Tuesday, 24 June 2025
NEWS FEED

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ปันความสุขสู่ภูมิภาค.. ยกทัพอาสาสมัครศิลปิน และของรางวัลหลากหลายรายการ จัดคาราวานป่อเต็กตึ๊ง ปันความสุข ให้ชุมชน” มอบความสุขให้แก่ชาวสมุทรสาคร

(7 มิ.ย. 68) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ และนายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ จัด “คาราวาน ป่อเต็กตึ๊ง ปันความสุข ให้ชุมชน” ครั้งที่ 6 ยกทัพอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง รวมถึงอาสาสมัครศิลปิน อาทิ นายธวัชชัย คชาอนันต์ (แฮ็ค ชวนชื่น) นางสาวอธิชา เทศขำ (เมย์-อธิชา) นายขวัญชัย เย็นพายัพ (เจี๊ยวจ๊าว เชิญยิ้ม) นายสมบูรณ์ จุลมุสิก (ทศพล หิมพานต์) นายรัชต์พงษ์ ทองทับ (น้าทูล) นายสัญญา วงพรนารายณ์  (เก่ง) นายสดใส โรจนวิชัย นางสาวกฤษณา แซ่โค้ว (กุง) มุ่งสู่จังหวัดสมุทรสาคร มอบความสุข พร้อมจัดกิจกรรมแจกของขวัญ และของรางวัลสุดพิเศษ นอกจากนี้ ยังได้จัดบริการด้านการแพทย์ฟรีจากหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชนมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง กิจกรรมนันทนาการร่วมสนุกรับของรางวัล และกิจกรรมเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตจากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และหน่วยงานในเครือ ได้แก่ โรงพยาบาลหัวเฉียว คลินิกการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว (คลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว) และมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ อาทิ การตรวจรักษาโรคทั่วไป แจกจ่ายยา ตรวจและแจกแว่นสายตา ตัดผม การเจาะเลือด เพื่อตรวจการทำงานของตับ ไต ไขมันในเส้นเลือด น้ำตาลในเลือด และเก๊าท์เบื้องต้น ฯลฯ รวมทั้งจัดบูธแจกจ่ายอาหาร เครื่องดื่ม และขนม ให้กับชาวสมุทรสาคร โดยมี นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานในพิธี นายอุดม สมพร้อม ผู้อำนวยการโรงเรียนสมุทรสาครวิทยาลัย คณะมูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร แขกผู้มีเกียรติ และชาวสมุทรสาคร ร่วมในพิธี โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนานและอิ่มเอมใจ ณ โรงเรียนสมุทรสาครวิทยาลัย จังหวัดสมุทรสาคร

ตลอดระยะเวลาวิกฤตกาลแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ผ่านมาประชาชนต้องผ่านสถานการณ์ที่ทุกข์ยาก และได้รับผลกระทบในการดำรงชีวิตอย่างยากลำบาก เมื่อสถานการณ์ได้เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จึงตระหนักในหน้าที่ ที่จะต้องสร้างความสุข สร้างขวัญกำลังใจแก่ประชาชนในชุมชนต่างๆ ซึ่ง “คาราวาน ป่อเต็กตึ๊ง ปันความสุข ให้ชุมชน” ครั้งที่ 6 มูลนิธิฯ ได้ขยายโครงการสู่ภูมิภาคเป็นครั้งแรก โดยมูลนิธิฯ ยึดมั่นการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขโดยไม่แบ่งแยกชนชั้น เชื้อชาติ วรรณะ และศาสนา ตามหลักปณิธาน “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” ที่มูลนิธิฯ ได้ดำเนินการมากว่า 115 ปี

ติดต่อสอบถาม ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

#ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต#
#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี บำรุงขวัญและตรวจความพร้อมกำลังพล อาวุธ ยุทโธปกรณ์ แผนปฏิบัติการ รับฟังการบรรยายสรุป 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันมีความพร้อมในทุกด้าน

เมื่อวานนี้ (6 มิ.ย. 68) เวลา 08.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปประชุมติดตามสถานการณ์และตรวจเยี่ยมความพร้อมกำลังพลในพื้นที่ ณ ห้องประชุมสุขวิมล กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 22 กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี โดยมี พล.ต.ท.นิตินัย หลังยาหน่าย ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน , พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 , พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รองผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน , พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล , พล.ต.ต.ประสงค์ เรืองเดช รองจเรตำรวจ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมด้วยผู้บังคับการ และผู้กำกับการ ในพื้นที่ และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม 

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ได้กำชับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในจังหวัดชายแดน โดยเฉพาะตำรวจพื้นที่ , ตำรวจทางหลวง , ตำรวจน้ำ , ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัด และตำรวจสันติบาล จะต้องติดตามสถานการณ์ด้านการข่าวอย่างใกล้ชิด ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง บังคับใช้กฎหมายให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติรับฟังการป้องกันสถานที่ราชการ สถานีตำรวจต่าง ๆ การตั้งรับและรั้งหน่วง , แผนการถอยร่นและช่วยเหลือประชาชน , แผนการอพยพ หลุมหลบภัย บังเกอร์ และเส้นทางในพื้นที่ โรงพยาบาลทางการแพทย์ และแผนการปฏิบัติส่วนหลังของแต่ละจังหวัด พร้อมกำชับให้ทุกหน่วยซักซ้อมแผนการปฏิบัติ ทั้งการซักซ้อมในการควบคุมสั่งการ การซ้อมปฏิบัติบนโต๊ะ (TTX) และการปฏิบัติเสมือนจริงในพื้นที่กับจังหวัด และกองกำลังทหารในพื้นที่ ทั้งนี้ ทุกหน่วยยืนยันมีความพร้อม เจ้าหน้าที่มีขวัญและกำลังใจที่ดี มีการฝึกอบรมในพื้นที่ และได้รับการสนับสนุนจากกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นอย่างดี โดยยังคงให้เตรียมความพร้อมเต็มอัตรา พร้อมช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะเด็กนักเรียนในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และศูนย์การเรียนรู้

จากนั้นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ตรวจเยี่ยมข้าราชการตำรวจกองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจทางหลวง โดยกำชับให้ร่วมกันตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ร่วมกับตำรวจพื้นที่ เตรียมเส้นทางพื้นที่ชายแดน เส้นทางจังหวัด เส้นทางฉุกเฉิน และการนำส่งทางการแพทย์ สนับสนุนการเคลื่อนย้ายกำลังพลขนาดใหญ่ของภาคส่วนต่าง ๆ

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมสนับสนุนทุกด้าน ขอให้ทุกนายตั้งมั่นและร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ปกป้องรักษาอธิปไตยของชาติอย่างเต็มกำลังความสามารถ

“พล.ต.อ.ประจวบฯ” ประชุมขับเคลื่อนงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม สรุปผลการปฏิบัติงานที่สำคัญในรอบ 8 เดือน เข้มปราบยาเสพติด และดูแลนักท่องเที่ยว

(7 มิ.ย. 68) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ในฐานะศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปปง.ตร.) , ศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และผู้ร้ายสำคัญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอร.ตร.) , ศูนย์ปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปทท.ตร.) , ประธานอนุกรรมการป้องกัน ปราบปรามการพักคอยยาเสพติดในพื้นที่ตอนในและสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดลงสู่ภาคใต้ และหัวหน้าคณะทำงานปราบปรามความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขับเคลื่อนการดำเนินงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทั่วประเทศ 

โดยเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 พล.ต.อ.ประจวบฯ พร้อมด้วย พล.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รองจเรตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมประชุมขับเคลื่อนการดำเนินงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทั่วประเทศ ในห้วง 8 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ถึงเดือนพฤษภาคม 2568 สรุปผลการปฏิบัติในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังนี้ 

1. ผลการดำเนินงานตัวชี้วัดแผนปฏิบัติราชการ ประจำปี พ.ศ.2568 : ด้านการควบคุมอัตราการเกิดคดีกลุ่มชีวิตร่างกาย เพศ และทรัพย์ ในภาพรวม ผ่านเกณฑ์ ทั้ง 4 ตัวชี้วัด ถือได้ว่าภาพรวมอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมอัตราการเกิดคดีกลุ่มชีวิต ร่างกาย เพศ และทรัพย์ได้ 

2.ผลการดำเนินงานของศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปปง.ตร.) : ผลการดำเนินคดีอาญาฟอกเงิน มีสัดส่วนการดำเนินคดีที่สูงขึ้น เมื่อเทียบกับห้วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยในปี 2568 มีการดำเนินคดีความผิด 29 มูลฐาน จำนวน 161,194 คดี คดีอาญาฟอกเงิน 352 คดี คิดเป็นสัดส่วนคดีอาญาฟอกเงิน  0.218% เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 28.23% และมีผลการดำเนินงานตามโครงการ “สืบสวนสอบสวนและบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568” โดยในภาพรวมทั้งประเทศสามารถสืบทรัพย์ได้ 419 เป้าหมาย ทรัพย์สินรวม1,178,097,883 บาท

3. ผลการดำเนินการของศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล คนร้ายสำคัญ และมือปืนรับจ้าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอร.ตร.) : ในห้วง 4 เดือนที่ผ่านมา (กุมภาพันธ์ - พฤษภาคม 2568) มีผลการจับกุม 137 คดี ผู้ต้องหา 239 ราย จำแนกเป็น คดียาเสพติด 68 ราย , คดีเรียกรับผลประโยชน์เส้นทางสาธารณะ 2 ราย , บุกรุกที่ดินสาธารณะ ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ 3 ราย , ลักลอบค้าอาวุธสงคราม 11 ราย , มือปืนรับจ้าง 11 ราย , ลักลอบนำคนเข้าออกประเทศโดยผิดกฎหมาย 78 ราย , เปิดบ่อนการพนัน 6 ราย และนายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ 38 ราย นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2568 เปิดปฏิบัติการ “ธรณีนี้มีขื่อ มีแป” ผลการตรวจค้น 653 เป้าหมาย 667 จุดตรวจค้น สามารถจับกุมผู้ต้องหา 218 คน ตรวจยึดอาวุธปืน 236 กระบอก , เครื่องกระสุนปืน 5,314 นัด และวัตถุระเบิด 9 ลูก , ยาบ้า 17,397 เม็ด , ไอซ์ 113.15 กรัม และยานพาหนะ 314 คัน

4. ผลการดำเนินการของคณะทำงานปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ : ในห้วง 3 เดือนที่ผ่านมา (26 กุมภาพันธ์ - 5 มิถุนายน 2568) จับกุม 2,594 คดี ผู้ต้องหา 2,707 ราย ยึดของกลางบุหรี่ไฟฟ้ารวม 1,591,570 ชิ้น มูลค่ารวม 405,755,746 บาท

5. ผลการดำเนินการของศูนย์ปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปทท.ตร.) : ในห้วง 5 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม – พฤษภาคม 2568) มีการตั้งจุดตรวจรวมทั้งประเทศ 108,022 จุด เป็นจุดตรวจแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ (จุดตรวจ 007) 14,128 จุด โดยในเดือนพฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา มีผลการตรวจรวม 446,613 ครั้ง สำหรับสถิตินักท่องเที่ยวในห้วง 5 เดือนที่ผ่านมา รวม 13,156,354 คน เกิดเหตุกับนักเที่ยวชาวต่างชาติ รวม 178 คดี ซึ่งลดลงถึง 7.19 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา 

6. ผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการป้องกัน ปราบปรามการพักคอยยาเสพติดในพื้นที่ตอนในและสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้ : ในห้วง 4 เดือนที่ผ่านมา (กุมภาพันธ์ – พฤษภาคม 2568) มีการจับกุมรวม 82,448 คดี ผู้ต้องหา 82,410 คน ตรวจยึดของกลาง ยาบ้า 367,024,741 เม็ด , ไอซ์ 17,747 กิโลกรัม , เฮโรอีน 483 กิโลกรัม และยาอี 161,112 เม็ด 

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ประจวบฯ กล่าวว่า ได้กำชับสถานีตำรวจทั่วประเทศในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน และดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตลอดจนอาชญากรรมอื่นที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน การปราบปรามผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ การปราบปรามความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งมาทำลายสุขภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน และการปราบปรามยาเสพติดซึ่งแพร่ระบาดไปยังชุมชน หมู่บ้าน ไปทั่วประเทศ เพื่อความสงบสุขของพี่น้องประชาชน

สมุทรปราการ-จนท. ร่วมกตัญญู พระสงฆ์ ช่วยกันเคลื่อนย้ายร่างอาจารย์ใหญ่ มาประกอบพิธี ณ วัดบางพลีใหญ่กลาง

เมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.68) ที่ผ่านมา คณะเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ช่วยกันเคลื่อนย้ายร่างอาจารย์ใหญ่ จากห้องปฏิบัติการสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ จังหวัดสมุทรปราการ ไปยังวัดต่างๆ เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา จำนวน 67 ร่างด้วยกัน

นอกจากนี้ ทางมูลนิธิร่วมกตัญญูยังได้ให้การสนับสนุนหีบบรรจุร่างอาจารย์ใหญ่ พร้อมทั้งช่วยเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตที่ได้อุทิศร่างกายเพื่อการศึกษา ประจำปีการศึกษา 2568 มาประกอบพิธีทางศาสนายังวัดต่างๆ

โดยมี วัดบางพลีใหญ่ใน (วัดหลวงพ่อโต) จำนวน 1 ร่าง วัดมงคลโคธาวาส จำนวน 9 ร่าง วัดราษฎร์บูรณะ จำนวน 10 ร่าง วัดลาดหวาย จำนวน 15 ร่าง และวัดบางพลีใหญ่กลาง จำนวน 32 ร่าง โดยทางวัดบางพลีใหญ่กลาง ภายใต้ความเมตตากรุณาจาก "พระวชิรคณาทร" (ท่านเจ้าคุณแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ประกอบพิธีประชุมเพลิงร่างผู้เสียชีวิตที่อุทิศร่างกายเพื่อการศึกษา 

จำนวน 1 ร่าง โดยมีอาจารย์อธินันท์ พรมมาโฮม อาจารย์คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และเจ้าหน้าที ตัวแทนนักศึกษา คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ จังหวัดสมุทรปราการ 

ทั้งนี้ นายฉะโอด รุ่งเรือง ที่ปรึกษา นายก อบจ. สมุทรปราการ คณะไวยาวัจกร วัดบางพลีใหญ่กลาง ข้าราชการตำรวจ สภ.บางพลี พ่อค้าประชาชน เจ้าหน้าที่ รถ น.เขต มูลนิธิร่วมกตัญญู และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู เข้าร่วมพิธีประชุมเพลิงเผาสรีระสังขารร่างผู้อุทิศร่างกายเพื่อการศึกษา 

นอกจากนี้ ร่างของอาจารย์ใหญ่ในส่วนที่ยังไม่ได้ประกอบพิธีทางศาสนา ทางวัดบางพลีใหญ่กลางจะดำเนินการทำพิธีประชุมเพลิง ในวันเสาร์ ที่ 7 มิถุนายน 2568 ต่อไป

รทสช. ชวนติดแฮชแท็ก “ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด” สร้างขวัญกำลังใจทหารกล้าผู้อาสาปกป้องอธิปไตยชาติ

(6 มิ.ย.68) เพจเฟซบุ๊ก 'พรรครวมไทยสร้างชาติ United Thai Nation Party' โพสต์ข้อความระบุว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ ขอเชิญชวนประชาชนชาวไทย ร่วมกันแสดงออกด้วยการติดแฮชแท็ก #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่พี่น้องทหารของเรา ในภารกิจปกป้องเอกราช และอธิปไตยของชาติ

ขณะที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้โพสต์ภาพตนเองกับธงชาติไทย ข้อความระบุว่า "#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด" ด้วยเช่นเดียวกัน

ผบ.กองเรือยุทธการ มอบนโยบาย การเตรียมความพร้อมกำลังรบทางเรืออากาศยานหน่วยซี

เมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.68) พลเรือเอก ณัฏฐพล เดี่ยววานิช ผู้บัญชาการ กองเรือยุทธการมอบนโยบายการเตรียมความพร้อมกำลัง ระดับ พ.2 ของกองเรือยุทธการ ณ ดาดฟ้าบิน เรือหลวง ร.ล.จักรีนฤเบศร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ใจความว่า กองเรือยุทธการ เป็นหน่วยกำลังรบหลักของกองทัพเรือ เตรียมความพร้อมทั้งด้านกำลังพล เรือ อากาศนาวี และหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ สามารถประกอบกำลังเป็น กองเรือเฉพาะกิจปฏิบัติการระยะไกลป้องกันเชิงรุกตามแนวทางการใช้กำลังโดยรุกออกนอกประเทศ เป็นเครื่องมือทางทหารของรัฐบาล ที่จะก่อให้ให้เกิดการเจรจาโดยสันติ บนพื้นฐานของกฎหมายและข้อตกลงระหว่างประเทศ 

กำลังทางเรือ ของกองเรือยุทธการ ได้ผ่านการฝึกภายในประเทศและฝึกร่วมกับมิตรประเทศ มีขีดความสามารถในการคุ้มครองเส้นทางคมนาคมทางทะเล เรือในทะเล สามารถโจมตี ไล่ล่า ทำลายกำลังฝ่ายตรงข้ามและส่งกำลังรบยกพลขึ้นบกของนาวิกโยธิน ทำการยุทธบรรจบกับกำลังทางบก

หน่วยกำลังรบทางเรือของกองทัพเรือ มีความพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้ทันทีตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย

จเรตำรวจแห่งชาติได้รับรางวัล บุคคลต้นแบบ ด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ในงาน 'วันรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ประจำปี 2568'

เมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.68) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมงาน 'วันรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ประจำปี 2568' ภายใต้แนวคิด 'Together We Can Stop Human Trafficking' จัดโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ณ อาคารอิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ เมืองทองธานี โดยมี นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานเปิดงาน

สำหรับการจัดงาน 'วันรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ประจำปี 2568' มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้ประชาชนตระหนักว่า การค้ามนุษย์เป็นภัยใกล้ตัว คนทุกช่วงวัยอาจตกเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ รวมทั้งแสดงถึงการบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการต่อต้านการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นไป 

ภายในงานมีการมอบรางวัลดีเด่นด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ จำนวน 4 ประเภท รวมทั้งสิ้น 31 รางวัล ประกอบด้วย บุคคลต้นแบบ จำนวน 3 รางวัล , บุคคลดีเด่น จำนวน 16 รางวัล , หน่วยงานดีเด่น จำนวน 6 รางวัล และจังหวัดต้นแบบขับเคลื่อนการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ จำนวน 6 รางวัล 

โดย พล.ต.อ.ธัชชัยฯ ได้รับรางวัล “บุคคลต้นแบบ ด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์” ซึ่งมีผลงานสำคัญ ได้แก่
- ออกมาตรการป้องกันการหลอกลวงนำคนไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ที่ถูกหลอกลวงไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน 
- จัดการประชุมร่วมกับผู้แทนสถานทูตจากประเทศต่างๆ และการประชุมหน่วยเฉพาะกิจ UNODC ต่อต้านอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ 
- จับกุมหัวหน้าองค์กรอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติญี่ปุ่น และช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ชาวญี่ปุ่น

โอกาสนี้ ยังมีข้าราชการตำรวจที่ได้รับรางวัล ได้แก่ พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ได้รับรางวัล “บุคคลต้นแบบ ด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์” 

รางวัล “บุคคลดีเด่น ด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์” จำนวน 6 คน ได้แก่ 
- พ.ต.อ.กรีธา ตันคณารัตน์ รองผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ 
- พ.ต.อ.กวินศักดิ์ พีรยศธนนนท์ รองผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 4 
- พ.ต.อ.ศิริพงศ์ ศรีทันฐ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก 
- พ.ต.ท.ชัยชนะ สุริยวงค์ รองผู้กำกับการ (สอบสวน) กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ 
- พ.ต.ท.หญิง กัลย์สุดา จุลประเสริฐ สารวัตรตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเพชรบุรี 
- ร.ต.อ.ณัฏฐพร ไผ่ประดิษฐ์ รองสารวัตร (สอบสวน) กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ 

นอกจากนี้ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ยังได้รับรางวัล “หน่วยงานดีเด่น ด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์” อีกด้วย

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตระหนักถึงความสำคัญในภารกิจการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีนโยบายให้ดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ เพื่อให้ปัญหาดังกล่าวลดลงและหมดไปจากสังคมไทย

นราธิวาส-แม่ทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่สุไหงโก-ลก ย้ำทุกหน่วยเฝ้าระวังเข้มช่วงใกล้วันฮารีรายอ

 

พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมด้วยผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และผู้บังคับบัญชาหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดตรวจความมั่นคงในพื้นที่ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส การลงพื้นที่ครั้งนี้ ครอบคลุมการตรวจเยี่ยม 3 จุดตรวจหลัก ได้แก่ ด่านตรวจบ้านน้ำตก จุดตรวจสุไหงวัสดุ (จุดตรวจที่สร้างใหม่หลังเหตุการณ์ยิงหน้าอำเภอ) และด่านตรวจบุญยลาภ พร้อมทั้งตรวจติดตามการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ณ ด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก ซึ่งเป็นจุดผ่านแดนถาวรที่มีประชาชนจำนวนมากจากประเทศมาเลเซียเดินทางเข้ามายังประเทศไทย โดยบรรยากาศบริเวณด่านศุลกากรเป็นไปอย่างคึกคัก เต็มไปด้วยพี่น้องประชาชนจากฝั่งมาเลเซียเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวและเยี่ยมญาติ เนื่องในโอกาสใกล้เทศกาลฮารีรายออีฎิ้ลอัฎฮา เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจึงเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย ตรวจสอบเอกสารการเข้าออกอย่างเข้มงวด และเน้นย้ำการปฏิบัติงานร่วมกันของทุกหน่วยในพื้นที่

แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ช่วงเทศกาลสำคัญเช่นนี้ ประชาชนจะมีการเดินทางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งภายในและระหว่างประเทศ จึงจำเป็นต้องดำเนินมาตรการป้องกันและดูแลความสงบเรียบร้อยอย่างเคร่งครัด โดยได้สั่งการให้ทุกจุดตรวจใช้ความระมัดระวัง สังเกตสิ่งผิดปกติ รวมถึงเฝ้าระวังยานพาหนะและบุคคลต้องสงสัยที่อาจฉวยโอกาสกระทำผิดกฎหมาย ทั้งนี้ ยังมีการเสริมมาตรการด้านเทคโนโลยี ด้วยการติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) ตามเส้นทางหลัก เส้นทางรอง และด่านพรมแดน เพื่อช่วยเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง และใช้เป็นหลักฐานหากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าความร่วมมือของทุกฝ่าย ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และประชาชน คือหัวใจสำคัญในการสร้างพื้นที่ปลอดภัย ความสงบจะเกิดขึ้นได้จากการทำงานร่วมกันอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง

AIS-GULF-JAS คว้าลิขสิทธิ์ถ่ายไทยลีก 4 ปี มูลค่า 2 พันล้าน ‘มาดามแป้ง’ คอนเฟิร์ม!!…เพิ่มเงินสนับสนุนสโมสรครบทุกลีก

(6 มิ.ย. 68) ‘มาดามแป้ง’ นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ แถลงยืนยันว่า กลุ่มบริษัท AIS, GULF และ JAS เป็นผู้คว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยลีกทุกระดับแบบ Exclusive ในประเทศ ตั้งแต่ฤดูกาล 2025/26-2028/29 พร้อมเงื่อนไขขยายต่ออีก 2 ปี 

ลิขสิทธิ์ครอบคลุมทั้ง ไทยลีก 1, ไทยลีก 2, ไทยลีก 3, ฟุตบอลถ้วย (เอฟเอ คัพ, รีโว่ คัพ), ลีกเยาวชน U21 และฟุตบอลหญิงลีก โดยมีมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ตลอด 4 ฤดูกาล แบ่งเป็นค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฤดูกาลละ 350 ล้านบาท และค่าผลิตสัญญาณอีกไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาทต่อฤดูกาล

ขณะเดียวกัน มาดามแป้งยังเสนอเพิ่มเงินสนับสนุนแบบให้เปล่าแก่สโมสรสมาชิกในทั้ง 3 ลีก เริ่มฤดูกาล 2025/26 ได้แก่ ไทยลีก 1 ทีมละ 15 ล้านบาท, ไทยลีก 2 ทีมละ 4 ล้านบาท และไทยลีก 3 ทีมละ 1.25 ล้านบาท รวมวงเงินทั้งสิ้น 398.5 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมพัฒนามาตรฐานและความมั่นคงของวงการฟุตบอลไทยในระยะยาว

ผบ.ตร. ย้ำแสดงจุดยืนในการปกป้องอธิปไตยของชาติ จากกรณีที่ช่องบก

เมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.68) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึง กรณีความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา ในการอ้างสิทธิเกี่ยวกับพื้นที่ และเกิดการปะทะระหว่างกองกำลังไทยและกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ทีีผ่านมา อันอาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญสูงสุดในการพิทักษ์ปกป้องรักษาชาติ และคุ้มครองอธิปไตยของดินแดนไทย โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้ ตำรวจตระเวนชายแดนเตรียมความพร้อมกำลัง และนำเครื่องมืออาวุธยุทโธปกรณ์พร้อมในการปฏิบัติและสนับสนุนอย่างเต็มที่ กรณีการปฏิบัติการ หากกำลังพลและเครื่องมืออาวุธยุทโธปกรณ์ของหน่วยปฏิบัติการไม่เพียงพอ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะสนับสนุนอย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยไม่ให้ผู้ใดล่วงล้ำอธิปไตยของชาติไทยอย่างเด็ดขาด

พร้อมได้สั่งการให้ตำรวจพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนไทย สืบสวนหาข่าวในพื้นที่ จัดเตรียมความพร้อมแผนปฏิบัติการ แผนเผชิญเหตุ สนับสนุนการปฏิบัติเมื่อได้รับการสั่งการ และให้กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีติดตามเฝ้าระวัง การโจมตีทางไซเบอร์ การปล่อยข่าวปลอมทางสื่อโซเชียล ให้บังคับใช้กฎหมาย ปิดกั้นกรณีที่มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับทางเทคโนโลยีอย่างเด็ดขาด เพื่อมิให้มีการแพร่กระจายข่าวหรือปล่อยข่าวปลอมที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทย อีกทั้งได้สั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพิ่มความเข้มในการคัดกรองคนต่างด้าวเข้าประเทศไทยตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองอย่างเข้มงวด โดยได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมทั้งด้านแผนการปฏิบัติ แผนเผชิญเหตุ กำลังพล เครื่องมือ อาวุธยุทโธปกรณ์ ให้พร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ ร่วมสนับสนุนการปฏิบัติกับฝ่ายทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติย้ำจุดยืนในการปกป้องรักษาอธิปไตยของชาติ จะไม่ให้ผู้ใดล่วงล้ำอธิปไตยของชาติไทยอย่างเด็ดขาด พร้อมบังคับใช้กฎหมายและสนับสนุนการปฏิบัติทางยุทธการ พิทักษ์พื้นที่ชายแดนและพื้นที่ส่วนหลังอย่างเต็มกำลังความสามารถ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top