Saturday, 10 May 2025
POLITICS NEWS

'กก.บห.' พลังประชารัฐ มอบดาบ 'บิ๊กป้อม' ชงชื่อใหม่ได้ หากคุณสมบัติ รมต.ไม่ผ่าน

(23 ส.ค.67) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นประธาน ว่า พรรคพลังประชารัฐได้จัดการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค โดยมีกรรมการบริหารพรรคมาร่วมประชุมจำนวน 12 คน จากจำนวน 19 คน ซึ่งครบตามองค์ประชุม เพื่อยืนยันการเข้าร่วมรัฐบาลและการเสนอชื่อบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคตามที่ได้มีข้อตกลงกับพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

ที่ประชุมได้รับทราบเกี่ยวกับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา ตามที่ สส.ของพรรคพลังประชารัฐได้มีมติเห็นชอบให้หัวหน้าพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และต่อมาผู้ประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลได้ประสานมายังพรรคพลังประชารัฐเพื่อเสนอรายชื่อบุคคลที่มีความเหมาะสมจะเป็นรัฐมนตรีในสัดส่วนโควตาของพรรคพลังประชารัฐ และในวันที่ 20 ส.ค.67 หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้เสนอรายชื่อบุคคลดังกล่าวจำนวน 4 คน ผ่าน นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ไปแล้วนั้น

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวต่อว่า โดยที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว ได้มีมติเกี่ยวกับการเสนอชื่อบุคคลที่เห็นควรเป็นรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรค ดังนี้ พรรคพลังประชารัฐขอยืนยันรายชื่อบุคคลที่พรรคได้เสนอต่อนายกรัฐมนตรีผ่าน นพ.พรหมินทร์ ไปแล้วเมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาแต่งตั้งตามข้อตกลงในการร่วมรัฐบาล ทั้งนี้ หากรายชื่อที่ส่งไปแล้วปรากฏว่า มีบุคคลใดบุคคลหนึ่งไม่ผ่านคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ทางพรรคเพื่อไทยควรต้องแจ้งกลับมาให้พรรคพลังประชารัฐทราบ เพื่อให้หัวหน้าพรรคซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นผู้พิจารณาเปลี่ยนแปลงรายชื่อและเสนอไปใหม่เพื่อทดแทนเท่านั้น

"หากมีการเสนอแต่งตั้งรายชื่อบุคคลอื่นบุคคลใดที่ไม่ได้มาจากรายชื่อที่พรรคพลังประชารัฐเสนอเป็นรัฐมนตรี ทางพรรคขอปฏิเสธรายชื่อดังกล่าวและจะถือว่าไม่เป็นไปตามข้อตกลงที่ทางพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาลควรยึดถือและปฏิบัติตามต่อไป"

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตั้งแต่วันที่ได้ส่งรายชื่อให้พรรคเพื่อไทย มีการแจ้งกลับมาหรือยังว่า แต่ละคนมีคุณสมบัติครบถ้วน พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ขณะนี้มีการประสานงานกันเป็นระยะ

เมื่อถามว่า ชื่อของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ยังมีคุณสมบัติอยู่ใช่หรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ขณะนี้ในเบื้องต้นมีการพูดคุยกัน แต่ก็ไม่ได้มีการยืนยันว่าจะต้องมีการปรับเปลี่ยนแค่ไหนอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า รายชื่อที่คุณสมบัติไม่ผ่าน หัวหน้าพรรคสามารถเสนอชื่อให้ทางพรรคเพื่อไทย โดยไม่ต้องผ่านกก.บห.ใช่หรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ใช่ มติที่ประชุมยืนยันชัดเจนว่า กก.บห.ได้มอบอำนาจให้หัวหน้าพรรคเป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ แต่หากหัวหน้าพรรคจะมีความเห็นควรจะผ่านกรรมการบริหารพรรคอีกครั้งก็คงจะนำรายชื่อเข้าที่ประชุม กก.บห.

ซักว่า รายชื่อที่ ร.อ.ธรรมนัส ส่งไป ซึ่งยังไม่ผ่านกก.บห.ถือว่าโมฆะหรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ไม่ เพราะ 4 รายชื่อตามที่ กก.บห.ก็ยังยืนยันตามเดิมตั้งแต่วันแรกที่เราเสนอไปเมื่อวันที่ 20 ส.ค. ซึ่งล้วนเป็นรัฐมนตรีเก่าของเราในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน

ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า สุดท้ายหากรายชื่อไม่ออกมาตามนี้จะดำเนินการอย่างไร พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า คงจะต้องคุยกับทางพรรคเพื่อไทย จริง ๆ แล้วเป็นอำนาจของหัวหน้ารัฐบาล แต่โดยมารยาททางการเมืองจะต้องมีการพูดคุยกัน หากรายชื่อที่เสนอไปไม่เหมาะสม หรือคุณสมบัติไม่ครบถ้วน ไม่ชัดเจน ก็ต้องมาคุยกัน เรายินดีพร้อมที่จะเปลี่ยน

ถามว่า การประชุม กก.บห.วันนี้ กลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส ไม่เข้าร่วม สะท้อนถึงรอยร้าวภายในพรรคหรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ไม่ เพราะอาจจะติดภารกิจ มีการแจ้งกก.บห.แล้ว

เมื่อถามว่า รายชื่อที่ไปส่งตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค. ยังไม่มีการติดต่ออะไรกลับมาใช่หรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ในทางการยังไม่มีการติดต่อกลับมา เมื่อถามว่า ในที่ประชุม กก.บห.มีการหารือกันถึงการครอบงำข้ามพรรคของคนนอกหรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ไม่ได้พูดคุย เราคุยในหลักเกณฑ์ หลักการ และวิธีการของพรรคเราเท่านั้น

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวถึงรายชื่อรัฐมนตรีที่พรรคพลังประชารัฐเสนอไปว่า รายชื่อรัฐมนตรีแต่ละพรรค ก็มีมติและความเห็นของแต่ละพรรค แต่หากพรรคใดมัวแต่ฟังเสียงเล็ก เสียงน้อย เสียงทุ้มอะไรพวกนี้ ก็จะไขว้เขว ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นหลักเกณฑ์มาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ที่มีการเมืองมา ควรคุยกันและให้เกียรติการร่วมรัฐบาลซึ่งกันและกัน ซึ่งพรรคพลังประชารัฐยืนยันว่า รายชื่อรัฐมนตรีที่เราส่งไปได้ผ่านการพิจารณาของกรรมการบริหารพรรค แต่หากพรรคเพื่อไทยจะนำคนอื่นมาใช้ในโควตาของพรรคพลังประชารัฐ ถือว่าไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า กังวลถึงคุณสมบัติของรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ ที่อาจเข้าข่ายผิด มาตรฐานจริยธรรมหรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า เรื่องนี้เราเข้าใจหัวหน้าพรรค และนายกรัฐมนตรี เพราะตามหลักการ หากเสนอบุคคลที่คุณสมบัติไม่ครบถ้วน หรือไม่เหมาะสม ก็อาจจะมีผลกระทบ ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยมีความไม่สบายใจตรงนี้ จึงแจ้งกลับมายังหัวหน้าพรรค ซึ่งทางพรรคยินดีที่จะเปลี่ยนเป็นคนที่เหมาะสม เพราะพรรคพลังประชารัฐมีบุคคลที่เหมาะสม และพร้อมเป็นรัฐมนตรีอยู่หลายคน ไม่ต้องห่วง

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า พล.อ.ประวิตร จะลาออกจากหัวหน้าพรรค พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ไม่มี หัวหน้าพรรคอยู่กับพวกเราตลอด หากเราไม่ทิ้งท่าน ท่านก็ไม่ทิ้งพวกเรา

สรุป 13 แนวคิดพัฒนาเศรษฐกิจไทยในมุม 'ทักษิณ ชินวัตร' เรื่องสำคัญ 'ดิจิทัลวอลเล็ต-ทุนจีน-ศก.ใต้ดิน-รถไฟฟ้า 20 บาท'

(23 ส.ค.67) Business Tomorrow เผย 13 แนวคิดพัฒนาเศรษฐกิจไทย ในมุม 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี หลังร่วมแสดงวิสัยทัศน์ ณ พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน เนชั่นทีวี จัดดินเนอร์ทอล์ก หัวข้อ Vision For Thailand 2024 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2567 ดังนี้...

1.) โจทย์เร่งด่วนดูแลเศรษฐกิจไทย : ปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือนและธุรกิจให้เดินต่อให้ได้ นโยบายการคลังและนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยไปในทางเดียวกัน แต่เคารพความเป็นอิสระแบงก์ชาติ

2.) โครงการดิจิทัล วอลเล็ต : เสนอให้ใช้ดิจิทัล วอลเล็ต ในเฟสแรกเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลจะยังคงใช้งบประมาณที่เตรียมไว้ 1.45 แสนล้านบาทมาใช้แจกให้กับ 14.5 ล้านคน กลุ่มเปราะบางและคนพิการก่อนคนละ 10,000 บาท และเฟสต่อไปเดือน ต.ค.อีก 30 ล้านคนใช้ระบบดิจิทัล วอลเล็ต ยิงปืนนัดเดียวได้นก 3 ตัว ทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจใช้ระบบ 'บล็อกเชน' ชุ่มฉ่ำทั่วถึง, รากหญ้าเรียนรู้เทคโนโลยี, ประชาชนได้รับบริการภาครัฐ ซุปเปอร์แอป อนาคตอาจขายพันธบัตรรัฐบาลผ่านประชาชนรายย่อย ให้ประชาชนใช้แทนเงินสด เป็นผลมากกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจ

3.) Entertainment Complex : นายทักษิณมองว่าควรดึงเอกชนมาลงทุนเริ่มแสนล้านบาท สร้าง Entertainment Complex ในกรุงเทพฯ เพื่อแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเน้นการลงทุนขนาดใหญ่เพื่อเสริมสิ่งที่ประเทศไทยยังขาด เช่น คอนเสิร์ตฮอลล์และสนามกีฬา ส่วนพื้นที่คาสิโนมีไม่ถึง 10%

4.) ถมทะเลบางขุนเทียน-ปากน้ำ : เสนอการถมทะเลเพื่อสร้างเมืองใหม่ เพิ่มพื้นที่สีเขียวและลดความแออัดในกรุงเทพฯ โดยให้ใช้รถไฟและรถไฟฟ้าเป็นการเดินทางหลัก เพื่อป้องกันน้ำท่วมและเพิ่มพื้นที่ท่องเที่ยว

5.) รถไฟฟ้า 20 บาท : ยืนยันว่านโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทต้องทำให้ได้ โดยอาจต้องเวนคืนรถไฟฟ้าที่เอกชนบริหารมาเป็นของรัฐ แล้วจ้างเอกชนบริหารต่อ

6.) การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมและการลงทุนในดาต้าเซนเตอร์ : แนะนำให้เชิญชวนต่างประเทศมาลงทุนในประเทศไทยเพื่อปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม

7.) ดึงรถ EV พวงมาลัยขวามาผลิตในไทย : เสนอให้ไทยเป็นฐานการผลิตรถ EV พวงมาลัยขวาจากจีน และรักษาอีโคซิสเตมอุตสาหกรรมรถยนต์ในไทย ส่วนประเด็นสินค้าจีนตีตลาดกระทบ SME ไทย แนะเร่งพัฒนาเพิ่มมูลค่า จี้รัฐตรวจสอบสินค้าผิดกม. ยันไม่รังเกียจทุนจีน แต่ต้องแข่งขันเท่าเทียม

8.) แนวทางการจัดการเขตทับซ้อนทางทะเลและทรัพยากรธรรมชาติ : นายทักษิณเสนอให้แบ่งทรัพยากรในเขตทับซ้อนทางทะเลคนละ 50% เช่นเดียวกับที่เคยทำกับมาเลเซียชี้ว่าน้ำมันและแก๊สในพื้นที่นี้อาจหมดความสำคัญในอีก 20 ปี เนื่องจากการหันไปใช้พลังงานสะอาดกำลังให้มีการศึกษาแนวทางของนอร์เวย์ในการแบ่งผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติให้กับประชาชนทั้งประเทศ แนวทางนี้จะช่วยลดต้นทุนพลังงานถูกลง 

9.) ศูนย์กลางทางการเงิน : ต้องการให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงิน โดยศึกษาตัวอย่างจากดูไบและสิงคโปร์

10.) ขายที่ดินให้ต่างชาติ : เสนอแนวทางขายที่ดินให้ต่างชาติโดยให้สัญญาเช่า 99 ปีให้กรมธนารักษ์ดูแล และจำกัดการใช้ที่ดินเพื่อป้องกันการนำไปทำการเกษตรแข่งขันกับคนไทย

11.) กองทุนวายุภักษ์ : เสนอขยายกองทุนวายุภักษ์เพื่อซื้อหุ้นกลับมาหากราคาต่ำกว่าที่ควร

12.) ปรับภาษี : แนะให้ปรับภาษีให้เป็นธรรมและแข่งขันได้ โดยเฉพาะภาษีนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา พร้อมกับใช้เทคโนโลยีใหม่ในการคืนภาษีอย่างรวดเร็ว

13.) เศรษฐกิจใต้ดิน : เศรษฐกิจใต้ดินมีขนาดใหญ่กว่า 49% ของ GDP จำเป็นต้องดึงเศรษฐกิจเหล่านี้ขึ้นมาอยู่บนดิน

'นิด้าโพล' ยก!! ‘พีระพันธุ์-รวมไทยสร้างชาติ’ คะแนนนิยมเพิ่มขึ้น คาด!! กระแสพุ่งอีก หลัง ‘อรรถวิชช์’ เสริมทัพ-กม.พลังงานใหม่คลอด

จากผลสำรวจโดยนิด้าโพล ครั้งที่ 2/2567 ระบุว่า ‘พีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค’ เป็นบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ร้อยละ 6.85 เพิ่มขึ้นจากผลสำรวจของนิด้าโพลครั้งที่ 1/2567 ที่ร้อยละ 3.55 และผลสำรวจของนิด้าโพลเมื่อปี 2566 ที่ร้อยละ 2.40

คะแนนนิยมที่เพิ่มขึ้นของ ‘พีระพันธุ์’ มาจาก 'ภาพลักษณ์ที่ดี มีความน่าเชื่อถือ ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต' 

ทั้งนี้ ‘พีระพันธุ์’ หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้สร้างผลงานอันโดดเด่น ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะ ‘รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง’ เพื่อให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงพลังงาน ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย มีความถูกต้อง เหมาะสม และเป็นธรรม ภายใต้นโยบายที่จะนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน อันจะส่งผลให้ผู้บริโภค ‘พี่น้องประชาชนคนไทย’ ได้รับประโยชน์สูงสุดนั่นเอง

จากผลสำรวจเดียวกัน ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ ได้รับคะแนนเป็นพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ ร้อยละ 7.55 เพิ่มขึ้นจากผลสำรวจของนิด้าโพลครั้งที่ 1/2567 ที่ร้อยละ 5.10 และผลสำรวจของนิด้าโพลเมื่อปี 2566 ที่ร้อยละ 3.20 

การที่พรรครวมไทยสร้างชาติได้รับคะแนนนิยมจาก ‘พี่น้องประชาชนคนไทย’ เพิ่มขึ้นนั้นก็เพราะการทำงานด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจของทีมงานของพรรคฯ ทุกคน ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีตำแหน่งก็ตาม และได้ให้ความช่วยเหลือ ‘พี่น้องประชาชนคนไทย’ ในทุก ๆ เรื่องที่ร้องเรียนหรือขอความช่วยเหลือมายังพรรค ทั้งยังได้ตั้ง ‘สถานียุติธรรม’ เพื่อรับเรื่องราวความทุกข์ร้อนและดำเนินการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความทุกข์ร้อนของ ‘พี่น้องประชาชนคนไทย’ เหล่านั้นในทุกวิถีทางโดยรวดเร็ว พร้อมทั้งมีการติดตามผลจนกว่าการแก้ปัญหาทั้งหลายเหล่านั้นจะลุล่วง หรืออย่างน้อยก็ต้องบรรเทาเบาคลายลง

นอกจากจะได้รับคะแนนนิยมจาก ‘พี่น้องประชาชนคนไทย’ ที่มีต่อ ‘พีระพันธุ์’ หัวหน้าพรรคฯ และพรรค ‘รวมไทยสร้างชาติ’ ที่เพิ่มขึ้นแล้ว พรรคฯ ยังได้ ‘อรรถวิชช์ (เอ๋) สุวรรณภักดี’ มาร่วมงานอีกด้วย โดยเมื่อ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ‘อรรถวิชช์’ ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค ‘รวมไทยสร้างชาติ’ แล้ว

‘อรรถวิชช์’ นักการเมืองคุณภาพที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ เกิดวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2521 สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล นิติศาสตรบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นิติศาสตรมหาบัณฑิต สาขากฎหมายการเงินการธนาคารจากมหาวิทยาลัยบอสตัน สหรัฐอเมริกา และ รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี และหลักสูตรศึกษาอบรมต่าง ๆ อีกมากมาย ผู้เป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ อดีตเลขาธิการพรรคกล้า อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ประธานกรรมาธิการกิจการชายแดนไทย กรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้า

ก่อนเข้าสู่งานด้านการเมือง ‘อรรถวิชช์’ เคยรับราชการสังกัดสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง โดยมีผลงานอันโดดเด่นหลายเรื่อง อาทิ การปรับโครงสร้างหนี้ภาคประชาชน การกำกับดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคลให้อยู่ในระดับร้อยละ 28 ต่อปี การกำกับธุรกิจบัตรเครดิต และการควบรวมกิจการบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรม ธนาคารทหารไทย และธนาคารดีบีเอสไทยทนุ รวมถึงงานร่างกฎหมายเกี่ยวกับการเงิน การธนาคาร หลายฉบับ

เส้นทางการเมืองของ ‘อรรถวิชช์’ เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2550 ชนะการเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร เขต 4 คือ เขตจตุจักร, บางซื่อ, หลักสี่ สังกัด พรรคประชาธิปัตย์ โดยร่วมทีมกับบุญยอด สุขถิ่นไทย และสกลธี ภัททิยกุล ต่อมา พ.ศ. 2554 ชนะการเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร เขต 9 คือ เขตจตุจักร สังกัด พรรคประชาธิปัตย์ ในปี พ.ศ. 2558 เขาเข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร 

ต่อมาเมื่อ 16 มกราคม พ.ศ. 2563 ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เพื่อไปร่วมก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่กับกรณ์ จาติกวณิช อดีตรองหัวหน้าพรรคที่ลาออกแล้วก่อนหน้านั้น โดยรับตำแหน่งเลขาธิการพรรค พรรคกล้า ก่อนที่กล้าจะควบรวมกับพรรคชาติพัฒนาเป็นพรรคชาติพัฒนากล้า .ในปี พ.ศ. 2566 ‘อรรถวิชช์’ ได้เสนอกฎหมายปฏิรูปเครดิตบูโรภาคประชาชน ร่วมกับ สภาองค์กรของผู้บริโภค และวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ‘อรรถวิชช์’ ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยเข้ามาร่วมในทีมกฎหมายของพรรคฯ

ต้องยอมรับว่า ‘กฎหมาย’ เป็นเครื่องมือสำคัญของสังคมที่จะทำให้บ้านเมืองขับเคลื่อนไปสู่ความเจริญข้างหน้าได้ด้วยความสุจริต เป็นธรรม และสุขสงบ แม้ ‘รวมไทยสร้างชาติ’ จะมี ‘พีระพันธุ์’ หัวหน้าพรรคฯ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเป็นอย่างยิ่ง มีผลงานปรากฏให้เห็นเป็นประจักษ์มากมายแล้ว แต่ด้วยภาระหน้าที่ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พรรคฯ จึงต้องมีนักกฎหมายที่มีความสามารถมาเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมงานของพรรคฯ ที่ได้สร้างผลงานอันเป็นประโยชน์แก่ ‘พี่น้องประชาชนคนไทย’ แล้วมากมาย เพื่อให้ได้ผลงานคุณภาพเกิดประโยชน์โภคผลเพื่อมากขึ้นให้เท่าทันต่อความจำเป็น ความต้องการ และความเดือดร้อนของ ‘พี่น้องประชาชนคนไทย’ อันเป็นภารกิจที่เป็นพันธกิจที่ไม่มีวันสิ้นสุดของพรรค ‘รวมไทยสร้างชาติ’ ต่อไป

'ทักษิณ' เทกโอเวอร์เบ็ดเสร็จ 'การเมืองไทย' 'ป้อม' หลุด!! พรรคร่วมหมอบ!! ปชป.รอเสียบ

ยุค ‘ทักษิณ ชินวัตร’ เป็นนายกรัฐมนตรี มีวลีหนึ่งที่นักการเมืองเจ้าของฉายา 'มีดโกนอาบน้ำผึ้ง'...ชวน หลีกภัย กล่าวเตือนทักษิณคือ...ระวังไม่มีแผ่นดินจะอยู่ หากมียังมีพฤติการณ์ที่กำลังทำ...

เป็นการตอบโต้ 'ทักษิณ' ที่กล่าวหาชวนและพรรคประชาธิปัตย์ว่า หากเล่นเกมการเมืองกันมากเกินไป ระวังจะไม่มีการเมืองให้เล่น...

‘ชวน หลีกภัย’ เป็นนักการเมืองอาวุโสที่จำแม่นกึ่ง ๆ ผูกใจเจ็บ หากรู้สึกสิ่งนั้นไม่เป็นธรรม ไม่ถูกต้อง...เมื่อทักษิณไปปราศรัยหาเสียงที่นครสวรรค์ว่า รัฐบาลจะพัฒนาจังหวัดที่ประชาชนเลือกพรรคเราก่อน...'ชวน' กับ 'คณะ' หยิบมาขยายผล จนกลายเป็นประเด็นที่สังคมการเมืองพูดกันยันปัจจุบัน เป็นภาพลบติดตัวพรรคเพื่อไทย...

แต่เมื่อ ชวน นำเรื่องนี้มาพูดย้ำซ้ำเชิงเตือนสติรัฐบาลเศรษฐากลางสภาเมื่อ 4 มิ.ย.2567 ก็มีมือดีส่งโน้ตให้นายกฯ เศรษฐา สวนกลับนายหัวชวนแบบแสบสันว่า...ให้หามุกใหม่มาเล่นดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะไม่มีพื้นที่ในสภา...

ชวน หลีกภัย เป็น สส.17 สมัย กำลังชั่งใจว่าจะลงสมัคร สส.สมัยต่อไปหรือไม่ แต่ที่ชวนชั่งใจและตัดสินใจแล้ววันนี้คือ...ไม่เห็นด้วยกับการเข้าร่วมรัฐบาลอุ๊งอิ๊งที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ เหตุผลหลักคือ ไม่อยากทรยศชาวบ้าน...นัยว่าในอดีตมวลมหาประชาธิปัตย์เคยต่อสู้กับระบอบทักษิณ เป็นคู่แข่งกันมาก่อน การจะร่วมรัฐบาลในลักษณะการเป็น 'พรรคอะไหล่' ถือว่าไร้ศักดิ์ศรี

ปัจจุบันประชาธิปัตย์มี 25 สส. เป็น สส.บัญชีรายชื่อ 3 คน / สส.เขต 22 คน จาก 25 คน...มี 4 คน คือชวน, บัญญัติ บรรทัดฐาน, จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และสรรเพชร บุญญามณี ที่อยู่ฝั่งไม่เห็นด้วย...อีกฝั่ง 21 เสียง นำโดยหัวหน้าพรรค เฉลิมชัย ศรีอ่อน รอเสียบมาตั้งแต่ไก่โห่...และฝันเป็นจริงเมื่อ 'ทักษิณ' ผ่าพรรค พปชร.เป็นสองซีก...สลัดปีก 'ลุงป้อม' ออก เปิดทางให้ประชาธิปัตย์เสียบ!!

นอกจากแฟนนานุแฟนพรรคแม่พระธรณีจำนวนไม่น้อยที่อาจเข่าทรุดแล้ว คนที่กระอักเลือดมากที่สุดก็น่าจะเป็น...นายหัวชวน...ขณะที่คนที่หัวเราะร่าน่าจะเป็นทักษิณ เพราะหมากตานี้หากจะพินิจพิจารณาให้ดี...นี่คือ 'การฆ่าประชาธิปัตย์' ที่คลาสสิกและเลือดเย็นที่สุดวิธีหนึ่ง...

วันก่อนโน้น...6 สส.พรรคไทยสร้างไทย ที่มีคุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นแม่ทัพและอยู่ซีกฝ่ายค้าน พลิกกลับ 360 องศา ทั้ง 6 เสียง ยกมือโหวตหนุนอุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ ทำให้คุณหญิงหน่อยกระอักมาคนหนึ่งแล้ว...วันนี้ถึงคิว ปชป.

ถ้าไม่พลิกนาทีสุดท้ายการเข้าร่วมรัฐบาลรอบนี้ ปชป.คงได้ 2 เก้าอี้เสนาบดี / 1 รมว. / 1 รมช. ซึ่งอาจจะช่วยชุบชีวิตได้ในบางมิติ นำตำแหน่งไปสร้างผลงานให้พอได้หาเสียง แต่ก็ต้องแลกกับรายจ่ายที่เป็นต้นทุนสำคัญคือ...คะแนนนิยม-ความศรัทธา ที่หายไป...

นักสังเกตการณ์กล่าวว่า 2 เก้าอี้ รมต. อาจจะพอเยียวยาทำให้ประชาธิปัตย์รักษาฐานบ้านใหญ่ เอาไว้ได้ในบางพื้นที่ แต่ภาพรวมหลายพื้นที่คะแนนนิยมอาจจะสูญพันธุ์ รวมทั้งภาคใต้เอง แม้ 'เดชอิศม์ ขาวทอง' สส.สงขลา/เลขาธิการพรรค อาจจะได้เป็นรมต. แต่ก็คงไม่พอเพียงที่จะแผ่บารมีไปลบล้างกระแสพรรคส้มที่กำลังรุกคืบ และภูมิใจไทยที่ยังสยายปีกคุมภาคใต้...

ไม่ต้องพูดใน สนาม กทม. ที่ยังไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ ว่าจะฟื้นคืน...น่าเห็นใจ 'ดร.เอ้-สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์' ที่กำลังเดินสายหาสมาชิกเป็นยิ่งนัก!!

‘พีระพันธุ์’ แจ้ง!! ร่างกฎหมายโครงสร้างพลังงานใหม่เสร็จแล้ว ชี้!! ผ่านบันไดขั้นที่ 3 เตรียมมุ่งสู่บันไดขั้นสุดท้าย

เมื่อวานนี้ (21 ส.ค. 67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแจ้งข่าวสำคัญ ไว้ดังนี้...

สวัสดีครับ วันนี้ผมได้มีการประชุมคณะทำงานพิเศษ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายและพลังงาน เพื่อจะให้พิจารณาร่างกฎหมายที่ผมได้พูดไว้ว่า “ผมร่างมาตลอดทุกวัน” ตอนนี้ร่างเสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ ร่างกฎหมายนี้ถือเป็นร่างแรก ซึ่งผมร่างขึ้นมาอย่างเต็มที่ มีทั้งหมด 95 หน้า 180 มาตรา และกำลังให้คณะผู้เชี่ยวชาญนำไปตรวจสอบในรายละเอียดและปรับปรุงต่อไป

ในระหว่างรอการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ผมอยากให้พี่น้องประชาชนสบายใจและมั่นใจว่าผมไม่ได้ทิ้งงานนะครับ ระหว่างนี้ผมยังทำงานเต็มที่ให้กับพี่น้องประชาชนทุกเรื่อง และทุกเรื่องที่บอกไว้ ผมยังทำอยู่ ทำต่อ เรื่องนี้เป็นบันไดขั้นที่ 3 ที่ผมเคยบอกไว้ว่า ผมจะมีบันได 5 ขั้น ก่อนหน้านี้เสร็จไปแล้ว 2 ขั้น วันนี้ขั้นที่ 3 เสร็จแล้วครับ และกำลังจะเดินหน้าสู่ขั้นที่ 5 ซึ่งเป็นขั้นสุดท้ายเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน และความเป็นธรรมในการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซให้กับพี่น้องประชาชนต่อไปในอนาคตครับ

ขอให้มั่นใจว่า ผมจะทำงานทุ่มเทสติปัญญาและกำลังความสามารถทุกอย่าง เพื่อพี่น้องประชาชนในประเทศไทยของเรา ตลอดไปครับ

‘ดร.อรรถวิชช์’ เปิดใจหลังสมัครเข้า ‘รวมไทยสร้างชาติ’ ลั่น!! รู้สึกอบอุ่นที่ได้กลับมาทำงานกับคนคุ้นเคย

‘อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี’ เปิดใจหลังสวมเสื้อพรรค ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ เผย รู้สึกอบอุ่นที่ได้กลับมาทำงานกับคนคุ้นเคยอย่างเป็นทางการ หลังได้เข้าไปช่วย ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ อยู่เบื้องหลังช่วยทำกฎหมายปรับโครงสร้างพลังงานก่อนหน้านี้ ย้ำชัด!! พร้อมทำงานร่วมกับสมาชิกพรรคทุกท่าน หวังช่วยผลักดันนโยบายและกฎหมายของพรรคเข้าสู่สภาแบบเชิงรุกและรวดเร็ว

(22 ส.ค. 67) ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เปิดใจกับ THE STATES TIMES หลังสมัครเข้าเป็นสมาชิก ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ เมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา ว่า…

ก่อนหน้านี้ ได้เข้ามาช่วยงานคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ในปีกของกระทรวงพลังงานเกี่ยวกับการปฏิรูปพลังงาน โดยเฉพาะในเรื่องข้อกฎหมายทางเทคนิค หลังจากนั้นท่านก็ได้ชักชวนให้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการ เพื่อช่วยงานด้านกฎหมายและด้านนโยบายของพรรค

ดร.อรรถวิชช์ กล่าวว่า คุณพีระพันธุ์ มีความตั้งใจที่จะปฏิรูปโครงสร้างพลังงานของประเทศอย่างจริงจัง จึงได้มีโอกาสไปช่วยงานที่กระทรวงพลังงาน โดยเฉพาะการปฏิรูปการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ อีกทั้งยังมีกฎหมายหลายฉบับที่ต้องแก้ไข หากจะทำให้เกิดการปฏิรูปพลังงานอย่างเป็นรูปธรรม เพราะในโครงสร้างพลังงานมีความซับซ้อนต้องทำอย่างละเอียดและรอบคอบ ท่านจึงต้องการคนที่ช่วยกลั่นกรองเพิ่มเติม

“หลังจากช่วยงานที่กระทรวงได้สักระยะ คุณพีระพันธุ์ ท่านเห็นว่า ยังมีกฎหมายอื่นด้านนโยบายที่เกี่ยวข้องกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งมีกฎหมายหลายฉบับที่ทางพรรคต้องการเสนอ จึงอยากให้มาเป็นสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการ เพื่อที่จะได้ทำงานได้อย่างเต็มที่ จากเดิมที่ทำงานอยู่เบื้องหลังในส่วนของกระทรวงพลังงาน แต่หลังจากนี้ จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับปากท้องพี่น้องประชาชนที่จะเสนอต่อสภาฯ มากขึ้น…

“ผมอยากจะบอกว่า การเข้ามาเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ผมรู้สึกอบอุ่นนะ เพราะว่าจริง ๆ แล้ว คนในพรรคส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนคุ้นเคยเป็นพี่น้องกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นท่านหัวหน้าพรรค คุณพีระพันธุ์ หรือ คุณเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรคฯ ในวันที่ผมเข้าไปสมัครเป็นสมาชิกก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น และผมก็เชื่อมั่นว่าการทำงานทุกอย่างจะราบรื่น เพราะส่วนใหญ่แล้วเคยทำงานร่วมกันมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นที่พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคกล้า ผมยินดีที่จะทำงานร่วมกันกับสมาชิกทุกท่านในพรรค เพราะเชื่อมั่นว่า คนที่มีอุดมการณ์เหมือนกัน จับมือร่วมกันจะเกิดพลังมากกว่า” ดร.อรรถวิชช์ กล่าว

ขณะเดียวกัน ดร.อรรถวิชช์ ย้ำว่า หาก สส.ท่านใดของพรรครวมไทยสร้างชาติ มีข้อกฎหมายที่สนใจ และต้องการนำเสนอกฎหมายต่อสภา ก็ยินดีที่จะเข้าไปช่วยร่างตัวกฎหมายให้ เพื่อให้กระบวนการทำงานมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การแก้ไขปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนเร็วยิ่งขึ้น เพราะต้องยอมรับว่า การทำงานในภาคประชาชนก่อนหน้านี้ ตนได้ทำการรวบรวมข้อมูลเอาไว้จำนวนมาก ที่สามารถนำมาแปลงเป็นกฎหมายได้ ซึ่งหลังจากนี้จะเห็นงานเชิงรุกของพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างแน่นอน เพราะขนาดของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มีจำนวน สส. 36 ที่นั่ง เป็นจํานวนที่เอื้อให้สามารถเสนอกฎหมายได้อย่างรวดเร็ว เพราะใช้จำนวน สส. เพียง 20 คนขึ้นไปในการลงชื่อยื่นเสนอ ในขณะที่ภาคประชาชน จะต้องรวบรวมรายชื่อให้ได้ 10,000 คนขึ้นไป จึงจะสามารถเสนอกฎหมายได้ 

พร้อมกันนี้ ดร.อรรถวิชช์ ยังได้กล่าวถึงกฎหมายปฏิรูปเครดิตบูโรที่ได้ผลักดันมาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้ว่า ในเรื่องกฎหมายปฏิรูปเครดิตบูโรจะยังคงเดินหน้าผลักดันต่อไป และการที่ตัดสินใจเข้ามาเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างเต็มตัว หนึ่งในเหตุผลหลัก คือ การผลักดันให้กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ซึ่งคุณพีระพันธุ์ 

ท่านเป็นนักการเมืองท่านเดียวที่พอพูดเรื่องกฎหมายปฏิรูปเครดิตบูโรแล้วท่านเข้าใจทันที และท่านตระหนักดีว่าประชาชนได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง และท่านสนับสนุนให้เดินหน้าผลักดันอย่างเต็มที่ ซึ่งก่อนหน้านี้ สามารถรวบรวมรายชื่อประชาชนได้แล้วประมาณ 5,000 รายชื่อ ยังขาดอีกครึ่งหนึ่ง เพื่อที่จะยื่นร่างกฎหมายต่อสภาได้ ซึ่งท่านได้แนะนำว่า ให้ยื่นเป็นกฎหมาย สส.ของพรรค โดยให้ สส.ลงนามแล้วยื่นต่อสภาฯ ได้เลย เพื่อเข้าสู่กระบวนการที่รวดเร็วขึ้น

“ผมมีความรู้สึกว่า คุณพีระพันธุ์ ท่านเข้าใจปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง และที่สำคัญการทำงานกับท่าน ไม่ต้องอธิบายให้ซับซ้อน เพราะว่าพออธิบายไปท่านเข้าใจแล้วว่าเรื่องอะไร และก็สั่งการทันที ซึ่งท่านรับปากในเรื่องกฎหมายปฏิรูปเครดิตบูโร และยังให้ทำกฎหมายอื่น เช่น พ.ร.บ. บัตรเครดิต ที่เคยผลักดันร่วมกันเมื่อก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่สามารถทำให้มีผลบังคับใช้คุ้มครองพี่น้องประชาชน เรื่องอัตราดอกเบี้ยที่เก็บจากบัตรเครดิต ให้เตรียมทำต่อด้วย เพราะเป็นกฎหมายที่มีประโยชน์และจะช่วยคุ้มครองประชาชน”

วัดระดับ 'มุมมอง-ความคิด-ความเก่ง' ของคนในชาติ ผ่าน 'คุณภาพ' นักการเมืองที่พวกเขาเลือกสนับสนุน

จำกันได้ไหมครับว่าไม่กี่เดือนก่อน บ้านเราเคยมีนักการเมืองที่กลิ้งกลอก และชอบโกหกเป็นอาชีพ ถูกจับได้ว่าหลอกสังคมด้วยการเอาภาพวาดที่คล้าย 'Woman with a parasol - Madam Monet and Her Son' ของ 'Monet' จิตรกรระดับโลกมาอวดอ้าง แล้วบอกว่าตนเองเป็นผู้สร้างสรรค์รูปภาพนี้ขึ้นมาเอง 

แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว คนในชาติที่ 'คิดเป็น' และพัฒนาแล้วในเรื่องของ 'สามัญสำนึก' จะไม่มีทางสนับสนุน 'คนต้มตุ๋นสังคม' เช่นนี้ ให้ได้เป็นใหญ่เป็นโตในบ้านเมืองของตนเองเป็นอันขาด

แค่เป็นคนเดินดินธรรมดายังไม่น่าคบค้าสมาคมเลย!!

แต่ก็คงจะยกเว้นสำหรับ 'คนเบาปัญญาบางกลุ่ม' ของสังคมไทย ที่พร้อมใจกันหลับหูหลับตาสนับสนุนชายคนนี้อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู หวังให้เป็นผู้นำในการบริหารประเทศ 

โฆษณาว่าเป็น 'คนรุ่นใหม่' นึกว่าจะชมชอบความสุจริตโปร่งใส แต่กลับมีรสนิยมชอบ 'คนต้มคน' ไปได้ ดีนะที่ประเทศนี้ยังมีพระสยามเทวาธิราช คอยเป็นเทพยดาศักดิ์สิทธิ์ที่อภิบาลรักษาประเทศไทย ให้รอดพ้นจาก 'ความเลวร้าย' ของคนจำนวนหนึ่งได้สำเร็จ

แต่ 'ตลกร้าย' เรื่องแรกยังไม่ทันจางหายไปจากการจดจำของคนที่รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ก็มีเรื่องให้คนไทยต้อง 'ยิ้มเจื่อน ๆ' โผล่มาอีกหนึ่ง นั่นคือ ลูกเศรษฐีหนีคดี อดีตเคยโกงข้อสอบจนเป็นข่าวดัง ก็ได้รับการผลักดันให้เป็นผู้นำทางการเมือง เพื่อมาบริหารประเทศชาติ 

ผมไม่ได้แปลกใจใน 'เกมเปลี่ยนตัวนอมินี' เพราะเชื่อมาตลอด ว่าได้อยู่ในแผนร้ายของผู้ชักใยมานานแล้ว ว่าคงจะไว้ใจใครไม่ได้นอกจาก 'เลือดเนื้อทึ่ม ๆ' ของตัวเอง คงมีแต่คนโง่ โลภ และใจบอดเท่านั้นที่ปล่อยให้ 'ใครก็ได้' มาเป็นใหญ่เป็นโตได้อย่างง่ายดายในประเทศที่ตัวเองบอกว่ารักยิ่งชีพ

สังคมไทยยุคนี้จึงมีแต่เรื่อง 'ตลกร้าย' โผล่มาให้คนไทย 'หัวเราะทั้งน้ำตา' รายวัน อย่าไปคิดอะไรให้มากกว่านี้เลยครับ เรามีประชาชนที่มีสติปัญญาระดับไหน เราก็จะได้เห็นนักการเมืองมีคุณภาพในระดับนั้น 

‘MBS’ โพสต์แสดงความยินดีแก่ ‘อุ๊งอิ๊ง’ หลังรับตำแหน่งนายกฯ ด้าน ‘นายกฯ ไทย’ ขอบคุณ พร้อมร่วมมือ ‘ซาอุฯ’ ในทุกมิติ

(21 ส.ค. 67) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X ถึง เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด (His Royal Highness Prince Mohammed bin Salman bin Abdulaziz Al Saud) มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย (MBS) ภายหลังพระองค์ได้ทรงโพสต์แสดงความยินดีกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในโอกาสรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยพระองค์ทรงหวังว่า นายกรัฐมนตรีของไทยจะประสบความสำเร็จ ทำให้ประเทศ และประชาชนไทยพัฒนาและเจริญรุ่งเรือง

ส่วนข้อความรีโพสต์ของทาง นายกรัฐมนตรีของไทย ก็ระบุไว้ว่า “ข้าพระพุทธเจ้า สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ใต้ฝ่าละอองพระบาททรงพระกรุณามีข้อความแสดงความยินดีถึงข้าพระพุทธเจ้าในโอกาสเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย โดยจากนี้ไปประเทศไทยจะเพิ่มพูนการเป็นหุ้นส่วนอันดีกับประเทศซาอุดีอาระเบียในทุกมิติ”

เปิดประวัติ 'ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี' นักกฎหมายมือฉมัง เสริมกำลัง 'รวมไทยสร้างชาติ'

ถือเป็นการเปิดตัวเป็นสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการกับพรรครวมไทยสร้างชาติของ 'คุณเอ๋' ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.67 ที่โรงภาพยนตร์ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้ชวนมาชมภาพยนตร์ ร่วมกัน

โดยก่อนหน้านี้ คุณเอ๋ เคยกล่าวไว้ว่า ตนได้เข้ามาช่วยดูงานด้านกฎหมายและเครดิตบูโร ให้กับนายพีระพันธุ์ และ พรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะมีความสนิทสนมกับนายพีระพันธุ์ตั้งแต่สมัยอยู่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งล่าสุด ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ได้เข้าร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยคาดว่าจะมาช่วยเสริมกำลังให้ทีมกฎหมายของพรรคให้เข้มแข็งขึ้นต่อไป

ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ถือเป็นนักการเมืองชาวไทยคนสำคัญ ที่เป็นผู้ริเริ่มเสนอกฎหมายปฏิรูปเครดิตบูโร โดยบทบาททางด้านการเมืองนั้น เป็นอดีตรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า เป็นอดีตเลขาธิการพรรคกล้า เป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ 

ในส่วนของประวัติ...

>> จบการศึกษา...
- ปริญญาเอก รัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี (ศิษย์เก่าดีเด่น)
- ปริญญาโท LL.M. in Banking and Financial Law, Boston University School of Law, USA
- ปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศิษย์เก่าดีเด่น)
- ประถมศึกษา มัธยมศึกษา โรงเรียนเซนต์คาเบรียล รุ่น 75 (ศิษย์เก่าดีเด่น)

>> ประกาศนียบัตร...
- หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงสถาบันวิทยาการตลาดทุน วตท. รุ่น 13
- หลักสูตรการพัฒนากรรมการบริษัทมืออาชีพ IOD : DCP รุ่น 107
- หลักสูตรผู้นำธุรกิจระดับโลก (Global business Leaders Program : GBL รุ่น 1)
- หลักสูตรวิชาว่าความของสำนักฝึกอบรมวิชาว่าความแห่งสภาทนายความ (ใบอนุญาตทนายความ 1338 /2543)
- หลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง ปปร. รุ่น 12 สถาบันพระปกเกล้า
- หลักสูตรแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับการจัดการความขัดแย้งด้านนโยบายสาธารณะ โดยสันติวิธี สถาบันพระปกเกล้า
- หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการพัฒนามหานคร: มหานครรุ่น 3
- หลักสูตรการพัฒนานวัตกรรมธุรกิจแบบก้าวกระโดด: DSTARTUP รุ่น 2 มหาวิทยาลัยศรีปทุม
- หลักสูตร Transformers รุ่น 1 มหาวิทยาลัยมหิดล
- หลักสูตรนักบริหารระดับสูง 'ธรรมศาสตร์เพื่อสังคม' : นมธ.รุ่น 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- หลักสูตรนักบริหารการพัฒนาในยุคดิจิทัล: DAD รุ่น 8 สถาบันบัณบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

>> ประสบการณ์ทำงาน
- ประธานคณะกรรมการ บริษัท เวฟ เอกซ์โพเนนเซียล จำกัด (มหาชน) (ปัจจุบัน)
- กรรมการ บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) (ปัจจุบัน)
- กรรมการ บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชม) (ปัจจุบัน)
- กรรมการ บริษัท เมทเธียร์ จำกัด (ปัจจุบัน)
- อาจารย์พิเศษ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพรมบุรี (ปัจจุบัน)

- สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร 2 สมัย
- กรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้า
- ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
- ประธานกรรมาธิการกิจการชายแดนไทย สภาผู้แทนราษฎร
- กรรมาธิการแก้ไขปัญหาหนี้สินแห่งชาติ
- กรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน
- กรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ
- กรรมการประสานงานฝ่ายรัฐบาล (วิปรัฐบาล)

- กรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พ.ศ. 2554
- กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพรบ.งบประมาณประจำปี
- ข้าราชการ กองกฎหมาย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง
- เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.)

- ผู้บรรยายกฎหมายการคลัง การเงินและการธนาคาร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต และกรุงเทพธนบุรี
- กรรมาธิการวิสามัญพิจารณากฎหมาย ดังนี้...
* พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) พ.ร.บ.สหกรณ์ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
* พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ร.บ.ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน
* พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการและบุคลากรกรุงเทพมหานคร พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานคร
* พ.ร.บ.คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พรบ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ

* พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ร.บ.ระเบียบริหารราชการแผ่นดิน พ.ร.ม.คุ้มครองการดำเนินงานของอาเซียนฯ
* พ.ร.บ.เวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้ามหานครฯ
* พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
* พ.ร.บ.การเดินอากาศ พ.ร.บ.ว่าด้วยการปฏิบัติต่ออากาศยานที่กระทำผิดกฎหมาย

>> บทความวิชาการ / งานวิจัย
- แนวทางและรูปแบบของกฎหมายเพื่อการกำกับดูแล การประกอบธุรกิจการเงินที่มิใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank)
- กระบวนการจัดเก็บภาษีตามพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 กรณีศึกษากรุงเทพมหานคร
- แนวทางการมีส่วนร่วมพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดมุกดาหาร โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

‘พีระพันธุ์’ ตอบชัดปมเข้าร่วมรัฐบาล ลั่น!! ไม่อยากยืนอยู่ฝั่งเดียวกับศัตรูของชาติและสถาบัน

เมื่อไม่นานมานี้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ตอบชัดถึงอีกปมประเด็นคำถามจากสังคมว่า ‘ทำไม รวมไทยสร้างชาติ จึงต้องเข้าร่วมรัฐบาล อย่างชัดเจน’ โดยนายพีระพันธุ์ระบุว่า…

"ในสภาไม่มีตรงกลาง ถ้าเราไม่ร่วมรัฐบาล เขาก็จะจัดสรรเราเป็นฝ่ายค้าน เราก็ต้องอยู่ภายใต้กำกับดูแลของหัวหน้าฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นใครก็รู้อยู่...

"มันไม่มีอะไรที่จะถูกใจได้ทั้งหมด แต่อันไหนที่พอจะดีกว่า แย่น้อยกว่า เสียน้อยกว่า และสามารถทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้ นี่คือสิ่งที่ใช้ตัดสินใจ...

"เราไม่อยากยืนคู่อยู่กับคนที่เป็นศัตรู ของชาติ ของแผ่นดิน และของสถาบัน...

"การเมืองเป็นเรื่องความรู้สึก และความรู้สึกที่สำคัญที่สุด คือ ความรู้สึกเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติและสถาบัน..."

สุดท้ายนายพีระพันธุ์ ได้กล่าวไว้เกี่ยวกับการที่รวมไทยสร้างชาติได้ร่วมรัฐบาลอีกว่า จะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์อย่างที่สุด 

"ในปีหน้า ถ้าเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ เรายังได้กำกับดูแลที่เดิม ประชาชนจะได้รับของขวัญ เป็น ค่าไฟ ค่าน้ำมัน อย่างแน่นอน!!!" 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top