Monday, 7 July 2025
POLITICS NEWS

‘บิ๊กตู่’ แนะนักเสี่ยงโชค อย่าไปซื้อเลขชุด ชี้ เป็นวิธีแก้ปัญหาหวยแพงได้ง่ายที่สุด

‘บิ๊กตู่’ ชี้แก้หวยแพง เพราะกลางทาง ถูกกว้านไปจัดชุด แนะวิธีแก้ง่ายสุด ก็อย่าไปซื้อเลขชุด เพราะถูกได้ไม่กี่คน ให้แบ่งกันรวยบ้าง

วันที่ 3 ธ.ค. 64 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาลราคาเกิน 80 บาท ว่า ปัญหาราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลแพง เกิน 100 บาท เป็นปัญหาปลายทาง และอยากให้ดูว่าปัญหาที่ต้นทางว่าออกมาอย่างไร ซึ่งการออกมาจากกองสลาก มีการจัดสรรโควตาลงไป เพราะเป็นอาชีพของประชาชนทุกจังหวัด มีคนประกอบอาชีพนี้เยอะ มีสมาคมต่าง ๆ ที่ต้องดูแลผู้ค้า เพื่อให้มีกองทุน แบ่งโควตาไปทุกจังหวัด ในราคาที่ต่ำกว่า 80 บาท

ถ้ามองในกระบวนการต่อไป 5 เสือ 5 สิงห์ก็ไม่ได้มีมานานแล้ว เพราะเป็นการให้โควตาตรงไปที่จังหวัด ที่สมาคม แต่เกิดการนำไปรวมชุดกันได้อย่างไร ก็ต้องดูปลายทางว่าคนสนับสนุนเพราะอะไร เพราะทุกคนก็อยากจะได้เลขชุด ก็กลายเป็นเรื่องผลประโยชน์ตามมา

"ไอ้ 5 เสือ 5 สิงห์ มันก็ไม่ได้มีมาตั้งนานแล้ว มันเป็นการให้โควตาตรงไปที่จังหวัด และก็พื้นที่ สมาคม ขั้นตอนต่อไปตรงนั้น มันไปรวมกันได้อย่างไร ก็ต้องไปดูปลายทางว่าคนสนับสนุนเพราะอะไร เพราะทุกคนก็อยากได้โควตา ได้เลขชุดใช่หรือไม่ มันก็เลยเป็นแหล่งผลประโยชน์ของเขาไง เพราะฉะนั้นก็มีหลายคนเสนอมา รัฐบาลก็ออกหวยชุดไปเลยสิ มันเป็นไปได้ไหม เราก็กระจายไปแล้ว ก็กระจายออกไป สำคัญอยู่ที่การรวมชุดตรงนั้น ต้องไปตรวจสอบตรงนั้นอีกทีว่าไปรวมกันได้อย่างไร"

'ทิพานัน' โชว์ผลงาน 'บิ๊กตู่' สารพัดโปรเจกต์ แนะเปิดใจกว้าง อย่าโดนการเมืองบิดเบือน

'ทิพานัน' โชว์ผลงานนายกฯ พัฒนาอุดรธานีสารพัดโปรเจกต์ เห็นใจ 'สาวอุดร' โดนบรรยากาศการเมืองบิดเบือน หวังพึ่ง ส.ส. ในพื้นที่ไม่ได้

3 ธ.ค. 64 - น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีหญิงสาวอุดรธานีกล่าวกับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระหว่างเดินทางลงพื้นที่ จ.อุดรธานี ว่า “หากพัฒนาไม่ได้ก็ให้เกษียณเร็ว ๆ ให้คนอื่นมาทำหน้าที่แทน” ว่า จุดประสงค์ในการลงพื้นที่ของ พล.อ. ประยุทธ์ คือการรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนทุกกลุ่ม นำมาดำเนินการแก้ไขปัญหาและปรับปรุงการพัฒนาด้านต่าง ๆ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าให้ตรงจุด ซึ่งที่ผ่านมานายกฯ มีนโยบายในการพัฒนาประเทศในทุกจังหวัดอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม โดยเฉพาะในส่วนของ จ.อุดรธานี

นอกจากการลงพื้นที่ไปเพื่อเตรียมความพร้อมและส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่แลนด์มาร์กสำคัญที่วังนาคินทร์ คำชะโนดซึ่งอยู่ในแผนพัฒนาจังหวัดอุดรธานีปี 61-65 แล้ว นายกฯ ได้อนุมัติแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคมและการขนส่ง เพื่อขยายโอกาสทางเศรษฐกิจและการเดินทางให้มีความสะดวกต่าง ๆ มากมาย ที่ประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว เช่น โครงการขยายผิวจราจร ทางหลวงหมายเลข 2 อุดรธานี - หนองคาย, โครงการขยายผิวจราจร ทางหลวงหมายเลข 216 ถนนวงแหวนรอบเมืองอุดรธานี ด้านทิศตะวันออก, โครงการขยายช่องจราจรจาก 2 ช่องจราจร เป็น 4 ช่องจราจร ทางหลวงหมายเลข 2 - พิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์

‘บก.ลายจุด’ เผย!! ความเกลียดชังไม่ใช่มรดก อย่าถ่ายโอนส่งต่อจากรุ่นพ่อถึงรุ่นลูก

‘บก.ลายจุด’ สมบัติ บุญงามอนงค์ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เป็นแนวร่วมฝ่ายประชาธิปไตย ดูเหมือนจะเป็นอีกคนที่ทนกับพฤติกรรมของกลุ่มคนที่เหยียด ‘น้องลูกหนัง’ ศีตลา วงษ์กระจ่าง ลูกสาวฝาแฝดผู้น้อง ของอดีตพระเอกรุ่นใหญ่ ‘พี่ตั้ว’ ศรัณยู วงษ์กระจ่าง ผู้ล่วงลับ และเปิ้ล หัทยา โดยโพสต์เฟซบุ๊กยกประสบการณ์ตรงของตัวเองในประเด็น ‘เมื่อศัตรูไล่ล่าลูกสาวผม’ สะท้อนถึงความเลวร้ายจากคนที่ไม่ยอมรับความเห็นต่างทางความคิดไว้ว่า... 

เมื่อศัตรูไล่ล่าลูกสาวของผม

ผมไม่แน่ใจว่าเขาเป็นศัตรูของผมหรือเปล่า แต่พวกเขามองผมเป็นศัตรู เพียงแค่ผมยืนอยู่คนละฝั่งกับความคิดทางการเมืองของพวกเขา ผมคือเป้าหมายที่ต้องถูกทำลาย และไม่เพียงเฉพาะผมแต่หมายถึงองค์กรที่ผมสร้างขึ้นมาเพื่อที่จะช่วยเหลือผู้คนพวกเขาก็ยังอยากเห็นมันล่มสลายไปด้วย (เรื่องนี้ยาวขอยังไม่เล่า)

แต่ผมไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกันจะนำไปสู่ความเกลียดชังถึงลูกสาวของผม ซึ่งขณะนั้นยังเป็นเยาวชนคนหนึ่ง 

วันหนึ่งมีคนทำใบปลิวโจมตีลูกสาวผมแจกอยู่ที่หน้าสวนหลวง ร.9 ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักของลูกสาวที่กรุงเทพ มีจิตแพทย์เด็กที่มีความเห็นต่างทางการเมืองกับผมเขียนบทความตำหนิสั่งสอนลูกสาวผมอย่างเจ็บแสบ และมีอีกหลายกรณีที่ผมขอไม่เอ่ยถึง 

"ชนะศักดิ์" น้องแรมโบ้ ยืนยันนายกฯลงพื้นที่อุดรเพื่อพัฒนาจังหวัด วางอนาคตให้คนรุ่นหลัง ขอสาวอุดร เข้าใจ อย่าไปคาดหวังกับ ส.ส.ในพื้นที่ ที่มัวแต่คิดแก้รธน.เอานายใหญ่กลับ ปฏิรูปสถาบัน

นายชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา นาคาศัย) กล่าวถึงสาวอุดรธานีที่ออกมายืนยันว่าการไปพูดกับนายกฯหากทำงานไม่ได้ก็เกษียณไป ไม่ได้เกลียดนายกฯ ไม่เกี่ยวกลุ่มการเมือง พูดจากใจ โดยนายชนะศักดิ์ระบุว่าอยากให้น้องคนดังกล่าวได้เข้าใจว่าการลงพื้นที่ของนายกฯ ในครั้งนี้เพื่อไปตรวจราชการ  ดูเรื่องส่งเสริมการท่องเที่ยว ส่งเสริมระบบขนส่งทางรางหรือรถไฟความเร็วสูง พัฒนาอุดรธานีเป็นเมืองเศรษฐกิจ  ซึ่งทั้งหมดล้วนแต่เป็นการนำไปสู่การพัฒนาจังหวัดอุดรธานี  

นายชนะศักดิ์ ยังระบุว่า ที่น้องออกมาพูดนั้นไม่ว่าน้องจะยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง หรือไม่ได้เกลียดนายกฯแต่มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควร เพราะจะทำให้คนในจังหวัดอุดรธานีมองได้ว่าน้องไม่อยากให้เกิดการพัฒนาในจังหวัดอีกทั้ง นายกฯถือเป็นผู้ใหญ่ การลงพื้นที่ครั้งนี้ยังถือเป็นการวางอนาคตให้กับคนรุ่นหลังของจังหวัดอุดรธานีบ้านเกิดของน้องเองด้วย 

นอกจากนี้ตนเองยังไม่อยากให้น้องคาดหวังกับการทำหน้าที่ของ ส.ส.ในจังหวัดเพียงอย่างเดียว ในการที่จะพัฒนาบ้านเกิดของตัวเองให้มีความเจริญก้าวหน้า พร้อมอยากฝากน้องไปถามส.ส.ในพื้นที่ของน้องด้วยว่า เป็นของพรรคใด และได้เอาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนไปแก้ไขปัญหาหรือไม่ เท่าที่เห็นวันๆ คิดแต่จะแก้รัฐธรรมนูญ เอานายใหญ่ของตัวเองกลับบ้าน หรือไม่ก็พร่ำหาแต่ประชาธิปไตย ปฏิรูปสถาบัน อยากฝากให้น้องนำไปคิดด้วย

" น้องรู้บ้างไหมว่า รัฐบาลและนายกฯได้พัฒนาเมืองอุดรไปมากมายหลายโครงการและจะต้องการมาพัฒนาเมืองอุดรเพิ่มเติมในหลายโครงการ เช่น พัฒนาศูนย์กลางอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง สร้างความเชื่อมโยง ภายในพื้นที่ ระหว่างจังหวัด และประเทศเพื่อนบ้าน

นอกจากนั้นยังมีโครงการรถไฟความเร็วสูง กำลังเร่งก่อสร้าง กรุงเทพฯ - นครราชสีมา - ขอนแก่น ผ่านอุดรธานี ไปสิ้นสุดที่หนองคาย และเชื่อมต่อกับระบบ รถไฟลาว-จีน  พัฒนาถนนมิตรภาพ อุดรธานี-หนองคาย กำลังขยายเป็น 6 เลน ลงมือก่อสร้างแล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จ ในปี 67 รองรับนักธุรกิจ นักท่องเที่ยว จากลาวและจีน 

รวมถึงสนามบินนานาชาติอุดรธานี ที่กำลังจะขยาย ให้รองรับผู้โดยสาร ได้มากขึ้นเป็น 7 ล้านคนต่อปี ขณะเดียวกันยังมีถนนสายใหม่ตัดตรง อุดรธานี-บึงกาฬ  ปลายทางเชื่อมต่อสะพาน ข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 5 บึงกาฬ-บอลิคำไซ สำรวจเส้นทางที่จะสร้างถนนเสร็จแล้ว เตรียมตั้งงบประมาณก่อสร้าง

‘เทพมนตรี’ แขวะกลุ่ม 3 นิ้ว ความจำสั้น แค่ม็อบพันธมิตร กับ กปปส. ยังแยกไม่ออก

นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยาโพสต์เฟซบุ๊ก Thepmontri Limpaphayorm ว่า ใครบอกสองเขาสามกีบเก่งประวัติศาสตร์ ขนาดพันธมิตรและกปปส. ยังแยกไม่ได้เลยว่าใครเป็นใคร เรื่องไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เองมันยังไม่รู้เรื่อง นับประสาอะไรกับสมัยอยุธยา รัตนโกสินทร์ หรือ ปฏิวัติ 2475

มันจึงเพี้ยนกันไม่เลิก


ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=6622884837753587&id=100000964084010

‘นายกฯ’ โอดอ่านเอกสารวันละ 100 แฟ้ม ขอรมต. สรุปข้อมูลประหยัดเวลาให้ ยันไม่ยึดติดอำนาจ แค่อยากเห็นรอยยิ้มปชช. ขอทำงานตามกรอบที่กฎหมายให้ไว้

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ที่สโมสรทหารบก วิภาวดี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานในงานมอบรางวัลรัฐบาลดิจิทัล "DG Awards 2021" แก่หน่วยงานภาครัฐที่มีการปรับเปลี่ยนองค์กรสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลระดับสูง ที่สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) จัดขึ้น

โดยพล.อ. ประยุทธ์ กล่าวมอบนโยบายและทิศทางการขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัล มีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า การเชื่อมโยงข้อมูลกลางจากหน่วยงานต่าง ๆ อยู่ในจุดเดียว ถือเป็นสิ่งสำคัญ หลายเรื่องที่พวกเราได้ทำมา ไม่อาจสร้างการรับรู้ให้ประชาชนได้ ซึ่งตนจะต้องจัดระเบียบตรงนี้เสียใหม่ ต้องมีการจัดข้อมูลว่าเรามีกลุ่มงานกี่กลุ่ม มีส่วนที่ประสบความสำเร็จแล้วกี่หน่วยงาน มีผลงานของหน่วยงานใดบ้าง แล้วจะใช้ประโยชน์ได้อย่างไร งานด้านการพัฒนาที่กระทรวงได้ทำในฐานะรัฐบาลจะต้องถอดแบบออกมาให้ได้ โดยตนมอบหมายให้รัฐมนตรีแต่ละคนรวบรวมสิ่งที่ทำมาตลอดเวลา 2 ปี ของรัฐบาลชุดนี้ แต่ข้อมูลที่ส่งเข้ามาบางครั้งเป็นตัวเลขที่นำไปใช้สื่อสารกับประชาชนได้ยาก 

จึงขอว่าเวลาที่ทำรายงานส่งมาถึงตนช่วยทำข้อมูลสรุปให้เห็นชัดว่าอะไรมีการเปลี่ยนแปลง อะไรเป็นสิ่งที่สร้างประโยชน์ไม่ใช่ส่งมาแต่ตัวเลขละเอียดยิบ เมื่อแต่ละหน่วยงานส่งแบบนี้เข้ามา ตนก็ต้องอ่านทุกฉบับแล้วก็เขียนสั่งการแต่ละหน่วยงานว่าให้ดำเนินการอะไรต่อไปบ้าง แต่ขอให้ทุกคนช่วยกันลดเวลาการอ่านเอกสารเหล่านี้ให้กับตนด้วย เพราะแต่ละวันตนอ่านเอกสารหนังสือเยอะมาก ทุกคนส่งเอกสารหนังสือเข้ามาเป็น 100 แฟ้ม เป็นแบบนี้ทุกวัน 100 แฟ้ม ก็ 100 เรื่อง เซ็นแต่ละวัน 30 - 40 แฟ้ม แต่ตนก็ต้องอ่าน บางครั้งก็เขียนเติมข้อสั่งการลงไปบ้าง

'นายกฯ' โอด อ่านเอกสารวันละ 100 แฟ้ม ขอรมต.สรุปข้อมูลให้ ประหยัดเวลา ยัน ไม่ยึดติดอำนาจแค่อยากเห็นรอยยิ้มปชช. ขอทำงานตามกรอบที่กฎหมายให้ไว้ 

ที่สโมสรทหารบก วิภาวดี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นประธานในงานมอบรางวัลรัฐบาลดิจิทัล “DG Awards 2021” แก่หน่วยงานภารัฐที่มีการปรับเปลี่ยนองค์กรสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลระดับสูง ที่ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล(องค์การมหาชน) จัดขึ้น โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวมอบนโยบายและทิศทางการขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัลมีเนื้อหาตอนหนึ่งว่าการเชื่อมโยงข้อมูลกลางจากหน่วยงานต่างๆ อยู่ในจุดเดียว ถือเป็นสิ่งสำคัญ หลายเรื่องที่พวกเราได้ทำมา ไม่อาจสร้างการรับรู้ให้ประชาชนได้ ซึ่งตนจะต้องจัดระเบียบตรงนี้เสียใหม่ ต้องมีการจัดข้อมูลว่าเรามีกลุ่มงานกี่กลุ่ม มีส่วนที่ประสบความสำเร็จแล้วกี่หน่วยงาน มีผลงานของหน่วยงานใดบ้าง แล้วจะใช้ประโยชน์ได้อย่างไร งานด้านการพัฒนาที่กระทรวงได้ทำในฐานะรัฐบาลจะต้องถอดแบบออกมาให้ได้

โดยตนมอบหมายให้รัฐมนตรีแต่ละคนรวบรวมสิ่งที่ทำมาตลอดเวลา 2 ปีของรัฐบาลชุดนี้ แต่ข้อมูลที่ส่งเข้ามาบางครั้งเป็นตัวเลขที่นำไปใช้สื่อสารกับประชาชนได้ยากจึงขอว่าเวลาที่ทำรายงานส่งมาถึงตนช่วยทำข้อมูลสรุปให้เห็นชัดว่าอะไรมีการเปลี่ยนแปลง อะไรเป็นสิ่งที่สร้างประโยชน์ไม่ใช่ส่งมาแต่ตัวเลขละเอียดยิบ เมื่อแต่ละหน่วยงานส่งแบบนี้เข้ามาตนก็ต้องอ่านทุกฉบับแล้วก็เขียนสั่งการแต่ละหน่วยงานว่าให้ดำเนินการอะไรต่อไปบ้าง แต่ขอให้ทุกคนช่วยกันลดเวลาการอ่านเอกสารเหล่านี้ให้กับตนด้วยเพราะแต่ละวันตนอ่านเอกสารหนังสือเยอะมาก ทุกคนส่งเอกสารหนังสือเข้ามาเป็น 100 แฟ้มเป็นแบบนี้ทุกวัน 100 แฟ้มก็ 100 เรื่อง เซ็นแต่ละวัน 30-40 แฟ้มแต่ตนก็ต้องอ่านบางครั้งก็เขียนเติมข้อสั่งการลงไปบ้าง

 

'นายกฯ' ระบุ จนท.กำลังตาม 252 นทท. ขอ ปชช.อย่ากังวลเชื้อกลายพันธุ์โอไมครอน ยัน ยังไม่ใช้ยาแรงปิดประเทศ 

ที่สโมสรกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึง สถานการณ์การติดตามเชื้อกลายพันธุ์โอไมครอน ในส่วนของประเทศไทย ว่า เรื่องนี้ตนเป็นคนแจ้งเตือนเอง หลังจากได้รับทราบข่าว จากเว็บไซต์ต่างประเทศ เป็นสิ่งที่น่าชมเชยที่หน่วยงานของไทย เมื่อรับนโยบายไปแล้ว ก็ตอบสนองโดยทันที ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงสาธารณะสุข ศบค. ครม. เพื่อให้ความสำคัญในเรื่องนี้ จึงต้องขออภัยในกรณีที่คิดว่าหลายอย่างเราจะทำได้ แต่เมื่อมีเชื้อใหม่อุบัติขึ้นมา เราก็ต้องมีมาตรการขึ้นมารองรับ และวันนี้ เราก็ยังไม่ได้ข่าวว่า มีผู้ติดเชื้อในประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตามเชื้อตัวเดิมเราก็ต้องระวังอยู่ เพราะคิดว่าคงต้องระวังกันทั้งโลก สำคัญคือจะทำอย่างไรเราจะต้องระมัดระวังตัวเองกันให้มากที่สุด ตน เข้าใจดีถึงความเป็นอยู่ของประชาชน พี่ต้องการอิสระ ต้องการเดินทาง ต้องการความสนุกสนาน แต่ถ้าเราไม่ช่วยกัน ไม่ว่าโรคอะไรเราก็ต้านทานไม่ได้ ถ้าเราไม่มีวินัยของเราเอง จึงต้องขอร้อง โดยเฉพาะเรื่องการเข้ามา รับการฉีดวัคซีน อย่าไปกังวลว่า เมื่อมีเชื้อตัวใหม่เข้ามาแล้วไม่ฉีด จะรอวัคซีนใหม่ ขณะที่เชื้อเก่ายังอยู่ เราต้องระวังทุกเชื้อที่เกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามถึง การผ่อนคลายมาตรการกิจการกิจกรรมผับบาร์คาราโอเกะ นายกฯ กล่าวว่า อาจจะต้องมีขยับออกไปบ้าง ก็ต้องขออภัย ตน บอกแล้ว อยากให้นึกถึงคนอื่นด้วย ตน เห็นใจ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวถือว่าสำคัญที่สุด แต่ถ้าเราไม่ทำแบบนี้ ก็จะล้มเหลวทั้งหมด และรัฐบาลก็จะกลายเป็นรัฐบาลที่ไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นมันจึงจำเป็น ไม่มีใครอยากจะทำตรงนี้หรอก ดังนั้นจึงขอขยับออกไปก่อนรอดูสักเดือนหนึ่งก่อน และเรื่องนี้ก็ต้องฟังหมอและสาธารณสุข ตนเอง ก็ได้สั่งให้พิจารณาเรื่องการเยียวยากิจการกิจกรรมเหล่านี้เป็นการชั่วคราวไปก่อน อันไหนที่เปิดได้ก็มีอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นสถานที่ปิด มีคนเข้าไปเป็นจำนวนมากและมีการดื่มสุรา ถือว่าเสี่ยงสูงก็ขอเอาไว้ก่อน ซึ่งเรื่องการเยียวยาก็จะนำเข้าครม. ในเร็วๆนี้

เมื่อถามถึง การติดตามตัวนักท่องเที่ยว 252 คน เพื่อให้เข้ารับการตรวจเชื้อแบบ RT-PCR นายกฯ กล่าวว่า กำลังติดตามอยู่ คนที่อยู่ในพื้นที่ ถ้ารู้ ก็ให้ช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่ 

ผู้สื่อข่าวถามว่า การแพร่ระบาดในหลายประเทศรอบประเทศไทยในขณะนี้ จะทำให้เราจำเป็นจะต้องใช้ยาแรงหรือ ถึงขั้นปิดประเทศหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า "ยังๆ ตอนนี้มีการคัดกรอบแบบ RT-PCR อยู่แล้ว และมีการกักตัวไว้ชั่วคราว จนกว่าจะทราบผล RT-PCR ส่วนตรวจแบว ATK ต้องยกเลิกไปก่อนถือว่ายังไม่ปลอดภัยในขณะนี้ ซึ่งอาจจะทำให้ลำบากกันขึ้นมานิดหน่อย แต่เราก็ต้องมองทั้ง 2 ทาง ทั้งเรื่องการท่องเที่ยวและเรื่องเศรษฐกิจ รวมถึงเรื่องความปลอดภัยไปด้วย นี่คือความยากง่ายในการทำงาน เราไม่สามารถทำอะไรให้มันง่ายๆได้ คนเป็นร้อยกว่าจะคิดมาตรการออกมาได้ กว่าจะมาถึง นายกรัฐมนตรีที่จะตัดสินใจ อาจจะมีความต้องการด้านหนึ่ง แต่อีกด้านหนึ่งคือด้านสาธารณสุขที่เราก็ต้องดู 

‘ไพศาล’ ฟอกขาวให้ 'ทักษิณ' ยันไม่เกี่ยวเหตุการณ์กรือเซะ

'ไพศาล' ฟอกขาวให้ 'ทักษิณ' ยันไม่รู้เรื่องเหตุการณ์กรือเซะสักกระผีก ส่วน 'ลุงจิ๋ว' ก็ช่วยให้ไทยรอดพ้นจากสงคราม โลกมุสลิม แต่ 'พัลลภ ปิ่นมณี' รับไปเต็ม ๆ

2 ธ.ค. 64 - นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “ทักษิณไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์กรือเซะ!!!” ระบุว่า นักการเมืองมุสลิมทางใต้มาหารือ เกี่ยวกับการย้ายพรรคไปอยู่พรรคเพื่อไทย แต่ติดขัดด้วยพี่น้องมุสลิมภาคใต้ยังติดใจกรณีสังหารที่กรือเซะ จึงบอกท่านว่าเป็นความเข้าใจผิด คุณทักษิณไม่ได้เกี่ยวข้องเรื่องเหตุการณ์สังหารที่กรือเซะเลย แถมไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำไป จึงถือโอกาสเล่าเหตุการณ์กรือเซะให้ฟังว่า

1.) เหตุการณ์กรือเซะเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากกรณีที่ผู้ก่อความไม่สงบระดมกำลังระดับ 2 กองพัน เคลื่อนมาตามถนนสายหลักและแยกเข้าโจมตีสถานีตำรวจ สถานที่ราชการ และฐานปฏิบัติการของฝ่ายรัฐบาลหลายจุดพร้อมกัน แต่ถอนกำลังกลับไม่ทัน บางส่วนถูกกองกำลังของรัฐบาลล้อมไว้ที่บริเวณมัสยิดกรือเซะ และผู้ก่อความไม่สงบหลบเข้าไปอยู่ในมัสยิดนั้น

2.) ครั้งนั้นลุงจิ๋วเป็นรองนายกฝ่ายความมั่นคงจึงเป็นผู้อำนวยการสถานการณ์ และได้มอบให้พลเอก พัลลภ ปิ่นมณี ซึ่งรับผิดชอบ กอ.รมน. เป็นผู้บัญชาการสถานการณ์ โดยพลเอก พัลลภ ปิ่นมณี ลงไปบัญชาการด้วยตนเองตั้งแต่เช้าตรู่ ทั้งสองฝ่ายตรึงกำลังกันโดยฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบเข้าไปตั้งมั่นอยู่ในมัสยิด ในขณะที่กองกำลังรัฐบาลล้อมอยู่โดยรอบ โดยมีประชาชนมุงดูเต็มไปหมด

3.) ลุงจิ๋วมอบนโยบายให้หาทางปรองดองโดยการเจรจากัน ถึงขนาดสั่งการว่าถ้าผู้ก่อความไม่สงบในมัสยิดหิวน้ำก็ให้ส่งน้ำไปให้ หิวข้าวก็ให้ส่งข้าวไปให้ ต้องการพบพ่อแม่ญาติพี่น้องก็ให้ช่วยตามไปพบ และให้อำนวยความสะดวกทุกอย่าง เพียงขอให้เจรจาและมอบตัวเพื่อปรองดองกันต่อไป ซึ่งเป็นวิธีการที่ลุงจิ๋วแกถนัด

4.) พลเอก พัลลภ ปิ่นมณี ผู้บัญชาการสถานการณ์ก็ปฏิบัติตามนโยบายนั้นอย่างเต็มที่ สร้างความชื่นอกชื่นใจให้แก่ประชาชน แม้สื่อต่างประเทศที่ไปทำข่าวก็ชื่นชมเป็นอันมาก แต่จนเวลาบ่ายคล้อยก็ไม่เป็นที่ตกลงกัน

“องอาจ” จี้ รบ.เคาะเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ตามไทม์ไลน์ มี.ค.ปีหน้า ยันปชป.ส่งแข่งแน่นอน 

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ดูแลกทม. กล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีระบุว่า การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะมาหลังเลือกตั้งองค์การบริหารปกครองส่วนตำบล (อบต.) ว่า ถ้าดูตามไทม์ไลน์ของการเลือกตั้งท้องถิ่น จะเห็นว่ามีการเลือกตั้งมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เลือก อบจ. เมื่อเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว จากนั้นก็เลือกเทศบาล เมื่อเดือนมี.ค. 64 เว้นว่างช่วงโควิดระบาดหนักระลอกล่าสุด เมื่อโควิดคลี่คลายก็เลือก อบต. ไปเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา และเดือนมกราคมปีหน้าก็น่าจะเข้าสู่โหมดของการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งตนเชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามไทม์ไลน์ที่จะเลือกผู้ว่าฯ กทม. ได้ภายในเดือนมี.ค.ปีหน้า ไม่น่าจะดีเลย์ออกไปนานกว่านี้ ยกเว้นว่าจะมีโควิดระบาดระลอกใหม่จนถึงขั้นล็อคดาวน์ 

“ขณะนี้พี่น้องชาว กทม. รอเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และเลือกตั้ง สก. เพราะเรามีผู้ว่าฯ กทม. จากการแต่งตั้งของ คสช. มาตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค.59 นานกว่า 5 ปี และมี สก. จากการแต่งตั้งของ คสช. มาตั้งแต่เดือน ก.ย.57 นานกว่า 7 ปี  ดังนั้นรัฐบาลจึงควรเคาะให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ สก. ได้แล้ว ไม่ควรยืดเวลาออกไปเรื่อยๆ โดยไม่มีสาเหตุที่สมควร ซึ่งตามไทม์ไลน์ รัฐบาลโดยมติ ครม. น่าจะมีมติให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ สก. ได้ในเดือน มี.ค.65”นายองอาจ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top