Saturday, 10 May 2025
NEWS FEED

พิษณุโลก แม่ทัพภาคที่ 3 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจุดบริการประชาชน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568

(11 เม.ย.68) เวลา 15.00 นาฬิกา พลโท กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพร้อมมอบสิ่งของสร้างขวัญ และกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ณ จุดบริการประชาชน บริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท.ศรีสุธาออยล์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมี พลตรี ปฐวี ศรีสุข ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 39 และผู้เกี่ยวข้องจากหน่วยงานต่าง ๆ ให้การต้อนรับ

โดยช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้มีวันหยุดราชการติดต่อกันหลายวัน ทำให้มีประชาชนจำนวนมากใช้รถใช้ถนนในการเดินทางสัญจรกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน สูงกว่าช่วงเวลาปกติ จังหวัดพิษณุโลก จึงได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 ขึ้น โดยบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ตำรวจ ทหาร และภาคประชาชน ร่วมปฏิบัติงานตามมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน

โอกาสนี้ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้รับฟังผลการปฏิบัติด้านการป้องกัน และลดอุบัติเหตุทาง ถนนของหน่วยงานต่าง ๆ พร้อมตรวจเยี่ยม การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ณ จุดบริการประชาชนวัดพระยืน ที่หน่วยงานต่างๆในจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้บูรณาการจัดตั้งขึ้น เพื่อบริการและช่วยเหลือประชาชน อำนวยความสะดวก ดูแลความปลอดภัยในการเดินทาง มีการจัดเตรียมยานพาหนะ พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือ สำหรับช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ

นอกจากนี้ แม่ทัพภาคที่ 3 ยังได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน ที่เสียสละในการทำหน้าที่ดูแล และอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน และผู้ใช้เส้นทาง รวมทั้งได้เน้นย้ำเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องให้กวดขัน เรื่องการปฏิบัติตามกฎจราจร

สมุทรปราการ-เทศบาลตำบลแพรกษา สืบสานประเพณีจัดโครงการ 'แพรกษาประสานใจ ห่วงใยผู้สูงอายุ' รดน้ำดำหัวขอพรเนื่องในวันสงกรานต์

เทศบาลตำบลแพรกษา จัดกิจกรรม แพรกษาประสานใจ ห่วงใยผู้สูงอายุ ประจำปี 2568 ณ เทศบาลตำบลแพรกษา ต.แพรกษา อ.เมือง สมุทรปราการ

นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา พร้อมด้วย ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสมุทรปราการ สมัยที่ 25 และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา และนายเมธากุล สุวรรณบุตร ประธานมูลนิธิแพรกษาเพื่อการศึกษา จัดโครงการ แพรกษาประสานใจ ห่วงใยผู้สูงอายุ ประจำปี 2568 

โดยมี นายวรรณวุฒิ มาสุข รองปลัดเทศบาล ปฎิบัติหน้าที่ปลัดเทศบาลตำบลแพรกษา กล่าวรายงานและวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการในครั้งนี้ โดยมี คณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ พนักงาน ตลอดจนกลุ่มผู้สูงอายุจากชุมชนต่างๆ ในเขตพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งทางเทศบาลตำบลแพรกษา จัดให้มีกิจกรรมการประกวดร้องเพลงโดยผู้สูงอายุจากชุมชนต่างๆ ส่งทีมเข้าร่วมแข่งขัน จำนวน 7 ทีมด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีซุ้มอาหารต่างๆ นำอาหารมาแจกจ่ายให้ผู้สูงอายุและผู้ที่เดินทางมาร่วมในงานได้รับประทานฟรีอีกด้วย

จากนั้น นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา พร้อมด้วย ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมัยที่ 25 นายเมธากุล สุวรรณบุตร ประธานมูลนิธิแพรกษาเพื่อการศึกษา นำคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ รดน้ำดำหัวขอพรจากผู้สูงอายุเพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในเทศกาลวันสงกรานต์หรือวันปีใหม่ไทย ประจำปี 2568

โดยทางด้าน นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีฯ กล่าวว่า เทศบาลตำบลแพรกษาให้ความสำคัญในการจัดกิจกรรมให้แก่ผู้สูงอายุ รวมถึงการประกวดความสามารถของผู้สูงอายุ “สูงวัยคอนเทส” เพื่อสนับสนุนผู้สูงอายุในชุมชนได้ร่วมกลุ่มทำกิจกรรมได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันและก่อให้เกิดการสร้างสัมพันธภาพอันดี

ทั้งนี้ ยังเป็นห้วงเวลาใกล้เข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม ซึ่งมีการรถน้ำดำหัวขอพรผู้สูงอายุเพื่อความเป็นสิริมงคล และยังเป็นการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีไทยที่มีมาช้านานให้คงอยู่สืบไป

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ทุ่มงบกว่า 1 ล้านบาท ลงพื้นที่ 'สร้างสุข ใส่ใจ ผู้สูงวัย' ในสถานสงเคราะห์  พร้อมแจกจ่าย 'ชุดของขวัญคลายร้อน' แก่ประชาชนที่สัญจรในช่วงเทศกาลสงกรานต์

ระหว่างวันที่ 9 - 11 เมษายน พ.ศ. 2568 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ส่งความสุข ห่วงใยประชาชนที่สัญจร เดินทางกลับภูมิลำเนา-ท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นการเดินทางในช่วงสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อน - ร้อนมาก รวมถึง ใส่ใจผู้สูงวัยในสถานสงเคราะห์ ฯลฯ จึงมอบหมายให้คณะกรรมการ นำโดย นายสุรพงศ์ เสรฐภักดี กรรมการและรองเหรัญญิก นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ นายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ กรรมการ นายชูเดช เตชะไพบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการ และนายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่ จัดทีมแผนกสาธารณภัย แผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และแผนกบรรเทาสาธารณภัยฯ แผนกอาสาสมัคร ฝ่ายปฏิบัติการ นำโดย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่สถานีขนส่งผู้โดยสารสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (บางซื่อ) สถานีรถไฟนครปฐม และสถานีขนส่งผู้โดยสารเอกมัย แจกจ่ายชุดของขวัญคลายร้อน ประกอบด้วย สเปรย์เย็น แป้งเย็น ยาดม หน้ากากอนามัย พัดสปริงมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และน้ำดื่มตรามูลนิธิฯ บรรจุถุงพลาสติก PVC รวมจำนวน 2,000 ชุด ให้แก่ประชาชนที่เดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 339,000 บาท (สามแสนสามหมื่นเก้าพันบาทถ้วน) ในโครงการ 'ป่อเต็กตึ๊ง คลายร้อน' ครั้งที่ 3 โดยมี อาสาสมัครศิลปิน นำโดย นางสาวอธิชา เทศขำ (เมย์-อธิชา) นายภัทรพล แก้วสกุณี (เค-ภัทรพล) นางสาวพัชรมัย บุญเลิศกุล (แพรว-พัชรมัย) นายขวัญชัย เย็นพายัพ (เจี๊ยวจ๊าว เชิญยิ้ม) นางสาวพิมพ์ลภัส เทียนรุ่งเรือง (นุ้ย) นายกวิน ชาตะวนิช (วิน) ร่วมสร้างความสุขให้กับประชาชน ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่น

พร้อมกันนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ยังได้ลงพื้นที่มอบสิ่งของเครื่องใช้จำเป็น ในโครงการ 'ป่อเต็กตึ๊ง สร้างสุข ใส่ใจ ผู้สูงวัย' ประจำปี 2568 ประกอบด้วย ผ้าอ้อมสำเร็จรูป แผ่นรองซับ น้ำยาฆ่าเชื้อโรค ผงซักฟอก และปิโตรเลียม เจลลี่ (สำหรับผู้ป่วยติดเตียง) ให้แก่ผู้สูงวัยในสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งนนทบุรี จ.นนทบุรี ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุปทุมธานี สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งชายธัญบุรี และสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี จ.ปทุมธานี ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุวาสนะเวศม์ จ.พระนครศรีอยุธยา สถานสงเคราะห์คนชราบ้านธรรมปกรณ์ (วัดม่วง) และสถานสงเคราะห์คนชราบ้านธรรมปกรณ์ (โพธิ์กลาง) จ.นครราชสีมา สถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อลำใยอุปถัมภ์) จ.กาญจนบุรี และสถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์) จ.นครปฐม รวม 10 แห่ง รวมมูลค่าทั้งสิ้น 749,520 บาท (เจ็ดแสนสี่หมื่นเก้าพันห้าร้อยยี่สิบบาทถ้วน) เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้สูงอายุ เนื่องในวันผู้สูงอายุแห่งชาติ ประจำปี 2568

รวมมูลค่าการดำเนินการโครงการ 'ป่อเต็กตึ๊ง คลายร้อน' และ โครงการ 'ป่อเต็กตึ๊ง สร้างสุข ใส่ใจ ผู้สูงวัย' เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2568 เป็นเงินทั้งสิ้น 1,088,520 บาท (หนึ่งล้านแปดหมื่นแปดพันห้าร้อยยี่สิบบาทถ้วน)

เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอให้ทุกท่านเดินทางขับขี่ปลอดภัย ท่องเที่ยวโดยสวัสดิภาพตลอดช่วงเทศกาล ทั้งนี้ หากท่านพบ ประสบเหตุฉุกเฉิน ต้องการความช่วยเหลือ สามารถแจ้งเหตุผ่านสายด่วนและแอปพลิเคชัน ป่อเต็กตึ๊ง 1418 ทุกที่ ทั่วประเทศ ดาวน์โหลดฟรีได้แล้ววันนี้ ทั้งในระบบ Play Store และ App Store 

ติดต่อสอบถาม ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung หรือสายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418

เทคนิคบุรีรัมย์ ล้ำสมัย 'เรียนดี มีความสุข' พร้อมน้อมนำเรียนพลังงาน กับคาร์บอนพร้อมทำจริง ลดค่าไฟ 20-100%

เมื่อวานนี้ (10 เม.ย.68) ณ วิทยาลัยเทคนิคบุรีรัมย์ นายภูวดล มิ่งขวัญ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคบุรีรัมย์ มอบหมายให้ นายสมพร โพธิ์กำเนิด รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ ต้อนรับ คุณประจักษ์ กิตติรัตน์วิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการบริษัทเจริญชัยหม้อแปลง พร้อมคณะ อ.กรอ.อศ 

ได้รับมอบหมายหน้าที่ จากกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา 'เรียนดี มีความสุข' นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาให้ลงพื้นที่สำรวจ และติดตามการขับเคลื่อนนโยบาย ลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าลดพลังงาน ลดคาร์บอน 

โดยวิทยาลัยเทคนิคบุรีรัมย์ พร้อมนำแนวทางสู่การลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้า 20-100% แบบ“ Net Zero สู่ Near Zero by IoT AI “พร้อมนำเทคโนโลยีนวัตกรรมแห่งชาติ (NiA) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ Erdi CMU ในการลดค่าไฟฟ้า ลดคาร์บอน พร้อมการเรียนการสอน สมัยใหม่ ด้านการวิเคราะห์ และ บริหารจัดการพลังงาน แบบ IoT AI Real Time

ขอบคุณข้อมูลเฟสบุ๊ควิทยาลัยเทคนิคบุรีรัมย์พร้อมน้อมนำ พร้อมสู่ 
ลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้า 20-100% แบบ 'Net Zero สู่ Near Zero by IoT AI' พร้อมนำเทคโนโลยี นวัตกรรมแห่งชาติ https://www.facebook.com/share/p/1F1S1DwnRQ/?mibextid=wwXIfr

สมุทรปราการ-แพรกษาใหม่ ร่วมต้อนรับ 'แพทองธาร ชินวัตร' นายกรัฐมนตรี ประธานเผายาเสพติด กว่า 27 ตัน 

เมื่อวานนี้ (10 เม.ย.68) ที่ผ่านมา เทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ภายใต้การอำนวยความสะดวก โดย นายอำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ ร่วมให้การต้อนรับ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ได้เดินทางมาด้วยเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ลงจอดที่หน้าลานอาคารศูนย์งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแพรกษาใหม่ ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง สมุทรปราการ 

ที่จะเดินทางไปเป็นประธานการแถลงผลการดำเนินงานตามปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด Seal Stop Safe ผนึกกำลัง 51 อำเภอชายแดน ในห้วง 2 เดือนแรก (1 กุมภาพันธ์ - 31 มีนาคม 2568) 

โดยเป็นประธานการเผาทำลายยาเสพติดของกลางของสำนักงาน ป.ป.ส. ประจำปี 2568 (ครั้งที่ 2) โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกฝ่ายการเมือง พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  

พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรงรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลเอก ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. นายศิริสุข ยืนหาญ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นายบุญช่วย หอมยามเย็น รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคง พล.ต.ฉกาจ ขันตี รอง ผอ.ศปป.2 กอ.รมน. 

และหัวหน้าส่วนราชการจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพบก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงยุติธรรม เข้าร่วมพิธีเผาทำลายยาเสพติด จำนวนกว่า 27 ตัน ณ บริษัท อัคคีปราการ จำกัด (มหาชน) นิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ 

เชียงใหม่-ท่าอากาศยานเชียงใหม่เสริมมาตรการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568

เมื่อวันที่ (9 เม.ย.68) นาวาอากาศโท รณกร เฉลิมแสนยากร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ เป็นประธานปล่อยแถวเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ณ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เพื่อเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2568 โดยมีคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ หน่วยงานด้านความมั่นคงที่ปฏิบัติงาน ณ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ตลอดจนสายการบินและผู้ประกอบการ เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อเตรียมความพร้อมรับปริมาณผู้โดยสารและเที่ยวบิน ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 

ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ระหว่างวันที่ 11 ถึง 17 เมษายน 2568 มีการเพิ่มเที่ยวบินจำนวน 20 เที่ยวบิน ทั้งหมดเป็นเส้นทางการบินภายในประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้มีเที่ยวบินเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 5 จากช่วงเวลาปกติ และคาดการณ์ว่าจะมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว 20,000 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาปกติประมาณร้อยละ 14 ทั้งนี้ปัจจุบันท่าอากาศยานเชียงใหม่มีเที่ยวบินเฉลี่ยวันละ 177 เที่ยวบิน ผู้โดยสารเฉลี่ยวันละประมาณ 22,000 คน ให้บริการเส้นทางภายในประเทศ 11 เส้นทาง และเส้นทางระหว่างประเทศ 19 เส้นทาง      

ทั้งนี้ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้เตรียมความพร้อมในทุกด้าน ทั้งด้านความปลอดภัย การรักษาความสงบเรียบร้อย และการให้บริการผู้โดยสารอย่างเต็มกำลัง พร้อมจัดกิจกรรมต้อนรับผู้โดยสาร เพื่อสร้างบรรยากาศความเป็นมิตรและความสุขในช่วงเทศกาลปีใหม่ไทย โดยในส่วนของการรักษาความปลอดภัยได้จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่เพิ่มความถี่ในการตระเวนตรวจบริเวณโดยรอบท่าอากาศยานทั้งในเขตการบินและพื้นที่สาธารณะ เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจพื้นที่ด้วยกล้องวงจรปิด และสุ่มตรวจรถยนต์บริเวณทางเข้าก่อนเข้าถึงหน้าอาคารผู้โดยสาร โดยได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคน ปฏิบัติงานด้วยความสุภาพ และปฏิบัติตามขั้นตอนการปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัด 

และยังมีระบบ Traffic Monitoring System จำนวน 16 จุด ที่จะช่วยจัดการด้านการจราจรและเพิ่มความคล่องตัวในการจอดรถเพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น สำหรับการอำนวยความสะดวกได้จัดเจ้าหน้าที่ Airport Help ช่วยดูแลแถวคอย และแนะนำให้ผู้โดยสารใช้บริการระบบเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ (CUSS : Common Use Self Service) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการ ลดระยะเวลาการรอคอยแถว 

นอกจากนี้ยังได้เพิ่มจุดบริการชาร์จแบตเตอรี่มือถือ ครอบคลุมพื้นที่พักคอยทั้งหมด อีกทั้งยังมีพื้นที่จอดรถยนต์และการบริการขนส่งสาธารณะ ทชม.มีบริการอาคารจอดรถ 10 ชั้น รวมกับพื้นที่ลานจอดรถยนต์กลางแจ้ง มีศักยภาพในการรองรับการจอดรถยนต์ได้ประมาณ 2,300 คัน และยังเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้บริการด้วยการจัดพื้นที่จอดรถโดยไม่มีค่าใช้จ่ายบริเวณลานช้างข้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 12 เมษายน 2568 จนถึงเวลา 24.00 น.ของวันที่ 16 เมษายน 2568 เพื่อเป็นของขวัญในเทศกาลปีใหม่ไทยด้วย  

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีประชาชนเดินทางมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ประกอบกับ ทชม.ตั้งอยู่ในเส้นทางเชื่อมต่อกับถนนรอบคูเมือง ซึ่งเป็นบริเวณที่มีประชาชนเดินทางมาเล่นน้ำสงกรานต์เป็นจำนวนมาก อาจส่งผลกระทบต่อการจราจรโดยรอบสนามบิน 

จึงขอแนะนำให้ผู้โดยสารเผื่อเวลาเดินทางมายังท่าอากาศยานเชียงใหม่ล่วงหน้ามากกว่าปกติ เพื่อป้องกันการพลาดเที่ยวบิน และขอความร่วมมือให้ปฏิบัติตามมาตรการจำกัดของเหลว เจล และสเปรย์ที่จะนำขึ้นเครื่องบินอย่างเคร่งครัด เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการผ่านขั้นตอนการตรวจค้น

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียตำรวจ สภ.เมืองเลย ถูกคนร้ายคดียาเสพติดยิงเสียชีวิต พร้อมสั่งเร่งติดตามจับกุมคนร้ายโดยเร็ว

(10 เมษายน 2568) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แสดงความเสียใจและอาลัยต่อการสูญเสียตำรวจกล้า “ร.ต.ต.ไพโรจน์  พรหมอินทร์ รอง สว.(ป.) สภ.เมืองเลย”

จากกรณี วันนี้ เวลาประมาณ 12.00 น. ร.ต.ต.ไพโรจน์ พรหมอินทร์ รอง สว.(ป.) สภ.เมืองเลย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.เมืองเลย ออกทำการสืบสวน ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด บริเวณสวนยางพาราพื้นที่บ้านกอไผ่โทน ต.กกดู่ อ.เมือง จ.เลย ขณะเข้าทำการตรวจสอบ พบผู้ต้องสงสัย 1 คน เมื่อบุคคลดังกล่าวเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้วิ่งหลบหนี โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจวิ่งติดตาม แต่ผู้ต้องสงสัยได้หันกลับมา พร้อมใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถูก ร.ต.ต.ไพโรจน์ฯ ล้มลง แล้วหลบหนีไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามจับกุม ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกส่วนได้เข้ามาดูอาการ ร.ต.ต.ไพโรจน์ฯ พบว่านอนนิ่งไม่ได้สติ จึงโทรแจ้งรถพยาบาลเพื่อเข้าช่วยเหลือ แต่ ร.ต.ต.ไพโรจน์ฯ ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา 

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของ ร.ต.ต.ไพโรจน์ พรหมอินทร์ และขอสดุดีในการทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ มุ่งมั่นปราบปรามยาเสพติดเพื่อความสงบสุขของประชาชนอย่างเต็มกำลัง ทุ่มเท กระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต พร้อมสั่งการดูแลสิทธิประโยชน์และสวัสดิการอย่างเต็มที่ 

พร้อมกันนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.เมืองเลย ที่ปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้ ซึ่งจากการตรวจค้นที่เกิดเหตุ พบของกลาง ยาบ้า 1,000 เม็ด , ปืนลูกซองยาว 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืนอีก 4 นัด และปืนแก๊ปยาวอีก 1 กระบอก จึงได้กำชับให้ พล.ต.ท.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 และ พล.ต.ต.วีระเดช เลขะกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย ลงพื้นที่ควบคุมอำนวยการด้วยตนเอง ให้ติดตามจับกุมผู้ต้องหารายนี้โดยเร็ว ซึ่งล่าสุดพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเลย ขอศาลอนุมัติออกหมายจับ นายบุญเกิดฯ ผู้ต้องหารายนี้แล้ว กำลังเร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี

'สุทธิพงษ์' เผยข้อบกพร่องของโครงการก่อสร้าง สตง. จากลิฟต์ถึงทางเดิน ยันเตรียมเปลี่ยนแผนสร้างสำนักงานใหม่

(10 เม.ย. 68) ที่อาคารรัฐสภา คณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณประชุมเพื่อสอบถามการก่อสร้างอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว โดย สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ประธานการประชุม ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง รวมถึง สุทธิพงษ์ บุญนิธิ รองผู้ว่าสำนักงาน สตง.

สุทธิพงษ์ เปิดเผยว่าเกิดความเข้าใจผิดในโครงการก่อสร้างที่มีบริษัท อิตาเลียนไทยฯ เป็นผู้ชนะการประมูลแท้จริง แต่ผู้ดำเนินการคือ ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 และมีการปรับแก้แบบการก่อสร้างในส่วนลิฟต์และทางเดินที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย

โดยจุดแกนกลางของลิฟต์ (Core Lift) มีการปรับแก้แบบ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีทั้งทางเดินหลักและทางเดินรอง การออกแบบทางเดินหลักต้องมีความกว้าง 2 เมตรตามกฎหมาย

แต่การก่อสร้างและปูกำแพงหินอ่อนเสร็จแล้วจะทำให้พื้นที่ทางเดินหายไปข้างละ 5 เซนติเมตร เหลือความกว้างเพียง 1.90 เมตร ส่วนทางเดินรองเหลือความกว้างเพียง 1.40 เมตร ซึ่งถือว่าผิดกฎหมายการก่อสร้าง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร จึงได้ทำเรื่องให้มีการปรับเปลี่ยนให้เป็นไปตามแบบ โดยมีวุฒิวิศวกรเป็นผู้เซ็นรับรองแบบ

สุทธิพงษ์ ยืนยันว่า “ไม่ว่าจะเป็นคณะของตนเองหรือคณะตรวจรับผู้ควบคุมงาน เราจะทำมากกว่าที่เราตรวจ เพราะถ้าผิดเมื่อไหร่ ทัวร์มันจะลงมากกว่าปกติ มันผิดจรรยาบรรณ” เขายังเสริมด้วยว่า “ถ้าผมจะสร้างบ้านเพื่อให้บ้านล้มทับคนของผม 2,400 คน ผมต้องเอาอำมหิตเบอร์ไหน ถ้าการออกแบบครั้งนี้เกิดจากความเผอเรอ หรือประมาทท่านกำลังจะฆ่าคนนะครับ วิศวกรท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า แผ่นดินไหวไม่เคยฆ่าคน คนออกแบบนี่แหละเป็นคนฆ่าคน”

ทั้งนี้ สตง. ได้จัดทีมตรวจสอบโครงสร้างอาคาร พร้อมขอความร่วมมือจาก องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ACT) เพื่อเพิ่มความโปร่งใสในการบริหารโครงการ นอกจากนี้ยังรายงานการแจ้งประกันภัยวงเงิน 2,136 ล้านบาท เพื่อเยียวยาผู้ประสบภัย พร้อมกับการปรับแผนสร้างสำนักงานใหม่จากตึกสูงเป็นตึกแนวราบที่ดินเช่าจากการไฟฟ้าแห่งประเทศไทย

ผบช.สตม. สั่งการ ตม. ปล่อยแถวพร้อมกันทั่วประเทศ สร้างความเชื่อมั่นเทศกาลสงกรานต์ 68 เตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศวันละ 1.5 แสนคน 

(10 เม.ย.68) เวลา 16.00 น. ที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช. สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2  ปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่การท่าอากาศยาน สั่งการ ตม.ทั่วประเทศปล่อยแถวพร้อมกัน พร้อมอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติและพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ 

พล.ต.ท.ภาณุมาศฯ กล่าวว่า ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเพิ่มมากขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ตนจึงได้สั่งการ ตม.ทั่วประเทศปล่อยแถวบูรณาการร่วมกับส่วนราชการต่างๆ ระดมกวาดล้างอาชญากรรมพร้อมกันทุกจังหวัด เพื่อดูแลความปลอดภัย สร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวที่ดี ส่งเสริมให้การท่องเที่ยวไทยเติบโตอย่างเต็มศักยภาพ โดยได้มอบหมาย รอง ผบช.สตม. ร่วมปล่อยแถวบูรณาการกับส่วนราชการในพื้นที่ จังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ดังนี้

ใจกลางกรุงเทพมหานคร บริเวณท้องสนามหลวง ร่วมกับกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา โดยมี นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธี  ภาคเหนือ ได้มอบหมาย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. ร่วมกับ บก.ตม.5 ที่ อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ จ.เชียงใหม่ ภาคอีสาน พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ รอง ผบช.สตม. ร่วมกับ บก.ตม.4 ที่ สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 จ.นครพนม และ ภาคใต้ พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ รอง ผบช.สตม. ร่วมกับ บก.ตม.6 ที่ด่านพรมแดนสะเดา จ.สงขลา โดยเน้นการสืบสวน หาข่าวในพื้นที่ ดูแลความปลอดภัย สร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ผบช.สตม. กล่าวอีกว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ เป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินเข้ามาเป็นจำนวนมากถึงวันละ 1.5 แสนคน เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยว สตม. จึงต้องเตรียมพร้อมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง สนามบิน บริเวณช่องตรวจทุกระบบ พิจารณาลดขั้นตอนในการตรวจหนังสือเดินทาง เตรียมความพร้อมแก้ปัญหาอาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีผู้มาใช้บริการหนาแน่นมากๆ ประสานความร่วมมือกับบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) และสายการบิน ในการดูแลอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้โดยสารที่ต้องใช้ช่องทางเร่งด่วน หรือ priority ต่างๆ เช่น ผู้พิการ เด็กเล็ก เป็นต้น

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติประชุมตำรวจทั่วประเทศ ขับเคลื่อนมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และการอำนวยความสะดวกการจราจร ช่วงเทศกาลสงกรานต์

(10 เม.ย.68) เวลา 15.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 โดยมี พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ณพวัฒน์ อารยางกูร ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.กฤษฎา สุรเชษฐพงษ์  ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วย ผบ.ตร. และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ศปก.ตร. ชั้น 20 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียน “สงกรานต์ในประเทศไทย” เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นภาพลักษณ์และประเพณีที่ดีงามของไทย ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายได้ตระหนักถึงหน้าที่ การรักษาความปลอดภัย ความสงบเรียบร้อย บรรยากาศที่ดีงาม ในงานประเพณีดังกล่าว จึงกำชับให้ทุกหน่วยดำเนินการ ดังนี้  

1. มาตรการด้านการข่าว และการป้องกันเหตุ : ให้ทุกหน่วยติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ และสถานการณ์ในภาพรวม เพื่อบริหารจัดการมาตรการรักษาความปลอดภัย การบริหารจัดการในพื้นที่ โดยกำชับให้มีการทำแผน ซักซ้อมการปฏิบัติ เน้นการแสดงกำลัง Show of Force ตรวจค้น บังคับใช้กฎหมาย , การละเล่นต่าง ๆ จะต้องไม่เกินเลย ไม่ฝ่าฝืนกฎหมายหรือกระทำใด ๆ ที่ก่อความวุ่นวาย จะต้องจุดชุดปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ ระงับเหตุได้อย่างทันท่วงที ไม่ปล่อยให้เหตุลุกลามบานปลาย จะต้องกำหนดแผนเผชิญเหตุ พื้นที่ทางการแพทย์ กองอำนวยการร่วมในการช่วยเหลือประชาชน เช่น ปฐมพยาบาลเบื้องต้น การช่วยเหลือคนหายพลัดหลง ทรัพย์สินสูญหาย  

2. มาตรการการรักษาความปลอดภัยพื้นที่จัดงาน : เทศกาลสงกรานต์ 2568 นี้ มีสถานที่การจัดงานขนาดใหญ่ทั่วประเทศ จำนวน 71 แห่ง อาทิ ในกรุงเทพมหานคร จำนวน 20 แห่ง เช่น ถนนข้าวสาร , สนามหลวง , ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ , พื้นที่ จ.ชลบุรี 6 แห่ง , จ.เชียงใหม่ 7 แห่ง , จ.ภูเก็ต 2 แห่ง , จ.นครราชสีมา 1 แห่ง กำชับให้ทุกพื้นที่ ทุกหน่วย เตรียมแผนการปฏิบัติและแผนเผชิญเหตุ มาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ต้องชัดเจน มอบหมายผู้รับผิดชอบพื้นที่ให้ชัดเจน มีความเข้าใจบทบาท หน้าที่ สามารถตอบสนองและปฏิบัติได้ จัดเตรียมข้อมูลพื้นที่รับผิดชอบ ซักซ้อมการปฏิบัติ กรณีที่มีผู้เข้าร่วมงานจำนวนมาก จะต้องตัดสินใจในการระงับหรืองดการละเล่น กิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระมัดระวังไม่ให้คนหนาแน่นจนเกิดอันตรายต่อประชาชน , ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ระบบการติดต่อสื่อสาร และเส้นทางหลัก เส้นทางรอง เส้นทางฉุกเฉิน และอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในบริเวณที่จัดงานให้มีการไหลเวียนของยานพาหนะ กำหนดจุดรับ ส่ง จุดจอดรถ โดยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยในบริเวณดังกล่าวด้วย เพื่อป้องกันอาชญากรรมเกี่ยวกับทรัพย์สิน

3. มาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม : กำชับการเปิดสัญญาณไฟวับวาบ การตรวจสอบบุคคล ยานพาหนะต้องสงสัย การตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และผู้บังคับบัญชาตรวจสอบสถานที่ในโครงการ “ตำรวจร่วมใจ ยกระดับความปลอดภัยบ้านประชาชน” (ฝากบ้าน 4.0) ร่วมกับเจ้าหน้าที่สายตรวจ จราจร และฝ่ายสืบสวนด้วย เน้นย้ำทุกพื้นที่ต้องไม่ให้มีการก่อเหตุซ้ำรอยจากการปฏิบัติที่ผ่านมา ผบก. ผกก. หัวหน้า สน./สภ. ต้องดูแลรับผิดชอบในพื้นที่อย่างชัดเจน เตรียมแผนและคัดกรองบุคคลให้ไม่มีอาวุธ หรือสิ่งเทียมอาวุธ อย่างเด็ดขาด 

ห้วงที่ผ่านมา วันที่ 21-30 มีนาคม 2568 ได้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทั่วประเทศ เน้นเป้าหมายการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด และบุคคลตามหมายจับ โดยจับกุมตรวจยึดอาวุธปืนได้ 5,398 กระบอก เครื่องกระสุน 39,069 และบุคคลตามหมายจับ 18,746 ราย และการระดมกวาดล้างอาชญากรรมของ ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ห้วงวันที่ 7-9 เมษายน 2568 จับกุมชาวต่างชาติกระทำผิดกฎหมาย รวม 8,687 ราย

4. มาตรการด้านการจราจร : เส้นทางที่ประชาชนใช้จำนวนมาก จะต้องมีการปรับแผนการเร่งความเร็วรถอย่างต่อเนื่อง เตรียมการพื้นที่พักรถ ประสานสถานีให้บริการน้ำมันเชื้อเพลิง จุดชารท์รถไฟฟ้า และประสานหน่วยงานในการช่วยเหลือรถเสีย ซ่อมแซม ยกรถ ขอคืนพื้นที่การจราจร

ทั้งนี้ ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศในการดูแลการจราจร ซึ่งคาดการณ์ว่าปีนี้จะมีปริมาณรถเข้า-ออกกรุงเทพมหานคร ในช่วงวันที่ 11 - 17 เมษายน 2568 จำนวนมากกว่า 7 ล้านคัน (มากกว่าช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 ที่มีจำนวนประมาณ 6.8 ล้านคัน) โดยคาดว่าประชาชนจะเริ่มเดินทางตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2568 ปริมาณรถที่จะออกมากที่สุดในวันที่ 12 เมษายน 2568 (คาดการณ์ที่ 6.7 แสนคัน) ปริมาณรถที่จะกลับเข้ากรุงเทพมหานครมากที่สุดในวันที่ 16 และ 17 เมษายน 2568 (คาดการณ์วันละ 5.8 แสนคัน) ตั้งเป้าลดจำนวนการเกิดอุบัติเหตุทางถนน จำนวนผู้เสียชีวิต และจำนวนผู้บาดเจ็บ (admit) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับสถิติช่วงเทศกาลสงกรานต์ เฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง โดยเฉพาะช่วงควบคุมเข้มข้น 7 วัน ระหว่างวันที่ 11 – 17 เมษายน 2568

นอกจากนี้ สั่งการให้สำรวจจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ที่มีปัจจัยจากสภาพถนนที่เป็นจุดเสี่ยง เพื่อประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาต่อไป และกำหนดช่องหรือแนวทางเดินรถขึ้นและล่อง และควบคุมหรือห้ามเลี้ยวรถในทางร่วมทางแยกในถนนบางสาย ห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไปเดินรถในบางเส้นทาง พร้อมกำชับการบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก โดยกำหนด 5 เน้นหนัก ได้แก่ เมาแล้วขับ , ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด , ไม่สวมหมวกนิรภัย , ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย , ขับรถย้อนศร และบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดเมาแล้วขับซ้ำภายในสองปีนับแต่วันที่กระทำผิดครั้งแรก และสอบสวนขยายผลกรณีผู้ขับขี่เป็นเด็กหรือเยาวชนด้วย

5. มาตรการด้านการประชาสัมพันธ์ : กำชับโฆษกหน่วย โดยเฉพาะในพื้นที่การจัดงาน หน่วยที่ดูแลภาพรวมการจราจร ได้แก่ กองบังคับการตำรวจจราจร และกองบังคับการตำรวจทางหลวง จะต้องมีการประชาสัมพันธ์เส้นทาง การปฏิบัติตนในพื้นที่การจัดงาน การกระทำที่สุ่มเสี่ยง ฝ่าฝืนกฎหมาย การให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบ การบริหารจัดการพื้นที่ และการประชาสัมพันธ์การทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งให้โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติประสานหน่วยงานช่วยเหลือในการประชาสัมพันธ์ การประชาสัมพันธ์ในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเอื้ออาทรในการใช้ทาง และเตรียมความพร้อมก่อนการเดินทาง

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนต้องการแจ้งเหตุ ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือสอบถามเส้นทางจราจร ได้ที่สายด่วน 191 หรือ 1599 , สายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจร 1197 และสายด่วนกองบังคับการตำรวจทางหลวง 1193 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top