Thursday, 26 June 2025
NEWS FEED

อาคารเพิ่งสร้างเสร็จ 2 ปี ถล่ม! ที่นิคมอมตะซิตี้ เร่งพิสูจน์สาเหตุ…หลังมีคนเจ็บ 1 รถพังเสียหายอื้อ

(16 พ.ค. 68) เมื่อเวลา 12.00 น. เกิดเหตุอาคารภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ต.พานทอง อ.พานทอง จ.ชลบุรี พังถล่ม ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย และรถยนต์เสียหายจำนวน 24 คัน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พานทอง พร้อมนายอำเภอและฝ่ายความมั่นคงอยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ทราบชื่อผู้บาดเจ็บคือ น.ส.กนกพรรณ (สงวนนามสกุล) เบื้องต้นพบว่าอาคารดังกล่าวเป็นของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จมานานกว่า 2 ปี พนักงานให้ข้อมูลว่าไม่ทราบสาเหตุของการถล่ม เพียงเห็นว่าเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างประเมินมูลค่าความเสียหาย และรอผลตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เพื่อสรุปสาเหตุที่แท้จริงของการถล่มในครั้งนี้ต่อไป

Chery ผนึก KGEN ปั้นแบรนด์รถยนต์ ‘EV สัญชาติไทย’ หนุนเทคโนโลยี-ชิ้นส่วนในประเทศ ดันไทยสู่ผู้นำยานยนต์อาเซียน

(16 พ.ค. 68) Chery และ Omoda & Jaecoo ภายใต้บริษัท Chery Automobile ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบริษัท คิง เจน จำกัด (มหาชน) หรือ KGEN ในการพัฒนาแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า (EV) สัญชาติไทย โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวง อว., สวทช. และกระทรวงพาณิชย์ มุ่งผลักดันเทคโนโลยี EV และการใช้ชิ้นส่วนในประเทศอย่างเป็นรูปธรรม

ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน โดยเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศ สร้างโอกาสให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานระดับโลก พร้อมชูจุดเด่นด้านคุณภาพ ราคาจับต้องได้ และข้อได้เปรียบทางภาษีจากสถานะ ‘รถยนต์สัญชาติไทย’

ภายในงาน 'Next Era Mobility: TECH DAY' Chery ยังได้เปิดตัวเทคโนโลยีไฮบริดรุ่นใหม่ CHS และ SHS ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5T GDI ประสิทธิภาพความร้อน 44.5% ระบบส่งกำลัง DHT และฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการจัดการพลังงานล้ำสมัย ลดการใช้พลังงานลงสูงสุดถึง 15% และกู้คืนพลังงานจากเบรกได้ถึง 80%

ทั้งนี้ Chery และ Omoda & Jaecoo เตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่หลายรุ่นในปีนี้ ทั้ง JAECOO 5 EV, 6T EV, OMODA C7 SHS และ C9 SHS พร้อมโปรโมชั่นราคาจับต้องได้และการเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ 'Mr.J' เพื่อสร้างการรับรู้ในกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่

สำหรับด้านการผลิต Chery ทุ่มงบกว่า 5,000 ล้านบาท สร้างโรงงานประกอบรถยนต์ในระยอง บนพื้นที่ 104 ไร่ พร้อมเดินสายการผลิตไตรมาส 3 ปี 2568 เริ่มที่ JAECOO 6 EV เป็นรุ่นแรก ตั้งเป้าผลิต 80,000 คันต่อปีภายในปี 2571 เพื่อรองรับทั้งตลาดในประเทศและการส่งออกสู่ตลาดภูมิภาค

หลักฐานมัด ‘ทิดแย้ม’ พัวพันขบวนการฟอกเงินเว็บพนัน ใช้พระมหาโอนเงินเข้าบัญชีสีกา เงินหมุนเวียน 800 ล้าน!!

(16 พ.ค. 68) ‘ทิดแย้ม’ อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พัวพันคดีฟอกเงินเว็บพนัน LAGALAXY911 ร่วมกับสีกาคนสนิท ‘น.ส.อรัญญาวรรณ’ โดยใช้พระมหารูปหนึ่งโอนเงินหลายสิบล้านเข้าสู่บัญชีของหญิงสาวผ่านตู้ฝากเงินอัตโนมัติ ตามคำสั่งของอดีตเจ้าอาวาส

เบื้องต้นพบเส้นทางการเงินโยงไปยัง 3 บริษัทนอมินี ใช้เป็นเครื่องมือฟอกเงินกว่า 800 ล้านบาท ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่เดือน โดยมีการหมุนเงินผ่านบัญชีน.ส.อรัญญาวรรณมากกว่า 180 ล้านบาท ทั้งรับและโอนต่อหลายรอบ รวมถึงบัญชีอื่นที่เชื่อว่าใช้รับผลประโยชน์จากเว็บพนัน

จากการสอบสวนพบคลิปส่วนตัวของ น.ส.อรัญญาวรรณ กำลังอาบน้ำในมือถือของทิดแย้ม รวมถึงคำให้การว่าเคยขอยืมเงินตั้งแต่ปี 2564 โดยครั้งแรกยืมเงินเป็นจำนวนมหาศาลถึง 40 ล้านบาท อ้างว่าจะนำไปลงทุน และมีการปรึกษาผ่านทางวิดีโอคอลมาโดยตลอด ซึ่งมีพระลูกวัดเป็นผู้นำเงินไปฝากแทน

ขณะนี้ พระมหาผู้เกี่ยวข้องได้ลาสิกขาและหลบหนี หลังศาลอาญาออกหมายจับฐานร่วมจัดให้เล่นพนันออนไลน์และฟอกเงิน ตำรวจกำลังเร่งติดตามตัว พร้อมขยายผลความเชื่อมโยงทั้งหมดในเครือข่ายฟอกเงินพนันออนไลน์ดังกล่าว

จเรตำรวจแห่งชาติลงพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 9 กำชับการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมหารือกับทัพเรือภาคที่ 2 ในความร่วมมือปราบปรามการค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และน้ำมันเถื่อน

พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ/ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ/ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศปอส.ตร./ผอ.ศตคม./ผอ.ศปนม.) ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 9 พร้อมคณะ ประกอบด้วย พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , พ.ต.อ.พัลลภ สุภิญโญ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 2 และ พ.ต.อ.กิตติพงศ์ วิเศษสงวน รองผู้บังคับการกองการสอบ 

โดยวานนี้ (15 พฤษภาคม 2568) เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.ธัชชัยฯ ได้ประชุมสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ เพื่อสั่งการและกำชับการปฏิบัติในงานจเรตำรวจ , ศปอส. , ศตคม. และ ศปนม. ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 9 โดยมีรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 , ผู้บังคับการในสังกัดตำรวจภูธรภาค 9 , ผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 4 , ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 6 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา โดยได้กำชับให้ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวทาง 15 นโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยึดหลักธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการทุกระดับ ทำงานโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง สอบถามและตอบสนองความต้องการของคนในพื้นที่ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ประมาท ห้ามเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล ยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมายใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะในทางตรงหรือทางอ้อม

จากนั้นเวลา 14.00 น. พล.ต.อ.ธัชชัยฯ และคณะ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมกับฝ่ายทหาร โดยมี พล.ร.ท.นเรศ วงศ์ตระกูล (รน.) ผบ.ทรภ.2/ผอ.ศรชล.ภาค 2 , พล.ร.ต.ปรีชา รัตนสำเนียง รอง ผบ.ทรภ.2 , พล.ร.ต.โชคชัย เรืองแจ่ม ผบ.ฐท.สข.ทรภ.2 , พล.ร.ต.อิทธิพัทธ์ กวินเฟื่องฟูกุล รอง ผอ.ศรชล.ภาค 2 , พล.ร.ต.มรุเดช บุญนิตย์ ผอ.สน.ฝอ.ศรชล.ภาค 2 , พล.ร.ต.ปนิธาน สิทธิโยธาคาร รองเจ้ากรมกิจการพลเรือน กองทัพเรือ ณ กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 เพื่อหารือใน 3 ประเด็น ได้แก่

1. กรณีการค้ามนุษย์ : ประเทศไทยอยู่ในระดับ tier 2 ถ้ามีการโดนลดระดับจะมีผลในเรื่องการส่งออกของประเทศไทย ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับทัพเรือภาคที่ 2 นอกจากมีการตรวจเรือประมงแล้ว ให้พิจารณาตรวจเรือขนส่งในระยะใกล้ หรือเรือต่าง ๆ ป้องกันเหตุผิดกฎหมาย เหตุการณ์ที่นำเด็กไปล่วงละเมิดทางเพศบนเรือขนส่งในทะเล

2. กรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ : รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าจะใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน โดยในส่วนของทัพเรือภาคที่ 2 ขอให้ประสานในเรื่องการตรวจบุคคลที่ลักลอบเข้าเมืองทางทะเล รวมไปถึงสิ่งของ อุปกรณ์ต่างๆ ที่ไปสนับสนุนในการกระทำของแก๊งคอลเซ็นเตอร์

3. กรณีน้ำมันเถื่อน : ขอให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับกองทัพเรือในการประสานงานทุกมิติในการปฏิบัติงานเรื่องน้ำมันเถื่อน

จากนั้นเวลา 16.00 น. พล.ต.อ.ธัชชัยฯ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมข้าราชการตำรวจ กองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจน้ำ โดยมี พ.ต.อ.วันพิชิต วัฒนศักดิ์มณฑา ผู้กำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจน้ำ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด ให้การต้อนรับ จเรตำรวจแห่งชาติได้กำชับให้ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา และประพฤติอยู่ในระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด

ผบ.ตร. เปิดโครงการสัมมนาการเสริมสร้างจิตสำนึก และเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย (ครู ก ครู ข) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568

(16 พ.ค.68) เวลา 09.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาการเสริมสร้างจิตสำนึก และเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย (ครู ก ครู ข) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 โดยมี พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รองจเรตำรวจแห่งชาติ , พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สิทธิชัย โล่กันภัย ผู้บัญชาการสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ และผู้เข้าร่วมสัมมนาระดับ พล.ต.ต. ขึ้นไป หรือเทียบเท่า จากส่วนป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม 10 หน่วย ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1-9 , ส่วนสนับสนุนการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม 7 หน่วย ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด , กองบัญชาการตำรวจสันติบาล , สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง , กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน , กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี , กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และส่วนการศึกษา 2 หน่วย ได้แก่ กองบัญชาการศึกษา และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รวมจำนวน 185 นาย พร้อมผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เข้าร่วมพิธี ณ สโมสรตำรวจ ถ.วิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร

โครงการสัมมนาการเสริมสร้างจิตสำนึก และเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย (ครู ก ครู ข) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 จัดขึ้นเพื่อปลูกฝังจิตสำนึกผู้สัมมนาให้เกิดความรัก ความหวงแหน พรัอมธำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันหลักของไทย อันได้แก่ สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยมีทัศนคติที่ดี รู้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการถวายความปลอดภัยและการปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ได้เปิดโอกาสให้ผู้สัมมนา พบปะ แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ซึ่งกันและกัน เพื่อสร้างกลไกการปฏิบัติงานร่วมกัน ตลอดจนสามารถนำความรู้ความเข้าใจที่ได้รับไปต่อยอด ขยายผล เพื่อเผยแพร่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทยและสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยได้อย่างถูกต้อง โดยมี นายกองเอก ธารณา คชเสนี วิทยากรประจำศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และนายหมวดไท น้ำเพ็ชร คชเสนี สัตยารักษ์ วิทยากรพิเศษ กอ.รมน.ภาค 2 ร่วมเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้

ทั้งนี้ ผบ.ตร. กล่าวว่า สิ่งที่ผู้ร่วมโครงการทุกท่านจะได้รับในวันนี้ เป็นเรื่องราวและข้อมูลความจริงที่สำคัญ ที่ทุกท่าน ณ ที่นี้ ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วย ทั้งผู้บัญชาการ ผู้บังคับการ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะได้รับฟังเพื่อให้เข้าใจถึงรากเหง้าในความเป็นชาติไทย ความเป็นคนไทย ข้าราชการไทย ที่มีความรักและหวงแหน จงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งประวัติศาสตร์เป็นสิ่งสำคัญที่เกิดขึ้นและถูกร้อยเรียงเรื่องราว ส่งผลมายังสถานการณ์ต่าง ๆ ในปัจจุบัน การได้เรียนรู้ความเชื่อมโยงของอดีตและปัจจุบัน จะช่วยให้ทุกท่านตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งที่บรรพบุรุษของเราได้สั่งสม ปกปักรักษาไว้เพื่อชนรุ่นหลังในปัจจุบัน พร้อมกันนี้ขอให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาเกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ เกิดสำนึกในบุญคุณของพระมหากษัตริย์ไทย และนำไปขยายเผยแพร่กับผู้ใต้บังคับบัญชาและพี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้อย่างถูกต้องต่อไป

ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนผู้ใช้ป้ายทะเบียนรถผิดกฎหมาย ดัดแปลงป้าย เสี่ยงโทษหนัก

(16 พ.ค.68) พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์จราจร ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้พบผู้ขับขี่จำนวนหนึ่งมีการใช้รถที่ติดป้ายทะเบียนไม่ถูกต้อง ดังปรากฏในคลิปวิดิโอที่เผยแพร่ทางสื่อโซเชียล ไม่สามารถมองเห็นชื่อจังหวัดได้ชัดเจน เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้ใช้มาตรการเชิงแนะนำ ว่ากล่าวตักเตือนโดยไม่ดำเนินคดี พร้อมให้ผู้ขับขี่แก้ไขให้ถูกต้อง เพื่อส่งเสริมความเข้าใจ ลดความขัดแย้งบนท้องถนน และยังมีอีกหลายกรณีที่ไม่ถูกต้อง เช่น ตัวอักษรจาง ตัวอักษรเลอะเลือนใช้กรอบป้ายทะเบียนที่บดบังข้อมูลสำคัญ หรือติดตั้งกันชนหน้า/หลัง แล้วปิดบังข้อความบนแผ่นป้ายทะเบียน เป็นต้น

ทั้งนี้ พล.ต.ท.นิธิธรฯ ย้ำว่า การไม่ติดป้ายทะเบียนให้เห็นชัดเจน หรือปล่อยให้เลือนลางจนไม่สามารถอ่านได้ ถือว่าฝ่าฝืนพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 11 มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และหากมีการใช้กรอบป้ายที่บดบังตัวอักษร เข้าข่ายฝ่าฝืนพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 7 มีโทษปรับไม่เกิน 4,000 บาท โดยกฎหมายกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าต้องติดแผ่นป้ายทะเบียนให้สามารถมองเห็นได้โดยสะดวก และต้องไม่มีการปิดบังหรือทำให้แผ่นป้ายชำรุด

อีกกรณีที่น่าเป็นห่วงคือ การปลอมแปลง หรือดัดแปลงป้ายทะเบียน เช่น การใช้ตัวเลขหรืออักษรที่ผิดจากทะเบียนจริง การทำเลียนแบบ หรือการแก้ไขข้อมูล ถือเป็นความผิดร้ายแรงตามกฎหมาย ซึ่งนอกจากจะฝ่าฝืนพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 60 ที่ห้ามมิให้ผู้ใดปลอมแปลงหรือใช้แผ่นป้ายทะเบียนโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว ยังอาจเข้าข่ายความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 ถึง 100,000 บาท และหากมีการใช้เอกสารราชการปลอมดังกล่าว ยังอาจถูกดำเนินคดีเพิ่มตาม มาตรา 268 ฐานใช้เอกสารปลอมอีกด้วย

หากประชาชนพบว่าป้ายทะเบียนรถของตนมีสภาพชำรุด สูญหาย หรือซีดจางไม่ชัดเจน ขอให้รีบดำเนินการขอเปลี่ยนแผ่นป้ายใหม่โดยเร็ว โดยสามารถยื่นคำร้องได้ที่สำนักงานขนส่งประจำจังหวัด หรือสำนักงานขนส่งพื้นที่ใกล้บ้าน พร้อมแนบเอกสาร ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าของรถ ,สำเนาทะเบียนรถ (เล่มทะเบียน) ส่วนกรณีป้ายทะเบียนสูญหาย ต้องมีใบแจ้งความจากสถานีตำรวจแนบประกอบด้วย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวใช้เวลาไม่นาน และเป็นการป้องกันไม่ให้ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมทั้งลดความเสี่ยงหากมีผู้ไม่หวังดีนำป้ายทะเบียนไปใช้ในทางที่ผิด

นอกจากนี้ พล.ต.ท.นิธิธรฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การมีป้ายทะเบียนที่ถูกต้อง ไม่ใช่แค่เรื่องกฎหมาย แต่เป็นเรื่องของความปลอดภัยและความรับผิดชอบต่อสังคม หากรถเกิดอุบัติเหตุหรือหลบหนีการกระทำผิด การอ่านทะเบียนได้ชัดเจนถือเป็นข้อมูลสำคัญในการช่วยเหลือหรือจับกุมผู้กระทำผิด

หากประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนพบเหตุผิดปกติ ต้องการสอบถามเส้นทาง หรือขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถติดต่อสายด่วนตำรวจทางหลวง 1193 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ผอ.ศปป.3 กอ.รมน. เป็นประธานพิธีปิดการอบรมเสริมแกร่งเครือข่ายต้านอาชญากรรมข้ามชาติในพื้นที่ขอนแก่น

ขอนแก่น- เมื่อวานนี้ (15 พ.ค.68) ที่โรงแรมแก่นนคร โฮเต็ล อำเภอเมืองขอนแก่น พลโท ชนินทร์ สิงหนาทนิติรักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 3 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ศปป.3 กอ.รมน.) ได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีปิดการอบรมพัฒนาเครือข่ายเฝ้าระวังและแจ้งเตือนอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13–15 พฤษภาคมที่ผ่านมา

การอบรมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมจำนวน 90 คน ประกอบด้วยสมาชิกอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อผศ.) ผู้นำชุมชน และประชาชนจากพื้นที่ต่าง ๆ ในจังหวัดขอนแก่น โดยมีเป้าหมายหลักในการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และการตระหนักถึงภัยคุกคามจากอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายภาคประชาชนที่สามารถร่วมมือกับภาครัฐในการเฝ้าระวัง วิเคราะห์ และแจ้งเตือนภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พลโท ชนินทร์ กล่าวแสดงความชื่นชมต่อผู้เข้าร่วมทุกคนที่แสดงออกถึงความมุ่งมั่นในการร่วมสร้างความมั่นคงในพื้นที่ พร้อมเน้นย้ำว่า “เครือข่ายภาคประชาชนถือเป็นด่านหน้าในการรับรู้สถานการณ์และแจ้งเตือนภัยในชุมชน หากประชาชนเข้มแข็ง เจ้าหน้าที่รัฐก็สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”

จากการอบรม พบว่าผู้เข้าร่วมมีความรู้ความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน สามารถประยุกต์ใช้ทักษะและองค์ความรู้ในการป้องกันและรับมือกับอาชญากรรมข้ามชาติในพื้นที่ของตนอย่างเหมาะสม ถือเป็นก้าวสำคัญของการสร้าง 'ชุมชนปลอดภัย' ภายใต้ความร่วมมือของทุกภาคส่วน 

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งการโรงพยาบาลตำรวจ ตรวจร่างกาย 'ด.ต.นิสาธิตฯ' อย่างละเอียด หลังพบมีอาการผิดปกติ ตามองไม่ชัด ยืนยันดูแลตำรวจทุกนายเต็มที่

เมื่อวานนี้ (15 พ.ค.68) พล.ต.ต.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า พยาบาล (สบ 6) โรงพยาบาลตำรวจ/โฆษกโรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) โรงพยายาลตำรวจ ตรวจเช็คร่างกายของ 'ด.ต.นิสาธิต คงเทพ' ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 43 อย่างละเอียด ณ โรงพยาบาลตำรวจ ภายหลังถูกทำร้ายร่างกายขณะปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณหน่วยเลือกตั้งที่ 7 หมู่ 2 ตำบลพะวง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เนื่องจากพบว่าผู้ป่วยมีอาการตามองไม่ชัด ปวดบริเวณโหนกแก้มข้างขวา

จากการตรวจโดยทีมแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ พบว่าผู้ป่วยมีอาการฟกช้ำบริเวณหน้าผากขวา รอบดวงตาขวา สะบักหลังขวา ใบหน้าฝั่งขวาดูบวมและไม่สมมาตรกับฝั่งซ้าย กระดูกใต้ตาขวามีลักษณะยุบลง ส่งผลให้การมองเห็นลดลงตั้งแต่วันเกิดเหตุ แพทย์ได้ทำการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ทั้งสมองและกระดูกใบหน้า ผลไม่พบเลือดออกในสมองหรือกระดูกหัก

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจโดยจักษุแพทย์ พบว่ามีเลือดออกในนัยน์ตาดำ จึงให้ยา และแนะนำให้งดกิจกรรมที่อาจทำให้ดวงตาสั่นสะเทือน เช่น การออกแรงหรือกระแทก เนื่องจากเสี่ยงต่อการเลือดออกมากขึ้นหรือจอประสาทตาหลุดลอก นอกจากนี้ แพทย์ยังประเมินว่าผู้ป่วยอาจเผชิญภาวะเครียดหลังประสบเหตุการณ์รุนแรง (PTSD) จึงขอให้เฝ้าระวังอาการ เช่น นอนไม่หลับ วิตกกังวล หรือความเครียด หากมีอาการดังกล่าว สามารถขอรับคำปรึกษาผ่านเพจ “Because Depress We Care” หรือสายด่วน 081-932-0000 ตลอด 24 ชั่วโมง ก่อนอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลกลับไปพักฟื้นที่บ้าน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอยืนยันว่า จะดูแลข้าราชการตำรวจทุกนายอย่างดีที่สุด ทั้งในด้านร่างกาย จิตใจ และสิทธิที่พึงมี เพื่อให้ตำรวจทุกนายปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชนได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยที่สุด

ศูนย์ประชาสัมพันธ์ สื่อสารองค์กร และโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ ขออนุญาตเผยแพร่ภาพและข่าวประชาสัมพันธ์ที่มีภาพบุคคลในกิจกรรมดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบการดูแลอย่างใกล้ชิดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

“ศูนย์กลางข่าวสาร ประสานฉับไว ใส่ใจบริการ เพื่อตำรวจและประชาชน”

ไทยเฉือนจีน 3-2 ทะลุชิงฟุตซอลเอเชีย คว้าตั๋วลุยฟุตซอลโลกครั้งแรก ที่ฟิลิปปินส์

(15 พ.ค. 68) ทีมฟุตซอลหญิงทีมชาติไทย โชว์ฟอร์มสุดแกร่ง เฉือนชนะเจ้าภาพจีน 3-2 ในศึก AFC Women’s Futsal Asian Cup 2025 รอบรองชนะเลิศ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่ผ่านมา คว้าตั๋วลุยฟุตซอลหญิงชิงแชมป์โลก 2025 ที่ฟิลิปปินส์ พร้อมผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศครั้งแรกในประวัติศาสตร์

เกมนี้ไทยต้องเล่นเพียง 4 คนช่วงต้นครึ่งหลัง หลังผู้รักษาประตูโดนใบแดง แต่ยังฮึดสู้ตามตีเสมอ 2-2 ก่อนพลิกแซงนำ 3-2 จากจังหวะยิงของอารียา แซ่เติ๋น บอลแฉลบแนวรับจีนเข้าประตูตัวเอง จบเกมไทยคว้าชัยแบบสุดมัน

โปรแกรมนัดชิงชนะเลิศ ไทยจะพบผู้ชนะระหว่าง ญี่ปุ่น หรือ อิหร่าน ในวันที่ 17 พฤษภาคม เวลา 19.00 น. ถ่ายทอดสดทาง YouTube : AFC Asian Cup 

‘แพรรี่’ โพสต์เหน็บฟาด ‘เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง’ โดนหมายจับ ซัดเก็บค่าที่แพง! นึกว่าบำรุงวัด..ที่แท้เอาไปบำรุงเว็บพนัน

(15 พ.ค. 68) หลังศาลออกหมายจับพระธรรมวชิรานุวัตร เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ฐานยักยอกเงินวัดกว่า 300 ล้านบาทไปเล่นพนันออนไลน์ ล่าสุด แพรรี่ ไพรวัลย์ อดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง โพสต์เดือดผ่านเฟซบุ๊ก “ที่เก็บค่าที่แพง ๆ นี่ นึกว่าเอาไปบำรุงวัด ที่แท้เอาไปบำรุงเว็บหรอคะ” พร้อมเหน็บ “ค่าที่แพงเพราะแทงไม่ถูก”

ชาวเน็ตโยงว่าโพสต์ดังกล่าวน่าจะพาดพิงกรณีดราม่าค่าประมูลพื้นที่ขายของในงานวัดไร่ขิงเมื่อปี 2565 ที่แม่ค้ารายหนึ่งเคยประมูลล็อคขายกาละแมในราคาสูงถึง 1.6 ล้านบาท จนเป็นที่ถกเถียงในโลกออนไลน์ว่าแพงเกินจริง

ซึ่งแม่ค้าชี้แจงในเวลานั้นว่าไม่มีใครบังคับ เป็นราคาที่ตนยอมจ่ายเพราะต้องการทำเลทอง และถือว่าได้ทำบุญ แต่เมื่อมีกระแสข่าวเจ้าอาวาสยักยอกเงิน ชาวเน็ตเริ่มตั้งคำถามถึงความโปร่งใสในการบริหารจัดการเงินวัดอีกครั้ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top