Thursday, 15 May 2025
POLITICS NEWS

“จุรินทร์” สั่งระดมรมต.-ส.ส.-สมาชิกพรรค ช่วยเหลือปชช.น้ำท่วมภาคใต้เต็มที่ 

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์  กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมภาคกลางบางส่วนเช่นจังหวัดเพชรบุรี ภาคใต้จังหวัดระนอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะตลอดเส้นทางที่ประชาชนสัญจรลงไปภาคใต้ที่ขณะนี้ยังเกิดปัญหาน้ำท่วมสูงในหลายจุดทำให้ประชาชนยังไม่สามารถผ่านสัญจรไปมาได้ และบ้านเรือนของประชาชนในหลายพื้นที่ยังมีน้ำท่วมอยู่เป็นจำนวนมาก

โดยนายจุรินทร์ ได้สั่งการให้ รัฐมนตรี และ ส.ส.ของพรรคฯ รวมถึงตัวแทนพรรคในแต่ละเขตในทุกพื้นที่เข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน นอกจากการร่วมช่วยเหลือแก้ปัญหาเร่งด่วนในขณะนี้แล้ว ยังกำชับให้ติดตามสถานการณ์เพื่อให้ความช่วยเหลือในระยะยาวต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นฟูเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในครั้งนี้ ย้ำให้ประสานกับส่วนกลางอย่างใกล้ชิด

นายราเมศ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ในพื้นที่น้ำท่วมเช่นจังหวัดชุมพร นายสราวุธ อ่อนละมัย ส.ส.ชุมพร พรรรคฯ ได้เข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ โดยประสานกับ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค เพื่อสั่งการกรมชลประทานให้ความช่วยเหลือ นำเครื่องมือหนักเข้าพื้นที่เพราะบางจุดต้องเปิดจุดให้น้ำไหลผ่าน รวมถึงขณะนี้ได้มีการประสานไปยังนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีข่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคฯได้สั่งการให้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเข้าให้ความช่วยเหลือไม่ว่าจะเป็นการเร่งย้ายคน ย้ายของ ออกจากพื้นที่ที่น้ำท่วมหนักหลายจุด

‘รองโฆษก ปชป.’ ปลื้มเลือดใหม่ทยอยเข้าพรรค พร้อมเปิดกว้างรับคนทุกกลุ่ม เปิดพื้นที่ให้ทำงานจริง

นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยว่า ภายใต้แนวคิด “เลือดใหม่ไหลเข้า เลือดเก่าไหลกลับ” ของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มีคนรุ่นใหม่หลากหลายอาชีพสนใจทยอยสมัครเข้าพรรคกันอย่างต่อเนื่อง เพราะเชื่อในความเป็นสถาบันทางการเมืองของพรรค และความตั้งใจจริงของผู้บริหารในการเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสแสดงความรู้ ความสามารถ ตามประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน

ล่าสุดได้มีนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ได้เปิดตัวพร้อมมาร่วมขับเคลื่อนงานของพรรคคือนายเมธวิน  อังคทะวานิช โดยนายเมธวินจบการศึกษาในระดับปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นอดีตศิลปินเพลง นักแต่งเพลง ผู้ประกาศข่าว และพิธีกรรายการโทรทัศน์ที่เป็นที่คุ้นเคยกันดีทางรายการ “ที่นี่…ประเทศไทย” และรายการ “บ้านเลขที่ 5” ออกอากาศทางช่อง 5 ปัจจุบันเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จประกอบธุรกิจด้านดิจิทัล มีเดียและการตลาด ธุรกิจด้านบันเทิงและการสื่อสาร

นางดรุณวรรณกล่าวว่า นายเมธวินได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคเรียบร้อยแล้ว มีความสนใจเรื่อง Creative Economy ด้านการศึกษา และการสื่อสารบนโลกดิจิทัล โดยได้ร่วมงานกับทีมเศรษฐกิจทันสมัยของพรรคที่มีนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคเป็นหัวหน้าทีม รวมถึงเป็นคณะทำงานของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทวงศึกษาธิการ (ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) 

“วันนี้ได้พิสูจน์แล้วว่า พรรคภายใต้การนำของนายจุรินทร์ รวมถึงแกนนำคนสำคัญอีกหลายท่านที่มีวิสัยทัศน์ก้าวหน้า และตระหนักถึงพลังของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริงได้เปิดกว้างอย่างเต็มที่ เปิดพื้นที่ให้ทำงานได้จริง ไม่ใช่แค่เพียงแค่แสดงความตั้งใจ แต่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม ทำให้มีคนรุ่นใหม่ เลือดใหม่ทยอยเข้าพรรค เพราะเชื่อมั่นในทีมผู้บริหารที่พร้อมรับฟังและมีมุมมองในการทำงานสอดคล้องกับคนรุ่นใหม่” นางดรุณวรรณ กล่าว

“โฆษกรัฐบาล” โว รัฐบาล จัดหาวัคซีนเกินเป้าหมาย เผย “นายก” เร่งฉีดกลุ่มเป้าหมายที่ไม่ใช่สัญชาติไทย มอบ”ศรชล.-กอ. รมน.-คมนาคม-มหาดไทย แรงงาน” ขึ้นทะเบียนแรงงาน  เตรียมแผนฉีดวัคซีน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินโควิด-19 (ศบค.) พอใจการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ของไทย ที่สามารถจัดหาวัคซีนเกินเป้าหมาย โดยปลายปี64จะมีวัคซีนรวมทั้งหมด 155.6 ล้านโดส ได้แก่ วัคซีนที่รัฐจัดหา จำนวน 128.6 ล้านโดส  ทั้งซิโนแวค แอสตราเซเนก้า ไฟเซอร์ และวัคซีนทางเลือก ซิโนฟาร์ม และโมเดอร์นา จำนวน 27 ล้านโดส และตั้งเป้าหมายการฉีดวัคซีนภายในปีนี้ ให้ครอบคลุมผู้ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 อย่างน้อยร้อยละ 80 เข็ม 2 อย่างน้อยร้อยละ 70 ภายในเดือนธ.ค.นี้

ส่วนผลการดำเนินการให้บริการวัคซีนโควิด – 19 ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. – 12 พ.ย.นี้ มีผู้ได้รับวัคซีนสะสม 84.5 ล้านราย เข็มที่ 1 จำนวน 45.2 ล้านราย คิดเป็น 67.3 เปอร์เซ็นต์ เข็มที่ 2 จำนวน 36.5 ล้านราย คิดเป็น 54.4 เปิร์เซ็นต์ เข็มที่ 3 จำนวน 2.7 ล้านราย คิดเป็น 3.8 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการฉีดวัคซีนในกลุ่มอายุ 12 – 17 ปี ระหว่างวันที่ 4 ต.ค. – 11 พ.ย. 64 รวม 4.3 ล้านโดส เข็มที่ 1 จำนวน 2.8 ล้านโดส และเข็มที่ 2 จำนวน 1.5 ล้านโดส และการฉีดวัคซีนชาวต่างชาติในไทยอยู่ที่ 2,196,744 โดส คิดเป็นร้อยละ 26.5 ของจำนวนชาวต่างชาติทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในไทย

นายธนกร กล่าวว่า นายกฯเห็นชอบให้มีการจัดสรรให้กลุ่มประชากรอื่น ที่ไม่ใช่สัญชาติไทยทั้งหมด สามารถรับการฉีดวัคซีนได้ตามความสมัครใจ โดยศบค.มอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบกำหนดและจัดทำทะเบียนรายชื่อและจำนวนผู้ประสงค์รับวัคซีนในกลุ่มประชากรที่มิใช่สัญชาติไทย และติดตามให้มารับการฉีดวัคซีนตามวัน เวลา และสถานที่ที่กำหนด กรณีกลุ่มเป้าหมายไม่มีเลขประจำตัว จะสร้างฐานข้อมูลตัวแปร เพื่อออกใบรับรองการฉีดวัคซีนได้ โดยแต่ละหน่วยงานให้ร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด สำรวจ จัดทำทะเบียนฉีด รวมทั้งพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการฉีดให้เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ ดังนี้
 

'กรณ์' บุกใต้ไม่หยุด ปลุกผู้กล้าฟื้นเศรษฐกิจ เตรียมทำนโยบายจังหวัด ดันภูเก็ตเป็น World class city 

จับสัญญาณ “กรณ์” บุกใต้ถี่ เสียงตอบรับดี ภูเก็ต กระบี่ และพังงา ประชาชนเชื่อมั่นทีมงานมืออาชีพ  ฟื้นเศรษฐกิจอันดามันได้ ลั่นพร้อมทำภูเก็ตให้เป็น World class city 

หลังจากรัฐบาลประกาศเปิดประเทศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 นักท่องเที่ยวเริ่มทยอยเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวกันมากขึ้นในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะจ.ภูเก็ต  นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมทีมงาน ได้เดินทางลงจังหวัดภูเก็ต เพื่อพบปะพูดคุยกับผู้ประกอบการและประชาชน  เพื่อเก็บข้อมูลรับทราบปัญหาและความต้องการของชาวภูเก็ต รวมไปถึงสภาพเศรษฐกิจภูเก็ตหลังเปิดเมืองไปแล้ว 2 สัปดาห์ ซึ่งภายหลังการพูดคุย ได้ข้อมูลว่า นักท่องเที่ยวยังเดินทางเข้ามาไม่มากนักแต่มีสัญญาณที่ดีและมองเห็นแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงไฮซีซันนี้ ที่ผู้ประกอบการประมาณการว่าในช่วงสิ้นปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาวันละ 1 หมื่นคน จากเดิมที่เข้ามาถึงวันละ 6 หมื่นคน แต่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ในการที่จะทำให้เศรษฐกิจของภูเก็ตค่อยๆ ฟื้นตัว

หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า การมาภูเก็ตครั้งนี้ถือว่าเป็นความท้าทายมากในการที่จะแก้ปัญหาต่างๆ ของภูเก็ต ในการที่จะผลักดันให้ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งโดยส่วนตัวเชื่อว่าด้วยศักยภาพของภูเก็ตนั้นมีความเป็นไปได้สูง หากมีนโยบายที่ถูกต้องและมีความจริงใจในการขับเคลื่อนนโยบาย แต่สิ่งที่ต้องแก้ไขเร่งด่วนในขณะนี้ คือ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ผู้ประกอบการโรงแรมขนาดเล็กที่ไม่สามารถเปิดให้บริการได้ในขณะนี้ เนื่องจากไม่มีใบอนุญาตโรงแรม ซึ่งหากดูจากเว็บไซต์การจองโรงแรมจะเห็นว่าโรงแรมในภูเก็ตที่เปิดขายห้องพักมีมากกว่า 1 หมื่นแห่ง แต่ที่มีใบอนุญาตถูกต้องนั้นมี 700 กว่าแห่งเท่านั้น ในอนาคตหากมีนักท่องเที่ยวเข้ามาภูเก็ตเพิ่มขึ้น รายได้ที่เกิดขึ้นจะกระจุกตัวไม่กระจายไปยังทุกกลุ่มและผู้ประกอบการ ดังนั้น จะต้องหาแนวทางในการที่จะให้ผู้ประกอบการเหล่านั้นได้เปิดกิจการได้ รวมไปถึงปัญหาการเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน แม้ว่าที่ผ่านมา รัฐบาลจะมีมาตรการเยียวยาในหลายๆ โครงการ แต่เงินทุนเหล่านั้นเข้าถึงผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวและบริการในภูเก็ตน้อยมาก ส่วนหนึ่งเกิดจากโรงแรมไม่มีใบอนุญาต 

“ในวันที่ 16 พ.ย.นี้ การประชุม ครม.สัญจร ในฝั่งอันดามันอีกครั้งหนึ่งที่ จ.กระบี่ อยากฝากไปถึงรัฐบาลว่า จังหวะนี้เป็นจังหวะสุดท้ายที่รัฐบาลจะทำให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้ทำมาหากินในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปีนี้ รัฐบาลต้องแก้ปัญหานี้ให้ได้ จะต้องมีคำตอบและทางออกในการแก้ปัญหาให้คนในอันดามัน” นายกรณ์ กล่าว 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาพรรคกล้าลงพื้นที่ จ.ภูเก็ตบ่อยครั้ง แสดงว่ามีความมั่นใจว่าจะสามารถปักธงใน จ.ภูเก็ตได้ หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า เหตุผลหลัก ๆ ของการเดินทางมา จ.ภูเก็ตคือ เพื่อแสดงให้เห็นว่าพรรคกล้ามีความตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะเสนอตัวเข้ามาเป็นผู้แทนคนภูเก็ต ตามแนวทางทางการทำงานการเมืองที่เราเรียกว่า “แนวทางการปฏิบัตินิยม” ทำงานอย่างสร้างสรรค์ให้กับพี่น้องชาวภูเก็ต ให้พรรคของเราได้เป็นอีกหนึ่งทางเลือก เพราะเรามีความตั้งใจในเชิงคุณภาพ ทั้งนโยบายการทำงานและการคัดเลือกผู้สมัคร ซึ่งเราก็จะส่งผู้สมัครครบทั้ง 3 เขต และจะต้องเป็นผู้สมัครที่ สะท้อนความตั้งใจของพรรคกล้า ที่จะมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับคนภูเก็ต

“เราตระหนักว่า การเมืองภูเก็ต มีการแข่งขันกันสูง แต่หากถามว่า เรามุ่งมั่นและตั้งใจหรือไม่ที่จะปักธงที่ภูเก็ต ก็ต้องบอกว่าเรามีความตั้งใจระดับสูงสุด และมีความมั่นใจว่าชาวภูเก็ตก็ต้องการการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ชาวภูเก็ตต้องการทางเลือกใหม่ ที่เป็นทางเลือกที่สร้างสรรค์ และเข้าใจถึงทั้งปัญหา ศักยภาพ และโอกาสของตัวจังหวัด พร้อมที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดควบคู่กันไปกับภาคประชาชนและธุรกิจของชาวภูเก็ตเอง” หัวหน้าพรรคกล้ากล่าว

นายกรณ์กล่าวต่อไปอีกว่า โดยเจตนารมณ์ของพรรคกล้า เรามองว่า เราเป็นพรรคการเมืองของคนทุกวัย มองว่าพื้นฐานของสังคมไทยสามารถที่จะเรียนรู้จากกันและกันได้ การที่เราจะมาจำกัดตัวเองว่า เป็นพรรคของคนรุ่นเก่า หรือพรรคของคนรุ่นใหม่ มันทำให้เสียโอกาสในการที่คนต่างวัยจะช่วยกันทำงานและเรียนรู้จากกันและกันได้ เพราะฉะนั้นเราไม่ได้จำกัดว่าผู้สมัครของเราจะต้องเป็นคนวัยไหน แต่ขอให้เป็นคนที่มีบุคลิก “น้ำไม่เต็มแก้ว” พร้อมรับฟัง พร้อมเรียนรู้ พร้อมที่จะลองผิดลองถูก และทดลอง ที่สำคัญที่สุดก็คือ เน้นในเรื่องของการลงมือทำ ถือว่าเป็นสเปคของพรรคกล้า

โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ สั่งการเตรียมความพร้อมภาคแรงงาน เดินเครื่องเศรษฐกิจ เดินหน้า Factory Sandbox เฟส2 เปิดทางแรงงาน 3 สัญชาติ ตาม MOU ที่กระทรวงแรงงานเสนอ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึง แนวนโยบายตามข้อสั่งการของ พลเอกเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ได้ให้แนวทางหลังรัฐบาลได้ขับเคลื่อนการเปิดประเทศ ซึ่งภาพรวมเป็นไปได้อย่างดี ทั้งนี้ ภาคแรงงานซึ่งเป็น หนึ่งในฟันเฟืองที่สำคัญ ที่จะทำให้ภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทยขับเคลื่อนไปได้อย่างสำเร็จ โดย นายกรัฐมนตรี ให้แนวทาง เดินหน้า โครงการ Factory Sandbox ระยะที่ 2 พร้อมเปิดทางให้ แรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานเสริมทัพภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย ตาม MOU ที่กระทรวงแรงงานเสนอให้พิจารณา

นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงแรงงานเดินหน้าโครงการ Factory Sandbox ในระยะที่ 2 เน้นการดำเนินการ ตามมาตรการ ตรวจ ควบคุม รักษา ดูแล  โดยขยายกรอบขอบเขตจังหวัด จากเดิมดำเนินการใน 4 จังหวัด เพิ่มเป็น 11 จังหวัด รวมได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ อีกทั้ง ปรับลดหลักเกณฑ์ขนาดสถานประกอบการ จากเดิม กำหนด 500 คนขึ้นไป เป็น 100 คนขึ้นไป  
 
นายธนกร กล่าวว่า นอกจากนี้ หลังการประชุมหลังประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 18/2564 เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 กระทรวงแรงงานจะเปิดให้มีการนำเข้าแรงงานตาม MOU ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งคาดว่าหลังวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 นายจ้างสามารถยื่นความต้องการจ้างแรงงานที่กรมการจัดหางานได้เลย โดยแรงงานต่างด้าวที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยต้องเข้ารับการกักตัว และตรวจหาเชื้อโควิด – 19 ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 สำหรับแรงงานต่างด้าวที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วต้องกักตัว 7 วัน หากฉีด 1 เข็ม หรือยังไม่เคยรับวัคซีน จะต้องกักตัว 14 วัน ระหว่างกักตัวจะมีการตรวจหาเชื้อโควิด ด้วยวิธี RT – PCR 2 ครั้ง

โดยให้นายจ้าง/สถานประกอบการ รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ซึ่งประกอบด้วยค่าสถานที่กักกัน วันละ 500 – 1,000 บาท และค่าตรวจหาเชื้อโควิด2 ครั้ง รวม 2,600 บาท กรณีคนต่างด้าวติดเชื้อฯ นายจ้างหรือบริษัทประกันภัยเป็นผู้รับผิดชอบค่ารักษา ซึ่งวันสุดท้ายของการกักตัวแรงงานต่างด้าวที่ยังรับวัคซีนไม่ครบเกณฑ์ จะได้รับการฉีดวัคซีนโดยกระทรวงแรงงานเป็นผู้จัดหาให้ ในส่วนของเข็มที่ 2 กระทรวงแรงงานจะประสานสาธารณสุขจังหวัดปลายทางเพื่อนัดหมายฉีดวัคซีนให้แก่แรงงานต่างด้าวตามกำหนด โดยนายจ้างจ่ายแค่ค่าบริการทางการแพทย์

“รองโฆษกรัฐบาล” เผย รมว.คมนาคม สั่งติดตามน้ำท่วมใต้ “สั่งติดป้ายเตือน-แนะนำเลี่ยงเส้นทาง-จุดพักรถ-จัดจนท.ดูแลปชช.”เตรียมฟื้นฟูหลังน้ำลด แจง ปิดถนนสายเอเชีย “สี่แยกปฐมพร จ.ชุมพร ทั้งขาขึ้นกทม.-ขาล่องใต้-หยุดเดินรถไฟสถานีสวี-เขาสวนทุเรียน” 

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทย ส่งผลให้หลายจังหวัดในภาคใต้มีฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง เช่น จ.เพชรบุรี ระนอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งให้พื้นที่ 15 จังหวัด ภาคใต้ เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และคลื่นลมแรง ช่วงวันที่ 12-14 พ.ย. นี้

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ส่วนผลกระทบด้านคมนาคม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)รายงานผลกระทบจากอุทกภัย การสัญจรของประชาชนในพื้นที่ โดยให้ติดตั้งป้ายเตือน ป้ายแนะนำเส้นทางเลี่ยงบริเวณสายทางที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ เพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชน โดยล่าสุดต้องปิดเส้นทางถนนทางหลวงหมายเลข 41 (ถนนเอเชีย 41) ตั้งแต่สี่แยกปฐมพร จนถึง อ.หลังสวน จ.ชุมพร  ทั้งขาขึ้นกรุงเทพฯ และขาล่องใต้ เนื่องจากน้ำท่วมสูงการจราจรไม่สามารถผ่านได้  

ขณะที่การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)รายงานว่า ตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 12 พ.ย.ประกาศปิดทางในเส้นทางสายใต้ ช่วงระหว่างสถานีสวี - เขาสวนทุเรียน อ.สวี จ.ชุมพร เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วม ส่งผลให้ต้องหยุดเดินรถเพื่อรอการเปิดทางรวม 8 ขบวน นอกจากนั้นสั่งการให้เตรียมการสำหรับการฟื้นฟูสายทางที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย เพื่อให้หลังน้ำลดแล้วเข้าดำเนินการฟื้นฟู ส่งคืนพื้นผิวจราจร ให้ประชาชนสัญจรตามปกติให้เร็วที่สุด

“นายกฯ”ชวน ปชช.ฉีดวัคซีน สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ตั้งเป้าฉีด100ล้านโดสในเดือนพ.ย.นี้ ย้ำ”อสม.-ท้องถิ่น” ช่วยกลุ่มเปราะบางเข้าถึงระบบฉีดวัคซีน

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เชิญชวนประชาชนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข้ารับการฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในเกิดขึ้นโดยเร็ว สร้างความแข็งแกร่งในระบบสาธารณสุขรองรับการระบาด ลดความรุนแรงและเสียชีวิตในประชากรกลุ่มเสี่ยง และขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจการท่องเที่ยว และเปิดประเทศตามแผนที่กำหนด

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ข้อมูลการฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.2564 - 11 พ.ย.2564 ฉีดวัคซีนสะสม  83,320,621 โดส เข็มที่ 1 สะสม 44.8 ล้านราย หรือร้อยละ 62.2 เข็มที่ 2 สะสม 35.8 ล้านราย หรือร้อยละ49.7 เข็มที่ 3 สะสม 2.7 ล้านราย หรือร้อยละ 3.8  มี 9 จังหวัดที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 ร้อยละ 70 คือเชียงใหม่ กรุงเทพ สมุทรปราการ ชลบุรี ภูเก็ต ปทุมธานี สมุทรสาคร สงขลา ฉะเชิงเทรา ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุข คาดว่าจะฉีดวัคซีนได้ครบจำนวน 100 ล้านโดส ครอบคลุมประชากรร้อยละ 70 ภายในเดือนพ.ย.นี้ โดยรัฐบาลกำหนดเป้าหมายที่จะฉีดเข็มที่ 1 ให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 70 ภายในเดือน พ.ย. 2564 ร้อยละ 80 ภายในเดือน ธ.ค. 2564 เข็มที่ 2 อย่างน้อยร้อยละ 70 ภายในเดือน ธ.ค. 2564 ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยจัดหาวัคซีนแล้ว จำนวน 128.6 ล้านโดส มากกว่าแผนเดิมที่กำหนดไว้

‘หริรักษ์’ กระชากหน้ากาก ปฏิรูปแบบ 3 นิ้ว เป้าหมายแท้จริง = ล้มล้างสถาบันฯ

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ว่า...

‘ปฏิรูปไม่เท่ากับล้มล้าง’

‘ถ้าปฏิรูป คือ การล้มล้าง แล้วรัฐประหาร คือ อะไร?’

การปฏิรูป ก็คือ ความเหมาะสม คือ การเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมหรือเพื่อทำให้ดีขึ้น จะค่อยเป็นค่อยไป หรือจะทำอย่างรวดเร็วก็ได้

การล้มล้าง คือ การทำลาย การล้มล้างไม่จำเป็นต้องใช้กำลัง ก็เรียกว่าเป็นการล้มล้างได้

รัฐประหาร คือ การใช้กำลัง หรือบีบบังคับเพื่อยึดอำนาจ ส่วนใหญ่จะหมายถึงยึดอำนาจการปกครองของรัฐบาลที่ครองอำนาจอยู่

ไม่มีใครบอกว่า ‘การปฏิรูป’ เท่ากับ ‘การล้มล้าง’ และไม่ใช่ศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่รู้ว่า ปฏิรูปไม่เท่ากับล้มล้าง แต่เป็นพวกที่เคลื่อนไหวกันในขณะนี้ รวมทั้งสาวก และแนวร่วม ที่ออกมาประสานเสียงกันว่า ปฏิรูปไม่เท่ากับล้มล้างนั่นแหละ ที่ไม่รู้ว่าการปฏิรูปแตกต่างกับการล้มล้างอย่างไร

คำพูดที่บอกว่าไม่ใช่เป็นการล้มล้าง ไม่อาจบ่งบอกความจริงได้ แต่การกระทำต่างหากจึงจะบอกได้ เพราะกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา 

ตลอดเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา ลองมองย้อนกลับไปดูการกระทำและการแสดงออกของกลุ่มคนกลุ่มนี้ว่า พวกเขาทำอะไรกันบ้าง

การแสดงออกในทางเหยียบย่ำ หมิ่นแคลน ข่มขู่ เช่น…

การโจมตีด้วยถ้อยคำหยาบคาย การเผาพระบรมฉายาลักษณ์ สาดสีใส่พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งของสมเด็จพระพันปีหลวงและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 มีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง 

ใช้กิโยตินเป็นสัญลักษณ์ข่มขู่ ทั้งในการชุมนุม และใน Social Media ทำทุกวิถีทางผ่านสื่อที่เป็นพวกเดียวกันสร้างและเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นลบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชน ทำให้คนเชื่อว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ขัดขวางความเจริญของประเทศ 

‘จรัญ ภักดีธนากุล’ ลั่น ไม่หวั่นคำขู่ หลังถูกขู่ทำร้าย ปมเห็นพ้องกับศาลรธน.

'จรัญ-อดีตตุลาการศาลรธน.' เผยเคยถูกขู่ หลังมีความเห็นไปในทางเดียวกับศาลรธน. ลั่นคนทำงานขนาดนี้ ไม่มีใครกลัวหรอก พร้อมตายทุกเมื่อ เชื่อ คำวินิจฉัยล้มล้างการปกครอง เพราะต้องการจะป้องปราม

12 พ.ย. 64 นายจรัญ ภักดีธนากุล ผู้อำนายการหลักสูตรนิติศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวตอนหนึ่งระหว่างการบรรยายพิเศษ ให้กับนักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมือง และการเลือกตั้งระดับสูงรุ่นที่ 12 ในหัวข้อธรรมาภิบาลกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปด้านการเมือง

ทั้งนี้ในช่วงท้าย ของการบรรยาย มีนักศึกษา ถามถึงความเห็นต่อคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีการล้มล้างการปกครอง นายจรัญ ได้กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลดังกล่าวเชื่อว่า ต้องการจะออกมาเตือน ป้องปรามว่าการกระทำของกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวไม่มีขอบเขตผิดกฎหมายและมีความผิดระดับร้ายแรงเพราะหากถือตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ถือว่าร้ายแรงมากจึงเหมือนอยากจะให้ถอยกันให้หมด

‘ชัยวุฒิ’ เผยรู้ตัวมือแฮกเว็บศาลรธน. รับกู้คืนยาก ยันไม่มีข้อมูลเสียหาย

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงกรณีที่เว็บไซต์ศาลรัฐธรรมนูญถูกแฮกเกอร์โจมตี ว่า ล่าสุดได้ระงับการเข้าถึงเว็บไซต์ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว จากการตรวจสอบพบว่า ยังไม่มีข้อมูลที่ได้รับความเสียหาย เป็นเพียงการดิสเครดิต ทั้งนี้พบว่า ศาลฯ จ้างบริษัทเอกชนรายหนึ่งเข้ามาดูแล คาดว่าบริษัทนี้คงไม่มีมาตรการป้องกันที่เพียงพอ จึงมีช่องให้แฮกเกอร์ยึดเว็บไซต์ สันนิษฐานว่า ข้อมูลชื่อผู้ใช้ (ยูสเซอร์เนม) และรหัสผ่าน (พาสเวิร์ด) อาจหลุดจากแอดมิน หรือแฮกเกอร์ภายนอกอาจลองเจาะระบบ ซึ่งอยู่ในระหว่างการสืบสวน

ส่วนที่หลายฝ่ายเชื่อมโยงว่า เกี่ยวข้องกับที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย #ม็อบ10สิงหา ว่าเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง นายชัยวุฒิ กล่าวว่า รู้อยู่แล้วว่ากลุ่มไหนที่พยายามแฮกเข้ามา เป็นการเตรียมการไว้ล่วงหน้าก่อนวันที่ 10 พฤศจิกายน ที่ศาลจะมีคำวินิจฉัย เบื้องต้นกระทรวงดิจิทัลจะร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เพื่อสืบหาผู้กระทำผิด โดยสามารถตรวจสอบหาคนแฮกได้โดยดูจากระบบตรวจสอบการบุกรุก แต่อาจไม่ง่ายอย่างที่คิด และต้องใช้เวลา ส่วนการกอบกู้คงยาก เพราะเว็บไซต์ถูกขโมยเอายูสเซอร์เนมและพาสเวิร์ดไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top