Thursday, 15 May 2025
POLITICS NEWS

"ณัฐชา" ซัด "ประยุทธ์" ลำพองตัวคิดว่าเก่งกาจ เหยียบหัว ปชป. นั่งหัวโต๊ะบอร์ดแก้ปัญหาเกษตร หวั่น ปชช.ต้องรับกรรมซ้ำรอยโควิด

นาย​ณัฐชา​ บุญไชยอินสวัสดิ์​ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคก้าวไกล​ กล่าวถึง​กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “จับมือ รวมใจ พาไทยรอด” ในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 39 โดยระบุตอนหนึ่งว่า เรื่องการแก้ปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำ เรากำลังตั้งคณะกรรมการซึ่งมีหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้อง มีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้า มี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นแกน เพื่อแก้ไขปัญหานี้

นายณัฐชา​ กล่าวว่า​ กี่ครั้งกี่หนที่เกิดวิกฤตชาติแล้วนายกรัฐมนตรีอาสานั่งหัวโต๊ะเพื่อแก้ปัญหาโดยรวบอำนาจทุกอย่างเอาไว้​ ประหนึ่งลำพองตัวเองว่าตนเก่งกาจจัดการได้ทุกเรื่อง​ แต่ผลที่ออกมาปรากฏว่าไม่มีวิกฤตใดเลยที่ พล.อ.ประยุทธ์ พาไปรอด และพอแก้ปัญหาไม่ได้ก็โยนบาปกลับไปให้เพื่อนพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งอีกข้อที่น่าสังเกต คือ​ การอาสาแก้ปัญหาเศรษฐกิจครั้งนี้ เจ้าภาพควรเป็นกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์ดูแลอยู่

การอาสาเข้ามานั่งตำแหน่งประธานบอร์ดแก้จน​แบบนี้ ต้องถามว่าจงใจจะล้วงลูกเหยียบหัวพรรคประชาธิปัตย์โดยทำเป็นอ้างปัญหาว่ามาจากความล่าช้าของระบบราชการใช่หรือไม่ หรืออีกด้านหนึ่งก็เพื่อต้องการให้คณะกรรมการชุดนี้ช่วยโยนบาปให้พรรคประชาธิปัตย์ว่า ดูแลถึง 2 กระทรวงใหญ่ แต่ทำไมแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรไม่ได้ จึงต้องมีการตั้งบอร์ดชุดนี้เพื่อบอกว่าท่านอาสาเป็นอัศวินขี่ม้ามาช่วย​ ซึ่งคราวนี้ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าจะขี่ม้าขาวหรือตกม้าตายกันแน่

‘อดีตรองอธิการบดี มธ.’ เปรย "เป็นเรื่องน่าเสียดาย" หากหลานชาย (ไอติม) ร่วมก๊วนล้มสถาบันฯ

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Harirak Sutabutr’ ถึง ‘ไอติม’ พริษฐ์ วัชรสินธุ แกนนำกลุ่ม Re-Solution โดยมีใจความว่า ผมไม่เคยได้พบกับไอติมเลยแม้แต่ครั้งเดียว ได้แต่เห็นปรากฏอยู่ในข่าว ซึ่งเป็นเรื่องแปลก เพราะถ้านับญาติกันจริง ๆ ไอติมก็นับเป็นหลาน เพราะคุณยายของไอติมเป็นลูกผู้พี่ของผม คือเป็นลูกของคุณอาแท้ ๆ หรือน้องแท้ ๆ ของคุณพ่อผม นับว่าเป็นญาติที่ค่อนข้างใกล้กันไม่น้อย 

อย่างที่ผมเคยเขียนหลายครั้งว่า ผมไม่ได้เลือกพรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เพราะไม่เห็นด้วยกับวิธีการทางการเมืองของพรรคพลังประชารัฐ แต่ก็เข้าใจดีว่า นั่นเป็นวิธีที่จะได้กลับมาเป็นรัฐบาลและไม่ให้พรรคเพื่อไทยและระบอบทักษิณกลับมาครอบงำประเทศได้อีก แต่ผมก็ยังเลือกไม่ลงอยู่ดี

เมื่อไอติมลงสมัครรับเลือกตั้งในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ พอดีลงสมัครในเขตผม ผมและทุกคนในครอบครัวจึงไม่ลังเลเลยที่จะพากันไปลงคะแนนให้ไอติม ไม่ใช่เพียงเพราะเป็นญาติ แต่เป็นเพราะเชื่อว่าไอติมคือคนหนึ่งที่เป็นความหวังของการเมืองไทย เป็นคนรุ่นใหม่ พื้นฐานครอบครัวดี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกที่เข้ายากแสนยาก แต่ไอติมก็สอบตก และผู้ที่ชนะในเขตนั้นก็คือผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ 

ทำไมไอติมจึงสอบตก ทั้งที่มีคุณสมบัติพร้อมทุกอย่าง ทำไมคนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ในเขตที่ลงสมัครจึงไม่เลือกไอติม แต่พากันไปเลือกผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ คงไม่ใช่เพราะมีความนิยมชมชอบในตัวพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้ว่าจะมีคนจำนวนหนึ่งที่นิยมชมชอบพลเอกประยุทธ์ก็ตาม นั่นเพราะสมการการเมืองไทยไม่ง่ายเหมือน 1+1 = 2 แต่ในโลกของความเป็นจริงมันซับซ้อนกว่านั้นมาก คนส่วนใหญ่ไปลงคะแนนให้พรรคพลังประชารัฐ ก็เพราะเขาหมดหวังในพรรคประชาธิปัตย์ และเชื่อว่า หากไม่เลือกพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทยต้องกลับมาเป็นรัฐบาลแน่ และระบอบทักษิณที่เป็นต้นเหตุให้เกิดการชุมนุมประท้วงครั้งประวัติศาสตร์จนนำไปสู่การรัฐประหาร 2557 ก็จะกลับมาพร้อมกับพรรคเพื่อไทย คนรุ่นใหม่ที่ไม่ยอมเชื่อว่าทักษิณยังคงครอบงำพรรคเพื่อไทยอยู่ บัดนี้น่าจะเริ่มเชื่อแล้ว

เข้าใจดีว่า รัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ ไม่ใช่รัฐบาลในฝันของประชาชน แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่า หลังจากลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ไอติมกลับไปนิยมชมชอบพรรคและกลุ่มการเมืองที่มีจุดหมายไม่ต้องการสถาบันพระมหากษัตริย์ และเป็นพันธมิตรกับพรรคเพื่อไทยและผู้ที่อยู่เหนือพรรคเพื่อไทย ทั้งยังมีความคิดไปในทิศทางเดียวกันกับพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองเหล่านั้น ไม่ยอมรับผลการลงประชามติรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่มีคนลงคะแนนให้ถึง 16 ล้านเสียง อ้างอยู่ร่ำไปว่า การลงประชามติครั้งนั้นไม่ได้ทำอย่างเสรี และไม่เป็นธรรม อ้างว่าผู้ประท้วงคัดค้านไม่ให้คนไปลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญ ถูกจับกุมเนินคดี ทั้งที่รู้ดีว่าการจับกุมดำเนินคดี เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญ 2559 

การดำเนินการตามกฎหมาย จึงไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ร่างรัฐธรรมนูญ รวมทั้งคำถามแนบท้ายซึ่งเกี่ยวกับบทเฉพาะกาลผ่านการทำประชามติด้วยคะแนนเสียงกว่า 16 ล้านเสียง เหตุผลหลักที่ทำให้ร่างรัฐธรรมนูญ รวมทั้งคำถามแนบท้ายซึ่งเกี่ยวกับบทเฉพาะกาลผ่านการทำประชามติ ก็เป็นเหตุผลเดียวกับการที่คนจำนวนมากจำใจต้องลงคะแนนเสียงให้ผู้สมัคร ส.ส. จากพรรคพลังประชารัฐนั่นเอง

“สงคราม” อัด ผลประโยชน์บังตาทำผู้มีอำนาจไม่จริงใจแก้ปัญหาแรงงานเถื่อน อัดมาตรการรัฐสร้างปัญหาไม่รู้จบ เปิดประเทศแต่ไม่พร้อมทำไทยสูญรายได้มหาศาล 

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากนโยบายล็อคดาวน์ประเทศที่ผ่านมา ส่งผลกระทบทั้งสังคม และเศรษฐกิจ ของประเทศอย่างหนัก ผู้ประกอบการประสบปัญหา ยิ่งผู้ประกอบการส่งออกประสบปัญหาหนักมาก เพราะไม่มีแรงงานทำงาน เนื่องจากรัฐบาลไล่แรงงานต่างด้าวกลับประเทศต้นทาง โดยไม่มีแนวทางแก้ปัญหา 

มาถึงเวลานี้รัฐบาลยังสร้างปัญหาไม่รู้จบ เปิดประเทศแต่ ไม่เปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ สั่งปิดนานนับปี สูญเสียรายได้มหาศาล ที่ผ่านมาสถานบันเทิงสร้างรายได้เข้าประเทศต่อปีหลายหมื่นล้านบาท รัฐบาลอ้างเพื่อป้องกันโควิด  แต่ไม่สามารถหยุดยั้งการระบาดได้ แต่สร้างความเสียหายได้ ทั้งๆที่รัฐบาลควรหามาตรการในการที่จะให้กลุ่มสถานบันเทิง เปิดได้ โดยต้องทำตามมาตรการที่รัฐกำหนด แต่รัฐคิดไม่เป็น ทำไทยสูญรายได้ นักท่องเที่ยวมาไทยจะไปเที่ยวที่ไหน ให้เดินป่า หรือ อยู่แต่ทะเล เท่านั้นหรือ  

นายสงคราม กล่าวด้วยว่า เมื่อคิดเปิดประเทศ แต่กลับไม่มีแรงงานทำงาน ดังนั้นผลที่ออกมาคือการลักลอบเข้ามาของแรงงานผิดกฎหมายจำนวนมาก ภาพหน่วยงานความมั่นคงจับแรงงานลักลอบเข้าเมืองแบบผิดกฎหมายหลายร้อยคน อยากถามว่าในพื้นที่จริงเป็นเช่นไร เพราะหลายฝ่ายมองว่าสร้างภาพเท่านั้น 

‘วัชระ’ ยื่นขอเอกสารป.ป.ช.ใช้สู้คดี หลังถูกซิโน-ไทย ฟ้องหมิ่นเรียก 5 ล้าน

19 พ.ย. 64 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 63 นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการขยายเวลาก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ครั้งที่ 5 ว่า การก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ สัญญาก่อสร้าง 900 วันเป็นเงิน 12,280 ล้านบาท เงื่อนไขที่ระบุไว้ผู้ซื้อซองทราบทุกบริษัทคือ ต้องสร้างเสร็จภายใน 900 วัน ก่อสร้าง 24 ชั่วโมง คนงานต้องไม่ต่ำกว่า 4,000 คน ถ้าสร้างไม่เสร็จต้องจ่ายค่าปรับวันละ 12 ล้านบาทเศษ แต่ปรากฏว่าที่ผ่านมามีการขยายเวลาไปแล้วถึง 4 ครั้งรวม 1,864 วัน 

ในสมัยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติถึง 3 ครั้ง คือครั้งแรก 387 วัน ครั้งที่สอง 421 วัน และครั้งที่สาม 674 วันรวม 1,482 วัน สมัยนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา 1 ครั้ง 382 วัน รวมทั้งสิ้นขยายสัญญามาแล้ว 4 ครั้ง จำนวน 1,864 วัน โดยนายสรศักดิ์ เพียรเวช อดีตเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้อนุมัติทั้งสิ้น ซึ่งส่อว่าเอื้อประโยชน์ให้เอกชนอย่างเห็นได้ชัดและทำให้ราชการได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงนั้น บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้รับจ้างก่อสร้างได้ยื่นฟ้องนายวัชระ ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ละเมิด เรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท 

‘ไพศาล’ ฟัน!! 4 สัญญาณสะท้อนชัด วิกฤติรัฐบาลประยุทธ์

นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า วิกฤตการเมืองที่ปิดบังมิได้!!!

1.) กองเชียร์นายกฯ ส่งกระแสชัดเจนตลอดมาว่ากำลังแยกตัวไปตั้งพรรคใหม่ โดยอ้างว่าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เน่าเละ ยิ่งอยู่นานยิ่งเสื่อม

2.) พปชร. เป็นพรรคแกนนำของรัฐบาล แต่หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค เหรัญญิกพรรคไม่มีกระทรวงครอง มีฐานะเป็นแค่คนแบกหามเสลี่ยงให้คุณหลวงท่านนั่งกระดิกขา แบบนี้จะแบกไปได้สักกี่น้ำ ยิ่งแบกก็ยิ่งเหนื่อยและยิ่งเน่าตาม ทั้งต้องรับกระแสความเกลียดชังของประชาชนทั้งที่ไม่ได้ทำ จึงเตรียมการเลือกตั้งอย่างเต็มที่

"อรรถวิชช์" เผย "พ.อ.สุชาติ"  ย้ายสังกัดมาพรรคกล้า ช่วยเสริมทัพภาคใต้ เชื่อมั่น "กรณ์ จาติกวณิช" ผู้นำแก้วิกฤตเศรษฐกิจ 

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวถึงกระแสข่าว พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ พรรคพลังประชารัฐ ย้ายเข้าสังกัดพรรคกล้า ว่ามีการพูดคุยกันจริง โดย พ.อ.สุชาติ เห็นตรงกันกับพรรคกล้าว่า วิกฤตชาติที่ต้องเร่งแก้ไขคือเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง การฟื้นฟูความเสียหายที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดย พ.อ.สุชาติ ได้ลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และแสดงความจำนงสมัครสมาชิกพรรคกล้าแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนทางกฎหมาย 

"ผู้การเห็นพ้องว่า ยุคหน้าผู้นำต้องนำด้วยเรื่องเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคใต้ ที่มีโอกาสหลายอย่าง แต่ขาดการบริหารจัดการและพัฒนาอย่างจริงจัง ก็เลยอาสามาช่วยงานลุยชุมชนในพื้นที่ภาคใต้ ร่วมกับพรรคกล้า เพื่อช่วยคุณกรณ์จัดทัพ สำคัญที่สุดคือ ผู้การพร้อมมาลุยร่วมกันทำงานแบบพรรคกล้า ยึดหลักปฏิบัตินิยม และทำงานการเมืองแบบสร้างสรรค์" นายอรรถวิชช์ กล่าว 

'ซีไอเอ' โผล่ทำเนียบฯ หารือ 'บิ๊กตู่' ยันเข้าใจสถานการณ์การเมืองไทยดี

‘รองผู้อำนวยการซีไอเอสหรัฐฯ’ ดอดหารือ ‘บิ๊กตู่’ ตึกไทยคู่ฟ้า หารือความมั่นคงในภูมิภาค ยันเข้าใจสถานการณ์การเมืองไทยดี

19 พ.ย. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวเมื่อช่วงเวลา 09.30 น. ว่า ทางสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้นำ นายเดวิด เอส โคเฮน (David S. Cohen) รองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐอเมริกา หรือ ‘ซีไอเอ’ เข้าพบ พล.อ. ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นการภายใน โดยไม่มีการแจ้งกำหนดการและรายละเอียดของการหารือแต่อย่างใด ซึ่งใช้เวลาหารือ 45 นาที

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า รองผู้อำนวยการซีไอเอได้มีการหารือกับ พล.อ. ประยุทธ์ ถึงเสถียรภาพภายในภูมิภาคในภาพรวม ประเด็นความมั่นคง รวมถึงสถานการณ์ในเมียนมา ซึ่งมีการพูดถึงการให้ความช่วยเหลือในด้านมนุษยธรรม เนื่องจากไทยและเมียนมามีชายแดนติดต่อกัน ทั้งนี้เมื่อทุกอย่างเกิดความสงบเรียบร้อย การเดินทางกลับประเทศจะเป็นเรื่องของความสมัครใจ เพื่อหลีกหนีปัญหาอื่นที่จะตามมา นอกจากนี้ยังมีการหารือถึงความร่วมมือระหว่างกัน ที่ยังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง

“สงคราม” อัด “บิ๊กตู่” บริหารประเทศแบบคนโง่ทำประชาชนลำบาก ชี้ ผลพวงรัฐประหารสร้างเผด็จการรัฐสภากระชับอำนาจคุมเสียงส.ส.-สว.ได้เบ็ดเสร็จ 

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า  ผลการลงมติร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่ผ่านมาชัดเจนว่า รัฐบาลไม่ให้ความสำคัญกับการตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชน ดังนั้นผลที่ออกมาคือรัฐบาลสนใจในการอยู่ในอำนาจมากกว่าประชาชน

นอกจากนี้ชัดเจนว่า ผลพวงจากการรัฐประหารเมื่อปี 2557 ยังคงอยู่และเดินหน้าในการกระชับอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด สร้างเผด็จการรัฐสภาแบบสมบูรณ์แบบ สามารถส่ง สัญญาจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงความต้องการกระชับอำนาจอยู่จนครบเทอมของรัฐบาล โดยไม่สนใจความเดือดร้อน ลำบากของพี่น้องประชาชน ว่าปัจจุบันประชาชนประสบความลำบากในการหากินมากน้อยแค่ไหน 

นายสงคราม กล่าวด้วยว่า ตลอด 7 ปีที่ผ่านมาพลเอกประยุทธ์ไม่มีนโยบายที่ชัดเจนในการยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน หลายนโยบายเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนมากกว่า สนับสนุนประชาชนชน ดังนั้นประชาชนจึงไม่ได้ประโยชน์จากมาตรการรัฐ ส่งผลให้ประชาชนหลายครอบครัวต้องประสบปัญหาในการทำมาหากิน มาตรการที่รัฐออกมากระทบกับการประกอบอาชีพชัดเจน แต่รัฐบาลไม่ให้ความสำคัญเพราะไม่กระทบกับรัฐบาลและเจ้าสัวที่ตักตวงผลประโยชน์จากนโยบายรัฐ

“แรมโบ้” ซัด "หมอชลน่าน" อย่าตีกินทางการเมืองหยุดใช้ปากและน้ำลายสกปรกยุยงประชาชนเข้าใจนายกฯผิดๆ ยัน นายกฯมีความตั้งใจใช้รถทหารช่วยขนส่งมีเจตนาดีช่วยประชาชน ไม่ได้ประชด หรือยั่วยุใคร พร้อมขอผู้ประกอบการขนส่งเข้าใจรัฐบาลช่วยเหลือเต็มที่ 

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย วิพากษ์วิจารณ์แนวคิดนายกฯกรณีให้นำรถทหารมาใช้ขนส่งทดแทน เหมือนเป็นการยั่วยุให้เพิ่มมาตรการกดดัน โดยยืนยันว่าที่นายกฯพูดนั้น เพราะเป็นความหวังดีที่อยากจะช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในเรื่องของการขนส่งต่างๆ หากรถบรรทุกประท้วงหยุดงาน  ไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่น ไม่ได้พูดประชดใคร หรือยั่วยุอย่างแน่นอน

นอกจากนี้นายกฯยังมองเห็นถึงศักยภาพของกองทัพที่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งขณะนี้กองทัพได้หารือถึงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง และแนวทางปฎิบัติในการนำรถยนต์บรรทุกขนาดต่าง ๆ พร้อมกำลังพล เตรียมพร้อมเข้าให้ความช่วยเหลือแล้ว เตรียมรถยนต์ทหารที่เหมาะกับด้านการขนส่งทางถนนประมาณ 3,700 คัน

นายเสกสกล ยังขอให้หมอชลน่านอย่าตีความเจตนาของนายกฯผิด ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีความพยายามที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการขนส่งมาโดยตลอด ล่าสุด ครม.ยังได้อนุมัติการกู้เงินจำนวน 2 หมื่นล้านบาท สำหรับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อใช้ในการพยุงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ระดับ 30 บาทต่อลิตรแล้ว    

นายกฯเข้าใจถึงความเดือดร้อนของประชาชนทุกกลุ่มอาชีพ และขอให้ผู้ประกอบการขนส่งได้เข้าใจนายกฯ ด้วยเช่นกันว่ามีความพยายามที่จะช่วยเหลือให้ดีที่สุด ซึ่งตนเองเชื่อว่าอีกไม่นานสถานการณ์ราคาน้ำมันจะคลี่คลายลงได้

‘ดร.นิว’ ตอกหน้า ‘สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล’ กุเรื่อง ‘วังวชิราลงกรณ์คอมเพล็กซ์’ หลอกสาวก

ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ "ดร.นิว" นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า นิทานล้างสมองเด็กของ "สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล" เรื่อง #วังวชิราลงกรณ์คอมเพล็กซ์ ดูเหมือนจะปัญญาอ่อนพอ ๆ กับ นิทานหลอกเด็กไปติดคุกของ "ปิยบุตร แสงกนกกุล" เรื่อง #สมบูรณาญาสิทธิราชย์จำแลง เพราะมันช่างห่างไกลจากความเป็นจริงเสียเหลือเกิน

สำนักพระราชวัง เผยแพร่แบบจำลอง อุทยานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ หรือสนามม้านางเลิ้งเดิม ในพื้นที่ ๒๙๗ ไร่ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top