Wednesday, 4 December 2024
POLITICS NEWS

กทม. ออกประกาศควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 10 - 15 เม.ย. 64

พล.ต.อ.อัศวิน  ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า เนื่องจากในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของแต่ละปีจะมีการจัดงานหรือกิจกรรมเพื่อส่งเสริมประเพณี และวัฒนธรรม ส่งเสริมการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจ มีการเล่นสาดน้ำ ประแป้ง มีการรวมกลุ่มคนเป็นจำนวนมากและอาจเกิดภาวะไร้ระเบียบ คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ในการประชุม ครั้งที่ 6/2564 เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2564 จึงมีมติเห็นชอบมาตรการเพื่อเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ในระหว่างวันที่ 10 เมษายน 2564 ถึงวันที่ 15 เมษายน 2564 

 

ดังนั้น อาศัยอำนาจตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ประกอบกับข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และมติของคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครดังกล่าว จึงประกาศมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ดังนี้

 

1. การจัดกิจกรรมในเทศกาลสงกรานต์ โดยกิจกรรมพื้นฐาน อาทิ การจัดพิธีสรงน้ำพระรวมทั้งกิจกรรมอื่น ๆ ทางศาสนา การจัดพิธีรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้ให้ผู้จัดกิจกรรมและประชาชนปฏิบัติตามประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 20) ลงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 โดยเคร่งครัด กรณีมีผู้ร่วมกิจกรรมเกิน 300 คน ผู้จัดกิจกรรมต้องยื่นแผนการจัดงานและมาตรการควบคุมโรคต่อสำนักงานเขตพื้นที่ก่อนจัดงาน

 

2. การจัดกิจกรรมในเทศกาลสงกรานต์โดยมีกิจกรรมเพิ่มเติมจากกิจกรรมพื้นฐานตามข้อ 1 เช่น การออกร้าน การจัดเลี้ยง ซึ่งมีผู้ร่วมกิจกรรมเกิน 100 คน ผู้จัดกิจกรรมต้องยื่นแผนการจัดงานและมาตรการควบคุมโรคต่อสำนักงานเขตพื้นที่ก่อนจัดงาน ทั้งนี้ ควรจัดในพื้นที่โล่งแจ้ง อากาศระบายได้ดี หลีกเลี่ยงการจัดกิจกรรมพื้นที่คับแคบหรือในพื้นที่ห้องปรับอากาศ และให้งดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมากและอาจเกิดภาวะไร้ระเบียบ หรือกิจกรรมที่มีการสัมผัสใกล้ชิดกัน เช่น การรวมกลุ่มเล่นสาดน้ำ คอนเสิร์ต ประแป้ง ปาร์ตี้โฟม

 

3. ควรหลีกเลี่ยงการจัดเลี้ยงและสังสรรค์ในกลุ่มที่มาหลากหลายพื้นที่และควรงดการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มร่วมกันเป็นเวลานาน

 

ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม อาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นรีบด่วนหากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงแก่สาธารณชนหรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ จึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิโต้แย้ง ตามมาตรา 30 วรรคสอง (1) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 

 

ประกาศ ณ วันที่ 23 มีนาคม 2564

ศรชล.ชี้! กรณีกลุ่มเรือประมงผิดกฎหมายปากอ่าวปากนคร ขับเรือพุ่งชนเรือเจ้าหน้าที่ บาดเจ็บ 5 นาย พร้อมเร่งหาตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ

เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2564 พล.ร.ต.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล(ศรชล.) กล่าวถึง กรณีกลุ่มเรือประมงผิดกฎหมายในปากอ่าวปากนคร จ.นครศรีธรรมราช ได้ขับเรือหางยาวขนาดใหญ่เร่งเครื่องพุ่งเข้าชนเรือของเจ้าหน้าที่ ศรชล.ภาค 2 จนมีผู้บาดเจ็บสาหัส จำนวน 5 นาย ว่า  

 

“เมื่อวันที่ 22 มี.ค. เวลาประมาณ 18.50 น. ทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากเครือข่ายเฝ้าระวังการทำประมงผิดกฎหมายว่ามีกลุ่มบุคคลลักลอบทำการประมงด้วยเครื่องมือคราดหอยบริเวณทะเลอ่าวไทยตำบลปากนคร จ.นครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่ ศรชล.ภาค 2 จึงได้สนธิกำลังร่วมกับประมงจังหวัดและชุด ชปพ./สห.ทร.จาก ทรภ.2 พร้อมทั้งประมงอาสา (ผู้ช่วยเหลือการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ ) ออกเรือลาดตระเวน จำนวน 2 ลำ รวมกำลังเจ้าหน้าที่  16 นาย ออกปฏิบัติการ 

 

“เมื่อแล่นเรือถึงบริเวณดังกล่าวในเวลา 21.30 น. จากนั้นได้ตรวจพบเรือทำการประมงผิดกฎหมาย จำนวน 5 ลำ  เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม ซึ่งเรือทั้งหมดได้หลบหนีเข้าไปยังปากน้ำ แต่ขณะที่เจ้าหน้าที่ลอยลำป้องปรามไม่ให้มีการลักลอบ ปรากฎว่ามีเรือประมงคราดหอย 1 ลำ ได้เร่งเครื่องพุ่งเข้าชนใส่เรือที่เจ้าหน้าที่ลอยลำอยู่อย่างรุนแรง ส่งผลเจ้าหน้าที่กระเด็นตกน้ำและได้รับบาดเจ็บสาหัส 5 นาย และเรือได้รับความเสียหาย 

 

“หลังจากได้ช่วยเหลือ จนท.ที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นมาบนเรือได้ จึงได้แจ้งมูลนิธิเพื่อให้มารับผู้บาดเจ็บขึ้นฝั่งบริเวณชายฝั่งปากนคร บริเวณสะพานรูปตัวที แต่ได้มีกลุ่มชาวบ้าน จำนวน ประมาณ 20-30 คน ร้องตะโกนกดดันเจ้าหน้าที่มูลนิธิไม่ให้รับผู้บาดเจ็บ ทำให้ต้องประสานเพื่อนำผู้บาดเจ็บไปขึ้นฝั่งที่บ้านปากน้ำปากพญา ซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกประมาณ 6 กม.จึงสามารถส่งตัวผู้ป่วยไปที่โรงพยาบาลมหาราชได้สำเร็จ”

.

สำหรับรายชื่อชุดปฏิบัติงานที่ได้รับบาดเจ็บประกอบด้วย

.

1.พ.จ.อ.คมกฤต บุญธรรมโม จนท.ชปพ. จาก ทรภ.2โดนใบจักรเรือฟันบริเวณหลังเท้าขวาประมาณ20ซม. และหน้าแข้งขาขวาลึกถึงกระดูก 

 

2.พ.จ.ต.ณรงค์ กัญชนะ จนท.สห.ทร. จาก ทรภ.2โดนใบจักรเรือฟันขาขวาท่อนบนหัก เหนือจากที่หัก กระดูกแตก 

 

3.จ.อ.นักรบ ร่มเย็น จนท.ชปพ. จาก ทรภ.2 มีบาดแผลบริเวณข้อศอกขวา และ กระดูกหน้าแข้งขวาหัก

 

4.นายสุพจน์ พวงสุวรรณ จนท.ประมง มีอาการเจ็บหลัง เจ็บไหล่ซ้ายรุนแรง เจ็บต้นขาขวาและเข่า 

 

5.นายเลี่ยม ดาศรี   จนท.อาสา มีบาดแผลบริเวณนิ้วมือซ้าย ขาซ้ายชา เจ็บเข่าขวา 

 

พล.ร.ต.ปกครอง กล่าวอีกว่า ล่าสุดบ่ายวันเดียวกันนายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และผอ.ศรชล.จ.นครศรีธรรมราช ได้เดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บทั้ง 5 ราย ที่ โรงพยาบาลมหาราช และกล่าวชื่นชมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เสียสละจนได้รับบาดเจ็บ ทั้งเจ้าหน้าที่ประมงและเจ้าหน้าที่ทหารเรือและประมงจิตอาสา มาร่วมทำงานปกป้องทรัพยากรของชาติในครั้งนี้ 

 

ตนได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบดำเนินการหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อไม่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีมาทำร้ายเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้และอยากให้ชาวประมงเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ด้วย และในวันที่ 25 มี.ค. 2564  พล.ร.ท.สำเริง จันทร์โส ผู้บัญชาการทัพเรือภาค2 ในฐานะ ผอ.ศรชล.ภาค2 จะเดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชา ณ โรงพยาบาลมหาราช ขณะนี้ได้แจ้งความดำเนินคดี ซึ่งพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเป็นการเจตนาพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่

กองทัพอากาศ ยัน ! กรณีการจัดซื้อจัดจ้าง โปร่งใสตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน

เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2564 ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) พล.อ.ท.ฐานัตถ์ จันทร์อำไพ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ในฐานะโฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีการรายงานข้อมูลของสื่อมวลชนในประเด็นที่ บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด ได้ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีความกรณีการจัดซื้อเครื่องมือ GT-200 ซึ่งมีข้อพิพาทต่อสู้คดีกับหน่วยงานภาครัฐในชั้นศาล โดยมีการตั้งข้อคำถามว่าเพราะเหตุใดจึงยังมีการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างกับกองทัพอากาศ มีข้อมูลสำคัญดังนี้

 

1.ในปี 2563 กองทัพอากาศได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างกับ บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด จริง เพื่อดำรงขีดความสามารถในการป้องกันทางอากาศตามภารกิจของกองทัพอากาศ

 

2.การจัดซื้อจัดจ้าง มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหาพัสดุอะไหล่และจ้างเหมาการซ่อมบำรุง ระบบป้องกันทางอากาศ (ระบบ ACCS) ระบบเรดาร์เคลื่อนที่ แบบ Giraffe – 40 และ Giraffe – 180 

 

3.การดำเนินการจัดซื้อพัสดุอะไหล่และจ้างเหมาซ่อมบำรุงมีความจำเป็นต้องดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง กับ บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด เนื่องจากระบบเรดาร์และระบบบัญชาการและควบคุมการป้องกันทางอากาศถูกใช้มาเป็นระยะเวลายาวนาน ส่งผลให้อะไหล่บางส่วนหมดอายุและหยุดสายการผลิต ไม่สามารถจัดหาตามแหล่งจัดหาทั่วไปได้ 

 

ซึ่งบริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้แทนอย่างถูกต้องตามกฎหมายเพียงผู้เดียวในประเทศไทย ในการจัดหาพัสดุอะไหล่และการซ่อมบำรุงรักษาอุปกรณ์จากบริษัทผู้ผลิตที่กองทัพอากาศได้จัดซื้อซึ่งมีความจำเป็นในการดำเนินการ เพื่อมิให้มีผลกระทบต่อภารกิจของทางราชการ 

 

4.ก่อนการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง กองทัพอากาศได้ดำเนินการจัดตั้งคณะทำงานดำเนินการตรวจสอบ บริษัท เอวิเอ แซทคอม แล้ว ไม่พบหลักฐานว่าเป็นผู้ที่อยู่ในบัญชีผู้ทิ้งงานตาม พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ  พ.ศ.2560 ประกอบระเบียบของกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 

 

“กองทัพอากาศ ขอยืนยันว่าการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างของกองทัพอากาศได้ดำเนินการด้วยความรอบคอบและผ่านการพิจารณาของ ผู้เชี่ยวชาญ คณะกรรมการที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง และผู้เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงความถูกต้อง รัดกุม ตามระเบียบของทางราชการเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ” โฆษกกองทัพอากาศ กล่าว

"ตั๊น จิตภัสร์" นำทีม กมธ.ตำรวจฯ ลุยลงพื้นที่ชุมพร บุกตรวจเข้มด่านตรวจสกัดยาเสพติด เล็งประสานผู้ว่าฯ-อปท. เสริมเขี้ยวเล็บอุปกรณ์ไฮเทค พ่วงสวัสดิการเป็นขวัญกำลังใจ จนท.

วันที่ 23 มี.ค. 2564 นางสาวจิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร ส.ส. บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมนายสราวุธ อ่อนละมัย ส.ส.ชุมพร เและนายประมวล พงศ์ถาวราเดช ส.ส ประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมด่านตรวจความมั่นคงบ้านพละ อ.ปะทิว จ.ชุมพร และด่านตรวจยายพาหนะ ชุมพร กก.2 บก.ปส.4 อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร  

 

พร้อมทั้งได้มอบถุงยังชีพและน้ำดื่มเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ให้เจ้าหน้าที่ โดยมี พล.ต.ต.วิมล พิทักษ์บูรพา รอง ผบช.ภ.8  พล.ต.ต.ถาวร แสงฤทธิ์ ผบก.ภ. จ. ชุมพร  พ.ต.อ.ภาณุเดช ณ พัทลุง รอง ผบก.ภ.จ. ชุมพร  พล.ต.ต.วุฒิพงษ์ นาวิน ผบก.ปส.4 และ พ.ต.อ.ภวินทร์ ภานุมาส ผกก.2 บก.ปส.4 ร่วมตรวจลงพื้นที่ด้วย

 

นางสาวจิตภัสร์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ทั้งสองแห่งได้ใช้ระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทั้งการตรวจค้นยาเสพติดผ่านเครื่องสแกนยาเสพติดในรถยนต์ การรับรู้หมายเลขทะเบียนอัตโนมัติ หรือ (License Plate Recogition) อีกทั้งในอนาคตจะมีระบบสแกนใบหน้าบุคคลมาใช้ตรวจร่วมด้วย  แต่ยังพบปัญหา คือ อาคารสถานที่ปฏิบัติงาน และที่พักเจ้าหน้าที่คับแคบและมีสภาพทรุดโทรม ทั้งยังขาดแคลนอุปกรณ์ความปลอดภัย อาทิ  เสื้อสะท้อนแสง เครื่องหมายจราจร รวมถึงแบริเออร์ตั้งไหล่ทาง 

 

ซึ่งทางคณะกมธ. ตำรวจฯ จะร่วมกับส.ส.พื้นที่ประงานงานบูรณาการร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดและส่วนท้องถิ่นในจัดหางบพัฒนาจังหวัดเพื่อแก้ปัญหานี้ นอกจากนี้ทางด่านตรวจยังมีการนำร่องโครงการโคกหนองนาโมเดลและเศรษฐกิจพอเพียงช่วยลดค่าใช้จ่ายของกำลังพลอีกด้วย ซึ่งการลงพื้นที่จริง ทำให้รับทราบถึงปัญหา อุปสรรคและภาพรวมของการปฏิบัติงาน เพื่อที่จะดูแลด้านงบประมาณ สวัสดิการ กำลังพลและด้านอื่นๆ ที่มีผลต่อการปฏิบัติหน้าที่  เมื่อสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น พร้อมทั้งให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ห่างไกล ที่ตั้งด่านสกัดกั้นเพื่อป้องกันปราบปรามปัญหายาเสพติดของประเทศให้มีความเข้มแข็ง ด้วยการสนับสนุนเทคโนโลยี เครื่องมืออุปกรณ์ที่ทันสมัย รวมถึงการพัฒนาทักษะและทบทวนยุทธวิธีให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการประจำด่านตรวจต่อไป

 

“คณะ กมธ. การตำรวจ สภาผู้แทนฯ ได้ให้ความสำคัญกับปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาหลักที่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน การสกัดกั้นของด่านตรวจอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติด เข้าไปในพื้นที่ต่างๆโดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ ซึ่ง กมธ.ตำรวจ  สภาฯจะนำข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับไปประกอบการพิจารณาศึกษา รวมทั้งนำเสนอความคิดเห็นของข้าราชการตำรวจในพื้นที่ และไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางในการให้ความช่วยเหลือ ผลักดัน และสนับสนุนให้เกิดการแก้ไขปัญหาต่อไป” รองประธาน กมธ.ตำรวจ สภาฯ กล่าว

“ธนาธร” บุก “เมืองกาญจน์” ปลุกเลือก “อัธยาศัย ประเสริฐผล” ชูนโยบายพัฒนาศูนย์เด็กเล็ก - ศูนย์กีฬาเยาวชน แห่รอบเมืองคนต้อนรับเพียบ

วันที่ 23 มีนาคม ที่จังหวัดกาญจนบุรี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เดินทางพบปะ ผู้สมัครนายกเทศมนตรี และทีมผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาล (สท.) ในนามคณะก้าวหน้า โดยในส่วนของเทศบาลเมืองกาญจนบุรี คณะก้าวหน้าส่ง นายอัธยาศัยประเสริฐผล ลงสมัครในตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองกาญจนบุรี เบอร์ 3 พร้อมส่งผู้สมัคร สท.ครบทั้งสามเขต โดยหลังการพูดคุย ได้เดินทางไปดูศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก (เตาปูน 3 ) ซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนแออัด มีครู 1 คน ดูแลเด็กก่อนวัยเรียนถึง 18 คน ซึ่งผู้สมัครคณะก้าวหน้ามีนโยบายที่จะพัฒนาศูนย์แห่งนี้ 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น นายธนาธรและนายอัธยาศัย เดินทางไปที่ บ.ข.ส.เพื่อดู แนวทางการพัฒนาพื้นที่ ก่อนที่จะขึ้นรถแห่ไปยังศูนย์กีฬาเยาวชนของเทศบาล ซึ่งปัจจุบันอยู่ในสภาพรกร้าง ต้องปรับปรุงพัฒนาอีกมากเพื่อให้อำนวยความสะดวกประชาชนได้อย่างเต็มศักยภาพ ก่อนที่จะขึ้นรถแห่อีกครั้งไปตามถนนแม่น้ำแคว โดยมีประชาชนตลอดสองข้างทางโบกไม้โบกมือให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก และปิดท้ายที่การเดินพบปะพ่อค้าแม่ค้าบริเวณตลาดสะพานข้ามแม่น้ำแคว

 

นายอัธยาศัย กล่าวว่า ตลอดช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ตนและทีมงานเดินพบปะประชาชนในพื้นที่ เคาะประตูบ้าน และมั่นใจว่าครบทุกหลังคาเรือนแล้วขณะนี้กำลังจะเดินเป็นรอบที่สอง ซึ่งแต่ละบ้านที่เราไปนั้น ใช้เวลาพูดคุยค่อนข้างนาน เพราะเราต้องการแนะนำตัวและแนะนำนโยบายให้ประชาชนได้รับทราบ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกตั้งครั้งนี้  

.

เนื่องจากเราไม่ซื้อสิทธิ์ ไม่ซื้อเสียง จุดแข็งที่เรามี คือ นโยบายและความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างเต็มที่ ที่จะนำนโยบายนี้ไปทำให้เกิดขึ้นจริง เพื่อจะเปลี่ยนชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองกาญจนบุรีให้ดีขึ้น อย่างเช่นวันนี้ที่พาคุณธนาธรไปดูศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และศูนย์กีฬาเยาวชน ก็เพื่อจะยืนยันว่าเราต้องการเข้ามาปรับปรุงที่แห่งนี้ให้ดีขึ้น ให้เกิดประโยชน์กับชาวเมืองกาญจน์ให้มากที่สุด

 

‘ราชกิจจานุเบกษา ประกาศแต่งตั้ง 4 รัฐมนตรีใหม่ในรัฐบาลประยุทธ์ 2/4 อย่างเป็นทางการ 3 รมต.ป้ายแดง ‘ชัยวุฒิ’ นั่ง รมว.ดีอีเอส ‘สินิตย์’ นั่งรมช.พาณิชย์ ส่วน ‘ตรีนุช’ นั่งรมว.ศึกษา ตามโผ ส่วน ‘วีรศักดิ์’ ย้ายจาก รมช.พาณิชย์ไป รมช.คมนาคม

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 9 มิถุนายน 2562 แล้ว และแต่งตั้งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน ตามประกาศลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2562 และประกาศครั้งสุดท้าย ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2563 นั้น

บัดนี้ นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่า ได้มีรัฐมนตรี 3 ตำแหน่ง ประกอบด้วย 1. นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม 2. นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 3.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก ทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ สมควรแต่งตั้งรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่างและปรับปรุงรัฐมนตรีบางตำแหน่ง เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้

1.ให้นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี

2.ให้แต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้ นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสินิตย์ เลิศไกร เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 22 มี.ค. 2562 เป็นปีที่ 6 ในรัชกาลปัจจุบัน

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

กองทัพเรือแจ้ง! ซื้อระบบเรดาร์จากบริษัทคู่สัญญา จัดซื้อโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้

เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ (บก.ทร.) พล.ร.ท.เชษฐา  ใจเปี่ยม  โฆษกกองทัพเรือ  เปิดเผยถึงกรณีที่บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด ปรากฏเป็นคู่สัญญากับกองทัพเรือซื้ออะไหล่และพัสดุ ในปีงบประมาณ 2563 - 2564  ทั้งที่ บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด เคยถูกตัดสินให้แพ้คดีร่วมกันฉ้อโกงขายเครื่องตรวจจับสารเสพติดอาวุธและวัตถุระเบิด GT200  และ ALPHA6 คดีดำเลขที่ อ284/62 คดีแดงที่ 931/62 เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2562 นั้น

 

โดยระบุว่า กรณีการทำสัญญาจัดซื้ออะไหล่และพัสดุตามการรายงานข่าวนั้น เป็นการจัดซื้ออะไหล่สำหรับระบบเรดาร์ ระบบสื่อสารและระบบควบคุมการยิง ตราอักษร SAAB จากบริษัท SAAB ประเทศสวีเดน ที่กองทัพเรือได้ดำเนินการจัดซื้อในปีงบประมาณ 2563 โดยระบบเรดาร์ ระบบสื่อสารและระบบควบคุมการยิงนี้ กองทัพเรือได้จัดหามาจากบริษัท SAAB และติดตั้งไว้ใช้ในราชการในเรือรบอยู่แล้ว 

.

ทำให้การจัดหาอะไหล่เพื่อการซ่อมบำรุงจำเป็นต้องจัดหาจากบริษัทผู้ผลิตที่เป็นเจ้าของระบบหรือเจ้าของผลิตภัณฑ์เท่านั้น ไม่สามารถจัดซื้อจากบริษัทผู้ผลิตรายอื่นได้ ซึ่งบริษัท SAAB ได้แต่งตั้งบริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายอะไหล่ประเภทดังกล่าวให้กับหน่วยงานภาครัฐเพียงรายเดียวภายในประเทศไทย การจัดซื้ออะไหล่นี้ทำโดยวิธีเฉพาะเจาะจง เนื่องจากเป็นการจัดซื้อผ่านตัวแทน

 

นอกจากนี้ ในขณะที่ทำสัญญานั้น บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด ยังไม่ได้ถูกระบุชื่อให้เป็นผู้ทิ้งงานในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐของกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง กองทัพเรือจึงสามารถทำสัญญากับบริษัทตามพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้างพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ได้

 

“ยืนยันว่า กองทัพเรือ มุ่งมั่นในการเป็นกองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ เป็นที่พึ่งของประชาชนและบริหารจัดการด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งกระบวนการจัดหายุทโธปกรณ์เป็นไประเบียบราชการทุกประการ” พล.ร.ท.เชษฐา กล่าว 

ครม.ไฟเขียว ข้อเสนอ ป.ป.ช. สกัดทุจริต กรณีศึกษาโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ชี้! ให้ศึกษาอีไอเอ-สร้างอาคารฝั่งตะวันออก และตะวันตกก่อน

วันที่ 23 มี.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุม

ครม.ว่า ครม.เห็นชอบข้อเสนอแนะในการป้องกันการทุจริตกรณีศึกษาโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือ ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

 

ซึ่งเรื่องนี้นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญแสดงความเห็นเบื้องต้น คัดค้านการต่อขยาย โดยมีข้อสังเกตว่า ส่วนต่อขยายดังกล่าว ยังไม่ได้รับการออกแบบและจัดทำอีไอเอ ที่มีงบประมาณค่อนข้างสูง และผู้โดยสารต้องนั่งรถไฟภายในอาคาร 3-4 ต่อ และอาจทำให้การสัญจรหรือการเดินรถบนมอเตอร์เวย์ติดขัดได้ เพราะอาคารผู้โดยสารตั้งรวมกันอยู่ด้านเดียว 

 

เรื่องนี้คณะกรรมการป.ป.ช.ได้มีการศึกษาข้อมูลต่างๆ และได้มีข้อสรุปว่า การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ควรเร่งก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก ตามมติครม. เมื่อเดือนส.ค.2553 โดยเร็ว และควรดำเนินการโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันตกในคราวเดียวกัน เพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 75 ล้านคนต่อปี 

 

นอกจากนี้การท่าอาอาศยานควรพัฒนาให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทำตามแนะนำของสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารทิศตะวันออก ตะวันตก และทิศใต้ด้วย เพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 120 ล้านคนต่อปีเป็นลำดับแรกก่อน แล้วจึงนำโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือมาพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง

ครม.ไฟเขียว! ถอดเงินสนับสนุนค่าใช้จ่าย อสม. ออกจาก อบจ. โยกกลับมาให้ สธ.

วันที่ 23 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวไตรศุลี  ไตรสรณกุล  รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เห็นชอบถอดรายการเงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุนการดำเนินงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านออกจากรายการเงินอุดหนุนขององค์การบริหารส่วนจังหวัด

 

โดยให้นำเงินงบประมาณเงินอุดหนุนสำหรับจ่ายค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านไว้ที่กระทรวงสาธารณสุข และให้กระทรวงสาธารณสุขเสนอตั้งงบประมาณรายการดังกล่าว ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2565 เป็นต้นไป เนื่องจากภารกิจการจ่ายเงินค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ไม่ใช่ภารกิจถ่ายโอนตามแผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

 

นางสาวไตรศุลี กล่าวว่า ทั้งนี้ ครม. ได้มีมติเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2561 เห็นชอบให้เพิ่มค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านจากเดิมเดือนละ 600 บาทต่อคน เพิ่มขึ้นเป็น 1,000 บาทต่อคน ทำให้ในปีงบประมาณ 2563 รายการเงินอุดหนุนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านคิดเป็นร้อยละ 44.64 ของเงินอุดหนุนที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดได้รับจัดสรร และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น องค์การบริหารส่วนจังหวัดจึงมีงบประมาณเงินอุดหนุนสำหรับจัดการบริการสาธารณะที่มีความสำคัญและจำเป็นด้านอื่นๆในสัดส่วนที่ลดลง

นายกฯ สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งฉีดวัคซีนให้ปชช. พร้อมสั่ง เร่งสร้างถนนสายใหม่ เลี่ยงผ่านพื้นที่ชุมชนแออัด หวังเพิ่มขีดความสามารถประเทศ

วันที่ 23 มี.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุม ครม.ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่าประเทศไทยเริ่มมีการฉีดวัคซีนให้ประชาชน ซึ่งนายกฯได้ให้นโยบายเรื่องการให้วัคซีนในแต่ละกลุ่ม 

 

เพื่อให้ประชาชนได้ทราบว่ามีความโปร่งใส และสั่งการให้เร่งรัดฉีดวัคซีนเมื่อได้รับวัคซีนมาจากต่างประเทศ และในอนาคตเมื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับวัคซีนที่กระจายจากส่วนกลางแล้ว โดยให้ดูเรื่องของประสิทธิภาพของวัคซีนที่ได้ฉีดให้คนไทยด้วย

 

นอกจากนี้นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังแถลงถึงผลประชุมครม.ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวในที่ประชุมถึงเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะการก่อสร้างถนนสายใหม่ ในเส้นทางหลัก 

 

ซึ่งมีความจำเป็นในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และถือว่าเป็นการลดความแออัด และลดปัญหาการจราจรของเมืองหลักด้วย แต่การก่อสร้างถนนสายหลักจะต้องไม่ผ่านพื้นที่ที่มีชุมชนแออัด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาของพี่น้องประชาชน 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top