Saturday, 10 May 2025
POLITICS NEWS

นายอนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวสั้นๆ เกี่ยวกับการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวสั้นๆ ก่อนเข้าหารือกับคณะที่ปรึกษาด้านสาธารณสุข เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 25 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อประเมินข้อดีข้อเสียของการล็อกดาวน์พื้นที่กรุงเทพมหานครว่า โดยระบุว่า ต้องรอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตัดสินใจ 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทางผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระบุว่า รับมือกับสถานการณ์ไม่ไหวแล้ว นายอนุทิน กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ใจเย็นๆ” เท่านั้น


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“กลาโหม” คุมเข้มวาง 3 ขั้นตอนรับทหารใหม่ กักตัว 14 วันทั้งครูฝึก-ทหารเกณฑ์ ก่อนฉีดวัคซีน -ฝึกในสถานที่ปิด ลดโอกาสโควิดแพร่ระบาด

ที่กระทรวงกลาโหม พ.อ.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 6/2564 ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เน้นย้ำการแก้ไขปัญหาการทุจริต โดยให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพดำเนินการป้องกันปราบปรามการทุจริตให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการดำเนินการด้านการจัดซื้อจัดจ้างต้องเป็นไปตามระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน รวมทั้งพิจารณาการจัดกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมให้กำลังพลและครอบครัว เพื่อสร้างเครือข่ายการป้องกันและปราบการทุจริตในหน่วยงานที่กำกับของกระทรวงกลาโหม 

พ.อ.วันชนะ  กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำให้กระทรวงกลาโหมสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ในการสนับสนุนศบค. และการปฏิบัติศปม. รวมถึงเตรียมความพร้อมการเปิดประเทศในวันที่ 1 ก.ค. และการเฝ้าระวังการหลบหนีเข้าเมืองตามแนวชายแดน การจัดตั้งโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศ การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย การสนับสนุนสถานที่กักกันของกรมราชทัณฑ์  การสนุบสนุนการจัดตั้งกองบัญชาการควบคุมพื้นที่การแพร่ระบาด (บับเบิ้ลแอนด์ซีล) ในแคมป์คนงานก่อสร้าง โรงงานและตลาด และพื้นที่เสี่ยงอื่นๆ เป็นต้น

พ.อ.วันชนะ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการเตรียมการรับทหารใหม่ที่กำลังจะเข้ามาประจำการในวันที่ 1 ก.ค.2564 โดยให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ ดำเนินการรับทหารใหม่ที่จะเดินทางเข้ามารายงานตัว แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ 1.ขั้นเตรียมการ คือ ภายหลังจากการฝึกครูและผู้ช่วยครูเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมีการกักตัวเจ้าหน้าที่จำนวน 14 วันก่อนเริ่มทำการฝึก โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 16-30 มิ.ย.64  2.การดำเนินวิธีในการรับทหารใหม่ ซึ่งจะมีการควบคุมการรายงานตัวในสถานที่ที่ว่าการอำเภอ หรือมณฑลทหารบก 

พร้อมแยกกลุ่มทหารที่รายงานตัวออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1. ผู้ที่มีอาการและเสี่ยง 2.ไม่มีอาการแต่มีความเสี่ยง และ 3.ไม่มีอาการ ไม่มีความเสี่ยง รวมถึงในการเคลื่อนย้ายจะมีการเพิ่มรถให้มากขึ้น จำนวนเที่ยวของรถมีมากขึ้น มีการเว้นระยะห่างบนรถ ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นจะกักตัวเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในภารกิจดังกล่าว และ 3.การปฏิบัติการในพื้นที่ของหน่วยฝึกทหารใหม่ คือ การฝึกในลักษณะปิด (บับเบิ้ลเทรนนิ่งแอเรีย) มีทั้งการตรวจสอบ การคัดกรอง การกักตัวและมาตรการของการควบคุมในการพบปะ โดยจำกัดสถานที่ เพื่อลดการนำเชื้อเข้าสู่หน่วยฝึก และลดการกระจายเชื้อเข้าสู่หน่วยทหารและชุมชน รวมถึงเพื่อควบคุมการติดเชื้อของหน่วยฝึกในกรณีที่มีการแพร่ระบาด

พ.อ.วันชนะ กล่าวว่า สำหรับการฉีดวัคซีน มีการฉีดให้เจ้าหน้าที่หน่วยฝึกและทหารใหม่ เพื่อสร้างความมั่นใจ โดยจะฉีดหลังจากกักตัว 14 วัน ซึ่งเป็นวัคซีนที่กระทรวงสาธารณสุขจัดมาให้ประมาณวันที่ 7 ก.ค.นี้

“บิ๊กช้าง” นั่งหัวโต๊ะถกสภากลาโหม เห็นชอบแผนปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ แก้ปัญหาความมั่นคง พบจนท.เอี่ยวลงโทษทางวินัย-อาญาไม่มีละเว้น

ที่ศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม เป็นประธานในการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 6/2564 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น พ.อ.วีรยุทธ์ น้อมศิริ ผู้ช่วยโฆษกกระทรวงกลาโหม  แถลงผลการประชุม ว่า ในการประชุมพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มอบนโยบายหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยขอบคุณที่ได้ร่วมกันปฏิบัติภารกิจและกิจกรรมต่างๆ ของกระทรวงกลาโหมและรัฐบาล นอกจากนี้ ที่ประชุมชอบ แผนการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2564 - 2565) ของกระทรวงกลาโหม โดยให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพสนับสนุนการจัดทำแผนงานและการวิจัย และเทคโนโลยีป้องกันประเทศให้เป็นไปตามการพัฒนาดังกล่าว และเร่งรัดขับเคลื่อนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศให้สามารถผลิตใช้ได้เองภายในกองทัพและผลิตเชิงพาณิชย์ได้อย่างเป็นรูปธรรม สามารถแข่งขันและมีมาตรฐานที่ทัดเทียมกับต่างประเทศ 

พ.อ.วีรยุทธ์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมเห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติในภาพรวม ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2563 - 2565) โดยให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม เหล่าทัพ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศร.ชล.) จัดทำแผนงานโครงการ พร้อมรองรับแปนงานดังกล่าว ตลอดจนพัฒนาความสามารถกระทรวงกลาโหม ในการปกป้องอธิปไตยดำรงผลประโยชน์ของชาติ รวมถึงให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม เหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแก่งชาติ (ตช.) บูรณาการความร่วมมือด้านความมั่นคงกับองค์กรภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน เพื่อแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคง เช่น ปัญหายาเสพติด ปัญหาการค้ามนุษย์ ความไม่สงบในชายแดนใต้ และภัยพิบัติทางธรรมชาติ รวมทั้งพัฒนาระบบงานข่าวกรอง ภัยคุกคามให้พร้อมป้องกันในทุกรูปแบบ และให้กองทัพเรือกำกับดูแลการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ควบคู่ไปกับกฎหมายที่มีการปรับปรุงแก้ไขแล้วต่อผู้กระทำความผิด หากมีเจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดจะต้องถูกลงโทษทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาดโดยไม่มีการละเว้น

“เสกสลก” หนุน “ถวิล” ชี้ “นายกฯ” มาจากส.ส. ไม่ใช่เสียงส.ว. เชื่อ ส.ว.ต้องยึดปชช.

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการอภิปรายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 13 ฉบับ ว่า นายกฯมีความจริงใจและสนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะแก้ไขฉบับใด และไม่ขัดข้องแก้ไข มาตรา 272 เพื่อตัดอำนาจส.ว.ที่สามารถลงมติเลือกนายกฯได้ และเห็นด้วยกรณีที่นายถวิล เปลี่ยนศรี ส.ว. ระบุว่าการเลือกนายกฯเป็นไปด้วยเสียงส.ส. ไม่ใช่ส.ว. และที่กำหนดให้เลือกนายกฯได้ เพราะที่ผ่านมาบ้านเมืองมืดมน มีกลุ่มที่อาศัยประชาธิปไตยบังหน้า โกงกิน คอร์รัปชั่น ทำบ้านเมืองเสียหาย และเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อทำลายระบบนิติรัฐ นิติธรรม

นายเสกสกล กล่าวว่า การที่ส.ว.เลือกนายกฯ เพราะพรรคการเมืองที่มีเสียงข้างมากเสนอเข้ามา ก็ต้องเลือกคนนั้นเป็นนายกฯจะไปหักหน้าประชาชน เลือกนายกฯที่มาจากพรรคเสียงข้างน้อยได้อย่างไร และนี่คือระบบอบประชาธิปไตย 

ทั้งนี้ส.ว.ต้องมีจุดยืนในสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม จะกล่าวหาว่า ส.ว.เป็นเครื่องมือของนายกฯหรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งไม่ได้ ผมเชื่อว่า ส.ว.ทุกคนมีอิสระในความคิดและการตัดสินใจ มีศักดิ์ศรีของตัวเอง แต่ทุกอย่างต้องฟังเสียงและความต้องการของประชาชนเป็นหลัก ไม่มีการครอบงำหรือสั่งการจากนายกฯ และนายกฯ ไม่เคยก้าวล่วงทั้งสิ้น

‘บิ๊กตู่’ แถลงร่วมทีมที่ปรึกษา แพทย์ สธ. ยันไม่ประกาศเคอร์ฟิว-ไม่ล็อคดาวน์ แต่สั่งปิดแคมป์คนงาน 1 เดือน ระงับการแพร่ระบาดในกทม. และปริมณฑล พร้อมให้กระทรวงแรงงาน เยียวยา ทั้งคนไทย และต่างด้าว

เมื่อเวลา 17.10 น. วันที่ 25 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว. กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมเรื่องวัคซีนและการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เพื่อพิจารณาข้อดีข้อเสียการล็อคดาวน์พื้นที่ กทม.และพื้นที่สีแดงเข้ม โดยยืนยันว่า จำเป็นต้องสั่งปิดแคมป์คนงาน 1 เดือน ระงับการแพร่ระบาดในกทม. และปริมณฑล ให้กระทรวงแรงงาน เยียวยา ทั้งคนไทย และต่างด้าว ทั้งนี้ไม่ใช้คำว่าล็อคดาวน์ เพียงแต่จำกัดการเคลื่อนย้ายไปมาข้ามจังหวัด

ขณะที่ กทม. ปริมณฑล และ 4 จังหวัดภาคใต้ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา จะมีมาตรการเฉพาะ สำหรับกิจการที่เสี่ยงติดเชื้อ ไม่ใช่ปิดทั้งหมดทุกกิจกรรม ทุกกิจการ

นายกฯ ยืนยันว่า ไม่มีประกาศเคอร์ฟิว เพียงจำกัดเวลาออกนอกเคหสถาน ขอความร่วมมือ งดเดินทางข้ามจังหวัด และจะออกรายละเอียดมาตรการ โดยขอความร่วมมือ 1 เดือน และจะประกาศบังคับใช้ในวันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน นี้

ส่วนมาตรการที่เพิ่งเปิดร้านอาหารไป ขณะนี้กำลังพิจารณาอยู่ แต่คงไม่ถึงขั้นปิด


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘พรรคกล้า’ ชี้สถานการณ์โควิด-19 ‘หมอไม่พอ-เตียงไม่มี’ ขอ รมว.สาธารณสุข ต้องยอมรับสถานการณ์ อย่าจมอยู่กับระบบราชการล้าหลัง ย้ำข้อเสนอ พบผู้ติดเชื้อกักตัวแยกครอบครัว ให้ยาต้านไวรัสทันที อย่าปล่อยสถานการณ์ลุกลามต้องเลือกว่าใครจะอยู่ ใครจะไป เหมือนต่างประเทศ

นายณัฐนันท์ กัลยาศิริ ทีมกฎหมาย และผู้เสนอตัวสมัครรับเลือกตั้งเขตคลองสามวา พรรคกล้า, ทพ.กันตพงศ์ ดีชัยยะ คณะทำงานด้านสาธารณสุข พรรคกล้า กล่าวถึงสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ว่า สถานการณ์น่าเป็นห่วง การแพร่ระบาดโควิด-19 สูงต่อเนื่อง ผู้ติดเชื้อใหม่ยังคงสูง 3,000-4,000 กว่าคน ผู้เสียชีวิตยังคงอยู่ที่ 30 ถึง 50 คน เสียงเรียกร้องเตียงรักษามากขึ้นเรื่อยๆ นายแพทย์จากโรงพยาบาลรามาธิบดี ยังบอกว่าสถานการณ์เตียงในกรุงเทพฯ และปริมณฑลอยู่ในขั้นวิกฤต อธิบดีกรมการแพทย์ ลดวันรักษาในโรงพยาบาลเหลือ 10 วัน หวังจะเพิ่มเตียงว่างอีก 40 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ศูนย์กล้าสู้โควิดของพรรคกล้า ได้รับแจ้งหาเตียงด่วน เมื่อวานนี้วันเดียวเกือบ 20 ราย และในพื้นที่ต่างๆ อีกหลายสิบราย เหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนว่าจำนวนเตียงเพื่อเข้ารับการรักษา เข้าขั้นวิกฤตแล้วจริงๆ

"ตอนนี้เข้าสู่สถานการณ์ หมอไม่พอ เตียงไม่มี บุคลากรทางการแพทย์ 1 คน ต้องรองรับผู้ป่วย เฉลี่ยถึง 60 คน บางพื้นที่ผู้ป่วยรอ ไม่ได้เตียง จนเสียชีวิตคาบ้าน คนในครอบครัวทั้งติดเชื้อ ทั้งทุกข์ระทม ที่ต้องสูญเสียคนที่รักไป แต่กลับมีข่าวจากรัฐมนตรีสาธารณสุขว่า ไม่ได้รับการรายงานเรื่องเตียงไม่พอ เรื่องแบบนี้สะท้อนระบบราชการล้าหลัง สถานการณ์แบบนี้ ไม่ใช่จะบอกเล่าเพื่อตำหนิการทำงานของบุคคลใด แต่อยากจะสะท้อนให้รัฐบาล โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยอมรับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และหาทางแก้ไขโดยเร็ว" นายณัฐนันท์กล่าว

นายณัฐนันท์ ยังย้ำข้อเสนอของพรรคกล้า ที่พยายามบอกมากกว่า 2 สัปดาห์แล้วว่า หากพบผู้ป่วยติดเชื้อ ให้นำไปกักตัวแยกจากครอบครัวทันที เพื่อป้องกันการระบาดแบบทวีคูณภายในครอบครัว จาก 1 ไป 5 ไป 10 ไป 20 โดยรัฐบาลควรเร่งหาสถานที่กักตัวจำนวนมาก เพื่อแยกผู้ที่ทราบผลติดเชื้อออกมาเร็วที่สุด โดยใช้อาสาสมัครดูแลแทนหมอและพยาบาลไปก่อน และควรให้ยาต้านไวรัสทันทีที่เข้าหลักเกณฑ์ โดยไม่ต้องรอเข้าสู่กระบวนการรักษาในโรงพยาบาลหรือโรงพยาบาลสนาม เพราะทางแก้ที่ดีที่สุดคือการได้รับการรักษาให้เร็วที่สุด แต่ทุกวันนี้ผู้ป่วยนอนรอเตียงหลายวัน ไม่ได้รับการจ่ายยาตามหลักเกณฑ์ จึงเกิดปัญหาขึ้นอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ส่วน ทพ.กันตพงศ์ ย้ำว่า มาตรการนี้จะลดการติดเชื้อทวีคูณได้ จะลดจำนวนผู้ป่วยหนักที่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลได้ ลดภาระของแพทย์ พยาบาลและบุคลากรที่เกี่ยวข้องได้ จึงอยากให้ ศบค. และกระทรวงสาธารณสุข เปลี่ยนวิธีคิด เร่งปรับระบบราชการดำเนินการโดยเร็ว ให้ตอบสนองทันต่อสถานการณ์ เพื่อป้องกันการระบาดทวีคูณและนำไปสู่สถานการณ์ที่วิกฤตกว่านี้ อย่าให้สถานการณ์บานปลาย ที่ต้องเลือกว่าใครจะอยู่ใครจะไป เหมือนอิตาลีกับอินเดีย


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"ณัฐชา" อัด "กองทัพบก" ต้องกราดยิงอีกศพ จึงจะปฏิรูปกองทัพได้สำเร็จ ชี้ หน่วยงานที่ใช้งบสูงสุดของประเทศ ควรมีความรับผิดชอบต่อชีวิตปชช.มากกว่านี้

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์  ส.ส.กทม. ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่มีผู้ก่อเหตุกราดยิงผู้ป่วยในรพ.สนามภายในสถาบันธัญญารักษ์ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี และในร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเป็นอดีตพลอาสาฯ หน่วยรบพิเศษ กองพันจู่โจม โดยคนร้ายเปิดเผยว่าถูกผู้บังคับบัญชาและรุ่นพี่ในหน่วยรบพิเศษทำร้ายร่างกายและให้ร้ายใส่ความตนเอง และสาเหตุที่เข้าไปในโรงพยาบาลสนามดังกล่าว เนื่องจากเคยมีเรื่องยาเสพติดและอ้างว่ามีอดีตผู้บังคับบัญชาเกี่ยวข้องด้วย ว่า ตนนึกถึงเหตุการณ์กราดยิงในห้างดัง ที่ จ.นครราชสีมา เมื่อปีแล้ว ปัญหาการกดขี่จากผู้บังคับบัญชาที่กระทำต่อพลหารไม่เคยหายไป และเกิดขึ้นบ่อยจนเป็นที่เข้าใจตรงกันว่านี่คือวัฒนธรรมของกองทัพไทย วัฒนธรรมที่กดผู้อื่นให้ด้อยค่าเพื่อสนองตัณหาของความยิ่งใหญ่ในตำแหน่งของตน 

"ผมขอถามไปยังผู้บัญชาการทหารบก กองทัพไทยจะปล่อยให้เกิดเหตุลักษณะนี้อีกกี่ครั้งจึงจะมีระบบป้องกันที่ดี มีระบบการดูแลสวัสดิภาพกำลังพล และใส่ใจความปลอดภัยของประชาชนเสียที ข้อร้องว่าอย่าอ้างว่าผู้ก่อเหตุเป็นเพียงผู้มีปัญหาทางจิต หรือเป็นกำลังพลที่ปลดไปแล้วไม่เกี่ยวข้องกับกองทัพ หน่วยงานที่ใช้งบประมาณสูงที่สุดของประเทศนี้ควรมีความรับผิดชอบต่อชีวิตประชาชนให้มากกว่านี้ ผมในฐานะอดีตพลทหารที่เชื่ออย่างสนิทใจว่าความกดดันภายใต้จิตใจของผู้ก่อเหตุมีต้นเหตุจากกองทัพ จึงขอเรียกร้องให้กองทัพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมทำการสืบสวนสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด และอย่าปฏิบัติต่อผู้ก่อเหตุเป็นเพียงผู้ก่อเหตุหรือคนร้ายที่ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเท่านั้น เพราะไม่เช่นนั้นแล้วประเทศไทยก็ไม่สามารถขยับไปไหนได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่ หวังว่ากองทัพจะนำข้อผิดพลาดในอดีตไปปรับปรุงแก้ไขในเชิงระบบ เพื่อให้ทั้งกำลังพลและประชาชนมีความปลอดภัย" นายณัฐชา กล่าว

นายณัฐชา กล่าวอีกว่า ข้อเสนอทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อเสนอภาพใหญ่ในการปฏิรูปกองทัพที่พรรคก้าวไกลเสนอมาโดยตลอด เพื่อให้กองทัพเป็นกองทัพที่ทันสมัย กำลังพลมีศักยภาพ สร้างความเป็นธรรมในหน่วยงาน ปราศจากการเอารัดเอาเปรียบและผลประโยชน์ที่มาจากสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ให้กองทัพเป็นกองทัพมืออาชีพ อยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือนประชาธิปไตย เคารพสิทธิมนุษยชนและส่งเสริมความเป็นธรรม ความเสมอภาคในสังคม ให้เป็นกองทัพของประชาชนที่แท้จริง 

"ถึงเวลาที่ผมจะขอทวงถามสัญญาที่ผู้นำกองทัพได้ให้ไว้หลังเหตุกราดยิงโคราชในการปฏิรูปกองทัพ ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้นจริงและไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ทั้งการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ปัดตกร่างกฎหมายยกเลิกเกณฑ์ทหาร รวมทั้งคำสัญญาที่ล้มเหลวของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการกองทัพบก ในการยกเลิกกองทัพพาณิชย์ ปฏิรูประบบผลประโยชน์ในกองทัพ จะต้องเกิดเหตุกราดยิงอีกกี่ครั้ง ประชาชนสูญเสียอีกกี่ศพ ถึงจะปฏิรูปกองทัพได้สำเร็จ" นายณัฐชา กล่าว 

"พรรคกล้า" ชี้สถานการณ์โควิด-19 "หมอไม่พอ-เตียงไม่มี" ขอ รมว.สาธารณสุขยอมรับสถานการณ์ อย่าจมอยู่กับระบบล้าหลัง ย้ำข้อเสนอ พบผู้ติดเชื้อกักตัวแยกครอบครัว ให้ยาต้านไวรัสทันทีที่พบเชื้อ อย่าปล่อยลุกลามต้องเลือกว่าใครจะอยู่ ใครจะไป เหมือนต่างประเทศ 

นายณัฐนันท์ กัลยาศิริ ทีมกฎหมาย และผู้เสนอตัวสมัครรับเลือกตั้งเขตคลองสามวา พรรคกล้า, ทพ.กันตพงศ์ ดีชัยยะ คณะทำงานด้านสาธารณสุข พรรคกล้า กล่าวถึงสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ว่า สถานการณ์น่าเป็นห่วง การแพร่ระบาดโควิด-19 สูงต่อเนื่อง ผู้ติดเชื้อใหม่ยังคงสูง 3,000-4,000 กว่าคน ผู้เสียชีวิตยังคงอยู่ที่ 30 ถึง 50 คน เสียงเรียกร้องเตียงรักษามากขึ้นเรื่อยๆ นายแพทย์จากโรงพยาบาลรามาธิบดี ยังบอกว่าสถานการณ์เตียงในกรุงเทพฯ และปริมณฑลอยู่ในขั้นวิกฤต อธิบดีกรมการแพทย์ ลดวันรักษาในโรงพยาบาลเหลือ 10 วัน หวังจะเพิ่มเตียงว่างอีก 40 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ศูนย์กล้าสู้โควิดของพรรคกล้า ได้รับแจ้งหาเตียงด่วน เมื่อวานนี้วันเดียวเกือบ 20 ราย และในพื้นที่ต่างๆ อีกหลายสิบราย เหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนว่าจำนวนเตียงเพื่อเข้ารับการรักษา เข้าขั้นวิกฤตแล้วจริงๆ 

"ตอนนี้เข้าสู่สถานการณ์ หมอไม่พอ เตียงไม่มี บุคลากรทางการแพทย์ 1 คน ต้องรองรับผู้ป่วย เฉลี่ยถึง 60 คน บางพื้นที่ผู้ป่วยรอ ไม่ได้เตียง จนเสียชีวิตคาบ้าน คนในครอบครัวทั้งติดเชื้อ ทั้งทุกข์ระทม ที่ต้องสูญเสียคนที่รักไป แต่กลับมีข่าวจากรัฐมนตรีสาธารณสุขว่า ไม่ได้รับการรายงานเรื่องเตียงไม่พอ เรื่องแบบนี้สะท้อนระบบราชการล้าหลัง สถานการณ์แบบนี้ ไม่ใช่จะบอกเล่าเพื่อตำหนิการทำงานของบุคคลใด แต่อยากจะสะท้อนให้รัฐบาล โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยอมรับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และหาทางแก้ไขโดยเร็ว" นายณัฐนันท์กล่าว 

นายณัฐนันท์ ยังย้ำข้อเสนอของพรรคกล้า ที่พยายามบอกมากกว่า 2 สัปดาห์แล้วว่า หากพบผู้ป่วยติดเชื้อ ให้นำไปกักตัวแยกจากครอบครัวทันที เพื่อป้องกันการระบาดแบบทวีคูณภายในครอบครัว จาก 1 ไป 5 ไป 10 ไป 20 โดยรัฐบาลควรเร่งหาสถานที่กักตัวจำนวนมาก เพื่อแยกผู้ที่ทราบผลติดเชื้อออกมาเร็วที่สุด โดยใช้อาสาสมัครดูแลแทนหมอและพยาบาลไปก่อน และควรให้ยาต้านไวรัสทันทีที่เข้าหลักเกณฑ์ โดยไม่ต้องรอเข้าสู่กระบวนการรักษาในโรงพยาบาลหรือโรงพยาบาลสนาม เพราะทางแก้ที่ดีที่สุดคือการได้รับการรักษาให้เร็วที่สุด แต่ทุกวันนี้ผู้ป่วยนอนรอเตียงหลายวัน ไม่ได้รับการจ่ายยาตามหลักเกณฑ์ จึงเกิดปัญหาขึ้นอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน 

ส่วน ทพ.กันตพงศ์ ย้ำว่า มาตรการนี้จะลดการติดเชื้อทวีคูณได้ จะลดจำนวนผู้ป่วยหนักที่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลได้ ลดภาระของแพทย์ พยาบาลและบุคลากรที่เกี่ยวข้องได้ จึงอยากให้ ศบค. และกระทรวงสาธารณสุข เปลี่ยนวิธีคิด เร่งปรับระบบราชการดำเนินการโดยเร็ว ให้ตอบสนองทันต่อสถานการณ์ เพื่อป้องกันการระบาดทวีคูณและนำไปสู่สถานการณ์ที่วิกฤตกว่านี้ อย่าให้สถานการณ์บานปลาย ที่ต้องเลือกว่าใครจะอยู่ใครจะไป เหมือนอิตาลีกับอินเดีย

“บิ๊กป้อม” ประชุม กมช. ติดตามความคืบหน้ามาตรการรับมือภัยคุกคามไซเบอร์ อนุมัติแผนปฏิบัติการรองรับยกระดับการป้องกัน สั่ง ดีอีเอส เร่งขับเคลื่อน ต่อเนื่องภายใต้กม.ที่เป็นธรรม  มุ่งให้ปชช.ได้ประโยชน์-ปลอดภัย

พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 10.00น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กมช.) ครั้งที่ 1/2564 โดยมี ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุม ได้รับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ห้วง ม.ค. ถึง มิ.ย. 64 ในการป้องกัน รับมือ และลดความเสี่ยง จากภัยคุกคามทางไซเบอร์ รวม 35 เหตุการณ์ และความคืบหน้า การพัฒนาบุคลากร ซึ่งได้ทำการเปิดโครงการพัฒนาผู้เชี่ยวชาญ และกำลังคนด้าน Cyber Security ทั้งภาครัฐ เอกชน และนิสิตนักศึกษาแล้ว จำนวน 2,250 คน  

จากนั้น กมช.ได้ร่วมกันพิจารณาเห็นชอบ (ร่าง)นโยบายและแผนว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ.2565-2569 และ (ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ พ.ศ.2565-2569 เพื่อเป็นกรอบนโยบาย และแนวทางนำไปสู่การปฏิบัติในการเตรียมรับมือภัยคุกคามไซเบอร์ที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวย้ำว่า นายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญต่อการดูแลความปลอดภัยทางเทคโนโลยี มาโดยตลอด จึงได้กำชับ รมว.ดศ. ให้กำกับ และเร่งรัดคณะทำงานให้ดำเนินงาน อย่างต่อเนื่อง ภายใต้กม.ที่กำหนด เพื่อยกระดับมาตรการป้องกัน และลดความเสี่ยงภัยคุกคามไซเบอร์ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์ และประเทศชาติ มีความปลอดภัยต่อไป

“บิ๊กตู่" ไม่ห่วงความสัมพันธ์ “ส.ว.-พปชร." ปมคว่ำร่างรธน. ลั่นไม่เป็นไร มีนายกฯคนเดียวกัน โยนเป็นเรื่องของสภา

ที่บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการลงมติร่วมรัฐสภา พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 13 ร่าง แต่ผ่านเพียง 1 ร่าง ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า “จบแล้ว เป็นเรื่องของในสภา”

ผู้สื่อข่าวถามถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ส.ว. กับ พรรคพลังประชารัฐ หลัง ส.ว. คว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ พปชร. ขณะที่พปชร. ก็โหวตปิดสวิตช์ ส.ว. โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพียงว่า "ไม่เป็นไร นายกฯ คนเดียวกัน"
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top