รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นประธานเปิดการเปิดโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของข้าราชการตำรวจ

วันนี้ (20 มิ.ย.66) เวลา 09.00 น. พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของข้าราชการตำรวจ เกี่ยวกับพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พุทธศักราช 2542 ประจำปีพุทธศักราช 2566 รุ่นที่ 1 ณ ห้องประชุม โรงแรมคลาสสิก คามีโอ จังหวัดระยอง โดยมี นาย นพดล อุเทน ที่ปรึกษาด้านกฎหมายและพัฒนา สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. , รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล , รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ,รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 , รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 , รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 , รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และรองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด , ผู้แทนจากสำนักงาน ปปง. และผู้เข้ารับการฝึกอบรมจากหน่วยงานกองบัญชาการตำรวจนครบาล , ตำรวจภูธรภาค 1 , 2 , ,7 , 8 , 9 และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด จำนวน 116 คน เข้าร่วมพิธี 

ทั้งนี้ โครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของข้าราชการตำรวจ เกี่ยวกับพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พุทธศักราช 2542 ประจำปีพุทธศักราช 2566 เป็นโครงการที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดขึ้น จำนวน 2 รุ่น โดยรุ่นที่ 1 ระหว่างวันที่ 19-22 มิถุนายน 2566 และรุ่นที่ 2 ในวันที่ 27-30 มิถุนายน 2566 เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ ความเข้าใจ อำนาจหน้าที่เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน พร้อมเสริมสร้างทักษะในการปฏิบัติงานด้านการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด อีกทั้งเพื่อให้เกิดระบบที่เป็นมาตรฐานในการดำเนินคดีด้วยความโปรงใสและยุติธรรม

สำหรับการอบรมในครั้งนี้ มีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงาน ปปง. และสำนักงานอัยการสูงสุด มาให้ความรู้แก่ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พุทธศักราช 2542 อาทิ การดำเนินคดีฟอกเงินและขั้นตอนในกระบวนการของศาล แนวปฏิบัติที่ถูกต้องในทุกมิติ การประสานงานกับ ปปง. เทคนิคการสืบสวนสอบสวนเพื่อนำไปสู่คดีอาญาฐานฟอกเงิน เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อพัฒนาการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้านการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินให้มีประสิทธิภาพและเห็นผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น