สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน ประจำวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2564
สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน ยอดผู้ติดเชื้อในไทยวันนี้กว่า 985 ราย ขณะที่ในอาเซียนยอดยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง!

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน ยอดผู้ติดเชื้อในไทยวันนี้กว่า 985 ราย ขณะที่ในอาเซียนยอดยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาย ผบ.ทร.ส่งสารอวยพรเนื่องในวันสงกรานต์ ประจำปี 2564 ว่า ผมขอส่งความปรารถนาดี มายังเพื่อนข้าราชการ ที่รักทุกท่าน ขอให้ทุกท่านมีความสุข ร่วมกันสานต่อประเพณีสงกรานต์ที่ปฎิบัติสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ให้อยู่คู่ประเทศไทยของเราตลอดไป และมีความภาคภูมิใจในประเพณีอันงดงามนี้ แต่เนื่องจากสถานการณ์ covid-19 ในปัจจุบัน
ผมขอให้กำลังพลทุกท่านและครอบครัว ตระหนักถึงความสำคัญของการร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆหรือการท่องเที่ยว เนื่องในวันสงกรานต์ ในลักษณะ new normal เพื่อให้ทุกคนปลอดภัย แต่ยังคงความสำคัญของวันสงกรานต์ ที่สมาชิกในครอบครัวจะได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันอย่างพร้อมหน้า เพื่อสร้างขวัญ กำลังใจ และความสุขให้แก่กัน ขอให้ใช้โอกาสนี้ หลอมรวมความรักให้เข้มแข็ง ส่งต่อเป็นพลังให้เดินหน้าต่อไป หากมีความจำเป็นต้องเดินทางกลับภูมิลำเนา ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผย นายกรัฐมนตรีห่วงใยผู้ประกันตนกรณีการแพร่ระบาดของโควิด -19 กำชับกระทรวงแรงงาน บูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย สปสช. และกรุงเทพมหานคร เพิ่มช่องทางหน่วยบริการตรวจโควิด-19 เพื่อลดความแออัดและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ฟรี เริ่มต้นวันที่ 17 เมษายนนี้ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย - ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร
เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2564 ที่ห้องประชุมประสงค์ รณะนันทน์ ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เพื่อ กำหนดแนวทางร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในการตรวจหาเชื้อโควิด -19 แก่ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ฟรี โดยกระทรวงแรงงานประสานโรงพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคมมาให้บริการ ณ อาคากีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย - ญี่ปุ่น)
โดยนายสุชาติ กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีความห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับในทุกด้านหากสถานการณ์การแพร่ระบาดรุนแรงมากขึ้น ในวันนี้ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จึงได้เชิญผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงานเพื่อมาหารือกำหนดแนวทางที่จะร่วมกับกระทรวงมหาดไทย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และกรุงเทพมหานคร
โดยจะเปิดให้ผู้ประกันตนที่จะเข้ารับการตรวจสามารถลงทะเบียนจองคิวตรวจผ่านระบบแอปพลิเคชันออนไลน์ สำหรับคุณสมบัติของคนที่จะได้เข้าตรวจคือผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คัดกรอง และสามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ชั่วโมงละไม่ต่ำกว่า 300 คน ทราบผลการตรวจภายใน 24 - 48 ชั่วโมง ซึ่งจะ kick off ในวันเสาร์ที่ 17 เมษายนนี้ ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย - ญี่ปุ่น) เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร
นายสุชาติ กล่าวต่อว่า ผมได้หารือกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เรียบร้อยแล้ว โดยกระทรวงแรงงานจะบูรณาการทำงานร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อให้ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ที่กำลังเดินทางกลับจากเทศกาลสงกรานต์เข้าสู่พื้นที่กรุงเทพมหานครสามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ฟรี
ทั้งนี้ หากพบว่าผู้ประกันตนรายใดตรวจพบเชื้อโควิด-19 จะต้องส่งตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเครือข่ายในสังกัดสำนักงานประกันสังคม โดยผู้ประกันตนที่ติดเชื้อโควิด -19 จะได้รับการรักษาฟรีในโรงพยาบาลเครือข่ายประกันสังคม ซึ่งมีอยู่จำนวน 81 แห่ง ที่มีความพร้อม มีเตียงรองรับกว่า 1,000 เตียง มี HQ 200 กว่าเตียง
สำหรับการตรวจหาเชื้อโควิด -19 แก่ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมมาตรา 33,39 และ 40 ในครั้งนี้ เป็นการเพิ่มช่องทางของหน่วยบริการตรวจ เนื่องจากขณะนี้หลายโรงพยาบาลมีผู้มาใช้บริการเพื่อตรวจหาเชื้อโควิด -19 เป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดความแออัด คิวยาว กระทรวงแรงงานจึงมีนโยบายที่จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกันตน ได้รับการตรวจอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการช่วยแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคอีกทางหนึ่งอันจะส่งผลให้ภาคธุรกิจดำเนินการต่อไปได้
นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย โฆษกประจำตัวรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.คุณหญิงกัลยา) เปิดเผยว่าคุณหญิงกัลยา ขอเชิญชวนให้นักเรียนทุกคนที่ได้มีโอกาสอยู่กับครอบครัวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ได้ใช้เวลาในช่วงนี้แสดงออกถึงความรัก ความผูกพัน และความกตัญญูต่อบิดามารดา ปู่ย่าตายาย รวมถึงญาติผู้ใหญ่ ที่เป็นผู้มีพระคุณ ซึ่งถือเป็นจารีตประเพณีที่ดีงามของสังคมไทย แต่อย่างไรก็ตามยังต้องคำนึงถึงมาตรการความปลอดภัยจากโรคโควิด-19 ภายใต้หลัก D-M-H-T-T
นางดรุณวรรณ กล่าวต่อด้วยว่า คุณหญิงกัลยา ตระหนักถึงความสำคัญของครอบครัวที่เป็นสถาบันหลักในการพัฒนาและช่วยสร้างคุณภาพคน เพราะครอบครัวที่อบอุ่น เต็มไปด้วยความรัก ความผูกพันเปรียบเสมือนวัคซีนที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจให้เด็กเติบโตมาอย่างมีคุณภาพ และเป็นคนที่ดีของสังคม ในขณะที่โรงเรียนจะทำหน้าที่ในการหล่อหลอม ให้องค์ความรู้ และเสริมสร้างประสบการณ์ชีวิตในการอยู่ร่วมกับผู้คนในสังคมได้อย่างเท่าทัน
ทั้งนี้ ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ คุณหญิงกัลยา ได้ย้ำเน้นให้ทุกคนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการระบาดของโรคอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะนักเรียนที่เป็นผู้พักค้างประจำในโรงเรียนต่าง ๆ ภายใต้การกำกับดูแล ที่ต้องกลับบ้านไปพบปะกับผู้ปกครอง ปู่ย่าตายายที่เป็นผู้สูงอายุ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ให้ยึดหลัก D-M-H-T-T ของกรมควบคุมโรค คือ D : Social Distancing เว้นระยะห่าง 1 - 2 เมตร เลี่ยงการอยู่ในที่แออัด M : Mask Wearing สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา H : Hand Washing ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ T : Testing การตรวจวัดอุณหภูมิและตรวจหาเชื้อโควิด 19 ในกรณีที่มีอาการเข้าข่าย และ T : Thai Cha Na สแกนไทยชนะก่อนเข้า-ออกสถานที่สาธารณะทุกครั้ง เพื่อให้มีข้อมูลในการประสานงานได้ง่ายขึ้น
นางดรุณวรรณ ยังกล่าวเสริมในตอนท้ายด้วยว่า คุณหญิงกัลยาขออวยพรให้ทุกครอบครัวมีความสุขในช่วงเทศกาลปีใหม่ไทย และขอส่งกำลังใจให้กับครอบครัวที่มีผู้ติดเชื้อ หรือเป็นผู้ที่สัมผัสเชื้อและมีความเสี่ยงสูง ปลอดภัยจากโรคโควิด-19 อย่างไรก็ตามในบางครอบครัวที่ไม่สามารถอยู่ร่วมกันในช่วงเวลานี้ แต่ก็สามารถแสดงออกถึงความรัก ความผูกพัน และความกตัญญูที่มีต่อกันได้ในหลายรูปแบบเพื่อส่งเสริมค่านิยมที่ดีงามของสังคมไทย เพราะโรคระบาด อาจทำให้ห่างกันด้วยระยะทาง แต่ไม่จำเป็นต้องห่างกันทางความรู้สึก
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) แจ้งว่า ตั้งแต่เวลา 00.01 น.ของวันที่ 13 เมษายน 2564 จนถึงเวลา 24.00 น.ของวันที่ 15 เมษายน 2564 รวม 3 วัน กทพ. ได้ยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษ รวม 3 สายทาง คือ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1) จำนวน 19 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) จำนวน 31 ด่าน ทางพิเศษอุดรรัถยา (บางปะอิน-ปากเกร็ด) จำนวน 10 ด่าน
ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าว เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนในวันหยุดและช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน รวมทั้งช่วยลดปัญหาจราจรติดขัดบริเวณหน้าด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษ และยังเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมที่ปรากฏในสัญญาสัมปทาน ฉบับแก้ไขใหม่ระหว่าง กทพ. บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) และบริษัททางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด (NECL)
อย่างไรก็ตามผู้ใช้ทางพิเศษสามารถสอบถามข้อมูลการเดินทาง สภาพการจราจร และขอความช่วยเหลือจากศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ทางพิเศษ EXAT Call Center โทร 1543 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และผู้ใช้ทางพิเศษสามารถดาวน์โหลด Application "EXAT Portal SOS" เพื่อขอความช่วยเหลือกรณีรถเกิดอุบัติเหตุ รถขัดข้องหรือเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ ได้อีกช่องทางหนึ่ง
เมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ ซึ่งเป็นวันหยุดยาว ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา นายกฯได้อวยพรให้พี่น้องประชาชน ให้พักผ่อนกับครอบครัวอย่างมีความสุขและด้วยความระมัดระวัง เพื่อดูแลทั้งตัวเราเองและคนที่เรารัก สวัสดีปีใหม่ไทยทุกคนล่วงหน้า ถือเป็นคำอวยพร และ ของขวัญปีใหม่ไทย ในเทศกาลวันสงกรานต์ที่นายกฯมอบให้คนไทยทุกคนจากใจจริง
นายเสกสกล กล่าวว่า เป็นการแสดงให้เห็นว่านายกฯ มีความห่วงใยประชาชนทุกกลุ่ม และอยากให้กลับบ้าน และท่องเที่ยวด้วยความปลอดภัย โดยเฉพาะจากการระบาดเชื้อโควิด-19 รวมถึงในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งถือว่าเป็นวันผู้สูงอายุ วันครอบครัวด้วยนั้น นายกฯยังอยากให้พี่น้องประชาชนได้ไปพบกับครอบครัว อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวของไทยด้วย ประชาชนจะต้องให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการรักษามาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดด้วย เพื่อไม่ให้มีการแพร่เชื้อเพิ่มเติม และยังจะทำให้พี่น้องประชาชน ได้กลับบ้านและท่องเที่ยว ห่างไกลโควิด และมีความสุขในช่วงเทศกาลสงกรานต์อีกด้วย
นายเสกสกล กล่าวว่า "นายกฯห่วงใยประชาชนตลอดเวลา ทุกลมหายใจเข้าออกของนายกฯ คือ ความอยู่ดีกินดีและความสุขกายสุขใจ ความปลอดภัยในชีวิตของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งแผ่นดิน ขอให้เชื่อมั่นว่า นายกฯและรัฐบาลจะทำงานให้ดีที่สุด ทุกปัญหาต้องได้รับการแก้ไขเยียวยาให้ทั่วถึงจะไม่ทอดทิ้งหรือหนีปัญหาเด็ดขาด รัฐบาลต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกคนด้วยโดยเฉพาะการร่วมมือในการปฏิบัติตนเองและครอบครัวไม่ให้ติดเชื้อไวรัสโควิดที่กำลังแพร่กระจายอยู่ในขณะนี้โดยฟังคำชี้แจงทีมเแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัว เพื่อให้คนไทยทุกคนก้าวข้ามผ่านวิกฤตโควิดไปให้ได้"
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ แบบรายมาตรา ของพรรคพลังประชารัฐว่า เป็นการเสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยความจำใจ เพื่อต้องการจะอธิบายกับสังคมว่า รัฐบาลชุดนี้ได้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามนโยบายเร่งด่วน ที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาแล้ว การเสนอแก้ไขเป็นรายมาตรา ซึ่งถ้าจะเปรียบรัฐธรรมนูญ ปี 2560 เหมือนกับรถยนต์คันหนึ่ง การแก้เป็นรายมาตรา ก็เปรียบเสมือนการซ่อมสี “ปะผุ” ซึ่งรถยนต์คันนี้มีสภาพแชสซีคต เสียศูนย์ ไม่สามารถใช้งานต่อไปได้ จึงจำเป็นต้องซื้อรถยนต์คันใหม่ ซึ่งเปรียบเสมือนการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ
ส่วนตัวสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.) เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา จะไม่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนทั้งประเทศ ตนในฐานะที่เป็นผู้ริเริ่มการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญเห็นว่า รัฐธรรมนูญในฝันของตนนั้น อยากให้มีลักษณะดังนี้คือ
1.) เป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตย มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งเป็นรูปแบบการปกครองที่ดีที่สุด และเหมาะสมกับสภาพของประเทศไทยมากที่สุด
2.) เป็นระบบรัฐสภา มีสภาคู่ เช่นเดียวกับรูปแบบการปกครองของประเทศอังกฤษ ที่เป็นต้นแบบของการปกครองแบบรัฐสภา ที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์เหมือนกับประเทศไทย
3.) ส.ส.มาจากระบบเขตเลือกตั้งทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องมี ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งรูปแบบของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นรูปแบบลูกผสม ที่ใช้แบบอังกฤษผสมกับแบบเยอรมันและฝรั่งเศส ขัดกับการปกครองรูปแบบรัฐสภาที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
4.) สมาชิกวุฒิสภา จะมาจากการแต่งตั้ง หรือเลือกตั้งก็ได้ ต้องขึ้นอยู่กับบทบาทและหน้าที่ ถ้ามาจากการเลือกตั้งของประชาชน จะมีหน้าที่แต่งตั้ง ถอดถอน ตรวจสอบองค์กรอิสระได้ ถ้ามาจากการแต่งตั้งก็ควรมีหน้าที่เพียงการกลั่นกรองกฎหมายเท่านั้น
5.) คณะรัฐมนตรีต้องมาจาก ส.ส.เท่านั้น เพราะถือว่าเป็นบุคคลที่ได้ผ่านการคัดเลือกของประชาชนมาแล้ว มีความยึดโยงกับประชาชน เป็นการป้องกันบุคคลภายนอก กลุ่มทุน ที่ฉวยโอกาสเข้ามาเป็นรัฐมนตรี
6.) จำนวน ส.ส.มีไม่เกิน300คน และ ส.ว.มีไม่เกิน150คน เพราะเป็นจำนวนที่เหมาะสมกับประชากรของประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศทั่วโลก และเป็นการประหยัดงบประมาณของประเทศชาติอีกด้วย
ผมได้แต่ฝันว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง แม้ว่าจะฝันที่เป็นไปไม่ได้ก็ตาม ก็ขอแค่ได้ตั้งความหวังเอาไว้ ตามอุดมคติ “ฝันให้ไกล ไปให้ถึง”
เมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2564 พล.ร.อ.เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้ทำการตรวจโควิด-19 Swab แล้ว ซึ่งผลออกมาเป็นลบ ไม่ติดเชื้อโควิด-19 เพราะไม่ได้ใกล้ชิด ร้อยโทหญิง ที่อยู่ในวงที่สาม และนั่งชมการฝึกในพื้นที่เปิดโล่ง และทิ้งระยะห่างๆ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาทีเท่านั้น รวมถึงไม่ได้อยู่รับประทานอาหารกับกลุ่มนายทหารจากกองทัพไทยที่เป็นกลุ่มเสี่ยง แต่ ผบ.ทร.ก็จะกักตัว 14 และ Work From Home เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย โดยจะตรวจโควิด-19 ซ้ำ อีกครั้งในวันที่ 15 เมษายนนี้ อย่างไรก็ตาม ได้ทำการกักตัวนายทหารเรือ 30 นายที่เข้าร่วมฝึกของกองทัพเรือประจำปี 2564 เข้ากักตัวใน SQ แล้ว เพราะเป็นกลุ่มที่ไปรับประทานข้าวเที่ยงต่อ บริเวณพื้นที่ฝึก ซึ่งถือเป็นวงที่ 2 ที่ใกล้ชิดกับกลุ่มเสี่ยง
พล.ร.อ.เชษฐา กล่าวต่อว่า กองทัพเรือ ได้จัดตั้งโรงพยาบาลสนามของกองทัพเรือ ใน 3 แห่ง รองรับผู้ป่วยได้รวม 726 เตียง เช่น 1. โรงพยาบาลสนาม ศูนย์การฝึกหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (เกล็ดแก้ว) อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี จำนวน 320 เตียง 2. โรงพยาบาลสนาม ค่ายพระมหาเจษฎาราชเจ้า หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี จำนวน 174 เตียง และ3. โรงพยาบาลสนาม สนามฝึกกองทัพเรือ หมายเลข 16 บ้านจันทเขลม จังหวัดจันทบุรี จำนวน 232 เตียง โดยโรงพยาบาลสนามศูนย์การฝึกหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและฝั่ง(สอ.รฝ.)ได้รับผู้ป่วย จากโรงพยาบาลชลบุรีแล้ว แบ่งเป็นผู้ป่วยชาย 24 ราย และผู้ป่วยหญิง 22 ราย
เมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2564 นางสาวทิพานัน ศิริชนะ อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวอาจารย์แพทย์ ให้ความเห็นส่วนบุคคลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ถึงประสิทธิภาพของวัคซีนที่บิดเบือน ว่า ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ เพราะคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ออกคำแถลงชี้แจงย้ำชัดเจนแล้วว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคล ไม่ได้เป็นความเห็นทางวิชาการของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ
นอกจากนี้ ยังมีการยืนยันจากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ว่า วัคซีนโควิดที่ประเทศไทยนำเข้าทั้งซิโนแวค และแอสตราเซเนกา มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และยังมีประสิทธิภาพต่อเชื้อโรคกลายพันธุ์สายพันธุ์อังกฤษที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการยืนยันของ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก จุฬาฯ ว่าวัคซีนทั้ง 2 ตัวที่ไทยกำลังฉีดอยู่ป้องกันการเสียชีวิตได้ 100% และลดอาการป่วยรุนแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการฉีดวัคซีนโควิด-19 ยังจำเป็นเพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และมีประสิทธิภาพต่อการลดความรุนแรงของโรคของผู้ที่ติดเชื้อตามมาตรฐานสากล
นางสาวทิพานัน กล่าวว่า “ในขณะนี้มีกระบวนการด้อยค่าทีมทำงานของรัฐบาลและสาธารณสุข โดยมุ่งเรื่องวัคซีนเป็นตัวนำ โดยมีพฤติกรรม ขยายผลบิดเบือนเรื่องประสิทธิภาพวัคซีน กล่าวหาเลื่อนลอยเรื่องรัฐผูกขาดนำเข้าวัคซีน จนสร้างความตื่นตระหนกสับสนในสังคม ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตของพี่น้องประชาชน ที่อาจตัดสินใจไม่ให้ความร่วมมือมารับการฉีดวัคซีน อันส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น การฟื้นฟูเศรษฐกิจ และกำลังใจของทีมนักรบชุดขาวที่กำลังทำงานอย่างเต็มที่ เพียงเพื่อมุ่งหวังให้เกิดความเสียหายและหวังผลทางเมือง โดยเอาสุขภาพของประชาชนมาเป็นเหยื่อ ดังนั้นจึงขอประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลที่ไม่มีหลักวิชาการอ้างอิง ที่กำลังระบาดตอนนี้
ที่น่าผิดหวังก็คือ นักการเมือง ผู้แทนของประชาชน โดยเฉพาะฝ่ายค้าน เช่น นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กกล่าวหารัฐบาลฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันต่ำ โดยไม่คำนึงว่าจะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตของพี่น้องประชาชน และกระทบต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างไร ทำให้สังคมสงสัยและตั้งคำถามว่าคิดแต่ความได้เปรียบทางการเมืองมากกว่าข้อมูลที่ถูกต้องหรือไม่
เมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2564 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า มีชาวบ้านในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ส่งข้อมูลและหลักฐานการทุจริตหรือการซื้อสิทธิขายเสียงในการแข่งขันเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาล เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 64 ที่ผ่านมา มาให้สมาคมฯเป็นจำนวนมาก แทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีหลักฐานโจ๋งครึ่มทำกันได้ขนาดนี้
ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ มีการแบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็น 4 แขวง คือ แขวงนครพิงค์ แขวงกาวิละ แขวงเม็งราย และแขวงศรีวิชัย ซึ่งมีหลักฐานชี้ชัดว่าพื้นที่เขตเลือกตั้งดังกล่าวมีการซื้อขายเสียงกันดุมากตั้งแต่หัวละ 1,000 - 2,000 บาทเลยทีเดียว โดยส่วนใหญ่หัวคะแนนที่นำเงินมาซื้อเสียงนั้นจะเป็นประธานชุมชน หรือแกนนำชุมชนซึ่งเป็นที่รู้จักและเกรงใจกันของลูกบ้าน ทั้ง ๆ ที่ประธานชุมชนถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของเทศบาล ซึ่งควรที่จะวางตัวเป็นกลาง แต่กลับมามีพฤติกรรมเป็นหัวคะแนนให้กับผู้สมัครรับเลือกตั้งอย่างไม่ละอาย
ยังมีผู้สังเกตการณ์เลือกตั้งได้มาร้องเรียนว่าพบเห็นหัวคะแนนของผู้สมัครนายกเทศมนตรีรายหนึ่ง มายืนจ่ายเงินซื้อเสียงกันบริเวณหน้าหน่วยเลือกตั้งเลยทีเดียว ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจว่าคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งดังกล่าว กลับไม่มีใครรู้ใครเห็นเลยหรืออย่างไร อีกทั้งผู้สมัครบางรายมีการจัดทำป้าย คัตเอ้าท์ และการโพสต์ในสื่ออนไลน์หาเสียง ในลักษณะสัญญิงสัญญามากมายว่าหากได้รับการเลือกตั้งแล้วจะดำเนินการให้สิ่งนั้นสิ่งนี้แก่ผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งมากมาย เช่น การจ้างงานแก้โควิด-19 เป็นต้น
ซึ่งกรณีดังกล่าวจะปล่อยให้ผ่านเลยไปไม่ได้ เพราะถือได้ว่าเป็นการเลือกตั้งที่เป็นไปโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งตาม พรบ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 กำหนดข้อห้ามและบทลงโทษเอาไว้ชัดเจน ผู้ใดฝ่าฝืนย่อมมีความผิด ทั้งหัวคะแนน และพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ทำตัวละเว้นเพิกเฉย
อย่างไรก็ตาม ตามกฎหมายข้างต้น ม.65(1)(2) กำหนดห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น ให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัคร หรือการชักชวนให้ไปลงคะแนนไม่เลือกผู้ใดเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ด้วยวิธีการจัดทำให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สิน หรือ ผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด และหรือให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าจะโดยตรง หรือโดยอ้อมแก่ชุมชน เป็นต้น
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะได้รวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานเพื่อนำไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทันทีที่เปิดทำงานตามปกติหลังเทศกาลสงกรานต์ เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยเอาผิดและลงโทษผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งผู้สมัครที่มีส่วนรู้เห็นและหรือเป็นต้นเหตุของการกระทำดังกล่าวด้วย