Monday, 7 July 2025
NEWS FEED

ตำรวจไซเบอร์ ร่วมกับ กสทช. และสรรพสามิต ลุยทลายโกดังวิทยุสื่อสารเถื่อนกลางกรุง

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และ กรมสรรพสามิต ตรวจค้นแหล่งซุกซ่อนและจำหน่ายวิทยุสื่อสารเถื่อนกลางกรุง ยึดของกลางกว่า 260 เครื่อง มูลค่ากว่า 400,000 บาท

ตามที่ปัจจุบันได้มีการลักลอบนำเข้าเครื่องวิทยุโทรคมนาคมและอุปกรณ์โดยผิดกฎหมาย และลักลอบจำหน่ายให้แก่บุคคลทั่วไป ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยวิทยุคมนาคมที่กำหนดไว้ อีกทั้งยังสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจและสังคม พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จึงได้สั่งการให้ดำเนินการสืบสวนปราบปรามผู้กระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง โดยประสานข้อมูลกับ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และ กรมสรรพสามิต 

เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ได้ทำการสืบสวนทราบว่ามีการลักลอบจำหน่ายวิทยุสื่อสาร ผ่านทางช่องทางออนไลน์ Facebook โดยมีผู้ติดตามกว่า 5,000 คน จึงได้รายงานให้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ทราบ และวันนี้ 19 พฤษภาคม 2566 ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.พรชัย บัวด้วง รองผู้กำกับการ 4 ร่วมกับ เจ้าพนักงาน กสทช. และ กรมสรรพสามิต นำหมายค้นของศาลอาญากรุงเทพใต้ เข้าตรวจค้นตึกแถวแห่งหนึ่ง บริเวณถนนจารุเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ โดยพบ นายพัด (นามสมมติ) แสดงตัวเป็นเจ้าของและเป็นผู้นำตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบ เครื่องวิทยุคมนาคม ประเภทวิทยุสื่อสาร ตราอักษร BAOFENG รุ่น BF-888s จำนวน 269 เครื่อง มูลค่ารวมกว่า 403,500 บาท สอบถามนายพัด ให้การรับสารภาพว่าตนเป็นผู้จัดจำหน่ายวิทยุสื่อสารโดยไม่ได้รับอนุญาตจริง จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่า “มีและค้า ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต” จับกุมตัวผู้ต้องหานำส่งพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ดำเนินคดีตามกฎหมาย

จึงฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน ในการใช้วิทยุโทรคมนาคมขอให้ศึกษาและปฏิบัติตามระเบียบ ที่ทางราชการได้กำหนดไว้ ทั้งนี้หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามได้ที่ สำนักงาน กสทช. Call Center หมายเลขโทรศัพท์ 1200

เลขาฯ ศอ.บต. แสดงความยินดีกับ ปชช. ชาวอ.แว้ง จ.นราธิวาส หลังได้รับมอบโฉนดที่ดิน 120 แปลง เผย!! การครอบครองที่ดินของตนเองถือเป็นทรัพย์ที่มีค่าสูงสุดในชีวิต 

พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นประธานมอบโฉนดที่ดินตามโครงการ “มอบโฉนดที่ดินทั่วไทย นำสุขคลายทุกข์ให้ประชาชน” ณ หอประชุมอำเภอแว้ง ที่ว่าการอำเภอแว้ง ตำบลแว้ง อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส โดยมีนายศรัทธา คชพลายุกต์ รองเลขาธิการ ศอ.บต. นายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส  ผู้แทนส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น และประชาชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก 

พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับพี่น้องประชาชนชาวอ.แว้งที่วันนี้ถือเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ที่พี่น้องทุกคนรอคอยมาทั้งชีวิต  ทรัพย์สมบัติที่มีค่าหรือมีความหมายคือที่ดินที่ไม่ว่าจะเกิดแก่เจ็บตายทุกคนก็ล้วนแต่ใช้ชีวิตในที่ดินของตัวเอง เพราะฉะนั้นการได้มาซึ่งที่ดินให้เป็นของตนเองคือทรัพย์ที่มีค่าสูงสุดของชีวิตคนๆ หนึ่ง ที่มีหลักฐานตามโฉนดที่ดินที่ถือเป็นหลักประกันขั้นสูงสุดของประเทศไทย 

สำหรับการมอบโฉนดที่ดินให้แก่พี่น้องประชาชนได้ดำเนินการแล้วในพื้นที่ตำบลแว้ง ตำบลแม่ดง   ตำบลฆอเลาะ และตำบลกายูคละ อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส จำนวน 120 แปลง ตามเป้าหมายได้ที่กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ได้กำหนดประเด็นยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบการออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ด้วยการพัฒนาการรังวัด  และทำแผนที่ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยการนำเทคโนโลยีการรังวัดระบบโครงข่ายการรังวัด ด้วยดาวเทียมแบบจลน์ (RTK GNSS Network) สำรวจรังวัดในทุกพื้นที่ที่มีสถานีรับสัญญาณดาวเทียมให้ครอบคลุมทั่วประเทศด้วยวิธีการแผนที่ที่ทันสมัยมีความถูกต้อง แม่นยำสูงและมีความชัดเจนในเรื่องแนวเขตที่ดิน เป็นการลดปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ลดข้อโต้แย้งพิพาทเรื่องแนวเขตที่ดิน ระหว่างเอกชนกับรัฐและเอกชนกับเอกชน ตลอดจนลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในการรังวัดที่ดิน โดยให้ศูนย์อำนวยการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินจังหวัดนราธิวาส ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน และรังวัดรูปแปลงโฉนดที่ดิน ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันและได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส จำนวน 10 สายสำรวจเป้าหมาย 4,080 แปลงต่อปี

ด้วยรักและศรัทธา ครบรอบวันสิ้นพระชนม์ 100 ปี เสด็จเตี่ย

เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 66 พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ มอบหมายให้ พลเรือโท ชัยณรงค์ บุณยรัตกลิน รองผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เป็นประธานในพิธีเทิดพระเกียรติ ครบรอบวันสิ้นพระชนม์ 100 ปี พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระบิดาทหารเรือไทย พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาใน กองบัญชาการกองเรือยุทธการ หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองเรือยุทธการ กำลังพลกองเรือยุทธการ ชมรมภริยากองเรือยุทธการ สมาคมประมงแสมสาร องค์การบริหารส่วนตำบลแสมสาร และชมรมเรือสปรีดโบ๊ท จัดกิจกรรมครบรอบวันสิ้นพระชนม์ 100 ปี พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระบิดาทหารเรือไทย ณ บริเวณพระอนุสาวรีย์ฯ หน้ากองบัญชาการกองเรือยุทธการ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี  

โดยกิจกรรมประกอบด้วย การจัดกำลังพลแปรอักษร “จะทำสิ่งไร ควรทำจริง” การจัดขบวนเรือประมง จำนวน 19 ลำ และร่วมร้องเพลงพระนิพนธ์ในทะเล บริเวณหน้าอ่าวกองเรือยุทธการ การฟังสารจากผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวสดุดีเทิดพระเกียรติฯ ผู้เข้าร่วมพิธีร่วมร้องเพลงพระนิพนธ์ของเสด็จเตี่ย ประกอบด้วยเพลง ดาบของชาติ เพลงเดินหน้า และเพลงดอกประดู่

โดยกองเรือยุทธการ ได้จัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติ เพื่อให้ข้าราชการทหารเรือ ประชาชน ตลอดจนครอบครัวข้าราชการ ได้ร่วมน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ได้ทรงวางรากฐานและทรงพัฒนากิจการของทหารเรือ ให้มีความก้าวหน้าและมั่นคง ให้ผู้เข้าร่วมพิธีได้รำลึกถึงคำสอนของพระองค์ว่า “กยิรา เจ กยิรา เถนัง ถ้าคิดจะทำสิ่งใดแล้ว ควรทำจริง” ตลอดจนเพลงพระนิพนธ์ของพระองค์ ที่ปลูกฝังจิตสำนึกในการรักชาติให้กับข้าราชการทหารเรือ และลูกหลานมาจวบจนถึงปัจจุบัน

หลังจากเสร็จสิ้นพิธีแล้ว รองผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ประธานในพิธี ได้มอบของที่ระลึกให้กับนายกสมาคมประมงแสมสาร นายก องค์การบริหารส่วนตำบลแสมสาร ชมรมเรือสปรีดโบ๊ท และคณะที่สนับสนุนการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย

‘แทค ภรัณยู’ เดือดปุด สุดจะทน  คอมเมนต์ท้าชน ‘พี่ศรี’ ขอเจอที่เวทีมวย

จากกรณีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา ได้โพสต์ภาพข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า “สงสัย เอก-ป๊อก-ช่อ ไปร่วมวงสนทนาการตั้งรัฐบาลในนามพรรคอะไร? ในเมื่อตนไม่ใช่สมาชิกพรรคการเมืองใด และหมดสถานะผู้ช่วยหาเสียงแล้ว”

พร้อมระบุด้วยว่า “เรื่องนี้ต้องถึง กกต.” อาจเข้าข่ายไปครอบงำ ชี้นำ กิจกรรมของพรรคการเมือง หรือพรรคการเมืองปล่อยให้บุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคมาครอบงำ ชี้นำได้ อันอาจเป็นการฝ่าฝืน ม.28 ม.29 แห่ง พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 เป็นเหตุให้ กกต.สามารถเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมืองทั้ง 6 พรรคที่ร่วมหารือกันตั้งรัฐบาลได้ ตาม ม.92(3) ของกฎหมายข้างต้น

ล่าสุดทำเอา นักแสดงหนุ่มอย่าง “แทค ภรัณยู” สุดจะทน ได้เข้าไปคอมเมนต์ใต้โพสต์ดังกล่าวว่า “พี่ศรี ว่างมาเรียนเชิญ มาถ่ายรายการผมสักยกไหม เดี๋ยวจัดให้อย่างงามเลย พูดคุยเฉยๆ ข้างหลังเป็น เวทีมวย สนใจทักมานะพี่ศรี”

นอกจากนี้ยังได้แคปข้อความภาพของศรีสุวรรณ ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมระบุข้อความอีกว่า “กูอยากนั่งถ่ายรายการกับพี่ศรีจริงๆ อยากจะลองสักยก มาเป็นไง ชีวิตเป็นแบบไหน โตมายังไง ตะบี้ตะบัน ฟ้องไปทั่ว” และ “มาพี่ อยากสุดมานี้ ทักไปละนะ แชร์ไปทุกคนอยากคุยด้วย”

'หมอดังในทวิตเตอร์' ชี้ ตุ่ม-ผด  ที่ร่างกาย 'หยก' เป็นสิวที่เกิดจากการใช้ยา!!

หลังมีประเด็นดรา“หยก” เด็กนักเรีนหญิงอายุ 15 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวตามหมายจับในคดี ม.112 ตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. 2566 หลังเข้าร่วมชุมนุมที่บริเวณเสาชิงเช้า เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2565 โดยต่อมาถูกส่งตัวมาควบคุมที่บ้านปรานี จ.นครปฐม เผยภาพหลังออกจากบ้านปรานี มีผด ตุ่มแดงขึ้นเต็มตัว คาดติดเชื้อหลังน้ำในสถานแรกรับเด็กและเยาวชนไม่สะอาด
ด้าน แบม อรวรรณ ภู่พงษ์ นักกิจกรรมอิสระ ก็ออกมาแจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับอาการของ น้องหยก ซึ่งจากภาพที่ลงได้เผยให้เห็น แผ่นหลังของเด็กนร.ชั้นม.3 เต็มไปด้วย ตุ่มและผดแดง ขึ้นตามบริเวณแผ่นหลังเป็นจำนวนมาก พร้อมกับเขียนข้อความว่า “ใครจะรับผิดชอบ”

นอกจากนี้ ตะวัน ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ นักเคลื่อนไหวอิสระออกมาเคลื่อนไหวผ่านบัญชีโซเชียล อธิบายผดดังกล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุ “ผดแดง” ที่ขึ้นเต็มหลังของหยกว่า “ผดที่ขึ้นบนหลังหยกค่ะ (เกิดจากการติดเชื้อเพราะน้ำในบ้านปรานีไม่สะอาด +อากาศร้อน+ยุงกัด) จริงๆบริเวณรอบร่างกายมีเยอะกว่านี้นะคะ หลังจากนี้จะพาน้องไปรักษาค่ะ 

ต่อมา ทวิตเตอร์ดังอย่าง พี่หมอแนะ-น้องสอบ ได้พูดถึงกรณีดังกล่าวว่า ไม่ได้อยากจะลดทอนข้อเรียกร้อง รวมถึงชื่นชมน้องที่ออกมาทำเพื่ออนาคตของเราครับ แต่ขอพูดตามความจริงทางการแพทย์ว่า lesion แบบนี้ไม่ได้เกิดจากน้ำไม่สะอาดครับ อันนี้เรียกว่า Aceniformeruption เป็นสิวที่เกิดจากการใช้ยาครับ

ต่างชาติประทับใจ ตม.ภูเก็ต รุกให้บริการต่อวีซ่าถึงโรงพยาบาล

จากกรณีเหตุเรือสปีดโบ๊ทนำเที่ยว เกิดอุบัติเหตุชนเสาสัญญาณไฟกลางทะเล เหตุเกิดใกล้กับท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง จ.ภูเก็ต  เมื่อวันที่ 17 พ.ค.66  ส่งผลให้มีผู้ประสบภัย จำนวน 37 ราย (เป็นชาวต่างชาติ 33 ราย และเป็นคนไทย 4 ราย)  โดยเข้ารับการรักษาอยู่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต , โรงพยาบาลฉลอง , โรงพยาบาลดีบุก , โรงพยาบาลสิริโรจน์ , โรงพยาบาลกรุงเทพ , โรงพยาบาลมิชชั่น และโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต 

วันนี้ (19​ พ.ค.66) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. , พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.ตม.6  โดย พ.ต.อ.ธเนศ​ สุขชัย​ ผกก.ตม.จว.ภูเก็ต ​ได้มอบหมาย​ให้​ พ.ต.ต.หญิง​ ธนันณัฏฐ์​ ศรีสุวรรณ​ สว.ฯ​ ปฏิบัติ​ราชการ​ ตม.จว.ภูเก็ต​  เข้าเยี่ยมติดตามอาการชาวต่างชาติที่ประสบอุบัติเหตุ พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกในการขออยู่ต่อในอาณาจักรกรณีที่ต้องรักษาตัวต่อเนื่อง  และได้แจ้งกับทุกโรงพยาบาลให้ทราบว่า หากมีต่างชาติท่านใดที่แพทย์ลงความเห็นแล้วว่าจะต้องรักษาตัวต่อเนื่อง และมีความประสงค์ที่จะขออยู่ต่อในราชอาณาจักร​ ให้ทางโรงพยาบาล ประสานมายัง​ ตม.จว.ภูเก็ต จากกรณีเหตุเรือสปีดโบ๊ทนำเที่ยว เกิดอุบัติเหตุชนตอหม้อเสาสัญญาณไฟกลางทะเล ใกล้กับท่าเที่ยบเรืออ่าวฉลอง  เมื่อวันที่ 17 พ.ค.66  ทำให้มีผู้ประสบภัย จำนวน 37 ราย (เป็นชาวต่างชาติ 33 ราย และเป็นคนไทย 4 ราย)  โดยเข้ารับการรักษาอยู่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต , โรงพยาบาลฉลอง , โรงพยาบาลดีบุก , โรงพยาบาลสิริโรจน์ , โรงพยาบาลกรุงเทพ , โรงพยาบาลมิชชั่น และโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต 

จันทบุรี เป็นเจ้าภาพจัดประชุมร่วมคณะกรรมการชายแดน ส่วนภูมิภาค ไทย – กัมพูชา ครั้งที่ 25 CBC – 25 เสริมสร้างความมั่นคง กระชับสัมพันธไมตรี

วันนี้ ( 19 พ.ค.66 ) ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมนิวส์แทรเวิลลอร์ดจังหวัดจันทบุรี พลเรือโท เผดิมชัย สุคนธมัต ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด นำหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจากจังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราด อาทิ นายสันติ รังษิรุจิ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี, นายกัฬชัย เทพวรชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั้ง 2 จังหวัดร่วมประชุมหารือกับผู้แทนจากราชอาณาจักรกัมพูชาที่มี พลเอก เยือน โซะคน รองผู้บัญชาการกองทัพบก และ ผู้บัญชาการภูมิภาคที่ 3 ราชอาณาจักรกัมพูชา พร้อมด้วย คุณหญิง มิถุนา ภูทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะกง นำหัวหน้าส่วนราชการจากจังหวัดเกาะกง ราชอาณาจักรกัมพูชาร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดน ส่วนภูมิภาค ไทย – กัมพูชา  ครั้งที่ 25 หรือ CBC – 25 โดยครั้งนี้เป็นการกระชับสัมพันธไมตรี ความร่วมมือชายแดน การค้า เศรษฐกิจ  ความมั่นคงชายแดน รวมทั้งประเพณีสังคมที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมายาวนาน โดยครั้งที่ประชุมเลขานุการคณะกรรมการฯ ฝ่ายไทย และเลขานุการคณะกรรมการฯ ฝ่ายกัมพูชาได้อ่านทบทวน ผลการประชุมร่วมคณะทำงาน กองเลขานุการฯ  ประธานคณะกรรมการฯ ทั้ง 2 ฝ่ายรับทราบบันทึกการประชุมร่วมกองเลขานุการฯ และอนุญาตให้เลขานุการทั้ง 2 ฝ่าย จัดทำเอกสารเป็นทางการเพื่อลงนามต่อไป ซึ่งผลการประชุมของคณะกรรมการชายแดน ส่วนภูมิภาค ไทย – กัมพูชา  ครั้งที่ 25 จะเป็นข้อมูลในการประชุมคณะกรรมการทั่วไป ระดับประเทศของทั้ง 2 ประเทศในโอกาสต่อไป 

ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา จ.จันทบุรี
พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์รวมข่าวภาคตะวันออก

"เชียงราย"ฉก.ทัพเจ้าตาก จัดกิจกรรมโครงการหมู่บ้านเข้มแข็งคู่ขนานตามแนวชายแดน ไทย - เมียนมา"

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 เวลา 09.00 นาฬิกา พลตรี ศุภฤกษ์ สถาพรผล ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง พร้อมด้วย พันเอก ณฑี ทิมเสน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก, นายณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สาย และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่อำเภอแม่สาย เข้าร่วมกิจกรรมโครงการหมู่บ้านเข้มแข็งคู่ขนานตามแนวชายแดน ไทย - เมียนมา ซึ่งจัดโดย หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก ร่วมกับอำเภอแม่สาย และหน่วยงานในพื้นที่

โดยโครงการฯ ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างเจ้าหน้าที่ และราษฎรของทั้งสองประเทศ ร่วมกันแก้ปัญหาภัยคุกคามความมั่นคงในเรื่องยาเสพติด การค้ามนุษย์ อาชญากรรมข้ามชาติ แรงงานผิดกฎหมาย สร้างชุมชนให้เข้มแข็ง มีความเชื่อมโยงทางด้านชาติพันธุ์ ชนเผ่า และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ระหว่างกัน อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรให้ดีขึ้นอีกด้วย

โดยวันนี้ได้จัดกิจกรรม ในคู่หมู่บ้านระหว่าง บ้านป่าแดง ตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย กับ บ้านดินดำ เมืองพง จังหวัดท่าขี้เหล็ก สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ณ จุดผ่อนปรนการค้า ท่าดินดำ บ้านป่าแดงฯ

กิจกรรมที่จัดขึ้น ประกอบด้วย การจัดนิทรรศการของส่วนราชการ, กิจกรรมตลาดวิถีชุมชนภูมิปัญญาท้องถิ่น, การแสดงศิลปวัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้าน, กิจกรรมปล่อยปลา, การแข่งขันกีฬาเชื่อมความสัมพันธ์ และการให้บริการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ โดยบรรยากาศของกิจกรรม ผู้เข้าร่วมกิจกรรมของทั้ง 2 ประเทศ มีความสุขสนุกสนาน มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน พร้อมจะให้ความร่วมมือกันในทุก ๆ ด้าน

สันติ วงศ์สุนันท์/ผู้สื่อข่าวเชียงราย

‘ครม.’ เคาะลดค่าไฟอีก 4 เดือน ‘กฟน.’ แนะ เช็กยอด พ.ค. หากชำระบิลแล้วจะคืนส่วนลดให้ในเดือนถัดไป

(19 พ.ค. 66) จากสถานการณ์ราคาพลังงานที่ได้รับผลกระทบจากราคาไฟฟ้า ตามที่ ครม. เสนอโดยให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าต่อเนื่อง 4 เดือน ตั้งแต่เดือน พ.ค. – ส.ค. 2566 แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน และส่วนลดค่าไฟฟ้า (เพิ่มเติม) สำหรับงวดเดือน พ.ค. 2566 จำนวน 150 บาทต่อราย ให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 500 หน่วยต่อเดือน ทั้งนี้กำหนดให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น

นายอนุชา กล่าวว่า การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งว่า สำหรับใบแจ้งค่าไฟฟ้าประจำเดือน พ.ค. 2566 ที่จดหน่วยและส่งใบแจ้งค่าไฟฟ้าในวันที่ 14 – 17 พ.ค. 2566 ที่ยังไม่มีส่วนลด MEA จะปรับปรุงในระบบรับชำระเงินค่าไฟฟ้า โดยผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถตรวจสอบยอดเงินค่าไฟฟ้าประจำเดือน พ.ค. 2566 ที่มีการปรับปรุงแล้วได้ที่แอปพลิเคชัน MEA Smart life หรือที่ทำการ MEA ทั้ง 18 เขต หากผู้ใช้ไฟฟ้าที่ชำระค่าไฟฟ้าแล้ว MEA จะคืนเงินส่วนลดดังกล่าวให้ในเดือนถัดไป ทั้งนี้ ใบแจ้งค่าไฟฟ้าประจำเดือนพ.ค. 2566 จะเป็นการจดหน่วยในวันใดวันหนึ่งระหว่างวันที่ 14 พ.ค. — 13 มิ.ย. 2566

นายอนุชา กล่าวต่อว่า ตามที่มีประชาชนได้รับข้อความแอบอ้างหน่วยงาน MEA หรือ การไฟฟ้านครหลวง เพื่อหลอกเก็บเงินค่าบริการต่าง ๆ นอกสถานที่ทำการ MEA รวมถึงเพื่อล่อลวงให้รับบริการผ่านระบบออนไลน์ หรือคลิกลิงก์ต่าง ๆ จนมีความเสี่ยงทำให้เหยื่อเสียทรัพย์สินนั้น MEA มีความห่วงใยต่อกรณีดังกล่าว

โดยได้แจ้งวิธีสังเกต SMS ของ MEA ที่ถูกต้อง ขอให้ประชาชนสังเกตบริเวณชื่อบุคคลผู้ส่ง โดยจะต้องระบุชื่อเป็น ‘MEA’ เท่านั้น หากพบชื่อผู้ส่งเป็นตัวเลขเบอร์โทรศัพท์ หรือตัวอักษรที่ไม่ใช่การสะกดตามคำว่า ‘MEA’ ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อความดังกล่าว ทั้งนี้ MEA ยืนยันว่าจะไม่ส่ง SMS ให้กับบุคคลทั่วไป ยกเว้นเป็นผู้ที่กำลังติดต่อธุรกรรมกับ MEA หรือรับบริการ MEA e-Bill อยู่เท่านั้น

นายอนุชา กล่าวด้วยว่า สำหรับการตรวจสอบความถูกต้องของการใช้งาน Line ของ MEA ประชาชนสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้โดยการดูความถูกต้องของชื่อ Line ต้องระบุเป็น “MEA Connect” โดยระบุชื่อ Line id เป็น @meathailand และด้านหน้าชื่อต้องมีสัญลักษณ์โล่สีเขียว ซึ่งแสดงถึงสถานะที่เป็นทางการ

ส่วนกรณีเว็บไซต์ MEA นั้น ประชาชนสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้โดยการดูความถูกต้องของชื่อเว็บไซต์ ซึ่งต้องระบุเป็น https://www.mea.or.th รวมถึง MEA ยืนยันว่า ปัจจุบัน MEA ไม่มีนโยบายให้พนักงาน หรือตัวแทนพนักงาน รับชำระค่าไฟฟ้า หรือค่าบริการใด ๆ นอกสถานที่ทำการของ MEA อีกด้วย

นายอนุชา กล่าวว่า MEA ขอให้ประชาชนระมัดระวังการรับข้อมูลจากช่องทางการสื่อสารในสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ซึ่งอาจมีการนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และทำให้ประชาชนเกิดความสับสนได้ ซึ่งประชาชนสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสามารถสอบถามข้อมูลค่าไฟฟ้าได้ที่ช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ของ MEA ได้แก่ Facebook: การไฟฟ้านครหลวง MEA, Line : @meathailand, Twitter : @mea_news, และ MEA Call Center โทร 1130 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สตม. รวบหัวหน้าแก๊ง CALL CENTER จีน หลอกลงทุน CRYPTO ปลอม ความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท

สืบเนื่องจากได้รับการประสานงานจากเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยและเจ้าหน้าที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมเมืองเซี่ยงไฮ กรณีผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีนรายสำคัญ  3 ราย   

1. MR.ZHOU  หรือ นายโจว (นามสมมติ) อายุ  35 ปี สัญชาติจีน 
2. MR.LI หรือ นายหลี่ (นามสมมติ) อายุ 27 ปี สัญชาติจีน
3. MR.HUANG หรือ นายหวง (นามสมมติ) อายุ 37 ปี สัญชาติจีน ซึ่งก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีในลักษณะฉ้อโกงประชาชน ฯ เป็นขบวนการแก๊ง call center ชักชวนหลอกลงทุนบนแพลตฟอร์มแอพพลิเคชั่นปลอม มูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท โดยตั้งฐานอยู่ที่เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา แล้วหลบหนีเข้ามายังประเทศไทย บก.สส.สตม.จึงทำการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายทั้งสาม ต่อมาเมื่อวันที่ 27 เม.ย.66 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า MR.ZHOU ได้หลบซ่อนอยู่ในคอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านพระราม 9 จึงได้ทำการขอหมายค้นต่อศาลอาญาเพื่อทำการเข้าทำการตรวจค้น เมื่อไปถึงห้องพัก พบ MR.ZHOU ที่เป็นบุคคลเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับสาธารณรัฐประชาชนจีน และถูกเพิกถอนการอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราว ได้ออกมาจากห้อง จึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและแสดงหมายค้นศาลอาญาเพื่อขอทำการตรวจค้น โดยก่อนการตรวจค้นได้แสดงความบริสุทธิ์จนเป็นที่พอใจแล้ว ซึ่ง MR.ZHOU สมัครใจพาตรวจค้นห้อง ผลการตรวจค้นพบ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์และบัตรเครดิต จำนวนหลายรายการ จึงได้นำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

จากนั้น สตม. ได้ประสานข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของสาธารณรัฐประชาชนจีน ขยายผลพบว่า นอกจาก MR.ZHOU จะเป็นหนึ่งในหัวหน้าของแก๊ง call center แล้วยังมีคนจีนอีก 2 คน เป็นระดับผู้บริหารของแก๊ง call center ดังกล่าว คือ MR.LI หรือนายหลี่ และ MR.HUANG หรือนายหวง โดยทั้งสองรายเป็นบุคคลที่มีหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน และได้หลบหนีเข้ามาอยู่ที่ประเทศไทย
ต่อมาเมื่อวันที่ 16 พ.ค.66 เวลาประมาณ 12.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบสวนทราบว่า MR.LI พักอยู่ที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ เมื่อเดินทางไปตรวจสอบพบ MR.LI จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและแจ้งกับ MR.LI ว่าเป็นบุคคลที่มีหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีนและถูกเพิกถอนการอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราวแล้ว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ทำการจับกุมตัว และจากการสืบสวนยังพบว่า MR.HUANG ได้พักอาศัยอยู่คอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านวัฒนา กรุงเทพมหานคร จึงได้ขอหมายค้นต่อศาลอาญาธนบุรี เมื่อไปถึงห้องพัก พบ MR.HUANG ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับสาธารณรัฐประชาชนจีนและถูกเพิกถอนการอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราว จึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและแสดงหมายค้นศาลอาญาธนบุรี เพื่อขอทำการตรวจค้น โดยก่อนการตรวจค้นได้แสดงความบริสุทธิ์จนเป็นที่พอใจแล้ว โดย MR.HUANG สมัครใจพาตรวจค้นห้อง ผลการตรวจค้นพบ โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ จึงได้นำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม.เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top