Saturday, 10 May 2025
POLITICS NEWS

"วรวุฒิ" ชี้ ประกาศกึ่ง Lockdown ร้านอาหารเดือดร้อน รบ.ออกมาตรการ ผู้ประกอบการก้มหน้าทำตาม แต่ไม่มีแผนเยียวยารองรับ ย้ำต้องเร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากมาตรการอย่างเท่าเทียม 

นายวรวุฒิ อุ่นใจ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็ก รองหัวหน้าพรรคกล้า กล่าวถึงมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ที่ออกมาเพิ่มเติมกลางดึกเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า นับตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19 เกิดขึ้นในประเทศไทย ประชาชนและผู้ประกอบการส่วนหนึ่งได้ปฏิบัติตามคำสั่ง และคำแนะนำของรัฐบาล ด้วยหวังว่าจะช่วยให้วิกฤติครั้งนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว แม้จะต้องเสียสละความสุขส่วนตัว รวมถึงรายได้ที่ต้องหายไปเกือบหมด 

แต่ระยะเวลากว่าหนึ่งปี ที่รัฐบาลออกมาตรการต่างๆ มาแก้ไขปัญหา กลับไม่สนใจกลุ่มคนที่เสียสละเหล่านี้ ผู้ประกอบการร้านอาหาร ธุรกิจบริการ และการท่องเที่ยว ล้วนขาดรายได้ จนหลาย ๆ รายต้องเลิกจ้างงาน และจำนวนไม่น้อยต้องปิดกิจการ เพราะรัฐบาลขาดมาตรการช่วยเหลือเยียวยาที่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน และจากประกาศกึ่ง Lock down ล่าสุด รัฐประกาศจะเยียวยาค่าจ้างครึ่งหนึ่งให้แรงงานในแคมป์ที่ถูกปิด แต่ร้านอาหารที่ต้องกลับโดนห้ามลูกค้านั่งทานที่ร้าน ยังไม่มีมาตรการเยียวยาใด ๆ รองรับ จึงอยากให้หันมาเยียวยาธุรกิจร้านอาหารด้วย เพราะนอกจากเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการระดับ SMEs แล้ว ยังเป็นการช่วยเหลือลูกจ้างจำนวนมากในอุตสาหกรรมนี้ด้วย 

ผู้ประกอบการธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ พยายามสื่อสารเรียกร้องขอความช่วยเหลือมาโดยตลอด แต่กลับโดนเพิกเฉยและไร้การเหลียวแลอย่างจริงจัง ทั้งๆ ที่ให้ความร่วมมืออย่างดีมาตลอด พรรคกล้า จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณาการให้ช่วยเหลือธุรกิจ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการป้องกันการระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างจริงจังและเสมอภาค เพราะต้องยอมรับว่าความรุนแรงของสถานการณ์ในตอนนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการบริหารจัดการของรัฐบาลที่ผิดพลาด รัฐบาลต้องเร่งช่วยเหลือด้านการเงินที่มากกว่าปัจจุบัน ก่อนที่ผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจบริการ และธุรกิจ SMEs ต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบเหล่านี้ต้องปิดตัวลง และส่งผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว 

"โฆษกพปชร.” วอนรัฐบาล กระจาย “ฟ้าทะลายโจร" ระหว่างรอเตียง ช่วยบรรเทาอาการโควิด-19

น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)กล่าวถึงสถานการณ์วิกฤตเรื่องเตียงผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีผู้ป่วยตกค้างต้องรอการช่วยเหลืออยู่ในที่พักอาศัย ว่า อยากขอให้รัฐบาลพิจารณาเลือกใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจร มีสรรพคุณยับยั้งการเติบโตของไวรัสโควิด-19 ตามที่มีผลงานวิจัยยืนยันไว้และปัจจุบันได้รับการลงทะเบียนในบัญชียาหลักเพื่อให้กับผู้ป่วยและคนในครอบครัวโดยด่วน ระหว่างรอการประสานจากโรงพยาบาล 

เพื่อเป็นการบรรเทาอาการและรักษาเบื้องต้น ก่อนอาการจะรุนแรงจนยากจะช่วยเหลือเมื่อถึงมือแพทย์โดยในผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยง ควรรับประทานตามคำแนะนำในฉลากยา ส่วนผู้ป่วยที่มีโรคตับ ไต หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีประวัติแพ้ฟ้าทะลายโจร ควรหลีกเลี่ยง และไม่ควรใช้ร่วมกับยาลดความดัน ทั้งนี้ขอให้เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเร่งประสานความช่วยเหลือแก่ผู้ป่วยและครอบครัวโดยด่วน เช่นการสนับสนุนเครื่องอุปโภคบริโภค สิ่งของจำเป็นที่ต้องใช้ระหว่างการกักตัวรอการประสานจากเจ้าหน้าที่ เป็นต้น

“แรมโบ้” ป้อง”บิ๊กตู่” รู้ดีว่าต้องดำเนินการอย่างไร หลังออกมาตรการปิดแคมป์คนงาน ซัด “ชนินทร์” - “ชูวิทย์” อย่าดีแต่ปากทำประโยชน์ให้บ้านเมืองบ้าง

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีที่นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย และนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ วิพากษ์วิจารณ์การประกาศปิดแคมป์คนงาน ทำให้แรงงานหนีไปต่างจังหวัด หวั่นโควิดระบาดต่างจังหวัด ว่าที่ผ่านมามีการระบาดตามแคมป์คนงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งก่อนที่จะออกมาตรการการปิดแคมป์คนงานในพื้นที่ กทม. ปริมณฑล และ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงขอความร่วมมือประชาชนงดเดินทางข้ามจังหวัด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว และเชื่อมั่นว่ามาตรการนี้จะทำให้ยับยั้งการระบาดลงได้ นอกจากนี้นายกฯได้สั่งการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานลงไปช่วยกันดูแลแคมป์คนงานร่วมกับนายจ้างอย่างใกล้ชิดและมอบรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นการด่วนแล้ว ให้เตรียมกำลังสนับสนุนมาตรการของ ศบค. เพื่อจำกัดควบคุมโรคเฉพาะกลุ่มและกิจกรรมในพื้นที่เสี่ยงสูงอย่างเข้มงวด ไม่ให้ขยายออกนอกพื้นที่จนไม่สามารถควบคุม ทั้งนี้ยังได้ส่งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เข้าพื้นที่แล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้     

นายเสกสกล กล่าวว่า ขณะเดียวกันเช้าวันนี้ (27 มิ.ย.) ได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ประกาศข้อกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน สกัดการแพร่ระบาด โควิด-19 ปรับพื้นที่ควบคุมสูงสุด-เข้มงวด เป็น 10 จังหวัด มีผล 28 มิ.ย.นี้ ซึ่งทำให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้นในการดูแล นายกรัฐมนตรี ศบค.รวมถึงหน่วยงานด้านความมั่นคงรู้ดีว่าจะต้องทำอย่างไร เมื่อประกาศมาตรการออกไปแล้ว จะต้องเร่งดำเนินการทันที นอกจากนี้ยังเตรียมมาตรการรองรับสำหรับแรงงานในแคมป์คนงานแล้ว โดยให้กระทรวงแรงงานดูแลค่าใช้จ่าย และงดชดเชยร้อยละ 50  แก่ลูกจ้างแทนผู้ประกอบการ โดยจะมีการเช็คชื่อคนงานทุกวัน มีการตรวจหาเชื้อเชิงรุกทุกแคมป์ จนเมื่อมั่นใจว่าปลอดภัย และหากได้รับวัคซีนจะปลดล็อกให้กลับมาทำงานได้  

“แม้ว่านายกฯ รัฐบาล จะมีมาตรการอะไรออกมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนและยับยั้งการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ทางพรรคเพื่อไทยไม่เคยเห็นด้วยกับมาตรการใดเลย จึงตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นเพราะพรรคเพื่อไทยไม่อยากให้สถานการณ์คลี่คลายลง เพียงเพราะอยากจะใช้โอกาสนี้นำมาตำหนิ กล่าวหา โจมตีนายกฯ และรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหา” นายเสกสกล กล่าว

นายเสกสกลกล่าวถึงนายชูวิทย์ที่ออกมานะบุว่านายกฯ แถลงข่าวชู 2 นิ้วเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมนั้น ขอชี้แจงว่าเป็นสัญลักษณ์ คือ V : Vaccination การฉีดวัคซีน และ Victory ชัยชนะ ซึ่งนายกฯ เคยใช้สัญลักษณ์เช่นนี้มาแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยนำเรื่องโควิดมาเป็นเรื่องตลก ขบขัน มีแต่อยากให้สถานการณ์คลี่คลายลง ซึ่งที่ผ่านมานายกฯ รัฐบาล สาธารณสุข บุคลากรทางการแพทย์ได้ทำงานอย่างหนัก นายชูวิทย์ก็เห็นอยู่แล้ว 

“และการที่นายกฯ แถลงข่าวร่วมกับแพทย์นั้นตนเองมองว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน เพราะขณะนี้ยังมีคนที่ออกมาพูดให้เกิดความสับสนอยู่ เช่น พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทยและแม้กระทั่งนายชูวิทย์ ที่นึกถึงแต่ตัวเอง วันๆไม่ทำประโยชน์เพื่อประชาชน หรือบ้านเมือง ดีแต่ใช้ปากพูดกล่าวหาจ้องจับผิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง โจมตี ตำหนิ คนทำงานอย่างเดียว จนเสียขวัญกำลังใจ พฤติกรรมเช่นนี้ไม่ได้สงสารประเทศชาติประชาชน ดีแต่คอยซ้ำเติมมากกว่า” นายเสกสกลกล่าว

“สงคราม”ชี้มาตรการรัฐคือคำสั่งประหารผู้ประกอบการ อัดสั่งปิดแคมป์คนงานไร้แผนรองรับทำไวรัสกระจายทั่วไทย

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่ามาตรการล็อกดาวน์กรุงเทพมหานคร ปริมณฑลและจังหวัดชายแดนใต้สี่จังหวัด หลังจากที่เกิดโควิดระบาดในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีคลัสเตอร์ต่างๆ การประกาศปิดแค้มคนงานก่อสร้าง ห้ามทานอาหารในร้านเป็นเวลา 30 วัน รัฐบาลหยุดการะบาดของไวรัสโควิด-19 แต่มาตการที่ออกมากลับไม่พบว่ามีแผนงานรองรับ และสร้างผลกระทบที่หนักขึ้น เพราะล่าสุดพบว่าคนงานในแคมป์จำนวนมากเดินทางกลับภูมิลำเนา ดังนั้นมาตรการดังกล่าวไม่ต่างจากรัฐบาลกำลังส่งออกเชื้อไวรัสร้ายไปยังพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ มาตรการนี้จะส่งผลให้เชื้อไวรัสกระจายมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาตรการบนฐานของความไม่รู้ ส่งผลให้สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้น หากการติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นกว่านี้ รัฐบาลจะทำอย่างไร การแก้ปัญหาไวรัสโควิดของรัฐบาลที่ผ่านมา 2 ปี ไม่ต่างจากการเลี้ยงไข้ เลี้ยงสถานการณ์ไวรัสเพื่อผลประโยชน์ ทางการเมืองมากกว่า เพราะสามารถใช้ทั้งอำนาจและงบประมาณได้อย่างเต็มที่

นายสงคราม กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการออกคำสั่งห้ามนั่งรับประทานอาหารในร้านรอบล่าสุดของภาครัฐ เหมือนคำสั่งประหารชีวิตผู้ประกอบการ มาตรการที่ออกมาเป็นมาตการที่ไร้ความรับผิดชอบต่อผลกระทบที่เกิดขึ้น รัฐบาลหวังแต่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยไม่มองระยะยาวและผลกระทบที่จะเกิดตามมา เช่น การที่ร้านอาหารสามารถขายได้แค่เฉพาะการสั่งกลับบ้าน นั่นหมายถึงรายได้เขาจะลดลงเหลือแค่ 10% ของรายได้ปกติ ขณะที่ต้นทุนอื่นๆ ยังเท่าเดิม ในภาวะแบบนี้คงไม่มีใครอยู่ได้ ซึ่งท้ายที่สุดจะเกิดการเลิกจ้างครั้งใหญ่

“ปัญหาวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงระลอกแรก ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียด้านรายได้อย่างมาก โดยปัจจุบัน ผู้ประกอบการร้านอาหารจำนวนไม่น้อยต้องประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนักจนหลายรายต้องปิดกิจการ เพราะผู้ประกอบการร้านอาหารขนาดกลางและเล็กที่เข้าไม่ถึงมาตรการช่วยเหลือด้านการเงินของรัฐบาล แล้วผู้ประกอบการเหล่านี้จะฝ่าวิกฤตได้อย่างไร การออกมาตรการของรัฐบาลเป็นไปอย่างไร้ความยั้งคิด จึงเป็นการทำลายมากกว่าสร้างสรรค์” นายสงคราม กล่าว

“เสกสกล ”สวน “หญิงหน่อย” ใจมืดบอด ไม่เห็นความตั้งใจ นายกฯ 

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย วิจารณ์มาตรการล็อกดาวน์ โดยรัฐบาลบริหารงานตามยถากรรม โยนภาระให้ประชาชน ว่า ประกาศข้อกำหนด ฉบับที่ 25 เป็นการใช้มาตรการเร่งด่วนเพื่อควบคุมการระบาดไวรัสโควิด-19ในพื้นที่เป้าหมายเฉพาะ 10 จังหวัด  ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เป็นการสกัดกั้นไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดในวงกว้างโดยเฉพาะกลุ่มแรงงาน สถานประกอบการ ที่พบว่ามีการแพร่ระบาดแบบกลุ่มก้อน รวมถึงการขอความร่วมมือประชาชนงดเดินทางข้ามจังหวัดในช่วงนี้ เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อเป็นการยับยั้งการระบาดของเชื้อโควิด ไม่ใช่การล็อกดาวน์ และมาตรการดังกล่าวเลือกที่จะคุมเข้มในบางจุดที่จะเป็นสถานที่สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด ยืนยันว่านายกรัฐมนตรี ห่วงใยทุกคนและมาตรการที่ออกไปคิดดีแล้ว

ส่วนที่คุณหญิงสุดารัตน์และลูกทีม บอกว่านายกฯ บริหารตามยถากรรม จนทำให้สถานการณ์วิกฤตเตียงไม่พอ ทำให้รับผู้ป่วยมารักษาไม่ทันท่วงทีนั้น ยิ่งส่งผลให้มีผู้ป่วยหนัก และตายมากขึ้นนั้น นายกฯและทีมแพทย์ทราบดีถึงเหตุการณ์เตียงผู้ป่วยไม่เพียงพอ ซึ่งสาเหตุก็มาจากการระบาดที่มีจำนวนมากขึ้นนั่นเอง จึงได้ตัดสินใจควบคุมจุดที่มีการระบาดมากอย่างแคมป์คนงาน และที่ผ่านมาก็พยายามเสริมเตียงในโรงพยาบาลสนามหลายแห่ง เจรจาขอเตียงจากโรงพยาบาลเอกชนมาเสริมหรือการใช้พื้นที่ของทหารมาทำเป็นโรงพยาบาลชั่วคราว สิ่งเหล่านี้มีการดำเนินการมาแล้ว

นายเสกสกล กล่าวว่า คุณหญิงสุดารัตน์ บอกนายกฯบริหารแบบตามยถากรรม การล็อกดาวน์ โดยล็อกคนปิดการทำมาหากินเพียงอย่างเดียวโดยไม่ล็อกโรค จะไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ในเร็ววัน แต่คนจะตายเพราะโรคและพิษเศรษฐกิจ ถามว่าคุณหญิงสุดารัตน์ ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้ และขณะนี้ ประเทศไทยกำลังจะเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ แสดงให้เห็นแล้วว่า นายกฯคิดรอบด้าน ทั้งการควบคุมเชื้อโควิดและด้านเศรษฐกิจ แต่ไม่ว่านายกฯและรัฐบาลจะทำอย่างไร คุณหญิงสุดารัตน์ และฝ่ายค้านคงไม่เห็นด้วย แต่อย่าทำใจมืดบอดมองอะไรไม่ดีไปหมด เพราะประชาชนมองอยู่ อย่าให้เขาต้องเอือมระอากับนักการเมืองที่จ้องจะสร้างภาพ เอาแต่หาเสียงกับประชาชนอย่างเดียว ไม่นึกถึงประเทศชาติ ส่วนรวมเลย

ปชป. ขอบคุณทุกฝ่ายผลักดันแก้ไขรธน.สำเร็จ ยืนยันร่างที่13 ชอบธรรม หนุน "บัญญัติ" นั่งประธานกมธ.เพื่อพิจารณา 

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่า ขอขอบคุณสมาชิกรัฐสภาที่ได้ผ่านร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติมที่ทราบกันอยู่แล้วคือฉบับที่ 13 ที่ได้ผ่านการพิจารณาจากรัฐสภาในวาระที่1 เป็นร่างของพรรค ซึ่งมีการลงชื่อร่วมกันระหว่าง ส.ส.พรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา ก็ต้องถือว่าเป็นความสำเร็จร่วมกันของทุกคนที่ได้ร่วมกันผลักดันให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ

ในส่วนของพรรคก็จำเป็นที่จะต้องแสวงหาความเห็นพ้องร่วมกันจากสมาชิกรัฐสภาโดยเฉพาะในชั้นคณะกรรมาธิการคือวาระ2 และวาระ3ต่อไปและพรรคไม่ได้มีความกังวลใดๆทั้งสิ้นในส่วนของกระบวนการในการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งก็ต้องว่ากันตามกระบวนการของรัฐสภา โดยยึดหลักการระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ท้ายที่สุดแล้วร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมจะผ่านหรือไม่ก็อยู่ที่สมาชิกรัฐสภา แต่เชื่อว่าสมาชิกรัฐสภาหลายฝ่ายจะเห็นพ้องต้องกันให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในส่วนของระบบเลือกตั้ง และยืนยันว่าร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 13 เป็นร่างที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญภายใต้หลักการและเหตุผลคือการกำหนดให้มีส.ส.แบบแบ่งเขต 400 คนและมีส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 100 คน และมีหลักการที่สำคัญคือให้มีบัตรเลือกตั้งสองใบที่จะมาตอบสนองความต้องการ ตอบเจตนารมย์ของประชาชนที่มีความต้องการเลือก ส.ส.เขตคนที่ประชาชนรัก ที่อยู่ในพื้นที่มีความใกล้ชิดกับประชาชนและมีความต้องการที่จะเลือกพรรคที่ตนชื่นชอบเช่นกัน ไม่ว่าจะชื่นชอบพรรคดังกล่าวเพราะเรื่องนโยบายหรือเรื่องอุดมการณ์ 

ส่วนกระบวนการคำนวณสัดส่วนของส.ส.แบบบัญชีรายชื่อก็ได้กำหนดในร่างแก้ไขเพิ่มเติมจำนวนให้ไปกำหนดหลักเกณฑ์ โดยการระบุไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ภายใต้หลักการ และเหตุผลหากมีการแก้ไขบางข้อความในส่วนอื่นๆที่ต้องมีการปรับแก้ข้อความเพื่อให้สอดคล้องต้องกัน กับหลักการและเหตุผลดังที่ได้กล่าวมา ในชั้นคณะกรรมาธิการก็สามารถดำเนินการได้แต่สิ่งสำคัญที่สุดต้องอยู่ภายใต้หลักการและเหตุผลคือให้มี ส.ส.เขตจำนวน 400 คนและ ส.ส.บัญชีรายชื่อจำนวน 100 คนและมีบัตรเลือกตั้งสองใบรวมไปถึงการกำหนดวิธีการคำนวณคะแนนให้ชัดเจน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ว่าด้วยระบบเลือกตั้ง พรรคยืนยันยืนว่าต้องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้นการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญยืนยันที่จะดำเนินการควบคู่ไปกับการมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชนให้อยู่ดีกินดีขึ้น  

เมื่อถามว่าในส่วนของการเลือกประธานคณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในวาระที่สอง หากมีหลายฝ่ายต้องการให้นายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นประธาน พรรคจะมีความเห็นว่าอย่างไร  นายราเมศ กล่าวว่า หากกรรมาธิการให้เกียรติทางพรรคก็พร้อมที่จะสนับสนุนนายบัญญัติ เพราะเป็นบุคคลที่หลายฝ่ายให้การยอมรับ มีความเป็นกลาง ซื่อสัตย์สุจริต  คิดถึงประโยชน์ของ ปชช และ ประเทศเป็นที่ตั้ง มีประสบการณ์ ในทางการเมืองมาอย่างยาวนาน และเคยร่วมงานในส่วนของการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาแล้วหลายครั้ง ตั้งแต่ที่ตั้งต้นการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญสมาชิกรัฐสภาหลายท่านทราบดีถึงความสามารถ มุมมอง แนวคิด ที่เป็นหลักให้กับสมาชิกมาโดยตลอด หากกรรมาธิการเห็นด้วยก็เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาในวาระที่สองเป็นอย่างมาก 

เมื่อถามว่ามีนักวิชาการมองว่าการแก้ระบบบัตรเลือกตั้งให้เป็น 2 ใบ เป็นประโยชน์กับพรรคการเมืองใหญ่มากกว่าเป็นประโยชน์กับประชาชน นายราเมศ กล่าวว่า รายละเอียดส่วนของ ส.ส.บัญชีรายชื่อยังไม่มีการถกเถียงกัน และการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประชาธิปไตย มองว่าอย่าไปคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อพรรคการเมืองใดเพราะทุกพรรคการเมืองก็มีจำนวนอยู่ในส.ส. และส่วนในวาระที่ 2 ก็มีในส่วนของกมธ.แต่ละพรรคการเมือง เวทีนี้ต่างหากที่ทุกพรรคต้องมาพูดคุยว่าการแก้ไขระบบเลือกตั้งจะต้องเกิดประโยชน์กับระบบประชาธิปไตยและประชาชนนี้คือสาระสำคัญมากกว่า ส่วนร่างประชาชนก็อยู่ในกระบวนการของรัฐสภา ซึ่งได้แจ้งกลับไปในทางผู้ริเริ่มและก็ได้ไปให้ประชาชนลงลายมือชื่อ นี้เป็นส่วนของเป็นอีกร่างหนึ่งก็ต้องติดตามดูว่าจะดำเนินกระบวนการในขั้นตอนใด

พท.ซัด “ประยุทธ์” ประกาศปิดแคมป์คนงานทำผึ้งแตกรังอีกรอบ หวั่นโควิดระบาด ตจว.ซ้ำ แนะ 5 ทางออกแก้วิกฤต

นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ ผอ.ศบค. ประกาศเตรียมปิดแคมป์คนงานก่อสร้างในกรุงเทพฯ ปริมณฑลและ 4 จังหวัดภาคใต้ เป็นเวลา 1 เดือน ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 28 มิ.ย.นี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์มีความเข้าใจการบริหารภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินบ้างหรือไม่ การออกมาประกาศในลักษณะนี้ มีแต่สร้างความเดือดร้อนให้ภาคแรงงานหาเช้ากินค่ำ กระตุ้นให้ประชาชนเร่งเดินทางกลับภูมิลำเนา หนีการโดนกักตัว ทั้งนี้ การประกาศปิดแคมป์คนงานเพื่อควบคุมการระบาด ต้องประกาศแบบบังคับใช้ทันที โดยมีแผนการรองรับที่ชัดเจน ได้แก่ 1.รัฐบาลต้องออกคำสั่งห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานทันที และต้องดูแลประคองชีวิตทุกด้านอย่างครบถ้วน
2.รัฐบาลต้องพิจารณาปิดบริการขนส่งมวลชนเป็นการชั่วคราวประกอบกันในช่วงสั้นๆ เพื่อป้องกันการเดินทางกลับภูมิลำเนาในทันที และเพิ่มโทษเอาผิดกับเจ้าหน้าที่หรือข้าราชการที่ทำหน้าที่ ควบคุมจุดตรวจในการดูแลประตูไปสู่จังหวัดต่างๆ 

นายชนินทร์ กล่าวต่อว่า 3.กรมควบคุมโรคต้องเข้าปิดพื้นที่ตามแนวทางบับเบิ้ล แอนด์ ซีล แล้วปูพรมตรวจคัดกรองทุกแคมป์ เพื่อแยกผู้ติดเชื้อไปสถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลสนามทันที 4.ผู้ที่ตรวจแล้วมีผลไม่ติดเชื้อ และไม่มีอาการป่วย ควรได้วัคซีนโควิด-19 ทันที โดยยังต้องกักตัวในแคมป์แยกสัดส่วน และต้องตรวจผลซำ้อีก 1 ครั้งหลัง 7 วัน 5.หากพื้นที่ใดสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ จะต้องเปิดการทำงานในพื้นที่กลับมาทันที ไม่ต้องรอถึง 1 เดือน เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบมากเกินกว่าเหตุ  แต่ยังคงห้ามแรงงานเดินทางออกนอกพื้นที่

“ปรากฏการณ์ผึ้งแตกรังเกิดขึ้นหลายครั้ง พล.อ.ประยุทธ์นอกจากจะควบคุมการระบาดไม่ได้ ยังทำตัวเป็นภาระ ออกคำสั่งให้เกิดการกระจายตัวของผู้มีความเสี่ยง หนำซ้ำการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ยังแสดงออกแบบไร้ภาวะผู้นำ ไม่สำนึกรับผิดชอบต่อผู้เสียชีวิตจากโควิดที่เพิ่มขึ้นทุกวันเลย” นายชนินทร์ กล่าว

พท.อัดมาตรการคัดกรองสภาฯ มีปัญหา หวั่นเกิดคลัสเตอร์ประชุมร่วมรัฐสภา ทำลายภาพลักษณ์ไทย จี้ อภ.กระชับขั้นตอนนำเข้าวัคซีนทางเลือก 

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวน้าพรรคพท. กล่าวว่า ที่รัฐบาลบอกกประชาชนว่าการ์ดอย่าตก วันนี้รัฐบาลกลับการ์ดตกเสียเอง วันนี้มีผู้ติดเชื้อจากโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น เสียชีวิตอีกจำนวนมาก เกิดคลัสเตอร์มั่วไปหมด โควิดวนไปทำเนียบก็หลายรอบ ไปสภาฯ ก็หลายหน ดังน้น ศบค.และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ต้องเร่งทำงานให้เหมือนสถานการณ์ฉุกเฉิน ต้องมีมาตรการที่เหมาะสม คำนึงถึงผลกระทบรอบด้าน วันนี้มี ส.ว.ติดเชื้อโควิด และทราบผลหลังไปประชุมร่วมรับสภามาสองวัน คำถามคือมาตรการคัดกรองมีปัญหาหรือไม่ สภาฯ บอกให้เชื่อมั่น แต่ ส.ส.พูดกันว่าปล่อยให้คนเป็นไข้สูงสองวันมาประชุมร่วมได้อย่างไร สถานกาณ์ที่สุ่มเสี่ยงหากนำไปสู่คลัสเตอร์ประชุมร่วมรัฐสภา ไทยจะเสียภาพลักษณ์มากน้อยแค่ไน 

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า หลังๆ เสียงบ่นของแพทย์ พยาบาลและบุคลากรด้านสาธารณสุข มักถูกกำราบโดย ศบค.และ รมว.สาธารณสุขว่าอย่าพูดสะเปะสะปะ แต่การที่แพทย์ออกมาเปรียบเทียบว่าสภาพการทำงานด่านหน้า เหมือนหมู่บ้านบางระจัน ขอปืนใหญ่แต่ได้ปืนแก๊ป หวังพึ่งวัคซีนยี่ห้อเดียวเปิดประเทศไม่ได้ ปัญหาเตียงรองรับผู้ป่วยหนักไม่เพียงพอวนกลับมาอีกระลอก รถแทนที่จะมารับผู้ป่วยกลายเป็นมารับศพแทน ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งหาแนวทางแก้ไข
ส่วนเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ครบ 150 ล้านโดส ยังห่างไกลความเป็นจริง วันนี้วัคซีนมาน้อย มาไม่ครบ แพทย์ก็เริ่มไม่ไหว ถามว่ารัฐบาลจะรับผิดชอบอย่าไร 

นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีการออกมาตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับวัคซีนทางเลือกยี่ห้อโมเดอร์น่า ที่จะนำเข้าประเทศไทยในเดือนต.ค.อาจล่าช้าไม่ทันการณ์ว่า  สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่วิกฤติในขณะนี้ เป็นไปได้หรือไม่ที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) จะกระชับขั้นตอนการนำเข้าวัคซีนทางเลือกให้เร็วขึ้น ขั้นตอนการร่างสัญญาเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายของประเทศไทยและต่างประเทศ อาทิ สัญญาซื้อขาย สัญญาบริการ เพื่อให้อัยการสูงสุดพิจารณา คาดว่าจะมีการลงนามสัญญาซื้อขาย (Supply Agreement) ได้ในต้นเดือน ส.ค.นั้น อภ.มีบุคลากรระดับมืออาชีพ บริษัทคู่สัญญาก็มีความพร้อมเรื่องเอกสาร เพราะมีการจัดทำเอกสารเสนอขายวัคซีนเป็นปกติอยู่แล้ว น่าจะกระชับเวลาให้เร็วขึ้นได้

รวมถึงขั้นตอนการประสานงานกับโรงพยาบาลเอกชน เพื่อคาดการณ์การจองวัคซีน ความชัดเจนเรื่องราคาที่จําหน่ายให้กับโรงพยาบาล การประชุมบอร์ด การให้โรงพยาบาลแจ้งยืนยันจํานวนวัคซีนที่สั่งซื้อ การรับคำสั่งซื้อพร้อมงบประมาณจากโรงพยาบาล หากอภ.สามารถกระชับเวลาเพื่อให้การเซ็นสัญญาสั่งซื้อจากเดิม ที่คาดว่าประมาณเดือน ส.ค.สามารถดำเนินการได้เร็วขึ้น จะสามารถแบ่งเบาภาระของแพทย์ พยาบาล และบุลากรทางการสาธารณสุขได้

“สถานการณ์วันนี้เตียงล้น คนป่วยหนัก หากวัคซีนทางเลือกมาได้ไว จะเป็นกำลังเสริมกับวัคซีนที่มีอยู่ ด้วยศักยภาพของอภ. เชื่อมั่นว่าสามารถกระชับเวลาให้วัคซีนทางเลือกเข้ามาได้เร็วขึ้นได้ จะเป็นประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติ” นายอนุสรณ์ กล่าว

“อรรถวิชช์” หนุนนายกฯ “ไม่ปิดกรุงเทพ” วอนจัดระบบแรงงานต่างด้าว ไม่เอาผิดนายจ้างลูกจ้าง ตรวจเชิงรุก-รักษาฟรี จ่ายยาทันที กักตัวที่พัก จัดระบบส่งอาหารน้ำ ย้ำถ้าดูแลดี ป้องกันเคลื่อนย้ายออกต่างจังหวัดได้ พรรคกล้าพร้อมเป็นอาสาช่วย 

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี กล่าวถึงมาตรการปิดแคมป์คนงานก่อสร้างในกรุงเทพฯ ปริมณฑล สกัดการแพร่ระบาดโควิด-19 ว่า ต้องขอบคุณท่านนายกฯ ที่ไม่ล็อกดาวน์ ไม่ปิดกรุงเทพฯ แต่ปัญหาที่ต้องแก้ให้ตรงจุดคือ “แรงงานต่างด้าว”  กลุ่มนี้ระเบียบราชการหลายขั้นตอนกำกับอยู่ การทำผิดกติกาผิดกฎหมายยังมีอยู่มาก เมื่อเจ็บป่วย ก็เกิดการปิดบังข้อมูลที่แท้จริง จึงอยากให้ละเว้นการดำเนินคดีแรงงานต่างด้าวทั้งนายจ้างและลูกจ้างไปก่อน แล้วเร่งจัดระบบลงทะเบียนออนไลน์แรงงานต่างด้าวที่เจ็บป่วย จำกัดพื้นที่ให้กักตัวเองในที่พัก ส่งอาหาร และยาต้านไวรัสทันที เชื่อว่าถ้าแรงงานมั่นใจว่าจะได้รับการดูแลที่ดี จะป้องกันการเคลื่อนย้ายออกต่างจังหวัดได้ด้วย 

"สถานการณ์ตอนนี้หมอไม่พอเตียงไม่มี จำเป็นต้องใช้วิธีการกักแยกตัวเองในที่พัก (self-isolate) ซึ่งเป็นวิธีการที่ได้ผลในหลายประเทศ และย้ำนะครับว่า ต้องจ่ายยาทันทีเมื่อพบเชื้อ เพราะขณะนี้กว่าจะได้ยา ต้องเสียเวลาเข้าระบบนานมาก กระทรวงแรงงาน และ กทม. ต้องร่วมมือกัน การแจกอาหารน้ำดื่ม สำนักงานเขตสามารถรวมจุด มีอาสาสมัคร อสส. และจิตอาสาพร้อมช่วยเหลือเต็มที่ พรรคกล้าเราก็พร้อมเป็นอาสาช่วยท่าน พร้อมสู้ภัยโควิดนี้ด้วยกัน" นายอรรถวิชช์ กล่าว 

เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวด้วยว่า ผ่านมาสองเดือนที่เราทำโครงการ “กล้าหาเตียง” และพบว่าสัปดาห์นี้บีบหัวใจที่สุด หาเตียงยากกว่าช่วงต้นเดือนมาก ยอดผู้ป่วยสะสมมาถึงจุดที่รัฐรับได้ไม่หมด ต้องเลือกเฉพาะเคสหนัก และเมื่อไม่รับผู้ป่วยมารักษา มากักตัว เขาเหล่านั้นก็ใช้ชีวิตปะปนกับคนทั่วไป เช้าเย็นยังต้องไปตลาดซื้อของมาทำกิน โรงพยาบาลเอกชนหลายที่ไม่รับตรวจ เพราะไม่มีเตียงให้ ไม่มีหมอพอ จึงอยากให้ ศบค. พิจารณาปัจจัยต่างๆ นี้ รวมถึงข้อเสนอของพรรคกล้า ก่อนออกรายละเอียดมาตรการที่จะบังคับใช้วันที่ 28 มิ.ย.นี้

รัฐบาล ยัน "บสย." ช่วยทุกรายเข้าถึงสินเชื่อฟื้นฟูฯ 

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ตามที่รัฐบาลได้ออกพ.ร.ก.ให้การช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 (พ.ร.ก.ฟื้นฟู) มีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการทุกขนาดและในทุกประเภทธุรกิจให้เข้าถึงสภาพคล่อง โดยผู้กู้จะได้รับการคิดอัตราดอกเบี้ยจากสถาบันการเงินไม่เกิน 2% ต่อปี ในช่วง 2 ปีแรก และในช่วง 5 ปีแรกอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยต้องไม่เกิน 5% ต่อปี และเพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสแก่ผู้ประกอบการในการเข้าถึงสินเชื่อ รวมทั้งเพิ่มความเชื่อมั่นในการพิจารณาอนุมัติเงินกู้ของสถาบันการเงิน รัฐบาลได้มอบหมายให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ทำหน้าที่ผู้ค้ำประกัน ซึ่งจะค้ำประกันให้กับผู้ได้รับสินเชื่อฟื้นฟูทุกรายเต็มจำนวน ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น ผู้ประกอบการขนาดย่อย (ไมโคร ลูกจ้างไม่เกิน 5 คน) เอสเอ็มอี ขนาดใหญ่ และบุคคลธรรมดา เป็นระยะเวลาสูงสุด 10 ปี

ภายใต้ พ.ร.ก.ฟื้นฟูฯ ตัวเลขจากธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานว่า มียอดสินเชื่อฟื้นฟูที่อนุมัติไปแล้วกว่า 5หมื่นล้านบาท เป็นผู้ประกอบการจำนวน 1.6หมื่นราย ซึ่งสถาบันการเงินจะทยอยส่งให้ บสย. ค้ำประกันทุกราย ทั้งนี้ ณ วันที่ 23 มิ.ย. 64 บสย.ทำการค้ำประกันไปแล้ว จำนวน 1.1 หมื่นราย แยกเป็น ผู้ประกอบการไมโคร  5.5พันราย ขนาดเล็กและกลาง 4.8พันราย ขนาดใหญ่ 700กว่าราย และมากไปกว่าการค้ำประกัน บสย. ยังเป็นผู้ให้คำปรึกษาทางการเงินด้วย ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการที่ประสบปัญหาทางการเงิน มีทางออกในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและทำแผนธุรกิจประกอบการขอกู้จากธนาคารอย่างมีความน่าเชื่อถือ 

ขณะเดียวกัน บสย. ยังเข้าร่วมสนับสนุนโครงการ “จับคู่กู้เงิน”  เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านอาหาร ภัตตาคารทั่วประเทศ ให้เข้าถึงมาตรการช่วยเหลือด้านการเงินจากสถาบันการเงิน ณ วันที่ 22 มิ.ย.64 นี้ มีผู้มาติดต่อขอสินเชื่อแล้ว กว่า 11,185 ราย วงเงินขอสินเชื่อรวม 2,440 ล้านบาท เมื่อได้รับการอนุมัติจากสถาบันการเงินแล้ว บสย. จะเข้ามาช่วยค้ำประกันสินเชี่อต่อไป  ทั้งนี้ โครงการ “จับคู่กู้เงิน” ยังประกาศขยายระยะเวลาถึงวันที่ 30 มิ.ย.64 นี้  
 
“ที่ผ่านมาพบว่ามาตรการสินเชื่อซอฟท์โลนเดิม มีปัญหาตรงที่ผู้ประกอบการบางส่วนยังเข้าไม่ถึง  ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรี  พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เห็นเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนต้องแก้ไข ครม.จึงได้ออกพ.ร.ก.มาตรการฟื้นฟูฯฉบับใหม่ ที่มีการแก้ไขข้อจำกัดของ พ.ร.ก.ซอฟท์โลนเดิมในหลายประเด็น และล่าสุด นายกฯได้เชิญภาคเอกชน ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตส่าหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ร่วมหารือเพื่อรับฟังปัญหาและอุปสรรค ร่วมกันกำหนดแนวทางให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถเข้าถึงสภาพคล่องมากขึ้น จะได้ประคองธุรกิจและกลับมาฟื้นตัวได้หลังวิกฤตโควิด-19 คลี่คลาย”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top