‘ศรีสุวรรณ จรรยา’ จี้สภา สอบ ‘ส.ส.เจี๊ยบ นครปฐม’ ผิดจริยธรรมร้ายแรง หลังโผล่ร่วมม็อบ 20 มีนา ชี้เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายหลายฉบับ
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า วันที่ 23 มี.ค.นี้ตนได้ส่งหนังสือร้องเรียนไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้สอบสวนและเอาผิดนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กรณีเข้าร่วมชุมนุมประท้วงกับกลุ่ม RE-DEM เมื่อ 20 มีนาคมที่ผ่านมา ที่บริเวณท้องสนามหลวงและถนนราชดำเนิน ซึ่งเป็นการจัดชุมนุมที่ฝ่าฝืนกฎหมายหลายฉบับ มีการทำลายและเผาป้ายพระบรมฉายาลักษณ์ ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในชาติบ้านเมือง เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของทางราชการเสียหายและมีผู้บาดเจ็บสาหัสจำนวนมาก
นางอมรัตน์ มีสถานะเป็นถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ทรงเกียรติ แต่กลับลดตัวลงมาคลุกคลีร่วมกิจกรรมการชุมนุมกับกลุ่มผู้ชุมนุม ทั้ง ๆ ที่ย่อมรู้ได้ว่าเป็นการจัดการชุมนุมที่ฝ่าฝืนกฎหมาย จึงถือได้ว่าเป็นผู้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ซึ่งตาม ป.อาญา ม.83 ระบุว่า “ในกรณีความผิดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น”
การชุมนุมเมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา ถือว่าเป็นการฝ่าฝืน ม.14 แห่ง พรบ.ชุมนุมสาธารณะ 2558 ฝ่าฝืน ม.9 แห่ง พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 ฝ่าฝืน ม.34(6) แห่ง พรบ.โรคติดต่อ 2558 รวมทั้งฝ่าฝืนประมวลกฎหมายอาญา ม.116 ม.209 ม.210 และม.215 รวมทั้ง พรบ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง 2535 อีกด้วย
ที่สำคัญการเข้าร่วมชุมนุม โดยพยายามที่จะแสดงออกว่าตนเองมิใช่ “เตี้ยหลังม็อบ” ที่ถูกตั้งฉายานาม แต่พยายามจะสื่อสารผ่านเฟซบุ๊กของตนว่าตนเองอยู่หน้าม็อบเสมอนั้น แต่ทว่ากลับเป็นม็อบที่นำไปสู่การทำผิดกฎหมายอย่างมากมายข้างต้น การแสดงออกของ ส.ส.อมรรัตน์ จึงเป็นประจักษ์พยานที่ตอกย้ำพยานหลักฐานว่าเป็นพฤติการณ์ที่อาจฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมฯ 2561 อย่างร้ายแรง ในข้อ 5 ข้อ 6 ข้อ 7 ข้อ 12 และข้อ 17 ซึ่งเป็นมาตรฐานทางจริยธรรม ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 ม.219 บัญญัติไว้
นอกจากนั้นการกระทำดังกล่าวยังอาจเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับ ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ 2563 อย่างร้ายแรงอีกฉบับหนึ่งด้วย โดยเฉพาะในข้อ 6 ข้อ 7 ข้อ 8 ข้อ 9 และข้อ 10 ซึ่งกำหนดว่า ส.ส.ต้องจงรักภักดีและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต้องรักษาไว้และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยเคร่งครัด ต้องรักษาไว้และปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด และต้องรักษาไว้ซึ่งชื่อเสียงของสภาผู้แทนราษฎร และไม่กระทำการใด ๆ อันอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติภูมิของประเทศชาติและสภาผู้แทนราษฎรอีกด้วย
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงได้ส่งคำร้องไปยังท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายหรือข้อบังคับ เพื่อลงโทษขั้นสูงสุด