊ะแดง อาจเป็นแหล่งหลบซ่อนพักพิงของ ผกร. รวมถึงเคยมีไฟไหม้ป่าบ่อยครั้ง สร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ 

จากนั้น พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และคณะ ได้เดินทางขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ลาดตระเวนสำรวจทางอากาศพื้นที่ป่าพรุโต๊ะแดง ร่วมบูรณาการปฎิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดย พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว กล่าวว่า ป่าพรุโต๊ะแดงเป็นป่าพรุแห่งสุดท้ายของประเทศไทย ครอบคลุมพื้นที่ของ 3 อำเภอ คือ อำเภอตากใบ อำเภอสุไหงโกลก และอำเภอสุไหงปาดี มีพื้นที่ประมาณ 120,000 ไร่ เป็นป่าที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ด้วยสัตว์ป่าและ พรรณไม้ พื้นที่ป่าพรุมีลำน้ำสำคัญหลายสายไหลผ่าน

EA-รามาฯ-EXAT ร่วมเปิดตัว “EV Smart Building” by EA Anywhere พร้อมหัวชาร์จมากที่สุดใน ASEAN

นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า EA ยกระดับมิติใหม่ของระบบการจัดการพลังงานแบบเดิม สู่รูปแบบการก่อสร้างอาคารและติดตั้งระบบบริการชาร์จไฟที่ทันสมัย ในการเป็น EV Hub แห่งแรกในอาเซียน ภายใต้แนวคิด “EV Smart Building” by EA Anywhere บนอาคารจอดรถ รามาธิบดี – พลังงานบริสุทธิ์ สนับสนุนพื้นที่โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ซึ่งถือเป็นอาคารต้นแบบแห่งแรกที่ติดตั้งเครื่องชาร์จไฟฟ้ามากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน เป็นจำนวน 578 เครื่อง พร้อมให้บริการสถานีชาร์จทั้งระบบ AC Normal Charge ขนาด 7.3 kW จำนวน 576 เครื่อง ดำเนินการครอบคลุม 100% ทุกช่องจอดรถในอาคาร และระบบ DC Fast Charge 360 kW จำนวน 2 เครื่อง โดยคาดว่าจะพร้อมให้บริการเต็มรูปแบบในเดือนพฤษภาคมนี้

 

อาคารแห่งนี้ออกแบบเพื่อการ Sharing & Charging ที่ส่งเสริมผู้ใช้บริการยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมระบบการบริหารจัดการพลังงานที่ครบวงจรอย่างคุ้มค่า ด้วยนวัตกรรมการจัดการพลังงานไฟฟ้า แบบ Predictive และ Productive ให้สามารถรองรับจำนวนเครื่องชาร์จไฟฟ้าจำนวนมากได้ ไม่ต้องลงทุนในระบบโครงสร้างเพิ่มเติม และมีความสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ใช้งานต่อจำนวนชั่วโมงการชาร์จ ใช้งานง่าย ควบคู่ไปกับ แอปพลิเคชันอัจฉริยะ EA Anywhere ที่สามารถ ค้นหา จอง ชาร์จ จ่าย จบได้ในแอปฯ เดียว

 

"โครงการอาคารจอดรถ รามาธิบดี - พลังงานบริสุทธิ์  นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะยกระดับประเทศสู่ EV Hub ด้วย Model  “EV Smart Building” by EA Anywhere สู่การพัฒนาพื้นที่สำหรับ อาคารชุด อาคารสำนักงาน และอาคารขนาดใหญ่ อาทิ ห้างสรรพสินค้า, โรงแรม,  คอนโด, Mix Use และ Community Mall ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพพื้นที่เดิมให้เกิดการใช้พลังงานไฟฟ้า ที่คุ้มค่า ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพสูงสุด” นายสมโภชน์กล่าว

 

ทั้งนี้ ระบบ “EV Smart Building” by EA Anywhere ได้มีการออกแบบระบบการควบคุมกำลังไฟฟ้า โดยคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัย ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการพลังงาน ซึ่งในทุกเครื่องอัดประจุไฟฟ้า จะมีการเชื่อมโยงกับระบบ Smart Monitoring ของบริษัทฯ ผ่านระบบสื่อสารแบบ Real-Time เพื่อตรวจสอบสถานะการทำงาน และ ควบคุมการจ่ายพลังงาน มาพร้อมกับการจัดลำดับความสำคัญของการใช้พลังงาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

 

ปัจจุบัน สถานีชาร์จในโครงข่าย EA Anywhere ดำเนินการโดยบริษัท พลังงานมหานคร จำกัด ให้บริการแล้วกว่า 490 สถานีทั่วประเทศ และตั้งเป้าขยายสถานีชาร์จไปสู่ธุรกิจการจัดการพลังงาน “EV Smart Building” by EA Anywhere ภายในสิ้นปี 2566 เพื่อให้ผู้ใช้รถ EV โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใช้รถในอาคาร มีความมั่นใจในการเลือกใช้ยานยนต์ไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น

HIGHLIGHT
- โรงพยาบาลรามาธิบดี และ บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ โดยรับการสนับสนุนพื้นที่โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย  ร่วมติดตั้ง การพลังงาน “EV Smart Building” by EA Anywhere ซึ่งเป็นอาคารที่มีหัวชาร์จมากที่สุดใน ASEAN 
- โดยจะให้บริการทั้งรูปแบบ AC Normal Charge ขนาด 7.3 kW จำนวน 576 เครื่อง ดำเนินการครอบคลุม 100% ทุกช่องจอดรถในอาคาร และ แบบ DC Fast Charge 360 kW จำนวน 2 เครื่อง 
- ออกแบบระบบการอัดประจุ ภายใต้หลักการ Sharing and Charging และมีระบบการบริหารจัดการพลังงานในอาคารที่สอดรับกับพฤติกรรมการจอดรถของผู้ใช้งานอย่างแท้จริง 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งดำเนินคดีบุคคลแอบอ้างเบื้องสูง และบุคคลสำคัญของไทยหลอกลวงผู้ประกอบการเกิดความเสียหาย

ตามที่ปรากฏในข่าวสื่อสังคมออนไลน์ว่ามีกลุ่มทุนจีนสีเทา ชื่อ นายหยู ซิน ฉี(Mr.Yu Xin Qi)  สัญชาติจีน บุคคลดังกล่าวได้จัดตั้งสมาคมชื่อ “มณฑลส่านซีสมาคมแห่งประเทศไทย”และเป็นเจ้าของสมาคมสมาคมดังกล่าวมีลักษณะประกอบการดำเนินงานให้คำแนะนำการลงทุนช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมและสถาบันต่างๆ ในการจัดตั้งสำนักงานเครือข่ายในประเทศไทยเชิญนักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเลที่มีชื่อเสียงของไทยไปประเทศจีนเพื่อเข้าร่วมประชุม  จัดกิจกรรมขนาดใหญ่เช่นการประชุมส่งเสริมการลงทุนนิทรรศการตลอดจนให้บริการส่วนลดยานพาหนะในการเดินทางและบริการรับส่งสนามบินแบบวีไอพีแต่ นายหยู ซิน ฉี มีพฤติการณ์อันน่าสงสัยว่า ได้นำภาพถ่ายที่ตนเองถ่ายคู่กับบุคคลมีชื่อเสียงและบุคคลสำคัญ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำรูปถ่ายคู่ร่วมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เพื่อไปสร้างความน่าเชื่อถือ  รวมถึงมีการแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงและบุคคลสำคัญระดับประเทศในการแสวงหาผลประโยชน์ หลอกลวงผู้อื่นเข้ามาเป็นสมาชิกและเรียกเก็บเงินบริจาคเข้าสู่สมาคม มีผู้เสียหายที่ถูกแอบอ้างและถูกหลอกลวงจำนวนหลายราย


พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.ดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว จากการสืบสวนพบว่านายหยู ซิ นฉี มีพฤติการณ์การแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงและบุคคลสำคัญระดับประเทศเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จริง  อีกทั้งมีการจัดตั้งสมาคมที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายและไม่มีรายชื่อในสาระบบของกรมการปกครอง  ต่อมา วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566  เจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายค้นศาลอาญาที่ 198/2566 ลง 17 กุมภาพันธ์ 2566 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 77/525 หมู่บ้านภัสสร 19 ซอย 52 ถนนจตุโชติ แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร  พบ นายหยู ซิน ฉี  (Mr.Yu Xin Qi) สัญชาติจีน  แสดงตัวเป็นเจ้าบ้านและนำตรวจค้น ผลการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจยึดของกลางเพื่อตรวจพิสูจน์ จำนวน 11 รายการ ได้แก่


1.ป้ายไวนิลรูปและตราสมาคม จำนวน 2 ป้าย
2.ของชำร่วยที่ระลึกของสมาคม(กำไล) จำนวน 1 ชิ้น
3.ตราประทับ จำนวน 13 ชิ้น
4.ป้ายสมาคม จำนวน 1 ชิ้น
5.นามบัตรสมาคม จำนวน 2 กล่อง
6.บัตรประจำตัวสภาเครือข่าย จำนวน 1 ชิ้น
7.ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนสมาคมมิตรภาพไทย-ฉ่านซี จำนวน 1 ชิ้น
8.นามบัตรกิตติมศักดิ์ จำนวน 40 ชิ้น
9.เอกสารที่เกี่ยวข้องกับสมาคม จำนวน 1 ชุด
10.หนังสือรับรองบริษัทฯ จำนวน 1 ชุด
11.กระเป๋าถือสมาคมแต้จิ๋ว จำนวน 1 ใบ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top