Saturday, 18 May 2024
POLITICS

คนรุ่นใหม่ ปชป. วอน ศบค. และ กพท. ทบทวนเดินทางด้วยบัสมาใช้เครื่องบินแทนสำหรับนักท่องเที่ยวภูเก็ต แซนด์บ๊อกซ์  เหตุใช้เวลาเดินทางกว่า 14 ชม. เสี่ยงติดเชื้อ 

นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่าจากมาตรการยกระดับระลอกใหม่ ของศบค. เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2564 ได้ส่งผลให้ทางสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ออกประกาศห้ามสายการบินรับส่งผู้โดยสารเข้าหรือออกพื้นที่สีแดงเข้ม ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทำให้เที่ยวบินทุกสายในประเทศ ต้องหยุดทำการบินทันที เพื่อรองรับมาตรการควบคุมโรค

จากมาตรการดังกล่าว ทำให้สายการบินไม่สามารถทำการบินเที่ยวบินในประเทศที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมืองได้ ขณะที่บางสายการบินย้ายฐานการบินไปยังท่าอากาศยานอู่ตะเภา จ.ระยอง เพื่อให้บริการผู้โดยสาร แต่หลังจากที่ ศบค. ได้ประกาศพื้นที่ควบคุมสถานการณ์โควิด-19 เพิ่มเป็น 29 จังหวัด ในวันที่ 1 ส.ค. โดยพบว่าจังหวัดระยองเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) ทำให้ไม่สามารถทำการบินได้ตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค.เป็นต้นไป จึงส่งผลกระทบกับการเดินทางของนักท่องเที่ยวภายใต้โครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์”

ภาครัฐจึงได้จัดโครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เอ็กเปรส บัส” เพื่อทดแทนเครื่องบินที่ไม่สามารถทำการบินได้ และรถโดยสารประจำทางที่หยุดให้บริการเดินรถ ให้บริการเฉพาะผู้โดยสารโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ผู้ติดตามและสมาชิกครอบครัวของผู้โดยสารเท่านั้น ต้นทางจังหวัดภูเก็ต ปลายทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เดินทางจากภูเก็ตตั้งแต่ 05.00 น. ถึงกรุงเทพมหานครเวลา 21.00 น. ใช้เวลาเดินทาง 14 ชั่วโมง ใน ขณะที่การโดยสารทางเครื่องบิน ใช้เวลาเพียง 1.30 ชั่วโมงเท่านั้น 

นายพันธ์พิสุทธิ์ นุราช หนึ่งในคนรุ่นใหม่พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีอาชีพเป็นนักบิน และเป็นส่วนหนึ่งของทีมอาสาศูนย์ประสานงานฉุกเฉินในสถานการณ์ฉุกเฉินโควิด-19 พรรคประชาธิปัตย์ (ศปฉ.) ได้มีความเห็นต่อประเด็นดังกล่าวว่าการที่ผู้โดยสารต้องใช้เวลาอยู่บนรถบัสถึง 14 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ในการเดินทางร่วมกับผู้โดยสารท่านอื่นที่อาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ในขณะที่การโดยสารทางเครื่องบินนั้นมีความเสี่ยงน้อยกว่ากันมาก ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยในเรื่องของระบบระบายอากาศ และระยะเวลาในการเดินทางที่สั้นกว่า 
“จาก 14 วันที่ผ่านมา (21 กรกฎาคม - 3 สิงหาคม) ตั้งแต่การประกาศหยุดบินครั้งแรก 14 วัน ก่อนที่จะมีการต่อขยายนั้น จะพบว่าไม่สามารถช่วยควบคุมสถานการณ์ได้เลย ผู้ติดเชื้อยังคงสูงทุกวัน ซึ่งชี้ให้เห็นว่าอาจเป็นแนวทางที่ไม่ได้ผล แต่ในทางกลับกันเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ให้ซ้ำร้ายยิ่งกว่าเดิม” นายพันธ์พิสุทธิ์ กล่าว

นายพันธ์พิสุทธ์ ยังกล่าวต่อด้วยว่านอกจากนี้การปิดการบินในประเทศยังทำให้คนมีความจำเป็นต้องเดินทางในระยะทางไกล ต้องหาหนทางอื่นในการเดินทางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเป็นการผลักดันคนกว่า 20,000 ชีวิตเป็นอย่างน้อยในอุตสาหกรรมนี้ให้กลายเป็นคนตกงานหรือว่างงานทันที จึงอยากให้ ศบค. และ กพท. ทบทวนการหยุดบินในประเทศแบบ ”เร่งด่วน” เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในกลุ่มที่มีความจำเป็นในการเดินทาง และเป็นการช่วยเหลือกลุ่มสายการบินให้ต่อลมหายใจต่อไปได้ โดยอาจเพิ่มมาตรการบางอย่างในการเดินทางเพื่อลดความเสี่ยง เช่นการนั่งเว้นที่ หรือแม้กระทั่งใช้เอกสารยืนยันการฉีดวัคซีน หรือผลตรวจโควิดมาใช้เป็นเครื่องมือในการลดความเสี่ยงต่อไป

‘ราเมศ’ เผย ‘ชินวรณ์’ ยังตามติด แก้ รธน. 

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ขณะนี้อยู่ในชั้นคณะกรรมาธิการว่า กรณีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญยังคงเดินหน้าตามกระบวนการที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้คืออยู่ในชั้นการพิจารณา 

กรรมาธิการในส่วนของพรรคที่ 3 คน คือนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.จังหวัดนครศรีธรรมราช ก็ยังคงติดตามและทำงานในชั้นคณะกรรมาธิการอย่างเต็มที่ ทั้งการแสวงหาแนวร่วม พูดคุยเพื่อให้กรรมาธิการมีความเห็นสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน และที่สำคัญ นายชินวรณ์ ซึ่งเป็นหลักสำคัญในการเชื่อมความเข้าใจ และความเห็นพ้องต้องกันกับบุคคลในพรรคและในส่วนของพรรคต่างๆด้วย ซึ่งคาดว่าเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นก็จะมีการประชุมพรรคเพื่อพูดคุยเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เหตุเพราะมีสมาชิกรัฐสภายื่นคำแปรญัตติมาหลายคน ก็มีความจำเป็นต้องพูดคุยทำความเข้าใจกับ ส.ส.ของพรรคเพื่อให้ได้ทราบว่าทิศทางของกรรมาธิการจะเป็นไปในทิศทางใดในเรื่องโครงสร้างระบบเลือกตั้งทั้งหมด วันนี้ก็จะมีการประชุมคณะกรรมาธิการในส่วนของการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เพื่อกำหนดกรอบการพิจารณาให้มีประสิทธิภาพ ในส่วนของพรรคเชื่อว่าจะมีการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญทันในสมัยประชุมนี้ 

นายราเมศ กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรคได้มีจุดยืนชัดเจนเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมให้รัฐธรรมนูญมีความเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น ภายใต้หลักการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ส่วนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแล้วจะมีการยุบสภาหรือไม่คงไม่สามารถตอบได้เพราะเป็นเรื่องของอนาคตและเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี

“ธนกร” เผยรัฐเตรียมนำระบบ “BKK HI Care” เป็นเครื่องมือช่วยหมอติดตามผู้ป่วย Home Isolation ตามนโยบาย "บิ๊กตู่” แจง ยาฟาวิพิราเวียร์ตั้งแต่ตุลาคม 2564 จะผลิตได้ไม่น้อยกว่า 40 ล้านเม็ดต่อเดือน มั่นใจมีเพียงพอรักษา

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  โฆษกประจำศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) กล่าวว่า สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) ภายใต้กำกับของนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ได้พัฒนาระบบที่เรียกว่า “BKK HI Care” ในการติดตามและดูแลผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองและสีเขียว ที่รักษา-กักตัวที่บ้าน (Home Isolation) หรือที่ชุมชน (Community Isolation) อย่างใกล้ชิด ตลอดจนผู้ป่วยสามารถรายงานและรับคำแนะนำการรักษาที่ถูกต้องจากแพทย์และพยาบาล เช่น การวัดอุณหภูมิร่างกาย และการวัดค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดตามเวลาที่กำหนด แล้วแจ้งผลให้ทางสถาบัน/โรงพยาบาลทราบทันที ซึ่งระบบนี้ดำเนินการผ่าน Line Application โดยการสแกน QR Code หรือแอดไลน์ เมื่อมีการตรวจพบเชื้อโควิด-19 จากสถานพยาบาลที่ผู้ป่วยได้เข้าทำการตรวจเชื้อหรือรักษา โดยไม่ต้องโหลดแอพพลิเคชันใหม่
    
นายธนกร กล่าวว่า ปัจจุบันมีสถานพยาบาลในกรุงเทพฯ ที่เข้าร่วมโครงการฯ แล้ว จำนวน 285 แห่ง มีผู้ป่วยที่อยู่ในระบบแล้วกว่า 9,000 ราย ซึ่งจะช่วยทำให้ 1 คลินิกชุมชนดูแลผู้ป่วยได้ถึง 200 ราย หรือแพทย์ 1 ท่าน ดูแลผู้ป่วยได้ถึง 30 ราย พร้อมกันนี้ยังสามารถช่วยเก็บบันทึกรายงานการรักษารายวัน การสั่งยา การวัดอุณหภูมิ และอาหารที่รับแต่ละวัน โดยระบบนี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญให้กับสถาบัน/โรงพยาบาลในการติดตามดูแลผู้ป่วยโควิด- 19 ที่เป็นผู้ป่วยสีเขียว รักษาตัวอยู่ที่บ้านได้ ซึ่งจะได้รับคำแนะนำจากคุณหมอ ในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง โดยผู้ป่วยจะได้รับการดูแลแบบโทรเวชกรรม (Telemedicine) ซึ่งหากผู้ป่วยแสดงอาการที่มีข้อบ่งชี้ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล ทางสถาบัน/โรงพยาบาลจะรับผู้ป่วยเข้ามารักษาได้อย่างสะดวก เป็นช่องทางให้ประชาชนสามารถรายงานสุขภาพที่เข้าถึงได้โดยง่าย โดยระบบนี้ แพทย์ พยาบาล สามารถเข้าถึงผ่านมือถือ Tablet หรือ PC ได้ ซึ่งครอบคลุมทั้ง Windows, Android และ IOS ทั้งนี้ แนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วย Home Isolation ผ่าน “BKK HI Care” มีดังนี้

1.มอบชุดสำหรับ Home Isolation (BKK HI CARE kit) ซึ่งประกอบไปด้วย หน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์เจล/ สเปรย์/ ถุงแดง แผ่นพับคำแนะนำในการปฏิบัติตัว แผ่นบันทึกอาการ (กรณี ไม่มี Smart phone) Pulse oximeter (เครื่องวัดระดับออกซิเจนในเลือด) Digital thermometer (เครื่องวัดอุณหภูมิแบบดิจิทัล) และยาฟ้าทะลายโจรหรือยาฟาวิพิราเวียร์ 2.บริการจัดส่งอาหารทุกวัน 3.ให้ผู้ป่วยวัดอุณหภูมิร่างกาย และวัดปริมาณออกซิเจนในร่างกาย วันละ 2 ครั้ง และรายงานอาการ และ4.เจ้าหน้าที่จากศูนย์บริการสาธารณสุข ติดตามดูแล สังเกตอาการผู้ป่วย ผ่านระบบ BKK HI Care /โทรศัพท์ เป็นระยะเวลา 14 วัน ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นการสนองนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการนำดิจิตอลมาบริหารงาน
    
นายธนกร กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลดำเนินการจัดหายาฟาวิพิราเวียร์ให้เพียงพอ ทั้งการนำเข้าจากต่างประเทศ และการผลิตเองในประเทศ โดยขณะนี้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) เริ่มผลิตได้ และจะทยอยส่งมอบตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป ซึ่งขณะนี้มีศักยภาพการผลิตอยู่ที่เดือนละ 2-4 ล้านเม็ด แต่ในเดือนกันยายนคาดว่าจะผลิตได้จำนวน 23 ล้านเม็ด และตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 เป็นต้น ไปจะสามารถผลิตได้ไม่น้อยกว่า 40 ล้านเม็ดต่อเดือน ทั้งนี้ ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการจ่ายให้ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ทำ Home Isolation โดยพิจารณาให้ยาฟ้าทะลายโจรหรือยาฟาวิพิราเวียร์ตามระดับอาการด้วยแล้ว ดังนั้นขอให้ประชามั่นใจว่า ยาฟาวิพิราเวียร์มีเพียงพอต่อการรักษาอย่างแน่นอน

เมื่อทำเนียบขาว​ ก็สองมาตรฐานกับเขาเหมือนกัน!! | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

ทำเนียบขาวสีเทา!! 
สะท้อนสองมาตรฐานการเมือง!! ที่คนไทยควรเรียนรู้และเท่าทัน... 
เมื่อรัฐบาลยุค​ 'โจ​ ไบเดน' ปกปิดข้อมูลผู้ติดเชื้อ = ‘ไม่ผิด’
แต่ถ้าเป็นยุค 'โดนัลด์​ ทรัมป์'​ ปกปิด = ‘ไม่โปร่งใส’

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

.

.


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
- ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
- รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
- สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
- แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘ก้าวไกล’ จี้ พม. เร่งเปิดเผยข้อมูลและแนวทางการให้ความช่วยเหลือ ‘เด็กกำพร้า’ จากสถานการณ์โควิด

นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และรองประธานคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้พิการ ผู้สูงอายุ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตรายวันจำนวนมาก พบหลายรายเป็นพ่อหรือแม่ เป็นผู้ดูแลเด็ก จนทำให้เด็กกลายเป็น ‘เด็กกำพร้า’ แบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่พบว่ากระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะหน่วยงานหลักได้แถลงสถานการณ์และแนวทางการให้ความช่วยเหลือเด็กอย่างเป็นระบบ แถมยังไปขอให้ภาคส่วนต่าง ๆ ตั้งมูลนิธิช่วยเหลือเด็กกำพร้ากันเอง

“ภาพเด็กหญิงอายุ 7 ปี และ 9 ปี สองพี่น้องที่ต้องสูญเสียแม่เสาหลักเพียงคนเดียวที่ จ.สมุทรปราการ เป็นเพียงหนึ่งภาพสะท้อนที่สร้างความสะเทือนใจแก่สังคม แต่ในฐานะที่ทำงานด้านคุ้มครองเด็กมานาน กลับไม่เห็นการแถลงข่าวของกระทรวง พม. ที่เป็นหน่วยงานหลักตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ว่าได้มอบหมายให้ พมจ. สำรวจว่ามีเด็กกำพร้าหรือได้รับผลกระทบจำนวนเท่าใดกันแน่ แนวทางการให้ความช่วยเหลือทั้งการฟื้นฟูร่างกายจิตใจ การมีผู้ดูแลระยะยาว การศึกษาของเด็ก โดยไม่จำเป็นต้องแยกเด็กมาดูแลในสถานสงเคราะห์จะเป็นอย่างไร มิใช่แต่เพียงการช่วยเฉพาะรายที่เป็นข่าว และอ้างว่าจะใช้เงินจากกองทุนคุ้มครองเด็กที่มีระเบียบยุ่งยากหรือจะตั้งมูลนิธิช่วยเหลือแต่เพียงอย่างเดียว อนาคตของเด็ก ๆ เป็นอนาคตของชาติและสำคัญกว่าจะปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม” นายณัฐวุฒิระบุ

โดยข้อมูลจาก The Lancet Medical Journal วารสารทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียง เปิดเผยรายงานการประเมินนับจากการระบาดของโรคตั้งแต่ 1 มีนาคม 2563 - 30 เมษายน 2564 ว่ามีเด็กอย่างน้อย 1.13 ล้านคน ต้องสูญเสียพ่อแม่หรือปู่ย่าตายายที่เป็นผู้ดูแลหลักอย่างน้อย 1 คน และมีเด็กไม่น้อยกว่า 1.56 ล้านคน ต้องเผชิญกับการสูญเสียผู้ดูแลหลักหรือผู้ดูแลรอง เช่น เครือญาติในบ้าน อย่างน้อย 1 คน นี่นับเฉพาะข้อมูลจาก 21 ประเทศที่มีการเสียชีวิตสูงสุด

สำหรับในประเทศไทยนั้นมีการประเมินโดย Imperial College London แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คาดการณ์ว่าจะมีเด็กกำพร้าที่พ่อแม่หรือทั้งสองเสียชีวิตอย่างน้อย 160 คน เด็กที่อยู่ในภาวะที่มีผู้ดูแลหลักเสียชีวิตอย่างน้อย 180 คน และอีกมากกว่า 350 คน ที่มีผู้ดูแลหลักหรือผู้ดูแลรองในบ้านเสียชีวิต แม้เด็กจะไม่ได้กำพร้าก็ตาม และตัวเลขนี้เป็นตัวเลขการประเมินก่อนที่จะมีอัตราการเสียชีวิตมากขึ้นในปัจจุบัน

การเสียชีวิตของคนในครอบครัวย่อมส่งผลกระทบ หรือ trauma กับเด็กทั้งทางจิตใจและทางสังคม ที่ต้องได้รับการประเมินจากนักวิชาชีพผู้เกี่ยวข้อง เพราะเด็กแต่ละคนมีต้นทุนไม่เหมือนกัน ยิ่งถ้าเป็นเด็กกำพร้า ยิ่งจะต้องได้รับการประเมินและติดตาม เพราะผลกระทบยิ่งมากกว่าทั้งการขาดผู้ดูแล การเรียนรู้บทบาทในครอบครัว ที่อยู่ เศรษฐานะ โอกาสในการศึกษา โอกาสในอาชีพ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งภายใต้ พรบ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 นั้น ได้กำหนดให้ พม. เป็นกระทรวงหลัก ดำเนินการผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด คณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ที่จะต้องเร่งในการสำรวจข้อมูลเด็กที่ได้รับผลกระทบ การวางแผนในการช่วยเหลือ และการมอบหมายให้มีพนักงานเจ้าหน้าที่ ทำหน้าที่เป็น case manager ในการติดตาม ซึ่งรวมถึงการประเมินว่าใครจะเป็นผู้ดูแลเด็ก และเด็กจะเติบโตไปในระยะยาวได้อย่างไร และแน่นอนว่าสถานการณ์แบบนี้เป็นการตอกย้ำว่าการมีนโยบาย ‘เงินอุดหนุนเด็กเล็ก’ แบบถ้วนหน้า ยิ่งจำเป็นยิ่งที่ต้องลงทุน มากกว่าการใช้งบประมาณที่ไม่จำเป็นในด้านอื่น ๆ

“ตนชื่นชมคนในสังคมที่ช่วยเหลือเมื่อเห็นเด็กสูญเสียพ่อแม่จากโควิด ทั้งการบริจาค การระดมทุน แม้กระทั้งการหามูลนิธิหรือโรงเรียนประจำให้เด็ก แต่รัฐบาลที่มีหน้าที่โดยตรง โดยเฉพาะกระทรวง พม. ที่ควรวางแผนและแถลงถึงแนวทางรองรับปัญหาที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นกลับไม่ได้ทำ ซึ่งตนจะเสนอให้ กมธ.กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้พิการ ผู้สูงอายุ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนฯ เชิญนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาสอบถามถึงแนวทางการช่วยเหลือเด็กกำพร้าและเด็กที่ได้รับผลกระทบจากโควิดต่อไป หลาย ๆ เรื่องในสังคมไทย อาจเป็นเรื่องที่รอได้ แต่เรื่องเด็กเป็นเรื่องที่รอไม่ได้” นายณัฐวุฒิกล่าวทิ้งท้าย


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ไฮโซลูกนัท โพสต์ข้อความประกาศนัดหมายกิจกรรม "คาร์ม็อบสลิ่มกลับใจ" 8 สิงหาคมนี้

วันที่ 3 ส.ค. นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ไฮโซลูกนัท ประกาศนัดหมายกิจกรรม "คาร์ม็อบสลิ่มกลับใจ" ในวันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคมนี้ เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป พร้อมระบุข้อความว่า... จะทนกันต่อทำไมหละเพื่อน ๆ! ติดสัญลักษณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ หรือมาก ๆ มาย ๆ แล้วแต่สะดวก เราจะมาชู 3 นิ้ว อย่างปลอดภัยกัน


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ราเมศ ย้ำ ส.ส.ปชป. ในพื้นที่ลุยช่วย พี่น้องชาวสวนมังคุด เต็มที่ ระดมทุกภาคส่วนร่วมแก้ปัญหา

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงสถานการณ์ล่าสุดของพี่น้องชาวสวนมังคุดในหลายพื้นที่ว่า ในส่วนของพรรค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้กำชับให้ทุกภาคส่วนของพรรคร่วมขับเคลื่อนในการแก้ไขปัญหามังคุด เช่น นครศรีธรรมราช ชุมพร สุราษฎร์ธานี และจังหวัดอื่นในภาคใต้ โดยร่วมมือกับหลายภาคส่วน รวมถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคในทุกพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว 

ขณะนี้ ส.ส.ช่วยกันระบายมังคุดให้ได้มากที่สุดเพื่อให้ผ่านสถานการณ์ช่วงที่มีผลผลิตออกมากในช่วงนี้ และประสานกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อแก้ปัญหา โดยมีมาตรการเชิงรุกช่วยงบประมาณจำนวน 50,850,000 บาท เพื่อกระจายมังคุดจำนวน 16,950 ตัน  สนับสนุนค่าขนส่ง สำหรับผลไม้ที่ส่งขายผ่านไปรษณีย์ จำนวน 200,000 กล่องๆ ละ 10 กก. เพื่อช่วยกระจายผลไม้ 2,000 ตัน โดยได้จัดส่งกล่องพร้อมสติ๊กเกอร์ให้จังหวัดต่างๆ เชื่อมโยงผู้รับซื้อของกรมการค้าภายในช่วยเร่งระบายมังคุด และได้มีการประสานงานกับโมเดิร์นเทรดเพื่อให้มีการจัดพื้นที่ขายมังคุดเป็นพิเศษ

สิ่งสำคัญอีกประการที่ ส.ส.ของพรรคและสำนักงานใหญ่ทำและประสบผลสำเร็จคือการช่วยกันระบายมังคุดพร้อมรณรงค์ให้ประชาชนบริโภคมังคุดมากขึ้น นายราเมศ กล่าวต่อว่า ในส่วนของพรรค ได้ดูแลปัญหาของพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด ส.ส.ของพรรคในพื้นที่ เช่นนายชินวรณ์ บุญยเกียรติ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล นายชัยชนะ เดชเดโช นายสราวุธ อ่อนละมัย เป็นต้น

“หมอทศ” จี้ ว่าที่ปลัด มท.ใช้ชุด พีพีอี ลงพื้นที่ช่วยประชาชน

 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.แพร่ พรรคไทยรักไทย พญ.ของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ เจ้าของคลินิกความงาม ของขวัญคลีนิก พร้อมด้วย นักศึกษาแพทย์ และ ประชาชน จำนวนหนึ่ง ยื่นหนังสือเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เกี่ยวกับการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับมาจากสหรัฐ 

พญ.ของขวัญ กล่าวว่า สถานการณ์โควิด ที่รุนแรงในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ด่านหน้าทั้งในและนอกระบบ รวมถึงคนในครอบครัวทุกคน ล้วนทุ่มเททำงานอย่างหนัก แต่การป้องกันยังบอบบาง จึงเรียกร้องให้ยกเลิกกฎเกณฑ์ต่างๆกับบุคคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ในการได้รับวัคซีนไฟเซอร์ ขอนับรวมบุคลากรด่านหน้า ผู้ที่เข้าเกณฑ์ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ ทั้งในและนอกระบบ เปิดเผยรายชื่อผู้ที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์อย่างโปร่งใสทุกคน  เพื่อไม่ให้เกิดข้อกังขาในสังคม และนำเข้าวัคซีน mRNA เข้ามาฉีดให้กับประชาชนให้เร็วที่สุด 

ด้าน นพ. ทศพร กล่าวว่า ขณะนี้มีข้าราชการทั้งประเทศกว่า 2 ล้านคน แต่เห็นมีเพียงอาสาสมัครที่ออกไปช่วยเหลือคนตามท้องถนน จึงเป็นคำถามว่าข้าราชการไปไหนหมด กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  หรือกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย หายไปไหน อยากให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยที่เพิ่งรับตำแหน่ง ขอให้ใส่ชุด พีพีอี แล้วออกไปช่วยประชาชนตามท้องถนนด้วย รวมถึงตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครอง และอธิบดีทั้งหลายก็ขอให้ออกไปช่วยประชาชนที่นอนอยู่ตามท้องถนนอย่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอาสาสมัครอย่างเดียว 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อให้สัมภาษณ์เสร็จแล้วทางกลุ่มได้ยื่นหนังสือถึงนายกฯผ่าน ตู้ไปรษณีย์ 1111 ด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล 

“สงคราม”อัด“บิ๊กตู่”อำมหิตกล่าวหาประชาชนแกล้งตาย ชี้ รัฐตั้งเงื่อนไขหวังลดจำนวนวัคซีนให้แพทย์ จี้แจงเก็บที่เหลือเพื่อใคร

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่ประเทศไทยได้รับบริจาควัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งเป็นวัคซีนที่ได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพดี จากสหรัฐอเมริกาจำนวน 1.5 ล้านโดส โดยในขั้นต้นรัฐบาล ประกาศว่าต้องการให้นำมาฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับระบบสาธารณสุขของไทย รวมทั้งกระจายไปสู่ประชาชน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่

หลังจากรับการบริจาคมาแล้ว รัฐบาลกลับไม่ทำตามเจตนารมย์ ที่เคยประกาศไว้ มีการตั้งเงื่อนไขว่าบุคลากรทางการแพทย์ต้องเข้าเกณฑ์ที่รัฐกำหนดจึงสามารถฉีดวัคซีนไฟเซอร์ได้มองว่ารัฐบาลพยายามที่จะลดจำนวนวัคซีนทีจะฉีดให้กลุ่มนักรบด่านหน้า จากเดิมบอกว่าจะฉีดให้ 700,000 โดสสุดท้ายจะเหลือเพียงไม่ถึง 400,000 โดส เพราะเงื่อนไขที่ตั้งขึ้นเป็นเงื่อนไขที่รัฐบาลมีวาระซ่อนเร้นและต้องการนำวัคซีนที่เหลือไปทำอะไร

นายสงคราม กล่าวด้วยว่า รัฐบาลมีแผนในการเก็บวัคซีนจำนวน 5,000 โดส อ้างว่าเพื่อการวิจัย เป็นเรื่องทีน่าประหลาดใจมาก เพราะวัคซีนที่ได้รับมา ผ่านการวิจัยมาจากนานาชาติแล้ว รัฐบาลต้องการรัฐบาลเก็บวัคซีน 5,000 โดสนี้ให้กลุ่มไหน ทั้งนี้มีกระแสข่าวว่า ทั้งเจ้าสัวใกล้ชิดรัฐบาล นายทหารใหญ่ อาจจะได้ประโยชน์จากวัคซีนที่ได้รับบริจาคมาก

“การที่คนในรัฐบาลออกมากล่าวหาว่า ประชาชนที่เสียชีวิตมีการจัดฉากแกล้งตาย การออกมากล่าวหาประชาชนว่าแกล้งป่วยแกล้งตาย น่าสลดใจในความคิดของคนในรัฐบาลนี้มากและเป็นความคิดที่อำมหิตมาก ทั้งๆที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน ทั้งนี้เชื่อว่าหากมีการตรวจเชิงรุกจริงตัวเลขผู้ติดเชื้อจะสูงกว่านี้ มาตรการล็อคดาวน์ที่ออกมาล้มเหลวไม่เป็นท่า รัฐบาลยิ่งล็อคดาวน์ประชาชนยิ่งติดเชื้อเพิ่ม แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแก้โควิดล้มเหลว ทำได้เพียงดีแต่พูดไปวันๆ ”นายสงครามกล่าว

สน.ทุ่งสองห้องยื่นฝากขัง 2 สำนวน 31 ม็อบชุมนุมหน้า บช.ปส. ผ่านจอภาพค้านประกัน ไผ่ ดาวดิน คนเดียว อ้างป้องกันก่อเหตุซ้ำ

ที่ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง ซอยสีคาม ถนนนครไชยศรี พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้องยื่นคำร้องฝากขังผ่านจอภาพครั้งเเรก นายจิตริน พลาก้าน กับพวกรวม 29  คน(มีนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา ผู้ต้องหาที่ 27) ในความผิดฐาน ร่วมกันพยายามข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่หรือให้ละเว้นการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย และร่วมกันชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ที่มีการประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เป็นเวลา 12 วันนับตั้งเเต่วันที่ 3 -14 ส.ค.64 เนื่องจากยังต้องสอบพยาน6ปากเเละรอผลตรวจสอบรายนิ้วมือประวัติต้องโทษผู้ต้องหา จึงขออำนาจศาลฝากขัง

โดยคำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่าเมื่อวันที่ 1 ส.ค.64จ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมผู้ตัวผู้ต้องหาที่เข้าร่วมชุมนุมคาร์ม็อบซึ่งมาร่วมชุมนุมเพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและได้นำมาควบคุมไว้ที่ บช.ปส. ต่อมาวันที่ 2 ส.ค.64 ได้มีกลุ่มของผู้ต้องหาได้นัดรวมตัวกันที่หน้าบช. ปส. เพื่อมาชุมนุมและข่มขู่กดดันพนักงานสอบสวน สน. สำราญราษฎร์ให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ บช.ปส. ซึ่งต่อมาผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่บช. ปส. นั้นพนักงานสอบสวนได้นำตัวผู้ต้องหาไปยื่นคำร้องขอผัดฟ้องฝากขังต่อศาลจากนั้นศาลได้มีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่มีหลักประกันไปแล้ว  แต่กลุ่มผู้ชุมนุมก็ยังคงชุมนุมกดดันพนักงานสอบสวน สน. สำราญราษฎร์ให้คืนรถบรรทุก 6 ล้อและเครื่องขยายเสียงซึ่งเป็นของกลางในคดี

จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้พยายามที่จะเข้าไปใน บช.ปส. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ประกาศและสั่งให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุม แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยุติการชุมนุมจากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้นำสีที่ได้เตรียมมาสาดใส่รั้วประตูของ บช.ปส. และจะเข้าไปใน บช. ปส. เพื่อจะเข้าไปเอารถบรรทุก 6 ล้อและเครื่องขยายเสียงของกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการจับกุมตัวเพื่อส่งสน. ทุ่งสองห้องดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่เนื่องจากได้รับแจ้งจากพนักงานสอบสวน สน. ทุ่งสองห้องว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนเดินทางเข้าไปยังที่สน. ทุ่งสองห้องเกรงว่าจะมีการปิดล้อมและกดดันให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาและอาจมีการก่อเหตุร้ายขึ้นจึงขอให้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปส่งที่ บก. ตชด. ภาค 1 จังหวัดปทุมธานีซึ่งได้ขอไว้เป็นที่ทำการของพนักงานสอบสวนจึงแจ้งสิทธิและข้อกล่าวหาให้ทราบ โดยผู้ต้องหาทั้ง 29 คนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

เหตุเกิดที่บริเวณ หน้ากองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 2 ส.ค. เวลาประมาณ12.00 น. โดยท้ายคำร้องระบุว่า หาก นายจตุภัทร์หรือไผ่ดาวดินบุญภัทรรักษ์ ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 108 เนื่องจากเกรงว่าจะหลบหนีและไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ประกอบกับมีพฤติการณ์ที่จะกระทำความผิดโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมืองอันก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติอีกทั้งผู้ต้องหามีแนวโน้มที่จะกระทำความผิดในลักษณะเติมต่อไปอีกซึ่งการกระทำผู้ต้องหาเป็นการกระทำซ้ำ ๆ ต่างกรรมต่างวาระตามข้อกล่าวหาเดิมและหลายครั้งหลายครา กรณีมีเหตุอื่นอันเชื่อว่าหากอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาจะไปก่อเหตุในลักษณะเดียวกันกับความผิดที่ถูกกล่าวหาอีก ซึ่งมีคดีที่นายจตุภัทร์ หรือไผ่ ดาวดิน บุญภัทรรักษ์ผู้ต้องหาก่อเหตุก่อนหน้าจํานวน 12คดีในพื้นที่ สน.ต่างๆ

นอกจากนี้วันเดียวกันยังมีสำนวนที่พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้องยื่นฝากขังผ่านจอภาพผู้ต้องหาหญิงอีก2 คน คือ น.ส.ชนาภา สิทธินววิชอายุ 24 ปีเเละ น.ส.รุ่งฤดี แก่งดาภาอายุ 20ปีในความผิด ร่วมกันพยายามข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่หรือให้ละเว้นการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายและร่วมกันชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ที่มีการประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จากการชุมนุมวันเดียวกัน

ครม .เคาะแล้ว ตั้ง 'สุทธิพงษ์ จุลเจริญ' อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ที่มีความอาวุโสสูงสุด เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ โยกผู้ว่าฯหมูป่า มาปทุมฯ

การประชุมครม. ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นานกรัฐมนตรี เป็นประธานการประขุม ได้เห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ แต่งตั้งให้นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ที่มีความอาวุโสสูงสุด เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ แทนนายฉัตรชัย พรมเลิศ  ปลัดกระทรวงที่จะเกษียนอายุราชการในเดือนตุลาคมนี้  และแต่งตั้งนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เข้ากระทรวงดำรงตำแหน่งเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย  และแต่งตั้งผู้ว่าฯหมูป่า นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีแทน

 

ชาวยุโรป​ประท้วงเดือด!! ไม่ยอมฉีดวัคซีน​ เพราะคิดว่าจะกลายเป็นหนูทดลอง | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

ชวนคิด​ ยุโรปประท้วงเดือด!! 
เหตุ​รัฐบาล ‘ฝรั่งเศส-อิตาลี’ บังคับประชาชนฉีดวัคซีน​ เพราะหวังช่วยลดการระบาดหนัก แต่สุดท้ายกลับถูกประชาชนมองว่ารัฐบาลและคุณหมอเป็นเผด็จการ ‘นาซี’ นำตนไปเป็นหนูทดลอง

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

.

.


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
- ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
- รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
- สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
- แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘หญิงหน่อย’ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษ เปิดประสบการณ์เส้นทางชีวิตทางการเมืองกว่า 30 ปีในรายการ Click on Clear THE TOPIC ทาง THE STATES TIMES

ไม่นานมานี้ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘หญิงหน่อย’ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษ เปิดประสบการณ์เส้นทางชีวิตทางการเมืองกว่า 30 ปีในรายการ Click on Clear THE TOPIC ทาง THE STATES TIMES ภายใต้ความยึดมั่นในหลักการของประชาธิปไตยและมุ่งหวังที่จะเห็นประชาธิปไตยในเมืองไทยพัฒนาไปข้างหน้า ใต้เงา ‘พรรคไทยสร้างไทย’ ผลงานชิ้นสุดท้ายก่อนที่จะลาเส้นทางการเมืองว่า…

‘พรรคไทยสร้างไทย’ จัดตั้งขึ้นภายใต้จุดยืนสำคัญ คือ...

1.) ยืนอยู่บนหลักประชาธิปไตย

2.) เป็นสะพานเชื่อมคนทุกรุ่น ที่มีจุดมุ่งหมายทำงานเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทย

3.) แก้ปัญหาโครงสร้างรัฐที่กดทับประชาชน

ภายใต้จุดยืนต่าง ๆ เหล่านี้สะท้อนถึงความต้องการให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในประเทศไทยทั้งความหวังที่จะเห็นประชาธิปไตยในเมืองไทยเบ่งบานโดยปราศจากเผด็จการที่จะมาขัดการพัฒนาประชาธิปไตย อีกทั้งต้องการเปลี่ยนแปลงเพื่อปลดแอกประชาชนออกจากการเมืองแบบเดิม ๆ และแก้ปัญหาโครงสร้างรัฐที่กดทับประชาชน ด้วยการให้อำนาจแก่ประชาชน และปลดปล่อยประชาชนจากกฎเกณฑ์ที่ขัดขวางและเป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากิน

ดังนั้น เธอมองว่าประเทศไทยจำเป็นต้องมีพรรคการเมืองที่เป็นเครื่องมือที่ดีให้กับประชาชน จึงได้จัดตั้งพรรคที่เป็นเหมือนสะพานเชื่อมอนาคตจากรุ่นสู่รุ่น ด้วยการผสมผสานความต่างของคนแต่ละช่วงวัย องค์ความรู้ และประสบการณ์ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน โดยใช้มรดกทางการเมืองที่มากไปด้วยประสบการณ์คนรุ่นเธอ มาช่วยค้ำเป็นเสาหลักที่แข็งแรงให้ก่อตัวเป็นพรรคการเมืองได้อย่างแข็งแรง จากนั้นก็ดึงองค์ความรู้ ความเข้าใจของโลก/เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ พร้อมกลุ่มคนรุ่นใหม่เข้ามาผสมผสานให้เกิดส่วนผสมที่ลงตัวของ ‘พรรคไทยสร้างไทย’

>> เมื่อถามว่า อนาคตทางการเมืองของไทยในสายตาคุณหญิงเป็นอย่างไร และถ้ามีโอกาสเข้ามาทำงานการเมืองจะเข้ามาแก้ Ecosystem ตรงไหน? เธอตอบว่า...

“ข้อแรก คือ Empower ประชาชน คือการเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง การสร้างพลัง ปลดปล่อยประชาชนจากสิ่งที่ถูกกดทับ เช่น การยกเลิกระเบียบกฎหมาย ที่ทำให้เป็นอุปสรรคการทำมาหากินของประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้ลุกขึ้นมาทำมาหากินได้

“ข้อสอง คือ การแก้รัฐธรรมนูญ ในฐานะที่เคยเป็นผู้ลงแรงในการหาเสียงมากที่สุด และเป็นผู้นำทัพพรรคการเมืองไปตะลุยกว่า 200 เวที หาเสียงเกือบทุกจังหวัด เพื่อให้พรรคประสบความสำเร็จ และเพื่อให้สมาชิกเป็นอันดับ 1 แต่รู้สึกเสียใจกับเพื่อนสมาชิกที่ไปตามพรรคพลังประชารัฐในการยอมแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา เพราะเป็นการเอื้อประโยชน์แค่กลไกลกติกาการเลือกตั้ง ทำให้พรรคใหญ่ ๆ ได้เปรียบ และแทบจะปิดทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เพราะถือว่าได้มีการแก้ไขไปหลายมาตราแล้ว แล้วสุดท้ายประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร? เพราะฉะนั้น ประเทศไทยควรต้องมีกติกาที่ดีจากการแก้รัฐธรรมนูญโดยประชาชน

“ข้อสาม คือ การเปลี่ยนบทบาทของข้าราชการ ต้องเปลี่ยนบทบาทเป็นผู้ส่งเสริม เป็นผู้สนับสนุนประชาชน ในการที่จะมีชีวิตมีโอกาสในการทำมาหากิน ไม่ใช่ผู้สั่งการหรือบังคับ

“ข้อสี่ คือ การเร่งกระจายอำนาจ ในฐานะที่เป็นรุ่นแรกที่ทำการกระจายอำนาจ เมื่อประมาณ 20 ปีก่อน ถ้าในบริบทของพรรคไทยสร้างไทย เราจะนำอำนาจไปที่ประชาชน นอกเหนือจากการเลือกตั้งท้องถิ่นแล้ว เราจะให้มีคณะกรรมการหมู่บ้าน โดยเป็นประชาธิปไตยขั้นพื้นฐาน เป็นผู้ตัดสินในส่วนของงบประมาณ โดยเป็นผู้ตัดสินใจเอง ไม่ใช่มีผู้คิดให้ พร้อมยกตัวอย่างกรณีเสาไฟฟ้า ซึ่งคนในหมู่บ้านไม่ก็ไม่ได้ต้องการ เพราะฉะนั้นเราจะพิจารณาจากสิ่งที่ประชาชนต้องการ และจากนั้นกรรมการหมู่บ้านก็ทำการตรวจรับงาน ระบบการกระจายอำนาจ ก็จะควบคู่กันกับการใช้เทคโนโลยีในการตรวจสอบ

“ข้อสุดท้าย คือ การใช้เทคโนโลยีเข้าในระบบราชการเพื่อความโปร่งใสในการประมูลจดซื้อจัดจ้าง คือ การใช้เทคโนโลยี Open DATA เข้ามา หรือการนำ Blockchain เข้ามา จะทำให้ระบบของการประมูล และการจัดซื้อจัดจ้างของประเทศ เกิดความโปร่งใสขึ้นและเป็นประโยชน์ต่อประชาชน”

>> เมื่อถามถึงปัญหาวิกฤตโควิด-19 คุณหญิงคิดว่ารัฐบาลต้องทำอะไร? เธอตอบว่า...

“ที่ผ่านมาหลาย ๆ สิ่งที่นำเสนอ ไม่ได้มีสิ่งใดที่ไม่หวังดีกับรัฐบาล ตอนนี้หมดเวลาในการแบ่งฝ่ายหรือกลัวเสียหน้า เพราะตอนนี้ต้องร่วมกันระดมความคิดเห็นช่วยนำพาประชาชนออกจากวิกฤตครั้งนี้ให้ได้ก่อน ดังนั้นในฐานะอดีตรัฐมนตรีสาธารณะสุขที่ผ่านโรคอุบัติใหม่ อย่างโรคซาร์สที่อัตราการเสียชีวิตสูง และระบาดหนักอย่างโรคไข้หวัดนก โดยเปรียบเทียบว่าวิกฤตของโควิด-19 ครั้งนี้ ไม่ต่างจากผลของการระบาดไข้หวัดนก ณ ตอนนั้น แต่เราเองสามารถแก้ปัญหาได้เสร็จ ภายใน 2-3 เดือนแทบจะไม่ได้พัก ดังนั้นหัวใจสำคัญของการควบคุมการระบาด คือ การเร่งตรวจหาผู้ติดเชื่อให้เร็วที่สุดและมากที่สุด ตาม ‘แผนพิมพ์เขียวของไทยสร้างไทย’ 3 ข้อ คือ...

“ข้อที่ 1 การควบคุมการแพร่ระบาด เร่งหาผู้ติดเชื้อและนำผู้ติดเชื้อเข้าระบบให้เร็วที่สุด การสั่งล็อกดาวน์ โดยไม่เร่งตรวจหาผู้ติดเชื้อ จะไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ในเวลาที่รวดเร็ว ให้นำ Rapid Antigen Test ตรวจประชาชนกลุ่มเสี่ยงทุกคนในพื้นที่สีแดง หรือแดงเข้ม เพื่อเร่งนำผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบ และทำระบบแอปพลิเคชัน ให้ผู้ที่ตรวจแล้วมีผลเป็นบวก ได้เข้าระบบการดูแลรักษาทันที เพราะทุกวันนี้ ‘แอปพลิเคชันเยอะกว่าวัคซีน’

“ข้อที่ 2 การรักษาผู้ติดเชื้อเพื่อลดการป่วย การตาย และเตียงไม่พอ ผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ หรืออาการน้อยให้เข้า Program Home Isolation เร่งทำ Community Isolation ให้เพียงพอกับผู้ติดเชื้อ โดยใช้โรงเรียน วัดหรือหอประชุมใกล้ชุมชน และผู้ที่มีอาการไม่มากเข้าโรงพยาบาลสนาม ‘ต้องตั้งเป้าให้คนหายป่วยกลับบ้านได้ตั้งแต่เตียงเขียว’

“ข้อที่ 3 การป้องกัน โดยเป้าหมายสูงสุดคือการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เร่งจัดหาวัคซีน mRNA อย่างน้อยเพิ่มขึ้นอีก 100 ล้านโดส ที่สามารถต่อสู้กับเชื้อกลายพันธุ์ มาเป็นวัคซีนหลักคู่กับ AstraZeneca ให้คนไทยมีสิทธิเลือกวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ปรับแผนบริหารวัคซีนให้ได้เฉลี่ยเดือนละ 10 ล้านโดส เพื่อฉีดให้ได้ 500,000 โดสต่อวัน และให้ประชาชนได้วัคซีนทั้ง 2 เข็มครบ 50 ล้านคนแรกในเดือนมกราคม เป็นของขวัญปีใหม่ได้เปิดเมือง และประชาชนได้กลับมาทำมาหากินอีกครั้ง

“นอกจากนี้ อยากให้รัฐบาลมองไปข้างหน้าว่าควรเตรียมอะไรให้กับประชาชนเพื่อให้ทุกคนลุกขึ้นมาทำมาหากินให้ได้เร็วที่สุด โดยในมุมของดิฉันสิ่งที่รัฐควรเตรียมให้กับประชาชน คือ สร้างสภาพแวดล้อมใหม่เพื่อให้โลกหลังโควิด-19 ประชาชนสามารถลุกขึ้นมาทำมาหากินได้ บนจุดแข็งของประเทศไทยและบริบทของโลกใหม่หลังโควิด-19 เช่น การสร้างจุดแข็งจากการเกษตรไทย ให้กลายเป็นศูนย์กลางอาหารปลอดภัยของคนทั้งโลก ปรับเปลี่ยนการท่องเที่ยว สร้างงานอีเวนต์ทุกเดือนเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และสุดท้ายสนับสนุนอุตสาหกรรมทางการแพทย์

“ขณะเดียวกันต้องเร่งดูดการลงทุนในประเทศไทย ด้วยการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์รวมสตาร์ทอัพให้ได้ ซึ่งการจะไปถึงจุดนั้นจำเป็นต้องมีการปรับแก้ไขกฎหมาย หรือกฎเกณฑ์เรื่องการเงินของธนาคารชาติ, ตลาดหลักทรัพย์ และเรื่องวีซ่า เพื่อให้เอื้อต่อการมาลงทุนในระบบนิเวศน์ของสตาร์ทอัพไทย ซึ่งตรงนี้ ก็อยากขอร้องรัฐบาลว่าช่วยพิจารณาแผนอย่างไม่อคติ แล้วก็ช่วยระดมความคิดว่าแผนนี้เป็นแผนที่เสนอบนความเป็นไปได้”

>> ก่อนที่คุณหญิงจะมาตั้งพรรคเอง มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ตัวคุณหญิงเปรียบเสมือนคนที่คอยรับหน้าการแก้สื่อทางการเมืองให้กับ ‘คุณทักษิณ ชินวัตร’ คุณหญิงคิดเห็นเรื่องนี้อย่างไร? เธอตอบว่า...

“ต้องย้อนความถึงตอนเกิดเส้นทางการเมืองจากพรรคพลังธรรม โดยตอนนั้นเป็นเลขาธิการพรรคพลังธรรม เราก็มีหน้าที่รับหน้าแก้ปัญหาให้กับ ‘ท่านจำลอง ศรีเมือง’ และให้กับพรรค เมื่อได้เข้ามาทำงานกับพรรคไทยรักไทยก็เช่นกัน เราก็ต้องรับหน้าที่ในฐานะรองหัวหน้าพรรคหมายเลข 1 ในการที่คอยที่จะทำความเข้าใจหรือว่าสิ่งใดที่เกิดความเข้าใจผิด เราก็มีหน้าที่แก้ต่างให้กับพรรค ให้กับหัวหน้าพรรคคือ ‘คุณทักษิณ ชินวัตร’ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะอยู่พรรคไหนเราก็ทำหน้าที่แบบนี้”

>> เมื่อถามถึงพรรคไทยสร้างไทย ถือเป็นมรดกทางการเมืองของคุณหญิงตลอด 30 ปีที่ผ่านมาในมิติไหนบ้าง? เธอตอบว่า...

“ครั้งนี้เป็นความตั้งใจที่อยากจะทำพรรคในฝันของตัวเอง ตั้งแต่ 30 ปี ตั้งแต่แรกเริ่มเข้าการเมือง ดิฉันเป็นนักการเมืองที่ไม่เคยถูกคดีในเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชัน แม้จะเคยมีคดีที่รัฐประหารครั้งแรกและถูกกล่าวหาว่าทุจริตคดีคอมพิวเตอร์ 900 ล้านบาท ซึ่งข้อเท็จจริง คือ 900 ล้านนั้นได้ยกเลิกการประมูลจริง แต่ไม่ได้มีการทำประมูลใหม่ และในท้ายที่สุดเราก็ชนะเป็นเอกฉันท์ เพราะเงินคืนหลวงทุกบาท เพราะฉะนั้น อยากให้เชื่อมั่นว่า ผู้ที่ทุ่มเทการทำงาน และไม่เคยมีเรื่องการทุจริต มีความจริงใจในการอยากมาช่วยแก้ปัญหาประเทศ

“ขณะเดียวกันประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา 30 ปี ซึ่งถือเป็นงานที่ท้าทายทั้งสิ้น แต่ก็ทำจนประสบความสำเร็จ ตั้งแต่เริ่มต้นการรับผิดชอบการจราจรในกรุงเทพฯ เช่น การทำอุโมงค์ การทำแผนรถไฟฟ้า การทำสะพานลอย แผนรถไฟฟ้าที่ใช้กันถึงปัจจุบันนี้ หรือแม้แต่โครงการ 30 บาท ซึ่งสิ่งเหล่านี้อยู่ใน ‘ยุคของสุดารัตน์’ ที่สร้างขึ้นทั้งนั้น

“ดังนั้น ประสบการณ์ที่มีทั้งหมด จะทุ่มเทให้กับพรรคไทยสร้างไทย เป็นผู้รับใช้ประชาชนที่ดี และนำพาประชาชนออกจากปัญหาและวิกฤตต่าง ๆ เชื่อว่าเราหาทางออกให้กับประเทศได้ ซึ่งตอนนี้มี 2 อย่างที่อยากเข้าไปแก้มือ คือ โครงการ 30 บาท ที่ตอนนี้เละเทะไปหมด รวมถึงการปฏิรูปเกษตรให้หายจน ที่ก่อนหน้านั้นได้ดำเนินการไปได้แค่ 30% ถ้าได้อยู่ครบ 4 ปีในการดูแลเกษตรตรงนี้ ‘เอาหัววางเลยว่าเกษตรไทยไม่จน และ GDP ไทยจะดีกว่านี้’”

>> ในสายตาคุณหญิง ผู้ที่เคยถูกยกให้เป็น ‘ดาวรุ่งทางการเมือง’ มองว่าใครคือดาวรุ่งทางการเมืองไทยตอนนี้? เธอตอบว่า...

“ชื่นชมคุณรุ่นใหม่ และตอนนี้ก็มองเห็นหลายท่าน และหลายพรรคที่เหมาะสมจะเป็นผู้นำประเทศ ยกตัวอย่าง คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล, นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ถึงแม้ว่าจะรุ่นใหม่ แต่ก็เพรียบพร้อมด้วยความรู้ หรือแม้แต่คุณโต้ง สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ของพรรครัฐบาล ซึ่งคนเหล่านี้คือดาวรุ่งที่เหมาะสมจะมาพัฒนาประเทศในอนาคต พร้อมกล่าวอีกด้วยว่า ฝันว่าไทยสร้างไทย จะมีดาวรุ่งเยอะมากเลย แล้วกำลังพยายามทำอยู่”

>> ทิ้งท้ายกับเป้าหมายทางการเมืองในปัจจุบัน ยังคาดหวังเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สองอยู่หรือไม่? คุณหญิงสุดารัตน์ ได้ให้คำตอบว่า...

“เป้าหมายสูงสุดทางการเมืองของดิฉันในวันนี้ คือ การนำสมาชิกพรรคเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรให้ได้มากที่สุด เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นฉบับประชาชนอย่างแท้จริง โดยสำหรับดิฉัน ‘ตำแหน่งไม่สำคัญ แต่ต้องการสร้างองค์กรการเมืองที่ดีมากกว่า ดังนั้นก่อนที่จะหยุดเส้นทางการเมือง ต้องการทำองค์กรดี ๆ ให้สำเร็จ

“ฉะนั้นในช่วงแรก การรับบทบาทผู้นำพรรค ก็เพื่อเป็นที่ปรึกษาให้กับคนรุ่นใหม่ ได้เข้ามาช่วยกันทำงานและเฝ้ามองการเติบโตของคนในพรรคที่มีความสามารถและเข้าไปแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้”

คุณหญิงสุดารัตน์ ย้ำทิ้งท้ายอีกว่า ความฝันในตอนนี้ คือ อยากเห็นประเทศไทยเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญให้เป็นฉบับประชาชนจริง ๆ เสียที หรือก็คือแค่การแก้ไขกฎกติกาอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ แต่จะต้องพึ่งพลังคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้เข้ามาช่วยกันทำด้วย

ติดตามสัมภาษณ์แบบเต็ม ๆ ได้ที่ Click on Clear THE TOPIC >> https://fb.watch/77kV2hr5y-/


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“แรมโบ้”สวน “บรรยง” ยัน ”บิ๊กตู่” อยู่ครบเทอม ซัดกลับ ไม่คิดทิ้งปัญหาเหมือนคนวิจารณ์ ซัดเป็นผู้ใหญ่ ควรแก้ปัญหามาก กว่าเล่นการเมือง

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่นายบรรยง พงษ์พานิช อดีตบอร์ดการบินไทย โพสต์เฟซบุ๊ก เรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายก นายกรัฐมนตรี ลงจากตำแหน่ง และให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ยุบสภา โดยไม่ต้องรักษาการณ์ เพื่อรักษาเกียรติของชายชาติทหาร ว่า นายกฯมาตามกฎหมาย การจะยุติปฏิบัติหน้าที่ต้องเป็นไปตามกฎหมายเช่นกัน คือต้องบริหารงานจนครบเทอม และการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 ไม่ใล่เรื่องง่าย จึงเป็นธรรมดาที่คนที่ไม่ชอบนายกฯต้องเคลื่อนไหวกดดันให้ลาออก เพราะต้องการกลับมามีอำนาจรัฐ หากนายบรรยง คิดแบบไม่มีอคติกับนายกฯหรือรัฐบาล ขอให้มองรอบด้านว่าที่ผ่านมานายกฯและรัฐบาล ทำงานอย่างไร โดยพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายลงให้ได้  

“นายบรรยง เป็นผู้ใหญ่ มีหน้าที่การงานใหญ่โต น่าจะคิดได้มากกว่านี้ เวลานี้ทุกคนในชาติต้องร่วมมือแก้ไขปัญหาให้บ้านเมือง ไม่ควรนำประเด็นทางการเมืองมาพูดเช่นเรื่องยุบสภา ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่ระหว่างการดำเนินการในรัฐสภา และนายกฯมีภารกิจรับผิดชอบต่อประเทศชาติ ไม่เคยคิดทิ้งปัญหาเอาตัวรอด หายใจเข้าออกคือประชาชน ไม่ใช่คนขี้ขลาดตาขาวเหมือนนายบรรยง ที่คิดจะทิ้งปัญหาความทุกข์ของประชาชน เพื่อเอาตัวเองรอด เพราะไม่ใช่นิสัยของลูกผู้ชาย ชายชาติทหารที่ชื่อพล.อ.ประยุทธ์ ช่วยเอาคำแนะนำของนายบรรยงไปใช้กับคนอื่นจะดีกว่า”นายเสกสกล กล่าว 

ทบ.ดูแลผู้เสียชีวิตโควิด-19 อย่างครบวงจรไม่มีค่าใช้จ่าย ตั้งแต่เคลื่อนย้าย ตลอดจนประกอบพิธีในศาสนสถาน ซึ่ง 3 เดือนที่ผ่านมา ฌาปนกิจแล้ว 640 ราย

ร.อ.หญิง กัญญ์ณณัฐ พรนิพัทธ์กุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบันที่พบผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตรายวันเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จนในบางครั้งเกิดการเสียชีวิตแบบกะทันหันในเขตที่พักอาศัยหรือในพื้นที่สาธารณะต่างๆ และการจะนำร่างออกมาได้นั้น ต้องกระทำโดยเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการฝึกอบรม ภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด ซึ่ง พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ได้รับทราบถึงข้อจำกัดในการเคลื่อนย้ายและการจัดพิธีศพของผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 รวมทั้งต้องการนำทรัพยากรที่มีอยู่ในทุกรูปแบบของกองทัพบก ทั้งกำลังพล, ยานพาหนะ ตลอดจนฌาปนสถานในความดูแล มาช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ในสถานการณ์วิกฤตครั้งนี้

ร.อ.หญิง กัญญ์ณณัฐ กล่าวว่า ล่าสุด ผบ.ทบ.ได้สั่งการให้หน่วยทหารในพื้นที่ กทม. ประกอบด้วย กองพลทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์, กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์, กองพลปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน และมณฑลทหารบกที่ 11 สนับสนุนกำลังพลจากหมวดการศพ กองพลาธิการ จัดตั้ง”ชุดจัดการศพ” ดูแลเคลื่อนย้ายร่างของผู้วายชนม์ที่ได้รับการยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ออกจากเขตชุมชน เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนาตามความประสงค์ของญาติหรือในฌาปนสถานของกองทัพบก ซึ่งกำลังพลทุกนายได้ผ่านการฝึกอบรมจากกรมแพทย์ทหารบก, กองการฌาปนกิจ กรมสวัสดิการทหารบก และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เพื่อให้มีความพร้อม สามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างถูกต้องปลอดภัย ตามมาตรฐานของกรมควบคุมโรค และตามกระบวนการทางกฎหมายในการเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิต โดยตั้งแต่ 23 ก.ค.64 ที่ผ่านมา ได้รับการประสานจากประชาชนหรือชุมชนต่างๆ เข้าให้การดูแลเคลื่อนย้ายแล้ว 20 ราย

ร.อ.หญิง กัญญ์ณณัฐ กล่าวว่า ขณะที่ด้านการประกอบพิธีทางศาสนาเพื่อส่งร่างผู้วายชนม์สู่สุคตินั้น กองทัพบกได้อนุเคราะห์ศาสนสถานทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ วัดอาวุธวิกสิตาราม, วัดโสมมนัสวรวิหาร และวัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต กทม. และวัดสุทธจินดา จ.นครราชสีมา ดูแลพิธีศพอย่างสมเกียรติให้กับผู้เสียชีวิตและครอบครัว ตั้งแต่ 4 พ.ค.64 ประกอบด้วย การสวดพระอภิธรรม บำเพ็ญกุศลและพิธีฌาปนกิจ ซึ่งดำเนินการไปแล้วรวม 640 ราย และจะให้การอนุเคราะห์อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลืออำนวยความสะดวกบรรเทาทุกข์และลดภาระให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต


ทั้งนี้ กองทัพบกขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตทุกราย โดยพร้อมให้การช่วยเหลือแบ่งเบาภาระ และเติมกำลังใจให้ผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างดีที่สุด ตลอดจนร่วมดูแลผู้เสียชีวิตในวาระสุดท้ายอย่างครบวงจรโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตั้งแต่การเคลื่อนย้ายจนถึงฌาปนกิจ ซึ่งหากครอบครัวผู้เสียชีวิตต้องการขอรับการสนับสนุน หรือประชาชนพบเห็นผู้เสียชีวิตในพื้นที่ต่างๆ สามารถติดต่อได้ที่ “ศูนย์ประสานงานต้านภัยโควิด กองทัพบก” โทร. 02-2705685-9 และ 02-092-7766 ฟรีตลอด 24 ชม.


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top