Wednesday, 2 July 2025
POLITICS NEWS

เทพไท แจงเหตุผลตัดงบ สัมมนาดูงาน ก่อสร้าง ซื้ออาวุธ ได้เงิน 4 แสนล้าน สู้โควิด

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ Facebook ส่วนตัว มีข้อความว่า จากกรณีที่ผมได้เสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรี ให้พิจารณาการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565  โดยขอเสนอให้ตัดงบประมาณใน 4 ส่วน ด้วยเหตุผลดังนี้ คือ

1.งบประมาณการจัดสัมมนาซึ่งเห็นว่างบประมาณส่วนนี้ไม่ควรที่จะดำเนินการในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพราะการสัมมนาเป็นการรวมตัวของคนหมู่มาก สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ได้

2.งบประมาณด้านการศึกษาดูงาน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ควรมีงบประมาณส่วนนี้ ในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะการศึกษาดูงานเป็นเพียงการเปิดวิสัยทัศน์และเพิ่มประสบการณ์ให้กับข้าราชการในการทำงาน ไม่ใช่ความจำเป็นเร่งด่วนในสถานการณ์เช่นนี้ และยังไม่มีประเทศใดเปิดรับชาวต่างชาติเดินทางเข้าสู่ประเทศในสถานการณ์โรคไวรัสโควิดกำลังระบาดอยู่

3.งบประมาณด้านการก่อสร้างที่เป็นโครงการใหม่ ทั้งการก่อสร้างถนน และอาคาร ซึ่งยังไม่มีความจำเป็น และไม่ใช่สิ่งจำเป็นเร่งด่วน สามารถชะลอโครงการก่อสร้างออกไปได้หนึ่งปี จะไม่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนโดยตรง

4.งบประมาณด้านการทหารในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ และการก่อสร้างอาคาร ค่ายทหาร ซึ่งไม่มีความจำเป็นสำหรับการสู้รบในโลกปัจจุบัน ที่มีการสงครามทางโลกไซเบอร์มากกว่า และการก่อสร้างในค่ายทหารก็ได้รับงบประมาณในช่วงรัฐบาล คสช. มากกว่าทุกรัฐบาล

 ถ้าหากรัฐบาลดำเนินการตัดงบประมาณทั้ง 4 ส่วนดังกล่าวนี้ จะมีเม็ดเงินงบประมาณไม่ต่ำกว่า 4 แสนล้านบาท เพื่อนำมาใช้เป็นงบประมาณที่เกี่ยวกับการป้องกันและเยียวยา การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ได้ครบวงจร โดยนำเม็ดเงินงบประมาณทั้งหมดไปจัดทำงบประมาณโครงการดังนี้ คือ

1.) จัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์การตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับโรงพยาบาลประจำอำเภอ ทั่วประเทศ เพื่อให้มีการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเชิงรุก เป็นการป้องกันโรคในเบื้องต้น

2.) จัดซื้อวัคซีนเพื่อใช้ฉีดป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับประชาชนทั้งประเทศ ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงครบทุกคน เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ของประชาชนในประเทศ

3.) จัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ด้านการพยาบาลให้กับ อสม.และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) ที่ขาดแคลนเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ในการบริการประชาชนในชนบท

4.) จัดเป็นงบประมาณส่งเสริมสนับสนุนธุรกิจรายย่อยหรือ SME เพื่อเป็นการช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก

5.) จัดเป็นงบประมาณเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ให้กับประชาชนทุกสาขาอาชีพ 

ถ้ารัฐบาลได้ดำเนินการตามข้อเสนอแล้ว ก็สามารถจะแก้ปัญหาการระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 และความเดือดร้อนของประชาชนได้ โดยไม่จำเป็นต้องมาปรับลดงบประมาณ หรือจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณกลางปีขึ้นมาใหม่ เหมือนที่ผ่านมา และเป็นการรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในรอบ4หรือรอบ5 ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ 

สำหรับปีนี้ ผมไม่มีโอกาสได้อภิปรายแสดงความเห็นในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร จึงขอใช้สิทธิ์ผู้แทนนอกสภา เสนอความเห็นเกี่ยวกับการจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณร่ายจ่ายประจำปี 2565 ผ่านสื่อมวลชนไปถึงรัฐบาลด้วยความจริงใจ

ก.แรงงาน ชวนทำดี จัดกิจกรรม “ปรับ-ปลูก-ปัน วันแรงงานสร้างสุข ปลุกพลังจิตอาสา”

ก.แรงงาน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เชิญชวนสถานประกอบกิจการ นายจ้าง และเครือข่ายพี่น้องแรงงาน จัดกิจกรรม “ปรับ-ปลูก-ปัน วันแรงงานสร้างสุข ปลุกพลังจิตอาสา” ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนจิตอาสาพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อความสุขของแรงงานและประชาชน เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ ประจำปี 2564

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า วันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปีเป็นวันแรงงานแห่งชาติตามปกติจะมีการจัดกิจกรรมเพื่อแสดงถึงพลังของแรงงานในการร่วมพัฒนาประเทศ ตลอดจนรับทราบปัญหา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างขวัญกำลังใจแก่พี่น้องแรงงาน แต่ปีนี้เนื่องจากสถานการณ์ของ โรคโควิด-19 เกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ จึงมีความจำเป็นต้องงดการจัดกิจกรรมวันแรงงานแห่งชาติ ประจำปี 2564 อย่างไรก็ตาม กระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ มีนโยบายการบริหารงานภายใต้วิสัยทัศน์ “แรงงานมีศักยภาพสูง และมีคุณภาพชีวิตที่ดี” โดยให้ความสำคัญกับการน้อมนำพระราชปณิธาน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการขับเคลื่อนโครงการจิตอาสา หวังให้ประชาชนมีความสุข ประเทศชาติมีความมั่นคงอย่างยั่งยืน จึงได้มอบหมายให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จัดกิจกรรม “ปรับ-ปลูก-ปัน วันแรงงานสร้างสุข ปลุกพลังจิตอาสา” เพื่อส่งเสริมให้สถานประกอบกิจการ นายจ้าง และลูกจ้าง ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค มีส่วนร่วมในกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์เพื่อสังคมส่วนรวม ตลอดจนก่อให้เกิดความสามัคคีและความเข้มแข็งของเครือข่ายพี่น้องแรงงานผู้ที่ทำประโยชน์แก่เศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย

ด้าน นายอภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า กิจกรรมดังกล่าว กรมได้มอบหมายให้สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน 76 จังหวัด ดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนให้สถานประกอบกิจการและเครือข่ายแรงงาน จัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานและประชาชนให้มีความสุข ได้แก่ การมีสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันปรับปรุงภูมิทัศน์ ปลูกต้นไม้ ทำความสะอาดสถานประกอบกิจการ พื้นที่ในชุมชน เช่น วัด และโรงเรียน หรือร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแบ่งปันในการบริจาคโลหิตให้กับสภากาชาติไทย พร้อมทั้งกิจกรรมยกระดับสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมของพี่น้องแรงงาน ให้มีความรู้ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในการดูแลตนเองและครอบครัว

โดยร่วมแบ่งปันหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์เพื่อป้องการการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้กรมตั้งเป้าจัดกิจกรรมมุ่งสร้างความสำคัญของแรงงานในวันแรงงานแห่งชาติ อาทิ การให้คำปรึกษาแนะนำ ตรวจเยี่ยม และติดตามป้องกันเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้านแรงงาน อันเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีของนายจ้างและลูกจ้างในการก้าวข้ามผ่านอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจและผ่านพ้นวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นี้ไปด้วยกัน

“ธนกร” โต้แทน “บิ๊กตู่” แจง ”บิ๊กแสนสิริ” ยันรัฐบาลเร่งฉีดวัคซีนไทม์ไลน์ชัดเจน ซัด ฝ่ายค้านอย่าติงทุกเรื่อง

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและผู้จัดการใหญ่บริษัทแสนสิริจำกัด(มหาชน) เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ว่า นายเศรษฐา ออกมาให้ความเห็นบ่อยในช่วงหลังซึ่งเป็นไปอย่างสุภาพ ส่วนจะหวังผลการเมืองหรือไม่นั้นไม่ทราบ แต่ดีกว่าฝ่ายการเมือง ขอยืนยันกับนายเศรษฐา ว่ารัฐบาลเร่งฉีดวัคซีนให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ และมีแผนการฉีดวัคซีนที่ชัดเจน ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงว่าขณะนี้ไทยมีวัคซีนป้องกันโควิดเข้ามาจำนวน 2,117,000 โดส และในวันที่ 24 เม.ย. วัคซีนซิโนแวคจะเข้ามาอีก 5 แสนโดส และเดือนพ.ค.วัคซีนซิโนแวคเข้ามา 1 ล้านโดส 

ส่วนวัคซีนแอสตราเซนเนกา ที่ผลิตในไทยจะเริ่มทยอยส่งเดือนมิ.ย. 4-6 ล้านโดส และจะเพิ่มจำนวนตั้งแต่เดือนก.ค.จนถึงสิ้นปี64 จะครบ 61 ล้านโดส และมีวัคซีนทางเลือกที่ให้ภาคเอกชนอีก 5-10 ล้านโดส ที่น่าจะเพียงพอ และเตรียมยาฟาวิพิราเวียร์ไว้แล้ว ในเดือนเม.ย.-พ.ค.จัดหาเพิ่ม 2 ล้านเม็ด เดือนพ.ค-มิ.ย.1 ล้านเม็ด และมิ.ย.-ก.ค.อีก 5 แสนเม็ด และจะสั่งซื้อให้มีสำรองในสต็อก 3.5 ล้านเม็ด 

“ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาล ทุ่มเททำงานช่วยเหลือประชาชน ทั้งนี้ที่หวังดีและเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์ ไม่เหมือนกับฝ่ายค้านที่โจมตีโดยประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร ส่วนฝ่ายค้านให้ลดการตำหนิรัฐบาลลง และให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์จะดีกว่า เวลานี้ไม่ใช่เวลาของการเมือง แต่เป็นเวลาที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมแรงร่วมใจทำงานช่วยเหลือประชาชน” นายธนกร กล่าว

ครม. ยุบเลิกเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนากฎหมาย ชี้ ให้ชำระบัญชี นำเงินคืนคลัง

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. เห็นชอบ ให้ยุบเลิกเงินทุนหมุนเวียนเพื่อพัฒนากฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และไม่ควรจัดตั้งกองทุนความปลอดภัยในการออกกำลังกาย นันทนาการ และกีฬา ของกรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) และกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบของสำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน กระทรวงแรงงาน และให้นำเงินคงเหลือส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน

เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเกี่ยวกับการพัฒนากฎหมายแล้ว  และไม่เห็นควรจัดตั้งกองทุนความปลอดภัยในการออกกำลังกาย นันทนาการ และกีฬา ของกรมพลศึกษา เนื่องจากเป็นงานซ้ำซ้อนกับภารกิจปกติของหน่วยงานและซ้ำซ้อนกับทุนหมุนเวียนอื่นในการสนับสนุนเงินเยียวยาค่ารักษาแก่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งผู้ให้บริการสถานที่ออกกำลังกายควรเป็นผู้ดูแลความปลอดภัยในการใช้สถานที่ รวมทั้งไม่เห็นควรจัดตั้งกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ ของสำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน เนื่องจากเป็นภารกิจปกติของกระทรวงแรงงานและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้การขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนต้องเป็นไปตามพ.ร.บ.การบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. 2558  ที่บัญญัติให้ทุนหมุนเวียนที่หน่วยงานของรัฐขอจัดตั้งจะต้องไม่มีการดำเนินการในลักษณะเดียวกับภารกิจปกติของหน่วยงานรัฐและต้องไม่ซ้ำซ้อนกับหน้าที่ของหน่วยงานรัฐอื่น หรือทุนหมุนเวียนที่ดำเนินการอยู่แล้วด้วย

"บิ๊กตู่" สั่ง ปรับโฉม มอบรมต.คุมพื้นที่ ยึด จว.ฐานเสียง

นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่  85  /2564 เรื่อง มอบหมายให้รัฐมนตรีรับผิดชอบแนวคิดการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับพื้นที่จังหวัด เพื่อให้การดำเนินการพัฒนาและแก้ไขปัญหาภายใต้แนวคิดการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับ พื้นที่จังหวัด เป็นไปอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนี้

นายอนุชา นาคาศัย  รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดูแลพื้นที่ จังหวัดชัยนาท สมุทรปราการ ลพบุรี , พลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ดูแลพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี ยะลา , นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ดูแลพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี อุดรธานี ศรีสะเกษ , นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ดูแลพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ พิจิตร

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ดูแลพื้นที่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่  , นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดูแลพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ ยโสธร พัทลุง , นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ดูแลพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ มหาสารคาม , นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ ดูแลพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร พังงา

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดูแลพื้นที่จังหวัดสงขลา นครศรีธรรมราช ภูเก็ต , นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดูแลพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี และ เลย , นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดูแลพื้นที่จังหวัดอ่างทอง พระนครศรีอยุธยา

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ดูแลพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ , นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ดูแลพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น ชัยภูมิ , นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ดูแลพื้นที่จังหวัดสกลนครมุกดาหาร , นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ดูแลพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี เพชรบุรี กาญจนบุรี
 
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดูแลพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดนครปฐม , นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ดูแลพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู ร้อยเอ็ด , พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ดูแลพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน
 
นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ดูแลพื้นที่จังหวัดตรัง สตูล , นายทรงศักดิ์ ทองศรีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ดูแลพื้นที่จังหวัดนครพนม หนองคาย บึงกาฬ , นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ดูแลพื้นที่จังหวัดสุโขทัย กำแพงเพชร ตาก , นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ดูแลพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี ระนอง

นางนฤมล ภิญโญสินวัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ดูแลพื้นที่จังหวัดพะเยา เชียงราย น่าน , นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ดูแลพื้นที่จังหวัดชลบุรี ลำปาง ฉะเชิงเทรา , นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดูแลพื้นที่จังหวัดสระแก้ว นครสวรรค์ พิษณุโลก , คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดูแลพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม 

นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดูแลพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี นครนายก , นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ดูแลพื้นที่จังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด , นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ดูแลพื้นที่จังหวัดแพร่ สระบุรี ราชบุรี ทั้งนี้  ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป

“บิ๊กตู่” แจงครม. เร่งฉีดวัคซีนให้ปชช.สั่งมท. - สธ.รายงานทุกวัน แนะปชช.พบติดเชื้อ ให้รักษาในรพ. เท่านั้น ห้ามกักตัวที่บ้าน! หาพบเชื้อ ย้ำ เตียง-ยา-เวชภัณฑ์ พร้อมรองรับ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมแจ้งให้ที่ประชุมครม.รับทราบถึงมติของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพทยระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 )หรือศบค.ที่เห็นชอบปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วประเทศและมาตรการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 หลังเทศกาลสงกรานต์เพื่อลดการแพร่เชื้อที่สัมพันธ์กับสถานบันเทิงการรวมกลุ่มสังสรรค์ต่างๆไม่ให้แพร่ระบาดไปในวงกว้างโดยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบมีผลตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.ไปจนถึงสิ้นเดือนเม.ย.นี้ และจะประเมินสถานการณ์อีกครั้ง การที่รัฐบาลหลีกเลี่ยงมาตรการล็อกดาวน์ เคอร์ฟิว เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนมากเกินไป จึงขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดอย่างเคร่งครัดเพื่อให้การควบคุมแพร่ระบาดในรอบนี้เกิดผลสำเร็จ

นายอนุชา กล่าวว่า นายกฯได้เร่งการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนหลังกระจายไปแล้วทั่วประเทศและสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุขรายงานความคืบหน้าให้ทราบทุกวัน และให้ทำความเข้าใจกับประชาชนเรื่องการตั้งโรงพยาบาลสนามในจุดต่างๆ การตรวจเชื้อ การคัดกรอง ที่สำคัญหากประชาชนที่ตรวจพบติดเชื้อให้รักษาที่โรงพยาบาลเท่านั้น ไม่สามารถกักตัวที่บ้านได้

การจัดหาวัคซีนทางเลือกนายกได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเร่งดำเนินการนำเข้าวัคซีนเพิ่ม ขณะนี้มีวัคซีนที่เข้ามาแล้ว 2 ล้านโดส ในเดือนเม.ย.และพ.ค.คาดว่าจะมีวัคซีนของซิโนแวค เข้ามาเพิ่มเติม จากนั้นจะเป็นของแอสตราเซเนกา เข้ามาในช่วงเดือนมิ.ย.ประมาณ6-10 ล้านโดส ต่อเดือน จะทำให้การฉีดวัคซีนได้เร็วขึ้น โดยจะเปิดให้ประชาชนสามารถลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนผ่านแอปพลิเคชันไลน์ หมอพร้อมตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.เป็นต้นไป

สำหรับการจัดหาเวชภัณฑ์และเตียงผู้ป่วย ในกรุงเทพมหานครและทั่วประเทศ ขณะนี้มีรองรับทั้งสิ้นมากกว่า 2.8หมื่นเตียง ทั้งโรงพยาบาลรัฐ เอกชน เตียงในฮอสพิเทล และโรงพยาบาลสนาม และจะเพิ่มมากขึ้นให้เพียงพอกับจำนวนผู้ป่วย และมีเครื่องช่วยหายใจกว่า 1 กมื่นเครื่อง ที่พร้อมขยายตามสถานการณ์ ด้านอุปกรณ์ป้องกันตัวสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ มีหน้ากากN95กว่า1.6ล้านชิ้น และสั่งซื้อสำรองต่อเนื่อง ส่วนหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ มีมากกว่า 94ล้านชิ้น และเตรียมการชุดพีพีอี มากกว่า 5.4 แสนชิ้น นอกจากนั้นได้กระจายยาฟาวิพิราเวียร์เพื่อรักษาอาการติดเชื้อไปแล้วทั่วประเทศซึ่งมีพอเพียงและสั่งซื้อมาสต๊อกต่อเนื่องและจะนำเข้ามาไม่ต่ำกว่า 3.5 ล้านเม็ด ให้เพียงพอสำหรับผู้ป่วย ขณะที่ห้องปฏิบัติการตรวจเชื้อ มีมากกว่า 270 แห่ง กำลังการตรวจได้กว่า 8 หมื่นตัวอย่างต่อวัน

ทั้งนี้นายกฯห่วงบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจทหาร พลเรือน ที่เป็นอาสาสมัคร เพราะเป็นผู้มีความเสี่ยงสูง ต้องสัมผัสกับผู้ติดเชื้ออยู่ตลอดเวลาจึงให้กำลังใจทุกคนในการทำหน้าที่ พร้อมขอให้ประชาชนเข้าใจว่าทำงานหนักให้ร่วมเป็นกำลังใจให้บุคคลเหล่านี้

ครม.ผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 65 วงเงิน 3.1 ล้านล.

ที่ประชุมครม. เห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท โดยประมาณการจัดเก็บรายได้ 2.4 ล้านล้านบาท และการกู้งบประมาณขาดดุล 700,000 ล้านบาท โดยขั้นตอนต่อจากนี้สำนักงบประมาณจะดำเนินการจัดพิมพ์ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2565 และเอกสารประกอบงบประมาณ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 และนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 27 - 28 พฤษภาคม 2564 ต่อไป

ทั้งนี้สำนักงบประมาณ ได้เสนอถึงการรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2565 โดยสำนักงบประมาณได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ตามมาตรา 77 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 โดยรับฟังความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์สำนักงบประมาณ ระหว่างวันที่ 24 มีนาคม – 7 เมษายน 2564 และทำหนังสือสอบถามความคิดเห็นไปยังหน่วยรับงบประมาณ ทั้งนี้ สำนักงบประมาณได้นำผลการรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวไปประกอบการวิเคราะห์ผลกระทบและการจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

พร้อมทั้งเสนอร่างพ.ร.บ.งบฯ การจัดทำร่างพ.ร.บ.งบฯ เป็นไปตามรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2564 โดยร่างพ.ร.บ.งบฯ 2565 มีโครงสร้างแตกต่างจากพ.ร.บ.งบฯ ปี 2564 ซึ่งมีจำนวน 7 หมวด โดยในปีงบประมาณ 2565 ได้เพิ่มหมวดหมู่กฎหมายจำนวน 2 หมวด ได้แก่ หมวด 8 งบประมาณ รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง และหมวด 9 งบประมาณรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินทุนสำรองจ่าย เนื่องจากมีการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565

ครม.เคาะเยียวยาช่วยสวนลำไยเพิ่ม 160 ครัวเรือน

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. เห็นชอบขยายจำนวนครัวเรือนเกษตรกรเป้าหมายในโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย ปี 2563 จากจำนวน 202,013 ครัวเรือน เป็น 202,173 ครัวเรือน เพิ่มขึ้น 160 ครัวเรือน เนื่องจากเป็นกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับสิทธิ์เยียวยาแต่ตกหล่นในระบบ โดยเบิกจ่ายภายใต้กรอบวงเงินเดิมของโครงการ จำนวน 3,440 ล้านบาท 

ทั้งนี้ยังเห็นชอบขยายระยะเวลาโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย ปี 2563 จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 64 เป็นสิ้นสุดวันที่ 30 เม.ย.64 ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนลำไยที่ประสบปัญหาภาวะลำไยล้นตลาดในช่วงปี 2563 ที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวนและสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 

ก่อนหน้านี้ ครม. เคยมีมติเมื่อ 26 มกราคม 2564 ขยายจำนวนครัวเรือนเกษตรกรในโครงการมาแล้วครั้งหนึ่ง จาก 200,000 ครัวเรือน เป็น 202,013 ครัวเรือน สำหรับการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไยในครั้งนี้ ยังคงใช้หลักการเดิม คือ เยียวยาไร่ละ 2,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเป็นผู้ดำเนินการโอนเงินให้เกษตรกรโดยตรง

ครม.ทุ่มงบฯเกือบ 600 ล้าน เตรียมแผนรองรับ สถานการณ์ฉุกเฉิน-ภัยพิบัติทางธรรมชาติ

นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทางการแพทย์และการสาธารณสุขพ.ศ.2563 – 2565 เพื่อเป็นกรอบแนวทางการดำเนินงานรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินและภัยพิบัติทางธรรมชาติแบบบูรณาการที่ครบวงจรและมีเอกภาพ 

นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า ในรอบทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยเผชิญกับโรคและภัยพิบัติธรรมชาติอย่างรุนแรงในหลายรูปแบบ ทั้งแผ่นดินไหว คลื่นยักษ์สึนามิ อุทกภัย รวมถึงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)  ถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติรวมถึงเป็นปัญหาทางสังคมและการเมืองของประเทศด้วย จึงได้จัดทำแผนปฏิบัติการดังกล่าวขึ้นมาให้สามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยและฟื้นฟูหลังเกิดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพได้กำหนดวิสัยทัศน์ตามแผนดังกล่าว คือ ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยได้รับบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และมีความมั่นใจในระบบบริการสาธารณสุขทุกระยะของการเกิดภัยอย่างทันท่วงทีในทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์คือ ยุทธศาสตร์แรก ส่งเสริมการลดความเสี่ยงต่อสาธารณภัยทางการแพทย์และการสาธารณสุขที่มีมาตรฐาน ได้แก่ สร้างความเข้มแข็งของชุมชนและเครือข่ายความร่วมมือของทุกภาคส่วน รวมถึงสร้างองค์ความรู้ด้านการแพทย์และการสาธารณสุขในภาวะฉุกเฉิน, จัดทำระบบบริหารความต่อเนื่อง ที่สามารถสนับสนุนบุคลากรและทรัพยากรแก่การจัดการภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์และการสาธารณสุขที่มีมาตรฐาน

ยุทธศาสตร์ที่ 2 บูรณาการระบบและให้บริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขในภาวะฉุกเฉินและสาธารณภัยอย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ ได้แก่ พัฒนาระบบสื่อสารในภาวะฉุกเฉินและเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลการประเมินสถานการณ์ที่เป็นปัจจุบันและเชื่อถือได้,  พัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรในการจัดการภาวะฉุกเฉินและสาธารณภัย ระบบบริการทางการแพทย์ที่มีมาตรฐาน  

ยุทธศาสตร์ที่ 3 เพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นฟูด้านการแพทย์และการสาธารณสุขหลังเกิดสาธารณภัย โดยร่วมกับหน่วยงานภาคีในระดับปฏิบัติการพื้นที่พัฒนาระบบปฏิบัติการฟื้นฟูด้านการแพทย์และการสาธารณสุขให้สอดคล้องกับแนวทางการฟื้นฟูหลังภัยพิบัติ

ยุทธศาสตร์ที่ 4 พัฒนาศักยภาพและกลไกการบริหารจัดการเชิงบูรณาการทางการแพทย์และการสาธารณสุขระหว่างประเทศในภาวะฉุกเฉินและสาธารณภัยด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ได้แก่ พัฒนาขีดความสามารถ เทคโนโลยี และนวัตกรรมในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทางการแพทย์และการสาธารณสุข, เสริมสร้างทักษะและความชำนาญของเครือข่ายด้านการบริหารจัดการภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์และการสาธารณสุข และส่งเสริมมาตรฐานความร่วมมือระหว่างประเทศในการจัดการความเสี่ยง

นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับงบประมาณที่จะนำมาใช้ดำเนินการตามกรอบยุทธศาสตร์รวมทั้งสิ้น 588.41 ล้านบาท  โดยแหล่งเงินที่จะใช้ตลอดระยะเวลาดำเนินการในปี 2563-2565 ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการจัดทำแผนงบประมาณที่สอดรับกับแผนปฏิบัติการดังกล่าวเพื่อเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของแต่ละหน่วยงานต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top