Sunday, 22 June 2025
NEWS FEED

‘บิ๊กป้อม’ ต้อนรับ ‘ทูตอิหร่าน’ ร่วมหารือหลากมิติ พร้อมเชิญชวนชาวอิหร่านท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น

‘พล.อ.ประวิตร’ ต้อนรับ ทูตอิหร่าน เยี่ยมคารวะ/หารือความร่วมมือ ส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ยินดีซื้อข้าวไทย และชวนนักท่องเที่ยวมาไทย เพิ่มขึ้น หลังโควิด-19 คลี่คลาย ช่วยฟื้นฟู ศก.ประเทศไทย

เมื่อวานนี้ (11 ม.ค. 66) เวลา 14.30 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้การต้อนรับ นายซัยยิด เรซา โนบัคตี (His Excellency Mr. Seyed Reza Nobakhti) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านประจำประเทศไทยในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะ และหารือเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย-อิหร่าน ณ ห้องรับรองชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวต้อนรับนายซัยยิด เรซา โนบัคตี พร้อมยืนยันรัฐบาลไทยจะร่วมพัฒนาความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศที่มีต่อกันอย่างต่อเนื่อง และยินดีส่งเสริมความร่วมมือในสาขา ที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ ทั้งด้านความมั่นคง พลังงาน เศรษฐกิจ การค้า การเกษตร สังคม วัฒนธรรม และสาธารณสุข

‘บิ๊กป้อม’ ให้โอวาทข้าราชการทุน ม.หัวเฉียว ขอให้ตั้งใจศึกษา นำความรู้กลับมาพัฒนาประเทศ

พล.อ.ประวิตร รับคณะ ข้าราชการ ทุน ม.หัวเฉียว เยี่ยมคารวะ และรับพร ก่อนเดินทางไปศึกษา ส่งเสริมความสัมพันธ์อันดี แน่นแฟ้น ไทย-จีน  

(11 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 14.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้การต้อนรับคณะกรรมการบริหารการศึกษาไทย-จีน และผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย พร้อมด้วยข้าราชการของไทยที่ได้รับทุนการศึกษา จาก ม.หัวเฉียว ประเทศจีน รุ่นที่18 จำนวน 80 คน ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวชื่นชมและแสดงความยินดี กับผู้ได้รับทุนการศึกษาในรุ่นนี้ และกล่าวขอบคุณ ต่อคณะกรรมการบริหารการศึกษาไทย-จีน สมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน ม.หัวเฉียว แห่งประเทศจีน ที่ได้จัดทำโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลจีนกับรัฐบาลไทย ซึ่งโครงการนี้มีความก้าวหน้ามาถึงรุ่นที่ 18 ผู้ได้รับทุนจบการศึกษามาแล้วกว่า 800 คน โดยผู้สำเร็จการศึกษาได้กลับมาปฏิบัติงาน และสร้างการประสานงานระหว่างหน่วยงานของทั้ง 2ประเทศ ให้มีความใกล้ชิดแน่นแฟ้น ก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันเป็นอย่างดียิ่ง โดยโครงการนี้เริ่มมาตั้งแต่สมัย ท่านประธานาธิบดี เจียงเจ๋อหมิน ที่ได้จัดตั้งเป็นกองทุนเพื่อให้ทุนการศึกษาแบบให้เปล่า โดยไม่มีเงื่อนไข และอยู่ในกำกับดูแลของ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ตั้งแต่ ปี 2547 ซึ่งถือว่าโครงการนี้เกิดประโยชน์และประสบความสำเร็จ อย่างน่าพอใจ โดยสามารถเพิ่มทักษะทั้งภาษา ไทย-จีน-อังกฤษ ได้ในคราวเดียวกันเป็นอย่างดี

‘สุชาติ’ เสียใจ เหตุเครื่องย่อยยางบดร่างแรงงานดับ สั่ง ‘กสร.-สปส.’ ตรวจสอบเหตุ-ช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิต

รมว.แรงงาน ห่วงเหตุลูกจ้างถูกเครื่องบดย่อยยางดึงร่างเข้าไปทำให้เสียชีวิต จังหวัดบุรีรัมย์ สั่งกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ร่วมกับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ลงพื้นที่ตรวจสอบหาสาเหตุ และเร่งช่วยเหลือให้ญาติได้รับสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับตามกฎหมาย โดยเชิญนายจ้างสอบ 12 มกราคมนี้

(11 ม.ค. 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงอุบัติเหตุลูกจ้างถูกเครื่องจักรซึ่งเป็นเครื่องบดย่อยยางดึงร่างเข้าไปทำให้เสียชีวิต ว่า ทันทีที่ทราบข่าว ผมขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวลูกจ้างผู้เสียชีวิต พร้อมได้สั่งการให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ส่งพนักงานตรวจความปลอดภัย สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดบุรีรัมย์ และศูนย์ความปลอดภัยในการทำงานเขต 3 (นครราชสีมา) ลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดบุรีรัมย์ ตรวจสอบหาสาเหตุ และเร่งดำเนินการช่วยเหลือให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายทันที 

เบื้องต้นได้รับรายงานว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2566 เวลาประมาณ 22.30 น. สถานที่เกิดเหตุสถานประกอบกิจการในอำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายยางพารา มีลูกจ้างประมาณ 1,092 คน ทำงานประจำแผนกเครื่องจักร จำนวน 47 คน โดยมีนายศุภชัย ศรีผง อายุ 31 ปี ลูกจ้างผู้เสียชีวิต กำลังปฏิบัติงานที่แผนกเครื่องจักรอยู่ ขณะเกิดเหตุได้นำแผ่นยางเพื่อใส่เครื่องบดย่อยยาง ซึ่งแผ่นยางได้ติดค้างที่เครื่องบดย่อยยาง นายศุภชัยฯ จึงได้โน้มตัวเข้าไปดึงแผ่นยางออก โดยไม่ได้ปิดสวิตช์หยุดเครื่องจักร ทำให้ตัวนายศุภชัยฯ ถูกเครื่องบดย่อยยางดึงเข้าไปในเครื่องพร้อมแผ่นยางเป็นเหตุให้เสียชีวิตทันที ซึ่งพนักงานตรวจความปลอดภัย สสค.บุรีรัมย์ ได้มีหนังสือเชิญนายจ้าง และ ผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมในวันที่ 12 มกราคม 2566 และสำนักงานประกันสังคมจังหวัดบุรีรัมย์ได้เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่ญาติลูกจ้างผู้เสียชีวิตพึงได้รับตามกฎหมายต่อไป

เปิด ‘5 นักษัตร’ ถูกจัดหนักจัดเต็มในปีเถาะ 66 พร้อมแนะ 3 วิธีลดผลกระทบ หมดเคราะห์พ้นภัย

ผ่านพ้นช่วงเทศกาลปีใหม่มาแล้ว 10 วัน เชื่อว่าหลาย ๆ คนก็คงอยากรู้ว่าในปี 2566 หรือ ปีกระต่าย (ปีเถาะ) นี้ มีปีนักษัตรไหนบ้างที่ถือว่า ‘ชง’ เผื่อหากตรงกับตัวเองจะได้ระแวดระวังการใช้ชีวิตให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งจะได้เตรียมตัวทำบุญแก้ชงกันด้วย

ทั้งนี้ทีมงาน THE STATES TIMES ได้หยิบยกมุมมอง ข้อคิดเรื่องปีชง ประจำปี พ.ศ.2566 จากนักฮวงจุ้ยวิทยา หรือ ‘นายสมศักดิ์ ชาคริตฐากูร’ CEO ของ Fengshui Biz Designer ที่ได้พูดถึง ‘5 นักษัตรถูกจัดหนักจัดเต็ม’ ในปีนี้ พร้อมทั้งแนะนำวิธีแก้ชง โดยระบุว่า…

นักษัตรระกา ‘酉’ (อิ้ว) จะปะทะหรือ ‘沖’ (ชง) กับปีจรเถาะ ‘卯’ (เบ้า) โดยตรง จะส่งผลให้ได้รับบาปเคราะห์เต็ม ๆ หากชะตาตกอาจถึงแก่ชีวิต มีเกณฑ์ประสบอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บ ถึงเลือดตกยางออก ร่างกายจะเจ็บป่วย ถูกคนปองร้าย จิตใจว้าวุ่น กลุ้มวุ่นวาย ธุรกิจมีอุปสรรค เสียทรัพย์อย่างไม่จำเป็น

นักษัตรเถาะ ‘卯’ (เบ้า) จะทับซ้อนหรือ ‘壓’ (เอี๊ยบ) กับปีจรเถาะ ‘卯’ (เบ้า) จะมีเกณฑ์เกิดเหตุประสบเภทภัย จึงไม่ควรเดินทางไกล มีโอกาสได้ทุกขลาภ เสียทรัพย์ เงินทองรั่วไหล เพื่อนฝูงคนสนิทจะเอารัดเอาเปรียบ เบียดเบียนให้เดือดร้อน อีกทั้งตัวเราเองจะสร้างปัญหาให้วุ่นวาย

นักษัตรมะเมีย ‘午’ (โง้ว) จะแตกหักหรือ ‘破’ (ผั่ว) กับปีจรเถาะ ‘卯’ (เบ้า) จะส่งผลให้มีแต่คนคอยกลั่นแกล้ง จนเกิดการแตกหัก ทำให้ชีวิตพบแต่เรื่องวุ่นวายรำคาญใจ ถูกเบียดเบียนให้เดือดร้อนเสียหาย

นักษัตรชวด ‘子’ (จื้อ) จะวุ่นวายหรือ ‘刑’ (เฮ้ง) กับปีจรเถาะ ‘卯’ (เบ้า) จะส่งผลให้ถูกเบียดเบียนให้เดือดร้อนเสียหาย อีกทั้งตัวเราเองจะสร้างแต่ปัญหา

นักษัตรมะโรง ‘辰’ (ซิ้ง) จะให้ร้ายหรือ ‘害’ (ไห่) กับปีจรเถาะ ‘卯’ (เบ้า) ควรระวังจะถูกศัตรูคู่แข่งแทงหลัง ส่งผลให้ความมั่นคงในชีวิตเริ่มมีความเปราะบางเพิ่มขึ้นจนยากที่จะก้าวข้ามอุปสรรคปัญหาต่าง ๆ ได้

นอกจากนั้นยังกล่าวว่า ชะตาชีวิตของคนเรามิได้มีเพียงแค่เสาปีเกิดเพียงเสาเดียวเท่านั้น แต่ยังประกอบขึ้นจาก 4 เสาหลักตามรหัสอัตลักษณ์ของแต่ละบุคคล ทั้งเสาปีเกิด เสาเดือนเกิด เสาวันเกิด และเสาเวลาเกิด โดยมีนักษัตรประจำอยู่ที่ฐานเกิดทั้ง 4 ฐานเสา หากปีพ.ศ.ใดมีนักษัตรประจำปีจรมากระทบถึงแต่ละฐานเสาใดเสาหนึ่งหรือหลายเสาก็ตาม ย่อมส่งผลร้ายตามวิบากกรรมต่อชะตาชีวิตในปีนั้น ๆ ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งในปีจรเถาะนี้ มี 5 นักษัตรที่ได้รับบาปเคราะห์ดังต่อไปนี้คือ    

เกิดปีนักษัตร
นักษัตรระกา นักษัตรเถาะ นักษัตรมะเมีย นักษัตรชวด และนักษัตรมะโรง

เกิดเดือน
เดือนมีนาคม เดือนเมษายน เดือนมิถุนายน เดือนกันยายน และเดือนธันวาคม 

เกิดวัน
วันเกิดต้องเปิดในปฏิทินจีน 100 ปี 

เกิดเวลา
ตั้งแต่เวลา 05:00-08:59, เวลา 11:00-12:59, เวลา 17:00-18:59 และเวลา 23:00-00:59 น.

จาก 3 องค์ประกอบแห่งลิขิตฟ้า ชะตาดิน และวิถีคน สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้ 3 วิธี ดังนี้

วิธีที่ 1 แก้ลิขิตฟ้า 
โดยการกราบสักการะบูชาต่อองค์เทพเจ้าคุ้มครองดวงชะตาประจำปี 太歲爺 (ไท้ส่วยเอี๊ย) องค์รวมที่วัดมังกรกมลาวาส และวัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ หรืออาจจะกราบสักการะบูชาต่อองค์เทพเจ้าคุ้มครองดวงชะตาประจำปี 2566 太歲爺 (ไท้ส่วยเอี๊ย) ‘皮時大星軍’ (ผ่วยซี้ไต่แชกุง) ได้ที่ 
- ศาลเจ้าหน่าจา ซาไท้จื้อ จ.ชลบุรี 
- วัดมังกรบุปผาราม (วัดเล่งฮัวยี่) จ.จันทบุรี
- วัดเมตตาธรรมโพธิญาณ จ.กาญจนบุรี

‘รองนายกฯ ดอน’ ต้อนรับนักเรียน ‘ยุวทูตความดี’ เยาวชนรุ่นใหม่ ที่ทั้งเรียนเก่ง - เป็นคนดี

เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2566 นายดอน ปรมัตถ์นัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้การต้อนรับเด็กนักเรียนจาก 3 โรงเรียนในเครือข่ายยุวทูตความดี ที่กระทรวงการต่างประเทศให้การสนับสนุน ที่เดินทางมารับรางวัลนักเรียนดีเด่นจากนายกรัฐมนตรี

ตัวแทนนักเรียนยุวทูตความดี ด.ญ.ชิสา คชมิตร จากโรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ ด.ญ.กชวรรณ ทัศนิยม จากโรงเรียนบ้านโคกทุ่งน้อย จ.หนองบัวลำภู นอกจากนั้นยังมีตัวแทนนักเรียนจากโรงเรียนอนุบาลศรีสะเกษ 

ตัวแทนนักเรียนที่จะเข้ารับรางวัลจากนายกฯ นอกจากเรียนเก่งแล้ว บางคนเป็นนักกีฬาดีเด่นเป็นแชมป์ปิงปองประเทศไทยและอาเซียนในรุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี และยังเรียนดี อุทิศตัวเพื่อสังคม ทำสาธารณประโยชน์

ศรชล.ภาค 1 ร่วมทำบุญอุทิศส่วนกุศล ให้กับกำลังพลที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัย อับปาง

วันนี้ (11 ม.ค. 66) เวลา 10.30 น. ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) ทัพเรือภาคที่ 1 (ทรภ.1) ท่าเรือประจวบ และประชาชนในพื้นที่บางสะพาน ร่วมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับกำลังพลที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ ร.ล.สุโขทัย อับปาง ณ บริเวณท่าเรือประจวบ โซนท่าเทียบเรือ C ตำบลแม่รำพึง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 

โดยมี พลเรือโทพิชัย ล้อชูสกุล ผอ.ศรชล.ภาค 1/ผบ.ทรภ.1 เป็นประธานในพิธี ร่วมกับส่วนราชการอำเภอบางสะพาน ส่วนท้องถิ่น กู้ภัย และบริษัท ท่าเรือประจวบ ซึ่งได้นิมนต์พระสงฆ์ จำนวน 10 รูปจากวัดเขาตะล่อม และวัดห้วยทรายขาว อ.บางสะพาน มาประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ 

ในการประกอบพิธี ได้มีการนำโถที่ภายในบรรจุรูปและชื่อของกำลังพลที่เสียชีวิต มาเป็นสิ่งแทนที่ใช้สำหรับทำพิธี โดยมีญาติและครอบครัวของกำลังพลเรือหลวงสุโขทัย ที่ยังสูญหายและเสียชีวิต มาร่วมในพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลในครั้งนี้ด้วย

ชาวสวนปาล์มกระบี่ เดือด หลัง 'ลานเท –โรงสกัด' หยุดรับซื้อปาล์มน้ำมัน จี้สอบด่วน ผิดปกติ ผลผลิตไม่มาก ทุบราคาปาล์มร่วง 70 สตางค์

ชี้เป็นการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 พร้อมปลุกเกษตร นำผลปาล์มไปขาย รง.ต่าง จว.

(11 ม.ค. 66) นายพันศักดิ์ จิตรรัตน์ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดกระบี่ และเกษตรกรชาวสวนปาล์มที่ได้รับผลกระทบจากลานเทและโรงงานสกัดปาล์มน้ำมัน หยุดรับซื้อปาล์มน้ำมันในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ประมาณ 20 คน เข้ายื่นหนังถึงผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ โดยมีนายสมปอง รัตนะ ผอ.กลุ่มบ้านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด รับเรื่องแทนเนื่องจากผู้ว่าติดประชุมด่วน 

นายพันศักดิ์ กล่าวว่า ซึ่งจากตามที่ปรากฏในข่าว และมีข้อเท็จจริงว่าลานเทรับซื้อปาล์มน้ำมัน หยุดรับซื้อปาล์มทะลาย เนื่องมาจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม จำกัดปริมาณการรับซื้อ หรือไม่รับซื้อปาล์มทะลายทั้งในเขตจังหวัดกระบี่  และจังหวัดใกล้เคียงปัจจุบันปาล์มน้ำมันมีปริมาณผลผลิตไม่มาก แต่ทำไมจึงมีผลผลิตตกค้าง ไม่สามารถสกัดได้ทันต่อจำนวนผลผลิต 

เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนและสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันทั้งระบบในการนี้ จึงขอความอนุเคราะห์มายังผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ในฐานะประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กจร) ตามพรบ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ 2542 ตรวจสอบ สอบสวนพฤติการณ์ลานเทรับซื้อปาล์ม และโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มว่า มีพฤติการณ์ปั่นป่วนราคา จงใจทำให้ราคาผลปาล์มต่ำเกินจริงโดยไม่มีเหตุอันควร ตามมาตรา 29 หรือไม่พร้อมขอให้ตรวจสอบ โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มว่ามีพฤติการณ์ หยุดการให้บริการตามปกติ หรือปฏิเสธการให้บริการ หรือประวิงการให้บริการ โดยไม่มีเหตุอันควรตามมาตรา 31 หรือไม่ประการใด จึงเรียนมาเพื่อให้ ผวจ.ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ 2542 เพื่อประโยชน์ต่อความเป็นธรรมด้านราคาแก่เกษตรกร ต่อไป  

ต่อมานายเกียรติศักดิ์ นารีเลิศ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดกระบี่ ได้รับมอบหมายจาก ผวจ.กระบี่ ให้เชิญตัวแทนเกษตรกรเข้าร่วมประชุมเพื่อหาทางออกร่วมกันโดยมีเกษตรจังหวัดกระบี่ พาณิชย์จังหวัดกระบี่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยในที่ประชุม ได้มีการนำปัญหา ลานเทและรง.ปาล์ม หยุดรับซื้อ โดยให้เหตุผลว่าเป็นผลมาจากการหยุดยาวในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งมีผลปาล์มสะสมและเมื่อโรงงานเปิดเกษตรกรก็ได้มีการตัดผลปาล์มขายในเวลาพร้อมๆกัน

รัฐบาล เผย ถ.โคกกลอย-ท้ายเหมือง จ.พังงา คืบหน้า 81% เล็งเปิดใช้ ก.พ.นี้ ช่วยบูมท่องเที่ยวพังงา -จังหวัดใกล้เคียง

ชาวใต้เตรียมเฮ! รัฐบาล สร้างถนนผังเมืองรวม ‘โคกกลอย-ท้ายเหมือง จ.พังงา’ คืบหน้า 81% เร็วกว่ากำหนด คาด ก.พ.นี้ใช้งานได้ ช่วยบูมท่องเที่ยวพังงาและจังหวัดใกล้เคียง รองรับการขยายเมือง เพิ่มขีดความสามารถแข่งขันเศรษฐกิจทุกมิติ

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายถนน เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัด กระจายความเจริญรองรับการขยายตัวของเมือง ส่งเสริมเศรษฐกิจการค้าและการท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของไทยตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (2561-2580) โดยมีการก่อสร้างและปรับปรุงถนนทางหลวงชนบทให้มีปลอดภัยและเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า  ล่าสุดโครงการก่อสร้างถนนสาย ข9, ค3 ผังเมืองรวมชุมชนโคกกลอย – ท้ายเหมือง จังหวัดพังงา รวมระยะทาง 4.229 กิโลเมตร มีความคืบหน้าไปแล้วร้อยละ 81 ซึ่งเร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินงานในชั้นรองพื้นทาง งานผิวทาง และงานเบ็ดเตล็ด โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งจังหวัดพังงามีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นจุดเช็กอิน เช่น อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จุดชมวิวเสม็ดนางชี เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ หาดนางทอง(หาดทรายดำ) ทะเลหมอกเขาไข่นุ้ย สะพานไม้โคกกลอย (สะพานไม้หาดเขาปิหลาย) ที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ นิยมเดินทางไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นจังหวัดที่มีแนวโน้มการขยายตัวของเมืองอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้โครงการก่อสร้างถนนสาย ข9, ค3 ผังเมืองรวมชุมชนโคกกลอย – ท้ายเหมือง จังหวัดพังงาเป็นแนวถนนก่อสร้างใหม่ แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ช่วง ดังนี้

ประดิษฐ์ภัทรประสิทธิ์ปลุกเครือข่ายบ้านสีเขียวบริจาคโลหิตช่วยเหตุรถตู้รับส่งนักเรียนชน 3 คันรวด

เจ้าสัวประดิษฐ์แห่งเมืองชาละวันระดมมวลชนคนเสื้อเขียว หนุนกาชาดพิจิตรร่วมบริจาคโลหิตช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่ประสบเหตุรถตู้รับ-ส่งนักเรียน ชนกับรถตู้ฮุนได 7 ที่นั่ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย อาการสาหัส 2 ราย ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้เลือดจำนวนมากในการรักษาและผ่าตัด โดย สนง.ปชส.พิจิตร ประกาศเชิญชวนขอรับบริจาคโลหิต ล่าสุด ผอ.รพ.พิจิตร ชี้แจงยังมีเด็กนักเรียนที่เป็นผู้ประสบอุบัติเหตุพักรักษาตัวอยู่ใน รพ.พิจิตร 9 ราย อยู่ในห้อง ICU 2 ราย เป็นเด็กชาย 5 ขวบ 1 ราย เด็กหญิง 7 ขวบ 1 ราย

วันที่ 11 มกราคม 2566 นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาใหญ่ของบ้านสีเขียว ซึ่งเป็นทีมงานในเครือข่ายที่ส่วนใหญ่เป็นกำนันผู้ใหญ่บ้าน-ผู้นำชุมชน-ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยวันนี้หลังจากที่ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีและเป็นอดีต ส.ส.พิจิตร ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้นำด้านจิตวิญญาณที่ผู้นำและชาวบ้านเคารพนับถือ เมื่อได้ทราบเหตุการณ์ดังกล่าว ว่า เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ได้เกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่ถนนทางหลวงหมายเลข 115 พิจิตร-สากเหล็ก คือ รถรับส่งนักเรียนชนประสานงากับรถตู้ฮุนได 7 ที่นั่ง และ รถเก๋งอีก 1 คัน รวมชนกัน 3 คันรวด ส่งผลให้มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเกือบ 20 คน และเสียชีวิตแล้วในเวลาต่อมารวมแล้ว 3 คน รวมถึงยังมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ยังอยู่ในห้อง ICU จำนวน 2 ราย  เป็นเด็กชาย 5 ขวบ 1 ราย เด็กหญิง 7 ขวบ 1 ราย ซึ่งต้องใช้โลหิตจำนวนมากในการรักษาและผ่าตัด แต่ปรากฎว่าจำนวนโลหิตมีไม่เพียงพอจึงต้องออกประกาศขอรับบริจาคโลหิต เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว โดย นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ได้ประกาศเชิญชวนสมาชิกเครือข่ายบ้านสีเขียวให้มาร่วมกันบริจาคโลหิตในวันนี้จำนวนนับร้อยคนที่สมัครใจร่วมบริจาคโลหิตดังกล่าว โดยได้ไปบริจาคโลหิตที่หอประชุมที่ว่าการเภอเมืองพิจิตร

กรมทะเลชายฝั่ง ร่วมกับ อบต.เกาะหมาก และชมรมอนุรักษ์ปะการังเกาะหมาก เร่งสกัด และจัดการคราบน้ำมันที่รั่วไหล จากเหตุเพลิงไหม้เรือสปีดโบ๊ท บริเวณอ่าวทองหลาง จังหวัดตราด

เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2566 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (อทช.) กล่าวว่า วานนี้ตนได้รับแจ้งจากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก (ศวทอ.) ถึงเหตุน้ำมันรั่วไหลจากเหตุเพลิงไหม้เรือท่องเที่ยวสปีดโบ๊ท บริเวณอ่าวทองหลาง ตำบลเกาะหมาก อำเภอเกาะกูด จังหวัดตราด ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม จากการสำรวจเบื้องต้น พบว่าจุดเกิดเหตุเป็นบริเวณท่าจอดเรือ อ่าวทองหลาง สภาพน้ำทะเลมีฟิล์มน้ำมันลอยบนผิวน้ำ มีหลุดรอดจากทุ่นกักน้ำมันบริเวณแนวเขื่อนเล็กน้อย และไม่พบสัตว์น้ำตาย จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ตรวจวัดคุณภาพน้ำเบื้องต้น พร้อมทั้งเก็บตัวอย่างน้ำทะเล จำนวน 3 สถานี (KM1-3) โดยผลคุณภาพน้ำทั่วไปอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานฯ มีค่าความเป็นกรด-ด่าง 7.92-8.03 อุณหภูมิ 26.7-26.9 องศาเซลเซียส ความเค็ม 31.2-31.3 ส่วนในพันส่วน และปริมาณออกซิเจนละลายในน้ำ 5.56-6.98 มิลลิกรัมต่อลิตร นอกจากนั้นได้สำรวจแนวปะการังใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ 

เบื้องต้นพบว่าแนวปะการังมีสภาพปกติ ไม่พบคราบน้ำมันและตะกอนน้ำมันบนผิวโคโลนีปะการังและในมวลน้ำทะเล และจากการสัมภาษณ์คุณธานินทร์ สุทธิธนกุล รองประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกาะหมาก ทราบว่าหลังเหตุการณ์เพลิงไหม้ ทางอบต.เกาะหมาก และชมรมอนุรักษ์ปะการังเกาะหมาก ได้ร่วมกันประดิษฐ์ทุ่นกักน้ำมันไปวางติดตั้งป้องกันบริเวณปากอ่าวเพื่อไม่ให้น้ำมันรั่วไหลออกสู่ทะเลอีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top