Wednesday, 9 July 2025
NEWS FEED

สมุทรปราการ-เทศบาลตำบลแพรกษา จัดใหญ่!! จัดเต็ม!! นฤมิตสายนที ประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2567

เทศบาลตำบลแพรกษา จัดงาน 'นฤมิตสายนที ประเพณีลอยกระทง' ประจำปี 2567 โดยการสนับสนุนของนาง อรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา และทาง ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ สมัยที่ 25 ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา ร่วมผลักดันและให้การสนับสนุนงานในครั้งนี้

โดยงานนฤมิตสายนที ประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2567 ถูกจัดขึ้นภายในสวนสาธารณะเทศบาลตำบลแพรกษา ต.แพรกษา อ.เมือง สมุทรปราการ บนพื้นที่กว่า 20 ไร่ ภายในงานยังได้รับเกียรติจาก ท่านชยชัย แสงอินทร์ รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน พร้อมด้วย นายสุจินต์ วาจากิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายเฉลิม ประสาททอง ท้องถิ่นจังหวัดสมุทรปราการ 

นายสุขุม นามวิเศษ ผู้พิพากษาอาวุโสประจำศาลจังหวัดพระประแดง นายปรีชา เปล่งผิว อดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ ว่าที่ ร.ต.ลมบล บุญมานะ ผู้อำนวยการโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัยสมุทรปราการ และ นายเมธากุล สุวรรณบุตร สมาชิกสภา อบจ.สมุทรปราการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท S.MILES Group ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ร่วมในงาน นฤมิตสายนที ประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2567

ซึ่งงานดังกล่าวถูกจัดขึ้นเป็นระยะเวลา 3 คืน เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน - 15 พฤศจิกายน 2566 โดยทางเทศบาลตำบลแพรกษาได้จัดให้มีการประกวดธิดาโรงงาน การประกวดหนูน้อยแพรกษา การเดินแบบชุดผ้าไทยจากนักเรียนโรงเรียนมัธยมแพรกษาวิเทศศึกษา (PWS) การแสดงจากน้องๆ หนูๆ โรงเรียนแพรกษาวิเทศศึกษา 

รวมถึงการแสดงจากกลุ่มผู้สูงอายุการแสดงบาสโลป นอกจากนี้ เทศบาลตำบลแพรกษาได้ให้ความสำคัญมุ่งเน้นการอนุรักษ์ผ้าไทยให้ประชาชนสวมใส่ผ้าไทย จัดให้มีกิจกรรมร่วมกันระหว่างกลุ่มผู้สูงอายุ อีกทั้ง การจัดงานในครั้งนี้ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับชุมชน มีการจำหน่ายอาหารจำนวนกว่า 50 ร้านค้า ชมการแสดงจากนักร้องและศิลปินชื่อดัง อาทิ น้ำแข็ง ทิพวรรณ ลำไย ไหทองคำ และ กวาง กมลชนก โดยให้ประชาชนเดินทางเข้ามาชมฟรีตลอดงาน 3 คืนเต็ม ซึ่งในปีนี้มีพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่ รวมถึงพี่น้องประชาชนพื้นที่ใกล้เคียงต่างให้ความสนใจเดินทางมาร่วมงานและร่วมกิจกรรมกับทางเทศบาลตำบลแพรกษาเป็นจำนวนมาก

สมุทรปราการ-วัดบางพลีใหญ่กลาง จัดใหญ่!! งานสืบสานประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2567 

ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ประธานฝ่ายสงฆ์ นำคณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลางประกอบพิธีพิจารณากองผ้าป่าสามัคคีที่ทางญาติโยมได้นำมาถวายให้กับทางวัดบางพลีใหญ่กลาง ประจำปี 2567

ณ บริเวณลานกิจกรรมหน้าวิหารหลวงปู่กิ่ม วัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี สมุทรปราการ โดยนาย ชาติชาย เตรยาวรรณ ประธานฝ่ายฆราวาส จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พระสงฆ์ประกอบพิธีพิจารณากองผ้าป่าสามัคคี พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา จากนั้น ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้นำองค์พระพุทธรูปพระพุทธเมตตามหาลาภ มอบให้กับนายชาติชาย เตรยาวรรณ ในฐานะประธานฝ่ายฆราวาส

ต่อมาท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) พร้อมด้วย คณะไวยาวัจกรวัดบางพลีใหญ่กลาง นำโดย นายฉะโอด รุ่งเรือง อดีตนายก อบต.บางพลีใหญ่ ประธานไวยาวัจกร นายขจิตเวช แก้วน้อย นายอำเภอบางพลี พ.ต.อ. ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย ผกก.สภ.บางพลี ดร.วีร์สุดา รุ่งเรือง นายก อบต.บางพลีใหญ่ 

ร่วมเป็นสักขีพยานในการใส่สลากจับของรางวัล อาทิ ทองคำหนัก 1 บาท และทองคำหนัก 1 สลิง ทีวี ตู้เย็น พักลม จักรยาน รวมถึงของรางวัลใหญ่ๆ อีกหลายรายการ มูลค่านับล้านบาท นำมาจับฉลากภายในงานสอยดาวงานลอยกระทง ประจำปี 2567 ของทางวัดบางพลีใหญ่กลางสร้างความคึกคักและสร้างความฮือฮาแก่ผู้ที่เดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก

ภายในงานยังได้มีการจำหน่ายกระทงประดิษฐ์ โดยคณะนักเรียนและกลุ่มแม่บ้าน อสม. นอกจากนี้ ยังมีการจำหน่ายสินค้าและอาหารให้ประชาชนที่เดินทางมาร่วมงานได้ชิม ช็อป 

อย่างไรก็ตาม เงินที่ได้จากการทำบุญทั้งหมดรวมถึงการจับฉลากสอยดาวในปีนี้ ทางคณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลางจะนำไปเป็นทุนการศึกษาช่วยเหลือเด็กนักเรียน รวมถึงไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการเผาศพไร้ญาติโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

‘กรณ์’ ประทับใจ ได้ไปดู!! ‘ลิซ่า’ โชว์ ชู!! สวย เก่ง เป็นกันเอง ไม่ทิ้งความเป็นไทย

(16 พ.ย. 67) นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เกี่ยวกับ ‘ลิซ่า’ โดยมีใจความว่า ...

เมื่อคืนก่อนประทับใจมากกับการได้ไปดู Lisa ออก mini-concert + fan meet ในงานที่จัดโดย Dentiste

ผมเป็นคนชอบ K-Pop อยู่แล้ว (ในระดับหนึ่ง..) แต่ไม่เคยเป็นแฟน Black Pink ผมไม่คุ้นกับดนตรีที่มีการ choreographed หรือ synthesise มากเกินไป แต่ก็ชอบในพลังและลีลาการเต้น คือเป็นโชว์ที่สนุก แต่ให้เปิดฟังเฉยๆคงไม่ใช่ (เว้น Psy ที่ยังฟังไม่เบื่อ)

แต่กับลิซ่าผมยอมเลย ออร่าการเป็น personality ระดับโลกชัดเจนมาก และไม่ใช่เพียงเพราะสวย เก่ง แต่เป็นเพราะบุคลิกนิสัยที่ทำให้แฟนๆ รู้สึกเป็นกันเองกับเขา ไม่มีอัตตาความเป็น Diva เหมือนนักร้องดังๆ บางคน ลิซ่าอายุเท่ากับลูกสาวผม ผมเลยมองเขาในฐานะผู้เป็นพ่อ และมีความรู้สึกปลื้มใจแทนคุณแม่และพ่อเลี้ยงของลิซ่า บนเวที ลิซ่าเล่าว่าบินเข้าไทยปุ๊บก็รีบดอดไปหาคุณแม่ทันที และมีอีกช่วงที่แฟนๆขอให้เธอเต้นท่าหนึ่ง แต่ลิซ่าปฏิเสธแบบอายๆว่า ’ท่านั้นไม่ได้คะ คืนนี้คุณแม่มาดูด้วย‘ 

ช่วงที่ผมว่าน่ารักที่สุดคือช่วงที่เขาคัดแฟนคลับที่แต่งตัวเด่นๆขึ้นเวที ช่วงนี้ทำให้เห็นว่าทำไมลิซ่าถึงเป็นที่รักของแฟนๆ ลิซ่าสามารถทำให้ทุกคนที่ขึ้นเวทีรู้สึกเป็นบุคคลสำคัญของเธอในช่วงเวลานั้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ 

สุดท้ายคือ ลิซ่าที่ไม่ใช่ ‘ลิซ่า แบลคพิงค์‘ สามารถแสดงออกถึงความเป็นไทยได้อย่างเต็มที่ (ในฐานะนักแสดงอีกด้วย) ตรงนี้มีผลต่อคะแนนนิยมชมชอบประเทศบ้านเกิดของเธออย่างมาก

ขอบคุณ Dentiste อีกครั้งนะครับ นอกจากสินค้าคุณภาพระดับโลกแล้ว การเลือกลิซ่าเป็น presenter แต่แรกๆ สะท้อนวิสัยทัศน์ที่แหลมคมมากของผู้ตัดสินใจ

'ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ' ตรวจการดูแลความปลอดภัยบริเวณพื้นที่จัดงานลอยกระทงริมแม่น้ำเจ้าพระยา ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

(15 พ.ย.67) เวลา 17.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางตรวจความพร้อมในด้านการรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยวในเทศกาลประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2567 พร้อมด้วย พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล , พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล , พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ , พ.ต.อ.ศราวุฒิ ลิจฉวีราช รองผู้บังคับการตำรวจน้ำ และคณะ ร่วมลงเรือตรวจการณ์ ตรวจความเรียบร้อยการดูแลพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ร่วมงานลอยกระทงตามสถานที่จัดงานริมน้ำ

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะ ตรวจความพร้อมการดูแลความปลอดภัยพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาร่วมงานลอยกระทงที่เอเชียทีค ก่อนลงเรือตรวจการณ์ กองบังคับการตำรวจน้ำ ที่บริเวณท่าเรือเอเชียทีค ริเวอร์ฟร้อนท์ ตรวจความพร้อมตลอดแม่น้ำเจ้าพระยา ไปยังสถานที่จัดงานลอยกระทงที่ไอคอนสยาม และท่าน้ำรัฐสภา (เกียกกาย) จากนั้นเดินทางไปยังวัดเสมียนนารี พระอารามหลวง ถ.กำแพงเพชร 6 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร เพื่อตรวจความเรียบร้อยการดูแลความปลอดภัยบริเวณพื้นที่จัดงานประเพณีลอยกระทง

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า วันนี้ได้ลงเรือตรวจการณ์พร้อมด้วยตำรวจนครบาล ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจน้ำ และตรวจความเรียบร้อยบริเวณสถานที่จัดงานลอยกระทง พบว่ามีพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางมาร่วมงานลอยกระทงตามสถานที่จัดงานต่าง ๆ จำนวนมาก ได้กำชับตำรวจว่าวันนี้เป็นโอกาสดีอีกหนึ่งโอกาสในการดูแลพี่น้องประชาชน ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดทำแผนไว้แล้ว และกำชับให้ตำรวจบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในการดูแลพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว ให้ร่วมงานประเพณีลอยกระทงด้วยความสุขและปลอดภัย สำหรับภาพรวมการดูแลความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัยในสถานที่จัดงานลอยกระทงในวันนี้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย 

‘Vitalik Buterin’ ผู้ก่อตั้งเหรียญคริปโต Ethereum โผล่โหนรถไฟฟ้าที่ไทย หลังเข้าร่วมงานที่ศูนย์สิริกิติ์

เมื่อวันที่ (13 พ.ย.67 ) เพจ Stocker Day ได้สร้างกระแสฮือฮาบนโลกโซเชียล หลังจากโพสต์ภาพและข้อความที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Vitalik Buterin ผู้ก่อตั้ง Ethereum ซึ่งเป็นหนึ่งในเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีที่มีมูลค่าตลาดสูงถึงกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์ หรือ ประมาณ 10 ล้านล้านบาท โดยในโพสต์ระบุว่า มีผู้พบเห็น Vitalik กำลังโดยสารรถไฟฟ้า BTS ในกรุงเทพฯ หลังมาร่วมงาน DevCon 7 ที่ ศูนย์สิริกิติ์ โดยระบุข้อความว่า

“มีคนเจอ Vitalik Buterin ผู้ก่อตั้ง Ethereum อยู่บน BTS ถ้าไม่รู้จักมาก่อน ก็คงไม่รู้นะว่านี่คือ founder ของเหรียญคริปโตมูลค่าตลาดกว่า $300B ติดดินเว่ออ ปล. เสื้อแกก็น่ารักเกินนน”

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ Vitalik Buterin เลือกเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ โดยก่อนหน้านี้ เคยมีภาพของ  Vitalik Buterin ที่มีชาวเน็ตพบเห็นว่า เขากำลังนั่งรอขึ้นรถไฟฟ้า MRT ที่สถานีรถไฟฟ้า MRT King Albert Park ในประเทศสิงคโปร์ 

เป็นที่น่าสังเกตว่า Vitalik Buterin มีวิถีชีวิตและการเดินทางที่เรียบง่าย ซึ่งมักจะมีคนพบเห็นเขาเดินทางโดยใช้ในระบบขนส่งสาธารณะ แม้เขาจะเป็นมหาเศรษฐีอายุน้อยที่มีทรัพย์สินมหาศาล แต่ยังคงมีสไตล์การใช้ชีวิตที่ไม่หรูหราจนเกินไป

Vitalik Buterin มักสวมเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นแบบสบาย ๆ ซึ่งทำให้เขาดูเป็นกันเองและเข้าถึงง่าย เป็นภาพที่ตรงกันข้ามกับภาพลักษณ์ของมหาเศรษฐีส่วนใหญ่

อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยได้แสดงความเป็นห่วงต่อความปลอดภัยของ Vitalik Buterin ผู้ก่อตั้ง Ethereum โดยกังวลว่า การเดินทางด้วยรถสาธารณะในลักษณะนี้ อาจทำให้เขาตกเป็นเป้าหมายของผู้ไม่หวังดีได้ หลายคนชี้ว่า หากข้อมูลส่วนตัวหรือทรัพย์สินดิจิทัลของเขาถูกชิงไป เช่น กระเป๋าเงินคริปโต (Crypto Wallet) ที่มักใช้เก็บสินทรัพย์คริปโตมูลค่ามหาศาล อาจก่อให้เกิดความเสียหายทั้งส่วนตัวและวงกว้างในโลกคริปโต

พบซากพะยูนถูกตัดหัว ลอยในทะเลภูเก็ต คาดถูกนำไปทำเครื่องรางตามความเชื่อ

โลกออนไลน์แห่แชร์ภาพสุดสะเทือนใจ พบซากพะยูนถูกตัดหัวอยู่บริเวณใกล้ท่าเทียบเรือบ้านบางโรง อ.ถลาง จ.ภูเก็ต คาดถูกนำไปทำเครื่องรางของขลังตามความเชื่อ

เมื่อวันที่ (14 พ.ย. 67) มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Theerasak Saksritawee' ได้โพสต์ภาพสุดสะเทือนใจพบซากพะยูนตายลอยขึ้นอืดถูกตัดหัวขาด อยู่บริเวณใกล้ท่าเทียบเรือบ้านบางโรง ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งคาดว่าการตัดหัวพะยูนนั้นต้องการเขี้ยว เพื่อนำไปทำเครื่องรางของขลังตามความเชื่อ

โดยผู้โพสต์ระบุข้อความว่า "เกิดขึ้นจริงๆ แล้ว กับซากพะยูนไร้หัว ท่าเรือบางโรง ภูเก็ต (14/11/2024) !!!! ต้องจริงจังเต็มกำลังกับเรื่องนี้แล้วสิ !!!!

ขอความร่วมมือหลายๆ อย่างจากทุก ๆ คน ช่วยเป็นหูเป็นตาสอดส่องช่วยดูแลพวกเขาให้ปลอดภัยด้วย ใครอยากมาช่วยเป็นอาสาสมัครนักวิทยาศาสตร์พลเรือนก็สามารถติดต่อมาร่วมงานกันได้ และตอนนี้ถ้าเป็นไปได้อยากให้ลดผลกระทบต่อพวกเขาให้มากที่สุดเพราะสถานการณ์ถึงขั้นวิกฤติ จึงอยากขอความร่วมมือละเว้นการลอยกระทงลงทะเล"

อย่างไรก็ตาม มีชาวเน็ตแห่คอมเมนต์สุดเศร้ากันเป็นจำนวนมาก เช่น ปกติไม่แช่งใครเลย แต่อันนี้ขอสาปแช่งคนทำ สิ่งใดทำลงไปขอให้ได้รับผลกรรมนั้นเหมือนกัน, สงสารน้องจับใจค่ะ ความเชื่อบ้าๆ บอๆ แต่ทำลายอีกชีวิต, ความเชื่อที่งมงายและโง่เขลา มาเบียดเบียนสัตว์ น่าสงสารพะยูนมากค่ะ

หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ให้การต้อนรับคณะสโมสรไลออนส์สากล เข้าเยี่ยมชมศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ  

เมื่อวานนี้ (14 พ.ย.67) นาวาเอก วิวัฒน์ ขวัญสูงเนิน รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เป็นผู้แทน ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ให้การต้อนรับ คณะสโมสรไลออนส์สากลที่นำคณะผู้เข้าร่วมการประชุมไลออนส์สากล ภาคพื้นเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

โดยมีกิจกรรมเข้าฟังบรรยายงานอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ ชมบ่ออนุบาลเต่าทะเล เยี่ยมชมโรงพยาบาลเต่าทะเล ร่วมปล่อยเต่าทะเลคืนสู่ธรรมชาติ ณ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

มูลนิธินักศึกษาพระปกเกล้าฯ และกลุ่ม SEED Thailand ร่วมหารือ ‘นายกสมาคมมิตรภาพจีน-ไทย’ ถึงความร่วมมือในอนาคต

มูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคมและเยาวชน SEED Thailand ให้การต้อนรับนายกสมาคมมิตรภาพจีน-ไทย พร้อมคณะ

เมื่อวานนี้ (14 พ.ย.67) มูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม โดยศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม นายกรรณภว์ ธนภรรคภวิน ที่ปรึกษามูลนิธิฯ และ ดร.ดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วยเครือข่ายเยาวชน SEED Thailand ให้การต้อนรับ Mr. Yang Wanming นายกสมาคมมิตรภาพจีนไทย และคณะ ในโอกาสหารือพูดคุยการดำเนินงานด้านเยาวชนระหว่างประเทศไทยและจีนร่วมกันในอนาคต เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-จีน

ในการนี้ Mr.Yang Wanming ได้กล่าวทักทายผู้บริหารมูลนิธิฯ และตัวแทนเยาวชน SEED Thailand ที่ให้การต้อนรับ ว่า “การทำงานของสมาคมให้ความสำคัญในด้านวัฒนธรรม เศรษฐกิจและการศึกษา แต่หน้าที่หลักที่สำคัญคือการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเยาวชนในประเทศจีน และต่างประเทศ ให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์ระหว่างเยาวชนกับต่างประเทศ ต้องมีการดำเนินกิจกรรมร่วมกันให้ต่อเนื่องจึงจะประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ เนื่องด้วยเยาวชน SEED Thailand และมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้า ได้มีการจัดโครงการศึกษาดูงาน ณ ประเทศจีนอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลา 2 ปี Mr.Yang Wanming ยืนยันว่ารัฐบาลจีนยินดีให้การสนับสนุนการศึกษาดูงานของเยาวชนไทยอย่างต่อเนื่องทุกปี” 

ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร. บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม ได้หารือถึงประเด็นการต่อยอดการศึกษาของเยาวชนไทยและจีน โดยเฉพาะการนำองค์ความรู้ของจีน หลักแนวคิดต่าง ๆ มาปลูกฝังเยาวชนให้เกิดการต่อยอดในทุกด้าน นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้สถาบันการศึกษาของประเทศจีนร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในประเทศไทย ร่วมมือกันพัฒนาสถานที่การเรียนรู้ในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในประเทศไทยอีกด้วย เพราะการศึกษาเป็นเสมือนสิ่งสำคัญที่สุดของเยาวชน ดังนั้นจึงต้องมีการสนับสนุนเยาวชนให้มีการศึกษาในทุกระดับ 

จุดมุ่งหมายของการหารือในวันนี้เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านต่าง ๆ ระหว่างเยาวชนไทยและจีนในอนาคต และการที่เยาวชนไทยเดินทางไปศึกษาดูงานในประเทศจีน ทำให้เกิดการเรียนรู้วัฒนธรรมจีนที่ถูกต้อง รู้จักความเป็นอยู่ของประชาชนในทุกระดับ ปัจจุบันประเทศจีนมีความพร้อมด้านการศึกษา วัฒนธรรม เทคโนโลยี การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำ จีนพร้อมต้อนรับเยาวชนจากเครือข่ายเยาวชน SEED Thailand ในอนาคต และมุ่งหวังว่ามูลนิธินักศึกษาพระปกเกล้าเพื่อสังคมจะร่วมสร้างกิจกรรมแลกเปลี่ยนระหว่างเยาวชนไทยและจีนอย่างต่อเนื่อง โดยทางสมาคมฯ พร้อมให้การสนับสนุน

ทั้งนี้ มูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม และเครือข่ายเยาวชน SEED Thailand ระบุถึงความยินดีที่จะร่วมการดำเนินงานสนับสนุนเยาวชนร่วมกับสมาคมจีน-ไทยในอนาคต เยาวชนของทั้ง 2 ประเทศ จะดำเนินการร่วมกันในช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูต 50 ปี ในปีที่จะถึงนี้ และเยาวชนของเครือข่าย SEED Thailand ที่ได้ไปศึกษาดูงาน ณ ประเทศจีนทั้ง 2 ปีที่ผ่านมา จะนำองค์ความรู้ที่ได้ไปศึกษามาต่อยอดการทำงานเพื่อพัฒนาบ้านเกิด ประเทศชาติของตัวเองต่อไป

สมรสเท่าเทียม ดันท่องเที่ยวไทย GDPโตอีก 0.3%

(15 พ.ย. 67) งานวิจัยจาก อโกด้า แพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการท่องเที่ยว ระบุว่า การบังคับใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมในไทยจะช่วยเพิ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ถึง 4 ล้านคนต่อปี และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ภายใน 2 ปีหลังจากกฎหมายมีผลบังคับใช้ โดยส่งผลให้ GDP ของไทยเติบโตขึ้น 0.3%

งานวิจัยนี้ ซึ่งจัดทำโดย อโกด้าร่วมกับบริษัท Access Partnership ได้ประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการบังคับใช้กฎหมายสมรสเพศเดียวกัน ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 22 มกราคม 2568 โดยไทยจะเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการรับรองกฎหมายนี้ และเป็นประเทศที่สามในเอเชีย รองจากไต้หวันในปี 2562 และเนปาลในปีที่แล้ว กฎหมายดังกล่าวจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว LGBTQIA+ จากทั่วโลก ซึ่งมีมูลค่าตลาดกว่า 200 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี

รายงานยังคาดการณ์ถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่กระจายไปยังหลายภาคส่วน โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 4 ล้านคนต่อปีใน 2 ปี ซึ่งจะนำมาซึ่งผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจหลายด้าน เช่น

เพิ่มรายรับจากการท่องเที่ยวประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยกระจายไปยังหลายภาคส่วน เช่น การจองที่พัก 0.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ, การบริการอาหารและเครื่องดื่ม 0.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ, การจับจ่ายซื้อสินค้า 0.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ, การเดินทางภายในประเทศ 0.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และอีก 0.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น ความบันเทิงและการแพทย์

สนับสนุนการสร้างงานเพิ่มขึ้น 152,000 ตำแหน่ง โดย 76,000 ตำแหน่งจะเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และอีก 76,000 ตำแหน่งจะกระจายไปยังภาคส่วนอื่น ๆ ของเศรษฐกิจ ผลักดัน GDP ของไทยให้เติบโตขึ้น 0.3%

แม้ว่าประเทศไทยจะเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมระดับโลกอยู่แล้ว การออกกฎหมายสมรสเท่าเทียมในครั้งนี้จะเพิ่มความน่าสนใจของไทยในสายตานักท่องเที่ยว LGBTQIA+ ที่มองหาจุดหมายที่เปิดกว้างและต้อนรับทุกคน โดยเฉพาะในยุคที่นักท่องเที่ยวให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายและเปิดกว้างมากขึ้น

เนื่องจากไทยจะเป็นประเทศที่สามในเอเชียที่มีการบังคับใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียม กฎหมายนี้จะทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวสำหรับคู่รัก LGBTQIA+ จากประเทศเพื่อนบ้านที่ต้องการเฉลิมฉลองการแต่งงานในประเทศที่ยอมรับการสมรสเพศเดียวกัน หลายเมืองในไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการแต่งงาน ไม่ว่าจะเป็นด้านสถานที่สวยงามหรือความพร้อมในการบริการต่าง ๆ กฎหมายนี้จะกระตุ้นการเติบโตในอุตสาหกรรมงานแต่งงานและส่งผลดีต่อธุรกิจต่าง ๆ เช่น โรงแรม บริการจัดเลี้ยง และอุตสาหกรรมบันเทิง

ปิติโชค จุลภมรศรี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดของอโกด้า และผู้สนับสนุนกลุ่ม Agoda Pride กล่าวว่า “อโกด้าสนับสนุนชาว LGBTQIA+ มาตลอดทั้งในหมู่พนักงานและผู้ใช้บริการแพลตฟอร์มของเรา ปีนี้เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมมือและสนับสนุน Bangkok Pride Parade 2024 ด้วยงานวิจัยชิ้นนี้ เราต้องการเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของความหลากหลายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสะท้อนถึงคุณค่าที่เกิดจากการยอมรับความแตกต่างในสังคม”

จากการพูดคุยกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมและผู้จัดงาน Bangkok Pride งานวิจัยเผยให้เห็นถึงโอกาสสำคัญที่กฎหมายจะนำมา เช่น งาน WorldPride ที่ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว LGBTQIA+ ได้มหาศาล

ปิติโชคกล่าวเสริมว่า “การประกาศใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมถือเป็นก้าวสำคัญของไทย ทั้งในด้านการส่งเสริมสิทธิที่เท่าเทียมและการตอกย้ำภาพลักษณ์ของไทยในฐานะจุดหมายปลายทางที่เปิดกว้างและปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคน” วาดดาว ชุมาพร ประธานและผู้ก่อตั้งบางกอกนฤมิตรไพรด์ กล่าวเสริมว่า “การยอมรับความหลากหลายและการรับรองสิทธิในการสมรสของคู่รักทุกคู่สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทผู้นำของไทยในการส่งเสริมความเท่าเทียมและศักดิ์ศรีของมนุษย์”

'ยูเนสโก' ยก ‘สุวรรณภูมิ’ ติดอันดับ 1 ใน 6 สนามบินสวยที่สุดในโลก ประจำปี 2024

(15 พ.ย. 67) 'สุริยะ' ปลื้ม! 'ยูเนสโก' ยกย่อง 'ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ' ติดอันดับ 1 ใน 6 สนามบินสวยที่สุดในโลก ประจำปี 2567 ด้าน 'อาคาร SAT-1' สุดปัง! ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสถาปัตยกรรมสวยที่สุดของโลก โชว์ความโดดเด่นด้านความงาม-ความคิดสร้างสรรค์ ชูอัตลักษณ์ความเป็นไทย ลุ้นประกาศผล 2 ธ.ค.นี้

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ปัจจุบันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ภายใต้การบริหารงานของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้รับการยกย่องจากองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก (UNESCO) ให้ติดอันดับ 1 ใน 6 สนามบินที่สวยที่สุดในโลกประจำปี 2567 (The World’s most beautiful List 2024)

ทั้งนี้ ล่าสุดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยังได้ถูกเสนอชื่อเข้ารับรางวัล Prix Versailles หมวดหมู่สนามบิน จากคณะกรรมการ The Prix Versailles Selection Committee ซึ่งร่วมกับ UNESCO โดยจะมีการประกาศผลอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 2 ธันวาคม 2567 ณ สำนักงานใหญ่ UNESCO กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยเกณฑ์การให้คะแนนการออกแบบสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นในด้านความงาม ทั้งภายนอก และภายในอาคาร ประกอบด้วย ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม ที่ผสมผสานกับบริบททางสังคมและสิ่งแวดล้อม

สำหรับอาคาร SAT-1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น เป็นอาคารสูง 4 ชั้น และชั้นใต้ดิน 2 ชั้น มีพื้นที่ 216,000 ตารางเมตร มีประตูทางออกเชื่อมต่อกับหลุมจอดประชิดอาคาร (Contact Gate) จำนวน 28 หลุมจอด ถือว่ามีความโดดเด่นด้านสถาปัตยกรรม การออกแบบ การสร้างประสบการณ์ให้ผู้โดยสาร รวมทั้งให้ความสำคัญต่อความยั่งยืนทางวัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการถ่ายทอดความวิจิตรของเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ไทย สร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศ

นอกจากนี้ ทอท.ยังได้มีการออกแบบที่สวยงาม โดยนำจุดแข็งทางวัฒนธรรมมานำเสนอ ประกอบกับการตกแต่งภายในอาคารเป็นแบบผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมกับศิลปะที่สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทยให้กลมกลืนไปกับโครงสร้างอาคารที่ทันสมัย ครอบคลุมทั้งประวัติศาสตร์ อัตลักษณ์ และวิถีชีวิต โดยมีผลงานการตกแต่งประติมากรรมชิ้นเอกเป็นช้างคชสาร ตั้งอยู่บริเวณโถงกลางของชั้น 3 ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับผู้โดยสารขาออก

ขณะเดียวกัน ภายในชั้น 3 ของอาคารฯ ได้รับการออกแบบให้เป็นสวนตกแต่งด้วยสัตว์หิมพานต์ตามคติความเชื่อไทยแต่โบราณ เช่น กินนร กินรี เหมราช และหงสา ส่วนชั้น 2 ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับผู้โดยสารขาเข้า ได้ออกแบบเป็นสวนสัญจรที่จัดแสดงงานภูมิทัศน์ผสมผสานกับศิลปวัฒนธรรมของไทย เช่น หุ่นละครเล็ก หนังใหญ่ หัวโขน และว่าวไทย เป็นต้น

ในส่วนปลายอาคารทั้ง 2 ด้าน คือ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ติดตั้งสุวรรณบุษบก และรัตนบุษบก ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานองค์พระพุทธปฏิมา ปางมารวิชัย และปางเปิดโลก โดยถอดแบบมาจากวัดผาซ่อนแก้ว เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อสถานที่ ขณะที่ ห้องน้ำ ได้เสนออัตลักษณ์อันงดงามของแต่ละภาค มีภาพจิตรกรรม 4 ภาคของไทย ไปจนถึงประเพณีวัฒนธรรมของไทยมาใช้ออกแบบรูปลักษณ์ภายใน อีกทั้ง สุขภัณฑ์ทั้งหมดยังใช้ระบบอัตโนมัติ เพื่อช่วยในการประหยัดน้ำอีกด้วย

สำหรับ 6 สนามบินที่เว็บไซต์ www.prix-versailles.com ได้ประกาศ 6 สนามบินที่สวยที่สุดในโลกประจำปี 2567 ได้แก่ 1. อาคาร SAT-1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย 2. อาคารผู้โดยสาร E ท่าอากาศยานนานาชาติโลแกน (Logan International Airport) สหรัฐอเมริกา 3. อาคารผู้โดยสารที่ 2 ท่าอากาศยานชางงี (Changi Airport) ประเทศสิงคโปร์ 4. ท่าอากาศยานนานาชาติซายิด (Zayed International Airport) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 5. ท่าอากาศยานนานาชาติเฟลิเป แองเจเลส (Felipe Ángeles International Airport) ประเทศเม็กซิโก และ 6. ท่าอากาศยานนานาชาติแคนซัสซิตี้ (Kansas City International Airport) สหรัฐอเมริกา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top