Monday, 7 July 2025
POLITICS NEWS

'บิ๊กตู่' สั่ง คุมเข้ม 10 มาตรการ ขนส่งสาธารณะ รองรับประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา-ท่องเที่ยวปีใหม่ ปลอดภัยโควิด-19

นายธนกร  วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการให้มีการคุมเข้มการเดินทางของรถขนส่งสาธารณะทุกประเภทให้เป็นไปตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 และสอดรับกับนโยบายเปิดประเทศ โดยกรมการขนส่งทางบกได้ปรับปรุงมาตรการปฏิบัติเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 จำนวน 10 ข้อ 

โดยขอให้ผู้ประกอบการขนส่งปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ดังนี้
1. คัดกรองผู้โดยสารและตรวจวัดอุณหภูมิก่อนการให้บริการ ต้องไม่เกิน 37.5 องศาเซลเซียส 
2. กำกับ ดูแล ให้พนักงานขับรถหรือผู้ให้บริการ และผู้โดยสาร สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดการเดินทาง 
3. ทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสภายในรถด้วยแอลกอฮอล์หรือน้ำยาฆ่าเชื้อทั้งก่อนและหลังการให้บริการ ทุก 2 ชั่วโมง
4. จัดให้มีจุดบริการล้างมือด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจล หรือน้ำยาฆ่าเชื้อ สำหรับพนักงานขับรถและผู้โดยสารล้างมือก่อนขึ้นรถ 
5. งดให้บริการอาหารบนรถในระหว่างการเดินทาง (เว้นแต่กรณีที่มีเหตุจำเป็น)
6. จำหน่ายตั๋วโดยสารล่วงหน้า ผ่านทางโทรศัพท์ เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น เพื่อความสะดวก หรือจัดคิวการเข้าซื้อตั๋วให้เป็นไปตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม
7. จัดเก็บข้อมูลของผู้โดยสาร โดยให้ลงทะเบียน “ไทยชนะ” หรือแพลตฟอร์ม “THAI SAVE THAI (TST)” ก่อนการเดินทาง 
8. หยุดหรือจอดรถให้ผู้โดยสารลงจากรถในสถานที่หยุดหรือจอดตามที่กำหนดไว้ 
9. จัดให้มีการระบายอากาศภายในรถโดยสารปรับอากาศทุก 2 ชม. 
10. สำหรับรถจักรยานยนต์ (จยย.) สาธารณะ ควรทำความสะอาดแฮนด์รถ  เบาะนั่ง และหมวกกันน็อกสำหรับผู้โดยสารด้วยแอลกอฮอล์ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อ สำหรับประชาชนที่ใช้บริการ และควรงดการพูดคุยในระหว่างใช้บริการเพื่อลดความเสี่ยงการแพร่กระจายของเชื้อโรค 

นายธนกร กล่าวว่า ในช่วงปีใหม่นี้คาดว่าประชาชนจะมีการวางแผนเดินทางท่องเที่ยวและกลับภูมิลำเนาเป็นจำนวนมาก ขอให้ทุกคนป้องกันตนเองแบบสูงสุดครอบจักรวาล เป็นสิ่งสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ทุกสายพันธุ์ได้ ในส่วนของผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะขอให้ปฏิบัติและควบคุม กำกับ ดูแลการให้บริการให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคตามที่จังหวัดหรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแต่ละจังหวัดกำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19

‘อลงกรณ์’ โพสต์เฟซบุ๊กถึงชาวปชป. ออกจากพรรค ให้รักษาอุดมการณ์ อย่าถูกกลืน 

“อลงกรณ์” โพสต์เฟซบุ๊กถึงชาวปชป. อ้างคำพูดท่านชวน เตือน ‘ไปแล้วให้รักษาอุดมการณ์ อย่าถูกกลืน’ เผยอดีตเคยลาออกจากพรรคไปทำงานด้านปฏิรูปประเทศ แต่สุดท้ายก็กลับเข้ามาทำงานกับพรรคอีกครั้ง 

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เขียนบทความสั้น ๆ ไว้อย่างน่าสนใจในเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. โดยระบุว่า

“อย่าถูกกลืน”
รักและห่วงเพื่อนที่จากไปทุกคน
วันวานอ่านข่าวเห็นท่านชวนเตือนว่า “ไปแล้วให้รักษาอุดมการณ์ อย่าถูกกลืน”
ผมคิดว่าเป็นการฝากหลักการหลักคิดในการครองตนของคนประชาธิปัตย์ที่ออกจากพรรคไปอยู่ที่อื่น 
ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยออกจากพรรคไปเป็นสมาชิกสภาปฏิรูป 
ตอนนั้นหมกมุ่นคิดฝันแต่เรื่องการปฏิรูปพรรคปฏิรูปประเทศ 
ตั้งใจไปทำแผนปฏิรูปประเทศเหมือนสถาปนิกออกแบบพิมพ์เขียวเสร็จก็จบงาน
2 ปีกว่าที่อยู่ท่ามกลางอำนาจและโอกาส แถมมีตำแหน่งเป็นรองประธานสปท. คนที่ 1

ลาภยศสรรเสริญกองอยู่ตรงหน้า ถ้าเดินต่อบนเส้นทางนั่น
มันน่าถูกกลืนเหลือเกิน ถ้าคิดเห็นแก่ตัวเพื่อประโยชน์และอนาคตของตัวเอง
คำเชิญคำชวนมาทั้งก่อนและหลังพ้นตำแหน่ง
แต่ผมก็ตัดสินใจตอนนั้นว่าจะวางมือทางการเมืองเพื่อไม่ต้องเดินทางบนถนนการเมืองอีก หรือไม่ก็กลับบ้านหลังเก่าคือประชาธิปัตย์

ก็มีคำถามตามมาว่าทำไมถึงกลับประชาธิปัตย์
ผมบอกว่ามี 4 เหตุผลหลัก
1.) ถ้าจะเดินต่อทางการเมืองไปอยู่พรรคใหม่ ก็ต้องสู้กับพรรคประชาธิปัตย์ 
ผมทำไม่ได้ครับ ที่จะต้องรบราทำศึกกับพี่น้องของผม และประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมืองที่ต้องรักษาไว้

2.) เมื่อครั้งเดินทางเข้าพรรค สมัครเป็นสมาชิกลงเลือกตั้งที่เพชรบุรี ปี 2535/1 บนเวทีปราศรัยที่สนามหน้าเขาวัง มีท่านชวนหัวหน้าพรรคในขณะนั้นนั่งอยู่ด้วย ผมประกาศกับประชาชนคนเมืองเพชรว่าผมเกิดที่พรรคประชาธิปัตย์และจะตายที่พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเดียว 

3.) ผมอยากกลับมาปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ตามฝันที่คิดไว้ตอนเสนอปฏิรูปพรรคเมื่อปี 2556

4.) บ้านเมืองยังวิกฤติ ประชาธิปัตย์คือความหวังเพราะเป็นสถาบันการเมืองหลัก

แล้วผมก็กลับมาของานทำที่พรรคประชาธิปัตย์เหมือนเดิม 
เลือกกลับมาทั้งที่ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร และจะอยู่อย่างไรในปลายปี 2561 เพราะผมคงเป็นคนเดียวที่ทั้งก่อนจากไป และเมื่อกลับมา โดนดุด่าว่ากล่าวหนักหนาสาหัสมากจากพี่ ๆ น้อง ๆ ในพรรค

ถ้าคิดน้อยใจหรือไม่อดทนก็คงพกความแค้นติดตัวเตลิดไปแล้ว
เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตบนทางแพร่งที่ต้องตัดสินใจของผม
ต้องเลือกระหว่างอนาคตของตัวเองหรืออนาคตของพรรค 
เป็นการเลือกครั้งที่ 2 เหมือนครั้งแรกที่ตัดสินใจมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เมื่อปี 2534

รัฐวางมาตรการแก้หนี้สินสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร

นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด–19 ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ภาคการเกษตร ซึ่งในปี 2564 ที่ผ่านมา ปริมาณธุรกิจสหกรณ์ภาคการเกษตรลดลงกว่า 7,555 ล้านบาท เนื่องจากไม่สามารถจำหน่ายผลผลิตการเกษตรได้เหมือนเช่นสถานการณ์ปกติ รวมถึงผู้ส่งออก ชะลอการรับซื้อสินค้าจากสหกรณ์เพื่อส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ  ขณะที่สมาชิกสหกรณ์ส่วนหนึ่งต้องกู้เงินจากสหกรณ์ที่ตัวเองสังกัด หรือแหล่งเงินกู้ทั้งในระบบและนอกระบบ เพื่อนำมาลงทุนทำการเกษตร ส่งผลให้สมาชิกสหกรณ์ภาคการเกษตรมีภาระหนี้สินเพิ่มมากขึ้น 

“ปัจจุบันต้องยอมรับว่า สถานการณ์ของสหกรณ์ภาคการเกษตร หลาย ๆ สหกรณ์มีปัญหาเรื่องของธุรกิจสินเชื่อค่อนข้างมาก หรือแม้แต่ธุรกิจรวบรวมผลผลิตและธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่ายก็เหมือนกัน ซึ่งก็เป็นผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และส่งผลต่อเนื่องถึงตัวสมาชิกสหกรณ์ รายได้จากการผลิตสินค้ามีปัญหา เป็นเรื่องที่ต่อเนื่องกัน แต่ในวิกฤติก็ย่อมต้องมีโอกาส เพราะว่าจากการที่ได้ลงไปเยี่ยมเยียนในต่างจังหวัดหลาย ๆ แห่ง สหกรณ์ที่เขามีศักยภาพในการส่งเสริมให้สมาชิกประกอบอาชีพและรวบรวมผลผลิตออกจำหน่าย สหกรณ์เหล่านี้ยังมีศักยภาพแล้วสมาชิกก็ทำจริง มีรายได้จริง กรมฯ จึงพร้อมใสนับสนุนให้สมาชิกสหกรณ์พัฒนาอาชีพ และสร้างรายได้ เพื่อจะได้มีเงินเลี้ยงครอบครัวและส่งชำระหนี้คืนสหกรณ์ได้ ทำให้ปัญหาเรื่องหนี้ค้างชำระลดลงในที่สุด”

“วิษณุ” ปัดตอบ “ราษฎร” จ่อยื่นอสส.ฟ้องศาลรธน. ชี้ ต้องดูก่อนยื่นว่าอย่างไร ชี้ ยังไม่ถึงคิว ครม.ถก ลต.ผู้ว่าฯกทม. แจง สนามอบต.ยังไม่สะเด็ด ระบุ หาก”อัศวิน” ลาออก ปลัดกทม. รักษาการได้ ชี้ฝ่ายค้านคาดลต.ส.ส.เดือน มี.ค.-ก.ค.65 แค่คาดการณ์

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่มวลชนกลุ่มราษฎร จะยื่นเรื่องต่ออัยการสูงสุด เพื่อคัดค้านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการล้มล้างการปกครอง ว่า ยังนึกไม่ออกว่าทำได้อย่างไร คงใช้มาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญเหมือนกับครั้งที่แล้ว ที่ยื่นมาก็เป็นการยื่นตามมาตรา 49 ก็คงจะอย่างนั้น แต่ไม่ทราบว่ายื่นได้หรือไม่ หรือได้ผลอย่างไร ตอบไม่ถูก เพราะยังไม่รู้ว่าเขาจะยื่นว่าอย่างไร เอาไว้ให้รู้ก่อนอาจจะตอบได้

นอกจากนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่หลายพรรคการเมือง เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งจัดการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ว่า รับทราบ แต่ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา ไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องนี้ และยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดคุยกัน เพราะต้องรอประกาศผลการเลือกตั้งนายกและสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่ยังไม่หมด  

ผู้สื่อข่าวถามว่านายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เสนอให้พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ถ้าลาออกจริง จะต้องจัดการเลือกตั้งภายในกี่วัน นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องมีกรอบเวลา เนื่องจากปลัดกทม.สามารถทำหน้าที่รักษาการแทนได้ แต่รักษาการนานก็ไม่ค่อยดี ทั้งนี้ตามกฎหมายระบุขั้นตอนว่าการจัดการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ขึ้นอยู่กับครม.เห็นสมควรที่จะมีการเลือกตั้งดังกล่าว แล้วต้องแจ้งต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จากนั้นกกต.จะเป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้ง กรณีนี้เหมือนกับกรณีของอบต.หรือนายกเทศมนตรี ที่จะมีการเลือกตั้งได้ต่อเมื่อครม.เห็นสมควรให้จัดการเลือกตั้ง 

 

ราเมศ แจ้ง ข่าวดี “จุรินทร์” จ่ายเงินส่วนต่าง “ประกันรายได้” เกษตรกร ข้าว ยาง พรุ่งนี้ 9 ธ.ค.

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงการจ่ายเงินส่วนต่าง โครงการประกันรายได้ว่า

ในส่วนของเงินส่วนต่างของนโยบายประกันรายได้ข้าว ซึ่งมีการจ่ายไปแล้ว 3 งวด ส่วนงวดที่จะจ่ายจากนี้ไปคืองวดที่ 3 ส่วนที่เหลือและงวดที่ 4-7 รวม 5 งวดเป็นเงินประมาณ 64,000 ล้านบาท จะจ่ายวันที่ 9 -13 ธ.ค. รวมทั้งหมดที่เกษตรกรทั้งหมดในโครงการประกันรายได้จะได้รับคือประมาณ 87,000 ล้านบาท 

ในส่วนของเงินส่วนต่างของนโยบายประกันรายได้ยางพารา จะมีการโอนเงินส่วนต่างยางพาราจะได้รับพร้อมกันกับพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 2 งวด เกษตรกรยางพาราจะได้รับงบประมาณ 1,400 ล้านบาทเช่นกัน

นายราเมศ กล่าวต่อว่า ขอให้เกษตรกรมั่นใจว่าในส่วนนโยบายประกันรายได้ของพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเข้าร่วมรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ขับเคลื่อนอย่างเต็มที่เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องเกษตรกรมากที่สุด และที่สำคัญนายจุรินทร์ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกร จึงร่วมทำงานอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

อดีตแกนนำเสื้อแดง ลั่นคนอีสานรัก 'ลุงตู่' ยัน ชาวบ้านมาต้อนรับด้วยใจไม่ต้องจ้าง

'อานนท์ แสนน่าน' ย้อน 'ทักษิณ' ในอดีตก็เคยซ้อมก่อนต้อนรับไม่เห็นมีใครว่า คนอุดรและคนอีสานมาด้วยหัวใจไม่ต้องเกณฑ์หรือจ้างมา ลั่นทุกวันนี้คำว่า 'เมืองหลวงคนเสื้อแดง' เป็นเพียงตำนานเหมือน 'หมู่บ้านเสื้อแดง' เพราะคนเสื้อแดงเขารู้กันหมดแล้วว่าถูกหลอก

8 ธ.ค. 64 - นายอานนท์ แสนน่าน ผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่อดีตนายกทักษิณ ออกมาระบุว่าตนและสมาชิกขนคนมาจากต่างจังหวัดและเกณฑ์คนมานั้น แท้ที่จริงแล้วตนก็ไม่อยากจะโต้ตอบเพราะที่ผ่านมาก็เขียนเอาไว้บนเฟซบุ๊กหลาย ๆ คนก็เข้าใจ และที่ไม่อยากตอบเพราะเป็นเด็กเยาวชน ที่เล่นโซเชียลมักใส่ร้ายป้ายสี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หรือ นายกลุงตู่ แต่มาวันนี้กลับมาเป็นผู้ใหญ่ที่ตนเคยนับถือ มาพูดเรื่องนี้โดยเฉพาะคำว่าเมืองหลวงคนเสื้อแดง

ปัจจุบันนี้กลายเป็นเพียงตำนานแล้วเช่นเดียวกันกับ “หมู่บ้านเสื้อแดง” เพราะที่ผ่านมาแกนนำใหญ่ของอุดรธานี ก็ไม่ใช่คนอุดรธานี หรือคนอีสานเป็นคนมาจากต่างจังหวัด “เว้าอีสานคือข่อยบ่อเป็นดอก” แต่แท้จริงทุกคนถูกใบสั่งให้มาดำเนินการเป็นแกนนำชักจูงมวลชนที่เป็นคนที่อีสานรักในประชาธิปไตย และวันนั้นคนเสื้อแดงก็แจ้งตนมาว่าจะไม่ออกมาเพราะเข็ดแล้ว ถูกหลอกมาเกือบค่อนชีวิต คนอุดรธานีต้องการรักและสามัคคีทำมาค้าขายไม่ยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมืองมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 เพราะเบื้องหลังต่าง ๆ ก็เริ่มชัดเจนขึ้น

นายอานนท์ กล่าวต่อว่า หลังการรัฐประหารปี พ.ศ. 2557 ตนยังเคยกล่าวเอาไว้ว่า “ขอบคุณรัฐประหารปี 2557 ทำให้พวกตนเริ่มตาสว่างขึ้นเรื่อย ๆ” และพี่น้องอดีตคนเสื้อแดงที่ต้องคดีและติดคุกก็เริ่มถูกปล่อยทิ้งมาเป็นระยะ ๆ ยิ่งมาเจอปัญหาไวรัสโควิด-19 ระบาดไปทั่วโรค คนอีสานไม่เคยได้รับการช่วยเหลือจาก ส.ส. คำที่เรียกกันว่า “ผู้แทนราษฎร” ในพื้นที่เลยมีเพียง “นายกลุงตู่” และ อดีตคนเสื้อแดงที่ไปช่วยเหลือประสานงานกับทางรัฐบาลมาช่วยพี่น้องเท่านั้น

"อดีตนายกทักษิณ ต้องเลิกสร้างวาทกรรมเก่า ๆ ได้แล้วครับ คำว่า “คนเสื้อแดงยังเหนียวแน่น” ทุกวันนี้ที่ออกมาเรียกร้องไม่ใช่คนเสื้อแดง แต่เป็นเยาวชนที่ถูกกลุ่มนักการเมืองหลอกให้ออกมาล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ อดีตคนเสื้อแดงเขาไปทำมาหากินกันหมดแล้ว ก่อนที่เขาจะอดตายเพราะไปเชื่อนักการเมืองเลว ๆ บางคน" นายอานนท์ กล่าว

ผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย กล่าวอีกว่า เรื่องนั้นแท้ที่จริงไม่ได้มีการแอบถ่ายแต่อย่างใด ตนได้ให้ทีมงานถ่ายและขึ้นเอาไว้ในเฟซบุ๊ก “อานนท์ แสนน่าน” (รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์) ว่า ทำไมต้องซ้อมแล้วถ่ายคลิปเอาไว้และแชร์ออกไป เพื่อเป็นการสกรีนและป้องกันการเดินทางมาตรวจราชการของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อม “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และคณะ ได้เดินทางไปยัง วัดเกษรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด) ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อกราบนมัสการและสนทนาธรรมะกับ พระราชวชิรธรรมาจารย์ (หลวงพ่อสุธรรม สุธัมโม) เจ้าอาวาสวัดเกษรศีลคุณ และ พระราชภาวนาวชิรากร (หลวงพ่ออินทร์ถวาย) เจ้าอาวาสวัดอุดมมงคลวนาราม (วัดป่านาคำน้อย) อ.นายูง จ.อุดรธานี และติดตามความก้าวหน้าสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว) ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานที่บรรจุอัฐิธาตุและเครื่องอัฐบริขารของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

ศาลรธน. สั่ง 5 อดีตแกนนำกปปส. พ้น ส.ส. ต้องเลือกตั้งซ่อม 2 เขต - เลื่อนส.ส.บัญชีรายชื่อ

เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติ กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ส่งคำร้องขอให้พิจารณาวินิจฉัยกรณี นายชุมพล จุลใส นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ นายอิสระ สมชัย นายถาวร เสนเนียม และ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ กรณีถูกศาลอาญามีคำพิพากษาลงโทษจำคุก ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.317/2564 เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง นายชุมพล นายอิสสระ และนายณัฏฐพล 5 ปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษา เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส.ของผู้ถูกร้องทั้ง 5 สิ้นสุดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (4) (6) และมาตรา 96 (2) หรือไม่

จากนั้นในเวลา 15.00 น. คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยว่า ตามรัฐธรรมนูญ 98 (6) เมื่อมีคำพิพากษาของศาล ทำให้สมาชิกภาพส.ส. ต้องสิ้นสุดลง โดยไม่ต้องรอให้คดีถึงที่สุดเสียก่อนนั้น กรณีผู้ร้องทั้ง 5 ยื่นข้อโต้แย้งนั้น ข้อโต้แย้งนั้น ฟังไม่ขึ้น

หลุด!! 'ธรรมนัส' นั่งหัวโต๊ะ ประชุมข้าราชการ โซเชียลข้องใจ!! หน้าที่ ส.ส. ใช่ไหม?

ตามที่ได้มีคลิปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นคลิปเหตุการณ์ที่ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส. และ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ประชุมกับข้าราชการที่จังหวัดน่าน และได้กล่าวในคลิปว่า... ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าพรรคให้ดูแล 8 จังหวัดภาคเหนือนั้น

เนื้อหาในคลิปได้ทำให้โลกโซเชียลเกิดการตั้งคำถามถึงความเหมาะสมว่า...

"แรมโบ้"สวนกลับแกนนำราษฎร โกหกโกอินเตอร์หลอกเด็ก “ลั่น”ยูเอ็นละเมิดอธิปไตยไทยไม่ได้ “ขี้”ถ้าแอมเนสตี้ไม่มีแผล ไม่ต้องกลัว “ขู่” ถ้าเจตนาร้าย ชักศึกเข้าบ้าน เคลื่อนไหวปลุกปั่นฝ่าฝืนกฎหมาย สมคบล้มล้างการปกครอง ปลายทางคือคุก

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกลุ่มม็อบราษฎรแถลงเคลื่อนไหวยกเลิก ม.112 ต่อเนื่อง อีกทั้งนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข เตรียมฟ้องยูเอ็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ไม่เคารพสิทธิมนุษยนชน แต่กลับตนแสดงจุดยืนขับไล่องค์กรแอมเนสตี้ออกจากประเทศ และดำเนินคดี112 กับประชาชน ว่า การที่ตนประกาศขับไล่แอมเนสตี้ประเทศไทย นั้นยืนยันไม่มีใครมาสั่งให้ทำ นายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้สั่ง แต่เป็นเพราะองค์กรดังกล่าวสนับสนุนกลุ่มคนที่ทำผิดกฎหมายไทยซ้ำซาก ฝ่าฝืนคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญอันถือเป็นที่สุด มีผลผูกพันทุกองค์กร จาบจ้วงสถาบันรุนแรง แสดงตนเป็นปฏิปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ เสนอเลิกมาตรา 112 กดดันระบบยุติธรรมให้ยกเว้นดำเนินคดีกับจำเลยคดี 112 ที่เป็นแกนนำม็อบทำผิดซ้ำซาก ไม่ใยดีกับสิทธิและเสียงของคนไทยอีกหลายสิบล้านคนที่ทนไม่ไหวกับขบวนการจาบจ้วงสถาบันโดยใช้ข่าวปลอมสารพัดเรื่อง 

“แม้กระทั่งกรณีสนามม้านางเลิ้งที่กำลังดำเนินการเป็นสวนสาธารณะก็เคยถูกศาสดาของคนพวกนี้ใส่ร้ายป้ายสีสร้างความเกลียดชังต่อสถาบันมาอย่างต่อเนื่อง
ไล่ดูแถลงการณ์ ไล่ดูกิจกรรม ไล่ดูหน้าเว็บของแอมเนสตี้ แทบจะไม่ต่างจากเว็บของกลุ่มม็อบจาบจ้วงสถาบัน ถ้าแอมเนสตี้ประเทศไทยดำเนินการถูกต้อง ไม่มีแผล ไม่มีการซิกแซก ฝ่าฝืนกฎหมาย กฎระเบียบ ไม่ได้รับเงินต่างชาติมาทำกิจกรรม ไม่ได้รับใช้เพื่อผลประโยชน์ของใคร ไม่ว่าใครก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องเกรง  แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยชี้แจงรายละเอียดว่ารายรับแต่ละปี เงินทุนที่นำมาดำเนินการมาจากไหน เท่าไหร่ มีแต่ปฏิเสธแบบเรื่อยเปื่อย

“คุณหญิงกัลยา” หารือสภาดิจิทัลฯ เตรียมเคลื่อนโครงการแบ่งปัน Smart Device เดินหน้าขยายความร่วมมือทุกภาคส่วน หลังนายกไฟเขียวให้กระทรวงศึกษาฯ ดำเนินการร่วมกระทรวงดีอี เร่งลดเหลื่อมล้ำ พบสังกัด สพฐ. ขาดแคลนกว่า 1.5 ล้านคน เตรียมจัดตั้งกองทุนเพื่อความยั่งยืน  

กระทรวงศึกษาธิการ (9 ธันวาคม 2564 )-ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ที่ปรึกษารัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และนโยบายรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) และประธานคณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์โค้ดดิ้งแห่งชาติ, ดร.กวินเกียรติ นนธ์พละ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) ด้านการขับเคลื่อนการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) และผู้ที่เกี่ยวข้องประชุมหารือร่วมกับสภาดิจิทัลฯ เตรียมเคลื่อนโครงการจัดหา Smart Device พร้อมเดินหน้าขยายความร่วมมือทุกภาคส่วน เตรียมดึงสภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม กสทช. เข้าร่วม เร่งลดความเลื่อมล้ำ และเตรียมจัดตั้งกองทุนเพื่อความยั่งยืน

ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า หลังจากเปิดตัวโครงการ Next Normal with Smart Devices ภายใต้แคมเปญนำร่อง “พี่ใหญ่ให้ยืม” ซึ่งถือเป็นการประกาศเจตนารมณ์ในการช่วยลดความเหลื่อมล้ำและบรรเทาผลกระทบความเดือดร้อนจากการขาดแคลนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ให้กับนักเรียนสำหรับใช้ในการเรียนออนไลน์ไปเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมานั้น ปรากฏกว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชนและภาคประชาสังคม ที่พร้อมจะให้การสนับสนุน โดยล่าสุดได้มีการหารือกับทางสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย ซึ่งยินดีที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ซึ่งทางโครงการฯ ก็จะขยายความร่วมมือไปในทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง อาทิ สภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรม รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นต้น 

“ถ้าเราทำได้เร็ว เด็กก็มีโอกาสเร็วขึ้น อยากให้เริ่มต้นจากเครือข่ายที่เรามี ต้องขอขอบคุณสภาดิจิทัลฯ ที่ยินดีสนับสนุนโครงการนี้ ซึ่งเชื่อว่าทุกหน่วยงานพร้อมให้การสนับสนุนโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อเยาวชนอยู่แล้ว ซึ่งก็จะมีการขยายความร่วมมือไปยังหน่วยงาน หรือองค์กรอื่น ๆ ต่อไป เช่น สภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรม กสทช. รวมถึงระชาชนทั่วไป เป็นต้น รวมไปถึงขณะนี้ก็ให้ทางโรงเรียนแจ้งไปยังสมาคมศิษย์เก่า สมาคมผู้ปกครองให้รับทราบถึงโครงการฯ เพื่อที่จะมาช่วยกันให้ได้มากที่สุด เป้าหมายคือเด็กทุกคนที่ขาดแคลนต้องมีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ใช้ในการเรียน” ดร.คุณหญิงกัลยา กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top